ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : นคราพิศวง(Wonderful City)
"แต่เราจะไม่ไปทางนั้น"
" "เฮซิลค่อนข้างผิดหวัง
"เดิมทีนั่นคือทางที่เราจะไป แต่หลังจะที่เราปะทะกับพวกโจรทำให้เราต้องอ้อมไปทางตะวันตกซึ่งเป็นทางรอง เพราะว่าพวกโจรน่าจะไปตามทางสายหลัก ถ้าหากพวกเราเดินทางกันต่อทั้งคืนละก็ คงจะถึงนครโซฟิอาในตอนรุ่งเช้า" สำหรับเรเวียลแล้วมันอาจจะพูดง่าย แต่สำหรับเฮซิลแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำเลยแม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่จำความได้
การเดินทางในความมืดนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก อากาศที่ร้อนอบอ้าวบวกกับความเหนื่อยล้าทำให้เฮซิลรู้สึกอ่อนเพลียเป็นที่สุด ภูเขาที่เคยสวยงามในยามอัสดง บัดนี้กลับแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว เพราะนี่คือดินแดนห่างไกลที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เด็กหนุ่มมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเนินเขาทางด้านขวาและทุ่งลาดทางด้านซ้าย เฮซิลไม่รู้ว่าเดินทางมาได้เท่าไหร่ และขณะนี้เป็นเวลาเท่าใดแล้ว ไม่นานความง่วงของเขาได้เอาชนะ เสียงฝีเท้ารวมทั้งจังหวะการเคลื่อนไหว แล้วเฮซิลก็ฟุบหลับลงบนแผ่นหลังของเจ้าหน้าที่เบื้องหน้านั้นเอง
การเคลื่อนไหวที่รุนแรงของม้าในช่วงลงเขานั้นได้ปลุกเฮซิลให้ตื่นขึ้น เมื่อมองออกไปรอบๆ ท้องฟ้ายังคงระยิบระยับไปด้วยดวงดาว เบื้องหน้ายังคงเป็นเรเวียลที่แสนจะอดทน แต่เงาทะมึนของเนินเขาทางด้านขวานั้นไม่พบเสียแล้ว คงจะเดินทางมาไกลพอสมควรแล้วล่ะ แต่จะต้องไปอีกแค่ไหนกันเล่า
ในที่สุด เวลาที่รอคอยก็มาถึง เรเวียลหยุดม้า ก้าวลงมาแล้วจึงเดินขึ้นไปบนแท่นศักดิ์สิทธิ์ เข้าใจว่าคงเป็นอย่างนั้น...บนแท่นนั้นมีเปลวเพลิงสีขาวซีดลุกโชนอยู่ ถัดออกไปทางด้านข้างเป็นคบเพลิงที่มีไฟสีขาวซีดสี่อันล้อมรอบอยู่ เจ้าหน้าที่หยิบคบเพลิงมาอังเหนือแท่นศักดิ์สิทธิ์แล้วชูขึ้นพร้อมกับเอ่ยวาจา ทันใดนั้นเปลวไฟสีซีดก็ลุกโชนขึ้น ประจวบเหมาะกับเวลาที่แสงสุริยาแรกแห่งวันได้ฉายลงมา ณ ที่แห่งนั้น เผยให้เห็นสิ่งต่างๆ รอบข้างอย่างชัดเจน หาใช่แค่เพียงแท่นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ตรงที่เฮซิลอยู่นั้นคือประตูเมืองที่วิจิตรงดงามเหลือเกิน ภาพเบื้องหน้าที่เห็นนั้นคือเมืองที่ถูกอาทิตย์ยามเช้าย้อมจนเผลอคิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างสถานที่แห่งนี้ประกอบขึ้นมาด้วยทองคำ ยอดปราสาทที่แสงยามเช้าได้สะท้อนความงามออกมาสู่สายตาผู้มอง หอคอยสูงระฟ้านั่นประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดามากมาย และยังมีสถานที่แปลกๆ ที่เปล่งแสงสีนวลออกมาซึ่งแม้เฮซิลจะไม่รู้จัก แต่ก็พอจะรู้ว่า มันถูกออกแบบมาอย่างประณีตบรรจง
