ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : สู่หอคอย (Into the tower)
    สัปดาห์แรกของการเรียนนั้นเป็นปริศนายิ่งกว่าที่เฮซิลคิดไว้เสียอีก ลำพังวิชาพื้นฐานก็ยากแล้ว วัฒนธรรมตะวันออกในด้านต่างๆ เป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้ยเคยเลย...นี่คือโลกใหม่ที่เขาจะต้องเรียนรู้ แล้วต้องรู้ให้ได้...สำหรับวิชาที่เน้นภาคปฏิบัติเช่นการกีฬา เขาก็ต้องมานั่งศึกษากฎกติกาของกีฬาแปลกๆ แทนที่จะได้เล่นจริงซะที(ก็ยังไม่รู้กฎแล้วจะเล่นจริงได้ไงล่ะ...คิออส) แต่เนื้อหาวิชาไม่ใช่แค่อุปสรรคอย่างเดียว สิ่งที่ทำให้เรย์นิลมีปัญหามากกว่าคือการที่มัวแต่ใคร่ครวญถึงใครก็ไม่รู้ รู้แค่เพียงว่ารู้จักกันในนามของ “ราสึ” หรือ “เด็กสาว” ซึ่งจากการคาดเดาของพ่อหนุ่มน้อยก็พอจะประมาณได้ว่า ใครคนนั้นคงต้องมีความสามารถที่สูงพอดูเหมือนกัน และคงจะมีบทบาทในโซฟิอามากพอสมควรด้วย...
    แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง...
    หลังรับประทานอาหารเย็นของวันที่ 14 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ชิโอริเคยบอกไว้ว่า”เด็กสาว” จะอยู่ที่ห้องลับบนหอคอยลาวิส นั่นคงเป็นโอกาสเดียวที่เฮซิลจะได้พบเธอ...ถ้าที่ชิโอริพูดมันเป็นจริง
    การรอคอยจังหวะที่คิออสกับชินไม่อยู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าคิออสนี่คงไม่เท่าไหร่ แต่ชินนี่สิ...ดูท่าไม่ค่อยน่าไว้ใจ ซุกตัวอยู่แต่ในห้องพัก ขึ้นชื่อว่าฮาล์ฟลิง แล้วย่อมไว้ใจไม่ได้เสมอ(ก็นั่นก็เป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่จำจากที่เมเฮานท์สอนได้)...แต่ช่างเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไม่ไปก็คงไม่มีโอกาสไปละ
    แล้วเฮซิลก็ขึ้นมาข้างบนอย่างไม่มีใครสงสัย(ก็คนขึ้นไปซื้อของก็เยอะแยะไปนี่ ตอนกลางคืนวันนี้มีตลาดนัด...) และการเดินทางไปหอคอยลาวิสก็เริ่มขึ้น โซฟิอายามค่ำคืนช่างมืดเสียนี่กระไร...ถ้าหากทัศนวิสัยไม่ดี ก็อาจคิดว่าอยู่บนทุ่งหรือที่อื่นๆ ได้ แล้วเวลาถึงทางแยกแต่ละทีก็ต้องหยุดนานและคอยดูแผนที่...(จากหนังสือเรียนนั่นแหละ)...
   
    หลังจากผ่านไปแล้วสองชั่วโมงก็ไปถึงหน้าหอคอยลาวิส ที่เคยเห็นว่าหรูหราอลังการ ในยามทิวา กลับลึกลับและน่าเกรงขามในยามราตรี ตัวปราสาทสีดำสนิทเห็นได้แค่เพียงลางๆ เหมือนภาพลวงตา ยิ่งมองไกลออกไป ภาพที่เคยทึ่งในความวิจิตรก็กลับทำให้ทึ่งในความสยองขวัญของมัน นี่สินะ ปริศนาอีกอย่างของดินแดนที่เต็มไปด้วยความลึกลับแห่งนี้
    นั่นมัน...ลืมไปซะสนิทเลย
    ยามนั่นเอง...ทำไมคิดไม่ออกนะกะเรื่องแค่นี้ ตอนกลางคืนก็ต้องมียามสิ เรื่องอะไรเมืองที่เต็มไปด้วยคำถามจะทำยอมให้ใครต่อใครเข้ามาไขความลับล่ะ...บ้าจริงๆ เลย ทำอะไรไม่รู้จักคิด แต่ขณะที่เฮซิลกำลังคอตกหาทางกลับกิลด์นั่นเอง เกิดนึกขึ้นได้ว่ามีทางเข้าทางด้านหลังของหอคอย จึงพยายามอ้อมหอคอยไป ขณะที่เดินไปได้ระยะหนึ่ง
    ...แว้บบบบ...
