คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โฉมงามทวินเทล กับ อสูรสีชาติ
10.00 น.
ห้องเรียน 203 โรงเรียนอามาโนะนาวะ เมืองSternBild คาบเรียนที่2
วิชาประวัติศาสตร์
อาจารย์ฮิวมาเกียร์ ชายอายุราวๆ 50 กลางๆ ประจำวิชาได้เดินเข้ามาพร้อมกับ ทักทายนักเรียนและเริ่มสอนในทันที ในห้องแม้บรรยากาศจะดูตั้งใจกันมากแต่จริงๆแล้วนักเรียนในห้องต่างแอบหยิบการบ้านวิชาวิทยาศาสตร์ที่จะมาในคาบท้ายของวันไปอยู่เพราะอาจารย์ก็สอนแต่เรื่องเดิมๆที่นักเรียนรู้อยู่แล้ว
แต่ มิสุกะ โซจิ เด็กหนุ่มปีสองที่อยู่ในห้องกลับไม่สนใจอะไรเลยนอกจาก กวาดสายตามองนักเรียนหญิงที่ไว้ผมทรงทวินเทลในห้อง
[กะ แล้วเชียวว่าเลือกเรียนที่นี้ต้องไม่ผิดหวัง] โซจิ คิดในใจก่อนที่เขาจะหันไปเห็น สึเบะ ไอกะ เพื่อนสมัยเด็กของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆมองมาด้วยหางตาและกดดันราวกับ เขากำลังก็คดีร้ายแรงอยู่
โซจิ สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหลบสายตาไป แต่เขาก็พบกับ ฮายาตะ ชินจิโร่ เพื่อนอีกคนของเขาที่กำลังตั้งใจเรียนผิดกับคนอื่นในห้องจนโซจิรู้สึกไม่ดีเลยหันไปฟังอาจาร์ยสอนต่อ
“หลังจบ สงครามโลกครั้งที่2 โลกก็ได้เข้าสู่ยุคของสงครามข้อมูลและเทคโนโลยีระหว่างสองขั่วอำนาจนั้นคือ โซเวียต หรือ รัสเซีย ในปัจจุบันกับ อเมริกา ทั้งสองฝ่ายต่างแข่งกันขยายอำนาจในรูปแบบของสงครามตัวแทนแต่ในระหว่างนั้น… ”
อาจารย์หยุดพูดชั่วขณะก่อนจะหันไปทางชินจิโร่
“ชินจิโร่คุง ช่วยบอกได้ไหมว่าต่อจากนั้นคือเหตุการณ์อะไร”
อาจารย์ถาม ชินจิโร่ ที่ดูตั้งใจเรียนสุด
“เหตุการณ์ [ยักษ์แห่งแสงครับ]” ชินจิโร่ลุกขึ้นยืนแล้วตอบคำถามแล้วนั่งลง
“ถูกต้อง” อาจารย์เฉลยแล้วขึ้นภาพ สไลด์เมื่อ 55 ปีก่อนของยักษ์ร่างมนุษย์ที่สูงกว่าตึกในสมัยนั้นแต่เขาก็ไม่ใช่มนุษย์ ร่างกายสีเงินที่มีลวดลายสีแดงตามตัวและมีปุ่มที่ส่องแสงสีฟ้ากลางหน้าอก
“55 ปีก่อนมนุษย์เราได้เผชิญหน้ากับการรุกรานของสัตว์ประหลาดและเอเลี่ยนมากมาย แต่เราก็ได้เขา...ได้อุลตร้าแมนช่วยเอาไว้พวกเราถึงได้รอดมาถึงทุกวันนี้” อาจารย์เล่าต่อก่อนจะพักหายใจสักพักแล้วพูดต่อ
“แต่ว่า อิธิพลจากสงครามเย็นยังไม่จบลง กลุ่มนาซีที่เหลือรอดได้ตั้งกลุ่มองค์กร [ช็อกเกอร์]ขึ้น และด้วยเทคโนโลยีที่เหนือล้ำกว่ามาก โลกจึงถูกยึดครองไปยุคหนึ่ง” อาจารย์ยังคงพูดต่อไปพร้อมกับเปิดภาพสไลด์ของชายสวมหมวกหน้าตาคล้ายตั๊กแตนขี่มอเตอร์ไซค์รุ่นเก่า
“นี้คือชายที่ได้ลุกขึ้นมาต่อต้านการปกครองของช็อกเกอร์...ชายสวมหน้ากากที่ยืนยัดต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ผู้คนในสมัยนั้นต่างเรียกเขาว่า มาสค์ไรเดอร์ แต่ในช่วงสุดท้ายของการต่อสู้เขาได้หายสาบสูญไป พวกเราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า [การปฏิวัติของ มาสค์ไรเดอร์ ] ทางรัฐบาลได้สร้างเมืองSternBild และ ก่อตั้งสมาคมฮีโร่ในปี 1995 เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา” อาจารย์ก็ยังคงเล่าประวัติศาสตร์ที่นักเรียนฟังมาแล้วหลายรอบต่อไป จนกระดิ่งเลิกคาบดังขึ้น อาจารย์เก็บเอกสารและเดินออกไปอย่างเงียบๆ ในขณะที่นักเรียนต่างรีบเตรียมเอกสารวิชาถัดไปด้วยความตื่นเต้น เพราะวิชาถัดไปคือวิชาแนะแนว และ อาจารย์ประจำวิชาก็คือ ชายที่ไว้ผมทรงลีเจน ดูร่าเริงต่างจากอาจารย์คนอื่นในโรงเรียนเป็นอย่างมาก
“ไงทุกคน ฉัน คิซารากิ เกนทาโร่ วันนี้ทุกคนสบายดีไหม” อาจาร์ยได้เข้ามาทักทายเหล่านักเรียนก็ได้ทักทายเขาอย่างร่าเริง ราวกับเป็นเพื่อนของเขา เกนทาโร่ ได้เดินมาที่หน้าชั้นเรียนและเริ่มการสอนในทันที
“วันนี้ ฉันมีเพื่อนมาใหม่มาให้คำแนะนำด้วย เพื่อให้พวกเธอได้รู้จักอาชีพใหม่ๆละ เอาละงั้นเข้ามาได้เลย” เกนทาโร่ผ่ายมือไปทางประตูห้องเรียน ได้มีมนุษย์ใส่เกราะสีแดงมีหมวกคล้ายยักษ์เดินเข้ามา ผ้าคลุมที่อยู่ตรงเอวได้พัดไปตามลมที่หน้าต่างเป็นภาพที่ดูสง่างามไม่ใช่น้อย เหล่านักเรียนที่เห็นก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีกเพราะเขาคือ Red oni ฮีโร่กรรมการ จากรายการ HeroTV ที่กำลังเป็นที่นิยมขณะนี้อยู่นั้นเอง
Red oni ได้เปิดหน้ากากที่หมวกออกเผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มอายุราวๆ 25 มีผมสีส้มเข้มมีนัยน์ตาสีแดง เขาได้ทำท่าเคารพสไตล์ทหาร
“สังกัดหน่วย A.I.M.S. คณะกรรมการควบคุมฮีโร่สากล เจ้าหน้าที่ภาคสนาม มานากะ ฮิโระ ชื่อในวงการ Red Oni ครับ แต่ก็นะ...คณะนี้เพิ่งตั้งมาได้ไม่กี่ปีเจ้าหน้าที่ภาคสนามก็เลยยังมีแค่ผมคนเดียว ละนะ” ฮิโระแนะนำตัว เหล่านักเรียนต่างส่งเสียงด้วยความตื่นเต้น จนเกนทาโร่ต้องขอให้นักเรียนเงียบลง ฮิโระจึงเริ่มอธิบายอาชีพของตัวเอง
“อย่างที่รู้กันงานของผมคือ คนที่คอยควบคุมความเสียหายจากการต่อสู้ของฮีโร่ และคอยดูตรวจสอบกระบวนการ การจับกุมของเหล่าฮีโร่ เพื่อให้รายการ HeroTV มีความแฟร์อย่างแท้จริง จริงๆไม่ใช่แค่นั้นหรอก พวกเราฮีโร่กรรมการ ยังมีหน้าที่ในการสืบสวนการก่อการร้ายและฮีโร่นอกกฎหมายที่ไร้ใบอนุญาต เพื่อนำเบาะแสไปให้กับทางรัฐบาลเพื่อดำเนินการต่อด้วย”
