ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Legend Season:Rise of Sophia

    ลำดับตอนที่ #8 : บัลลังก์ที่เปลี่ยนผ่าน

    • อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 51


    นาย นาย! ได้ยินรึเปล่า!” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น

                    เจ้าของเสียงนั้นคือสาววัยสะพรั่ง ผมของเธอมีสีดำสนิทและผิวสีค่อนข้างคล้ำ เธออยู่ในชุดยาวสีครีมรัดรูปซึ่งได้ทำให้รูปร่างที่ไม่ค่อยสะโอดสะองเหมือนหญิงทั่วไปดูเพรียวบางลง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเธอจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มผอมแห้ง ผิวขาวซีด ผมสีน้ำตาล แต่งตัวซอมซ่อ มีสติอยู่เพียงครึ่งเดียว เขากำลังนั่งจับเจ่าอยู่หน้ากำแพงหินของวิหารแห่งหนึ่งในมหานครทางเหนือ มหานครที่บัดนี้ถูกเทพเมอาลแยกออกไปกลายเป็นดินแดนอันไกลโพ้นเรียบร้อยแล้ว

     

                    หืม...เด็กหนุ่มในวัยเจ็ดสิบ..หรือราวสิบห้าปีไอลอเรียนสะลึมสะลือตอบ...

                นาย นายรู้มั้ย ว่าจวนเจ้าเมืองของที่นี่อยู่ไหนสาวผิวเข้มถามเด็กหนุ่มต่อไป

                จะรู้ไปทำไม...คนที่จะเจ้าพบเจ้าเมืองย่อมไม่ใช่คนดีหรอกเด็กหนุ่มผอมแห้งตอบหญิงที่มีอายุมากกว่าเธอเล็กน้อยกลับไป

                    “…ข้าไม่ได้อยากพบ ข้าแค่อยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เจ้าช่วยข้าได้ไหมหญิงสาวยังไม่ละความพยายาม

                อ้างกันทั้งเพ ยังไงข้าก็ไม่ช่วยเจ้าหรอก ข้าขอพักผ่อนละ

     

                    แกลลอป แกลลอป!

     

                แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะเอนกายกับกำแพงเพื่อพักผ่อนก็มีเสียงทหารม้าจำนวนสิบกว่าคนควบมาทางนี้ หญิงสาวรีบซุกกายเข้าไปในซอกหลืบของกำแพงในทันทีทันใด ขณะที่เด็กหนุ่มอยู่นิ่งไม่ไหวติง

     

                    หนุ่มน้อย เจ้าเห็นผู้หญิงผิวคล้ำ ผมดำ อายุประมาณแปดสิบ ดูไม่เหมือนชาวเมืองนี้บ้างหรือไม่ทหารคนนี้ถามเด็กหนุ่ม

                    ข้าไม่เห็นเด็กหนุ่มที่ใส่เสื้อกางเกงปะขาดๆ ตอบอย่างไร้อารมณ์

                ขอถามอีกครั้ง เจ้าเห็นผู้หญิงผิวคล้ำ ผมดำ อายุประมาณเก้าสิบ ดูไม่เหมือนชาวเมืองนี้บ้างหรือไม่ทหารคนเดิมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น

                ข้าไม่เห็น จะให้ข้าเห็นได้อย่างไร หากไม่มีอะไรข้าก็ขอพักผ่อนต่อล่ะ หรือจะช่วยมอบเงินให้ข้าได้ประทังชีวิตก็ยังดีเด็กหนุ่มตอบด้วยวาจาที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว

     

                    หลังจากทหารควบม้าหายไปแล้ว หญิงสาวก็ออกมาถาม

                ทำไมเจ้าถึงไม่บอกพวกทหารเรื่องข้าสาวผิวคล้ำถาม คิ้วของเธอเลิกขึ้นเล็กน้อย

                    ใครจะอยากร่วมมือกับทางการ หรือว่าเจ้าต้องการให้ข้าทำเช่นนั้นวาจาราบเรียบ แต่กวนอารมณ์ยังคงอยู่คู่กับเด็กหนุ่มคนนี้นั่นเอง

