คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : การรัวปืนของกัปตัน
ภาพตรงหน้าผมมันช่างเหมือนกับปาฏิหาริย์ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ผมคิดว่าจะเจอ แต่แน่นอน มันก็เป็นสิ่งแรกที่ผมอยากจะเจอเช่นกัน ภาพโลหะ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนและอนุพันธ์ของมันปริมาณมหาศาลที่กระจายอยู่ในพื้นที่และเคลื่อนที่อย่างเป็นระบบ นั้นได้จุดประกายไฟแห่งความหวังที่กำลังจะดับมอดให้ลุกโชติช่วงประดุจคบเพลิงยักษ์ที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแม้กระทั่งคู่ปรับอย่างคืนที่ฝนตกหนักก็ตาม เพราะภาพตรงหน้านั้นมันช่างเหมือนกับในฐานข้อมูลเสียเหลือเกิน......
นี่คือหนึ่งในโรงงานที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกเก่าของพวกมนุษย์!!!
แต่ก็แน่ล่ะ พวกมันคงไม่ยอมให้ผมใช้ทรัพยากรอันมีค่าของพวกมันง่ายๆ แน่ และอาจจะต้องเกิดการต่อสู้กันเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรเหล่านี้.............และหากจำเป็น มันก็ต้องทำเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์โลกเก่าเอง......แน่นอน มันมีวิธีที่ได้ผลดีกว่านั้น นั่นคือการแอบเข้าไปอยู่ในระบบของพวกมันอย่างลับๆ แล้วก็จัดการซ่อมแซมยานนี่ซะ โดยไม่ให้เจ้าของโรงงานที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์แห่งนี้รู้ตัวซะก่อน เจ้าคอมพิวเตอร์ของยานที่แสนจะฉลาดเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ที่พบได้ในโลกนี้เองก็คงจะคิดเหมือนผม เมื่อมันเริ่มส่ง Probe ไปสอดแทรกตามจุดต่างๆ ของโรงงานอย่างชาญฉลาดเพื่อที่จะแทรกตัวในกระบวนการเก็บ Input ไม่ว่าจะเป็นสสารหรือพลังงานก็ตาม หรือแม้กระทั่งตัวกระบวนการต่างๆ เองที่พอจะเป็นประโยชน์กับยานที่กำลังใช้การไม่ได้...
แต่ด้วยความที่ในตอนแรกพวก Probe ขุดเจาะนั้นได้ขุดเจาะอย่างรุนแรงและไม่ระมัดระวัง จนไปเปิดระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นมา ในแวบแรกนั้น ผมคิดว่าแผนการสอดแทรกไปขโมยทรัพยากรอย่างลับ ๆ นั้นล้มเหลวเสียแล้ว เพราะระบบรักษาความปลอดภัยนั้นได้เปิดใช้งานในระดับสูงสุด แต่ทว่า มันกลับไม่สามารถตรวจพบ Probe ที่ผมส่งไปแทรกในระบบของโรงงานได้เลย! แต่ทั้งนี้ผมก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะแม้มันจะไม่สามารถตรวจพบ Probe ที่เนียนอยู่ในระบบของพวกมัน แต่มันก็ต้องพบ หน่วยที่ยังอยู่ข้างนอก ยานสีส้มแดงที่พาผมมาที่นี่ และที่ปฏิเสธไม่ได้...ตัวผมเอง
สถานการณ์แบบนี้สามารถมองได้กรณีเดียวเท่านั้น นั่นคือการต่อสู้ซึ่งๆ หน้าระหว่างผมและ Probe ติดอาวุธ กับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดระบบหนึ่งในดาว Sol-3 นี่ถ้าหากผมมียุทโธปกรณ์พร้อมแล้วละก็...