แวบ ! มีแสงไม่ทราบทิศทางพุ่งเข้าสู่เบ้าตาของลูกชายนักตีดาบเข้าอย่างจัง ทำให้เฮซิลชะงัก พร้อมกับถอยหลังไป
เมื่อลืมตามาก็เห็นเรเวียลยิ้มให้ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
"ถึงแล้วล่ะ ตอนนี้เราอยู่ที่ประตูตะวันตกของนครโซฟิอา"
โซฟิอา...ดินแดนของเหล่าแฟรี่ที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ความรู้ และอารยธรรมที่ถูกพัดพามาจากตะวันออก...แฝงไว้ด้วยปริศนาและความลึกลับ ...นครในตำนานนั่นอยู่ตรงหน้านี่เองเหรอ มันช่างสวยงามอะไรเพียงนี้ นี่แค่เพียงแวบแรกที่ได้เห็นเท่านั้น เคยได้ยินแต่คำกล่าวเกี่ยวกับนครแห่งนี้แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ แม้แต่'คลื่น'เองก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เพราะอยู่ที่นี่นั้นคลื่นเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าปกติมาจนจับแทบไม่ทัน...ที่นี่เองสินะ ที่จะต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ไป เราจะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เหรอ และในอีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็คงจะไปยืนอยู่ที่ใจกลางนครอันสวยงามแห่งนี้ ที่นั่นจะเป็นอย่างไร สวยงามแค่ไหน แล้วสถานที่แปลกๆ นั้นมันคืออะไรกันแน่ อีกไม่นานคงได้รู้กันละ
เรเวียลพาหนุ่มน้อยที่กำลังตื่นเต้นสุดขีดเดินไปตามทาง อย่าว่าแต่สิ่งปลูกสร้างในนครแห่งปัญญาแห่งนี้เลย ธรรมชาติของที่นี่นั้นก็งามและเร้นลับไม่แพ้กัน สองข้างทางที่เฮซิลผ่านนั้นมีทั้งพฤกษานานาชนิดที่ส่วนมากไม่เคยปรากฏต่อสายตาของหนุ่มน้อยผู้นี้และศิลปะแบบตะวันออกที่เฮซิลเคยพบเพียงแต่คำร่ำลือเท่านั้น การเดินทางสิ้นสุดลงเมื่อ เรเวียลหยุดอยู่ตรงสิ่งปลูกสร้างรูปร่างแปลก...เป็นสามเหลี่ยมประกบกันสองด้านคล้ายปริซึมที่มีทางเข้าอยู่ที่ด้านยาวของสามเหลี่ยม เรเวียลพาเฮซิลเข้าไปหาแฟรี่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ สีเงิน พร้อมกับกระซิบข้างหู ส่วนแฟรีที่นั่งอยู่นั้น เมื่อได้ยินแล้วก็พาเด็กหนุ่มลงบันไดไปสามชั้น ผ่านกลุ่มคนที่พูดคุยกันอยู่ไปที่ห้องห้องหนึ่ง ที่นั่นมีเตียงนอนอันแสนนุ่มพร้อมกับเครื่องใช้แปลกตาอีกมาก แต่ไม่มีหน้าต่างรวมทั้งไม่มีโอกาสเห็นแสงตะวันจากตำแหน่งนี้