    นี่ไม่ใช่ที่ที่เราควรจะอยู่นี่อีกนิดเดียวก็ควรจะถึงด้านหลังแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วนี่อะไร หอคอยหายไปไหนแล้วล่ะ หรือว่ามันจะเป็นกับดัก...
    วาบ!
    คลื่นแถบนั้นก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นแสงสว่างจ้าซึ่งดับลงชั่วพริบตา หรือว่านี่คือมาตรการป้องกัน งั้นเราก็ถูกจับแล้วสิ และในอีกไม่กี่นาที เราคงถูกหิ้วออกไปแน่...
    แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กำลังใจของเฮซิลเริ่มกลับมา และสำรวจบริเวณรอบๆ และแน่นอน ด้วยแสงสว่างเพียงน้อยนิดทำให้เห็นเพียงทางเดินแคบๆ ด้านหน้า ต้นไม้ด้านหลัง ขณะที่สองข้างทางนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากความมืดมิด... เฮซิลไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรอีกนอกจากเดินตามทางที่จัดไว้ให้เท่านั้น แม้จะรู้ว่ามันอาจเป็นกับดัก เพราะหากไม่ทำอะไรแล้วละก็ วันรุ่งขึ้นคงถูกจับอยู่ในนี้แน่ หรือไม่อาจจะถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
    เส้นทางที่เดินนั้นไกลยิ่งนัก จนขาทั้งสองข้างของลูกชายนักตีดาบเริ่มอ่อนแรง ยิ่งเดินก็ยิ่งล้า และสองข้างทางก็ยังคงไม่มีอะไรนอกจาก...ความมืด ในขณะที่เฮซิลกำลังจะหมดแรงนั่นเอง เงามืดทางด้านหน้าก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ ดูคล้ายๆ เงาทะมึนของหอคอยลาวิสที่เห็นในตอนนั้น เฮซิลรีบวิ่งไปทันที แต่แล้วกลับมีคลื่นรูปลูกศรพุ่งมาจากสิ่งที่เชื่อว่าน่าจะเป็นประตู ด้วยสัญชาตญาณทำให้เฮซิลหลบทันทีเมื่อเห็นทิศทางของคลื่นลูกศรนั่น และเตรียมพร้อมที่จะหลบคลื่นลูกศรหากมีเข้ามาอีก
    แต่ก็ไม่มีคลื่นรูปลูกศรมาอีก ที่เรย์นิลเห็นกลับเป็นสิ่งที่เคยเป็นเงาทะมึน...ด้านหลังของหอคอยนั่นเอง เขาแทบจะตะโกนออกมาด้วนความดีใจถ้าไม่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่การหลบคลื่นเมื่อครู่ทำให้ร่างกายยิ่งอ่อนล้าลงไปอีก...เฮซิลจึงนั่งพักอยู่ตรงนั้น นี่ถ้าไม่มีความตื่นเต้นเมื่อครู่คงหลับเป็นตายไปแล้ว(และถูกจับเมื่อแสงตะวันต้องแผ่นดิน)
    หลังจากพอฟื้นกำลังได้บ้างแล้ว เฮซิลมองขึ้นไปว่าเหลืออีกเท่าไร เงาทะมึนอันแสดงถึงความสูงของหอคอยนั้นกลับดูสูงมากไม่มีที่สิ้นสุด...ทำไมที่เคยเห็นมันไม่สูงอย่างนี้นะ แต่ในเมื่อมาถึงนี่แล้วก็ต้องไปข้างบนให้ได้ เพราะยังไงก็คงจะถูกจับแน่ๆ ไม่มีทางให้กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ คลายปริศนาของที่นี่ซักอย่างก็ยังดี อย่างน้อยก็มาไม่เสียเที่ยว
    คิดได้ดังนี้แล้วเรย์นิลก็เดินเข้าหอคอยไป ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจาก...บันไดเวียน บางจุดของบันไดมีประตูอยู่...แต่เด็กสาวคงไม่อยู่แค่ชั้นล่างๆ แน่ เรื่องอะไรจะเปิดไปให้จับล่ะ...แม้เมื่อมองลงไป ทางข้างล่างจะไกลขึ้น สูงขึ้น แต่ทางข้างบนก็ไม่มีวี่แววว่าจะลดลงเลย ขณะที่ขาเริ่มอ่อนล้าอีกครั้งและกำลังจะนั่งก็มีคลื่นพุ่งมาจนทำให้เขานั่งไม่ได้อยู่ร่ำไป...มันอะไรกันนะ ใจคอจะไม่ให้หยุดเลยเหรอ...ยิ่งเดินก็ยิ่งล้า แต่ก็ไม่เห็นจะคืบหน้าตรงไหน บางจุดก็มีประตูอยู่เช่นกัน สิ่งที่เฮซิลทำได้ก็คือ เดินไปเรื่อยๆ เท่านั้น จนในที่สุดก็มาถึงดาดฟ้า เฮซิลวิ่งเข้าประตูบนสุดทันที...
