ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lightning

    ลำดับตอนที่ #4 : เส้นทางสู่โซฟิอา(Road to Sophia)

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 48


              ดูเหมือนว่าผู้นำสารจะยังไม่รู้ว่าเธอลืมอะไรทิ้งไว้ เพราะตลอดช่วงหลายวันมานี้ ไม่มีวี่แววของแฟรี่เลย ไม่ว่าเฮซิลจะพยายามมากเพียงไร หรือในอีกกรณีคือ เธอจงใจทิ้งมันไว้ พ่อของเฮซิลอธิบายว่าอัญมณีแบบนี้หาได้แค่ในโซฟิอาเท่านั้น นอกจากใช้เป็นเครื่องประดับแล้วมันยังเป็นตราประจำตัวที่แสดงถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรี ของเช่นนี้จึงไม่ได้มีไว้ซื้อขายกัน และผู้นำสารคงจะมีสำรองและคงไม่มีปัญหาเท่าใดนัก เธอจึงอาจยังไม่รู้หรือไม่ก็ไม่รับกลับมา ซึ่งเฮซิลก็คงจะได้อันหนึ่งเหมือนกันหากเขาเลือกที่จะไปโซฟิอา



        สำหรับการตัดสินใจว่าจะไปโซฟิอาหรือไม่นั้นเดิมทีเฮซิลเองก็ยังลังเลอยู่ แต่เท่าที่หาข้อมูลจากห้องสมุดก็ได้ใจความว่า โซฟิอาเป็นนครในตำนานที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยไป มีปริศนาลึกลับที่ซ่อนอยู่ในนั้นอีกมากมาย ว่ากันว่าที่นั่นมีประตูเชื่อมต่อกับมิติอื่น รวมถึงเมืองโบราณเวเนฟิเซียม ที่เชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของเหล่าปีศาจในอดีตกาล และอื่นๆ...มันปลุกความอยากรู้ อยากไขปัญหาลี้ลับเหล่านั้นของที่ซ่อนอยู่ในใจของเฮซิลให้ตื่นขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดในการตอบรับของเด็กหนุ่ม



        ขณะที่พ่อของเขานั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาตีดาบชิ้นหนึ่ง ดาบเล่มนี้นั้นพ่อตีมานานแล้วและมันก็มีคุณภาพสูงมาก แต่การตีดาบอย่างประณีตก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฮซิลนั้นได้รับมอบหมายให้มาร่วมการสร้างอาวุธสุดยอดเล่มนี้ด้วย แม้เฮซิลน้อยจะรู้เรื่องอาวุธเป็นอย่างดีแต่เขาก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้เตาหลอมอีกเลยนับตั้งแต่เขาสูญเสียแม่ไป ปกติแล้วเฮซิลได้แต่ทำความสะอาดอุปกรณ์เท่านั้น แต่คราวนี้กลับต้องมาตีดาบอีกเป็นครั้งที่สอง ความตื่นเต้นได้เข้ามาครอบงำความคิดของเด็กหนุ่ม...นี่เป็นครั้งที่สองสินะที่จะได้แตะมัน... เฮซิลตีดาบอย่างตั้งใจ แต่คราวนี้ประกายไฟหาใช่สีส้มแดงอย่างปกติหรือแม้แต่เขียวปนขาวอย่างในครั้งนั้นไม่ มันกลับเป็นดวงไฟสีฟ้าอ่อนๆ ที่สว่างจ้า พวยพุ่งออกมาจากดาบเล่มนั้น



        \"ได้ผลดีเกินคาด\" คนเป็นพ่อเอ่ยขึ้น

        \"สรุปว่าดีเหรอพ่อ\" ลูกชายกล่าวย้ำอย่างตื่นเต้น

        \"ใช่ ดีมาก ดีมากทีเดียว ว่าแต่...ตกลงเจ้าจะไปใช่ไหม\" นักตีดาบถาม

        \"ก็คิดว่าคงจะไปแหละ น่าสนใจดีออก\"

        \"งั้นเรามาเตรียมตัวกันเลยดีไหม\"



        ว่าแล้วนักตีดาบก็เริ่มสาธยายเกี่ยวกับจุดหมายปลายทางที่เฮซิลจะต้องไปในอีกไม่กี่วันนี้ในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความสำคัญของแคว้นนี้ในประวัติศาสตร์ เช่นในการปราบกบฎเมื่อ 24 ปีก่อน มีการศึกษาที่ดีเยี่ยม มหาวิทยาลัยที่นั่นถูกเปรียบกับที่โรมเมื่อครั้งอดีตกาล และเป็นศูนย์กลางแห่งเวทย์มนตร์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง และเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ เมื่อจบแล้วจึงให้เตรียมตัวสำหรับการเดินทาง สิ่งที่ต้องนำไปด้วย ไม่มีอะไรมาก นอกจากพวกเสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นทั้งหลาย รวมถึงดาบเล่มนั้นที่พ่อให้เขานำไปส่งให้ทางโน้น และตราที่ต้องนำไปคืน...



