ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ความช่วยเหลือจากวังหลวง
ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านพักของเจ้าแคว้นโพคาฮอนเทีย เป็นเรือนไม้สองชั้นที่ทำจากไม้เนื้อแข็งอย่างดี แม้ขนาดของตัวบ้านจะเล็กมากเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของจอมทัพแห่งอิลลูซิอองผู้นี้ แต่ก็มากพอที่จะเป็นที่อยู่ของผู้มีอันจะกิน ตัวเรือนนั้นไม่มีอะไรเลยที่บ่งบอกว่าเป็นที่อยู่ของขุนนางระดับสูง ไม่มีแม้กระทั่งอาวุธที่เก็บไว้ป้องกันตัว(แน่นอนว่าอาวุธประจำตัวของนักรบออร์กร่างเล็กนั้นอยู่ติดตัวเขาตลอดอยู่แล้ว) ไม่มีศีรษะสัตว์มาแขวนไว้ ไม่มีชุดโคมไฟประดับอยู่ มีเพียงตะเกียงที่ดูราคาไม่แพงคอยให้แสงสว่างอยู่โดยรอบเท่านั้น นี่ถ้าหากรอบๆ ไม่ใช่คลังแสงแลโรงม้า อีกทั้งเป็นที่พักขององครักษ์ยอดฝีมือแล้ว คงไม่มีสิ่งใดแสดงออกว่าที่นี่เป็นที่อยู่ของจอมทัพแห่งอิลลูซิอองกระมัง
ลอร์ด เฮวาทา นอนพักผ่อนตากลมอยู่อย่างมีความสุข ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้นับตั้งแต่เมื่อลัฟเฟอร์ก่อกบฎเขาได้รับงานที่หนักหนาสาหัสมาตลอด แต่นี่ก็คงได้เวลาพักผ่อนแล้ว เขารู้ว่านี่เป็นเพียงการพักผ่อนชั่วคราว แต่การพักผ่อนนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถหาได้ง่ายนักในตำแหน่งหน้าที่อย่างเขา
แต่แล้วการพักผ่อนของจอมทัพแห่งอิลลูซิออง ก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อมีองครักษ์เดินทางจะเรือนองครักษ์มาหา ซึ่งพวกเขาจะไม่มารบกวนการพักผ่อนจนกว่าจะมีธุระจำเป็น
“นาย มีคนชื่อโอเวอร์ดูลมาขอพบ” เสียงองครักษ์ผู้หนึ่งร้องเรียก
“เรียกเขาเข้ามา” เฮวาทาตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
แต่บุคคลที่ปรากฏตรงหน้านั้นไม่ได้มีเพียงโอเวอร์ดูล แต่มีบุตรสาวของเขาด้วย เธอยังสวยงามตรึงอยู่ในหัวใจของเฮวาทาไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาคู่สวยคู่นั้นจ้องตรงมาที่เฮวาทาที่อยู่ในชุดเสื้อกางเกงเก่าๆ ขาดๆ สีเทาหม่น
“น้องหญิง เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ข้าให้การต้อนรับไม่ถูกเลยรู้ไหม” ออร์กร่างเล็กรีบกุลีกุจอให้การต้อนรับอย่างดี
“ข้าไม่ได้มาทำอะไรนอกจากมาบอกท่านว่า ข้าไม่สามารถกลับโซฟิอาได้เพราะโซนาคอนล้อมโซฟิอาไว้หมดแล้ว” ดีพเวลล์กล่าวด้วยน้ำเสียงโทนเดี่ยว
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงใดๆ พระราชาและพระราชินี...ข้าหมายถึง เจ้าหญิงแห่งโรม ได้ออกกฎห้ามศึกระหว่างรัฐเซเซอร์และรัฐโซฟิอาเป็นเวลาสามปีเป็นอันแน่นอนแล้ว ไม่ต้องห่วงเลย” เฮวาทาพูดอย่างสบายอารมณ์
