ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Singular Fiction ] I M P O S S I B L E

    ลำดับตอนที่ #2 : SF - พี่สาวครับ

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 56


    Title : พี่สาวครับ

    Pairing : Nut x Sin

    Author: Kp indigo

    Genre: Romantic

    Author’s note : ชอบเพลงนี้มากค่ะ J เลยอยากให้ทุกๆคนชอบด้วย  ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เคยทำเป็นฉบับโน่ริทมาแล้ววันนี้เลยเอามาในแบบของนัทซินบ้าง

     


     

    คลิกเพื่อเปิดเพลงก่อนเพื่ออรรถรสในการอ่านค่ะ :)





    “โอ๊ยย!”

     

    “อ๊ะ!!!!!”

     

    ตุบ

     

    สองเสียงดังขึ้นพร้อมกันก่อนที่จะมีเสียงสุดท้ายตามมา ซินลุกขึ้นมานั่งยองๆมองหน้าคนที่ทำให้ตัวเองล้มก่อนจะยื่นมือเรียวไปให้

     

    “ลุกขึ้นมาสิแสบ”

     

    ‘แสบ’มองหน้าคู่กรณีก่อนจะยื่นมือไปจับและพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างง่ายดาย

     

    “ขอบคุณฮะพี่จ๋าวววว”

     

    เด็ก ‘แสบ’ ยิ้มโชว์ฟันหลอสองซี่หน้าพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ

     

    “ใครพี่สาวนายฮะ? พี่เป็นผู้ชายนะ”

     

    พี่’ผู้ชาย’กอดอกเชิดหน้าขึ้นพร้อมหรี่ตามองเด็กตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง  เด็ก‘แสบ’ที่ว่ายืนเหวอเมื่อ ‘พี่สาว’คนข้างหน้าบอกเพศที่ขัดกับหน้าตาออกมา

     

    ...ใครจะคิดว่าสวยๆแบบนี้เป็นผู้ชายล่ะ?

     

    “เอ้อ... ฮะ พี่จาย ป๋มชื่อนัทนะฮะ”

     

    “พี่ชื่อซิน ยินดีที่ได้รู้จักนะ อยู่บ้านไหนล่ะ?”

     

    ซินมองตามนิ้วของเพื่อนใหม่ก่อนจะอ้าปากหวอ

     

    “ละ...หลังนี้เหรอ?”

     

    “ฮะ ละชินล่ะ?”

     

    ‘ชิน’ขมวดคิ้วนิดๆแต่ก็ยอมชี้นิ้วไปยังบ้านหลังข้างๆ ซินเบะปากลงอย่างไม่พอใจ ...ไอ้เสียงที่ก่อความรำคาญให้เขาในช่วงสองสามวันมานี่คือไอ้เตี้ยนี่หรอ?

     

    ความรู้สึกดีๆแปรเปลี่ยนเป็นลบทันทีเมื่อรู้ว่าตัวการที่ทำให้เขาหงุดหงิดมาตลอดสามวันนี้คือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

    “อ้อ ฮะ ดีจังเลย บ้านอยู่ใกล้กันเลย”

     

    “นายจะมาอยู่นี่กี่วันน่ะ ?”

     

    คนรักความสงบถามออกมาอย่างไม่เกรงใจ ซินกอดอกอีกครั้งพร้อมมองหน้าเพื่อนบ้านคนใหม่อย่างขอคำตอบ

     

    “จ๋ามเดือน นี่ช่วงชัมเมอร์นะฮะ ดีจัง นัทคิดว่านัทจะไม่มีเพื่อนแล้วนะ นัทมีชินนัทก็อยู่ได้แล่ว”

     

    นัทพูดอย่างร่าเริง ซินทำหน้าแปลกเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายจาก‘ไอ้เตี้ย’ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา ...หัวใจมันเต้นผิดจังหวะแปลกๆนะ

     

    “ชินพานัทไปเที่ยวรอบๆหมูบ้านหน่อยสิ”

     

    นัทหันมามองซินพร้อมส่งสายตาอ้อนๆไปให้ ซินผลักหน้าเล็กที่อยู่ประมานไล่เขาไปไกลๆก่อนจะเปล่งเสียงออกมาชัดเจน

     

    “ไม่!”

