ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักซ่อนกลอลวลคน=ยมทูต

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 48




                                                   ตอนที่ 1  <<~ฉันคนนี้ที่ซวยที่สุด~>>





    ฉัน โดโรธี   แกลลาดัส  ฉันคิดว่าตัวฉันอาจจะเป็นผู้หญิงที่ซวยที่สุดในโลกเลยก็ได้   ตั่งแต่เกิดมาฉันก็หวังว่าความซวยของฉันจะหยุดลงที่ฉันเป็นคน 2 บุคลิกและการที่ถูกตั้งฉายาว่า ยัย 3 ซ. ( ซวย  ซน  เซ่อ )  ฉันนั้นหวังมาตลอดว่าความซวยของฉันจะหยุดลงแค่ตรงนั้น   แต่ว่า...........



    “ ซวย !  ซวย !  ซวย !   ซวยอะไรอย่างนี้ห๊า !!!! ” ขณะนี้สาวน้อยลูกครึ่งอเมริกัน/ญี่ปุ่นคนสวย(ซวย) ซึ่งเรือนผมสีน้ำตาลยาวประบ่าผู้มีนามว่า โดโรธี  แกลลาดัส กำลังตะโกนอย่างหัวเสียในห้องน้ำของมหาลัยชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ  



        “ยัยโดโรธี    เบาๆหน่อยเซ่   นี่มันที่สาธารณะน่ะ!! ”  ส่วนนี่เพื่อนสนิทของเธอ ชื่อ  อลิซาเบท  แอนนาวอร์   เฟรสเกล   เธอนั้นเป็นเพื่อนที่ดีมากสำหรับมนุษย์ทุกคนที่ต้องการโดนสวดทุกเช้า   ในขณะที่โดโรธีกำลังหัวเสียกับโคลนที่เปื้อนเสื้อแต่คุณเธอก็ยังไม่วายมาสวดให้อีกตั้งแต่เช้า

        

        “ เอาน่า  อลิซ  ยังไงซะมันก็เพื่อนเราล่ะน่า   ปล่อยๆมันไปเถอะ   แต่ตามเวรตามกรรมน่ะ ”หลังจากที่พูดจบ  โคโรน่า   อันทีโนวา   สาวน้อยลูกครึ่งรัสเซียอังกฤษ   ซิสเตอร์ผู้ใจดีก็ยิ้มแยกเขี้ยวให้ฉันโดยที่ไม่มีจิตสงสารฉันเสียเลย    ให้ตายซิมีเพื่อนแบบนี้มันน่านัก... .....



        “จริงซิ   โดริน  วันนี้เธอไปทำอะไรมากันล่ะ   เสื้อถึงได้เปื้อนและหัวก็ฟูอย่างกับพุดเดิ้ลตัดแต่งขนออกปานนั้นน่ะ”  ในตอนนี้เสื้อตัวโปรดของฉันนั้นเปื้อนโคลน  และผมของฉันก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง   แต่ว่าเพื่อนสุดที่รักทั้งสองคนของฉันนั้น.... (ช่างหน้าเศร้าเสียนี่กระไร)



        “ อุ๊ฟ  5555  ไม่ไหวแล้วโคโรน่า  ฮึฮึ  ฉัน   ทนหัวเราะไม่ไหวแล้ว”จากนั้นอลิซก็เริ่มต้นหัวเราะไม่ยอมหยุด     ส่วนที่มุมห้องน้ำ โคโรน่าก็ไปกลั้นหัวเราะอยู่ที่นั่น



        “  ฮึ้ย ~ ~ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ารถเฮงซวยกับแมวเถื่อนสีส้มตัวนั้นล่ะก็น่ะ  ฉันก็ไม่เป็นอย่างนี้หรอกย่ะ”  จากนั้นโดรินก็หวีผมลงแต่ว่าผมเจ้ากรรมของเธอนั้นก็ยังไม่เป็นทรงอยู่ดี    ซ้ำร้ายหวีที่ยืมอลิซมานั้นก็



