คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ญาณวิเศษ....หรือญาณพาซวยกันแน่(Weird Wave)
นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น
ไม่มีผู้ใดพบเห็นกษัตริย์เกรมลินอีกเลย และอิลลูซิอองในกาลต่อมาก็เป็นอย่างที่ ดีพเวลล์คาดไว้จริงๆ เมื่อแผ่นดินไร้ราชา ฟางเส้นสุดท้ายระหว่างเจ้าแคว้นต่างๆ ที่เป็นอริกัน ก็ขาดสะบั้นลง บ้านเมืองระสับระส่าย เหล่าเจ้าผู้ครองแคว้นต่างอ้างสิทธิ์เหนือราชบัลลังก์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ลอร์ด อะคาบุธสามารถวิธีเกลี้ยกล่อมเมืองต่างๆให้สามัคคีกันแล้วตั้งตนเองขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ โดยในการเกลี้ยกล่อมนั้น บางครั้งก็ต้องติดสินบนในรูปของเงินช่วยเหลือ สำหรับการพยายามรวมประเทศภายใต้อำนาจของอะคาบุธครั้งนี้ เดิมทีนั้นดีพเวลล์ไม่เห็นด้วยเพราะความจริงที่ว่า อะคาบุธเคยร่วมในกองทัพกบฏในสงครามดูมเกลด แต่ในที่สุดเธอก็ต้องยอมผ่อนตามให้เพราะเจ้าแคว้นส่วนใหญ่ยอมรับอำนาจของลอร์ดอะคาบุธแล้ว ลอร์ดอะคาบุธจึงขึ้นครองบัลลังก์สืบมา...
ในช่วงเวลานั้น ครอบครัวของเฮซิล เด็กชายที่เกิดในวันที่กษัตริย์หายตัวไป ซึ่งเป็นครอบครัวช่างตีเหล็กมีฝีมือได้ย้ายมายังเมืองคาซัส ซึ่งเป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อเรื่องอาวุธ การย้ายถิ่นฐานครั้งนี้ทำให้พ่อของเฮซิลได้ใช้วิชาที่สืบทอดมาช้านานหนีออกมาจากวังวนแห่งความยากจนที่เกิดขึ้นกับชนสามัญทั่วไปได้
เวลาผ่านไป พอเฮซิลเริ่มจำความได้แล้ว บัดนี้ทางครอบครัวก็พอมีฐานะพอสมควร ทั้งนี้เพราะเคยไปรับจ้างตีดาบไพน์เสตลท์ให้กับนักดาบผู้หนึ่งในการประลองยุทธ์ในปี 1779 หลังจากนั้นก็รับจ้างจาก ผู้มีชื่อเสียงอีกหลายคน เมื่อเฮซิลมีอายุได้สี่ขวบก็เคยไปลองตีดาบดูบ้าง หากแต่พลันที่มือน้อยๆ แตะต้องดาบเล่มนั้น คมดาบก็เปล่งประกายไฟออกมา ประกายไฟนั้นหาได้มีสีแดงเหมือนทั่วๆ ไปไม่ แต่กลับมีสีเขียวและสีขาวสลับกันราวกับป่าสนในฤดูหนาว
แต่เมื่อมารดาของเขามาเห็น นางก็ตกใจมาก และรีบวิ่งไปห้ามลูกทันที ทว่า มารดาที่พยายามปกป้องลูกรักนั้นกลับลื่นล้มตกลงไปในเตาหลอมเสียเอง...ภาพนั้นเป็นภาพที่เฮซิลยังจำได้ดี เพราะเขาจะจำได้ทุกครั้งที่พยายามลืมมัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อดาบเล่มนั้นเย็นลงแล้ว พ่อของเขาได้นำมันไปศึกษา พบว่าดาบนี้มีคุณสมบัติคล้ายดาบในตำนาน ซึ่งมีราคาสูงมาก แต่ก็ไม่ยอมขาย เก็บไว้เป็นสมบัติล้ำค่าและของดูต่างหน้า...