"นี่คือที่พักของเธอในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่"
ขณะที่เฮซิลเดินขึ้นมาจากที่พักเพื่อให้เรเวียลนำทางไปต่อ สิ่งแรกที่เฮซิลนึกถึงคือ เครื่องใช้เหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะที่เครื่องใช้ที่เขาใช้อยู่ประจำนั้นกลับไม่พบเลยสักชิ้น คงต้องใช้เวลาอีกมากกระมัง เรเวียลมาหยุดที่สถานที่แห่งหนึ่ง เธอเรียกมันว่า "ประตูใหญ่" แต่อาคารทั้งหลังเนี่ยนะ ที่เธอเรียกว่า'ประตูใหญ่' นี่ถ้าหากไม่มีใครมาบอก เฮซิลคงนึกว่ามันเป็นวิหารไปแล้ว
"เชิญที่ห้อง ทางด้านขวาได้เลยค่ะ" นางฟ้าสาวที่แผนกประชาสัมพันธ์ชี้ทางให้เมื่อเห็นเรเวียลแนะนำตัวเด็กหนุ่มที่เธอพามาเรียบร้อยแล้ว
"ตามปกติแล้ว คนที่จะมาทำงานเป็น 'บุคลากรพิเศษ' ต้องมีการสอบคัดเลือกก่อน แต่กรณีของเธอนั้นไม่ต้องสอบคัดเลือกที่ห้องทางด้านซ้าย ให้ไปสอบวัดความถนัดที่ห้องด้านขวาเลยค่ะ มันจะแสดงว่าคุณมีความสามารถในด้านใด และเหมาะสมกับตำแหน่งใด ข้อสอบชุดแรก เก้าโมงถึงเที่ยงนะคะ"
เฮซิลก้าวเข้าห้องสอบไปพร้อมกับผู้เข้าสอบอีกจำนวนหนึ่ง ห้องสอบมีเพดานที่ทาสีฟ้าและขาวเป็นลายคล้ายเมฆบนท้องฟ้า ผนังห้องมีการตกแต่งอย่างประณีตด้วยโทนสีฟ้า พื้นห้องเป็นสีเขียวคล้ายทุ่งหญ้าและตรงใจกลางห้องวาดเป็นรูปผังเมือง บรรยากาศของห้องนี้นั้นเสมือนหนึ่งว่าผู้ที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้กำลังลอยอยู่กลางเวหา... ประตูค่อยๆ ปิดอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมีเสียงจากทุกทิศทุกทาง...
"เข้าที่ เริ่มสอบได้"
กระดาษข้อสอบลอยมาอยู่หน้าโต๊ะของเฮซิลทันที่ที่เสียงนั้นกล่าวจบ เฮซิลเริ่มลงมือทำ แต่ข้อสอบเหล่านี้เหมือนแบบทดสอบจิตวิทยาเสียมากกว่า เช่น ให้เลือก เกียรติยศ กับ ความมั่งคั่ง ความกล้า กับ ความปลอดภัย มีรูปสองรูป จะเลือกรูปใด หรือมีสถานการณ์ว่าหากท่านเป็นผู้ฟื้นพลังที่เก่งกาจและกำลังจะออกไปรบในสงคราม ถ้าหากมีเพื่อนของท่านบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่รักษาอาจตายได้ แต่ในการรบครั้งนั้น หากท่านไป จะได้รับชัยชนะ จะเลือกอะไร ระหว่าง ชัยชนะซึ่งอาจหมายถึง เกียรติยศหรือความรุ่งเรื่องของชาติ หรือ ชีวิตของเพื่อน ถามทัศนคติเกี่ยวกับ การเกิดและการตาย เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งให้แต่งเรื่องราวจากประสบการณ์ 1 เรื่องและจากจินตนาการอีกหนึ่งเรื่อง นอกจากนี้ยังมีเกมให้เล่นด้วย...