        “ยัยบ้า  ยัยโดริน!!  ฉันกำลังซื้อมาเมื่อวานนี้น่ะ  หล่อนทำยังไงมันถึงได้อยู่ในสภาพอย่างนี้   หวีของช้าน!!” หวีของอลิซนั้นหักไม่เป็นท่าเพราะแรกกระชากของโดรินที่พยายามดึงมันออกจากหัว



        “ เอาน่า เฮ้อ  พระเจ้าน่ะ  พระเจ้า  ทำไมพระองค์ทรงไม่สร้างให้มนุษย์นั้นเหมือนกันเล่า   พระองค์น่ะไม่ยุติธรรมเลยน่ะ”และแล้วเธอก็โวยวายจนกระทั่งออดเข้าเรียนดังส่วนผมของเธอนั้น......



        “โดริน   นี่คือทางเลือกสุดท้าย   เธอจะยอมให้ฉันจัดทรงผมของเธอได้รึยังห๊ะ   โคโรน่า  จับตัวโดรินไว้   ไม่งั้นเธอเดี้ยงแทน”และในตอนนี้เอาเป็นว่าโคโรน่าไม่มีทางเลือกอื่นอย่างแน่นอน   จากนั้นเธอก็กระโจนเข้าไปจับโดรินไว้  ย้ำว่ากระโจน



        “ยัยเพื่อนทรยศ   ปล่อยฉันน่ะ !! ปล่อยฉัน !!  ปล่อยช้าน ~ ~ ~ “จากนั้นฉันก็ถูกอลิซหวีผมและโคโรน่าก็จับตัวฉันไว้แน่น    เมื่อยัยอลิสจับผมของฉันได้แม่คุณก็เริ่มหวีๆๆๆๆอย่างดุเดือด (แล้วผมเธอไม่พังเอาเรอะ)  เมื่อเสร็จแล้วเธอก็เริ่มต้นมัดๆๆๆๆ     และแล้ว..........



        “ยัยอลิสซักวันนึงเถอะ   ตาย”ใช่   ในตอนนี้ผมฉันเรียบร้อยดังเดิม     แต่ว่าฉันนั้นต้องทนเจ็บอยู่ไม่น้อยและในตอนนี้ฉันบ่นอุบอิบอยู่หลังห้องเรียน       สิ่งที่ทำได้มากที่สุดก็แค่เพียงส่งสายตาอาฆาตแค้นให้โคโรน่าที่กลัวจนหงอและอลิซที่ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น     ถ้าหากว่าวันนึงยัยอลิซโดยอย่างฉันบ้างล่ะก็น่ะ     จะรู้สึก...........



                                                       /*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/



        ออด............................    ออด..............................



        ในวันนี้ฉันคงจะไม่อารมณ์เสียอีกครั้งอย่างแน่นอนถ้าไม่มีใครมาทักฉันว่า....

        

        “  โดโรธี   วันนี้ใครทำผมให้น่ะเหมาะกับหน้าดีน่ะ   แล้วอีกอย่างน่ะ  อืมมมม    ผมเธอน่ะเรียบกว่าปกติซะด้วยซิ”ใช่   ถ้าอีตานี่ไม่ทักฉันอย่างนี้ฉันก็ไม่อารมณ์เสียอีกรอบหรอก   อ้อ!!  เกือบลืม  เขาก็คือ คริส  หรือ  ( ท่านชาย )  คริสโตเฟอร์   โรโนธา    แม็กดูร์ลัว  ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉันมา 3. ปี ก่อนที่ฉันจะมาเจอกับ

    อลิสและโคโรน่า      



        “เอ่อ   อลิส  คือ  โดรินเค้าเป็นอะไรไปน่ะ   ฉันชมทรงผมของเค้าแต่ว่าเค้าก็โกรธฉันไปเลยน่ะ”คริสถามหลังจากที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถามโดโรธีออกไป



        “  โอ้ย   ไม่มีอะไรหรอก   แค่โดโรธีอาจจะยังโกรธฉันอยู่ล่ะมั้ง”อลิสตอบไปโดยที่ยังเก็บเหตุผลที่แท้จริงอยู่



        “อ้าว   ถ้าโกรธเธอแล้วมาลงที่ฉันทำไมล่ะ”



        “ก็เมื่อเช้าผมโดโรธีมันยุ่ง   ฉันก็เลย หวีๆๆๆๆ   แล้วก็มัดๆๆๆๆ  และโคโรน่าก็จับเจ้าหล่อนไว้ซะแน่น  ก็เท่านั้นเอง”อลิสตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน



        “อ๋อ  เพราะว่าเธอหวีแล้วก็มัดผมให้เธอก็เลยโกรธแล้วมาลงที่ฉันซิน่ะ    มีเพื่อนที่ดีจริงๆ”หลังจากที่ คริสพูดจบเสียงอันหวานหูก็เรียกคริสมาแต่ไกล



        “พี่ชายค่ะ”  เสียงเล็กดังเจือยแจ้วมาแต่ไกล   และแน่นอนว่าเสียงอันหวานหูนั้นไม่ใช่เสียงของใครอื่นอย่างแน่นอนนอกจาก...



        “แคร์  อย่ามาเดินเตร่คนเดียวซิ   มันอันตรายน่ะ   ยังไงคราวหน้าก็น่าจะพาเพื่อนมาด้วยซัก 2-3 คนซิ”ใช่  เธอนั้นก็คือน้องของคริส ชื่อว่าแคทธารีน่า  โรโนธา   แม็กดูร์ลัว หรือว่าแคร์



        “ไม่เอาหรอกค่ะ   ถ้าน้องพาเพื่อนๆมาน่ะ  พวกนั้นน่ะก็คงจะกลายเป็นพวกเสือหิวกันเป็นแถบๆ”น้องคนนี้เค้าทั้งติดทั้งหวงพี่มากๆๆๆๆ  จนเห็นว่าผู้หญิงคนอื่นนั้นคือปรสิต  

    “หรือว่าพี่ชายไม่อยากให้น้องมา   แสดงว่าพี่ชายเกลียดน้องแล้วใช่มั๊ยค่ะ”จากนั้นอยู่ดีๆบ่อน้ำตาของแคร์ก็เกิดแตกขึ้นมา   คริสนั้นก็เลิกๆลักๆแต่ว่าสำหรับชั้น อลิสและโคโรน่านั้นต่างก็รู้เต็มอกว่า  บีบน้ำตาชัดๆ   ที่พวกเรารู้ได้ก็เป็นเพราะว่าครั้งนึงแคร์เคยขู่เราไว้ว่า

    “ยัยเน่าพวกปรสิต  อย่ามาตีหน้าทำเป็นชมชั้นเลยย่ะ  ถอดหน้ากากได้แล้ว  คิดจะจับพี่ชายล่ะซิ  ฝันไปเถอะ” เป็นประโยคที่สร้างความตื่นตะลึงแก่เราทั้งสามเป็นอย่างมาก  ราวกับว่าเป็นคนละคนต่อหน้าคริสเป็นนางฟ้า    แต่ต่อหน้าผู้หญิงที่เข้าใกล้คริสเป็นนางปีศาจชัดๆ...



