คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : SF - พี่สาวครับ
Title : พี่สาวครับ
Pairing : Nut x Sin
Author: Kp indigo
Genre: Romantic
Author’s note : ชอบเพลงนี้มากค่ะ J เลยอยากให้ทุกๆคนชอบด้วย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เคยทำเป็นฉบับโน่ริทมาแล้ววันนี้เลยเอามาในแบบของนัทซินบ้าง
คลิกเพื่อเปิดเพลงก่อนเพื่ออรรถรสในการอ่านค่ะ :)
“โอ๊ยย!”
“อ๊ะ!!!!!”
ตุบ
สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันก่อนที่จะมีเสียงสุดท้ายตามมา ซินลุกขึ้นมานั่งยองๆมองหน้าคนที่ทำให้ตัวเองล้มก่อนจะยื่นมือเรียวไปให้
“ลุกขึ้นมาสิแสบ”
‘แสบ’มองหน้าคู่กรณีก่อนจะยื่นมือไปจับและพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างง่ายดาย
“ขอบคุณฮะพี่จ๋าวววว”
เด็ก ‘แสบ’ ยิ้มโชว์ฟันหลอสองซี่หน้าพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ
“ใครพี่สาวนายฮะ? พี่เป็นผู้ชายนะ”
พี่’ผู้ชาย’กอดอกเชิดหน้าขึ้นพร้อมหรี่ตามองเด็กตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง เด็ก‘แสบ’ที่ว่ายืนเหวอเมื่อ ‘พี่สาว’คนข้างหน้าบอกเพศที่ขัดกับหน้าตาออกมา
...ใครจะคิดว่าสวยๆแบบนี้เป็นผู้ชายล่ะ?
“เอ้อ... ฮะ พี่จาย ป๋มชื่อนัทนะฮะ”
“พี่ชื่อซิน ยินดีที่ได้รู้จักนะ อยู่บ้านไหนล่ะ?”
ซินมองตามนิ้วของเพื่อนใหม่ก่อนจะอ้าปากหวอ
“ละ...หลังนี้เหรอ?”
“ฮะ ละชินล่ะ?”
‘ชิน’ขมวดคิ้วนิดๆแต่ก็ยอมชี้นิ้วไปยังบ้านหลังข้างๆ ซินเบะปากลงอย่างไม่พอใจ ...ไอ้เสียงที่ก่อความรำคาญให้เขาในช่วงสองสามวันมานี่คือไอ้เตี้ยนี่หรอ?
ความรู้สึกดีๆแปรเปลี่ยนเป็นลบทันทีเมื่อรู้ว่าตัวการที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาตลอดสามวันนี้คือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“อ้อ ฮะ ดีจังเลย บ้านอยู่ใกล้กันเลย”
“นายจะมาอยู่นี่กี่วันน่ะ ?”
คนรักความสงบถามออกมาอย่างไม่เกรงใจ ซินกอดอกอีกครั้งพร้อมมองหน้าเพื่อนบ้านคนใหม่อย่างขอคำตอบ
“จ๋ามเดือน นี่ช่วงชัมเมอร์นะฮะ ดีจัง นัทคิดว่านัทจะไม่มีเพื่อนแล้วนะ นัทมีชินนัทก็อยู่ได้แล่ว”
นัทพูดอย่างร่าเริง ซินทำหน้าแปลกเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจาก‘ไอ้เตี้ย’ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา ...หัวใจมันเต้นผิดจังหวะแปลกๆนะ
“ชินพานัทไปเที่ยวรอบๆหมูบ้านหน่อยสิ”
นัทหันมามองซินพร้อมส่งสายตาอ้อนๆไปให้ ซินผลักหน้าเล็กที่อยู่ประมานไล่เขาไปไกลๆก่อนจะเปล่งเสียงออกมาชัดเจน
“ไม่!”
