คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ: สายลมนำพา
20.45น. ป่า ชานเมือง Stern Bild
ตู้ม!!! เสียงระเบิดได้ดังขึ้นในโกดังร้างแห่งหนึ่ง ณ ใจกลางป่า
“อ๊ากกกกกกกกกก!!!!” โปรโตเบิร์ท ได้กระเด็นออกมาจากโกดังแห่งนั้น ด้วยการโจมตีบางอย่าง
“นี้นะเหรอคนที่สามารถหยุด ฟาวเดชั่น X ได้ดูเหมือนพอไม่มี อังค์ กับ คอร์เมดัลแล้วจะอ่อนแอลงไปมากนะ….ฮิโนะ เอย์จิ” ร่างปริศนาที่เป็นเจ้าของการโจมตีได้เดินออกมาจากโกดัง ร่างกายของเขานั้นเป็นชุดเกราะสีเทาที่สวมทับบอดี้สูทสีม่วงและสวมเข็มขัดอยู่
“นี้พวกแก...ไม่ใช่พวกฟาวเดชั่น….มีเป้าหมายอะไรกัน!!!” เอย์จิในร่างโปรเบิร์ดถาม
“มันคือประสงค์ของอาร์ค” ร่างปริศนาได้ตอบ ก่อนจะสับไกที่อยู่บนเข็มขัด
[String Distopia] สายระยางคล้ายหางแมงป๋องได้มาล้อมรอบขาของเขาเอาไว้
เอย์จิ ที่เห็นท่าไม่ดีจึงหยิบดาบ Medajaribur ขึ้นมา
เอย์จิรีบใส่เซลล์เมดัลลงไปในดาบก่อนจะรีบหยิบ โอสสเกนเนอร์ มาสแกน
[Scaning charge]
พลังงานมหาศาลได้มารวมอยู่ที่ดาบ
“เซยย์ย่าาาาาาาา!!!!” เอย์จิ ตะโกนพร้อมกับฟาดดาบเป็นแนวนอนลงไป
แต่ร่างปริศนานั้นได้กระโดดขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับถีบใส่ อกของเอย์จิ เข้าเต็มแรง
[String Distopia]
เกิดระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง
“อ๊ากกกกกก!!!!” เอย์จิ กระเด็นลงไปนอนกับพื้นพร้อมคืนร่าง
ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสจึงทำให้ เอย์จิ ไม่มีแรงแม้แต่จะยืน
ร่างปริศนานั้นก็ได้เดินเข้ามาหาหมายจะฆ่าเอย์จิ
ทันใดนั้นเอง
“เดียวก่อน...โฮโรบิ” เสียงๆหนึ่งได้เรียกชื่อร่างปริศนานั้น
“พูดชื่อให้ศัตรูได้ยินแบบนี้ แสดงว่าพร้อมสู่ขั้นต่อไปแล้วสินะ...เบมเลอร์” โฮโรบิถาม
“อา...ใช่แล้วละ” เบมเลอร์พูดพร้อมกับเดินพร้อมออกมาจากเงามืด
“จะ...เจ้านี้...” เอย์จิ ที่รู้ว่าเบมเลอร์เป็นใครจึงตกตะลึงจนพูดไม่ถูก
“แล้วจะเก็บเจ้านี้ไว้จริงๆเหรอ” โฮโรบิถามเบมเลอร์
“ไงซะเจ้านี้ก็เคยเป็น Greeed ยังมีค่าพอจะให้ทดลองอยู่” เบมเลอร์กล่าวพร้อมกับยืนมือหมายจะจับตัว เอย์จิ ไป แต่ว่า...
