คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Army of Magic
สามปีผ่านไป
ไม่มีความไม่สงบใดๆ บังเกิดขึ้น หรือดำรงอยู่ในดินแดนลุ่มแม่น้ำซีล นับตั้งแต่โซฟิอาจนถึงทะเลเอฟริง โซฟิอาพัฒนาขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจไม่น้อยเลยทีเดียว ดินแดนทางใต้เองก็เริ่มกลับสู่สภาวะปกติ ในปีแรกนั้น มีเพียงพวกใจกล้า กับพวกที่ไม่พอใจดินแดนทางเหนือ รวมไปถึงเหล่านักเวท และผู้อยู่อาศัยเดิมที่ไม่ใช่ปีศาจเท่านั้น ที่เดินทางเข้ามาในดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเวเนฟิเซียม แต่ในปีต่อมา เมื่อท่าเรือเนเจอร์สร้างเสร็จ รวมไปถึงกลิ่นอายแห่งความเป็นปีศาจได้จางลง ผู้คนก็เข้ามาจับจองพื้นที่ทำมาหากินมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงเหล่าพ่อค้าใจกล้าบางคนที่คิดหาทางลัด ที่จะออกทะเลโดยไม่ต้องอ้อมไปทางแกลเลีย ซึ่งอยู่ไกลไปอีกหลายร้อยไมล์
แต่ถึงกระนั้น ดินแดนลุ่มแม่น้ำซีลตอนล่างก็ยังเป็นดินแดนที่ร้างผู้คน เพราะแม้เมืองท่าเนเจอร์ที่อยู่ด้านใต้สูดจะได้รับการรับรองว่าปลอดภัยจากเหล่าปีศาจ แต่อารยธรรมที่นี่ กับ ดินแดนที่อยู่ทางตะวันตกของเนเจอร์จะไม่ถึงร้อยไมล์ ก็ต่างกันลิบลับ อีกอย่าง จะมีชาวใต้กี่คน ที่กล้าเดินทางมาตะวันออกไปยังดินแดนที่เชื่อกันว่า เป็นดินแดนปีศาจที่ไม่มีคุณใดๆ ให้พวกเขา แม้จะมีพ่อค้าและนักเดินทางมาจากตะวันออกบ้าง แต่จะมีกี่คนที่เชื่อว่า ผู้คนเหล่านี้ ไม่ใช่ปีศาจหรือไม่ก็พวกวิกลจริต...
ทางด้านการยุทธ ชาวโซฟิอาเตรียมพร้อมต่อการสงครามมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนจะเปิดเผยขึ้นด้วยซ้ำ สถานที่ประชุมลับนั้นใช้เฉพาะเวลาประชุมลับสุดยอดจริงๆ เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ ทุกอย่างที่เป็นศูนย์กลางของโซฟิอานั้นย้ายไปอยู่ที่ปราสาทไม้หลังใหม่กลางใจเมือง ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน แม้จะไม่สวยงามมากนัก แต่มันก็สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี
ณ ห้องโถงของปราสาทหลังนั้นเอง ออร์กร่างเล็กผู้หนึ่ง ยืนอยู่ในชุดสวมหมวกเหล็กที่ปิดหน้าไว้อย่างมิดชิด จนทำให้หลายคนในเมืองสงสัยว่าเขาผ่านประตูเมืองมาได้อย่างไร ชายชาวออร์กผู้นั้น ดูท่าทางกระสับกระส่าย ไม่อยู่นิ่ง เหมือนกับว่าเขากำลังรีบร้อน เมื่อมีแฟรีสองนางขึ้นมาพาเขาขึ้นไปชั้นบนนั้น บุรุษผู้นั้นก็รีบสาวเท้าขึ้นไปทันที เขาขอให้แฟรีทั้งสองออกไป จนกระทั่งเขาอยู่ตามลำพังกับโอเวอร์ดูล
เขาก็เปิดหมวกเหล็กออกมา...