“ทำไมอ่ะชิน? นัทพึ่งมาอยู่นะ ชินควรจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีพานัทเที่ยวสิ”
“ข้อแรก พี่อายุสิบขวบแล้ว เธอควรเรียกพี่ว่า พี่ซิน ไม่ใช่ ชิน ข้อสอง พี่ไม่ชอบยุ่งกับเด็กที่แหกปากโวยวายแบบเธอ ข้อสามพี่ชอบอยู่คนเดียว ข้อสี่ พี่ไม่ได้เชิญให้เธอมาอยู่กับพี่ซักหน่อย ไม่ใช่ธุระของพี่”
ซินหันเท้าเดินเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้แปดโมงเดี๋ยวนัทไปหาที่บ้านชินนะฮะ!! แล้วเราไปเที่ยวกัน”
เสียงแหลมตะโกนดังเข้าไปถึงตัวบ้าน ซินขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินอย่างนั้น
...ไอ้เตี้ย! นี่แกฟังฉันรู้เรื่องซักนิดมั้ยนะ
“ใครน่ะลูก เด็กที่ไหน”
เสียงใจดีเอ่ยถามเมื่อซินเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“เด็กข้างบ้านไงป๊า ชื่อนัท”
“แล้วนี่ไปรู้จักกันเมื่อไหร่ล่ะ พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนกันล่ะลูก”
“ใครจะไป? ซินไม่ไปอ่ะป๊า น่ารำคาญ”
พูดจบก็เดินกระทิบเท้าปังๆอย่างอารมณ์เสียขึ้นไปด้านบนทันที ไม่นานนักป๊าก็ได้ยินเสียงเปียโนบรรเลงเพลงหวาน ป๊ายิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อลูกชายคนเดียวไม่เอะอะเขวี้ยงปาข้าวของแบบลูกของคนอื่น
****
“ชินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!”
เสียงแหลมใสตะโกนขึ้นทันทีหลังจากที่ซินดื่มนม่ได้ก้าวร้าวทำลายข้าวของเหมือได้ยินเสียงเปียโนบรรเลงเพลงหวานซักหน่อย ไม่ใช่ธุระเพลงชาติยังไม่จบดี ใบหน้าหวานบึ้งตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ป๊ามองอาการลูกชายคนเดียวแล้วยิ้ม
“จักรยานอยู่ในห้องเก็บของแน่ะ”
“อะไรกันป๊า?”
ซินดื่มนมอย่างไม่แคร์ หากแต่คิ้วกลับขมวดเป็นปมหนักกว่าเดิมเมื่อยังได้ยินเสียงเดินตะโกนเรียกชื่อตัวเองเพี้ยนๆซ้ำๆย้ำๆ
“ไปเถอะซิน ปล่อยให้เรียกอยู่อย่างนี้อารมณ์เสียเปล่าๆนะ”
ป๊าบอกอีกรอบ สายตาลอดผ่านแว่นตากรอบหนาส่งไปยังลูกชายคนเดียวที่ทำหน้าบูดอยู่ตอนนี้ ซินถอยเก้าอี้พร้อมลุกขึ้นอย่างแรง ก่อนป๊าจะได้ยินเสียงประตูตู้เก็บของและเสียงโหวกเหวกโวยวายอย่างยินดีของลูกชายคนข้างบ้าน
“ไปสิไอ้เตี้ย จะดีใจอะไรนักหนาฮะ!”
ซินเรียก ‘เพื่อนบ้านคนใหม่’ด้วยสรรพนามที่เคยชิน นัทหน้าง้ำลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินซินเรียกอย่างนั้น แต่ซักพักก็ต้องกุลีกุจอรีบขี่จักรยานตามคนข้างหน้าไป
ไม่นานนักซินก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของเด็กข้างบ้านคนใหม่อย่างไม่เต็มใจ เริ่มจากการที่นัทเพียรเข็นจักรยานมารอรับอีกคนไปเที่ยวทุกวันอย่างไม่รู้จักเบื่อ คิ้วที่ขมวดเป็นปมแน่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อทุกเช้ากลับกลายเป็นรอยยิ้มกว้างตามแบบผู้เป็นมารดา
“ซินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!”
เสียงคุ้นเคยจะโกนเรียกเป็นครั้งแรกในเช้าวันนี้ ซินวางแก้วนมลงพร้อมยิ้มให้ป๊ากับม๊า
“ไปละนะ”
ก่อนจะวิ่งและคว้าจักรยานคันโปรดที่จอดสแตนด์บายหน้าบ้านออกไปทันที
“ป๊าว่าลูกเราดูมีความสุขขึ้นมั้ย”
ม๊าถามออกมาเบาๆ ป๊าเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมส่งสายตาเห็นด้วยลอดผ่านแว่นสายตาออกไป
“สุดๆ...”
“ซินๆ.. เราจะกลับบ้านมะรืนนี้ละนะ”
นัทออกปากพูดหลังจากที่พวกเค้านั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน มือเล็กกำลังแกะห่อขนมแถมเครื่องประดับอย่างเอาเป็นเอาตาย
“หือ? เหรอ?”