พวก ปืนเลเซอร์ และหุ่นรบทั้งที่เป็นแบบ Humanoid และ Vehicle type พวกนี้ก็เป็นแค่เศษขยะที่ไม่มีพิษสงใดๆ นอกจากความรำคาญที่มันจะให้พวกผมมาก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ มันกลับจู่โจมมาในสภาวะที่ผมไม่พร้อมมากที่สุด พวก Probe ส่วนใหญ่ก็ถูกปลดอาวุธเพื่อลดการใช้พลังงานให้เหลือน้อยที่สุด และอาวุธหลักของตัวยานเองก็ใช้ไม่ได้ ดังนั้น นอกจาก Probe ที่จะใช้หลักการทางกลไกในการปลดอาวุธพวกหุ่นรบและปืนแล้ว ก็เหลือผมกับอาวุธเพียงอย่างเดียวที่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะมันไม่ได้ใช้พลังงานทั้งจากระบบและสิ่งแวดล้อมมากเหมือน Energy Compressor หรือ พลังทำลายที่มากเกินไปอย่าง Dissipator เพราะมันจะทำลายทรัพยากรอันสุดแสนจะมีค่าสำหรับผม ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ก็มีแค่เครื่องยิง EMP Dispatcher ซึ่งเป็นการปลดอาวุธหน่วยสั่งการของศัตรูเท่านั้น
แล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น เมื่อประตูลับไม่ต่ำกว่าสิบจุดในโรงงานได้เปิดออก แล้วทั้งปืนติดตั้ง รถถัง ทั้งหุ่นยนต์ Humanoid ก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับระดมกระสุนทุกอย่างยิงใส่เป้าหมายที่อยู่ใกล้ที่สุดแบบสุ่ม...โชคยังดีที่มันไม่ได้เล็งมาที่ยานก่อน เพราะตัวผมน่ะ ใส่เกราะที่ดีพอจะกันพวกนี้ได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว...แต่อย่างน้อยมันก็ได้แสดงศักยภาพของอาวุธในโลกเก่าให้ผมเห็นความสำคัญของมันได้บ้าง เพราะพวก Probe ของผมนั้นไม่สามารถเข้าไปประชิดเพื่อปลดอาวุธหน่วยรบของศัตรูได้เลย อีกทั้งยังได้รับความเสียหายพอสมควร พวกนั้นมันใช้ smart weapons เป็นแล้วรึนี่
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ชัยชนะก็ไม่สามารถเข้าข้างพวกนั้นง่ายๆ หรอก เพราะ ผมน่ะ ยิงปืนแม่นในระดับเดียวกับ โฟติเอลแห่งบีโฮลเดอร์เชียวนะ..........หลังจากที่ Probe ของผมพ่ายแพ้ในการปะทะกันของทัพหน้า ผมก็มาช่วยยิงอย่างรวดเร็วและแม่นยำ จัดการปลดอาวุธมันแบบทีละตัวๆ จนกองทัพของมันหายไปกว่าครึ่ง....
แต่แล้วพวกมันกลับฉลาดพอที่จะเล็งเป้าหมายทั้งหมดมาที่ตัวผม เพื่อเตือนว่าผมประมาทจนเกินไปแล้ว เพราะหากพวกมันทั้งหมด กรูเข้ามารุมผม ดีไม่ดี หากพวก หุ่นรบ สามารถเข้าประชิดผมได้และได้เริ่มการโจมตีทางกายภาพ ผมก็อาจจะถูกพวกมันบดจนเป็นเศษขยะได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเริงร่าได้เลย หากมันเกิดขึ้นจริง ผมไม่ได้เข้าตาจนแบบนี้มานานแล้ว(ไม่นับการค้นหาเมื่อไม่นานมานี้)...
บัดนี้ การยิงอย่างช้าๆ ที่เน้นความแม่นยำสูงสุดเหมือนพวกซุ่มยิงที่ผมแสนจะภูมิใจนั้นต้องพักไว้ก่อน ต่อไปนี้จะเป็นการยิงเพื่อเอาชีวิตรอด ที่เกิดจากความประมาทอย่างงี่เง่าของผม ด้วยสามัญสำนึก ผมรีบยิงปลดอาวุธพวกที่ตัวใหญ่พอที่จะทุบผมให้แบนได้ก่อน แต่ไม่ว่าจะยิงไปเท่าไหร่ พวกหน่วยรักษาความปลอดภัยก็กรูกันมาที่ตัวผม พร้อมกับยิงอาวุธที่ดีที่สุดเท่าที่พวกมันจะมี มาที่ผมด้วย....พวกมันฉลาดกว่าที่ผมคิดไว้มากจริงๆ นี่จะเป็นศัตรูที่น่ากลัวกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายเท่า
ผมยิงไป วิ่งหนีไป โดยไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นนอกจากสร้างเอาตัวให้รอดเท่านั้น คือ ขอแค่ ยิงให้มันโดนก็พอ ไม่ต้องไปเล็งอะไรมากมาย และการหนีของผมก็เป็นการหนีเพื่อเอาชีวิตรอด นี่คือการต่อสู้ที่ผมไม่หวังอะไรแล้วทั้งนั้น ขอให้เวลาเช่นนี้มันจบลงด้วยเถิด ยิ่งยิงไปก็ยิ่งภาวนา รู้สึกตัวอีกทีก็คงไม่ยิงไปแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยนัดและ....