                ท่าทางเจ้าไม่พอใจทางการมากสินะ มาอยู่กับข้าไหมล่ะ หนีออกจากเมืองนี้ แล้วไปสร้างแผ่นดินที่รุ่งเรืองด้วยกัน ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรล่ะหญิงผมดำเอ่ยชักชวนพร้อมกับถามชื่อของเด็กหนุ่มที่น่าสนใจคนนี้

                พังค์ซาล็อต โอลิเวียร่า ส่วนท่าน...คงจะเป็นฟาตาเลีย เคลาริส หัวหน้ากบฎจากเมืองโรมทางใต้สินะคำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ฟาตาเลียถึงกับสะอึก

     

                ว่าไงนะ เจ้ารู้ชื่อเสียงเรียงนามของข้า เจ้าเป็นใครกันแน่!” หญิงสาวโพล่งออกไปแทบจะทันที

                    ถ้าข้าบอกว่าข้าเป็นสายลับของทางการ เจ้าจะเชื่อหรือไม่เด็กหนุ่มถามกลับ

                    หากเจ้าเป็นสายลับทางการ เจ้าคงบอกตำแหน่งข้าให้ทหารรู้แล้วฟาตาเลียตอบ

                    ถ้าอย่างนั้น ไม่ว่าข้าจะเป็นใคร ก็คงไม่เป็นภัยต่อเจ้า และคงไปกับเจ้าได้พังค์ซาล็อตตอบกลับด้วยคารมที่คมคาย

     

                    ระหว่างทางที่จะไปโรมทั้งสองก็ได้ไถ่ถามทุกข์สุขและข้อมูลส่วนตัวซึ่งกันและกัน ฟาตาเลียรู้มาว่า พังค์ซาล็อตเคยเรียนวิชาจารกรรมกับทางการอยู่ถึงยี่สิบปี แต่หลังจากที่บิดาของเขาเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน เขาก็ถูกอัปเปหิออกไปจากกิลด์โจร ทั้งๆ ที่เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มาก เขาพรากจากมารดาเขาไม่นานหลังจากนั้นเพราะนางถูกทางการจับตัวไป จนเหลือเพียงตัวคนเดียวเช่นนี้ ความสามารถของเขาไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่เมืองๆ นั้น นอกจากจะเอาตัวรอดไปวันๆ เท่านั้น

     

                นั่นเป็นภาพเมื่อเกือบสามร้อยปีก่อน

     

                    เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ......

     

     

                    บัดนี้ เธอกับเขาคือคนชราสองคน พระราชาพังค์ซาล็อตที่ 1 ที่ผมสีน้ำตาลได้แปรเปลี่ยนจนขาวโพลน นอนลงเฝ้าดูวาระสุดท้ายของตัวเอง ในห้องบรรทมส่วนตัวโดยมีฟาตาเลีย เจ้าหญิงแห่งโรม ที่ร่างกายเต็มไปด้วยไขมันและรอยเหี่ยวย่น สวมชุดลำลองสีเขียวอ่อน คอยกุมมืออยู่เคียงข้างน้ำตาของเธอไหลลงเรื่อยๆ เอื่อยๆ จนกระทั่ง ลมหายใจของพระราชาอ่อนลง อ่อนลง...

     

                    มัน...คง...ถึง...เวลา...แล้ว...ที่...ฉัน...ต้อง...ไปชายชราพูดอย่างช้าๆ และตะกุกตะกัก

                    สักวันฉันจะตามเธอไปด้วย

                ฉัน...ทำ...กรรม...มา...มาก   เธอ...จะ...ตาม...ฉัน...ไป...เหรอชายชราพยายามพูดต่อ

                    หากเธอทำกรรมมามาก ฉันคงทำมากกว่าเธออีก ยังไงเราคงได้เจอกันแหละ

     

