ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Legend Season:Rise of Sophia

    ลำดับตอนที่ #3 : Further South

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 50


                ทาอิไม่รู้ว่าเธอมีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ แต่คงจะดีกว่าถ้าเธอพร้อมด้วยลูกของนายหญิงไปถึงเร็ว คราวนี้เธอขี่ม้าอ้อมเมืองไปทางด้านตะวันตกก่อนที่จะวกลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ไปยังต้นน้ำซีลอันเป็นจุดหมายปลายทาง

     

                    การเดินทางแถบนี้ง่ายกว่าที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงเพราะทาอิชำนาญเส้นทางมากกว่า แต่เป็นเพราะ ดินฟ้าอากาศที่ดูเหมือนจะเป็นใจกว่าด้วย จนกระทั่ง...

     

                    ครืน!

     

                เสียงกีบม้าดังขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนทาอิจำเป็นต้องหลีกทางให้ มิฉะนั้นอาจเข้าไปปะทะกับม้าความเร็วสูงเหล่านั้นได้

     

                    แกลลอป แกลลอป!

     

                เมื่อม้าพวกหน้าควบมาใกล้พอก็มองเห็นได้ว่าเป็นทหารใส่ชุดเกราะโซ่กำลังควบม้าลงใต้ไปด้วยความเร็วสูง บนสัญลักษณ์ของพวกเขาเหล่านั้นมีตราของเซเซอร์ติดอยู่

     

                    พวกใคร

     

                คำถามแรกที่ก้องอยู่ในหัวของทาอิ นั่นคนของใครกันแน่ โซนาคอน โอเวอร์ดูล หรือจะมีใครอีก ที่สร้างบารมีของตนขึ้นมาที่เซเซอร์

     

                    ถ้าหากเป็นคนของโอเวอร์ดูลจริง เขาอาจมีความคืบหน้าอะไรบอกเรา แต่ถ้าเป็นคนของโซนาคอน แค่ถูกเห็นก็นับได้ว่าเสี่ยงอันตรายแล้ว ยิ่งถ้าหากโซนาคอนรับรู้เรื่องที่เอาลูกสาวนายหญิงมา........

     

                    ทาอิจึงได้แต่ปล่อยให้ทหารม้ากลุ่มนั้นควบผ่านไป และทิ้งความสงสัยไว้ในหัวของตน

     

                    ดินแดนที่เจริญขึ้นมาในแถบนี้นับได้ว่าเป็นการดีต่อเซเซอร์อย่างมาก หากนายหญิงยังอยู่ แต่มาถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์อะไรไหม หมู่บ้านที่เรียงรายย่อมยืนยันความสะดวกสบายยามพัก ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนได้ไม่ยาก แต่ก็จะทำให้ถูกจับตามองได้ไม่ยากเช่นกัน

     

                    เมื่อทาอิมองดูให้ดีก็พบว่าประชากรแถบนี้นั้นเป็นชาวแฟรีอยู่ไม่น้อยเลย ท่าทางว่าชาวแฟรีจะเดินทางออกจากป่ามาอยู่เมืองกันไม่น้อยแล้วสินะ ทั้งนี้ต้องขอบคุณบารมีของนายหญิงที่ไม่รังเกียจเดียดฉันท์พวกเรา แต่ถ้าเป็นโซนาคอน.... ทาอิก็ได้แค่ถอนหายใจ

     

                    หลังจากที่คิดกับตัวเองอยู่นาน ในที่สุดทาอิก็เดินทางมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งอันเป็นจุดนัดพบที่โอเวอร์ดูล คนรักของนายหญิง ได้นัดไว้ เมืองนี้ก็แสดงถึงศิลปะผสมผสานระหว่างศิลปะที่หน้าประตูเมืองนั้นดูสวยงามแบบที่หาที่ไหนไม่ได้ในดินแดนแถบนี้แล้ว

     

                นี่แหละ โซฟิอา ที่เราจะไปทาอิบอกกับเด็กสาวผมของเธอปรากฏสีน้ำตาลเข้มในยามเย็นเช่นนี้ ใบหน้าของเธอบ่งบอกถึงความโล่งใจว่าในที่สุดก็ถึงแล้ว

     

                    แต่นั่นมันประตูทางเหนือ ที่ที่เราจะไปคือประตูใต้ทาอิพูดคำพูดที่สาวน้อยต้องก้มหน้าไปด้วยความผิดหวัง

     

                    เอ แต่เท่าที่เราจำได้ โซฟิอาเป็นเมืองชายแดนทางใต้แล้วนี่นา ถ้าอย่างนั้นยิ่งลงไปก็แปลว่า.....