ปังๆ ปังๆ เสียงปืนหลายกระบอกดังขึ้นพร้อมกัน ทั้ง โฮโรบิและเบมเลอร์ รีบถ่อยออกห่างจากตัวเอย์จิก่อนจะหันไปมองก็พบกับ เบิร์ท ถึงสองคน
“ไง เอย์จิคุง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเดส” เบิร์ทตัวแรกกล่าวพร้อมกับเสียงผู้หญิงที่ดูสดใสร่าเริงผิดกับอายุที่เอยจิคุ้นเคย
“คุณดาเตะ…” เอย์จิพูดขึ้นมาด้วยความคุ้นเคย
“จากตรงนี้พวกเราจะจัดการเองค่ะ...ฮิโนะคุงช่วยถ่อยออกมาด้วยค่ะ” เบิร์ทตัวที่สองกล่าวด้วยเสียผู้หญิงอีกคนที่ดูสุภาพและสุขุม พร้อมกับเล็ง Birth Buster เล็งไปทาง โฮโรบิกับเบมเลอร์
“คุณโกโต้...”เอย์จิ เรียกชื่อจริงของเบิร์ทตัวที่สองแล้วค่อยๆลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหาทั้งเบิร์ทสองคนช้าๆโดยใช่ดาบ Medajaribur คอยพยุงตัวเองเอาไว้
โฮโรบิ ที่ทนไม่ไหวเลยกะจะใช่เข็มพิษฆ่าเอย์จิแต่ โกโต้ ที่เห็นก่อน จึงชิงยิงเปิดก่อนแล้ววิ่งเข้าไปต่อสู้กับโฮโรบิพร้อมกับกราด Birth Buster ใส่โฮโรบิไม่ยั้ง เบมเลอร์ ที่กะจะเข้าไปช่วยก็ได้ถูก ดาเตะ วิ่งเข้ามาผลัก เบมเลอร์ จนกระเด็นไปไม่ไกลนัก ดาเตะ ไม่รอช้ารีบถอด Cellbullet pod ที่เป็นซองกระสุนมาติดตั้งที่ปลายกระบอกปืนเพื่อเข้าสู่ Cell burst mode
[Burst mode]
พลังงานจากเซลล์เมดัลได้เข้ามารวมที่ปลายกระบอกปืนก่อนจะถูกยิงออกไปใสร่างของเบมเลอร์ที่นอนอยู่กับพื้นจนเกิดการระเบิดขึ้นแต่ เบมเลอร์ ก็ได้พุ่งออกมาจากระเบิดและถีบ ดาเตะ จนกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง
“ให้ตายสิ...งานนี้ถ้าจะเหนือกว่าที่คิดนะเดส...” ดาเตะกล่าว ก่อนจะวิ่งเข้าไปสู้มือเปล่ากับเบมเลอร์อีกรอบ
ทางด้าน โกโต้กับโฮโรบิ ที่ตอนนี้ได้เข้าไปสู้ในโกดัง
โฮโรบิได้ใช่หางแมงป๋องเข้าจู่โจมจากหลายทิศทางพร้อมกับยิงเข็มพิษไปด้วย โกโต้ จึงใช่วิธีหลบเข้าที่กำบังพร้อมกับหมุ่นตัวไปยิงโฮโรบิขณะเปลี่ยนที่กำบังไปด้วย จึงเกิดเป็นการต่อสู้แบบเทคโคฟเวอร์ขึ้น เหล่าแคนดรอยต่างได้บินมาส่งเซลล์เมดัลเพื่อให้โกโตสามารถยิงต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และ คอยช่วยโจมตีปั่นป่วน โฮโรบิ จนภายในโกดังนั้นเกิดความวุ่นวายราวกับเป็นสงครามยังไงอย่างนั้น
โกโต ตัดสินใจนำเซลล์เมดัลหนึ่งเหรียนใส่ลงไปในเข็มขัดแล้วหมุ่น
[Catepillar Leg]
ขาของเบิร์ทได้ถูกติดตั่งอุปกรณ์เสริมที่มีชื่อว่า Caterpillar Leg แล้ว
“ได้เวลา...สงครามแล้ว...” โกโต้ได้สาด Birth Buster ไปทั่วโกดังจนเกิดฝุ่นควันขึ้นมาบังวิสัยทัศน์ของโฮโรบิ และ ทุกอย่างก็เงียบลงชั่วขณะก่อนที่ โกโต้ จะ เริ่มพุ่งเข้ามาเตะโฮโรบิหนึ่งทีก่อนจะหายไปในฝุ่นควันและใช่ Birth Buster กราดไปตามแนวเคลื่อนที่จนโฮโรบิทรุดลงไป โกโต้ ที่เห็นแบบนั้นจึงจะจะเข้าไปปิดฉากด้วยการใช่ Birth Buster Burst mode ในระยะประชิดในฝุ่นควัน
แต่ว่า...