                    ฟา...ตา...เลีย    สัญญา...ได้ไหม...ให้...ลูกฉัน...เป็น...กษัตริย์...เฮือก!” ชายชราพยายามฝืนพูดก่อนจะหมดลมหายใจ

     

                    “…” ความเงียบเข้าครอบงำห้องๆ นั้นทันที

     

                    พังค์! พังค์! ได้ยินฉันหรือเปล่า พังค์!” หญิงสูงวัยรีบตะโกน พร้อมกับหวังลึกๆ ว่าเขาจะยีงมีชีวิต

                    ฟื้นหน่อย ฟื้นสิ! ถ้าเธอตายตอนนี้ฉันจะใช้หนี้บุญคุณกับใครล่ะ

     

                    ไม่มีเสียงตอบจากพระราชา

     

                    พังค์ เธอยังไปไม่ได้นะพังค์ ขอร้องล่ะ ได้โปรด! ตื่นขึ้นมาก่อนเถอะเจ้าหญิงแห่งโรมรีบตะโกนพร้อมกับเขย่าร่างกายของพระราชาอย่างแรง พลันที่มือของนางไม่สามารถจับลมหายใจของฝ่าบาทได้ ใบหน้าของเธอซีดเผือด ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะปรากฏขึ้นบ่อยๆ เลย ไม่ว่าเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีปัญหา แต่...

     

                    กรี๊ด!!!

     

                อดีตราชินีแห่งอิลลูซิอองร้องลั่นห้อง จนในที่สุดสติของเธอก็ค่อยๆ สงบลง

     

                ฉันสัญญา...นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่อดีตราชินีพูดกับกษัตริย์แห่งอิลลูซิออง เธอค่อยๆ เช็ดน้ำตาพร้อมกับจุมพิตลงที่หน้าผากของพระราชาพร้อมกับเอ่ยเบาๆ ว่า

    ไปสู่สุขติเถอะนะ เพื่อนรักของฉันหญิงสูงวัยร่างใหญ่กลั่นน้ำตาออกมาจากหัวใจจนอาบแก้มอีกครั้งหนึ่ง เป็นอันปิดตำนานพระราชาแห่งอิลลูซิอองด้วยวัย 361 ชันษา หรือราว 75 ชันษาไอลอเรียน ในวันที่ 28 พฤษภาคม 1691 เจ็ดปีหลังสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ของอิลลูซิอองยุติลว สองปีหลังศึกปิดล้อมโซฟิอา

     

    เกือบสามร้อยปีแล้วที่เธอรู้จักกับกษัตริย์พระองค์นี้ นับตั้งแต่วันแรกเมื่อครั้งพระราชายังทรงเป็นเด็กหนุ่มจนๆ ที่ยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าขาดๆ ใช้ชีวิตอยู่แบบวันต่อวัน หลังจากมาอยู่กับเธอก็ได้เป็นผู้นำการจารกรรมหลายต่อหลายครั้ง หากไม่มีเขาแล้วเธอคงปราบอาณาจักรซึรึงันไม่สำเร็จ อิลลูซิอองคงไม่มีทางกำเนิด เมื่อเธอสร้างรัฐอิลลูซิอองชั่วคราวขึ้นมา หน้าฉากนั้นคือฟาตาเลีย แต่หลังฉากกลับเป็นพังค์ซาล็อต และเมื่อเธอรวบรวมแผ่นดินก่อตั้งอาณาจักรซึรึงันขึ้นมา พังค์ซาล็อตก็ได้สร้างแผ่นดินพังค์แลนด์ทางตะวันตก ดำรงตำแหน่งเจ้าชายแห่งพังค์ บ่อยครั้งที่สงครามใหญ่น้อยทั้งนอกและในต้องพึ่งพาคนๆ นี้

     

                    มีบางครั้งที่เธอต้องไปราชการไม่ว่าจะเป็นด้วยดาบหรือด้วยวาจาก็ตาม เธอก็มักจะฝากไว้ให้พังค์ซาล็อตผู้นี้เป็นผู้สำเร็จราชการแทน จนกระทั่งเมื่อเธอประกาศจะสละราชสมบัติด้วยเหตุผลทางการเมือง เขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่ว่าเขาจะต้องการมันหรือไม่ก็ตาม