        “โธ่แคร์   อย่าร้องไห้ซิ  พี่ไม่ได้หมายความว่าเกลียดน้อง  แต่พี่หมายความว่าอยากให้น้องระวังตัวไว้เพราะพี่ห่วงน้องน่ะ”คริสยิ้มให้กับแคร์ที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้า



        “จริงหรอค่ะ  พี่..”ตอนนี้จู่ๆแคร์ก็หยุดร้องไห้ออกมาเฉยๆ   “จริงซิตอนเย็นนี้พาน้องไปเลี้ยงไอศกรีมน่ะ”เมื่อได้ทีแคร์ก็เริ่มอ้อนอย่างสุดชีวิต



        “ก็ได้จ๊ะ”คริสตอบตกลง “จริงซิ  โดโรธี  อลิส  โคโรน่า  ตอนเย็นไปด้วยกันน่ะ”คริสชวน



        “พี่ชายค่ะแต่....”



        “โอเค  พวกเราไปจ๊ะ คริสแล้วกี่โมงล่ะ? ที่ไหน ?”แคร์พูดไม่ทันจบโคโรน่าก็ชิงพูดตัดก่อน



        “งั้น  4  โมงเย็น    ที่ร้าน  white  coffee  น่ะ”  



        “แล้วน้องล่ะค่ะ”



        “เดี๋ยวเลิกพี่ไปรับเองจ๊ะ   ไม่ต้องห่วงหรอก”จากนั้นคริสก็จุ๊บที่หน้าผากแคร์แล้วแคร์ก็กลับไป   “เฮ้อ!!  น้องของฉันเนี่ยน้าอ่อนต่อโลกจริง   แถมติดเรามากๆเลยด้วย”  คริสพูดอย่างอ่อนโยน “จริงมั๊ย”คริสหันมาถาม



        “หรอ”คำๆนี้พวกเราสามคนต่างก็พร้อมใจกันพูดออกมาโดยที่ไม่ได้นัดหมาย





                /*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*



        “เฮ้!!  โดโรธี  จะไปไหนน่ะ”อลิสทักโดโรธีก่อนที่จะไปที่นัดกัน



        “โทดทีอลิสเดี๋ยวตามไป   ไปก่อนเถอะฉันลืมส่งงาน   จากนั้นแม่คุณก็รีบวิ่งแจ้นไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก    นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่พวกอลิซได้ยินจากปากโดริน



        “ให้ตายซี่   ขี้ลืมจริงน่ะ   ไปกันเถอะโคโรน่า”จากนั้นอลิสและโคโรน่าก็เดินล่วงหน้ากันไปก่อนส่วนยัยโดโรธีนั้นล่ะก็…



        “เฮ้ย!!   มิเชล”เมื่อฉันเจอมิเชลขวางหน้าฉันก็หยุดทันทีก่อนที่จะชนหมอนั่นเข้า



        “หวัดดี   ไปไหนหรอ    ท่าทางเร่งรีบดีน่ะ   ฉันกำลังจะไปส่งงานอาจารย์น่ะ”มิเชลถาม



        “เหมือนกัน”จากนั้นทั้งฉันและมิเชลก็เริ่มต้นวิ่งและแล้วก็.....



    โครม!!!  หมอนี่สะดุดขาตัวเองล้มซึ่งเป็นนิสัยที่ฉันเองยังสงสัยว่าทำไปได้ยังไงกัน



    “ซุ่มซ่าม”ฉันหยุดวิ่งและเหยียดตามองอย่างเย้ยหยั่นและก็วิ่งเข้าไปส่งงานในห้องพร้อมกับตะโกนหัวเราะดังลั่นอยู่ในใจ



        “ขอโทษค่ะอาจารย์   ทันอยู่มั๊ยค่ะ”



        “ทันเวลาพอดีเลยน่ะ มิส แกลลาดัส”อาจารย์พูดขึ้นโดยที่ยังมองนาฬิกาข้อมือเรือนหรู



        “ค่ะส่งงานค่ะ     วางไว้ที่ไหนค่ะ”



        “วางไว้ที่โต๊ะแถวๆนั้นแหละแล้วก็ลงชื่อส่งซะจากนั้นก็ตามแต่จะกลับรึไม่ก็ตาม”



        “ค่ะ”จากนั้นฉันก็ออกมาจากห้องโดยที่เรียกได้ว่าเกือบจะสวัสดิภาพถ้าฉันไม่ไปสะดุดเก้าอี้จนล้มก่อนออกมา  ในขณะที่ฉันกำลังลูบบั้นท้ายของตนเองที่กระแทกพื้นอย่างน่าสังเวชอยู่นั้น   เด็กรุ่นน้องปีหนึ่งสองคนที่เดินผ่านฉันนั้นเขากำลัง . . . .