        หลังจากการศึกษาค้นคว้าและการเตรียมการเป็นเวลาหลายวัน วันที่รอคอยก็มาถึง...

    คืนก่อนหน้านั้นเด็กชายกระวนกระวายอย่างยิ่งที่จะไปผจญภัยในสถานที่ใหม่ๆ ต่างกันแต่เพียงว่า สถานที่นั้นเป็นสถานที่ที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่เป็นเวลานานซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขากระวนกระวายมากขึ้นจนเกือบนอนไม่หลับ แต่แม้ว่าเขาจะนอนน้อยเพียงไร เฮซิลก็ตื่นตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง เฝ้ารอการมาของเจ้าหน้าที่คนเป็นพ่อเองก็รีบตื่นเช่นเดียวกันเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย



        ราวๆ หนึ่งชั่วโมงต่อมา คนที่พวกเขารอคอยก็มาถึง แฟรี่ในชุดเสื้อคลุมดำสนิท เป็นหญิงสูงวัยดูภูมิฐาน รวบผมยาวตรงไว้ข้างหลัง  ที่บริเวณอกซ้ายมีตราประจำตัวเงาวับติดอยู่ ผู้มาเยือนเดินเข้ามาอย่างเยือกเย็น...

        

        \"ขอโทษค่ะ ที่นี่มีแผนที่ทางทะเลให้ยืมมั้ยคะ\" ผู้มาเยือนแสดงรหัสที่เตรียมไว้อย่างเยือกเย็น



        ไม่ต้องสงสัยเลย ใครจะมายืมแผนที่ทางทะเลในเวลาเช่นนี้ นี่ก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงเสียแล้ว คงไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าหน้าที่ที่จะรับเฮซิลไปแน่ๆ เฮซิลเชิญเจ้าหน้าที่เข้ามา แล้วการสนทนาระหว่าง เฮซิล พ่อของเขา และเจ้าหน้าที่ ก็เริ่มต้นขึ้น...



        \"ไม่ได้เจอกันนานนะ ท่านเมเฮานท์\"เจ้าหน้าที่เอ่ยถึงพ่อในชื่อที่เฮซิลไม่เคยได้ยิน

        \"จริงสิ นี่มันก็หลายปีแล้ว\"

        

        แล้วเจ้าหน้าที่กับ \"ท่านเมเฮานท์\" ก็คุยกันอย่างถูกคอสนุกสนาน หัวข้อในการสนทนาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

    ทั้งในเรื่องทั่วไป และเรื่องที่เฮซิลซึ่งดูเหมือนจะฟังอย่างเดียวฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด การสนทนาดำเนินไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง จนกระทั่ง...



        \"ไม่ต้องสงสัยเลย สิ่งสำคัญทั้งสองก็พร้อมแล้ว เหลือเพียงแต่การเคลื่อนย้ายเท่านั้น\" พ่อเอ่ยขึ้น

        \"ข้าไม่ห่วงเรื่องนั้น จะห่วงก็แค่การเคลื่อนย้ายเจ้าเรย์ฟอร์ซนั่น ก็เท่านั้นเอง\" เจ้าหน้าที่กล่าว



        ...คำพูดนั้นหลุดออกมาแล้ว เฮซิลตื่นเต้นเป็นที่สุด ถึงเวลาที่จะต้องเข้ารหัสแล้วซิ...

        

        \"นิล\" เขาละล่ำละลัก



        ทันใดเจ้าหน้าที่ก็ส่งเสียงหัวเราะ แล้วพูดเปรยๆ\"งั้นเราก็ไปกันได้แล้วสิ เจ้าหนู\"

        \"ฝากบอกสวัสดีให้นายของท่านด้วย\" พ่อเอ่ยขึ้นพร้อมส่งห่อของที่จำเป็นให้ ส่วนดาบนั้นให้แยกไว้ต่างหาก



        \"เริ่มเดินทางกันได้แล้วแหละ เจ้าหนู ต่อไปนี้เรียกฉันว่าเรเวียล\" ว่าแล้วเจ้าหน้าที่ก็พาเฮซิลขึ้นม้าไป