     

    จนถึงวันนี้...วันที่ทั่วทั้งแผ่นดินอิลลูซิอองต้องก้มลงคุกเข่าถวายความจงรักภักดีต่อพระราชาที่กำลังจะจากไป ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอกับพระองค์ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด แม้บางเวลาเธอจะคิดว่าเธอเอาเปรียบเขาอยู่ก็ตาม แต่ไม่ว่าเมื่อใดที่เธอพยายามจะเป็นผู้ให้บ้าง แต่กษัตริย์แห่งอิลลูซิอองพระองค์นี้ก็ปฏิเสธเรื่อยมา

     

    จะมีใครบ้างที่รู้ว่ากษัตริย์จอมโจรที่ฆ่าคนไปก็ไม่น้อยและสร้างความเสียหายให้ทรัพย์สินทั้งจากการทำลายและการแย่งชิงเป็นจำนวนมหาศาล แท้จริงแล้วจะเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ทั้งหมดที่เขาทำไปนั้นเป็นหน้าที่ ชายผู้นี้ไม่หวังในลาภ ยศ ใดๆ แม้นั่นอาจจะเป็นเพราะเขามีทุกอย่างเพียบพร้อมแล้วก็ตาม ใครจะไปคิดว่ากษัตริย์พระองค์นี้แท้จริงแล้วเป็นคนที่เรียบง่าย ไม่เคร่งครัดในพิธีรีตองใดๆ แม้พระองค์จะรู้จักมันค่อนข้างดีก็ตาม

     

    การลาจากของเพื่อนเก่าที่ใกล้ชิดที่สุดคนนี้นอกจากความโศกเศร้าเสียใจที่เกิดขึ้นแล้ว ยังมีความรู้สึกผิดให้กับ ฟาตาเลีย เจ้าหญิงแห่งโรมเพิ่มขึ้นมาอีก นี่ถ้าหากเธอไม่ใช้งานเขาให้ไปทำอะไรเสี่ยงๆ บ่อยๆ(หลายครั้งเขาอาสาด้วยตนเอง) ซึ่งรวมถึงตำแหน่ง พระราชาที่เธอบรรจงยัดเยียดมันให้เขาเมื่อ 7 ปีก่อน ทั้งๆ ที่เป็นปัญหาของตัวเธอเองแท้ๆ และเขาไม่ต้องการมันเลย เขาอาจจะอายุยืนกว่านี้ก็ได้

     

    ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ การจากไปของพระราชาทำให้ตำแหน่งกษัตริย์แห่งอิลลูซิอองว่างลง นั่นแปลว่าราชบัลลังก์ย่อมตกแก่ลูกชายวัยหนุ่มของพระราชา เด็กคนนั้นแม้จะฉลาดปราดเปรื่อง แต่ก็ไม่อัจฉริยะแบบพังค์ซาล็อตผู้บิดา แต่นั่นจะมากพอที่จะนำอิลลูสิอองไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้หรือไม่ก็ยังไม่แน่นัก แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องขึ้นครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์พังค์ซาล็อตที่ 2 แห่งอิลลูซิอองอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะต้องการมันหรือไม่ก็ตาม เพราะนั่นเป็นคำขอครั้งสุดท้ายของเพื่อนรักคนหนึ่งที่ทำเพื่อเธอทั้งชีวิต ซึ่งแน่นอน ว่าหากเรื่องแค่นี้เธอทำไม่ได้ เธอก็ไม่สมควรจะเรียกตัวเองว่าเพื่อนแล้ว แต่ต่อให้ไม่มีคำขอ พังค์ซาล็อตหนุ่มก็จะได้เป็นกษัตริย์อยู่ดี เพราะสำหรับเธอที่เมื่อ 7 ปีก่อนได้ประกาศสละบัลลังก์และสัญญาว่าจะฟื้นฟูโรมให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนเก่าก่อนในฐานะเจ้าหญิงแห่งโรมให้สำเร็จ ก่อนที่จะคืนสู่ราชบัลลังก์ ซึ่งตอนนี้ โรมก็ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ทำให้เธอยังไม่สามารถกลืนน้ำลายตัวเองก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์อีกครั้งหนึ่งได้ และแน่นอนว่า หากคนอื่นที่ไม่ใช่บุตรชายของพระราชาขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็คงยากที่เธอจะเข้าครอบงำได้