“แต่ว่าทำไมถึงต้อง เปิดเผยชื่อจริงต่อสื่อมวลชนและห้ามทำงานอื่นจนกว่าจะลาออกหรือเกษียณ ด้วยละค่ะ” ไอกะถาม
“เพราะเนื่องจากงาน ฮีโร่กรรมการ เป็นงานที่ต้องการความบริสุทธิ์ใจค่อนข้างมากจึงมีนโยบายให้เปิดเผยชื่อต่อสาธารณชนและห้ามติดต่อหรือทำงานกับบริษัทใดๆ แต่ก็แลกกับมีสวัสดีการมากกว่าฮีโร่ที่ลงทะเบียนในสมาคมหลายเท่า
ที่สำคัญ งานนี้ต่อให้ไม่ใช่ผู้มีพลัง N.E.X.T. ก็สามารถเป็นได้ด้วย” ฮิโระตอบก่อนจะกล่าวเสริม
“และที่สำคัญรายได้นั้นมีความมั่นคงมาก เพราะเป็นหน่วยงานวิสาหกิจที่ร่วมกันระหว่างบริษัท ZAIA กับ รัฐบาล ทำให้มีความมั่นคงกว่าฮีโร่ทั่วไปแน่นอน และเพราะแบบนี้ บริษัท ZAIA ถึงไม่สามารถเป็นสปอนเซอร์ให้ฮีโร่คนไหนได้นั้นเอง”
เหล่านักเรียนที่ได้ฝังมาสักพักก็ตื่นเต้นขึ้นไปอีกก่อนจะถามเรื่องต่าง ๆเช่นชีวิตในการทำงาน การใช่ชีวิตประจำวันและอื่น ๆ ยกเว้นแค่ ชินจิโร่ กับ โซจิ ที่ไม่ได้สนใจตั้งแต่แรก จนจบคาบทั้งสองจึงได้บอกลานักเรียนแล้วออกจากห้องไป
ทั้งสองมาห้องพักครู เกนทาโร่ได้มาวางเอกสารที่โต๊ะของตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องของ ชมรม มาสค์ไรเดอร์
“ไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับเนี่ย” ฮิโระกล่าว
“นั้นสินะ ก็ตั้งแต่รุ่นพวกนายจบไปชมรมนี้ก็มีคนเข้ามาเยอะเลยละ ต้องขอบใจนายมากเลยนะ ก็ไม่คิดเลยนะว่านายตอนนั้นจะกลายมาเป็นฮีโร่ในวันนี้นะ” เกนทาโร่ลูบหัวฮิโระเบาๆ
“ก็ไม่หรอกครับตอนนั้นนะผมก่อเรื่องไว้มากเลยละ...” ฮิโระนิ่งไปชั่วครู่ เกนทาโร่ที่เห็นแบบนั้นจึงกำมือขวาชกที่หน้าอกของฮิโระเบาๆ
“ถ้าเห็นเธอได้ดีแบบนี้ สำหรับฉันแล้วคิดถูกแล้วละที่ทิ้งเข็มขัดไป ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกการเป็นฮีโร่นะถ้าไม่ส่งต่อมันจะไปมีความหมายอะไร ยืดอกยิ้มไว้เถอะ เห็นแบบนี้แต่ฉันก็เคยเป็น มาสค์ไรเดอร์มาก่อนนะ และในตอนนี้นายก็ได้รับความเป็นฮีโร่จากฉันไปนานแล้วนะ” เกนทาโร่พูดปลอบใจ ฮิโระ
“อาจารย์ รู้ตัวเปล่าครับเนี่ยว่าการใช่ชื่อ มาสค์ไรเดอร์นะมันผิดกฎหมายนะ” ฮิโระพูดติดตลก “อ้าวเหรอ...แต่ว่านะ...อุสาห์เป็นชมรมมาสค์ไรเดอร์ แต่ไม่ใช่ชื่อว่า มาสค์ไรเดอร์มัน... ” เกนทาโร่เริ่มลุกลี้ลุกล้น
“เรียกแค่ โฟร์เซ่ ก็พอมั้งครับ อาจาร์ย” ฮิโระหัวเราะ และ ทำท่าประสานหมัดที่
เกนทาโร่ชอบทำ เกนทาโร่ก็ทำตามโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปห้องเรียนถัดไป
หลังเลิกเรียน ระหว่างที่ทุกคนที่กำลังจะเก็บข้าวเก็บของเพื่อกลับบ้านนั้น โซจิได้เดินเข้ามาหาชินจิโร่
“นี้ชินจิโร่ วันนี้นายดูเครียดๆนะ มีไรเปล่า” โซจิถาม
“อ้อ ไม่มีอะไรเหรอพอดีว่านะ วันนี้ดันมีฮีโร่ตัวจริงมาที่ห้องเรียนเรานะก็เลยเกร็ง ไปหน่อย” ชินจิโร่ตอบ
“เหรอ ไม่นึกเลยว่านายจะสนใจ ฮีโร่คนอื่นนอกจาก Wild tiger ด้วย” โซจิแซวใส่
“ก็แหง่สิ Red Oni นะไม่ค่อยชอบหน้าคุณ Wild tiger มานานแล้วนะสิ เลยเกรงใจที่จะพูดอะไรออกไปนะ” ชินจิโร่ยิ่งซึมเข้าไปอีกเพราะเขาเองก็มีเรื่องที่อยากถามเหมือนกัน ก่อนที่จะมีนักเรียนอีกกลุ่มเดินเข้ามาหาพวกเขา
“นี้โซจิ ชินจิโร่ พวกเราจะไปเที่ยวในเมืองอะ พวกนายจะไปด้วยไหม” นักเรียนชายคนหนึ่งกล่าว โซจิที่กำลังจะตอบตกลง ก็ได้ไอกะได้จับแขนเขาเอาไว้
“ขอโทษนะพอดี โซจิติดเฝ้าคาเฟ่ที่บ้านไปไม่ได้นะ” ไอกะกล่าวแล้วลากโซจิออกจากห้องไป โดยที่ ชินจิโร่ก็ตอบตกลง และเดินออกไปพร้อมกับนักเรียนชายกลุ่มนั้น
ณ คาเฟ่ Adolescenza บ้านของโซจิ
“ค้า ออร์เดอร์ที่สั่งได้แล้วค่ะ”
มิซุกะ มิฮารุ แม่ของโซจิที่กำลังยกชาร้อนให้กับลูกค้าอยู่ เพราะเป็น ช่วงเวลาบ่าย 3 จึงทำให้ลูกค้าไม่ค่อยมีมากนัก จึงทำให้บรรยากาศในร้านดูเงียบมาก ทั้งร้านมีลูกค้าอยู่คนเดียวเท่านั้น
“กลับมาแล้ว คร้าบ/ค้า” โซจิและไอกะ เข้ามาในร้านพร้อมกัน
“อ้าวไงจ๊ะ ทั้งสองคนโรงเรียนวันนี้ไปไงบ้าง” มิฮารุถาม
“ก็ปกติดีครับ อ้อวันนี้ Red Oni ก็มาที่โรงเรียนในคาบแนะแนวด้วย” โซจิตอบ
“เห...พ่อยักษ์แดงคนนั้นนะเหรอ อิจฉาจังเลยน้า เมื่อก่อนพ่อของลูกก็อยากเป็น Red เหมือนกัน” มิฮารุรู้สึกตื่นเต้น เมื่อรู้ว่าลูกชายของเธอได้พบกับฮีโร่ตัวจริงที่โรงเรียน
“Red ที่พ่อว่าน่าจะหมายถึงพวก Red Falcon, Ryu ranger, Ginga Red สินะแต่โทษทีผมชอบ Black condor มากกว่า” โซจิตบมุกอย่างไว
“แหม่ๆ ปากไวสมกับเป็นลูกชายฉันซะจริง อ้อจริงสิ โซจิ ลูกค้าคนนั้นเห็นว่าอยากคุยกับลูกนะ รู้รึเปล่า่ว่าเป็นใคร” มิฮารุเปลี่ยนเรื่องแล้วชี้ไปทางลูกค้าคนเดียวในร้านที่กำลังเปิด ไรซ์โฟน เพื่อดูบางอย่างอยู่ ลูกค้าคนนั้นเป็นผู้ชายสูงราวๆ 180 เซน สวมแว่นสายตาบางๆ สวมเสื้อยืดสบายๆที่พอเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ไม่หนามาก และ กางเกงนักกีฬาขาสั้น แต่สวมรองเท้าเต๊ะ และใส่หมวกแก๊ปเอาไว้