        “คิก คิก   ยัยนั้นแหละที่ชื่อ 3 ซ.” ฉันอยากจะตะโกนเสียจริงว่า ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม้แต่รุ่นน้องปี 1 ก็ยังรู้จักฉัน   ช่างน่าชื่นชมเสียนี่กระไรถ้าหากไม่รู้จักฉันที่ถูกตั้งฉายาว่า 3 ซ. แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันชื่อ 3 ซ.ซะหนอย  ฉันชื่อโดโรธี    แกลลาดัส  แต่ว่ายังไงก็พูดไม่ออกงะก็เพราะว่ามันกลางทางเดิน



                     “ซุ่มซ่าม” เสียงของชายหนุ่มที่ฟังคุ้นหูอย่างเหลือเชื่อนั้นกล่าวเย้ยหยั่นออกมาอย่างเย็นชา   มันน่าเจ็บใจซะจริงๆเล้ย ~ ~ ~  ที่หมอนี่มาเย้ยฉัน  เขาเป็นพี่น้องฝาแฝดกับมิเชลชื่อว่าแมทธิว  แม็กแคนซี   และมิเชล    แม็กแคนซีน้องชายฝาแฝดที่วิ่งมากับฉันเมื่อกี่ก็ยืนอยู่ข้างๆเขาหลังจากที่ส่งงานเสร็จแล้ว



        “เฮอะ   อย่ามาว่าฉันน่ะ    น้องชายของนายก็ซุ่มซ่ามเหมือนกันน่ะแหละ” ฉันกล่าวออกมาอย่างเหลืออด ใช่   นายนะดีนักรึไงย่ะ  เชอะ  อีตาขี้โอ่เอ้ย!!     



        “อ้าว   โดโรธี   เธอมาว่าฉันอย่างนี่ได้ไง   อย่างฉันหน่ะนะเขาเรียกว่าล้มอย่างน่ารักเฟ้ย” มิเชลเถียง



        “ล้มอย่างน่ารักงั้นหรอ   เฮอะ” ฉันยิ้มที่มุมปากอย่างดูถูกแล้วก็วิ่งออกไปเพื่อไปที่นัดหมาย   พอพ้นจากมหาวิทยาลัยแล้วฉันก็เดินๆๆๆๆ   แล้วก็เดินๆไปเรื่อยๆ   จากนั้นฉันก็ชนกับผู้ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อผ้าดำทั้งชุด   สวมบูตสีดำ   ผมสีดำ   ตาสีฟ้า   ผมปรกหน้าเล็กน้อยแล้วก็  สวมเสื้อแขนกุดมีหมวกคลุมหน้า    สายหนังสีดำรัดที่แขน   กางเกงขายาวสีดำแล้วก็กำลังจ้องหน้าฉันเขม้งเยยง่ะ.......



        “เอ่อขอโทดค่ะที่เดินชน   ขอตัวก่อนน่ะค่ะเพราะมีธุระ”เมื่อได้ทีต้องรีบตัดบทแล้วก็รีบจรลีจากไปไกล



        “เธอ   ยังไม่รู้สึกตัวอีกหรอ”



        “ห๊ะ???”