โฮโรบิหัวเราะเบาๆ
ถึงตรงนี้ โกโต้ ก็รู้ได้ทันทีว่า...
ทั้งหมดมันเป็นแผนของโฮโรบิ...
โฮโรบิ ได้ปัดกระบอกปืนขึ้นฟ้าก่อนจะกระหน่ำหมัดเข้าใส่ร่างของ โกโต้ พร้อมกับแตะเข้าที่หน้าท้องไปหนึ่งที แล้วสับไกที่เข็มขัด
[String Distopia]
โฮโรบิ ส่งแรงถีบอีกครั้งจนร่างของ โกโต้ กระเด็นออกมา แล้วคืนร่าง
“อัก!!!” โกโต้ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะพบว่า ดาเตะ ได้ถูกเบเลอร์เหวี่ยงมากะแทกกับกำแพงและลงไปนอนข้างๆอย่างหมดสถาพ แล้วคืนร่าง
“เบิร์ทสู้ไม่ได้เหรอเนี่ย...” ดาเตะ เจ็บใจมากแต่ก็ทำได้แต่ยอมรับความจริง
“นี้เบมเลอร์...สองคนนี้ละว่าไง” โฮโรบิถามเบมเลอร์
“ไม่จำเป็น...ฆ่าสองคนนี้ทิ้งซะแล้วพาตัว ฮิโนะ เอย์จิ มา” เบมเลอร์ตอบอย่างเยือกเย็นราวกับเขาไม่เหนื่อยจากการต่อสู้เลยสักนิด
ในขณะที่ทั่ง ดาเตะ และ โกโต้ จะถูกฆ่านั้น
ก็ได้มีแรงระเบิดเกิดขึ้นจากนอกโรงงานจนเกิดควันไปทั่วในกลุ่มควันนั้นได้มีร่างกายของมนุษย์ที่สวมชุดสูทสีดำเดินออกมาพร้อมกับแสงสว่างที่กลางอก
“มาแล้วงั้นเหรอ ฮายาตะ” เบมเลอร์กล่าว
ฮายาตะได้เดินเข้ามาบังพวก เอย์จิ ก่อนจะบอกว่า
“พวกเธอสามคนนะออกไปก่อนเถอะ จากตรงนี้ฉันจัดการเอง” เสียงชายแก่ดังออกมาจากชุด
เอย์จิ จึงแปลงร่าเป็นโปรโต เบิร์ทอีกครั้งเพื่อแบกร่างของ ดาเตะ และ โกโต้ ขึ้นแล้วหันไปถาม ฮายาตะ ว่า
“ขอบคุณนะครับ….แต่ว่าคุณคือ...”