“ลอร์ด เฮวาทา ท่านมาที่นี่มีเหตุอันใดฤา” โอเวอร์ดูลตกใจเล็กน้อยเมื่อใบหน้าของคู่สนทนาส่อแววเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“ข้าอยากให้ท่านเรียกประชุมเป็นการด่วน......ขอย้ำ ด่วนที่สุด เดี๋ยวนี้ได้ยิ่งดี” แม้เฮวาทาจะพยายามพูดเรียบๆ แต่ก็ไม่สามารถกลบน้ำเสียงแห่งความเร่งร้อนลงไปได้
“ถ้าหากเรียกประชุมตอนนี้ จะไม่ได้ครบทุกคนน่ะท่าน”
“ขอแค่มีท่านกับดีพเวลล์อยู่ก็เพียงพอแล้ว แต่เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้”
เย็นวันนั้น
มีผู้เข้าร่วมประชุมอยู่กันเพียงห้าคน ประกอบด้วย เฮวาทา โอเวอร์ดูล ดีพเวลล์ ทาอิ และ คราตัน
“สรุปว่ามีเท่านี้สินะ”
“คนอื่นนั้นอยู่ดินแดนทางใต้กันหมด จะให้มาตอนนี้ ในเมืองนี้ก็คงมีเท่านี้แหละ ว่าแต่ ท่านมีเรื่องอะไรถึงต้องประชุมด่วน” โอเวอร์ดูลอธิบาย
“สามปีนับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น โซนาคอนได้รวบรวมดินแดนเซเซอร์ให้มาอยู่ในมือมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม จนตอนนี้ เขาก็เกือบจะรวบรวมดินแดนที่เคยอยู่ใต้การปกครองของเลดี มาร์คัส ทาร์ลินาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว เป็นโชคดีของพวกท่าน ที่โซนาคอนมองไม่เห็นความสำคัญของโซฟิอา จึงปล่อยโซฟิอาไปก่อน แต่ถึงตอนนี้ ในเมื่อโซฟิอาเคยเป็นของท่านหญิงมาก่อน ข้าว่าอีกไม่นาน...”
“มันจะมาตีที่นี่หรือ” ดีพเวลล์แทรกออกไปทันที
“เย็นไว้ก่อน มันคงยังไม่รีบตีหรอก ก่อนอื่นมันคงส่งจดหมายมาทวงความภักดี พร้อมกับคืนอำนาจการปกครองไปให้มันก่อน ซึ่งหากเราปฏิเสธ ทัพทั้งเซเซอร์ก็พร้อมที่จะตีเราทันที”
“ตอนนี้มันมีมากแค่ไหน” คราตันถาม
“น่าจะไม่ต่ำกว่า แปดพันคนแล้ว”
“แปดพันคน? นั่นมันไม่ใช่จำนวนที่จะเราจะต้านไว้ได้เลย” คราตันถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำตอบ แต่ทาอิได้แย้งไว้
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น ตัวเลขแปดพัน ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ตราบใดที่เรายังป้องกันอยู่ในนครนี่” แม่ทัพทาอิตอบอย่างมั่นใจ
“มันล้อมไว้ ไม่กี่เดือนเสบียงก็หมด” คราตันเถียง
“ทหารแปดพัน กล้ายกมาหมดรึเปล่า และถ้าหมด มันไม่กลัวการลอบโจมตีบ้างรึไง” ทาอิเถียงกลับ
“ช้าก่อน” โอเวอร์ดูลปราม ก่อนจะพูดต่อ
“แต่ถ้าเราเลือกที่จะ’แกล้งทำเป็นสยบ’ ล่ะ โซนาคอนจะทำอะไรเราบ้าง” โอเวอร์ดูลถามเฮวาทา
“คนอย่างโซนาคอน อาจจะเข้ามายุ่มย่ามอะไรในเมืองหรือไม่ก็ปล่อยไว้อย่างนั้น แต่เขาคงไม่พอใจแน่ หากเห็นท่านหรือท่านดีพเวลล์ปรากฏตัวอย่างเสรีที่นี่ ซึ่งข้าว่า ไม่คุ้มค่าที่เราควรจะเสี่ยง” นี่คือความเห็นจากจอมทัพแห่งอิลลูซิออง
“เดี๋ยวก่อน ท่านจอมทัพ แล้วถ้าเราเลือกที่จะปะทะกับโซนาคอน เราจะเอาความชอบธรรมหรือกำลังทหารอะไรมาช่วยได้เล่า” โอเวอร์ดูลถาม
“ความชอบธรรม...บุตรสาวของเจ้าเมืองคนก่อน คงเพียงพอ ส่วนกำลังทหาร ก็คงขึ้นกับแม่ทัพทาอิแล้ว” เฮวาทาตอบง่ายๆ จนทำให้คราตันถึงกับควันออกหู