    ไม่มีอะไร!
   
    ถูกต้อง ชั้นดาดฟ้าก็เป็นเพียงสถานที่ชมวิวเท่านั้น...แล้วเด็กสาวล่ะ อยู่ไหน ชิโอริโกหก หรือว่านี่ไม่ใช่หอคอยลาวิส หรือเราถูกจับแล้ว! ยังไงก็ช่าง เพราะไงก็ต้องถูกจับอยู่ดี เปิดทีละห้องเลยแล้วกัน... ว่าแล้วก็รีบลงมาเปิดประตูที่ห้องที่ติดอยู่ถัดลงมาจากดาดฟ้า...
    แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง...
    หลังรับประทานอาหารเย็นของวันที่ 14 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่ชิโอริเคยบอกไว้ว่า”เด็กสาว” จะอยู่ที่ห้องลับบนหอคอยลาวิส นั่นคงเป็นโอกาสเดียวที่เฮซิลจะได้พบเธอ...ถ้าที่ชิโอริพูดมันเป็นจริง
    การรอคอยจังหวะที่คิออสกับชินไม่อยู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าคิออสนี่คงไม่เท่าไหร่ แต่ชินนี่สิ...ดูท่าไม่ค่อยน่าไว้ใจ ซุกตัวอยู่แต่ในห้องพัก ขึ้นชื่อว่าฮาล์ฟลิง แล้วย่อมไว้ใจไม่ได้เสมอ(ก็นั่นก็เป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่จำจากที่เมเฮานท์สอนได้)...แต่ช่างเถอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไม่ไปก็คงไม่มีโอกาสไปละ
    แล้วเฮซิลก็ขึ้นมาข้างบนอย่างไม่มีใครสงสัย(ก็คนขึ้นไปซื้อของก็เยอะแยะไปนี่ ตอนกลางคืนวันนี้มีตลาดนัด...) และการเดินทางไปหอคอยลาวิสก็เริ่มขึ้น โซฟิอายามค่ำคืนช่างมืดเสียนี่กระไร...ถ้าหากทัศนวิสัยไม่ดี ก็อาจคิดว่าอยู่บนทุ่งหรือที่อื่นๆ ได้ แล้วเวลาถึงทางแยกแต่ละทีก็ต้องหยุดนานและคอยดูแผนที่...(จากหนังสือเรียนนั่นแหละ)...
   
    หลังจากผ่านไปแล้วสองชั่วโมงก็ไปถึงหน้าหอคอยลาวิส ที่เคยเห็นว่าหรูหราอลังการ ในยามทิวา กลับลึกลับและน่าเกรงขามในยามราตรี ตัวปราสาทสีดำสนิทเห็นได้แค่เพียงลางๆ เหมือนภาพลวงตา ยิ่งมองไกลออกไป ภาพที่เคยทึ่งในความวิจิตรก็กลับทำให้ทึ่งในความสยองขวัญของมัน นี่สินะ ปริศนาอีกอย่างของดินแดนที่เต็มไปด้วยความลึกลับแห่งนี้
    นั่นมัน...ลืมไปซะสนิทเลย
    ยามนั่นเอง...ทำไมคิดไม่ออกนะกะเรื่องแค่นี้ ตอนกลางคืนก็ต้องมียามสิ เรื่องอะไรเมืองที่เต็มไปด้วยคำถามจะทำยอมให้ใครต่อใครเข้ามาไขความลับล่ะ...บ้าจริงๆ เลย ทำอะไรไม่รู้จักคิด แต่ขณะที่เฮซิลกำลังคอตกหาทางกลับกิลด์นั่นเอง เกิดนึกขึ้นได้ว่ามีทางเข้าทางด้านหลังของหอคอย จึงพยายามอ้อมหอคอยไป ขณะที่เดินไปได้ระยะหนึ่ง
    ...แว้บบบบ...
    นี่ไม่ใช่ที่ที่เราควรจะอยู่นี่อีกนิดเดียวก็ควรจะถึงด้านหลังแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วนี่อะไร หอคอยหายไปไหนแล้วล่ะ หรือว่ามันจะเป็นกับดัก...
    วาบ!
    คลื่นแถบนั้นก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นแสงสว่างจ้าซึ่งดับลงชั่วพริบตา หรือว่านี่คือมาตรการป้องกัน งั้นเราก็ถูกจับแล้วสิ และในอีกไม่กี่นาที เราคงถูกหิ้วออกไปแน่...
    แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น กำลังใจของเฮซิลเริ่มกลับมา และสำรวจบริเวณรอบๆ และแน่นอน ด้วยแสงสว่างเพียงน้อยนิดทำให้เห็นเพียงทางเดินแคบๆ ด้านหน้า ต้นไม้ด้านหลัง ขณะที่สองข้างทางนั้นมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากความมืดมิด... เฮซิลไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรอีกนอกจากเดินตามทางที่จัดไว้ให้เท่านั้น แม้จะรู้ว่ามันอาจเป็นกับดัก เพราะหากไม่ทำอะไรแล้วละก็ วันรุ่งขึ้นคงถูกจับอยู่ในนี้แน่ หรือไม่อาจจะถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
    เส้นทางที่เดินนั้นไกลยิ่งนัก จนขาทั้งสองข้างของลูกชายนักตีดาบเริ่มอ่อนแรง ยิ่งเดินก็ยิ่งล้า และสองข้างทางก็ยังคงไม่มีอะไรนอกจาก...ความมืด ในขณะที่เฮซิลกำลังจะหมดแรงนั่นเอง เงามืดทางด้านหน้าก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ ดูคล้ายๆ เงาทะมึนของหอคอยลาวิสที่เห็นในตอนนั้น เฮซิลรีบวิ่งไปทันที แต่แล้วกลับมีคลื่นรูปลูกศรพุ่งมาจากสิ่งที่เชื่อว่าน่าจะเป็นประตู ด้วยสัญชาตญาณทำให้เฮซิลหลบทันทีเมื่อเห็นทิศทางของคลื่นลูกศรนั่น และเตรียมพร้อมที่จะหลบคลื่นลูกศรหากมีเข้ามาอีก
    แต่ก็ไม่มีคลื่นรูปลูกศรมาอีก ที่เรย์นิลเห็นกลับเป็นสิ่งที่เคยเป็นเงาทะมึน...ด้านหลังของหอคอยนั่นเอง เขาแทบจะตะโกนออกมาด้วนความดีใจถ้าไม่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่การหลบคลื่นเมื่อครู่ทำให้ร่างกายยิ่งอ่อนล้าลงไปอีก...เฮซิลจึงนั่งพักอยู่ตรงนั้น นี่ถ้าไม่มีความตื่นเต้นเมื่อครู่คงหลับเป็นตายไปแล้ว(และถูกจับเมื่อแสงตะวันต้องแผ่นดิน)
    หลังจากพอฟื้นกำลังได้บ้างแล้ว เฮซิลมองขึ้นไปว่าเหลืออีกเท่าไร เงาทะมึนอันแสดงถึงความสูงของหอคอยนั้นกลับดูสูงมากไม่มีที่สิ้นสุด...ทำไมที่เคยเห็นมันไม่สูงอย่างนี้นะ แต่ในเมื่อมาถึงนี่แล้วก็ต้องไปข้างบนให้ได้ เพราะยังไงก็คงจะถูกจับแน่ๆ ไม่มีทางให้กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ คลายปริศนาของที่นี่ซักอย่างก็ยังดี อย่างน้อยก็มาไม่เสียเที่ยว
    คิดได้ดังนี้แล้วเรย์นิลก็เดินเข้าหอคอยไป ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจาก...บันไดเวียน บางจุดของบันไดมีประตูอยู่...แต่เด็กสาวคงไม่อยู่แค่ชั้นล่างๆ แน่ เรื่องอะไรจะเปิดไปให้จับล่ะ...แม้เมื่อมองลงไป ทางข้างล่างจะไกลขึ้น สูงขึ้น แต่ทางข้างบนก็ไม่มีวี่แววว่าจะลดลงเลย ขณะที่ขาเริ่มอ่อนล้าอีกครั้งและกำลังจะนั่งก็มีคลื่นพุ่งมาจนทำให้เขานั่งไม่ได้อยู่ร่ำไป...มันอะไรกันนะ ใจคอจะไม่ให้หยุดเลยเหรอ...ยิ่งเดินก็ยิ่งล้า แต่ก็ไม่เห็นจะคืบหน้าตรงไหน บางจุดก็มีประตูอยู่เช่นกัน สิ่งที่เฮซิลทำได้ก็คือ เดินไปเรื่อยๆ เท่านั้น จนในที่สุดก็มาถึงดาดฟ้า เฮซิลวิ่งเข้าประตูบนสุดทันที...
    ไม่มีอะไร!
   
    ถูกต้อง ชั้นดาดฟ้าก็เป็นเพียงสถานที่ชมวิวเท่านั้น...แล้วเด็กสาวล่ะ อยู่ไหน ชิโอริโกหก หรือว่านี่ไม่ใช่หอคอยลาวิส หรือเราถูกจับแล้ว! ยังไงก็ช่าง เพราะไงก็ต้องถูกจับอยู่ดี เปิดทีละห้องเลยแล้วกัน... ว่าแล้วก็รีบลงมาเปิดประตูที่ห้องที่ติดอยู่ถัดลงมาจากดาดฟ้า...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น