หลังสอบเสร็จก็ถึงเวลาของอาหารกลางวันแล้วสอบช่วงบ่ายต่อไป และอาหารกลางวันนี่เอง ที่ทำให้เฮซิลรู้สึกเหมือนอยู่บ้านอีกครั้ง เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยตั้งแต่มาที่นครโซฟิอา มันคือแซนด์วิชธรรมดาๆ นั่นเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เฮซิลได้เห็นอะไรที่คุ้นเคยนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาก้าวเข้ามาในเมืองนี้
การสอบในภาคบ่ายนั้นยังคงใช้ห้องเดิม เป็นการสอบข้อเขียนเช่นเดิม แต่ข้อสอบนั้นต่างกันมาก เป็นการทดสอบความถนัดในด้านต่างๆ ที่มีตั้งแต่คิดเลข ไปจนถึงการประเมินสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้(จะไปรู้ได้ไงล่ะ ไม่ได้สำลักข้อมูลแบบชาวโซฟิอานี่) โดยมีข้อมูลมาให้(ซึ่งน้อยมาก) แล้วให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูล (อันน้อยนิด)เหล่านั้นในการตัดสินใจ รวมไปถึงการวัดความรู้เกี่ยวกับภาษาและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ แบบทดสอบไหวพริบและสติปัญญา มิติสัมพันธ์ วิเคราะห์ตามเหตุและผล และอื่นๆ อีกมากมายที่จะสร้างความปวดหัวให้กับผู้เข้าสอบ
หลังสอบเสร็จ เรเวียลมารับเฮซิลที่หน้าโรงเรียน โดยที่ระหว่างรอผลการสอบจะออกมาก็ให้ไปซื้อเสื้อผ้าและของอื่นๆ ที่จำเป็นก่อน เรเวียลพาไปยังบริเวณที่มีร้านค้าหนาแน่นอันเป็นศูนย์กลางการค้าขายของเมืองนี้ ในเรื่องของเงินนั้นพ่อเองก็ให้มาจำนวนหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่พอที่จะเรียนที่นี่ต่อไปด้วย เพราะของต่างๆ ที่วางขายในเมืองนี้นั้น ติดป้ายราคาได้น่าตกใจมาก แค่คทาอันเดียวก็ราคาตั้ง เจ็บสิบห้า พิซัส ชุดลำลองก็มีราคาถึง เก้าพิซัส เก้าสิบเก้าเซ็นต์ แล้วจะมีเงินพอที่จะซื้อของต่างๆ เหล่านี้ได้หมดเหรอเนี่ย...แต่ความกังวลต่างๆ ก็หายไปแทบจะทันทีเมื่อ เรเวียลบอกว่าเครื่องใช้ทั่วไป(ที่แสนจะแปลกตา) เหล่านั้นมีให้หมดแล้ว และที่ต้องซื้อตอนนี้ก็มีแค่ชุดลำลอง รองเท้า เสื้อคลุม และหมวกเท่านั้น ส่วนของอย่างอื่น จะมีมาหลังจากประกาศผลสอบเรียบร้อยแล้ว
เรเวียลมาส่งที่หน้าสิ่งปลูกสร้างรูปปริซึมที่เต็มไปด้วยชั้นใต้ดินมากมาย ลักษณะของมันเหมือนรังลับขององค์กรอะไรสักอย่าง ทางเข้าอยู่ที่ชั้นบนสุด(ชั้นแรก) และก็ลึกลงไปใต้ดินเรื่อยๆ โดยจะแบ่งเป็นชั้นๆ ซึ่งมีรูปแบบคล้าย อาคารทั่วไปในโซฟิอา(แต่ไม่ชินเลยสำหรับเฮซิล) เพียงแต่ที่นี่ดูน่าเกรมขามกว่าหลายเท่านัก ผนังของกิลด์เป็นสีแดงเข้ม บางครั้งอาจได้ยินเสียงซ่าๆ เหมือนน้ำไหล ในบางชั้นจะเป็นห้องโถงกว้าง ส่วนบางชั้นก็จะแบ่งเป็นห้องเล็กๆ หลายห้อง แต่ละห้องมีประตูหลวมๆ กั้นไว้ และบางห้องก็เต็มไปด้วยความผันผวนแห่ง’คลื่น ...สถานที่นี้เรเวียลบอกว่าเป็นที่อยู่ของเฮซิล