“แต่หากไม่รีบ ผู้ส่งสารก็จะไปเห็นโซฟิอาที่แตกไปแล้วแทน” เด็กสาวยังคงต่อปากต่อคำต่อไปอีก
“งั้นข้าจะไปส่งสารด้วยตนเอง” เฮวาทาอาศาทำงานใหญ่นี้ ไหนๆ มันก็เป็นหน้าที่ของข้าแต่แรกแล้วนี่
“แล้วถ้าโซนาคอนลอบสังหารท่าน” เด็กสาวรีบเถียงกลับมาทันควัน
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไปงานแบบนี้ข้าไม่ได้ไปคนเดียวแน่” เฮวาทากล่าวย้ำ
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องรีบ ก่อนที่โซฟิอาจะกลายเป็นแค่กองเพลิง” ผู้พ่อ
“เดี๋ยวก่อน ข้าจำได้ว่ามีเจ้าเมืองไมดานชื่อโซเลียส ไม่ถูกกับโซนาคอน แต่ไม่มีทางเลือก หากเราแบ่งเป็นสองทาง โดยทางหนึ่งไปที่โซฟิอา อีกทางหนึ่งไปหาโซเลียสเพื่อให้เขายกเมืองมิดานให้กับเรา และพระบรมราชโองการที่ให้หยุดสงครามก็เป็นสิ่งที่พอจะทำให้เขาเชื่อมั่นในความปลอดภัยได้”
“งั้นข้าจะไปที่โซฟิอา ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่ท่านแล้วกัน ข้าจะส่งคนไปคุ้มครองเจ้าด้วยแล้วกัน เสียใจด้วยที่ข้าช่วยมากกว่านี้ไม่ได้” จากนั้น เฮวาทาก็รีบไปแต่งตัวทันที เด็กคนนี้แม้จะหาเรื่องใส่ตัวไปมาก แต่ก็มีความคิดที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
หลายวันนับจากที่ทั้งคู่ออกเดินทางไปทางตะวันตกสู่ไมดาน ซึ่งไม่ได้ห่างไกลจากชายแดนโพคาฮอนเทียเท่าใดนัก แต่ความแตกต่างนั้นกลับชัดเจนเมื่อทั้งคู่ผ่านเข้าสู่แคว้นเซเซอร์ หมู่บ้านที่หนาแน่นแต่ขาดแคลนชายฉกรรจ์มีอยู่เต็มตลอดสองข้างทาง เซเซอร์เจริญกว่าที่ดีพเวลล์เคยเห็นมากนัก แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอใฝ่ฝันจะให้โซฟิอาเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว
“ เรียน ท่านเจ้าเมือง
ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านมากที่ท่านได้รับใช้โซนาคอนมาตลอดเวลานี้ บัดนี้ถึงเวลาที่จะได้รับความดีความชอบแล้ว หากประสงค์จะได้ตัวข้าก็ขอให้ท่านเดินทางมาที่หน้าห้องสมุดประจำเมืองในเที่ยงคืนวันที่ 17 ตุลาคม 1691 ท่านจะเอาคนมาล้อมหรือไม่อย่างไรก็ได้ เพราะข้ายินดีที่จะเป็นรางวัลของท่านอยู่แล้ว
ขอแสดงความนับถือ
มาร์คัส ดีพเวลล์”
พ่อลูก พร้อมด้วยองครักษ์และม้าสามตัวเดินทางมาถึงตัวเมืองไมดาน ก่อนที่ดีพเวลล์ในชุดรัดรูปสีขาวจะแยกตัวไปส่งสารให้กับทหารยามที่จวนเจ้าเมือง แล้วเดินเที่ยวเมืองอีก หนึ่งวันก่อนจะรอผลของงาน