โซจิค่อยๆเดินเข้าไปหาลูกค้าคนนั้น
“มีธุระกับผมสินะครับ” โซจิถาม
“อืม . . . พอดีว่า ถูกใจตั้งแต่ตอนเจอที่โรงเรียนแล้วนะสิเลยมีเรื่องจะคุยหน่อย” ลูกค้าคนนั้นถอดหมวกแก๊ปออก ก่อนจะเผยให้เห็นผมสีส้มและนัย์ตาสีแดงที่โซจิคุ้นเคย
“ค-คุณมานากะ!!!” ไอกะตกใจมากจน ฮิโระหัวเราะออกมา แต่ยังไม่ทันไร ไรซ์โฟน ของฮิโระก็ดังขึ้นเมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบชื่อของ [ไยบะ ยูอะ] ฮิโระรีบรับสายในทันที
“คุณไยบะ… ครับ… พอดีเลย จะให้เริ่มทดสอบ[เกียร์นั้น]เลยไหมครับ พอดีอยู่กับเป้าหมายพอดี… เข้าใจแล้ว” ฮิโระวางสาย แล้วรีบกระดกชาร้อนให้หมดในอึกเดียว ผ่านไปไม่นานก็มีรถบรรณทุกขนาดใหญ่ของหน่วย A.I.M.S. มาจอดหน้าคาเฟ่
“ขอโทษนะครับคุณนาย...ผมขอยืมตัวลูกชายของคุณไปข้างนอกด้วยนะครับ” ฮิโระพูดเสร็จก็รีบคว้าตัวโซจิ ขึ้นรถไปในทันทีโดยมี ไอกะ ที่รีบขึ้นตามไปทัน
“ไปดีมาดีนะ” มิฮารุได้พูดขึ้นคนเดียวในร้าน
รถบรรณทุกของหน่วย A.I.M.S. ได้วิ่งผ่านเมืองและตรอกซอกซอยด้วยความเร็วสูงแต่ภายในรถนั้นกับมีแค่แรงสั่นเบาๆเท่านั้น
โซจิ กับ ไอกะ ทั้งสองได้พบว่าในรถบรรณทุกนั้นมีแคปซูลขนาดเท่าคนที่ภายในได้มีชุดเกราะของ Red Oni วางเอาไว้ ตรงกลางของรถบรรณทุกก็มี
รถมอเตอร์ไซค์ ขนาดใหญ่ที่จอดอยู่ ฮิโระที่ยืนยู่ข้างหน้าของทั้งสองคนก็ได้เดินไปสวมชุดเกราะอีกชุดที่มีสีเทาเข้มแต่ดูบางมากเมื่อเทียบกับ Red oni
สักพักก็มีร่างของหญิงสาวสองคน เดินออกมาจากห้องคนขับ โดยตัวรถได้เปิดระบบอัตโนมัติเอาไว้ ผู้หญิงคนแรกเป็นสาวผมยาวสีน้ำตาลมีไฝเสน่ห์ที่ริมปากแต่งกายด้วยเครื่องแบบหน่วย A.I.M.S. เธอมีชื่อว่า ไยบะ ยูอะ
ส่วนอีกคนเป็นสาวผมสีขาวแต่งเสื้อกาวน์สีขาวแบบนักวิทยาศาสตร์ แต่ที่แน่ๆหน้าอกเธอคนนี้ใหญ่มาก เธอมีชื่อว่า ทูอาร์
“เจ้าหน้าที่มานากะ”ไยบะเรียก ฮิโระ
“เจ้าพวกมาเกียสินะ...ให้ตายสิไม่ได้เห็นเจ้าพวกนี้มานานขนาดไหนแล้วเนี่ย” ฮิโระที่เพิ่งใส่ชุดเสร็จหันมาตอบ ก่อนจะหันไปพูดกับทูอาร์ว่า
“ทูอาร์ เด็กที่เธอว่านะ ใช่เด็กผู้ชายคนนั้นใช่ม่ะ”
“ไหนๆ...อ้อคนนี้แหละ ถ้าเป็นเด็กคนนี้ต้องได้แน่” ทูอาร์พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นก่อนจะหยิบกำไลสีแดงให้ฮิโระ
“ฉันฝากเจ้านี้ไว้กับเธอแล้วกันถ้าเด็กคนนี้ใช่จริงๆละก็ฝากให้เขาด้วยนะ” ทูอาร์พูดกับฮิโระ แต่ฮิโระนั้นเริ่มรู้สึกแปลกๆเพราะทูอาร์ดันทำสีหน้าแปลกๆขึ้นมา
“นี้เธอ...ถามจริงนะ...ไอ้กำไลนี้มันคืออะไร” ฮิโระ เริ่มระแวง
“ฉันตรวจสอบแล้วไม่เป็นไรหรอก” ยูอะตอบแทน
“นี้เธอลองใช่แล้วเหรอ” ฮิโระถาม
“เปล่า...แค่อ่านแบบแปลนดูนะ” ยูอะตอบหวน ๆ
“ขอบพระคุณมากจ๊ะแม่...” ฮิโระประชดใส่เพราะคำตอบของยูอะ เพราะนั้นแทบจะไม่ทำให้เขาสบายใจขึ้นเลย
“เอ่อคือ...จะไปทำภารกิจใช่ไหมค่ะ” ไอกะถาม
“ถูกต้องแล้วพ่อหนุ่มแต่งหญิง” ทูอาร์ตอบ ซึ่งไอกะก็รู้ทันทีว่าทูอาร์กำลังแซวเรื่องขนาดหน้าอกของเธอ เธอจึงฟิวส์ขาดแล้วจะวิ่งเข้าไปมีเรื่องแต่โซจิก็มาห้ามไว้
“สรุปคือพวกคุณจะไปสู้กับวายร้ายสินะครับ...แล้วทำไม...” โซจิที่กำลังห้ามไอกะจึงถามแทน
“เพราะว่าเจ้านี้ไงละ” ฮิโระกล่าวพร้อมกับยกกำไลที่ทูอาร์ให้ขึ้นมา
“เจ้านี้นะ มันต้องเป็นแค่ผู้ที่มีคุณสมบัติเท่านั้น จึงจะใช่ได้” ฮิโระกล่าว
“ซึ่งเธอก็มีคุณสมบัตินั้น” ยูอะพูดต่อ
“นี้คุณจะให้ผมใช่เจ้านั้นเป็นฮีโร่เหรอ” โซจิถาม ฮิโระจึงหัวเราะออกมา
“ก็ถ้าแบบนั้นเธอคงใช่ไม่ได้หรอก เพราะเจ้านี้นะ เลือกนายเพราะความรักที่มีต่อ ทวินเทล ตางหาก” ฮิโระกล่าว
“หา?” ไอกะใจเย็นลงและส่งเสียงออกมา
“ถ้าว่าตามตรงมันคือ [พลังเอกลักษณ์] ละนะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีความรักต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ชนิดที่เรียกได้ว่าเอาชีวิตเข้าแลกก็ได้ สรุปคือเพราะเจ้าหนุ่มนั้นนะ คลั่งทรงผมทวินเทลมาก กำไลนี้ถึงได้เลือกเธอไงละ” ยูอะอธิบายต่อ
“ตรรกะบ้าอะไรเนี่ย!!!” ไอกะถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อรู้ว่าทำไมพวกเธอต้องมากับ ฮิโระ
“ฉันด้วย” ฮิโระกับยูอะพูดขึ้นพร้อมกันอย่าเลี่ยงไม่ได้ ยกเว้นแต่ทูอาร์ที่เอาแต่จ้องมาทางโซจิ
ผ่านไปสักพักรถก็มาถึงที่หมาย ซึ่งนั้นคือสนามกีฬาขนาดเล็กที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
ฮิโระ ได้เปิดแคปซูลแล้วเอาชุดเกราะ Red oni สวมทับกับชุดเกราะเบาอีกที
“เจ้าหน้าที่มานากะ ด้วยคราวนี้เป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่มากให้ใช่...” ยูอะที่กำลังจะแนะนำอุปกรณ์ที่ต้องใช่ ฮิโระในร่าง Red Oni ได้หยิบดาบยักษ์ Akuma no ken มาทาบหลัง แล้วก็วิ่งออกไป
ยูอะได้แต่ทุบโต๊ะด้วยความหัวร้อนก่อนจะบ่นว่า “หัดฟังกันบ้างสิโว้ย”
ส่วนโซจิกับไอกะ ก็ตัดสินใจที่จะตามไป
ณ ภายใน สนามกีฬา
เหล่ามาเกียได้ออกไล่ล่าทำร้ายคนซึ่งมีจำนวนมาก
แต่ทันใดนั้นเอง
ตูม!!!