"เอ้านี่ ตราประจำตัวชั่วคราว ใช้เข้าออกกิลด์ได้ ของจริงจะได้เมื่อผลการสอบประกาศออกไปแล้ว...แล้วจำไว้อีกเรื่อง ห้ามบอกชื่อจริงของเธอกับใครเป็นอันขาด เวลาอยู่ที่นี่ ชื่อของเธอคือ เรย์นิล...ราตรีสวัสดิ์"
กิลด์...เรเวียลเรียกสิ่งๆ นั้นว่า กิลด์...สินะ
" "เฮซิลค่อนข้างผิดหวัง
"เดิมทีนั่นคือทางที่เราจะไป แต่หลังจะที่เราปะทะกับพวกโจรทำให้เราต้องอ้อมไปทางตะวันตกซึ่งเป็นทางรอง เพราะว่าพวกโจรน่าจะไปตามทางสายหลัก ถ้าหากพวกเราเดินทางกันต่อทั้งคืนละก็ คงจะถึงนครโซฟิอาในตอนรุ่งเช้า" สำหรับเรเวียลแล้วมันอาจจะพูดง่าย แต่สำหรับเฮซิลแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำเลยแม้แต่ครั้งเดียว นับตั้งแต่จำความได้
การเดินทางในความมืดนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก อากาศที่ร้อนอบอ้าวบวกกับความเหนื่อยล้าทำให้เฮซิลรู้สึกอ่อนเพลียเป็นที่สุด ภูเขาที่เคยสวยงามในยามอัสดง บัดนี้กลับแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว เพราะนี่คือดินแดนห่างไกลที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เด็กหนุ่มมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเนินเขาทางด้านขวาและทุ่งลาดทางด้านซ้าย เฮซิลไม่รู้ว่าเดินทางมาได้เท่าไหร่ และขณะนี้เป็นเวลาเท่าใดแล้ว ไม่นานความง่วงของเขาได้เอาชนะ เสียงฝีเท้ารวมทั้งจังหวะการเคลื่อนไหว แล้วเฮซิลก็ฟุบหลับลงบนแผ่นหลังของเจ้าหน้าที่เบื้องหน้านั้นเอง
การเคลื่อนไหวที่รุนแรงของม้าในช่วงลงเขานั้นได้ปลุกเฮซิลให้ตื่นขึ้น เมื่อมองออกไปรอบๆ ท้องฟ้ายังคงระยิบระยับไปด้วยดวงดาว เบื้องหน้ายังคงเป็นเรเวียลที่แสนจะอดทน แต่เงาทะมึนของเนินเขาทางด้านขวานั้นไม่พบเสียแล้ว คงจะเดินทางมาไกลพอสมควรแล้วล่ะ แต่จะต้องไปอีกแค่ไหนกันเล่า
ในที่สุด เวลาที่รอคอยก็มาถึง เรเวียลหยุดม้า ก้าวลงมาแล้วจึงเดินขึ้นไปบนแท่นศักดิ์สิทธิ์ เข้าใจว่าคงเป็นอย่างนั้น...บนแท่นนั้นมีเปลวเพลิงสีขาวซีดลุกโชนอยู่ ถัดออกไปทางด้านข้างเป็นคบเพลิงที่มีไฟสีขาวซีดสี่อันล้อมรอบอยู่ เจ้าหน้าที่หยิบคบเพลิงมาอังเหนือแท่นศักดิ์สิทธิ์แล้วชูขึ้นพร้อมกับเอ่ยวาจา ทันใดนั้นเปลวไฟสีซีดก็ลุกโชนขึ้น ประจวบเหมาะกับเวลาที่แสงสุริยาแรกแห่งวันได้ฉายลงมา ณ ที่แห่งนั้น เผยให้เห็นสิ่งต่างๆ รอบข้างอย่างชัดเจน หาใช่แค่เพียงแท่นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ตรงที่เฮซิลอยู่นั้นคือประตูเมืองที่วิจิตรงดงามเหลือเกิน