     

    “ทำไมอ่ะชิน? นัทพึ่งมาอยู่นะ ชินควรจะเป็นเจ้าบ้านที่ดีพานัทเที่ยวสิ”

     

    “ข้อแรก พี่อายุสิบขวบแล้ว เธอควรเรียกพี่ว่า พี่ซิน ไม่ใช่ ชิน ข้อสอง พี่ไม่ชอบยุ่งกับเด็กที่แหกปากโวยวายแบบเธอ ข้อสามพี่ชอบอยู่คนเดียว ข้อสี่ พี่ไม่ได้เชิญให้เธอมาอยู่กับพี่ซักหน่อย ไม่ใช่ธุระของพี่”

     

    ซินหันเท้าเดินเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว

     

    “พรุ่งนี้แปดโมงเดี๋ยวนัทไปหาที่บ้านชินนะฮะ!! แล้วเราไปเที่ยวกัน”

     

    เสียงแหลมตะโกนดังเข้าไปถึงตัวบ้าน ซินขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินอย่างนั้น

     

    ...ไอ้เตี้ย! นี่แกฟังฉันรู้เรื่องซักนิดมั้ยนะ

     

    “ใครน่ะลูก เด็กที่ไหน”

     

    เสียงใจดีเอ่ยถามเมื่อซินเดินเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

     

    “เด็กข้างบ้านไงป๊า ชื่อนัท”

     

    “แล้วนี่ไปรู้จักกันเมื่อไหร่ล่ะ พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไหนกันล่ะลูก”

     

    “ใครจะไป? ซินไม่ไปอ่ะป๊า น่ารำคาญ”

     

    พูดจบก็เดินกระทิบเท้าปังๆอย่างอารมณ์เสียขึ้นไปด้านบนทันที ไม่นานนักป๊าก็ได้ยินเสียงเปียโนบรรเลงเพลงหวาน ป๊ายิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อลูกชายคนเดียวไม่เอะอะเขวี้ยงปาข้าวของแบบลูกของคนอื่น

     

     

    ****

     

     

    “ชินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!”

     

    เสียงแหลมใสตะโกนขึ้นทันทีหลังจากที่ซินดื่มนม่ได้ก้าวร้าวทำลายข้าวของเหมือได้ยินเสียงเปียโนบรรเลงเพลงหวานซักหน่อย ไม่ใช่ธุระเพลงชาติยังไม่จบดี ใบหน้าหวานบึ้งตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ป๊ามองอาการลูกชายคนเดียวแล้วยิ้ม

     

    “จักรยานอยู่ในห้องเก็บของแน่ะ”

     

    “อะไรกันป๊า?”

     

    ซินดื่มนมอย่างไม่แคร์ หากแต่คิ้วกลับขมวดเป็นปมหนักกว่าเดิมเมื่อยังได้ยินเสียงเดินตะโกนเรียกชื่อตัวเองเพี้ยนๆซ้ำๆย้ำๆ

     

    “ไปเถอะซิน ปล่อยให้เรียกอยู่อย่างนี้อารมณ์เสียเปล่าๆนะ”

     

    ป๊าบอกอีกรอบ สายตาลอดผ่านแว่นตากรอบหนาส่งไปยังลูกชายคนเดียวที่ทำหน้าบูดอยู่ตอนนี้ ซินถอยเก้าอี้พร้อมลุกขึ้นอย่างแรง ก่อนป๊าจะได้ยินเสียงประตูตู้เก็บของและเสียงโหวกเหวกโวยวายอย่างยินดีของลูกชายคนข้างบ้าน

     

    “ไปสิไอ้เตี้ย จะดีใจอะไรนักหนาฮะ!”