การเดินเที่ยวเมืองนี้ได้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากการชมหมู่บ้านไม่น้อย ที่เมืองไมดานยังมีปราชญ์ที่อยู่ในตัวเมืองจำนวนหนึ่ง ท่าทีของพวกเขายังคงโอ่อ่าราวกับไม่รู้ว่าเขาจะกลายเป็นเพียงเหยื่อในสงคราครั้งนี้ หากมันเดินทางมาถึงไมดาน ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนที่นี่เลือกที่จะรับใช้ขุนนางเป็นเงินมากกว่าเป็นกำลังในการสู้รบ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ภาพหมู่บ้านรอบนอกเปลี่ยนแปลงลืมเลือนออกจากสายตาของดีพเวลล์เลย
ผู้คนที่นี่แม้จะไม่หนาแน่นมากนัก แต่ก็เป็นมิตร และยิ้มแย้ม ราวกับว่าโซนาคอนไม่ได้สร้างปัญหาให้กับพวกเขามากนัก ไม่รู้ว่าโซเลียสมีวิธีอะไรที่ดึงประชาชนของเขาให้มีความสุขในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ได้ แต่ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ข้าวของที่นี่ราคาไม่ถูกเลย แต่ก็คงมีคนที่จำเป็นต้องซื้ออยู่ดี จึงเป็นเพียงปัญหาของผู้บริโภค ไม่ใช่ปัญหาของผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย
แต่ทั้งหมดนี้มีสิ่งหนึ่งที่ได้กระตุ้นความทรงจำเก่าๆ ให้กับเด็กสาว เพราะสภาพของเมืองนี้แทบไม่ต่างจากเซเซอร์สมัยที่เธอยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย สถาปัตยกรรม ผู้คน และวิทยาการต่างๆ ก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ คงเป็นเพราะไมดานได้พัฒนาตามแบบเซเซอร์จนตามมาติดๆ
แล้วเซเซอร์ในตอนนี้ล่ะ คนที่นั่นจะสุขสบายหรือมีชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง จะพัฒนาไปจนถึงขั้นไหนแล้ว หรือจะตกต่ำลงเช่นไร...ดีพเวลล์คิด
เที่ยงคืน ณ เวลานัด
เด็กสาวค่อยๆ จ้องมองภาพรอบตัว ผมที่รวบไว้ด้านหลังของเธอห่างจากคมดาบเพียงไม่กี่คืบ ทหารจำนวนไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนล้อมรอบพวกเขาอยู่ ทหารทั้งหมดอยู่ในชุดเกราะหนังสัตว์ ในมือมีดาบยาวพร้อมที่จะเข้าปะทะทุกคน บางคนถือคบเพลิงอยู่ในมือข้างหนึ่ง ข้างกายของเธอคือชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ในมือมีดาบที่จี้อยู่ที่ลำคอของทหารนายหนึ่ง
“วางอาวุธซะ แล้วไปกับเราเดี๋ยวนี้” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทหารออกคำสั่ง
“งั้นข้าฝากคนถืออาวุธให้ข้าด้วยนะ” ทหารคนหนึ่งยินดีรับดาบของโอเวอร์ดูลไว้ พร้อมกับพาทั้งสองไป
ไมดานยามค่ำคืนนั้นหาได้ดูเปี่ยมไปด้วยอารยธรรมไม่ แต่กลับดูสามัญราวกับค่ายทหารออร์กที่ป้อมดราชเบิร์ก และด้วยไฟที่จำกัดและเรียบง่ายประกอบกันกับสถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนนั้นเอง ทำให้ในแวบหนึ่งดีพเวลล์มองผิดไปว่านี่เป็นแคว้นปีศาจเวเนฟิเซียม