     

                    วูบ!

     

                    ความกลัวพร้อมกับความฉงนปรากฏขึ้นทันทีทันใด เหตุใดโอเวอร์ดูลจึงจงใจให้เขาเข้าไปในเขตแดนเวเนฟิเซียม จะเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อ แต่โอเวอร์ดูลไม่ใช่คนที่จะพลาดอะไรแบบนี้แน่ๆ

     

                    หรือจะเป็นเพราะความจงใจ......ซึ่งก็มีได้สองความหมาย นั่นคือท่านจอมโจรรับรู้แต่ไม่สนใจว่ามันจะเข้าเขตเวเนฟิเซียมหรือไม่ กับ ท่านจอมโจร ตั้งใจ ให้เธอ หรือ เด็กน้อย หรือทั้งคู่ เข้าไปในเขตเวเนฟิเซียม.......ดินแดนที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ลึกลับนานาชนิด บ่อเกิดแห่งความกลัวนับชนิดไม่ถ้วน

     

                    แม้จะเข้าไปเพียงเวลาสั้นๆ แต่ก็นับได้ว่า เข้าไปแล้ว และแน่นอน ทาอิก็เป็นปุถุชนคนหนึ่ง ยอมมีความกลัวว่า หากก้าวเท้าเข้าไปแล้วจะได้กลับออกมาหรือไม่......

     

                    ปัญหาก็คือ หากโอเวอร์ดูล ตั้งใจให้เธอเข้าไป นั่นเป็นการประสงค์ดีหรือประสงค์ร้าย จริงอยู่ ที่ความกลัวดินแดนมืดดำนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีหลักฐานใดๆ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ และทาอิเองก็ไม่รู้ว่าผู้ที่ออกคำสั่งให้เธอไปพาลูกของเขากลับมา รู้อะไร หรือมีจุดประสงค์ที่แท้จริงเป็นเช่นไรกันแน่

     

     

                    แต่เมื่อทาอิลองคิดถึงทางเลือกแล้ว เธอก็พบว่าเธอไม่มีทางเลือกใดๆ เพราะตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว สิ่งต่างๆ ที่เป็นของเธอตอนนี้ก็ไม่อยู่ แล้วยังพาลูกสาวนายเป็นภาระอีก ทำให้ทาอิต้องกลั้นใจ.....ควบม้า ทีละก้าว ทีละก้าว เข้าสู่ดินแดนพิศวงที่น้อยคนนักจะไปถึง

     

                    กรุบ กรุบ

     

                    พี่แฟล เป็นอะไรคะดีพเวลล์เอ่ยถาม

     

                    ทาอิรับรู้ได้ทันทีว่าอาการหวาดกลัวถูกเปิดเผยต่อผู้ร่วมทางแล้ว แต่ก็ไม่มีสิ่งใดนอกจากการที่ต้องข่มมันและก้าวต่อไป จนภาพข้างหน้ามืดลงอย่างชัดเจน ต้นไม้บางชนิดเริ่มเฉา อาการของแมลงที่พบเปลี่ยนแปลงไป ทั้งหมดเหมือนกับเดินทางสวนทางกับเธออย่างเห็นได้ชัด

     

                    ทาอิค่อยๆ นับถอยหลังจำนวนก้าวที่จะเข้าสู่เขตแคว้นปีศาจนั่น

     

                    สิบ...เก้า...แปด...เจ็ด...หก...

     

                ห้า...สี่...

     

                    สาม...

     

                    สอง...

     

                    หนึ่ง...

     

                    ฮี้ ๆๆ!