ฮายาตะ ที่ยังคงประจันหน้ากับ เบมเลอร์ ก็ได้ตอบมาสั้นๆว่า
“ฉันคือ...อุลตร้าแมน”
เอย์จิ ตกตะลึงมากเพราะมันต่างจากอุลตร้าแมนที่เขาเคยได้ยินมาพอสมควร
เขาไม่ได้มีสีเทาและมีสีแดงบนร่างกาย…
เขาไม่ได้ตัวสูงถึงสี่สิบเมตร…
แต่ เอย์จิ กลับรู้สึกถึงพลังที่ออกมาจาตัวของเขาได้เป็นอย่างดี เอย์จิ จึงไม่กล่าวอะไรและรีบพาตัวทั้งสองคนออกไปในทันที
โฮโรบิ ที่คิดจะตามไปก็ได้เบมเลอร์ห้ามไว้
“ห้ามไว้ทำไมละ...” โฮโรบิถาม
“เราเสียเวลามากเกินไปแล้ว กลับไปดำเนินแผนการต่อซะ” เบมเลอร์ ตอบ
ซึ่ง โฮโรบิ ก็เข้าใจดีและเดินจากไป
“ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนแล้วสินะ” เบมเลอร์ กล่าวกับ ฮายาตะ
“พวกนายมีแผนอะไรกันแน่...ถึงได้มายึดโรงงานร้างแบบนี้” ฮายาตะ ถามกลับ
“อ้อ...โรงงานนี้นะเหรอ...รู้รึเปล่า ฮายาตะ ที่แห่งนี้นะเคยเป็นแหล่งกบดานผลิตอาวุธของ ฟาวเดชั่น X เลยนะ” เบมเลอร์ตอบด้วยความนิ่งสงบ
“ร-หรือว่า” ฮายาตะ ที่เดาเป้าหมายของเบมเลอร์ออกก็เริ่มตั้งท่าต่อสู้ในทันที
“ใจเย็นก่อน ฉันแค่มาเก็บกวาดเศษแดนของฟาวเดชั่นเท่านั้นแหละ พอดีถ้าปล่อยเอาไว้แผนการมันจะเสียนะ” เบมเลอร์ รีบแก้ต่างในทันที
“งั้น พวกแกคิดจะทำอะไร!!!” ฮายาตะ เริ่มหัวเสีย
“ทางนี้เองก็จะกลับแล้วเหมือนกัน...ว่าแต่ ฮายาตะ ลูกของนาย...ชินจิโร่สินะ อืม….ตอนนี้คงถึงเวลาแล้ว” เบมเลอร์ เปลี่ยนเรื่องแล้วลอยตัวขึ้น
“นี้แก!!!คิดจะทำอะไรกับ ชินจิโร่!!!” ฮายาตะ ถาม
“เรื่องนั้นเดียวก็รู้เอง” เบมเลอร์ ตอบก่อนจะบินหายไป ทิ้งให้ ฮายาตะ ยืนงงอยู่ตรงนั้น
ณ รถพยาบาลสนามของ UN ที่อยู่ไม่ไกลจากป่านัก
เอย์จิ ดาเตะ และ โกโต้ ได้มานั่งประชุมกันโดยมี ฮิวมาเกียร์ แพทย์สนามคอยดูแล
ดาเตะ มีแค่แผลฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น
โกโต้ หน้าอกมีรอยฟกช้ำขนาดใหญ่ที่ไม่สาหัสมากเท่าที่คิด
เอย์จิ นั้นสาหัสสุด กระดูกซี่โครงหักแต่โชคดีที่ไม่โดนส่วนสำคัญ
แต่ด้วยเทคโนโลยีและการรักษาของฮิวมาเกียร์เลยทำให้พวกเขาฟื้นตัวได้ไวกว่าปกติ
“แพ้หมดรูปเลยเดส” ดาเตะ กำหมัดและเจ็บใจที่สู้เบมเลอร์ไม่ได้เลย
“ดูถ้าว่าคงต้องถึงเวลาอัพเกรด เบิร์ท ซิสเต็ม แล้วละค่ะ” โกโต้กล่าวอย่างเรียบง่ายก่อนจะเก็บเข็มขัดทั้งสามเส้นเข้ากระเป๋า
“นี้เราต้องไปพบตา ปาเตชิเย่(ช่างทำขนมหวาน) อีกแล้วเหรอเดส” ดาเตะบ่นออกมา
“อย่าบ่นเลยน้า อ้อจริงสิ ฮิโนะคุง ฉันเจอสิ่งนี้ที่โกดังตอนกำลังต่อสู้กับเจ้าตัวสีม่วงนะ” โกโต้ ยื่นสิ่งหนึ่งที่อยู่ในซองพลาสติกให้ เอย์จิ ดูก่อนที่เขาจะหยิบถุงนั้นใส่กระเป้าเดินทางแล้วลุกขึ้น
“งั้นคงต้องแยกกันชั่วคราวสินะครับ” เอย์จิ กล่าว
“เอ๋!!!” ทั้งสองคนตะโกนลั่นโรงพยาบาลสนาม
“เอย์จิคุงจะไปไหนเหรอ” ดาเตะ รับเข้ามาถามในทันที
“ผมว่า ผมจะไปหาคนที่ช่วยแก้ไขเรื่องนี้ได้นะ” เอย์จิ ตอบ ซึ่ง โกโต้ ที่ได้ยินก็รู้ทันทีว่าคนที่ เอย์จิ พูดถึงอยู่ก็คือ…
สองวันต่อมา เวลา 11.30 น.