ทั้งคู่ถูกส่งขึ้นบนบันไดไปยังสถานที่มืดสลัวสถานที่หนึ่ง ซึ่งต่างจากบริเวณตัวเมืองที่ผ่านมาเป็นจำนวนมาก ตะเกียงชั้นดีปรากฏอยู่ตามฝาผนัง เมื่อเข้ามาถึงห้อง มีม่านสีเหลืองอร่ามปิดอยู่ เมื่อแหวกม่านเข้าไปมีโต๊ะหินสีดำอยู่โต๊ะหนึ่ง ล้อมไปด้วยเก้าอี้ไม้ราวแปดตัว พื้นโต๊ะขัดเป็นเงางาม ที่หัวโต๊ะ มีชายในวัยชราตอนต้นคนหนึ่งนั่งอยู่อายุราวๆ หกสิบห้าปีไอลอเรียน เขาอยู่ในชุดลำลองสีฟ้าด้านหลังมีผ้าคลุมสีดำ ใบหน้าของเขานั้นดูยิ้มแย้มระคนตกใจเมื่อเห็นคนที่เขาจับมาได้ ใต้ใบหน้ามีหนวดสีน้ำตาลปนเทาขาวถึงราวอก หนวดนั้นค่อยๆ ขยับขึ้นลงเมื่อเขาพูด
“ไม่น่าเชื่อเลย ข้าจะหาเจ้าเมืองดันเจอจอมโจรกับแฟรีหรอกเหรอเนี่ย” เซอร์ โซเลียสพูดอย่างมีความสุข สายตาของเขาเพิ่งมองไปที่อัศวินจอมโจรที่เขารู้ว่าเป็นคู่รักของเลดี มาร์คัส ทาร์ลินา กับเด็กสาวชาวแฟรีที่อยู่ในชุดลำลอง กระทัดรัด แต่ก็เน้นให้เห็นส่วนสัดได้ชัดเจน เอวของนางนั้นบางราวกับว่าจะใช้แขนข้างเดียวโอบล้อมได้ เส้นผมที่รวบไว้ด้านหลังของเธอมีสีดำเป็นเงา
“ถูกต้องแล้วล่ะ ฉันคือเจ้าเมืองโซฟิอาจริงๆ” เด็กสาวตอบอย่างช้าๆ แต่ฉาดฉาน
“แฟรี...แฟรี จะเป็นลูกสาวของนายหญิงได้ยังไง ตอบหน่อยซิ เจ้าตัวปลอม”โซเลียสหัวเราะ นัยน์ตาดูถูกดูแคลนแฟรีตรงหน้าอย่างชัดเจน
“นั่นสิ ข้าเองก็อยากรู้นัก แต่พ่อข้าบอกว่าข้าเคยประสบอุบัติเหตุแล้วมีมนต์ของแฟรีช่วยชีวิตข้าไว้ จนร่างของข้ากลายเป็นนางฟ้าเช่นนี้ หากข้าพูดไม่ถูกความจริงก็คงจะคล้ายๆ ทำนองนี้” เด็กสาวตอบกลับแทบจะทันควัน
“เซอร์ โอเวอร์ดูล ข้าขอถามท่าน ในฐานะอัศวิน หากท่านยังมีความเป็นอัศวินเหลืออยู่บ้าง เด็กคนนี้คือลูกของเลดี มาร์คัส ทาร์ลินา ใช่หรือไม่” แต่คำถามก็ไม่ได้อะไรนอกจากคำตอบที่หนักแน่นจากมนุษย์วัยกลางคน
“ในเมื่อท่านถามข้าในฐานะอัศวิน ที่ท่านเองก็ไม่รู้ว่าข้าจะจริงใจแค่ไหนรึเปล่า แต่ข้าก็ขอยืนยันว่า หากคนอย่างข้าไม่ถูกหลอกแล้วละก็ เด็กคนนี้คือลูกของข้ากับ เลดี มาร์คัส ทาร์ลินา ไม่ผิดแน่”
“งั้นก็ดี จะได้จับเจ้าทั้งสองส่งโซนาคอนเลย รับรองข้าได้รางวัลอย่างงามเชียวละ” แต่ทันทีที่ขุนนางเอลฟ์พูดจบ เด็กสาวก็สวนออกมาเลย
“ก็ดี ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะว่าโซนาคอนก็คงจะให้คุณให้ท่านได้ดีมาก ใครจะรู้ รางวัลของท่านอาจจะเป็นโทษประหารชีวิตก็ได้ นี่ข้าแค่มองในแง่ลบนะ แต่ต่อให้โซนาคอนใจดี รู้คุณคนจริง การที่ท่านเลือกที่จะรับใช้เขาก็จะเป็นการประกาศว่าท่านไม่มีความจงรักภักดีต่อแม่ข้า แต่เป็นต่อโซนาคอนต่างหาก ซึ่งท่านก็คงจะภูมิใจกับมันมาก...”
“หุบปาก ! ข้าไม่เคยคิดทรยศต่อนายหญิง ข้าก็ไม่เคยเห็นโซนาคอนว่าเป็นเจ้านายที่ถูกต้องของข้า แต่เป็นเพราะเขามีอิทธิพลมากเกินไปจนข้าต้องไปอยู่ใต้อำนาจเขา” โซเลียสโพล่งออกมา