การหนีอย่างเอาเป็นเอาตายของผมคงจะสร้างพื้นที่และเวลามากพอที่จะทำให้พวก Probe ปลดอาวุธพวกนี้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ซึ่งจะลดความลำบากของผมไปได้ในระดับหนึ่ง.....ซึ่งพวก Probe ก็ทำได้ดีเกินคาด เพราะหุ่นเล็กๆ เหล่านี้ สามารถสกัดรถถังขนาดที่ใหญ่กว่ามัน เป็นร้อยเท่าได้ อย่างไรเสีย Probe พวกนี้ก็เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงนะ ล้ำหน้าพวกหุ่นพวกนี้ไม่รู้เท่าไหร่...และแน่นอน มันถูกขัดขวางจนเป็นเป้านิ่งให้ผมได้ยิงปลดอาวุธอย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างจากไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้มากนัก
จนไม่ช้า หน่วยรักษาความปลอดภัยที่เคยสร้างความหวาดหวั่นได้บ้างก็ไม่เหลืออะไรนอกจาก ปืนที่ยิงไม่ได้ รถถังที่ดับสนิท แล้วก็หุ่นยนต์ที่บางตัวก็ไม่ไหวแม้กระทั่งจะยืน...
ภาพที่ผมรัวกระสุนในศัตรูที่มีจำนวนมากกว่ามากนั้นได้ทำให้ผมนึกถึงภาพๆ หนึ่ง ภาพของเด็กสาวที่ชื่อโฟติเอล กับตำนานการทำลายล้างที่เธอเคยสร้างไว้เมื่อสิบปีก่อน ซึ่งผมเองก็ยังสงสัยว่าในขณะที่เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น เธอมีความคิดเพียงเพื่อเอาชีวิตรอดเหมือนผมรึเปล่า เพราะในตอนนั้นเธอเองก็เพิ่งจะถูกเอเลียนลักพาตัวไปด้วย ซึ่งสภาพคงไม่ต่างจากการที่ผมกับยานของผมตกมาบนโลกนี้เท่าไหร่หรอก นั่นหมายความว่า ถ้าหากเธอยังสามารถต่อสู้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งได้ ก็นับว่าเธอมีหัวใจที่แข็งแกร่งกว่าผมมากนัก จิตใจอันแข็งแกร่งของนักรับแห่งบีโฮลเดอร์...และแม้สิ่งที่ผมเพิ่งทำไปมันจะง่ายกว่ามากนัก แต่ความสำคัญต่อกาแล็กซีก็คงจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเป็นแน่
แล้วในตอนนี้ไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะพวกซากหุ่น รถถัง แล้วก็อาวุธน่ะ มันเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการซ่อมแซมยานอย่างที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้
นี่คือหนึ่งในโรงงานที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกเก่าของพวกมนุษย์!!!
แต่ก็แน่ล่ะ พวกมันคงไม่ยอมให้ผมใช้ทรัพยากรอันมีค่าของพวกมันง่ายๆ แน่ และอาจจะต้องเกิดการต่อสู้กันเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรเหล่านี้.............และหากจำเป็น มันก็ต้องทำเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์โลกเก่าเอง......แน่นอน มันมีวิธีที่ได้ผลดีกว่านั้น นั่นคือการแอบเข้าไปอยู่ในระบบของพวกมันอย่างลับๆ แล้วก็จัดการซ่อมแซมยานนี่ซะ โดยไม่ให้เจ้าของโรงงานที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์แห่งนี้รู้ตัวซะก่อน เจ้าคอมพิวเตอร์ของยานที่แสนจะฉลาดเมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ที่พบได้ในโลกนี้เองก็คงจะคิดเหมือนผม เมื่อมันเริ่มส่ง Probe ไปสอดแทรกตามจุดต่างๆ ของโรงงานอย่างชาญฉลาดเพื่อที่จะแทรกตัวในกระบวนการเก็บ Input ไม่ว่าจะเป็นสสารหรือพลังงานก็ตาม หรือแม้กระทั่งตัวกระบวนการต่างๆ เองที่พอจะเป็นประโยชน์กับยานที่กำลังใช้การไม่ได้...
แต่ด้วยความที่ในตอนแรกพวก Probe ขุดเจาะนั้นได้ขุดเจาะอย่างรุนแรงและไม่ระมัดระวัง จนไปเปิดระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นมา ในแวบแรกนั้น ผมคิดว่าแผนการสอดแทรกไปขโมยทรัพยากรอย่างลับ ๆ นั้นล้มเหลวเสียแล้ว เพราะระบบรักษาความปลอดภัยนั้นได้เปิดใช้งานในระดับสูงสุด แต่ทว่า มันกลับไม่สามารถตรวจพบ Probe ที่ผมส่งไปแทรกในระบบของโรงงานได้เลย!