     

    ว่าไง พี่หญิง เกิดอะไรขึ้นกับพระราชา!” พระมเหสีร้องถาม ในอ้อมแขนของนางคือบุตรชายวัยหนุ่ม และเมื่อสองแม่ลูกเห็นร่างที่หมดลมหายใจของพ่อ ทั้งสองก็สวมกอดกันและกันพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่เสียดาย ฝ่ายเจ้าหญิงเมื่อเห็นดังนั้นก็เริ่มมีน้ำตาอาบที่แก้มของเธอเช่นกัน

     

    เขาไปดีแล้ว อย่ากังวลอีกเลยฟาตาเลียพยายามปลอบภรรยาและบุตรชายของกษัตริย์พังค์ซาล็อต

    “…” สองแม่ลูกยังคงร้องต่อไป แม้เจ้าหญิงแห่งโรมจะเริ่มเรียกร้องความสนใจออกมาจากพระราชาที่เพิ่งเสด็จสวรรคตได้เล็กน้อย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น...

     

                หมับ!

     

                ฟาตาเลียเข้าไปกอดสองแม่ลูกไว้พลางเช็ดน้ำตาแห้งทั้งสองคน

     

     

                    หลายวันต่อมา

     

                    งานศพที่จัดแบบเรียบง่าย ไม่ต้องเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีแบบที่กษัตริย์พังค์ซาล็อตปรารถนาได้ดำเนินไปที่มหาวิหารกลางกรุงโรม...มีผู้มาร่วมงานไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่รู้จักกับพระราชาเป็นการส่วนตัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

     

                    พระองค์คือผู้นำที่มีศักยภาพพอที่จะฟื้นฟูแผ่นดินอย่างไม่ต้องสงสัย...น่าเสียดายที่ต้องมาจากไปในเวลาเช่นนี้ลอร์ด เฮวาทา จอมทัพแห่งอิลลูซิอองในชุดคลุมยาวสีดำสนิท กล่าวขณะคำนับศพ

     

                    อย่าเศร้าใจไปเลย บ้านเมืองน่ะยังมีผู้นำดีๆ อีกมาก แต่พังค์แลนด์กับกิลด์โจรทางตะวันตกเล่า ต่อไปนี้จะมีชะตากรรมอย่างไรข้าก็ไม่รู้โจรผู้หนึ่งในกิลด์หลักของพังค์แลนด์หันไปตอบ

     

                    จริงสิ ข้าเกือบลืม พระองค์มีภาระหน้าที่ตรงนั้นด้วย ท่าทางความสูญเสียของฝ่าบาทนั้นแทบจะเหนือคำบรรยายเลย นี่ถ้าพระองค์เสด็จสวรรคตก่อนหน้านี้เสียสิบปี ข้าคงไม่อาจจะรู้ความจริงข้อนี้แม่ทัพออร์กร่างเล็กกล่าวต่อ ขณะที่กำลังเดินออกจากแท่นคำนับศพ

     

                    แต่การสนทนายังไม่ทันได้ดำเนินต่อไป เพลงบรรเลงก็ดังขึ้น แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่สมเกียรติกษัตริย์ แต่ก็ยังถือว่ารับได้สำหรับผู้ร่วมงาน ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันจากไป ปล่อยไว้พังค์ซาล็อตผู้บุตร เด็กหนุ่มผิวสีอมชมพู ผมหยักศกสีน้ำตาล รูปร่างสันทัด คอยดำเนินงานศพในส่วนในต่อไป....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×