“เอางี้มั้ย ข้ามีข่าวจากราชสำนักจะมาบอกท่าน พระราชาได้ออกคำสั่งให้เซเซอร์และโซฟิอาเลิกรบกันเพราะต้องการสอบสวนหาความจริงจากกรณีการตายของเลดี มาร์คัส ทาร์ลินา โดยคำสั่งนี้ มีผลเป็นเวลาสามปี นั่นแปลว่า หากท่านแปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งโซฟิอา โซนาคอนก็ทำอะไรท่านไม่ได้ ยิ่งเป็นช่วงที่กองทัพส่วนใหญ่ออกไปล้อมโซฟิอาแบบนี้แล้วน่ะ” โอเวอร์ดูลหยิบสาส์นที่มีตราราชสำนักมาให้ดู
“ถูกต้องแล้ว อีกไม่นาน เซเซอร์ก็ต้องถอยทัพออกจากโซฟิอาและจะมีเวลาเหลือให้เตรียมการสำหรับการสงครามอีกสามปี ท่านสนใจที่จะแสดงความจงรักภักดีต่อแม่ข้าไหมล่ะ” เด็กปากดียังคงเสริมต่อ ดวงหน้าของเธอส่อแววท้าทาย
“ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไร ข้าก็ไม่มีอะไรจะเสีย ถึงเวลานั้น หากราชสำนักตัดสินว่าโซนาคอนผิด ถึงเวลานั้น ข้าค่อยมีแปรพักตร์ก็ยังไม่สาย” ขุนนางสูงวัยเถียงกลับไป
“ถึงเวลานั้น ท่านจะอยู่ได้อย่างปกติสุขเหรอ ในเมื่อท่านไม่ประสงค์จะแสดงความจงรักภักดีต่อแม่ข้าแล้วนี่ อีกอย่าง ท่านคงมีความสุขมากที่ได้รับใช้โซนาคอนแล้วสินะ ข้ารู้ เมืองนี้น่ะ ใกล้ถึงจุดวิกฤตแล้ว โซนาคอนได้ขูดรีดทรัพยากรของที่นี่จนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว ทิ้งไว้อีกไม่กี่ปีก็คงจะ...” แววตาของดีพเวลล์ดูท้ายทายยิ่งขึ้นอีก
“หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้าอายุแค่นี้ช่างมีวาจาที่สามหาวยิ่งนัก คิดเหรอว่าคนอย่างข้าจะก้มหัวให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้า อีกอย่าง หากข้าจะแยกตัวเป็นอิสระจากโซนาคอนข้าก็ทำได้ทุกเมื่อ” อัศวินชราตะโกนลั่น มือของเขาชื้อไปที่ใบหน้าของเด็กสาวแทบจะทันควัน
“ตามใจ ท่านจะอยกตัวอย่างไรก็ช่าง แต่ว่ากองทัพอันยิ่งใหญ่ของโซนาคอนน่ะสามารถกำจัดท่านได้อย่างง่ายได้ ข้าให้ทางเลือกท่านสามทางเลือก จนโดนโซนาคอนทำร้ายช้าๆ แยกตัวแล้วโดนโซนาคอนทำลายอย่างรวดเร็ว หรือว่าร่วมมือกับเรา แล้วต้านมันไว้” แฟรียังคงต่อปากต่อคำอยู่ร่ำไป ซึ่งมันได้ทำให้อุณหภูมิของโซเลียสแทบจะระเบิด
“งั้นข้าจะเก็บไปคิดก่อนแล้วกัน ระหว่างนี้พวกเจ้าสองคนต้องถูกขังไว้ในหอคอยขอให้เป็นนักโทษของข้าให้สนุกนะ” เจ้าเมืองไมดานกล่าวอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ถือไพ่เหนือกว่า
“ได้ แต่ข้าขอเตือนว่า ท่านมีโอกาสครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทางเลือกเป็นของท่าน อยากเห็นไมดานเป็นยังไงก็ตามใจ” เจ้าเมืองโซฟิอาเถียงกลับ
คืนนั้น บนหอคอยที่คุมขังของสองพ่อลูก
“เจ้าคิดว่าแบบนี้ดีแล้วเรอะที่จะใช้ไม้แข็งกับโซเลียส ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมองหน้ากันไม่ติดก็ได้นะ” อัศวินจอมโจรทักท้วงลูกสาว