// Battle Ost: LiveDevil TV-size (Da-ice) //
ร่างของ Red Oni ที่กระโดดเข้ามาในกลางสนามกีฬา ได้ทำให้เกิดฝุ่นควันขึ้นคลุมสนาม Red Oni ได้ใช้จังหวะนี้ หยิบดาบใหญ่ที่อยู่กลางหลังออกมา ด้วยน้ำหนักอันมหาศาล ดาบได้กระแทกลงกับพื้นอย่างจังจนพื้นสนามเป็นรอยและตัวปลายดาบก็เกิดความร้อนมหาศาลขึ้นจนพื้นสนามมีรอยไหม้เล็กน้อย
Red Oni ยกดาบขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวก่อนจะเหวี่ยงไปฟาดใส่เหล่า มาเกีย จนเกิดแรงลมมหาศาลพัดฝุ่นออกไป Red Oni ได้พุ่งตัวเข้าไปหามาเกียอีกกลุ่มก่อนจะเหวี่ยงดาบใหญ่ฟากใส่พื้นอย่างเต็มแรงจน มาเกีย รอบๆปลิวไป และ ต่อด้วยการคว้างดาบใหญ่ไปข้างหน้าจนปักกับกำแพงเพื่อเปิดทาง Red Oni รีบคว้าปืนกลเบาคู่ที่อยู่หลังเอวออกมา แล้วใช่มันกราดใส่เหล่ามาเกียรอบๆ พร้อมกับวิ่งไปที่ดาบที่ปักบนกำแพง Red Oni ได้กระโดดและใช่ดาบที่ปักบนกำแพงเป็นแท่นกระโดด เพื่อโดดให้สูงขึ้นก่อนจะหมุ่นตัวแล้วกราดปืนกลใส่เหล่ามาเกีย จนเกิดการระเบิดขึ้น เมื่อลงมาถึงพื้น Red Oni ได้เก็บปืนแล้วต่อสู้มือเปล่ากับมาเกีย Red Oni นั้นมีชั่นเชิงที่เหนือกว่า เขาสามารถหลบการโจมตีของ มาเกีย ได้อย่างง่ายดาย แล้วสวนกลับด้วยการเด็ดหัวของ มาเกียออกจากบ่า เลือดสีฟ้าได้พุ่งออกมาจนเบื้อนชุดเกราะ
“รู้สึกดีจริงๆ” ฮิโระพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะโยนหัวมาเกียที่ดึงออมาใส่มาเกียอีกตัว แล้วเอามือจ้วงอกจนเกิดเป็นรู ก่อนจะปิดด้วยการถีบใส่กลุ่มมาเกียจนระเบิดใส่พวกเดียวกัน ไม่ทันไรก็มีมาเกียอีกสองตัววิ่งเข้ามาพร้อมกัน
Red Oni จับหมัดด้วยมือละข้างก่อนจะกำให้แน่น แล้วดึงมาเกียทั้งสองตัวเข้ามาใกล้ๆแล้วกระโดดขึ้น Red Oni ใช่จังหวะนี้จับหัวของมาเกียทั้งสองตัว แล้วจับพวกมันกระแทกพื้นจนหัวแหลกคาที่
เหล่ามาเกียที่เหลื่ออยู่จึงเริ่มวิ่งกรุกันเข้ามา แต่ Red Oni ได้ถอดเกราะไหลออกแล้วมาสวมเป็นนวม พลังงานไฟฟ้ามหาศาลได้มารวมที่ปลายหมัดก่อนที่ Red Oni จะรั่วหมัดใส่เหล่ามาเกียไม่ยั่ง จนเหล่ามาเกียร์ถูกทำลายไม่เหลือกสักตัว
// Ost end //
“ฟู่...” ฮิโระในชุดเกราะถึงกับถอนหายใจออกมา เขามองไปรอบๆก็พบว่าสนามเสียหายกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก่อนจะเอาเกราะไหลที่เอามาสวมเป็นนวมกลับไปติดที่ไหล
ทันใดนั้นเอง ก็มีกระสุนจำนวนมากพุ่งเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว จน Red Oni กระเด็นลงไปนอนกับพื้น ชุดเกราะมีรอยร้าวหลายจุดแต่ก็ไม่ส่งผลต่อร่างกายมากนัก
“บ้าน้า!!! พลังการยิงอะไรกันเนี่ย” Red Oni ที่ตกตะลึงในความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะความเสียหายจากกระสุนนั้นมันมากเกินกว่าจะเป็นกระสุนธรรมดา
ร่างของเจ้าของการโจมตีได้เดินเข้ามาในสนามเป็นร่างสวมชุดเกราะสีเขียวมีหน้าตาคล้ายกับแมลงโบราณ เป็นกลุ่มก่อการร้ายจำนวน 13 คน
“แกเองเหรอ ที่มาขัดขวาง” ร่างที่ยืนอยู่หน้าสุดที่ดูเป็นหัวหน้ากลุ่มถาม
“ก็ใช่สิ พวกแกเองก็ก่อเรื่องไว้แสบพอตัวเลยหนิ” Red Oni ตอบกวนๆ
“หึ...เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ปฏิบัติตัวได้ห่วยสุดๆ” หันหน้ากลุ่มตอบ ก่อนจะเรียกให้ลูกน้องไปเอาตัวประกันที่จับเอาไว้มา ซึ่งล้วนเป็นเด็กสาวที่ไว้ผมทรงทวินเทลทั้งสิ้น ซึ่งรวมถึง เอรินะ ชินโด ประธานนักเรียนโรงเรียนอามาโนะนาวะด้วย
“ประธาน!!!” โซจิกับไอกะที่แออบดูเหตุการณ์ทั้งหมดก็ตะโกนขึ้นมาเบาๆ แต่ฮิโระที่อยู่ใกล้ๆก็รู้ตัวในทันที
“เอาเป็นว่าฉันไม่ต้องการอะไรมากหรอก แค่ใช่เจ้านี้ การทดลองก็จบลงแล้ว” หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายกล่าว พร้อมกับหยิบระเบิดแก๊สขึ้นมา แล้วโยนลงกลางกลุ่มตัวประกัน แก๊สสีฟ้าได้พุ่งออกมา ซึ่งมันได้ทำให้เหล่าตัวประกันค่อยๆสลบไป และทรงผมของตัวประกันทุกคนที่เคยกลายเป็นทวินเทล ก็กลายเป็นผมยาวธรรมดาไป
“ไม่น้าาาาาาาาา” โซจิที่แอบอยู่ถึงกับร้องเสียงหลง ราวกับภาพเบื่องหน้ามีคนตาย เมื่อต้องเห็นทวินเทลของเหล่าตัวประกันค่อยๆหายไป
ด้วยเสียงที่ดังมากจนเหล่ากลุ่มก่อการร้ายต้องหันไปมอง แต่ทันใดนั้นเอง
“Fire Ball!!!” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น
ลูกไฟขนาดใหญ่ได้พุ่งเข้าใส่เหล่าผู้ก่อการร้าย จนเกิดระเบิดขึ้นทำให้แก๊สที่ผู้ก่อการร้ายปล่อยออกมาโดนลมพัดไป