        “หมดเวลาสำหรับเธอแล้วล่ะ   ไปด้วยกันกับฉันซะ”จากนั้นฉันก็เริ่มรู้สึกแปลกๆราวกับว่าตัวฉันถูกเหวี่ยง   จากนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่าโลกนี่มีแค่เพียงสีดำ



            /*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/**/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*

            

        “น่าแปลกน่ะ   4  โมง 15 แล้วโดโรธียังไม่มาเลย”คริสเป็นคนเริ่มต้นการสนทนาอีกครั้งหลังจากที่แต่ล่ะคนสั่งไอศกรีมเสร็จ



        “นั่นซิน้า~~  ปกติเรื่องไอศกรีมยัยนี่ไม่เคยพลาดซักทีนี่หน่า”อลิสกล่าวออกมาอย่างเซ็งๆ



        “ก็ช่างเขาซิค่ะพี่   แค่ผู้หญิงคนนึงไม่มา  พี่ไม่เห็นจำเป็นต้องกังวลอะไรสักหน่อย”แคร์พูดอย่างหยิ่งๆในขณะที่อลิสเริ่มรู้สึกว่าความอดทนน้อยลงๆ



        “ไม่เอาน่ะแคร์   พูดอย่างนี้ไม่ดีเลยน่ะ   มันไม่ดีรู้มั๊ย”คริสสวดแคร์และก็สร้างความสะใจลึกๆให้กับใครก็ตาม



        “แต่ท่านพี่ค่ะ...”คริสทำหน้าดุๆ  “ก็ได้ค่ะ   ขอโทษค่ะ”จากนั้นคุณหนูแคร์ก็หน้าเศร้าๆลง

        

                    “โอ๊ะ!!”จู่ๆอลิสก็ร้องขึ้น



        “เป็นอะไรอลิส    โดนอะไรหรอ”โคโรน่าถาม



        “ปะ....  เปล่าจ๊ะ”ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจู่ๆอลิสก็ตอบตะกุกตะกัก



        “อุ๊ย  ไอศกรีมมาแล้วล่ะ    เอ้าเอาไปกันเลยจ๊ะ  นี่ของแคร์ใช่มั๊ยเอ้า”จากนั้นพวกเราทั้งหมดก็ทานไอศกรีมแล้วก็พูดคุยสัพเพเหระอย่างไม้เร่งรีบยกเว้นอลิสเพียงคนเดียว



        “เอ่อ  โทดน่ะฉันขอตัวก่อนน่ะ  เอ้านี่ส่วนของฉัน”จากนั้นอลิสก็ควักกระเป๋าออกมาแล้ว....



        “อ๋อ   ไม่เป็นไรหรอกอลิส  เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”คริสพูดอย่างยิ้มแย้ม



        “พี่ชายไม่เห็นจำเป็นต้องจ่ายแทนเลยนี่    บ้านเขาก็เป็นผ้ดีเก่าเหมือนเราไม่ใช่”



        “แคร์!!  อย่าพูดอย่างนี้อีกน่ะ   ไม่ดีรู้มัย   แล้วสุภาพบุรุษน่ะต้องให้สุภาพสตรีมาก่อนน่ะรู้รึปล่า”



        “ค่ะท่านพี่”แคร์หน้าจ๋อยอีกรอบแต่อลิสนั้นไม่มีเวลามาสะใจเพราะบางอย่าง



        “งั้นไปน่ะ   บาย”



                    /*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/*/



    ทั้งๆที่ฉันในเวลานี้ควรจะไปหาอลิสกับโคโรน่าแท้แต่ว่า ทำไม ๆ ๆ ๆ ๆ   ฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้กันล่ะห๊า ! ! !  0_0 นอกจากว่าฉันยังมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้แล้ว    ตาบ้าที่สวมชุดดำคนนี้ยังยืนพล่ามอะไรก็ไม่รู้แถมยังจ้องหน้าฉันซะด้วย    ให้ตายเถอะ  เมื่อไหร่ความซวยของฉันจะหยุดลงซะที