“เขาแข็งมาก่อน หากข้าอ่อนแอ เขาก็จะยิ่งคิดว่าเขามีความสำคัญกับเรามาก และเราต้องขอร้องเขา แม้จริงๆ จะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ” ดีพเวลล์ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับความจริง
วันรุ่งขึ้น
มีทหารสองคนนำดีพเวลล์และโอเวอร์ดูลลงมาจากหอคอย เพื่อมาพบกับชายในชุดทางการหรู สีขาว มีผ้าคลุมสีแดงส้ม ที่อกเสื้อมีเครื่องราชอิสรยาภรณ์ประดับอยู่ อกเสื้ออีกข้างก็เป็นตราประจำตัว ที่เอวมีเข็มขัดหนังที่มีหัวเข็มขัดสีเงินติดอยู่อย่างเรียบร้อย ผมสีน้ำตาลปนดอกเลาของเขาถูกมัดไว้อย่างดี สีหน้าของเจ้าเมืองไมดานดูเคร่งขึม
“เอาล่ะ ข้ามีคำถามจะถามเจ้า หากตอบได้ถูกใจ ข้าจะยอมเป็นพวกเจ้า แต่ถ้าไม่ถูกใจ ข้าก็คงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้แล้วล่ะ” เจ้าเมืองไมดานกล่าวเริ่มการสนทนาพร้อมกับลูบหนวดยาวๆ ของเขาไปด้วย
“ว่ามา” เจ้าเมืองโซฟิอาตอบห้วนๆ
“ดินแดนของเจ้าที่อยู่ทางใต้ของโซฟิอาเดิมเป็นดินแดนเวเนฟิเซียมของพวกปีศาจ เจ้าได้มันมาได้อย่างไร” ประโยคนี้ทำให้เด็กสาวต้องชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบ
“ดินแดนเหล่านั้น เจ้าหญิงอะริเอนได้พระราชทานมาให้ข้าด้วยพระองค์เอง”
“กะไว้แล้วเชียว น้ำหน้าอย่างเจ้าคงจะไม่สามารถไปต่อกรอะไรกับพวกปีศาจนั่นได้ แต่บอกข้ามา ว่าเจ้าให้อะไรพวกมัน พวกมันถึงยอมยกดินแดนให้เจ้า เจ้าขายวิญญาณให้พวกมัน เอาชีวิตให้พวกมัน หรือสัญญาจะยกดินแดนที่เจ้าปกครองมาได้ให้พวกมันคืนเมื่อเจ้าล้มโซนาคอนได้สำเร็จ” โซเลียสตอบอย่างห้าวหาญ
“สรุปว่าท่านไม่ไว้ใจข้า...กับเจ้าหญิงอะริเอนสินะ เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก สาเหตุคงจะเป็นว่ามีปัญหาภายในในเวเนฟิเซียมที่เจ้าหญิงต้องการลดอำนาจลูกน้องหรืออะไรทำนองนี้แหละ” ดีพเวลล์ตอบไปอย่างรู้แกว
“แล้วเจ้าสัญญาอะไรไว้กับเจ้าหญิงปีศาจบ้าง เช่นต้องยกนายหญิงให้มันอะไรงี้”
คำถามของอัศวินสูงวัยนั้นก็ยังคงเป็นคำถามสำหรับเด็กสาว
“เท่าที่ข้ารู้ ไม่มี” ดีพเวลล์กลั้นใจตอบไป แต่อะไรนะที่เจ้าหญิงแห่งมนตราต้องการ
“งั้นก็ดี ข้าจะเป็นพวกเดียวกับเจ้า แต่ข้าจะไม่ปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีต่อเจ้า และข้าสามารถแยกตัวเมื่อไหร่ก็ได้ที่ข้าต้องการ ตกลงไหม”
“ได้ เป็นอันตกลงตามนี้ ขอให้เราช่วยกันโค่นล้มโซนาคอนต่อไป เพื่อแม่ข้า”
“เพื่อนายหญิง!” โซเลียสลั่นวาจา ก่อนที่จะหันไปพูดแก่เหล่าทหาร
“เอาละทุกคน เรามาฉลองศักราชใหม่แห่งความรุ่งเรืองของไมดานกันเถอะ!”
เฮ!