“อย่างนั้นก็ช่วยรับมือกับมันด้วยสิ อยู่ดีๆ บอกให้ไปสู้ ท่านเป็นจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่นี่ เรื่องแค่นี้ไม่เกินกำลังท่านหรอก” คราตันโพล่งออกมาทันที
“ใจเย็นๆ ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วย เพียงแต่ข้าไม่สามารถส่งกองทัพจากโพคาฮอนเทียมาช่วยพวกท่านได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องแผนการรบ ด้านการป้องกันไม่ใช่สิ่งที่เราชาวออร์กเชี่ยวชาญนัก แต่ก็จะพยายามช่วยเท่าที่ทำได้ อีกทั้ง ข้าเชื่อว่า ท่านแม่ทัพทาอิ มีความสามารถด้านนี้พอ”
“คำก็เชื่อ สองคำก็เชื่อ จริงๆ ท่านก็ไม่ได้อยากจะช่วยเต็มที่ใช่มั้ยล่ะ” คราตันลุกขึ้นยืน พร้อมกับก้าวเท้าเพื่อจะเดินออกไป
“ช้าก่อน คราตัน ทำไมคนอย่างข้าต้องถ่อมาที่นี่ด้วย มีจุดประสงค์อะไร เซเซอร์นี่ ข้าปล่อยไว้เฉยๆ ข้าก็ไม่เดือดร้อน ไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่ข้าจะช่วยพวกท่าน นี่ถ้าข้าไม่เห็นแก่ท่านเจ้าเมืองผู้ล่วงลับไปแล้วละก็.....” ออร์กร่างเล็กเริ่มหัวเสียบ้าง
“หยุดก่อน ทุกท่าน เราไม่ใช่ศัตรูกัน ไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องปะทะกัน ขอให้รับฟังด้วย” โอเวอร์ดูลปรามคนที่กำลังหัวเสียทั้งสอง
“ข้าขอโทษ......หากไม่ได้ท่าน เราอาจจะไม่ได้มาถึงจุดนี้ก็ได้” คราตันค่อยๆ นั่งลง
“ข้าเองก็อารมณ์ร้อนไปหน่อย” เฮวาทาเองก็เย็นลงแล้วเช่นกัน
“เรื่องนี้ ข้าว่ารอทุกคนพร้อมแล้วค่อยมาประชุมกันอีกครั้งน่าจะดีกว่า ส่วนท่านเฮวาทา ข้าขอให้ท่านโชคดี” โอเวอร์ดูลกล่าวปิดการประชุม
สามเดือนต่อมา ฤดูหนาว 1688
ทุกอย่างเป็นไปตามคาด สารฉบับหนึ่งถูกส่งมาจากเซเซอร์ อ่านได้ใจความดังนี้
“เรียน เจ้าเมืองโซฟิอา
จากเหตุการณ์ปั่นป่วนในเซเซอร์เมื่อหลายปีก่อน ทำให้แคว้นนี้เข้าสู่กลียุค แต่บัดนี้ ข้าได้รวบรวมเซเซอร์กลับมาเป็นหนึ่งแล้ว จึงอยากขอให้ท่านเจ้าเมืองโซฟิอามารายงานตัวเพื่อมอบความจงรักภักดีต่อเจ้าแคว้นเซเซอร์ในวันที่ 6 มีนาคม 1689 ด้วย
ลอร์ด โซนาคอน
เจ้าแคว้นเซเซอร์”
โอเวอร์ดูลอ่านข้อความในสารนี้ดังๆ กลางที่ประชุม ซึ่งมีสมาชิกที่สำคัญทุกคนเข้าร่วม
“ข้าเคยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของคนคนนี้มานาน ข้าย่อมรู้นิสัยเขาดี ข้าเชื่อว่า จะรับมือมันได้ไม่ยาก” ทาอิเสนอความคิดทันทีที่จดหมายมาถึง เธอเคยเป็นรองแม่ทัพของเซเซอร์โดยที่โซนาคอนเป็นแม่ทัพมายาวนาน และเธอก็รู้ว่า ชายคนนี้ พร้อมที่จะส่งคนของเขาไปตายอย่างไร้สาระเพื่อตัวเขาเอง เขาพร้อมทำทุกอย่าง เพื่อ ลาภ ยศ ชื่อเสียง
“ท่านทาอิ ท่านมีแผนรับมือโซนาคอนแล้วหรือ” คราตันถามคำถาม
คำถามนั้นเป็นคำถามที่ทาอิรออยู่แล้ว เธอกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
“ท่านวิเซนเต้ ข้าอยากให้ท่านอธิบายถึงแสนยานุภาพของกองทัพเราหน่อย” ทาอิยิ้มกริ่ม พร้อมกับหันหน้าไปหาวิเซนเต้ บัดนี้ตาทุกตาจ้องมองวิเซนเต้ด้วยความคาดหวัง