    “เอาล่ะ   แม่วิญญาณเร่ร่อน    ไปสู่ดินแดนแห่งนิรันดร์กันได้แล้ว  END”  จากนั้นฉันก็ไม่สามารถพูดได้และชายชุดดำก็เริ่มทำท่าทางแปลกๆแล้วก็หลับตาลง   เฮ้ นายฉันยังไม่ตายซะหน่อยทำไมฉันต้องไปสู่นิรันดร์กันเล่า    แล้วก็ไม่ได้เป็นวิญญาณเร่ร่อนด้วย    ให้ตายซิเจ้าบ้ารู้สึกซักทีซี่ว่าฉันยังไม่ม่องอ่ะ    จากนั้นจู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นแล้วสะบัดมือมาทางโดโรธี  



    ครั้งที่ 1 ......................  (ไม่มีอะไรเกิดขึ้น) >.<



    ครั้งที่ 2 ...................................... ( ไม่มีอะไรเกิดขึ้น)



    ครั้งที่ 3 ........................................................ (ไม่มีอะไรเกิดขึ้น)  




                  “โธ่เว้ย!!!   อะไรกันฟ่ะ  ฉันว่าฉันทำขั้นตอนถูกแล้วน่ะ”เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็เริ่มต้นหงุดหงิดและก็สะบัดมือมาทางโดโรธีไม่ยอมหยุด



                   เปรี๊ยะ!!!  จากนั้นชายในชุดดำก็แสดงสีหน้าที่ตกใจแล้วก็เดิมมุ่งหน้ามาทางโดโรธีอย่างตื่นๆแล้วสัมผัสที่ตัวเธอ (เฮ้ย  มาแตะฉันทำไมฟ่ะ)  



                     “ห๊า ! ! !    เธอยังไม่ตายหรอกเหรอเนี่ย  แย่ที่สุด แถมเธอยังมาทั้งกายหยาบอีกด้วย ให้ตายเถอะ”โอ้สวรรค์โปรด  ในที่สุดเขาก็รู้ตัวซักทีว่าฉันยังไม่ตาย     ในเมื่อรู้แล้วก็ปล่อยฉันไปซักทีซี่   จากนั้นพระเจ้าก็ทรงฟังคำของของฉัน   โดยการที่เขาปล่อยฉันให้สามารถพูดได้ดังเดิม



                      “เอ่อ   โทดน่ะ  คือว่าที่นี่ที่ไหน   นายเป็นใคร  และสุดท้ายฉันจะต้องทำยังไงฉันถึงจะได้กลับไป”  เอาล่ะ   ในเมื่อฟ้าเป็นใจตอนนี้ โดโรธีคนสวย (ซวย) ก็ขอตัวก่อนดีกว่า



                    “อ๋อ   ที่นี่คือ  soul  zone  แบ่งออกเป็น 4 ระดับน่ะ”



        “เดี๋ยว   ที่นี่คือโลกวิญญาณ  งั้นหรอ”โดโรธีกล่าวอย่างไม่เชื่อในหูของตนเอง



        “ก็ใช่    แต่ว่าเธอมาทั้งๆที่เธอยังไม่ตาย”ก็ใช่น่ะซิกว่าจะรู้ตัว  เกือบจะไปเกิดใหม่แล้วด้วยซ้ำ [=_=]



        “ใช่   ฉันยังไม่ตาย   แล้วเธอก็ส่งฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้น่ะ”



        “โทด   ฉันทำไม่ได้ถ้าไม่มี FIRE  RING   แล้วอีกอย่างน่ะอีก 1 อาทิตย์ประตูโลกถึงจะเปิด   แต่ว่ากายหยาบอย่างเธอเนี่ยอยู่ที่นี่ได้เพียงแค่  5  วันแต่ถ้ามากกว่านั้นเธอได้มาเป็นยมทูตอย่างฉันแหง”ในตอนนี้ฉันแทบช็อกเพราะว่าถ้าฉันไม่รีบกลับไปฉันจะต้องตายแน่      ตั้งแต่ฉันเกิดมาฉันไม่เคยคิดเลยว่าการที่โดนแมวเถื่อนทำร้ายจนหัวฟูและก็โดนรถสาดโคลนใส่เนี่ยเป็นรางแห่งความตาย  