เมื่อเฮซิลอายุได้ 8 ขวบ ก็ได้ไปแสดงในงานวันเกิดของเซอร์โอเนียส เจ้าเมืองคาซัส โดยการแสดงครั้งนั้น เฮซิลรับบทนักดาบที่จะเข้าประลอง โดยการแสดงในตอนแรกนั้นก็ดูไม่มีปัญหาอะไร หากแต่เมื่อถึงเวลาที่การปะทะครั้งสุดท้ายกำเนิดขึ้น กลับมีแรงอะไรซักอย่าง บังคับให้เขาเบี่ยงตัวหลบได้ในเวลามุถึงเสี้ยววินาที และดึงมือนักดาบจำเป็นที่อยู่ตรงหน้าให้ตวัดดาบกลับมา พร้อมกับโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็วลงไปที่คู่ต่อสู้ ท่ามกลางความตกใจและประหลาดใจของใครก็ตามที่มองเห็นมัน เพราะมันเป็นกระบวนท่าที่แม้แต่ปรมาจารย์นักดาบเองนั้นยังยอมรับ เป็นกระบวนท่าที่ใช้กันเฉพาะนักรบชั้นสูงเท่านั้น การที่คนธรรมดาจะใช้นั้นถือได้ว่ายากมาก และโอกาสที่จะเกิดอันตรายมีสูงมาก
ยังดีที่อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่มีการสูญเสีย มีแต่คำชมที่เพิ่มขึ้นจากเซอร์ โอเนียส... "ฝีมือยอดเยี่ยมมาก"
และเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว...เฮซิล โตขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เฮซิลไม่เหมือนคนทั่วไป นั่นคือ มีอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสของเขาที่ไม่ใช่ ภาพ เสียง กลิ่น รส สัมผัส แต่มันเป็นอีกอย่าง มีลักษณะเหมือนเป็น 'คลื่น'สถิตอยู่ทุกหนทุกแห่งที่เขาเคยผ่าน
หลังจากที่มันเกิดขึ้นจนเป็นปกติแล้ว เฮซิลก็เริ่มศึกษามัน จนค้นพบว่าลักษณะของมันนั้น มีสภาพที่ตายตัวแน่นอน ยกเว้นบางบริเวณเท่านั้นที่ลักษณ์ของมันผิดไป เช่น บริเวณหอคอยหรือถ้ำ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางบริเวณที่เกิดสภาพแปลกๆ ทั้งที่เป็นพื้นที่ธรรมดา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องหาคำตอบต่อไป เขาศึกษามันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง พื้นที่ที่เคยมีลักษณ์แห่งคลื่นเป็นปกติ แต่วันนี้เขากลับรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของมัน เหมือนมีอำนาจเหนือธรรมชาติมาคอยบงการ
เฮซิลรีบกระโจนเข้าไปหามันทันที...
โครม!!!
ร่างของเขาได้ปะทะกับม้าตัวหนึ่งที่กำลังควบมาด้วยความเร็วสูง บุรุษที่อยู่บนหลังม้านั้นตกจากหลังม้าในทันที เขาแต่งตัวแปลกตา แน่นอนว่าไม่เคยมีใครพบเห็นเครื่องแต่งกายอย่างว่าในแถบนี้ ยิ่งเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้ว เฮซิลก็สังเกตได้ว่าใบหน้าของเขานั้น หาได้เหมือนผู้คนทั่วไปไม่ บุรุษผู้นี้มีใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา ผมสีทองเป็นประกาย ในมือนั้นถืออาวุธรูปร่างแปลกตาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต มันเป็นท่อนไม้ยาวเรียวสีดำเป็นเงาที่มองยังไงก็ไม่พบว่าคมอาวุธนั้นอยู่ส่วนใด แต่ความแปลกตาของมันก็ไม่สามารถทำให้มันทนแรงกระแทกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้ อาวุธประหลาดหักออกเป็นสองท่อน ท่อนหนึ่งยังอยู่ในมือของบุรุษลึกลับผู้นั้นไว้แน่น อีกท่อนหนึ่งถูกเก็บขึ้นมาโดยอัศวินที่ควบม้ามาพร้อมกับบุรุษลึกลับผู้นั้น หากจะกล่าวถึงอัศวิน...แม้เฮซิลจะเคยเห็นมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมีอัศวินคนใดที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของ 'คลื่น' เลย ด้วยประการฉะนี้ เฮซิลจึงทึกทักเอาว่าบุรุษลึกลับน่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของ 'คลื่น'...
...ด้วยความที่มัวแต่สนใจ'คลื่น'จนทำให้เด็กชายลืมสนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง อย่างน้อยก็จนกว่าแสงที่กระทบเลือดที่อาบอยู่บนร่างจะพุ่งเข้ามาที่เบ้าตาของเขาเอง และเมื่อเห็นแล้วสติของลูกชายนักตีดาบชื่อก้องก็หายวับไปกับตา...
เฮซิลตื่นมาอีกครั้ง พบตัวเองอยู่บนเตียงในโรงหมอ เต็มไปด้วยแผลมากมาย ไม่มีแรงที่แม้แต่จะลุกขึ้นนั่งและยังจำอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่ค่อยดีนัก และไม่กี่นาทีต่อมา พ่อก็เดินเข้ามาพร้อมกับอัศวินที่พบตอนเกิดเหตุพร้อมกับได้ยินเสียงสนทนาระหว่างพ่อกับอัศวิน
"เรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นยังไง"
"จู่ๆ ลูกท่านก็โผเข้ามาขวางม้าของเราในระยะประชิด ท่านดากริโอ หลบไม่ทัน เลยชนเข้าเต็มแรง" ประโยคนี้ได้ทำให้เฮซิลนึกขึ้นได้อีกครั้ง
"ตอนนี้ท่านดากริโอ เป็นอย่างไรบ้าง"
"ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ท่านหมอบอกว่าคงต้องให้นอนพักอีกสักระยะหนึ่ง เราคงไปต่อไม่ได้"
...ดากริโอ คงหมายถึงบุรุษลึกลับคนนั้นสินะ เขากับอัศวินกำลังเดินทางไปไหน และจะไปทำไม...