ภายในเวลาไม่กี่วัน ตรารูปวงรีสีเขียวของเซเซอร์ก็ถูกแทนที่ด้วยวงแหวนสีฟ้าของโซฟิอา ความคึกคักของชาวไมดานมีมากกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้เป็นเพราะความหวังของพวกเขาถูกจุดประกายขึ้นมาใหม่แต่แน่นอน ปราชญ์บางคนไม่สบายใจกับข่าวอันน่ายินดีนี้ เพราะรู้ว่าการเป็นปฏิปักษ์กับโซนาคอนเท่ากับการหาเรื่องใส่ตัว แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องของอนาคต ที่ไม่รู้จะไกลหรือใกล้เพียงไหน รู้แต่เพียงเวลานี้ เขาไม่ต้องทุ่มทรัพยากรให้กับการสงครามของโซนาคอนอย่างไร้ผลตอบแทนอีกต่อไปแล้ว
สามวันต่อมา ที่นอกเมืองโซฟิอา
“ข้าเป็นผู้ส่งสารมาจากกษัตริย์ มีพระบรมราชโองการให้รัฐเซเซอร์และรัฐโซฟิอาหยุดรบกันเป็นระยะเวลาสามปี เพื่อทำการสอบสวนต่อไป ขอให้ลงนามตรงนี้ด้วย” ชายเสื้อขาวกับกางเกงดำที่ค่อนข้างจะเปื้อนโคลนลงจากหลังม้า พร้อมกับกล่าวคำที่ทำให้โซนาคอนต้องสะอึก
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ ข้ากำลังจะตัดสินกับมันได้อยู่แล้ว”ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด ผมหยิกหยักศกในชุดเกราะสีเขียวผู้เป็นเจ้าแคว้นตอบกลับไปอย่างหัวเสีย ทั้งๆ ที่ข้าเตรียมกองทัพมามากพอที่จะถล่มโซฟิอาอยู่แล้วเชียว พระราชินีคิดอะไรอยู่นะ
“หรือว่าท่านจะขัดราชโองการของพระราชาล่ะ”ชายเสื้อขาวตอบอย่างกวนอารมณ์
“โอเค ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของพระราชา ข้าก็ไม่คิดจะขัดอยู่แล้ว” เอลฟ์หนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“ขอให้ท่านถอนกำลังออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ข้าจะได้เข้าเมืองได้โดยไม่ถูกลูกหลง”
“ตามสบาย แต่หวังว่าราชสำนักจะให้ผลสอบที่ยุติธรรม เชิญท่านได้” ก่อนโซนาคอนจะหันไปออกคำสั่งถอนทัพกับลูกน้อง
สามวันต่อมา
ขณะที่โซนาคอนกำลังยกทัพกลับนั้นเอง ม้าเร็วก็ส่งข่าวมา
“ท่านครับ ไมดานตกเป็นของโซฟิอาแล้วครับ”
“ว่าไงนะ!” โซนาคอนแทบจะตกลงจากหลังม้า
“อยู่ดีๆ ที่นั่นก็ชักธงโซฟิอาออกมาครับ” ม้าเร็วรายงานข่าวอีก
“แล้วโซเลียสล่ะ”เอลฟ์หนุ่มยังคงซักต่อไม่เลิก
“แหล่งข่าวรายงานมาว่ายังอยู่ดีครับ ดูเหมือนจะเป็นผู้สั่งให้เปลี่ยนธงด้วยซ้ำ”
“งั้นเราก็ยกทัพไปล้อมมันเลย”โซนาคอนระบายอารมณ์ออกมา
“ตอนนี้พวกเขาได้รับการคุ้มครองจากราชสำนักแล้วครับ”นายทหารพูดออกมา
“โธ่เว้ย!” เจ้าแคว้นเซเซอร์เตะดินออกจนฟุ้งกระจายไปทั่ว
“กลับเมือง!” โซนาคอนออกคำสั่งด้วยความฉุนเฉียว
สองสัปดาห์ต่อมา
มัคนนำสารส่งจดหมายมาหนึ่งฉบับให้กับโซเลียส
“
22 ธันวาคม 1691
ถึง เซอร์โซเลียส ศัตรูที่ข้าจงเกลียดจงชัง
ท่านกำลังฉลองวันแห่งความมืดอยู่สินะ วันที่ความมืดเข้าครอบงำโลกของเราไว้นานที่สุด [1]แต่ข้าก็ต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าไปด้วยว่า เจ้าคงจะฉลองวันแห่งความมืดได้อีกไม่กี่ครั้งหรอก เพราะว่าอีกไม่นาน ชีวิตของเจ้าก็จะตกอยู่ในความมืดตลอดไปแล้ว