     

                ม้าพยศขึ้นมาในทันใด มันรีบถอยออกจากเขตแคว้นปีศาจนั่นอย่างฉับไว จนทาอิต้องคุมทั้งตัวเธอและเด็กสาวไม่ให้ร่วงตามไปด้วย แม้แต่ม้าก็กลัวเหมือนกันหรือนี่

     

                คราวนี้ ทาอิ บอกดีพเวลล์ให้ลงมาพร้อมกับจูงม้าไป ทาอิตัดสินใจเดินนำไปก่อน

     

                    วูบ!

     

                เธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันทีว่าเหตุใดม้าจึงพยศแล้วถอยออกไปทันที ตอนนี้ขาของทาอิแข็งจนก้าวไม่ออก ขณะที่เด็กสาวกำลังตกใจ

     

                    พี่แฟล เป็นอะไรคะแต่เมื่อไม่มีเสียงตอบจากทาอิ นางฟ้าที่อ่อนวัยกว่าจึงก้าวเข้าไปอย่างเต็มที่

     

                    ...

     

                    เท้าของเด็กสาวแม้จะหนักกว่าปกติ แต่ก็ยังพอก้าวเดินได้ เธอบอกกับผู้ที่เคยเป็นรองแม่ทัพแห่งเซเซอร์ในสงครามใหญ่ที่ผ่านมาอย่างช้าๆ ว่า

     

                    ทั้งหมดนี้ก็แค่ความกลัว ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ถ้าเราจะไปทางนี้ก็เดินทางต่อเถอะดีพเวลล์พยายามปั้นหน้ายิ้มให้ทาอิเห็น แม้จะยังปรากฏแววตาแห่งความกลัวอยู่บ้าง แต่มันก็ช่างต่างกับทาอิเหลือเกิน

     

                    ทาอิพยายามฝืนใจขยับขา ค่อยๆ ขยับ จนในที่สุดก็เต็มก้าว

                    เห็นมั้ย พี่แฟลร์ แค่นี้ก็ไม่มีอะไรแล้วเด็กสาวที่บัดนี้เหมือนผู้ใหญ่มากกว่าคนที่ขาเพิ่งขยับได้บอกด้วยความโล่งใจ

     

                    แต่...ม้า...ทาอิพูดพลังหันมองไปทางด้านหลัง เจ้าม้ายังดื้อด้านไม่ยอมเข้ามา...

     

                    เด็กสาวไม่ว่าอย่างไร นอกเสียจากไปลูบหัวเบาๆ พร้อมกับกระโดดโลดเต้นในดินแดนแห่งมนตราให้มาเห็นแล้วค่อยๆ จูง.....

                    อย่าปล่อย อย่าถอย หรืออะไรนะ ถ้าเข้ามาได้เต็มตัวแล้วก็คงไม่มีอะไรแล้ว

     

                ทั้งสองคนค่อยๆ ลากม้าเข้ามา ทีละนิดทีละนิด..

     

                    ฮี้!

     

                ม้าพยายามถอยกลับทันที แต่ทั้งคู่ก็พยายามฝืนไว้ แม้จะไม่สามารถเดินต่อไป ได้ แต่ทาอิกับดีพเวลล์ก็มีแรงมากพอที่จะไม่ทำให้ต้องถอยกลับ...

     

                    แน่ใจเหรอ

     

                    ดีพเวลล์ภาวนาให้ม้าว่าง่ายพอที่จะสงบสติตัวเองได้ และหวังว่าคงไม่ต้องใช้เวทมนตร์ในดินแดนที่องค์ประกอบทางเวทมนตร์ไม่ปกติเช่นนี้......เธออดทนเต็มพิกัด

     

                    ดึงเชือกให้เต็มที่ อย่าล้า อย่าถอย อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น เพราะถ้าทำครั้งต่อๆ ไปก็คงไม่มีแรงเท่าที้อีกแล้ว

     

                    เหมือนแรงของม้าจะมหาศาลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สิ เธอล้าเองต่างหาก อีกนิดนะ....เด็กสาวผมดำบอกตัวเองให้ต้านแรงหนีของม้าไว้

     

                    แต่เหมือนฟ้าจะเป็นใจ แรงต้านจากม้าที่แบกทาอิมาตลอดตั้งแต่เซเซอร์และมีดีพเวลล์พวกมาด้วยตั้งแต่หมู่บ้านใกล้ๆ โรม ค่อยๆ ลดลง ลดลง จนม้าสงบ และเริ่มก้าวต่อไป