ณ สำนักงานักงานนักสืบ นารุมิ เมืองฟูโตะ
ฮิดาริ โชทาโร่ กำลังนั่งเครียดอยู่ที่โต๊ะประจำของเขากับจดหมายปริศนาที่ส่งมาทางไปรษณีย์เมื่อเช้า
ซึ่งมีความว่า
เรียน มาสค์ไรเดอร์ ดับเบิล
กระผมมีเรื่องที่อยากให้คุณช่วยสืบให้หน่อย หมู่นี้มีคดีปริศนาเกิดขึ้นที่เมือง Stern Bild เป็นเวลานานแล้วซึ่งส่วนมีร่องรอยของการทำลายล้างที่ไม่ใช่มนุษย์ในหลายพื้นที่ของเมืองและทางตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยโดยทิ้งหลักฐานนี้ไว้ครับ ทางกระผมได้จัดเตรียมสถานที่พักในเมืองที่สามารถซ่อนตัวเอาไว้แล้วและเพื่อเป็นความมั่นใจในจดหมายผมได้แนบหลักฐานพร้อมกับใบเสร็จล้วงหน้าเอาไว้แล้วหวังว่าจะได้คำตอบในเร็ววันนี้
ด้วยความเคารพ
ไฟแห่งธาราทอส
“เจ้านี้...มันเป็นใครกันนะมันถึงได้รู้เรื่องมาสค์ไรเดอร์ได้ละ” โชทาโร่ถึงกับกุมขมับ
“แต่ว่ามันก็น่าแปลกนะทั้งหลักฐานและเอกสารการเงินที่ส่งมาเองก็ดูถ้าจะเป็นของจริงซะด้วย แถม ช่วงนี้ก็มีคำขอให้ช่วยสืบคดีต่าง ๆในเมือง Stern Bild เองก็มีมากขึ้น จนน่าตกใจเลยละ”
ฟิลิป ที่เดินออกมาจากห้องส่วนตัวก็ได้ยื่นหลักฐานแนบมากับจดหมายมันคือ T2 Joker gaia memory
“ก็ไม่อยากเชื่อหรอกนะถ้าจะบอกว่ามีการสร้าง T2 Gaia memory ซ้ำแบบนี้แสดงว่าพวก ฟาวเดชั่น เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว” ฟิลิปพูดต่อ
“ให้ตายสิเจ้าพวกนั้นยังไม่เข็ดกันอีกเหรอเนี่ย” โชทาโร่บ่นขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะมีเสียงประตูลูกค้าเดินเข้ามาซึ่งลูกค้าก็คือ ฮิโนะ เอย์จิ นั้นเอง
“อ้าวไง เอย์จิคุง” ฟิลิปกล่าวทักทายพร้อมกับวางเมมโมรี่ลงบนโตะใกล้ๆ
เอย์จิ ที่เห็นเมมโมรี่นั้นก็รีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความตกใจก็พูดขึ้นมาว่า
“เหมือนกันเลย”
โชทาโร่ กับ ฟิลิป ก็งงว่าเอย์จิพูดเรื่องอะไร ก่อนที่ เอย์จิ จะหยิบของในประเป๋าออกมา มันคือ T2 Joker memory เหมือนกัน
“เหมือนเป๊ะ/เดี๋ยบ” คราวนี้ โชทาโร่ กับ ฟิลิป เป็นฝ่ายพูดและยื่นหน้าเข้ามาหาเอย์จิ ใกล้มากๆจน เอย์จิ ต้องถ่อยออกมาสองก้าวอย่างรวดเร็วก่อนจะตั้งสติและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนให้ฟัง