“ให้ตายสิ เป็นเจ้าของบริษัทจริงเปล่าเนี่ยมาช้าชะมัด” Red Oni บ่นถึงเจ้าของการโจมตีนั้น ซึ่งก็คือ Fire emblem ฮีโร่จากรายการ HeroTV นั้นเอง
“แหม่ๆ ก็เค้าก็ต้องหาเวลาเปิดตัวหน่อยนะนี้ก็ใกล้จะจบซีซันแล้วด้วย ต้องทำคะแนนหน่อยละ” Fire emblem ตอบ
“ให้ตายสิ ก็บอกให้เปลี่ยนไปใส่ชุดสีอื่นหน่อยเถอะ เห็นฮีโร่สีแดงสองคนอยู่บนกล้องแล้วมันน่าหงุดหงิด” Red Oni ตอบด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
“อุ๊ย! ตายแล้ว นี้เธอโกรธเหรอเนี่ยมาม๊ะมาให้กอดหน่อย” Fire emblem อ้าแขนเตรียมรับกอด แต่ Red Oni ไม่รับแล้วเดินผ่านไป
“งั้นฉันถอยกลับไปเป็นกรรมการละ ที่เหลือฝากพวกเธอจัดการละกัน” Red Oni กล่าวก่อนจะเดินไปหาพวกโซจิ ส่วน Fire emblem ก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้ แต่เพราะว่าหลังตัวผู้ก่อการร้ายมีตัวประกันอยู่จึงทำอะไรไม่ได้มาก
แต่ทันใดนั้นเอง
โอริกามิไซโคลน ฮีโร่อีกคนก็ปรากฎตัวขึ้นข้างหลังเพื่อเป็นฉากหลัง
“ผมแอบพาตัวประกันออกไปนอกสนามกีฬาแล้วขอรับ” โอริกามิไซโคลน พูดกับ Fire emblem
Fire emblem จึงได้ยิงลูกไฟจำนวนมากใส่กลุ่มก่อการร้ายได้อย่างเต็มที่
แต่ร่างของกลุ่มก่อการร้ายนั้นกลับมีแค่รอยไหม้เล็กน้อยเท่านั้น
“หน่อย...เกราะหนากว่าที่คิด” Fire emblem บ่นออกมา
ทันใดนั้น ก็มีฮีโร่อีกคนที่มีร่างการใหญ่โตเกราะสีเขียวมีเขาบนหัวก็วิ่งมา เขาคือ Rock Bison ฮีโร่อีกคนของรายการ HeroTV
“ถ้างั้นก็ต้องวัดกันที่พลัง” Bison วิ่งเข้าไปต่อยหัวหน้าของกลุ่มก่อการร้ายเต็มแรง แต่ร่างของหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายที่ดูมีขนาดเล็กกว่า Bison อย่างมาก กลับรับหมัดเอาไว้ได้ แม้จะมีเสียหลักไปบ้าง
Bison ที่ตกตะลึงแต่ก็ต้องกระโดดออกมา เมื่อผู้ก่อการร้ายคนอื่นเล็งปืนมาทางเขา ฮีโร่ทั้งสามรีบเข้าที่กำบังที่น่าจะพอบังได้แต่ก็ไม่มีเลยทำได้แต่ต้องลำบากเมื่ออนุภาคการทำลายล้างของปืนที่ผู้ก่อการร้ายนั้นรุนแรงจนไม่มีอะไรช่วยพวกเขาได้จึงทำได้แต่วิ่งหลบกระสุนไปมาบนสนามเท่านั้น
“หน่อย ถ้าเจ้าพวกโคเท็ตสิไม่ติดว่ามีเหตุที่อื่นละก็…” Bison บ่นออกมา
ทางด้านฮิโระ ที่ปลดเกราะนอกของ Red Oni ที่เสียหายออก เผยให้เห็นเกราะบางสีเทาที่ซ่อนอยู่ทำให้เดินสะดวกขึ้น แล้วเดินไปหาโซจิ
“ไม่เป็นไรนะ...” ฮิโระถาม
“ค่ะ...ว่าแต่ควันสีฟ้านั้น..”ไอกะถาม
“นั้นคือแก๊สที่จะสามารถดึงเอกลัษณ์ออกจากร่างมนุษย์ไงละ” ฮิโระตอบ
“เอกลักษณ์...ที่คุณยูอะ พูดถึงนะเหรอ” ไอกะถามด้วยความคิดที่เริ่มปะติดปะต่อทีละน้อย
“ใช่แล้วละ พวกเราเจอแก๊สพวกนี้ตอนไปถล่มกลุ่มก่อการร้ายเมื่อปีที่แล้ว พวกเราเลยพัฒนาเจ้านี้ขึ้นมา เพื่อต่อต้านเทคโนโลยีพวกนั้น” ฮิโระพูดพร้อมกับหยิบกำไลสีแดงที่ทูอาร์ให้ขึ้นมา แล้วยืนให้โซจิที่กำลังช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“แต่ว่า...ถ้ากำจัดคนที่ปล่อยแก๊สออกมาได้ภายใน 24 ชั่วโมงละก็เอกลักษณ์จะกลับคืนสู่เจ้าของ ว่าไงจะใช้ไหม” ฮิโระถามโซจิ
“ถ้างั้น หลังจากนั้นผมจะได้อะไรละ” โซจิถามกลับ
“ฉันไม่รู้หรอก และฉันก็คงไม่อยากได้ ฮีโร่สอบตกแบบนายมาเป็นคู่หูหรอก แต่ว่า ฉันไม่ได้ขอให้นายสู้เพื่อใคร สู้เพื่อตัวเอง...สู้เพื่อทวินเทลสิ!” ฮิโระตอบคำถามซึ่ง โซจิก็คว้ากำไลนั้นมาสวมในมือขวาทันที
“ดูเหมือนจะตัดสินใจได้แล้วสินะ โซจิคุง” ทูอาร์ที่จู่ๆก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ ได้ยืนสิ่งหนึ่งให้ฮิโระ มันคือ โปรไกตส์คีย์
“เอ๊ะ...แต่ผมไม่มี A.I.M.S. Shotriser นะ” ฮิโระงงในสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วลองงัดคีย์ดูแต่ไม่ออก
“ก็เพราะมันเป็นแค่อุปกรณ์เลียนแบบไงละ ฉันสร้างมันขึ้นมาเพื่อที่จะได้เปลี่ยนอุปกรณ์ในการต่อสู้ได้ง่ายขึ้น และก็ต้องใช่กับเจ้านี้ด้วย” ทูอาร์หยิบเกราะเบาแขนขวาชิ้นใหม่มาเปลี่ยนมันเป็นที่มีความหนาขึ้น เพราะมีแท่นสำหรับสแกนคีย์อยู่
ฮิโระจึงกดที่คีย์แล้วเอาไปสแกนกับเกราะที่มือขวา
[Crushing]
[System engage ready for combat]
“ส่วนเธอชูแขนแบบนี้แล้วพูดรหัสแปลงร่างว่า [เทลออน] นะ นอกนั้นระบบจะสอนการใช้งานให้เธอเอง” ทูอาร์หันไปบอกโซจิพร้อมกับทำท่าสาธิตให้ดู ก่อนจะหันไปบอกกับฮิโระว่า
“รหัสของนายคือ [Red fire]”
ทั้งสองพยักหน้าให้กันแล้วพูดรหัสลับของตัวเองออกมา
“เทลออน!!!”