ซินขยับปากพูดออกไปแค่นั้น นัทหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะยื่นแหวนทองคำปลอมที่พึ่งแกะได้ออกมาให้
“อือ แม่จะพาเราไปออสเตรเลีย คงไปอยู่ที่นั่นซักพัก แต่สัญญาว่าจะกลับมาเล่นด้วยทุกซัมเมอร์เลย”
นัทยิ้มเผล่เมื่อซินรับแหวนนั้นไป เด็กชายวัยเจ็ดขวบที่ตอนนี้ฟันขึ้นครบทุกซี่ทำให้ของเสียงคำว่า ‘ซิน’ เป็น ‘ซิน’ ไม่ใช่ ‘ชิน’ เหมือนแต่ก่อน รวมถึงส่วนสูงที่ดูจะขยับขึ้นมาอย่างรวดเร็วในระยะสามเดือนกว่าๆ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เท่ารุ่นพี่ตัวบางข้างๆ ก็ตาม
“ส่วนแหวนนี่ เราให้เป็นสัญญา แล้ววันนึงเราจะมาเอาคืนนะ”
“...อือ เราจะรอ”
นัทขยับตัวเข้าไปชิดรุ่นพี่หน้าหวานก่อนจะฉวยแหวนในมือแล้วสวมลงที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกคนพร้อมฉีกยิ้มกว้าง
“จอง”
คำพูดสั้นๆที่ทำให้ซินรู้สึกร้อนที่หูแปลกๆ ซินกระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย
“อือ”
“นี่ๆ ทำแบบนี้เราด้วยสิ”
นัทจิ้มๆที่ปากก่อนจะยิ้มแบบคาดหวัง ในขณะที่รุ่นพี่หน้าหวานทำหน้างงเต็มที่
“แบบไหน?”
“แบบนี้ไง โถ่!”
เด็กชายวัยเจ็ดขวบส่งเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อยก่อนปีนขึ้นบนตัวคนที่ตัวใหญ่กว่าแล้วประทับริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากบางอย่างถือวิสาสะ
“นี่ไงๆ แบบนี้ โถ่! ซินไม่เทรนด์เลย!”
“...”
“ซิน... หน้าแดงๆ เมาแดดหรอ?”
นัทเขย่าซินเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ”
ซินเบือนหน้าออกไปด้านข้าง ยกนิ้วโป้งเสยผมที่ปรกลงมาตรงหน้าทัดหู
“แบบไหน?”
“แบบที่ทำเมื่อกี๊น่ะ”
“แบบไหน? อ่อ ไอ่ที่เอาปากมาชนๆกันน่ะหรอ โอเคได้ งั้นเราจะทำกะซินคนเดียว”
นัทยิ้มพร้อมพยักหน้าลงอย่างไม่เข้าใจความหมายของการกระทำเมื่อครู่
“ไม่ช๊ายยยย”
ซินร้องเสียงหลง
“อ้าว? ละอะไรล่ะ”
“ไม่ต้องมาทำกะเรา ไม่ต้องไปทำกะคนอื่นด้วย เข้าใจมั้ย”
“โอเคๆ ได้ๆ เราว่าซินหน้าแดงเพิ่มอีกละอ่ะ เมาแดดชัวร์ๆ งั้นกลับบ้านๆ ไปหาป๊าม๊าดีกว่า เราหิ๊วหิว”
นัทลุกขึ้นมาทันทีโดยไม่ลืมเอาห่อขนมที่กินเสร็จแล้วไปทิ้งขยะก่อนจะวิ่งกลับมาเอาจักรยานที่จอดทิ้งไว้แล้วขี่เคียงคู่ไปกับรุ่นพี่ข้างบ้าน
*******
ซินทิ้งปากกาในมือลงก่อนจะฟุบลงบนโต๊ะเขียนแบบอย่างเหนื่อยอ่อน ตาหวานกวาดมองรอบโต๊ะก่อนจะหยุดอยู่ที่สิ่งหนึ่งที่นอนนิ่งอยู่ในกล่องใส ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมมองกล่องนั้นอย่างจริงจังก่อนเผยรอยยิ้มเศร้า
‘...แต่สัญญาว่าจะกลับมาเล่นด้วยทุกซัมเมอร์เลย’
ความทรงจำสมัยเด็กย้อนกลับเข้ามาราวกับวิดิโอที่ฉายซ้ำ ซินฟุบหน้าลงไปอีกครั้งก่อนจะพึมพำเบาๆ