        บ้านที่เขาอยู่มาเกือบทั้งชีวิตค่อยๆ ลับตาเขาไป ในไม่ช้า เมืองที่เขาเคยอยู่ก็ค่อยๆ เล็กลง และจางลงจนหายไปทางขอบฟ้าด้านตะวันตกผู้คนที่เคยรู้จัก สิ่งต่างๆ ที่คุ้นเคยบัดนี้ได้กลายเป็นเพียงความทรงจำไปแล้ว เรเวียลควบม้าไปทางตะวันออก แล้วจึงบ่ายหน้าขึ้นเหนือเล็กน้อย เส้นทางเป็นทุ่งราบที่ค่อนข้างแห้งแล้ง มีเพียงหญ้าขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งสองควบม้ามาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่มีทางแยกออกไปเป็นสามทาง ทางซ้ายดูมืดสลัวทั้งที่เป็นเวลาสายแล้ว ปลายทางต่อไปดูไม่ชัดนัก ทางสายกลางเป็นทุ่งหญ้า ส่วนทางขวาเลี้ยวลงใต้ลงสู่ทะเลแห่งความมืดที่อยู่ไกลออกไป



        \"ทางแยกนี้ หากเลือกเดินทางซ้าย จะเป็นเส้นทางที่ลัดที่สุด แต่จะเข้าไปในเขตโอซิส ซึ่งในช่วงหลังๆ นี่คงไม่ปลอดภัยนัก อย่างน้อยก็สำหรับเรา เส้นทางตรงกลาง จะไปทางตะวันออกไปทางถนนอาเรสตัลหรือที่เคยเรียกกันว่าอะเรซิตาเลีย ผ่านรัฐซาคราส และแคว้นทางใต้ แถบนี้ภูมิประเทศไม่ทุรกันดารเท่าใดนัก และมีเขตเมืองให้หยุดพักบ้าง ซึ่งนี่คือทางที่เราจะไป ส่วนทางสุดท้าย จะลงใต้ไปท่าเรือไลท์ แล้วลงเรือต่อไปยังท่าเรือเนเจอร์ แล้วเดินทางต่อ แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้แล้วเป็นการไม่สมควรที่จะเดินทางโดยเรือ\"



        ว่าแล้วเรเวียลก็ควบม้าต่อไป เวลาผ่านไป ภูมิประเทศที่เคยเป็นทุ่งหญ้าเตี้ยๆ บัดนี้กลายเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาที่อุดมสมบูรณ์ขึ้น การเดินทางไม่เป็นไปอย่างลำบากยากเย็นเท่าใดนัก พระอาทิตย์ก็ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ อากาศก็ร้อนขึ้น ความเหนื่อยล้าเริ่มเข้ามาแทนที่ความสดชื่น เจ้าหน้าที่รีบเร่งการเดินทางเข้าไปในเขตแดนซาคราส ความเร็วปะทะความล้า การต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึง อิลเลียส เมืองหลวงของรัฐซาคราสเมื่อดวงอาทิตย์อยู่ตรงหัวพอดี



    อิลเลียส ศูนย์กลางของรัฐซาคราส หรือที่มนุษย์แถบนั้นดินแดนของตัวเองว่า \"ดินแดนศักดิ์สิทธิ์\" ล้อมรอบด้วยกำแพงใหญ่ สูงราวสามสิบฟุตเศษ ในตัวเมืองเต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่ เรเวียลบอกว่าอิลเลียสเป็นเมืองที่คึกคักอยู่เสมอ มีความตื่นตัวสูง นี่เป็นเพียงวันปกติของที่นี่เท่านั้น ในตัวเมืองนั้นไม่ค่อยพบหมู่บ้านเพราะจะไปอยู่บริเวณรอบนอกเสียเป็นส่วนมาก ตัวเมืองอิลเลียส จึงเต็มไปด้วยร้านค้า ทำให้กลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่นอยู่ตลอดเวลา เฮซิลและเรเวียลรับประทานอาหาร หลังจากนั้นหาเสบียงพร้อมกับพักผ่อนในเมืองจนบ่าย แล้วจึงออกเดินทางต่อไป



        ยิ่งเฮซิลและเรเวียลควบม้าออกจากเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของมนุษย์ไปไกลขึ้น หมู่บ้านมนุษย์ที่เห็นก็ยิ่งเบาบางลง จนสองข้างทางกลับมาเป็นทุ่งหญ้าอีกครั้ง ระหว่างทางเฮซิลได้พบฝูงสัตว์นานาชนิด ซึ่งเฮซิลไม่ได้เห็นบ่อยนัก ในทุ่งหญ้าแถบนี้ ในระหว่างที่ทั้งสองเดินทางสวนกับการเส้นทางเดินของตะวันในยามทิวากาล ก็พบคนแคระที่ติดกับดักสัตว์อยู่ร้องขอให้ช่วย เจ้าหน้าที่เรเวียลสามารถแก้มันได้อย่างรวดเร็ว คนแคระผู้นั้นได้ขอบคุณเขา เวลาในขณะนั้นก็ใกล้จะมืดแล้ว คนแคระจึงชวนให้พักในหมู่บ้านของเขา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×