     

                    อย่าแสดงอาการกลัวให้ม้าเห็นนะดีพเวลล์บอกทาอิ

     

                    แล้วทั้งสองก็เดินต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงประตูทิศใต้ ตรงนี้เมืองโซฟิอาช่างดูสดใสกว่าประตูทิศเหนือมากนัก ทาอิ ดีพเวลล์ และแม้แต่ม้า ต่างก็ดีใจที่ผ่านประตูเวเนฟิเซียมมาได้

     

                    แต่การเข้าโซฟิอากลับไม่ง่ายเหมือนปกติ  ที่หน้าประตูมีแฟรีใส่ชุดดำสวมฮู้ดอำพรางใบหน้าอยู่สองคน คนหนึ่งพูดกับทาอิด้วยเสียงต่ำๆ

     

                    หยุด! ท่านชื่ออะไร มาทำไม

                ข้ามาตามหาคนที่ชื่อไอแซกทาอิพูดเรียบๆ

                ท่าน.....คือ....ยาม....ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นจอมเวท มองแฟรีทั้งสองอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะละล่ำละลักออกมา หลังจากนั้นก็กระซิบกระซาบกับยามอีกคน ก่อนที่จะหันมาหาผู้มาเยือน

     

                    งั้นตามข้ามา...

     

                    นางฟ้าในเครื่องแบบบอกพาทั้งคู่เข้าเมืองไป

     

                    สำหรับทาอิแล้ว นี่ไม่ใช่โซฟิอาที่เธอเคยรู้จัก เมืองนี้เจริญไปไม่น้อยเลยทีเดียว อีกไม่กี่สิบปีก็คงทัดเทียมกับเซเซอร์(หากประเมินว่าเซเซอร์มีพัฒนาการเหมือนสมัยนายหญิง) แหล่งความรู้ต่างๆ เริ่มมารวมกันที่นี่ แม้ศิลปะวิทยาการจะยังไม่ก้าวหน้ามากแต่ก็มีอนาคตที่สดใสเลยทีเดียว ยิ่งเป็นนครของชาวแฟรีแล้ว เรื่องเวทมนตร์ย่อมโดดเด่นเป็นธรรมดา ใครจะรู้ คนส่วนใหญ่ในนี้อาจใช้เวทมนตร์เก่งกว่าเธอก็ได้

     

                    สำหรับนักศึกษาสาวที่เพิ่งมาจากโรม เมืองนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่น่าสนใจ เพราะเป็นศูนย์รวมของชาวแฟรีในย่านนี้ เธอรู้สึกถึงพลังเวทที่อยู่ที่นี่ได้ไม่น้อย และสภาพแบบนี้ ก็เป็นสภาพที่แฟรีที่ไม่เคยอยู่ป่าอย่างเช่นดีพเวลล์ จะเคยเห็น

     

                    ถึงแล้วล่ะ ข้าขอลา แต่หากท่านโอเวอร์ดูลไม่สั่ง ข้าว่าอย่าออกจากเมืองนี้จะเป็นการดีที่สุดยามจอมเวทพูดพร้อมกับหยุดที่หน้าอาคารเตี้ยๆ หลังหนึ่ง เมื่อเธอเดินเข้าไปจึงรู้ว่าจริงๆ แล้วลึกลงไปใต้ดินยังมีชั้นใต้ดินอีก......

     

                    ทั้งสองค่อยๆ ก้าวเข้าไป เบื้องหน้าไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดกับบันไดที่ใช้เดินลงไป

                    ถ้าพลาดไปจะทำยังไงเนี่ยดีพเวลล์บ่นอุบ

                    งั้นค่อยๆ จับมือกันไปนะทาอิเสมอ

                    งั้นเวลาพลาดก็จะช่วยดึงอีกคนลงไปด้วยสิ แต่ก็ได้เด็กสาวยื่นมืออกมา ทาอิคว้าไว้ พร้อมกับค่อยๆ ก้าวเดินลง ทีละก้าว ทีละก้าว........

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×