ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สงคราม(เพื่อให้ข้า)ศักดิ์สิทธ์ War for Pious

    ลำดับตอนที่ #2 : ทางเลือกแห่งองค์ราชันย์

    • อัปเดตล่าสุด 6 ม.ค. 51


                    เวลาเดียวกัน

     

    ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่งในเขตเทือกเขาสตริง เทือกเขาที่อยู่ชายขอบทางทิศเหนือของอาณาจักรอิลลูซิออง ดินแดนที่อุดมไปด้วยความแห้งแล้งที่แทบจะหาพืชใดๆ ปลูกแทบไม่ได้ แต่จะมีสักกี่คนรู้ ที่ชายแดนตรงนี้เป็นแหล่งหินชั้นดี รวมไปถึงเคยเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญในอดีต ก่อนที่ไฟแห่งสงครามจะเผาผลาญความพลุกพล่านของที่นี่จนเหลือเพียงความทรงจำ

     

                    ข้ารู้ ว่าอำนาจของโรมและอิลลูซิอองนับวันมีแต่จะเสื่อม แต่ข้าจะทำเช่นใดได้เล่าสตรีร่างใหญ่นางหนึ่งเอ่ยขึ้น ผมสีดำที่ปล่อยให้ปลิวไปตามลม ของนางเริ่มมีสีขาวแซม นางเป็นคนผิวค่อนข้างคล้ำผิดกับชาวอิลลูซิอองโดยทั่วไป ด้วยสังขารทำให้ร่างใหญ่ของนางเต็มไปด้วยไขมันและรอยเหี่ยวย่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องลงไปยังแผ่นดินเบื้องล่าง แผ่นดินที่นางรักยิ่งกว่าสิ่งใด แผ่นดินที่ทุกๆ คนในนั้นต้องเชื่อฟังและเคารพนาง แผ่นดินที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรสุดขอบฟ้าและเป็นแผ่นดินที่กำลังเสื่อมลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

                    ฝ่าบาท กระหม่อมเข้าใจสิ่งที่ทำให้ท่านกังวลอยู่ในตอนนี้ และกระหม่อมก็พอจะรู้ทางแก้ของมัน เพียงแต่ว่า กระหม่อมยังสงสัยนักว่าท่านต้องการสิ่งใดชายหนุ่มผมสีน้ำตาลในชุดสบายๆ สีกรมท่า เข็มขัดสีเงินที่รัดไว้บ่งบอกว่าเขามีรูปร่างผอมเพรียว เมื่อผนวกกับแขนขาที่ยาวเรียวแล้วทำให้เชื่อได้ว่าเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วแม่นยะ และหากพิเคราะห์อย่างละเอียดจะพบเครื่องประทินผิวบางอย่างบนใบหน้าของชายคนนี้ คนๆ นี้มีนามว่าพังค์ซาล็อต ปรมาจารย์ด้านการจารกรรมผู้มียศเป็นถึงเจ้าชายแห่งพังค์ [1] รัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งราชบัลลังก์อิลลูซิอองกล่าวแก่สตรีร่างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

                    เราต้องการอำนาจทั้งหมดให้กลับมาอยู่ในมือเรา และเราจะใช้อำนาจนั้นนำพาอิลลูซิอองให้ยิ่งใหญ่ดังเดิมหญิงสูงวัยตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ทรงอำนาจ ดวงตาทั้งสองข้าของเธอยังมองไปที่แผ่นดินเบื้องล่าง

                    แต่ราชินีฟาตาเลีย ข้าเกรงว่า เป้าหมายทั้งสองของพระองค์นั้นไม่สามารถทำให้สำเร็จพร้อมกันได้...หากพระองค์ประสงค์ พระองค์ก็จำเป็นต้องเลือก...ระหว่างการฟื้นฟูอิลลูซิอองโดยรวม หรือการฟื้นฟูอำนาจของพระองค์เอง...พระองค์สามารถเลือกได้เพียงหนึ่งเท่านั้นพังค์ซาล็อต ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นกษัตริย์แห่งอิลลูซิออง[2]แม้ว่าบางกลุ่มจะบอกว่าในตอนนั้นเขาเป็นเพียงผู้สำเร็จราชการให้ราชินีฟาตาเลียก็ตามที ให้ทางเลือกแก่ราชินีแห่งอิลลูซิออง

                    เราพอจะเข้าใจความหมายของท่าน...เพราะหากเราจะมุ่งพัฒนาอิลลูซิอองโดยรวม เราก็มองเห็นแล้วว่า อำนาจของโรม หรือแม้แต่พังค์เอง ก็จะยิ่งเสื่อม และจะมีกลุ่มอำนาจใหม่เข้ามาคุมราชสำนัก และหากเป็นเช่นนั้น เราก็คงไม่สามารถเรียกมันว่าอิลลูซิอองได้อย่างเต็มปากเต็มคำราชินีตัดสินใจเลือกทางที่ทำให้พังค์ต้องถอนหายใจ