ทันใดนั้นวิเซนเต้ก็นำลูกแก้วมาวางกลางที่ประชุม แล้วร่ายเวทให้ทุกคนเห็นภาพกองทหารหาญที่ฝึกมาอย่างดี ทั้งหมดสวมเสื้อคลุมสั้นบ้างสีขาว บ้างสีดำ ทั้งหมดมีคทาเป็นอาวุธ และดาบสั้นไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ทหารเหล่านี้หากจะสวมก็สวมเพียงเกราะอ่อนที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมเท่านั้น อีกทั้งระเบียบวินัยของทหารเหล่านี้แม้จะมากกว่าออร์กที่ต้องมนต์โลหิต แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับเหล่าทหารเซเซอร์ในยุคก่อน(หรือของโซนาคอนในปัจจุบัน) แน่นอนว่าไม่ต้องไปเทียบกับทัพหลวงที่โรมเป็นแน่แท้
เสียงหัวเราะดังลั่นห้องประชุม
“ว่าไงนะ วิเซนเต้เอานักเวทมารบกับทหาร” เสียงหนึ่งหลุดออกมาท่ามกลางเสียงหัวเราะ
“อาวุธก็เบา เกราะก็ไม่มี แบบนี้จะสู้ใครเขาได้” เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอีก
“แบบนี้อย่าว่าแต่ต้านทานการล้อมเลย ถ้าพวกมันตีหักเอาก็สู้ไม่ได้แล้ว” คราตันเองก็พูดไปขำไป
“หากท่านดูถูกความสามารถของนักเวทเหล่านั้น ก็เท่ากับท่านดูถูกความสามารถของข้า มีใครอยากจะลองดูบ้างไหมล่ะ” วิเซนเต้ตะโกนก้อง เสียงหัวเราะที่เคยดังก็หายไป เหลือเพียงความเงียบ ที่ดำรงอยู่นานเกือบนาที
“พลังเวทมนตร์ล่ะ มีพอไหม” เด็กสาวลูกสาวอดีตเจ้าเมืองออกความเห็น เป็นความเห็นที่มีเหตุผลมากไม่เบาเสียด้วย
“ขณะนี้เราได้สร้างหอคอยเวทมนตร์ขึ้นมามากมาย ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งข้าเชื่อว่า หากนักเวทของเรา ใช้เวทมนตร์กันเต็มที่ พลังเวทเหล่านี้น่าจะหมดภายในหกเดือน”
“มีวิธีซื้อหามาเพิ่มบ้างไหม” คนที่อายุน้อยที่สุดในที่ประชุมยังถามต่อ
“แผ่นดินที่สร้างพลังเวทมนตร์จนเหลือมากพอ ในอิลลูซิอองนี่ก็คงจะมีเพียงเวเนฟิเซียม เพียงแต่ ข้าไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปแลกกับพลังเวทเหล่านั้น ส่วนดินแดนที่อยู่ไกลออกไปนี่ กว่าจะได้มาก็คงนาน อีกทั้ง เราเองก็ยังไม่รู้ว่าดินแดนใดมีพลังเวทมนตร์พร้อมที่จะส่งออกได้บ้าง ที่สำคัญ แหล่งสะสมพลังเวทนั้น ไม่ได้อยู่คงทนเหมือน หิน หรือ เหล็ก แต่จะค่อยๆ เสื่อมพลังไปตามกาลเวลา...”
“เรื่องที่ว่าดินแดนใดร่ำรวยมากนั้น ฉันเห็นว่าเวเนฟิเซียมคงช่วยเราได้ แต่จะไปค้าขายกับเมืองเหล่านั้นได้หรือไม่ ฉันเองก็ไม่แน่ใจนัก แต่ที่แน่ๆ ฉันอยากให้มีการสร้างหอคอยเวทมนตร์ที่ใหญ่และสถิตอยู่ที่โซฟิอานี่ อยากน้อยก็จะผลิตพลังเวทได้จำนวนหนึ่งหากถูกล้อมและเส้นทางลำเลียงเสบียงถูกตัดขาด”
“เป็นความคิดที่ดี เพียงแต่ว่านั่นแปลว่าเราต้องยอมรับหลักการของทาอิกับวิเซนเต้แล้วเท่านั้น”คราตันกระแทกเสียง
“ใจเย็นท่านคราตัน ถึงเวลานี้ หากเราไม่สนับสนุนพวกเขา เราก็คงจะรับมือกับพวกมันไม่ทันแล้ว อีกอย่าง ทาอิเป็นแม่ทัพที่เราเชื่อมือได้ที่สุดแล้ว” โอเวอร์ดูลต้องมาปรามคราตันอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“อ้อ แล้วก็ขอให้ชะลอคำตอบให้ช้าที่สุด ไม่ตอบเลยได้ยิ่งดี นั่นจะถ่วงเวลาโซนาคอนได้ต่อไปอีกหลายเดือนเลยทีเดียว”
ความคิดเห็น