แต่ทั้งนี้ผมก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะแม้มันจะไม่สามารถตรวจพบ Probe ที่เนียนอยู่ในระบบของพวกมัน แต่มันก็ต้องพบ หน่วยที่ยังอยู่ข้างนอก ยานสีส้มแดงที่พาผมมาที่นี่ และที่ปฏิเสธไม่ได้...ตัวผมเอง
สถานการณ์แบบนี้สามารถมองได้กรณีเดียวเท่านั้น นั่นคือการต่อสู้ซึ่งๆ หน้าระหว่างผมและ Probe ติดอาวุธ กับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดระบบหนึ่งในดาว Sol-3 นี่ถ้าหากผมมียุทโธปกรณ์พร้อมแล้วละก็...พวก ปืนเลเซอร์ และหุ่นรบทั้งที่เป็นแบบ Humanoid และ Vehicle type พวกนี้ก็เป็นแค่เศษขยะที่ไม่มีพิษสงใดๆ นอกจากความรำคาญที่มันจะให้พวกผมมาก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ มันกลับจู่โจมมาในสภาวะที่ผมไม่พร้อมมากที่สุด พวก Probe ส่วนใหญ่ก็ถูกปลดอาวุธเพื่อลดการใช้พลังงานให้เหลือน้อยที่สุด และอาวุธหลักของตัวยานเองก็ใช้ไม่ได้ ดังนั้น นอกจาก Probe ที่จะใช้หลักการทางกลไกในการปลดอาวุธพวกหุ่นรบและปืนแล้ว ก็เหลือผมกับอาวุธเพียงอย่างเดียวที่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะมันไม่ได้ใช้พลังงานทั้งจากระบบและสิ่งแวดล้อมมากเหมือน Energy Compressor หรือ พลังทำลายที่มากเกินไปอย่าง Dissipator เพราะมันจะทำลายทรัพยากรอันสุดแสนจะมีค่าสำหรับผม ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ก็มีแค่เครื่องยิง EMP Dispatcher ซึ่งเป็นการปลดอาวุธหน่วยสั่งการของศัตรูเท่านั้น
แล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น เมื่อประตูลับไม่ต่ำกว่าสิบจุดในโรงงานได้เปิดออก แล้วทั้งปืนติดตั้ง รถถัง ทั้งหุ่นยนต์ Humanoid ก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับระดมกระสุนทุกอย่างยิงใส่เป้าหมายที่อยู่ใกล้ที่สุดแบบสุ่ม...โชคยังดีที่มันไม่ได้เล็งมาที่ยานก่อน เพราะตัวผมน่ะ ใส่เกราะที่ดีพอจะกันพวกนี้ได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว...แต่อย่างน้อยมันก็ได้แสดงศักยภาพของอาวุธในโลกเก่าให้ผมเห็นความสำคัญของมันได้บ้าง เพราะพวก Probe ของผมนั้นไม่สามารถเข้าไปประชิดเพื่อปลดอาวุธหน่วยรบของศัตรูได้เลย อีกทั้งยังได้รับความเสียหายพอสมควร พวกนั้นมันใช้ smart weapons เป็นแล้วรึนี่
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ชัยชนะก็ไม่สามารถเข้าข้างพวกนั้นง่ายๆ หรอก เพราะ ผมน่ะ ยิงปืนแม่นในระดับเดียวกับ โฟติเอลแห่งบีโฮลเดอร์เชียวนะ..........หลังจากที่ Probe ของผมพ่ายแพ้ในการปะทะกันของทัพหน้า ผมก็มาช่วยยิงอย่างรวดเร็วและแม่นยำ จัดการปลดอาวุธมันแบบทีละตัวๆ จนกองทัพของมันหายไปกว่าครึ่ง....
แต่แล้วพวกมันกลับฉลาดพอที่จะเล็งเป้าหมายทั้งหมดมาที่ตัวผม เพื่อเตือนว่าผมประมาทจนเกินไปแล้ว เพราะหากพวกมันทั้งหมด กรูเข้ามารุมผม ดีไม่ดี หากพวก หุ่นรบ สามารถเข้าประชิดผมได้และได้เริ่มการโจมตีทางกายภาพ ผมก็อาจจะถูกพวกมันบดจนเป็นเศษขยะได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเริงร่าได้เลย หากมันเกิดขึ้นจริง ผมไม่ได้เข้าตาจนแบบนี้มานานแล้ว(ไม่นับการค้นหาเมื่อไม่นานมานี้)...