“Red Fire!!!”
[Armorrise]
เกราะบางของฮิโระได้ถูกเกราะของ Red Oni ชุดใหม่ที่ถูกเคลื่อนย้ายมวลสารเข้ามาสวมทับร่าง แล้วปล่อยความร้อนมหาศาลออกมา
[Crushing Oni]
[The strongest monster who can crush all enemies.]
ส่วนร่างของโซจินั้นได้ถูกเปลวไฟห่อหุ้มและเผยให้เห็นชุดเกราะสีแดงที่ดูร้อนแรงดังเปลวเพลิง แต่ที่แปลกไปคือ
เขากลายเป็นสาวน้อยทวินเทลสูง 129 เซนไปแล้ว!!!
“อืม...ก็ไม่เห็นจะต่างไปเล-......เฮ้ยยยยยยย!!!” ฮิโระที่กำลังสำรวจชุดของตัวเองอยู่เมื่อหันไปมองโซจิก็ตกใจจนออกอาการ
“สำเร็จแล้วในที่สุด!!!” ทูอาร์ที่กำลังเชยชมกับผลงานทั้งสองที่ประสบความสำเร็จก็ถูกไอกะ กับ ฮิโระ ตะคอกใส่ด้วยคำถามว่า
“นี้แก/หล่อนทำบ้าอะไรลงป้ายยยยยย!!!!!”
“อะ กะ ก็...พอดีว่า เห็นเป็นเอกลักษณ์ ทวินเทล ก็เลย...” ทูอาร์กำลังพยายามหาข้อแก้ตัว แต่ฮิโระไม่ฟังแล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่ต้องมาตอแหลเลย!!! บอกแล้วใช่ไหม ว่าห้ามใช้ชุดสีแดงเป็นสีหลัก แล้วนี้อะไรเนี่ย!!! เธอกวนบาทาฉันอยู่รึไง!!!” ฮิโระเลือดขึ้นหน้าสุดๆ เมื่อเห็นว่าร่างที่โซจิแปลงมันเป็น สาวน้อยทวินเทล ที่มีผมและโทนสีชุดเกราะเป็นสีแดง
“นั้นใช่ประเด็นแน่เหรอค่ะ!!!” ไอกะตะคอกใส่ ฮิโระ ต่อในทันที
ส่วนโซจินั้นก็ไม่สนใจอะไรแล้วลูบทวินเทลของตัวเองอย่างสบายใจ
“ช่วยตกใจหน่อยได้ไหม พ่อคุณ!!!” ไอกะและฮิโระตะคอกใส่โซจิที่ยังลูบทวินเทลของตัวเองอย่างสบายใจ จนโซจิสะดุ้งยกใหญ่ด้วยเสียงของสาวน้อย
ฮิโระถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปแตะไหลโซจิ
“เอาละ..ที่นี้ก็ไปอัดเจ้าพวกนั้นกันเถอะ… ว่าแต่จะให้เรียกว่าอะไรดีละ คงเรียกโซจิต่อหน้าสามคนนั้นก็ไม่ได้ด้วย” ฮิโระถามชื่อร่างแปลงของโซจิ
“อืม...ทวินเทล สีแดง… งั้น เทลเรด ละกัน” โซจิกล่าว
ตูม!!! ต่อมความโกรธของ ฮิโระภายใต้หน้ากาก Red Oni ก็ได้ประทุขึ้นอีกครั้งแต่เขายังคงเก็บอาการเอาไว้
“ร-เรด งั้นเหรอมีชื่อที่ดีกว่านี้ไหมอะ ไม่งั้นคนอื่นอาจจำสับสนได้นะ...” ฮิโระพยายามเกลี้ยกล่อมโซจิให้เปลี่ยนชื่อ
“เห...แต่เวลามี Red สองคนยืนคู่กันมันเท่มากเลยนะ อย่าง Time Fire หรือ Houou soldier ไหนจะ Ryusoul red อีก” โซจิตอบ พร้อมสาธยายความเท่ของเหล่านักรบสีแดงคนที่สองในรายการทีวีตอนเช้า
ซึ่งนั้นทำให้ฮิโระหงุดหงิดขึ้นไปอีก เพราะเขาเกลียดตัวละครเหล่านั้นเข้าไส้ แต่เขาก็พยามเก็บอาการแล้วก็พูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองได้กระโดดเข้าไปกลางสนามจนเกิดระเบิดขึ้น เปลวไฟได้ลุกลามไปทั่วสนาม
ทามกลางเปลวไฟนั้น ฮีโร่สีแดงทั้งสองคนได้ยืนขึ้นพร้อมกับกอดหน้าอกและหันมามองเหล่ากลุ่มก่อการร้าย
“เฮ้ยๆ ไอ้คุณฮีโร่กรรมการ ไอ้คนข้างๆนั้นใครนะ” หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายถาม
“ชื่อของฉันคือ...เทลเรด!!!” โซจิได้กล่าวประกาศอย่างเต็มภาคภูมิ และเรียกอาวุธของตนออกมา จากทวินเทลบนหัว มันคือดาบยักษ์สีแดงชื่อของมันคือ
“[Blazer blade]”
เทลเรดได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น
ส่วน Red Oni ก็หยิบ โปรไกคีย์ ขึ้นมาแล้วกดที่สวิตซ์สองครั้ง
[Akuma no ken active]
ดาบยักษ์ที่ปักอยู่บนกำแพงได้ถูกเคลื่อนย้ายมวลสารมาที่ฝ่ามือขวาของเขา
ทั้งสองได้เหวี่ยงดาบของตัวเองจนเปลวเผลิงทั่วสนามได้ถูกแรงลมมหาศาลที่เกิดจากดาบพัดหายไปในพริบตา
“โห...ดูเหมือนผู้หญิงที่มากับแก จะมีพลังเอกลักษณ์สูงกว่า คนอื่นเลยหนิ น่าสนใจจริงๆ” หัวหน้ากลุ่มโจรก่อการร้ายกล่าว
“ยกโทษให้ไม่ได้...” เทลเรดพูดขึ้นเบาๆ
“หา?” หัวหน้ากลุ่มก่อการร้าย งง
“พวกแก...บังอาจ….ชิงทวินเทลไปจากคนพวกนั้น...ไปจากประธานนักเรียน...ยกโทษให้ไม่ได้!!!” เทลเรดได้พูดออกมาด้วยความแค้น
“โทษทีละกัน...วันนี้พวกเราอารมณ์ไม่ดี...ขอระบายกับพวกแกหน่อยละกัน” Red Oni ก็อารมณ์เดือดไม่แพ้กัน
ทั้งสองเริ่มตั้งท่าต่อสู้ Fire emblem Rock Bison และ โอริกามิไซโคลน ได้มายืนตั้งท่าเคียงข้างพวกเขาด้วยเช่นกัน
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
// Battle Ost: ツインテール・ドリーマー! (レッドver.) //
Bison ได้ใช้หมัดวิ่งเข้าไปต่อย แต่ร่างของผู้ก่อการร้ายก็รับไว้ได้ โอริกามิไซโคลนที่เห็นก็ได้วิ่งปืนหลัง Bison ขึ้นมาแล้วกระโดดพร้อมกับปาดาวกระจายจำนวนมาก เหล่าผู้ก่อการร้ายจึงกระโดดหลบได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีลูกไฟขนาดใหญ่หลายลูกพุ่งออกมาดักขณะที่กลุ่มก่อการร้ายยังลอยอยู่กลางอากาศ ซึ่ง Fire emblem ได้ใช้ร่างอันใหญ่โตของ Bison มาบังตัวของเขาเอาไว้และใช้การโจมตีของ โอริกามิไซโคลน ล่อความสนใจแล้วจึงค่อยปล่อยลูกไฟออกไป