ภาพเบื้องหน้าที่เห็นนั้นคือเมืองที่ถูกอาทิตย์ยามเช้าย้อมจนเผลอคิดไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างสถานที่แห่งนี้ประกอบขึ้นมาด้วยทองคำ ยอดปราสาทที่แสงยามเช้าได้สะท้อนความงามออกมาสู่สายตาผู้มอง หอคอยสูงระฟ้านั่นประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดามากมาย และยังมีสถานที่แปลกๆ ที่เปล่งแสงสีนวลออกมาซึ่งแม้เฮซิลจะไม่รู้จัก แต่ก็พอจะรู้ว่า มันถูกออกแบบมาอย่างประณีตบรรจง
แวบ ! มีแสงไม่ทราบทิศทางพุ่งเข้าสู่เบ้าตาของลูกชายนักตีดาบเข้าอย่างจัง ทำให้เฮซิลชะงัก พร้อมกับถอยหลังไป
เมื่อลืมตามาก็เห็นเรเวียลยิ้มให้ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
"ถึงแล้วล่ะ ตอนนี้เราอยู่ที่ประตูตะวันตกของนครโซฟิอา"
โซฟิอา...ดินแดนของเหล่าแฟรี่ที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ความรู้ และอารยธรรมที่ถูกพัดพามาจากตะวันออก...แฝงไว้ด้วยปริศนาและความลึกลับ ...นครในตำนานนั่นอยู่ตรงหน้านี่เองเหรอ มันช่างสวยงามอะไรเพียงนี้ นี่แค่เพียงแวบแรกที่ได้เห็นเท่านั้น เคยได้ยินแต่คำกล่าวเกี่ยวกับนครแห่งนี้แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ แม้แต่'คลื่น'เองก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เพราะอยู่ที่นี่นั้นคลื่นเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าปกติมาจนจับแทบไม่ทัน...ที่นี่เองสินะ ที่จะต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ไป เราจะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เหรอ และในอีกไม่กี่ชั่วโมงเราก็คงจะไปยืนอยู่ที่ใจกลางนครอันสวยงามแห่งนี้ ที่นั่นจะเป็นอย่างไร สวยงามแค่ไหน แล้วสถานที่แปลกๆ นั้นมันคืออะไรกันแน่ อีกไม่นานคงได้รู้กันละ
เรเวียลพาหนุ่มน้อยที่กำลังตื่นเต้นสุดขีดเดินไปตามทาง อย่าว่าแต่สิ่งปลูกสร้างในนครแห่งปัญญาแห่งนี้เลย ธรรมชาติของที่นี่นั้นก็งามและเร้นลับไม่แพ้กัน สองข้างทางที่เฮซิลผ่านนั้นมีทั้งพฤกษานานาชนิดที่ส่วนมากไม่เคยปรากฏต่อสายตาของหนุ่มน้อยผู้นี้และศิลปะแบบตะวันออกที่เฮซิลเคยพบเพียงแต่คำร่ำลือเท่านั้น การเดินทางสิ้นสุดลงเมื่อ เรเวียลหยุดอยู่ตรงสิ่งปลูกสร้างรูปร่างแปลก...เป็นสามเหลี่ยมประกบกันสองด้านคล้ายปริซึมที่มีทางเข้าอยู่ที่ด้านยาวของสามเหลี่ยม เรเวียลพาเฮซิลเข้าไปหาแฟรี่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ สีเงิน พร้อมกับกระซิบข้างหู ส่วนแฟรีที่นั่งอยู่นั้น เมื่อได้ยินแล้วก็พาเด็กหนุ่มลงบันไดไปสามชั้น ผ่านกลุ่มคนที่พูดคุยกันอยู่ไปที่ห้องห้องหนึ่ง ที่นั่นมีเตียงนอนอันแสนนุ่มพร้อมกับเครื่องใช้แปลกตาอีกมาก แต่ไม่มีหน้าต่างรวมทั้งไม่มีโอกาสเห็นแสงตะวันจากตำแหน่งนี้