“สรุปว่าพวกนายตามสืบกลุ่ม ฟาวเดชั่น X ที่ยังเหลือรอด จนไปยังโรงงานร้างใน Stern Bild แล้วก็ถูกคนที่ชื่อ เบมเลอร์ กับ โฮโรบิ ทำร้าย แต่ก็ได้คนที่อ้างตัวว่าเป็น อุลตร้าแมน ช่วยไว้สินะ” ฟิลิป เริ่มสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด
“อืม...แต่ว่าตอนนี้ คุณดาเตะ กับ คุณโกโต้ ไปหาประธาน โคกามิ เพื่อพัฒนา เบิร์ท ซิสเต็ม อยู่เลยทำให้พวกเราในตอนนี้แปลงร่างไม่ได้จึงต้องขอให้พวกคุณมา...” เอย์จิ พูดไม่ทันจบ โชทาโร่ ก็เบรกไว้
“เรื่องนั้นนะถึงนายไม่มาเราก็จะไปอยู่แล้วละ” โชทาโร่พูดพร้อมกับยื่นจดหมายฉบับนั้นให้ เอย์จิ อ่าน
“นี้มัน...” เอย์จิ ที่ได้ยินก็ตะลึงมากที่มีคนรู้ตัวจริงของพวกโชทาโร่และหลักฐานที่ได้มา
“ต่อให้เจ้าของจดหมายกับคนที่นายว่ามาเป็นพวกเดียวกันแต่ถ้าเรียกมาแบบนี้ก็เข้าทางพวกเราละนะ” โชทาโร่ตอบ แล้วก็เริ่มเก็บข้าวของเพื่อออกเดินทาง
สักพัก โชทาโร่ก็เตรียมข้าวของพร้อมแล้วและกำลังจะออกเดินทาง
“อ้อ จริงสิ โชทาโร่อย่าลืมบอก อากิจัง ด้วยละ” ฟิลิปเตือนโชทาโร่ก่อนออกเดินทาง โชทาโรจึงหยิบ Stag phone ขึ้นมาแล้วโทนหา นารุมิ อากิโกะ เจ้าของสำนักงานนักสืบนารุมิตัวจริง
“ฮัลโหล อากิโกะ... คือว่าพวกฉันจะต้องออกไปทำคดีใน Stern Bild สักอาทิตย์หนึ่งเลยว่าจะโทรมาบอก…...หะ!? เจ้าเทรุอิก็ด้วยเหรอ...เข้าใจแล้ว งั้นฝากบอกเจ้านั้นด้วย ว่าฉันกับพวกเอย์จิเองก็จะไปเหมือนกัน” โชทาโร่วางสาย
“มีอะไรงั้นเหรอ” เอย์จิถาม
“เจ้าเทรุอิเองก็โดนย้ายให้ไปสืบคดีพิเศษที่ Stern Bild ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะสิ แถมแค่คนเดียวด้วยนะ ” โชทาโร่ตอบไป แต่จู่ๆ ฟิลิป ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“เดียวนะ...เมื่อวานนี้...มันวันที่จดหมายนั้นส่งมาพอดีนี้น่า รู้สึกสังหรใจไม่ดีเลยแฮะ”
“แต่ก็มีทางเดียวที่จะรู้ก็คือต้องไปเท่านั้น” โชทาโร่ตอบข้อสงสัยของ ฟิลิป แล้วเอาสัมภาระทั้งหมดไปที่ Revolgarry เพื่อเตรียมออกเดินทาง