ข้าขอขอบคุณเจ้า ขอบคุณเจ้าอย่างมาก ที่ทำให้ข้ารู้ดีว่าใครเป็นใครก่อนที่ข้าจะเสียทีมากกว่านี้ เจ้ารู้อะไรไหม ข้าประเมินผู้ทรยศไว้เลวร้ายยิ่งกว่าศัตรูเสียอีก หากราชสำนักตัดสินว่าดีพเวลล์ผิดเมื่อไหร่ หัวของเจ้าก็จะหลุดจากบ่า และหากคำสั่งหยุดรบถูกถอนออกไปเมื่อไหร่ ข้าจะยกทัพมีตีเมืองอันตกต่ำของเจ้าเป็นเมืองแรก
ขอให้โชคดีกับชีวิตที่เหลืออยู่
ลอร์ด โซนาคอน”
“ท่าทางภารกิจของเราจะเป็นอันเรียบร้อยแล้วสินะ” อัศวินเครายาวสรุป
“ยังหรอก เชิญท่านดูที่นี่” ดีพเวลล์ตอบ พร้อมกับนำชายคนหนึ่งมาปรากฏตรงหน้า ชายคนนี้เป็นลูกน้องที่โซเลียสคุ้นเคย มีเชือกฟางมัดร่างเขาไว้อย่างแน่นหนาเหงื่อของเขาไหลย้อย สายตาของเขาดูเว้าวอน
“ท่านเจ้าเมือง ช่วยข้าด้วย อยู่ดีๆ พวกเขาก็มัดข้าไว้แบบนี้” ชายคนดังกล่าวร้องลั่น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”โซเลียสตั้งสติเพิ่งจะได้
“ข้าได้ยินเขาพูดกับคนนำสาร ถึงชัยภูมิต่างๆ ของเมืองนี้ เพื่อเตรียมที่จะเข้าตีได้ทุกเมื่อ ก่อนที่คนนำสารจะขึ้นม้าเร็วหนีหายไป” หญิงสาวยืนยันในการกระทำของตนเอง
“หลักฐานล่ะ” ขุนนางผมสีน้ำตาลปนเทายังถามต่อ
“ข้าพบสิ่งนี้ในตัวของเขา มันเป็นสารจากคนนำสาร แต่ว่าเขายังไม่มีโอกาสทำลายมัน” เจ้าเมืองโซฟิอาตอบรับ โซเลียสหยิบเอกสารขึ้นมา มันถูกเขียนขึ้นมาด้วยภาษาเอล์ฟที่เข้ารหัสอย่างง่ายจนแม้แต่โซเลียสซึ่งมีการศึกษามาพอสมควรก็อ่านออก เป็นคำสั่งให้สืบข้อมูลในด้านความสัมพันธ์ระหว่าง โซฟิอา กับ ไมดาน
“เจ้า...ทำไมทำกับข้าแบบนี้!” ว่าแล้วขุนนางผู้ใหญ่ก็ฟาดเปรี้ยงเข้าที่ใบหน้าของชายผู้ถูกมัดอย่างแรง
“ท่านโซเลียส ได้โปรด อย่าไปเชื่อพวกนั้นเลย ข้าพเจ้าถูกใส่ร้าย”ชายผู้นั้นร้องโวยวาย
“ใส่ร้ายงั้นรึ แล้วเจ้าไปคุยอะไรกับผู้นำสารที่มาจากเซเซอร์” โซเลียสกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน วาจาขึงขังของเขาทำให้ชายผู้เคราะห์ร้ายร้องโวยวาย
“เขาก็แค่เป็นเพื่อนเก่าของข้าเท่านั้น” คนที่ถูกมัดยังคงเถียงไม่เลิก
“ถ้าเขาเป็นเพื่อนเก่าเจ้าจริง ทำไมเจ้าต้องหลบข้า” เด็กสาววัยรุ่นผู้เป็นเจ้าแคว้นถามต่อพร้อมกับฝากคำ
“ฝากกลับไปบอกโซนาคอนด้วยนะว่า ข้าไม่ให้อภัยมันแน่”
“ดี จะได้รู้กันไปว่าใครถูกใครผิด...อุ๊บ” ชายผู้นั้นเถียงกลับ
“สรุปว่า เจ้าผิดสินะ มิน่า ทำไมเจ้าถึงมาหาข้าไม่นานหลังการตายของนายหญิง แต่ขอโทษนะ ข้าไม่สามารถเลี้ยงงูเห่าไว้ข้างตัวได้ ลาก่อนล่ะ” พร้อมกับหยิบดาบปักเข้าไปที่กลางลำตัวของจารชนหนุ่มทันที
“ข้าต้องขอขอบคุณท่านจริงๆ ท่านต้องการสิ่งใดเป็นการตอบแทนเล่า” โซเลียวกล่าวแก่ดีพเวลล์
“แค่ให้มีนักเดินทางไปมาหากันบ่อยๆ แค่นี้ก็พอแล้ว” แน่นอน สิ่งที่ดีพเวลล์พูดหมายถึงการค้า แต่สำหรับคนจำนวนมากนั้นมองการค้าเป็นเรื่องสกปรก จึงไม่เหมาะที่จะพูดให้คนอย่างโซเลียสฟัง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น