ลูกไฟจำนวนมากเกิดระบิดขึ้น ร่างของเหล่าผู้ก่อการร้ายเสียหลักและกำลังจะร่วงลงสู่พื้น Red Oni กับ เทลเรดที่กำลังรอโอกาสนี้ ก็ได้วิ่งตีคู่ขนานจากด้านข้างกับตำแหน่งที่ร่างของกลุ่มก่อการร้ายจะร่วงลงมา ทั้งสองได้พุ่งเข้าไปและฟาดดาบของตนใส่เอวของผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งจากทั้งสองด้าน ด้วยความร้อนจากดาบทั้งสองเล่มทำให้ร่างของผู้ก่อการร้ายระเบิดคาที่
เหล่าผู้ก่อการร้ายเริ่มตั้งตัวได้ ก่อนจะหยิบปืนที่เข็มขัดขึ้นมาแล้วกราดยิงใส่ทั้งสอง แต่ Red Oni ได้ใช่ดาบใหญ่ของตนเป็นโล่แล้วพุ่งเข้าไปหาผู้ก่อการร้ายคนหนึ่ง แล้วใช่ดาบยักษ์นั้นฟาดลงไปด้วยความโกรธ ดาบยักษ์ได้ถูกปักพื้นจนมิดด้ามและร่างของผู้ก่อการร้ายคนนั้นก็สลายกลายเป็นละอองสีแดง
“กะ แล้ว ไม่ใช่คนจริงๆด้วย” Red Oni พูดพร้อมกับยกดาบขึ้นมาอย่างง่ายดาย
ส่วนเทลเรดได้ใช้ดาบเหวี่ยงร่างของเหล่าผู้ก่อการร้ายอย่างบ้าคลั่งด้วยโทสะ ที่ต้องเห็นทวินเทลของสาวๆถูกแย่งไป พร้อมกับหาตัวหัวหน้าที่เป็นคนปล่อยแก๊ส จนเสียสมาธิ ผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งได้กดสวิตซ์ที่ปืนเพื่อใช่ท่าไม้ตาย
[HIT!!! Crowding Burst Cannon]
ผู้ก่อการร้ายคนนั้นได้เล็งปืนไปทางเทลเรด ที่กำลังสู้กับผู้ก่อการร้ายอีกสองคนอยู่ แต่ Fire emblem ที่เห็นก่อนจึงได้ปล่อยคลื่นไฟใส่ปืนจนเกิดระเบิดขึ้นไปพร้อมกับร่างของผู้ก่อการร้าย ในขณะเดียวกัน Red Oni ได้โยนดาบยักษ์ให้เทลเรด เทลเรดที่รู้ได้โดยสัญชาตญาณ รับดาบแล้วหมุ่นตัวเป็นลูกข่างเปลวเผลิง จนผ่าร่างของผู้ก่อการร้ายทีเดียวสองคน และระเบิดไป
แต่เทลเรดก็ตกใจที่ Red Oni โยนดาบมาให้อยู่เหมือนกันจนทรุดลงไป
“เดียวสิ!!! นี้กะจะฆ่ากันรึไง!!!” เทลเรดตะหวาดใส่ Red Oni
“ห๊ะ...แค่นั้น...แล้วงี้นายจะสู้เพื่ออะไรเนี่ย” Red Oni สวมบทอาจารย์โหดตำหนิ ทั้งที่ความจริงคือ เพราะเขาอารมณ์เสียเรื่องสีชุดของเทลเรด เลยปาดาบแกล้งเท่านั้นเอง
“น่าๆ ทั้งสองคนใจเย็นหน่อยได้ร่วมงานกันแล้ว เห็นว่าเข้ากันได้แล้วแท้ๆ” Fire emblem เขามาห้ามการทะเลาะครั้งนี้ และชมความเข้าขาของทั้งสองคน
“เข้ากันได้กับผีอะดิ!!!” ทั้งสองตะโกนใส่ Fire emblem พร้อมกัน เทลเรดลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“โอ้ยยยยย!!!! น่ารำคาญโว้ยยย!!! ต้องมากำจัดเรียงตัวเนี่ย จัดการให้หมดในทีเดียวเลยดีกว่า” เทลเรด หมดความอดทนแล้ว จึงพุ่งเข้าไปหากลุ่มก่อการร้ายที่ยังเหลื่ออยู่ โดยมี Red Oni และ Fire emblem ตามหลังไปด้วย
เทลเรดได้เหวี่ยงดาบในมือ เพื่อสร้างพายุเปลวไฟมาบังวิสัย์ทัศน์ของกลุ่มก่อการร้าย Red Oni ได้กระโดดขึ้นแล้วฟาดดาบลงไปกลางกลุ่มก่อการร้าย จนแผ่นดินไหว Fire emblem จึงฉวยโอกาศปล่อยไฟล้อมกลุ่มก่อการร้ายเอาไว้ เช่นกัน โอริกามิไซโคลน และ Bison ได้ต้อนกลุ่มการร้ายจำนวนหนึ่งเข้าไปในกองเพลิงนั้น
“เผด็จศึกละ” Red Oni พูดและหยิบโปร์ไกตส์คีย์ขึ้นมาสแกนกับดาบของตน
[Crushing!!! Progise key confirm]
คมดาบของRed Oni ได้ส่องแสงสีฟ้าออกมา ซึ่งนั้นเป็นสเปกตรัมของแสงที่บอกว่าดาบในตอนนี้มีอุณหภูมิราว 1,400 - 1,600 องศา
[Crushing FullBlast !!!]
Red Oni ได้ฟาดดาบเสยร่างของกลุ่มก่อการร้ายขึ้นไปบนฟ้า ในชื่อท่า
[โลกันต์ลงทันต์]
เทลเรดไม่รอโอกาส ยกแขนขึ้นไปเล็งใส่ร่างของผู้ก่อการร้าย
“ออร่า เพียน่า!!!” เทลเรดตะโกนชื่อท่าออกมา
ลำแสงบางอย่างออกจากข้อมือล็อกร่างได้พุ่งผ่านร่างของผู้ก่อการร้ายไป
“พลาดเหรอ” Bison ถาม
“ไม่หรอก...โดนแล้ว” Red Oni ได้ตอบพร้อมกับเอาคีย์สแกนที่ดาบอีกรอบ
[Crushing!!! Progise key confirm]
ก่อนจะโยนดาบขึ้นฟ้า
“ตอนนี้แหละ Fire emblem ปล่อยไฟใส่ดาบของฉันเลย” Red Oni บอก
“ไม่รู้นะมีแผนอะไร แต่อย่ามาโทษเค้าที่หลังนะ” Fire emblem ตอบและปล่อยเปลวไปใส่ดาบ Akuma no ken ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
และในตอนนั้นเอง
เทลเรดได้เปิดไอพ่นตรงกระโปงแล้วพุ่งขึ้นไปหากลุ่มก่อการร้ายโดยหอบกองไฟของ Fire emblem และคว้าดาบ Akuma no ken เอาไว้ได้
“เบรก รีริส!!!” เทลเรดตะโกนออกมากลางอากาศ ดาบของเธอได้แหวกส่วนกลางดาบออกและปล่อยเปลวไฟออกมา จนทำให้ไฟของ Fire emblem กระจายตัวเผาทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวออกจนหมด เหลือแค่ร่างของกลุ่มก่อการร้าย 8 คน ที่ลอยอยู่กลางอากาศรวมถึงตัวหัวหน้าเช่นกัน
“นี้คือ!!! ทวินเทล...ของฉัน!!!” เทลเรดประกาศก่อนจะเหวี่ยงดาบทั้งสองเล่มเป็นรูปกากบาทพร้อมกับเปลวเผลิงขนาดใหญ่บนดาบทั้งสองด้าน เผาร่างของกลุ่มก่อการร้ายจนหมด
[Crushing!!! FullBlast !!! ] [Grand Blazer!!! ]
ดาบ Akuma no ken และ เทลเรดได้เปล่งเสียงออกมา พร้อมกับแรงระเบิดกลางอากาศราวกับดอกไม้ไฟในท่าที่มีชื่อว่า
[Hana Blazer Hono]
แสงจาการระเบิดนั้นได้กระจายตัวแล้วกลับคืนร่างของเหล่าตัวประกันที่สลบอยู่ ทำให้ทรงผมทวินเทลได้กลับคืนสู่เจ้าของ