“งั้นพวกนายสองคนไปก่อนเลย พอดีฉันว่าจะไปที่ร้าน Cous Coussier หน่อยนะไม่ได้มาที่ร้านนานแล้วด้วย” เอย์จิได้บอกกับทั้งสองก่อนจะเดินออกจากร้านไป
“เข้าใจแล้ว อ้อ!! ฝากทักทาย คุณมิคุ ด้วยนะ” โชทาโร่ตอบ เอย์จิ สั้น ๆแล้วเริ่มออก เดินทาง
Revolgarry ได้ขับไปตามเส้นทางธรรมชาติที่ไม่มีกล้องวงจรปิดเพราะตัว Revolgarry นั้นมีขนาดใหญ่เกินไปที่จะเข้าเมือง แต่ด้วยในจดหมายนั้นได้มีการบอกเส้นทางที่สามารถหลบจากอุปกรณ์ตรวจจับเหล่านั้นได้การเดินทางจึงง่ายขึ้น
“นี้ ฟิลิป เมือง Stern Bild เนี่ยมันเป็นเมืองแบบไหนเหรอ” โชทาโร่ ถาม ฟิลิปที่กำลังเข้าโลกหนังสือเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
“เมือง Stern Bild เป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นจากขยะเหลื่อใช่ในสมัย [การปฏิวัติของ มาสค์ไรเดอร์ ] เมื่อ 50 ปีก่อนเพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในการต่อสู้ของมวลมนุษย์ และ ยังเป็นเมืองที่ได้ก่อตั้ง [สมาคมฮีโร่] ขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อนเพื่อรับมือกับเหตุร้ายจากทั่วโลก แต่ในช่วงหลังมานี้ทางสมาคมจะเน้นในการโปรโมทด้วยรายการ [Hero TV] ที่เป็นรายการวาไรตี้ฮีโร่จับโจร เพื่อหาเงินเข้าตัว มากกว่า” ฟิลิปส์ตอบ
“อ้อ ไอ้รายการที่ฮีโร่ วันๆเอาแต่จับโจรนะเหรอ ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยดูหรอกนะ แต่มันดูจอมปลอมไปหน่อยสำหรับฉันนะ” โชทาโร่ แสดงความเห็นออกมา
“แต่ที่น่าสงสัยคือเมื่อ 30 ปีก่อนที่เมืองนั้นได้เกิดคดีฆาตกรรมปริศนาขึ้นหลายครั้งแท้ๆ แต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไรเลยพบแต่คีย์เวิร์ด [สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถระบุประเภทได้] เท่านั้น ซึ่งก็ไม่มีข้อมูลอะไรอีกเลยและจำนวนผู้เสียชีวิตก็ไม่แน่ชัด” ฟิลิปส์ ได้พูดข้อมูลเพิ่มเติม
“สรุปว่าเมืองแห่งนั้นมีเรื่องที่ดำมืดระดับที่นายเองก็หาไม่เจองั้นสินะ” โชทาโร่เริ่มคืบแคลงใจ ก่อนจะรีบ ไปที่เมือง Stern Bild ให้ทันก่อนฟ้าจะมืด
วันเดียวกัน เวลา 21.40 น.