                    แต่หากพระองค์ประสงค์ที่จะทำเพื่อโรม อาณาจักรจะตกต่ำลงไปอีก...จอมโจรพยายามเตือน

                    ไม่ว่าอิลลูซิอองจะตกต่ำเพียงใดเราก็สามารถฟื้นฟูมันได้ เหมือนอย่างในยุคเก่าก่อน...ท่านก็รู้ศักยภาพของโรมนี่นาสตรีร่างใหญ่กล่าวแก่พังค์ ขณะพูด น้ำตาเริ่มเอ่อล้นเบ้าตาของนาง เหมือนนางเองก็หวั่นใจกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด

                    แต่ฝ่าบาท กระหม่อมขอเตือนครั้งสุดท้าย หากพระองค์เลือกทางนี้ พระองค์จะไม่สามารถเดินกลับไปได้อีก และก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าพระองค์จะทำสำเร็จ และหากสำเร็จ ผลที่ตามมาก็อาจจะไม่สูงอย่างที่หวังไว้เจ้าชายแห่งพังค์ เตือนเป็นครั้งสุดท้าย แม้เขาจะไม่แยแสกับทางเลือกของเจ้าแห่งโรม แต่เขาก็หวังให้นางเลือกทางที่ดีที่สุด

                    เราตัดสินใจแล้ว ท่านมีแผนอะไร บอกข้ามาราชินียืนยันด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง

                    พระองค์เห็นใครที่มีอิทธิพลมากพอที่จะคุกคามพวกเราได้บ้างพะยะค่ะพังค์ซาลอตถามกษัตริย์ หญิงร่างใหญ่ไม่ตอบ เพราะคำถามที่เจ้าชายเอ่ยมานั้น เป็นคำถามที่ผู้ถามต้องเป็นฝ่ายตอบเอง สิ่งที่ดีที่สุดที่ฝ่ายที่ถูกถามทำได้ก็คือเงียบ

                    จากข้อมูลที่กระหม่อมมี ผู้มีอิทธิพลที่มากพอที่จะคุกคามราชสำนักได้ก็มี ดยุคลัฟเฟอร์แห่งบลอสซัม ลอร์ด ริชาร์ดแห่งคูรอน ลอร์ด เฮวาทาแห่งโพคาฮอนเทีย เจ้าหญิง อะริเอนแห่งเวเนฟิเซียม แล้วก็บารอนเนส โมรันดาแห่งดีรัลล์พังค์ซาล็อตแจงผู้มีอิทธิพลฝ่ายต่างๆ ในอิลลูซิออง

                    เฮวาทานั้นเป็นผู้ถือตราแห่งกำลัง อำนาจของเขานั้นก็มากอยู่ เขามีอิทธิพลต่อเขตภาคกลางที่เรียกได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ แต่เท่าที่เรารู้ เฮวาทาก็ถือว่าจงรักภักดีต่อเรามาก

                    อะริเอน ผู้ถือตราแห่งเวทมนตร์ เจ้าหญิงแห่งอะริเอน จอมปีศาจผู้ยิ่งยงที่สุดในยุคนี้ เธอสามารถมองเห็นได้ทุกจุดบนแผ่นดินนี้ และเวเนฟิเซียมก็ยังเป็นแคว้นที่ขึ้นชื่อเรื่องเวทมนตร์ที่สุดในยุค...แต่เรื่องความจงรักภักดีต่อท่าน คงไม่มีปัญหาเท่าไหร่

                    โมรันดาแห่งดีรัลล์ นี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เราต้องระมัดระวัง แต่อิทธิพลของเธอนั้นไม่น่าจะใหญ่นัก และดูเหมือนว่าเธอจะสนิทกับอะริเอน ฉันก็เชื่อว่า หากเกิดสงครามกลางเมืองจริงๆ เธอจะยังอยู่ฝ่ายเรา...

                    ที่เหลือก็แค่...ลัฟเฟอร์กับ ริชาร์ด...ที่ดูจะเป็นปัญหา เพราะลัฟเฟอร์นั้น...ตอนนี้เขามีกองทหารที่ยิ่งใหญ่ เผลอๆ จะแข็งแกร่งกว่าโรมด้วยซ้ำ มีกองนักฆ่าที่น่ากลัวไม่แพ้พังค์ และคำพูดของเขาเหมือนจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐเล็กๆ ในภาคตะวันตกและภาคใต้มากพอสมควร ส่วนริชาร์ด ฟรีแมนเป็นคนที่ดีมาก เขาทำทุกอย่างบนหลักของเหตุและผล แต่มันก็เป็นไปได้ว่าหากจำเป็น เขาจะเลือกเดินบนเส้นทางแห่งความถูกต้อง ซึ่งมันอาจจะเป็นทางตรงข้ามกับทางของเราก็เป็นได้ และริชาร์ดคนนี้แหละ ที่เป็นที่สงสัยว่า เขาอาจจะเป็นผู้ถือตราคนที่ห้าก็เป็นได้...