“ไหนว่าจะกลับมาเราไงนัท”
ซินจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นนัทคือตอนที่นัทขึ้นรถไปกับพ่อพร้อมย้ำคำสัญญาเดิมที่บอกว่าจะกลับมาหาทุกซัมเมอร์หากแต่เจ้าตัวไม่เคยคิดที่จะทำตามสัญญา เค้ายังเฝ้ารอเพื่อนบ้านที่กลับกลายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวสมัยประถมคนนั้นอยู่ทุกปี
...จนกระทั่งตอนนี้
ก๊อก ก๊อก
“ซิน.. ทานข้าวลูก”
เสียงใจดีดังขึ้นหลังประตูไม้โอ๊ค ซินตอบกลับเสียงอู้อี้
“ฮะป๊า”
“สวนชั้นสองนะลูก”
เสียงใจดีดังขึ้นอีกครั้ง ซินยกตัวขึ้นมาพร้อมขมวดคิ้วมุ่น หากแต่ปากยังคงขานรับอย่างดี
“ฮะป๊า”
...ไปทำไมสวนชั้นสอง ร้อยวันพันปีไม่เคยเปลี่ยนบรรยากาศกินข้าว?
ซินเก็บดินสอให้เข้าที่เรียบร้อย สายตาเหลือบไปมองกล่องใสแห่งความทรงจำนั้นแวบหนึ่งก่อนดึงยางมัดผมสีน้ำตาลเข้มที่อยู่บนผมออก สยายผมให้ดูไม่ยุ่งจนเกินไปจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปยังห้องอาหารห้องใหม่
สวนชั้นสอง คือ สวนที่ป๊ากับม๊าเนรมิตให้ซินเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อช่วงปีก่อน ตอนที่เค้าบ่นๆว่าอยากได้สวนที่อยู่ใกล้ๆห้องนอนซักสวน เป็นแบบที่ตนเองจัดเอง จากนั้นไม่นานป๊าก็เลียบๆเคียงๆถามลักษณะสวนพร้อมให้ออกแบบสวนให้ดูก่อนจะคว้าแปลนดีไซน์นั้นหายลับไปแล้วเอามาคืนหลังจากที่สวนในภาพวาดนั้นกลายเป็นความจริง
หากแต่วันนี้มันดูเปลี่ยนไป...
โต๊ะดินเนอร์ตัวนั้นมาจากไหน ?
แล้วไหนจะเฟตตูชินีคาโบนารากับผักโขมอบชีสของโปรดของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นอีก
“ป๊า... ม๊า...”
ซินลองเรียกป๊ากับม๊าเสียงแผ่ว สายตาพยายามสอดส่องไปรอบๆหาสิ่งผิดปกติ แต่ไม่เจออะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมยกเว้นโต๊ะตัวนั้นกับกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆซึ่งน่ามาจากยากันยุงแถวนี้
ปัง!
เสียงปิดประตูทำให้ซินหันควับกลับไปมอง ก่อนจะพบผู้ชายหน้าตาไม่คุ้นยืนอยู่พร้อมกล่องใสในมือที่เขาจำได้แม่นว่ามันวางอยู่บนโต๊ะเขียนแบบ
ซินหรี่ตามองผู้มาใหม่ที่ยิ้มกริ่มอยู่ตรงริมประตูนั้นก่อนเอ่ยปากถาม
“นายเป็นใคร?”
ซินภาวนาให้คนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอบว่าเขาไม่ใช่โจร เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเค้าคงต้องเสียสละเฟตตูชินีที่แทนที่มันจะอยู่ในท้องเค้าให้ไปอยู่บนหน้าขรึมๆนั่น
“ขอโทษ... ที่ไม่รักษาสัญญา”
ซินขมวดคิ้วมุ่น ขอโทษทำไม? ใครไม่รักษาสัญญา?
“เรามาเอาแหวนวงนี้คืน”
ชายคนนั้นชูกล่องใสขึ้นมาพร้อมเขย่าเล็กน้อยให้เกิดเสียง
“...นัทเหรอ?”