ที่ บ้านส่วนตัวของ ฮิเด็น โคเรโนะสุเกะ ประธานบริษัท Hiden intellgence
ฮิเด็น โคเรโนะสุเกะ ที่กำลังนอนอยู่บนเตียวผู้ป่วย ได้กำกระเป๋าใบหนึ่งเอาไว้พร้อมกับซองจดหมายพินัยกรรม เขากำลังรอคนๆหนึ่งอยู่ ทันใดนั้นเองประตูที่อยู่หน้าห้องของเขาก็ได้เปิดออก เผยให้เห็นร่างของคนที่เขากำลังรออยู่
“มาแล้วสินะ” โคเรโนะสุเกะ พูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ขอโทษด้วยที่คงมาแสดงความเครพในร่างนี้ไม่ได้...ว่าแต่จะให้ฉันทำอะไร” ร่างปริศนาได้ใช้เสียงสังเคราะห์ถาม
“ฉัน...จะขอจ้างเธอ...อีกครั้งหนึ่ง...ช่วยดูแล หลานของฉัน...ดูแล อารุโตะ ให้เป็นประธานบริษัท ที่ดี….จนกว่าจะถึงตอนนั้น...”โคเรโนะสุเกะ ไอ ออกมาพร้อมกับยื่นกระเป๋าให้กับร่างปริศนา เขาได้เปิดมันให้ดูมันคือ T2 Gaia memory ทั้ง 26 อัน
“นี้คือ...ค่าจ้างของฉัน...” โคเรโนะสุเกะ พูดขึ้นมาอีกครั้ง ร่างปริศนาได้เก็บกระเป๋าแล้วถอดหมวกมาทาบไว้ที่หน้าอก
“สัญญาจ้างเป็นอันเสร็จสิ้น...จนกว่าหลานของคุณจะได้กลายเป็นประธานบริษัทที่ยอดเยี่ยม ฉันจะคุ้มครองเขาเอง ถือเป็นการทดแทนที่คุณเองก็ช่วยเราในหลายๆเรื่อง” ร่างปริศนาได้ตอบด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
“ฝ-ฝากด้วยนะ” โคเรโนะสุเกะได้สิ้นใจด้วยรอยยิ้ม
ร่างปริศนาสวมหมวกอีกครั้งและได้หยิบเมมโมรี่ในกระเป๋าขึ้นมาหนึ่งอันแล้วเสียบเข้าช่องของอุปกรณ์ที่อยู่ข้างเอวด้านขวา
[Cyclone Maximum Drive]
ร่างปริศนาได้สร้างลมพายุสีเขียวอ่อนๆขึ้นมาและหายไปกับสายลมในห้องนั้นก่อนที่ผ่านไปสัก 2 นาที รถพยายาลจะเข้ามา
ณ ยอดตึกแห่งหนึ่งใน Stern Bild
ได้มีร่างของเด้กสาวในชุดเกราะสีม่วงได้ยืนมองตัวเมืองด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยพร้อมกับมองไปยังท้องฟ้าแล้ว พูดขึ้นว่า
“สายลม...เปลี่ยนทิศ….กำลังจะมีคนมาเมืองนี้...คนที่จะช่วยฉันงั้นเหรอ… ”
จบบทนำ
คุยกันเถอะ
ดีจ้าคนเขียน Inu-san เอง บอกตามตรงนี้ถือว่าเป็นโปรเจคใหญ่ผิดคาดเพราะต้องหาข้อมูลหนักกว่าที่คิด ทั้ง world building และ Lore ต่าง ๆ และ ต้องคัดเลือกเรื่องที่จะมาลงให้ดีด้วย โดยโปรเจคนี้ จะมี อนิเมะ และ โทคุ ที่มาลงแค่ตามปกเรื่องนี้แหละ (และมีของแถมมานิดหน่อย) โดยทางนี้ได้วางคิวไว้คราวๆแล้วว่าใครจะมาก่อน-หลัง และ จะมีการเล่าเนื้อเรื่อง 2 พาร์ทที่มีตัวละคร OC 2 ตัวเป็นตัวดำเนิน
เอาละ เล่าแค่นี้ก่อนเดียวในตอนที่ 1 นั้นเหล่าฮีโร่จะต้องเจอกับอะไรก็อย่าลืมติดตามกันน้า
ความคิดเห็น