แต่แล้วเสียงพูดคุยกันก็เบาลงเรื่อยๆ จนเฮซิลฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วก็หมดสติไปอีกครั้ง
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตัวการแห่งอุบัติเหตุกลับพบเพียงพ่อที่มาคอยปรนนิบัติ แต่เมื่อเขาถามพ่อเรื่องนั้น กลับไม่ได้รับคำตอบ
หลายวันผ่านไป เฮซิลลืมตาตื่นขึ้น มองเห็น พ่อ อัศวิน และ ดากริโอ ยืนอยู่ข้างๆ ในขณะนี้อาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว สามารถลุกเดิน ไปไหนมาไหนได้แล้ว จนดูหายเป็นปกติ วันนี้คนทั้งสามนั้นมารับเขาออกจากโรงพยาบาลและพามาถึงบ้าน เมื่อมาถึงเขาก็ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เขาอยากรู้ ดากริโอ ผู้นี้เป็นจอมเวทย์เอลฟ์ที่กำลังจะเดินทางไปเมือง เซเซอร์ทางตะวันออก โดยมีอัศวินเป็นสหาย แต่เมื่อผ่านเมืองคาซัส ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน ทำให้การเดินทางล่าช้า มิหนำซ้ำ ยังทำให้คทาของเขานั้น หักเป็นสองท่อน พ่ออาสาที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้แต่ก็ถูกปฏิเสธโดยเสนอว่า ถ้าอยากชดใช้จริงก็ทำคทาอันใหม่ให้จะดีกว่า พ่อจึงตอบตกลง การสร้างคทาครั้งนี้ใช้เวลาราว 1 เดือน ระหว่างนี้ ดากริโอก็เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองในช่วงนี้ เช่น ควันที่พวยพุ่งออกมาอย่างประหลาดในแคว้นโอซิส ซึ่งทำให้บรรยากาศบริเวณนั้น ได้ดูน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันก็แผ่ขยายจนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทุกขณะ นั่นคือสาเหตุของการประชุมที่เซเซอร์ เพื่อรับมือกับเรื่องนี้ ยังดีที่รีบมา เลยยังไปประชุมทันอยู่
หลังจากได้ฟังเรื่องนี้เฮซิลก็มองดูแผนที่พบว่า แคว้นโอซิสนั้น หาได้อยู่ไกลแสนไกลไม่ เพียงแต่ห่างออกไปจากจุดที่เขาอยู่ไม่ถึง 100 ไมล์เท่านั้น ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจของเด็กชาย มันกระตุ้นจินตนาการไปถึงว่า 'คลื่น' ในบริเวณนั้น จะมีลักษณ์เป็นเช่นไรหนอ แต่ที่แน่ๆ มันคงไม่ใช่รูปแบบปกติแบบที่เขาเห็นอยู่ทุกวันในคาซัสแน่
ส่วนอัศวินนั้น ก็เล่าเรื่องสงครามต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น กบฏดูมเกลดในปี 1766 สงครามครั้งสำคัญในสมัยของราชาเกรมลิน และเรื่องอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่เฮซิลไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่มันก็ทำให้โลกของเขากว้างขวางออกไปจากเดิมมาก
ด้วยความที่เข็ดกับอุบัติเหตุครั้งนั้น เฮซิลจึงไม่พยายามไปขวางความเป็นไปของคลื่นอีกเลย จนกระทั่ง เย็นวันหนึ่งในฤดูร้อนปี 1790 เกิดการเปลี่ยนแปลง"คลื่น"ที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รุนแรงถึงขนาดที่ทำให้ความดื้อรั้นในจิตใจของเฮซิลสามารถเอาชนะความหวาดกลัวได้สำเร็จ ความลี้ลับของมันได้ดึงดูดให้เฮซิลออกไปสืบหาต้นตอแห่งคลื่นอันรุนแรง ยิ่งเข้าไปใกล้ 'คลื่น'ก็ยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ มันแรกที่สุดเท่าที่เคยพบมา และยิ่งใกล้เข้าไปอีก สติสัมปชัญญะของเขาก็ยิ่งลดลง จนไม่รู้สึกตัว เมื่อถึงจุดกำเนิดของมัน
ตูม!!!
มีความรู้สึกเหมือนไปปะทะกับอะไรบางอย่าง เพียงแต่อะไรบางอย่างนั้นกลับไม่ปรากฏให้เห็น
ขณะเดียวกัน 'คลื่น' ที่กำลังวิปริต ก็พุ่งเข้ามารวมตัวกันที่จุดกำเนิดและกระจายออกไปโดยรอบอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทว่า
หลังจากนั้นแล้ว กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย แม้แต่'คลื่น'ก็กลับสู่ภาวะปกติ หนักไปกว่านั้น ไปถามใครก็ไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์นี้ แม้กระทั่งเสียงตูมเมื่อครู่...
เช้าวันรุ่งขึ้น เฮซิลนอนตื่นสายอีกตามเคย แต่คราวนี้กลับถูกพ่อปลุกตั้งแต่เช้า พ่อบอกว่ามีใครบางคนอยากจะพบด้วย คนขี้เซาจึงงัวเงียลงจากเตียง และเปิดประตูออกมา...
ความคิดเห็น