        

                      “อีตาบ้า!!!!!     พาฉันกลับโลกเดี๋ยวนี้น่ะ”ตอนนี้ความรู้สึกอดทนอดกลั้นของฉันนั้นสิ้นสุดแล้วและก็กำลังดึงเสื้อของเจ้านี้อย่างไม่หยุด



        “ฉันบอกแล้วว่าฉันทำไม่ได้   ไม่เข้าใจรึไง”



        “งั้นนายจะต้องรับผิดชอบ !!!  รู้ไว้ด้วยว่าต้องรับผิดชอบ !!!”



        “ช่วยไม่ได้ถ้าอย่างนั้นอย่างแรกที่ควรจะทำก็คือเธอควรจะทำตัวให้กลมกลืนอย่างพวกฉัน”จากนั้นเขาก็จ้องที่ตาของฉันแล้วก็



        ป็อก!! จากนั้นฉันก็สวมเสื้อแขนสี่ส่วนสีดำ   กางเกงขายาวสีเทาและเนคไทสีเทาเสื้อคลุมคล้ายๆโคทมีหมวกสีดำ



        “เธอต้องใช้หมวกปิดหน้า   จะได้ไม่มีใครรู้”





        “แล้วฉันจะอยู่ที่ไหนยังไง   แล้วจะกินอย่างไรล่ะ”ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือที่ซุกหัวนอนและที่กิน    (ตะกละไปป่าวจ๊ะ) (นี่ยัยคนแต่งถ้าเธอไม่กินแล้วเธอจ๊ะตายมั๊ยย๊ะ)



        “เรื่องนั้นช่างก่อน   อีกอย่างคือเธอต้องปล่อยผม”



        “ห๊า    ปล่อยผมหรอ   ไม่!!   นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ   ฉันขอบอกเธอไว้ก่อนเลยว่า  นั่นคือสิ่งสุดท้าย!!!”  ใช่  ผมของฉันคือสิ่งมี่ฉันไม่ขอยุ่งด้วยอย่างที่สุด



        “งั้นหรอ”เขาตอบเรียบๆ



        “จริงซิ   นายชื่ออะไร   ฉันชื่อโดโรธี   แกลลาดัส” จากนั้นเขาก็มองหน้าฉัน  อยากหาเรื่องรึไงอุตส่าห์พูดดีๆ



        “ทุกคนที่นี่เรียกฉันว่า...”



        “ลีออง!! ยะฮู้ !!! ไปรวมตัวกันได้แล้ว” เขาพูดยังไม่จบจากนั้นใครก็ตามที่สนิทกับเขาก็เรียก



        “ชื่อลีอองหรอ   แปลกดีน่ะยังไงซะก็ไม่ค่อยยินดีที่ได้รู้จักหรอก”



        “เฮ้  ลีออง   แกไปพายมฑูตสาวมาจากไหนน่ะ”



        “เรื่องของฉัน  ฟอกซ์  แล้วเรียก  ราช่า  กับไฟร์ลัสมารึยัง”



        “ไฟร์ลัสไปรอแล้วส่วน  ราช่า.  ก็เรียกมาล่ะแต่ไม่รู้ถึงรึยัง”



        “นั่นซิ   ไปรวมตัวกันเถอะ  โดโรธี  ไป”จากนั้นอีตาบ้านั้นก็ฉวยโอกาสจับมือฉันลากไปที่ๆหนึ่งคล้ายๆหอประชุมพอฉันเดินเข้าไปยมทูตทั้งหลายก็มีจุดหมายเดียวกันก็คือที่นั่น    ฉันหวังว่าอะไรยุ่งๆคงจะไม่มากไปกว่านี้   ฉันหวังเช่นนั้น!!!!



















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×