บัดนี้ การยิงอย่างช้าๆ ที่เน้นความแม่นยำสูงสุดเหมือนพวกซุ่มยิงที่ผมแสนจะภูมิใจนั้นต้องพักไว้ก่อน ต่อไปนี้จะเป็นการยิงเพื่อเอาชีวิตรอด ที่เกิดจากความประมาทอย่างงี่เง่าของผม ด้วยสามัญสำนึก ผมรีบยิงปลดอาวุธพวกที่ตัวใหญ่พอที่จะทุบผมให้แบนได้ก่อน แต่ไม่ว่าจะยิงไปเท่าไหร่ พวกหน่วยรักษาความปลอดภัยก็กรูกันมาที่ตัวผม พร้อมกับยิงอาวุธที่ดีที่สุดเท่าที่พวกมันจะมี มาที่ผมด้วย....พวกมันฉลาดกว่าที่ผมคิดไว้มากจริงๆ นี่จะเป็นศัตรูที่น่ากลัวกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายเท่า
ผมยิงไป วิ่งหนีไป โดยไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นนอกจากสร้างเอาตัวให้รอดเท่านั้น คือ ขอแค่ ยิงให้มันโดนก็พอ ไม่ต้องไปเล็งอะไรมากมาย และการหนีของผมก็เป็นการหนีเพื่อเอาชีวิตรอด นี่คือการต่อสู้ที่ผมไม่หวังอะไรแล้วทั้งนั้น ขอให้เวลาเช่นนี้มันจบลงด้วยเถิด ยิ่งยิงไปก็ยิ่งภาวนา รู้สึกตัวอีกทีก็คงไม่ยิงไปแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยนัดและ....
การหนีอย่างเอาเป็นเอาตายของผมคงจะสร้างพื้นที่และเวลามากพอที่จะทำให้พวก Probe ปลดอาวุธพวกนี้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ซึ่งจะลดความลำบากของผมไปได้ในระดับหนึ่ง.....ซึ่งพวก Probe ก็ทำได้ดีเกินคาด เพราะหุ่นเล็กๆ เหล่านี้ สามารถสกัดรถถังขนาดที่ใหญ่กว่ามัน เป็นร้อยเท่าได้ อย่างไรเสีย Probe พวกนี้ก็เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงนะ ล้ำหน้าพวกหุ่นพวกนี้ไม่รู้เท่าไหร่...และแน่นอน มันถูกขัดขวางจนเป็นเป้านิ่งให้ผมได้ยิงปลดอาวุธอย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างจากไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้มากนัก
จนไม่ช้า หน่วยรักษาความปลอดภัยที่เคยสร้างความหวาดหวั่นได้บ้างก็ไม่เหลืออะไรนอกจาก ปืนที่ยิงไม่ได้ รถถังที่ดับสนิท แล้วก็หุ่นยนต์ที่บางตัวก็ไม่ไหวแม้กระทั่งจะยืน...
ภาพที่ผมรัวกระสุนในศัตรูที่มีจำนวนมากกว่ามากนั้นได้ทำให้ผมนึกถึงภาพๆ หนึ่ง ภาพของเด็กสาวที่ชื่อโฟติเอล กับตำนานการทำลายล้างที่เธอเคยสร้างไว้เมื่อสิบปีก่อน ซึ่งผมเองก็ยังสงสัยว่าในขณะที่เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น เธอมีความคิดเพียงเพื่อเอาชีวิตรอดเหมือนผมรึเปล่า เพราะในตอนนั้นเธอเองก็เพิ่งจะถูกเอเลียนลักพาตัวไปด้วย ซึ่งสภาพคงไม่ต่างจากการที่ผมกับยานของผมตกมาบนโลกนี้เท่าไหร่หรอก นั่นหมายความว่า ถ้าหากเธอยังสามารถต่อสู้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งได้ ก็นับว่าเธอมีหัวใจที่แข็งแกร่งกว่าผมมากนัก จิตใจอันแข็งแกร่งของนักรับแห่งบีโฮลเดอร์...และแม้สิ่งที่ผมเพิ่งทำไปมันจะง่ายกว่ามากนัก แต่ความสำคัญต่อกาแล็กซีก็คงจะไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเป็นแน่
แล้วในตอนนี้ไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะพวกซากหุ่น รถถัง แล้วก็อาวุธน่ะ มันเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการซ่อมแซมยานอย่างที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้
ความคิดเห็น