ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lightning

    ลำดับตอนที่ #2 : คลื่น(Weird Wave)

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 48


              นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น…

    ไม่มีผู้ใดพบเห็นกษัตริย์เกรมลินอีกเลย หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ ดีพเวลล์คาดไว้จริงๆ เมื่อแผ่นดินไร้ราชา บ้านเมืองก็ระสับระส่าย เหล่าเจ้าผู้ครองแคว้นต่างอ้างสิทธิ์เหนือราชบัลลังก์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ลอร์ด อะคาบุธได้ใช้วิธีเกลี้ยกล่อมเมืองต่างๆให้สามัคคีกันแล้วจึงตั้งตนขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งในบางกรณีก็ได้ติดสินบนในรูปของเงินช่วยเหลือ บางกรณีก็ใช้คำพูดหว่านล้อม เดิมทีนั้นดีพเวลล์ไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่า อะคาบุธเคยร่วมในกองทัพกบฏมาก่อนในกาลครั้งโน้น แต่ในที่สุดเธอก็ต้องยอมผ่อนตามให้เพราะเจ้าแคว้นส่วนใหญ่ยอมรับอำนาจของลอร์ดอะคาบุธแล้ว ลอร์ดอะคาบุธจึงขึ้นครองบัลลังก์สืบมา...



        ในช่วงเวลานั้น ครอบครัวของเฮซิล ซึ่งเป็นช่างตีเหล็กมีฝีมือได้ย้ายมายังเมืองคาซัส ซึ่งเป็นบริเวณที่ขึ้นชื่อเรื่องอาวุธ ทำให้ได้ใช้วิชาที่สืบทอดมาช้านานจน สร้างฐานะให้ตัวเองขึ้นมาบ้าง

    ครั้นพอเฮซิล จำความได้แล้วทางครอบครัวก็พอมีฐานะพอสมควร เพราะเคยไปรับจ้างตีดาบไพน์เสตลท์ให้กับนักดาบผู้หนึ่งในการประลองยุทธ์ในปี 1779 หลังจากนั้นก็รับจ้างจาก ผู้มีชื่อเสียงอีกหลายคน เมื่อเฮซิลมีอายุได้สี่ขวบก็เคยไปลองตีดาบดูบ้าง หากแต่พลันที่มือน้อยๆ แตะต้องดาบเล่มนั้น คมดาบก็เปล่งประกายไฟออกมา ประกายไฟนั้นหาได้มีสีแดงเหมือนทั่วๆ ไปไม่ แต่กลับมีสีเขียวและสีขาวสลับกันราวกับป่าสนในฤดูหนาว…

    เมื่อมารดาของเขามาเห็นจึงตกใจมาก และรีบวิ่งไปห้ามลูก ทว่า มารดาที่พยายามปกป้องลูกรักนั้นกลับลื่นล้มตกลงไปในเตาหลอมเสียเอง...เฮซิลสูญเสียแม่ไปตั้งแต่บัดนั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อดาบเล่มนั้นเย็นลงแล้ว พ่อของเขาได้นำมันไปศึกษา พบว่าดาบนี้มีคุณสมบัติคล้ายดาบในตำนาน ซึ่งมีราคาสูงมาก แต่ก็ไม่ยอมขาย เก็บไว้เป็นสมบัติล้ำค่าและของดูต่างหน้า...



        เมื่อเฮซิลอายุได้ 8 ขวบ ก็ได้ไปแสดงในงานวันเกิดของเซอร์โอเนียส เจ้าเมืองคาซัส โดยการแสดงครั้งนั้น เฮซิลรับบทนักดาบที่จะเข้าประลอง การแสดงในตอนแรกนั้นก็ดูไม่มีปัญหาอะไร หากแต่เมื่อถึงเวลาที่การปะทะครั้งสุดท้ายกำเนิดขึ้น กลับมีแรงอะไรซักอย่าง บังคับให้เขาเบี่ยงตัวหลบได้อย่างน่าทึ่ง และดึงมือนักดาบจำเป็นที่อยู่ตรงหน้าให้ตวัดดาบกลับมา พร้อมกับโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็วลงไปที่คู่แสดงนั้น ท่ามกลางความตกใจของผู้ชมรอบข้างแม้แต่ปรมาจารย์นักดาบเองนั้นถึงกับอึ้งด้วยความประหลาดใจ เนื่องว่าเป็นท่าที่ใช้กันเฉพาะนักรบชั้นสูงเท่านั้น การที่ผู้อื่นจะใช้นั้นถือได้ว่ายากมาก และโอกาสที่จะเกิดอันตรายมีสูงมาก…ยังดีที่อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีการสูญเสีย มีแต่คำชมที่เพิ่มขึ้นจากเซอร์ โอเนียส... \"ฝีมือยอดเยี่ยมมาก\"