ซินเค้นเสียงออกไปอย่างยากลำบาก ชายคนตรงหน้ากับนัทเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนเปลี่ยนไปมาก สังเกตได้จากส่วนสูงและขนาดตัวที่แตกต่างกับเขาแบบลิบลับ
“นึกว่าจะจำไม่ได้ซะแล้ว”
รอยยิ้มกว้างถูกเผยขึ้นมาก่อนนัทจะเดินมากอดซินแน่น
“คิดถึงเรามั้ย?”
นัทเอ่ยถามเสียงอู้อี้ ซินยิ้มกว้างอยู่ในอ้อมออกนั่นก่อนจะส่งเสียงผ่านลำคอเบาๆ
“อื้อ”
นัทคลายอ้อมกอดเมื่อได้ยินคำตอบนั้นก่อนลดระดับให้หน้ามาอยู่ระดับเดียวกับซินก่อนประทับริมฝีปากลงไปแบบที่เคยทำเมื่อสิบกว่าปีก่อน
...แผ่วเบา แต่เนิ่นนาน
“เราก็คิดถึงซินเหมือนกัน”
“บอกแล้วไงว่าไม่ให้ทำแบบนี้กะเราอีก”
“ต้องเชื่อด้วยหรอ ก็วันนี้เรารู้ความหมายของมันแล้วนี่นา เราทำอย่างนี้กับซินน่ะถูกแล้ว”
นัทยิ้มแปล้ ซินใช้เวลาประมวลผลข้อความนั้นซักพักก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อรู้สึกถึงอะไรรัดเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย
“หือ... พอดีเลย”
นัทช้อนสายตาขึ้นมามองซินเมื่อสวมแหวนทองคำวงเก่าเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของซินดังเดิม
“...นัทหมายความว่าไง? ที่บอกว่าทำกับเราน่ะถูกแล้ว”
คนวัยอ่อนกว่าไม่ยอมตอบคำถาม หากแต่เดินหายเข้าไปในบ้านก่อนจะออกมาพร้อมกีตาร์ดีดทำนองเพลงพื้นบ้านที่ซินไม่คุ้นหู
“พี่สาวครับ สวัสดีครับพี่ครับ จำน้องชายคนนี้ได้ก่อ จำได้บ่ได้ก็บอกมา ลา ลา... พี่สาวครับ ตอนนี้ผมเป๋นหนุ่มแล้วครับ มีแม่หญิงมาไล่จับ จะยับเอาผมไปเป็นแฟน ลา ลา .. เจอกันเมื่อสองสามปีก่อน ผมยังละอ่อนและซนแก่น ฮักเป๋นพี่สาวบ่ได้เมาเอาเป๋นแฟน พี่ก็ฮักผมเป็นน้องจาย... พี่สาวครับ ตอนนี้ ผมฮักพี่แล้วครับ จะฮักพี่บ่มีหน่าย บ่อยากเป๋นน้องจายแล้วล่ะ...”
นัทจ้องหน้าซินชัดเจนก่อนเอ่ยประโยคสุดท้ายของเพลงออกมา
“ไม่อยากเป็นน้องชายแล้วล่ะ...”
ซินกระพริบตาปริบๆหลังเพลงจบ นัทวางกีตาร์ลงกับพื้นก่อนจะถามใหม่อีกครั้ง
“...ไม่อยากเป็นแค่น้องชายแล้ว ขอเลื่อนขั้นเป็นบอยเฟรนด์ได้มั้ยครับ”
“...”
“ซิน... ?”
“ดะ...ได้”
“ฮะซินว่าไรนะ”
นัทที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายร่างเป็นมนุษย์น้ำแข็งเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก ซินยิ้มแป้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า
“ได้ นัทเลื่อนขั้นจากน้องชายมาเป็นบอยเฟรนด์เราได้”
นัทยิ้มกว้างก่อนจะรวบตัวซินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
“...แต่ขอ’ไรอย่างนึงได้มั้ย”
ซินถามเสียงอู้อี้ นัทคลายอ้อมกอดออกก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“เข้าคลาสร้องเพลงบ้างนะ”
นัททำหน้าง้ำก่อนโอบซินเข้ามาให้อ้อมกอดอีกครั้ง
“พูดความจริงแบบนี้ต้องลงโทษ!”
สิ้นคำ ริมฝีปากบางก็ฉกฉวยริมฝีปากนุ่มก่อนจะค่อยๆช่วงชิมความหวานจากริมฝีปากนั้น
“เรารักนัทนะ..”
“อือ เราก็รักซินเหมือนกัน พี่สาวของนัท”
-YOUAREMYSISTER-
ความคิดเห็น