"นี่คือที่พักของเธอในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่"
ขณะที่เฮซิลเดินขึ้นมาจากที่พักเพื่อให้เรเวียลนำทางไปต่อ สิ่งแรกที่เฮซิลนึกถึงคือ เครื่องใช้เหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะที่เครื่องใช้ที่เขาใช้อยู่ประจำนั้นกลับไม่พบเลยสักชิ้น คงต้องใช้เวลาอีกมากกระมัง เรเวียลมาหยุดที่สถานที่แห่งหนึ่ง เธอเรียกมันว่า "ประตูใหญ่" แต่อาคารทั้งหลังเนี่ยนะ ที่เธอเรียกว่า'ประตูใหญ่' นี่ถ้าหากไม่มีใครมาบอก เฮซิลคงนึกว่ามันเป็นวิหารไปแล้ว
"เชิญที่ห้อง ทางด้านขวาได้เลยค่ะ" นางฟ้าสาวที่แผนกประชาสัมพันธ์ชี้ทางให้เมื่อเห็นเรเวียลแนะนำตัวเด็กหนุ่มที่เธอพามาเรียบร้อยแล้ว
"ตามปกติแล้ว คนที่จะมาทำงานเป็น 'บุคลากรพิเศษ' ต้องมีการสอบคัดเลือกก่อน แต่กรณีของเธอนั้นไม่ต้องสอบคัดเลือกที่ห้องทางด้านซ้าย ให้ไปสอบวัดความถนัดที่ห้องด้านขวาเลยค่ะ มันจะแสดงว่าคุณมีความสามารถในด้านใด และเหมาะสมกับตำแหน่งใด ข้อสอบชุดแรก เก้าโมงถึงเที่ยงนะคะ"
เฮซิลก้าวเข้าห้องสอบไปพร้อมกับผู้เข้าสอบอีกจำนวนหนึ่ง ห้องสอบมีเพดานที่ทาสีฟ้าและขาวเป็นลายคล้ายเมฆบนท้องฟ้า ผนังห้องมีการตกแต่งอย่างประณีตด้วยโทนสีฟ้า พื้นห้องเป็นสีเขียวคล้ายทุ่งหญ้าและตรงใจกลางห้องวาดเป็นรูปผังเมือง บรรยากาศของห้องนี้นั้นเสมือนหนึ่งว่าผู้ที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้กำลังลอยอยู่กลางเวหา... ประตูค่อยๆ ปิดอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมีเสียงจากทุกทิศทุกทาง...
"เข้าที่ เริ่มสอบได้"
กระดาษข้อสอบลอยมาอยู่หน้าโต๊ะของเฮซิลทันที่ที่เสียงนั้นกล่าวจบ เฮซิลเริ่มลงมือทำ แต่ข้อสอบเหล่านี้เหมือนแบบทดสอบจิตวิทยาเสียมากกว่า เช่น ให้เลือก เกียรติยศ กับ ความมั่งคั่ง ความกล้า กับ ความปลอดภัย มีรูปสองรูป จะเลือกรูปใด หรือมีสถานการณ์ว่าหากท่านเป็นผู้ฟื้นพลังที่เก่งกาจและกำลังจะออกไปรบในสงคราม ถ้าหากมีเพื่อนของท่านบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่รักษาอาจตายได้ แต่ในการรบครั้งนั้น หากท่านไป จะได้รับชัยชนะ จะเลือกอะไร ระหว่าง ชัยชนะซึ่งอาจหมายถึง เกียรติยศหรือความรุ่งเรื่องของชาติ หรือ ชีวิตของเพื่อน ถามทัศนคติเกี่ยวกับ การเกิดและการตาย เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งให้แต่งเรื่องราวจากประสบการณ์ 1 เรื่องและจากจินตนาการอีกหนึ่งเรื่อง นอกจากนี้ยังมีเกมให้เล่นด้วย...