        เมื่อเฮซิล โตขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีญาณวิเศษอะไรบางอย่าง เหมือนเห็น \'คลื่น\'สถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง

    เขาเริ่มศึกษามัน แล้วค้นพบว่ามันมีสภาพที่ตายตัวแน่นอน ยกเว้นบางบริเวณเท่านั้นที่ลักษณ์ของมันผิดไป เช่น บริเวณหอคอยหรือถ้ำ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางบริเวณที่เกิดสภาพแปลกๆ ทั้งที่เป็นพื้นที่ธรรมดา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องหาคำตอบต่อไป เขาศึกษามันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง พื้นที่ที่เคยมีลักษณ์แห่งคลื่นปกติ แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของมัน เหมือนมีอำนาจเหนือธรรมชาติมาคอยบงการ



    เฮซิลรีบกระโจนเข้าไปหามันทันที...



    โครม!!!



        ร่างของเขาได้ปะทะกับม้าตัวหนึ่งที่กำลังควบมาด้วยความเร็วสูง บุรุษที่อยู่บนหลังม้านั้นตกจากม้าในทันที เขาแต่งตัวแปลกตา แน่นอนว่าไม่เคยมีใครพบเห็นเครื่องแต่งกายที่ว่าในแถบนี้ ยิ่งเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้ว เฮซิลก็สังเกตได้ว่าใบหน้าของเขานั้น ไม่เหมือนผู้คนทั่วไป บุรุษผู้นี้มีใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา ผมสีทองเป็นประกาย ในมือนั้นถืออาวุธรูปร่างแปลกตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต นอกจากนั้นเขายังไม่พบว่าคมอาวุธนั้นอยู่บริเวณใด แต่อย่างไรมันก็ไม่สามารถทนแรงกระแทกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้ มันหักออกเป็นสองท่อน ท่อนหนึ่งยังอยู่ในมือของบุรุษลึกลับผู้นั้นไว้แน่น อีกท่อนหนึ่งถูกเก็บขึ้นมาโดยอัศวินที่ควบม้ามาพร้อมกับบุรุษลึกลับผู้นั้น แม้เฮซิลจะเคยเห็นอัศวินมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยเห็นอัศวินที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของ \'คลื่น’ เลย จึงสรุปได้ว่าบุรุษลึกลับน่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของ \'คลื่น\'...

        ...ด้วยความที่มัวแต่สนใจ’คลื่น’จนลืมสนใจถึงอาการบาดเจ็บของตัวเอง ครั้นพอมองเห็นเลือดที่อาบอยู่บนร่าง ลูกนักตีดาบก็หมดสติไป...



        เฮซิลตื่นมาอีกครั้ง พบตัวเองอยู่บนเตียงในโรงหมอ เต็มไปด้วยแผลมากมาย ไม่มีแรงที่แม้แต่จุลุกขึ้นนั่งและยังจำอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่ค่อยดีนัก แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมา พ่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับอัศวินที่พบตอนเกิดเหตุพร้อมกับได้ยินเสียงสนทนาระหว่างพ่อกับอัศวิน



        \"เรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นยังไง\"

        \"จู่ๆ ลูกท่านก็โผเข้ามาขวางม้าของเราในระยะประชิด ท่านดากริโอ หลบไม่ทัน เลยชนเข้าเต็มแรง\" ประโยคนี้ได้ทำให้เฮซิลนึกขึ้นได้อีกครั้ง

        \"ตอนนี้ท่านดากริโอ เป็นอย่างไรบ้าง\"

        \"ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ท่านหมอบอกว่าคงต้องให้นอนพักอีกสักระยะหนึ่ง เราคงไปต่อไม่ได้\"

    ...ดากริโอ คงหมายถึงบุรุษลึกลับคนนั้นสินะ เขากับอัศวินกำลังเดินทางไปไหน และจะไปทำไม...