//Ost end//
“จบแล้ว...”เทลเรดที่ทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ Red Oni ได้ยื่นมือมาหา
“ใครว่าจบละ” Red Oni บอกโดยมีเหล่าฮีโร่คนอื่นยืนมองอยู่ไม่ไกลราวกับมีคำถามที่อยากจะถาม เทลเรดจับมือแล้วยืนขึ้นก่อนจะเดินไปหาเหล่าฮีโร่
“ช่วยได้มากเลยละ เกือบนึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว” Bison กล่าวขอบคุณแต่ Red Oni ก็รู้ดีว่าตนได้ทำเกินหน้าที่ไปแล้ว “ไม่หรอก ทางนี้ตางหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ฉันดันออกกล้องขโมยซีนพวกนายไปซะได้” Red Oni กล่าวขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ เดียวทางรายการก็ตัดออก ตอนออกอากาศเองแหละครับ” โอริกามิไซโคลนปลอบ
“แต่ว่านั้นเถอะ...เด็กคนนั้นใครเหรอ” Fire emblem ถามแล้วหันไปมองทางเทลเรด ซึ่งทุกคนก็หันไปมองเช่นกัน Red oni จึงเดินไปยืนข้างๆแล้วแนะนำตัว
“เธอคนนี้มีชื่อในวงการว่า เทลเรด นะเป็นเด็กฝึกงานของฉันเอง” Red Oni ตอบ
“เอ่!!!” ทุกคนรวมถึงเทลเรด ต่างส่งเสียงออกมา
“พอดีว่า...พึ่งได้ทำภารกิจครั้งแรกก็เลยอาจทำเกินไปหน่อยแต่ก็เป็นคนที่มีฝีมือใช่ได้เลยละ” Red Oni พูดต่อก่อนจะโดนเทลเรดลากไปกระซิบ
“เดียวสิ...นี้ไม่ใช่ที่ตกลงกันไว้หนิ” เทลเรดถาม
“ก็ถ้าไม่งั้น นายก็เจ้าพวกนั้นไล่กระทืบต่อ เพราะนายไม่มีใบอนุญาตการเป็นฮีโร่ไง” Red Oni ตอบ
“อ้อจริงด้วย” เทลเรดพึ่งนึกได้ก่อนจะเดินกลับไปหาฮีโร่คนอื่น ๆ
“ค่ะ เด็กฝึกงานหน้าใหม่ผู้ต่อสู้เพื่อทวินเทล เทลเรดค่ะ ขอฝากตัวด้วย” เทลเรดแนะนำตัว
“ก็เดียวจะมีการประกาศตัวในวันพรุ่งนี้ งั้นเดียวขอกลับกันก่อนน้า” Red Oni รีบตัดบทแล้วพาเทลเรดออกนอกสนามไป
ณ รถบรรณทุกของหน่วย A.I.M.S.
“คุณไยบะ ชุดเกราะตัวใหม่เนี่ยสุดยอดไปเลยนะครับ แม้ดีไซน์จะไม่เปลี่ยนแต่ความคงทนและการตอบสนองดีขึ้นแถมยัง- แอ๊ค”
ไยบะ ยูอะที่ยืนอยู่บนรถได้เอามือ ตบหัว Red Oni ไปหนึ่งทีจนเสียงหมวกกับฝ่ามือกระทบกันดัง แบะ
“บอกแล้วใช่ไหมว่าจะเลือกใช่อุปกรณ์อะไรก็ให้คำนึงถึงความเสียหายด้วย!! รู้รึเปล่าค่าซ่อมที่เกิดจากเธอนะ มันมาจากภาษีประชาชนนะ” ยูอะสวดถึงการทำงานของ ฮิโระ ในชุด Red Oni ยกใหญ่ตลอดทางจนกลับไปถึงบ้านของ โซจิ ส่วน โซจิก็หลับเพราะเหนื่อยล้า โดยมีไอกะกับทูอาร์อยู่ด้วย
ในคืนวันนั้นเอง
ได้เกิดการระเบิดขึ้นที่สนามกีฬาอีกแห่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วย A.I.M.S. ได้เข้ามาตรวจสอบ แต่เมื่อทำการตรวจสอบสถานที่ กลับไม่เหลื่ออะไรไว้เป็นหลักฐานได้เลย
“ให้ตายสิ เก็บกวาดดีชะมัด...” ฟูวะ อิซามุ ได้บ่นออกมา
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ดูสิ วัตถุบางชิ้นที่เราพบก็ไม่ได้เกิดจากการระเบิด แต่เป็นรอยที่ถูกของมีคมที่มีความร้อนสูงเช่น มีดความร้อน หรือ ดาบลำแสง แต่จากรอยแบบนี้น่าจะเป็นอย่างหลัง… มีการต่อสู้กันที่นี้” เทรุอิ ริว นายตำรวจที่ย้ายจากเมืองฟูโตะ แค่มองก็พอเดาสถานการณ์ได้แล้ว
“งั้นคิดว่าเป็นใครละ...”ฟูวะถาม
“ไม่รู้สิ...ไม่แน่เมืองนี้อาจมีอะไรที่พวกเราไม่รู้อีกก็ได้” เทรุอิบอก ก่อนจะเดินสำรวจ พื้นที่อีกรอบ
วันถัดมา โรงเรียนอามาโนะนาวะ
เหล่านักเรียนต่างตื่นเต้นกับรายการ Hero TV ที่ฉายเมื่อคืนเป็นอย่างมากเพราะได้มีการเปิดตัวเทลเรดอย่างยิ่งใหญ่จนแย่งซีนทุกคนในรายการ
และทุกคนก็เอาแต่พูดถึงความน่ารักของเธอ จนไอกะ ที่รู้ตัวจริงของ เทลเรด ก็อดขำไว้แทบไม่อยู่ ส่วนโซจินั้นก็แกล้งหลับเพื่อไม่ให้ได้ยินคนมาพูดลวนลามใส่เทลเรด หรือ ตัวของเขาเอง
ส่วน ฮายาตะ ชินจิโร่นั้น…
ลาหยุดโดยไม่ทราบสาเหตุ
คนที่จะหยุดแกได้มีเพียงคนเดียว ฉันไงละ!!!
ดีจ้า Inu-san เอง ก็จบไปแล้วสำหรับตอนที่ 1 ของ Super hero Saga เป็นไงกันบ้างก็เมนต์กันด้วยน้า
ว่าตามตรง ทางนี้วางกฎในการแต่งฟิคเรื่องนี้ไว้ว่า
- ห้ามเล่นเรื่อง Time-line เพราะไม่งั้น ZI-O จะมา
- ห้ามเอาเรื่อง Mutiverse มาแถ เพราะไม่งั้น ไอ้มาเจนต้า กับ ไอ้ศูนย์ จะตามมา
- ห้ามเอาตีมเวทย์มนต์(จ๋าๆ)มาใช้ เพราะไม่งั้นสเกลมันจะเกินขอบเขตที่คุมได้ (แต่พวก อารยธรรมโบราณหรือศาสตร์แปรธาตุ พออนุโลมได้)
ซึ่งทำให้เรื่อง ore, twintail ni narimasu โดนแก้หนักสุด เพราะตัวร้ายหลักมันมาจากจักรวาลอื่น ก็เลยแอบมีการเปลี่ยนตัวร้ายมาเป็น kamen rider Adadon แทนเพื่อที่จะได้แทรกความเป็น Zero-one ไปได้อย่างเนียนๆ
และนี้ก็เป็นการเปิดตัว OC ตัวแรกของฟิคเรื่องนี้นั้นก็คือ Red Oni นั้นเอง ทุกคนชอบกันไหม บอกได้น้าาา
สุดท้ายนี้ ตอนต่อไปก็ถึงเวลาของ ฮีโร่คนแรกแห่งยุคเรวะ กันแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างรอกันได้เลย
ปล. พยายามจะให้ได้สองสัปดาห์ต่อตอนนะช่วงนี้งานเริ่มยุ่งละ
ความคิดเห็น