                    ตราอิลลูซิอองอันที่ห้า...ตกลงมันมีจริงหรือนี่ฟาตาเลียโพล่งขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ร่างทะมึนของเธอดูเหมือนจะแข็งไปทั้งร่าง มันเป็นเพียงความเชื่อว่าตราอิลลูซิอองนั้นจะมีห้าอัน และหากตราอันที่ห้าปรากฏขึ้นเมื่อใด จะนำอิลลูซิอองเข้าสู่ยุคใหม่ ไม่มีใครรู้ว่าความเชื่อนั้นเป็นจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ตรานั้นจะมาหาผู้ที่มีค่าควรกับมันโดยบังเอิญ อย่างเช่นที่มันเคยเกิดขึ้นกับเธอเมื่อนานมาแล้ว และมันจะนำพลังมาให้ผู้ที่มีมันติดตัวในรูปแบบที่คาดไม่ถึงนี่ถ้าหากมันไปอยู่กับคนอย่างริชาร์ด ราชสำนักที่โรมคงจะไม่มีความสุขกับข่าวนี้แน่ เพราะยุคใหม่นั่น อาจเป็นยุคที่ไม่มีโรมก็เป็นได้

                    ตอนนี้เราก็พบแล้ว สี่อัน อยู่ที่ ข้า ที่ท่าน ที่ เฮวาทา แล้วก็อะริเอน...ส่วนอันที่ห้า...ก็เป็นเพียงข้อสงสัยเท่านั้นแหละกระหม่อม ในฐานะกองสายลับ เราต้องเก็บข้อมูลทุกอย่างที่เป็นไปได้จอมโจรฮาล์ฟลิงอธิบายถึงเหตุผลของข่าวนี้

     

                    ความเงียบบังเกิดขึ้นในการสนทนาระยะหนึ่ง เพราะฝ่ายหนึ่งกำลังกังวลกับเรื่องนี้ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังรอคำสั่ง

     

                    แล้วจะจัดการกับพวกเขาเหล่านี้อย่างไร...ราชินีที่ตอนนี้สติไม่ค่อยอยู่กับตัวเริ่มทำตัวไม่สมกับอายุ

                    อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะพวกเขาเหล่านี้สามารถเป็นมหามิตรได้...

                    เราเข้าใจ ท่านพังค์ และเราก็รู้ด้วยว่าต้องทำอย่างไร...

                    ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว หากพระองค์ประสงค์สิ่งใดจากกระหม่อมและพวกเราชาวพังค์ ก็จงมีพระบัญชามาเถิด...

                    หากเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว...เตรียมประกาศราชโองการด้วย เราจะทำสงครามราชินีเริ่มปรารภ
                    ยังไม่ได้หรอกฝ่าบาท เพราะในตอนนี้เรามีสงครามกับอาณาจักรเฟลอร์ อยู่จ้าวแห่งพังค์เตือน

                    แต่ท่านก็รู้ว่ามันเป็นแค่สงครามกำมะลอ[3] เท่านั้น...มันแค่มีเพื่อให้ความสันติจงกำเนิดแก่ทั้งสองอาณาจักรนี่กษัตริย์เริ่มพูดอย่างหมดความอดทน

                    จะกำมะลอหรือไม่กำมะลอนั่นก็เป็นอีกเรื่อง แต่ที่ตอนนี้ชายแดนเซเซอร์แห่งอิลลูซิอองและไฮลีนแห่งเฟลอร์ลุกเป็นไฟแล้ว...พังค์ซาล็อตแจ้งข่าวสำคัญยิ่งให้ราชินีผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิลลูซิอองทราบ



    [1] Prince of Punk หรือ ผู้ปกครอง Principality of Punk โดย Principality นั้นคือ ดินแดนที่ปกครองโดยเจ้าชาย ซึ่งเป็นขุนนางยศสูงมาก รองจากกษัตริย์และจักรพรรดิตามลำดับ โดนเจ้าชายนั้น อาจจะขึ้นกับกษัตริย์เช่นพังค์ที่ขึ้นกับอาณาจักรอิลลูซิอองหรือปกครองอย่างอิสระก็ได้ ตำแหน่งเจ้าชายที่เป็นผู้ปกครองที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบันอย่างเช่น เจ้าชายแห่งโมนาโก

    [2] ราชาพังค์ซาล็อต เป็นกษัตริย์แห่งอิลลูซิอองในช่วงปี 1647-1659 ก่อนที่จะประกาศว่านั่นไม่ใช่ชะตากรรมของเขา แล้วสละบัลลังก์คืนให้กับราชินีฟาตาเลีย

    [3] สงครามกำมะลอ (Fake War) เกิดจากการตกลงกันระหว่างสองชาติ ว่าจะประกาศว่าจะทำสงครามกัน แต่ไม่ได้รบกันจริง เพื่อเหตุผลทางการทูต หรืออื่นๆ อย่างไรก็ตาม สงครามกำมะลอ ก็เคยเกิดความผิดพลาดถึงขั้นลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามโลกมาแล้วเหมือนช่วงที่อังกฤษทำสงครามกำมะลอกับเยอรมันในช่วงปี ค.ศ. 1939 จนถึงครึ่งแรก ของปี1940 เพราะต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับโปแลนด์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×