    แต่แล้วเสียงพูดคุยกันก็เบาลงเรื่อยๆ จนเฮซิลฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วก็หมดสติไปอีกครั้ง



        เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตัวการแห่งอุบัติเหตุกลับพบเพียงพ่อที่มาคอยปรนนิบัติ แต่เมื่อเขาถามพ่อเรื่องนั้น กลับไม่ได้รับคำตอบ

    หลายวันผ่านไป เขาตื่นขึ้น มองเห็น พ่อ อัศวิน และ ดากริโอ ยืนอยู่ข้างๆ ขณะนี้อาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถลุกเดิน ไปไหนมาไหนได้แล้ว จนดูหายเป็นปกติ วันนี้คนทั้งสามนั้นมารับเขาออกจากโรงพยาบาล เมื่อมาถึงบ้านเขาก็ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เขาอยากรู้ ดากริโอ ผู้นี้เป็นจอมเวทย์เอลฟ์ที่กำลังจะเดินทางไปเมือง เซเซอร์ทางตะวันออก โดยมีอัศวินเป็นสหาย แต่เมื่อผ่านเมืองคาซัส ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน ทำให้การเดินทางล่าช้า มิหนำซ้ำ ยังทำให้คทาของเขานั้น หักเป็นสองท่อน พ่ออาสาที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยเสนอว่า ถ้าอยากชดใช้จริงก็ทำคทาอันใหม่ให้จะดีกว่า พ่อจึงตอบตกลง การสร้างคทาครั้งนี้ใช้เวลาราว 1 เดือน ระหว่างนี้ ดากริโอก็เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองในช่วงนี้ เช่น  ควันที่พวยพุ่งออกมาอย่างประหลาดในแคว้นโอซิส ซึ่งทำให้บรรยากาศบริเวณนั้น ได้ดูน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันก็แผ่ขยายจนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทุกขณะ นั่นคือสาเหตุของการประชุมที่เซเซอร์ เพื่อรับมือกับเรื่องนี้ ยังดีที่รีบมา เลยยังไปประชุมทันอยู่…

    หลังจากได้ฟังเรื่องนี้เฮซิลก็มองดูแผนที่พบว่า แคว้นโอซิสนั้น หาได้อยู่ไกลแสนไกลไม่ เพียงแต่ห่างออกไปจากจุดที่เขาอยู่ไม่ถึง 100 ไมล์เท่านั้น ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจของเด็กชาย มันกระตุ้นจินตนาการไปถึงว่า \'คลื่น\' ในบริเวณนั้น จะมีลักษณ์เป็นเช่นไรหนอ…



    ส่วนอัศวินนั้น ก็เล่าเรื่องสงครามต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น กบฏดูมเกลดในปี 1766

    หรือสงครามครั้งสำคัญในสมัยของราชาเกรมลิน และเรื่องอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เฮซิลไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่มันก็ทำให้โลกของเขากว้างขวางออกไปจากเดิมมาก



        ด้วยความที่เข็ดกับอุบัติเหตุครั้งนั้น เฮซิลจึงไม่พยายามไปขวางความเป็นไปของคลื่นอีกเลย จนกระทั่ง เย็นวันหนึ่งในฤดูร้อนปี 1790 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง\"คลื่น\"ที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อความดื้อรั้นสามารถเอาชนะความหวาดกลัวได้สำเร็จ เขาจึงออกไปสืบหาต้นตอ ยิ่งเข้าไปใกล้ ‘คลื่น’ก็ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ แรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ทันใดนั้นสติสัมปชัญญะของเขาก็ลดลงเรื่อยๆ จนไม่รู้สึกตัว เมื่อถึงจุดกำเนิดของมัน…



    ตูม!!!



    ความรู้สึกเหมือนไปปะทะกับอะไรบางอย่าง แต่สายตาคู่นั้นมองเห็นเพียงความว่างเปล่า

    ขณะเดียวกัน \'คลื่น\' ก็มารวมตัวกันที่จุดนั้นและกระจายออกไปโดยรอบอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทว่า…กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น \'คลื่น\'กลับสู่ภาวะปกติ หนักไปกว่านั้น ไปถามใครก็ไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์นี้ แม้กระทั่งเสียงตูมเมื่อครู่...



        เช้าวันรุ่งขึ้น เฮซิลนอนตื่นสายอีกตามเคย แต่คราวนี้กลับถูกพ่อปลุกตั้งเช้า พ่อบอกว่ามีคนอยากจะพบด้วย คนขี้เซาจึงงัวเงียลงจากเตียง และเปิดประตูออกมา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×