หลังสอบเสร็จก็ถึงเวลาของอาหารกลางวันแล้วสอบช่วงบ่ายต่อไป และอาหารกลางวันนี่เอง ที่ทำให้เฮซิลรู้สึกเหมือนอยู่บ้านอีกครั้ง เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยตั้งแต่มาที่นครโซฟิอา มันคือแซนด์วิชธรรมดาๆ นั่นเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เฮซิลได้เห็นอะไรที่คุ้นเคยนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาก้าวเข้ามาในเมืองนี้
การสอบในภาคบ่ายนั้นยังคงใช้ห้องเดิม เป็นการสอบข้อเขียนเช่นเดิม แต่ข้อสอบนั้นต่างกันมาก เป็นการทดสอบความถนัดในด้านต่างๆ ที่มีตั้งแต่คิดเลข ไปจนถึงการประเมินสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้(จะไปรู้ได้ไงล่ะ ไม่ได้สำลักข้อมูลแบบชาวโซฟิอานี่) โดยมีข้อมูลมาให้(ซึ่งน้อยมาก) แล้วให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูล (อันน้อยนิด)เหล่านั้นในการตัดสินใจ รวมไปถึงการวัดความรู้เกี่ยวกับภาษาและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ แบบทดสอบไหวพริบและสติปัญญา มิติสัมพันธ์ วิเคราะห์ตามเหตุและผล และอื่นๆ อีกมากมายที่จะสร้างความปวดหัวให้กับผู้เข้าสอบ
หลังสอบเสร็จ เรเวียลมารับเฮซิลที่หน้าโรงเรียน โดยที่ระหว่างรอผลการสอบจะออกมาก็ให้ไปซื้อเสื้อผ้าและของอื่นๆ ที่จำเป็นก่อน เรเวียลพาไปยังบริเวณที่มีร้านค้าหนาแน่นอันเป็นศูนย์กลางการค้าขายของเมืองนี้ ในเรื่องของเงินนั้นพ่อเองก็ให้มาจำนวนหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่พอที่จะเรียนที่นี่ต่อไปด้วย เพราะของต่างๆ ที่วางขายในเมืองนี้นั้น ติดป้ายราคาได้น่าตกใจมาก แค่คทาอันเดียวก็ราคาตั้ง เจ็บสิบห้า พิซัส ชุดลำลองก็มีราคาถึง เก้าพิซัส เก้าสิบเก้าเซ็นต์ แล้วจะมีเงินพอที่จะซื้อของต่างๆ เหล่านี้ได้หมดเหรอเนี่ย...แต่ความกังวลต่างๆ ก็หายไปแทบจะทันทีเมื่อ เรเวียลบอกว่าเครื่องใช้ทั่วไป(ที่แสนจะแปลกตา) เหล่านั้นมีให้หมดแล้ว และที่ต้องซื้อตอนนี้ก็มีแค่ชุดลำลอง รองเท้า เสื้อคลุม และหมวกเท่านั้น ส่วนของอย่างอื่น จะมีมาหลังจากประกาศผลสอบเรียบร้อยแล้ว
เรเวียลมาส่งที่หน้าสิ่งปลูกสร้างรูปปริซึมที่เต็มไปด้วยชั้นใต้ดินมากมาย ลักษณะของมันเหมือนรังลับขององค์กรอะไรสักอย่าง ทางเข้าอยู่ที่ชั้นบนสุด(ชั้นแรก) และก็ลึกลงไปใต้ดินเรื่อยๆ โดยจะแบ่งเป็นชั้นๆ ซึ่งมีรูปแบบคล้าย อาคารทั่วไปในโซฟิอา(แต่ไม่ชินเลยสำหรับเฮซิล) เพียงแต่ที่นี่ดูน่าเกรมขามกว่าหลายเท่านัก ผนังของกิลด์เป็นสีแดงเข้ม บางครั้งอาจได้ยินเสียงซ่าๆ เหมือนน้ำไหล ในบางชั้นจะเป็นห้องโถงกว้าง ส่วนบางชั้นก็จะแบ่งเป็นห้องเล็กๆ หลายห้อง แต่ละห้องมีประตูหลวมๆ กั้นไว้ และบางห้องก็เต็มไปด้วยความผันผวนแห่ง’คลื่น ...สถานที่นี้เรเวียลบอกว่าเป็นที่อยู่ของเฮซิล
"เอ้านี่ ตราประจำตัวชั่วคราว ใช้เข้าออกกิลด์ได้ ของจริงจะได้เมื่อผลการสอบประกาศออกไปแล้ว...แล้วจำไว้อีกเรื่อง ห้ามบอกชื่อจริงของเธอกับใครเป็นอันขาด เวลาอยู่ที่นี่ ชื่อของเธอคือ เรย์นิล...ราตรีสวัสดิ์"
กิลด์...เรเวียลเรียกสิ่งๆ นั้นว่า กิลด์...สินะ
เรย์นิล...คำที่ได้จากการต่อรหัสรายงานสองคำนั่น จะกลายเป็นรหัสประจำตัวของเขา เอาล่ะ ชีวิตของเรย์นิล คงจะเป็นชีวิตใหม่ที่เฮซิลต้องเผชิญแล้วสินะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น