     

    ซินเรียก ‘เพื่อนบ้านคนใหม่’ด้วยสรรพนามที่เคยชิน นัทหน้าง้ำลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินซินเรียกอย่างนั้น แต่ซักพักก็ต้องกุลีกุจอรีบขี่จักรยานตามคนข้างหน้าไป

     

    ไม่นานนักซินก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของเด็กข้างบ้านคนใหม่อย่างไม่เต็มใจ เริ่มจากการที่นัทเพียรเข็นจักรยานมารอรับอีกคนไปเที่ยวทุกวันอย่างไม่รู้จักเบื่อ คิ้วที่ขมวดเป็นปมแน่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อทุกเช้ากลับกลายเป็นรอยยิ้มกว้างตามแบบผู้เป็นมารดา

     

    “ซินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!”

     

    เสียงคุ้นเคยจะโกนเรียกเป็นครั้งแรกในเช้าวันนี้ ซินวางแก้วนมลงพร้อมยิ้มให้ป๊ากับม๊า

     

    “ไปละนะ”

     

    ก่อนจะวิ่งและคว้าจักรยานคันโปรดที่จอดสแตนด์บายหน้าบ้านออกไปทันที

     

    “ป๊าว่าลูกเราดูมีความสุขขึ้นมั้ย”

     

    ม๊าถามออกมาเบาๆ ป๊าเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมส่งสายตาเห็นด้วยลอดผ่านแว่นสายตาออกไป

     

    “สุดๆ...”

     

     

    “ซินๆ.. เราจะกลับบ้านมะรืนนี้ละนะ”

     

    นัทออกปากพูดหลังจากที่พวกเค้านั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน มือเล็กกำลังแกะห่อขนมแถมเครื่องประดับอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    “หือ? เหรอ?”

     

    ซินขยับปากพูดออกไปแค่นั้น นัทหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะยื่นแหวนทองคำปลอมที่พึ่งแกะได้ออกมาให้

     

    “อือ แม่จะพาเราไปออสเตรเลีย คงไปอยู่ที่นั่นซักพัก แต่สัญญาว่าจะกลับมาเล่นด้วยทุกซัมเมอร์เลย”

     

    นัทยิ้มเผล่เมื่อซินรับแหวนนั้นไป เด็กชายวัยเจ็ดขวบที่ตอนนี้ฟันขึ้นครบทุกซี่ทำให้ของเสียงคำว่า ‘ซิน’ เป็น ‘ซิน’ ไม่ใช่ ‘ชิน’ เหมือนแต่ก่อน รวมถึงส่วนสูงที่ดูจะขยับขึ้นมาอย่างรวดเร็วในระยะสามเดือนกว่าๆ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เท่ารุ่นพี่ตัวบางข้างๆ ก็ตาม

     

    “ส่วนแหวนนี่ เราให้เป็นสัญญา แล้ววันนึงเราจะมาเอาคืนนะ”

     

    “...อือ เราจะรอ”

     

    นัทขยับตัวเข้าไปชิดรุ่นพี่หน้าหวานก่อนจะฉวยแหวนในมือแล้วสวมลงที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกคนพร้อมฉีกยิ้มกว้าง

     

    “จอง”

     

    คำพูดสั้นๆที่ทำให้ซินรู้สึกร้อนที่หูแปลกๆ ซินกระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย

     

    “อือ”

     

    “นี่ๆ ทำแบบนี้เราด้วยสิ”

     

    นัทจิ้มๆที่ปากก่อนจะยิ้มแบบคาดหวัง ในขณะที่รุ่นพี่หน้าหวานทำหน้างงเต็มที่

     

    “แบบไหน?”

     

    “แบบนี้ไง โถ่!”

     

    เด็กชายวัยเจ็ดขวบส่งเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อยก่อนปีนขึ้นบนตัวคนที่ตัวใหญ่กว่าแล้วประทับริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากบางอย่างถือวิสาสะ

     

    “นี่ไงๆ แบบนี้ โถ่! ซินไม่เทรนด์เลย!”

     

    “...”

     

    “ซิน... หน้าแดงๆ เมาแดดหรอ?”

     

    นัทเขย่าซินเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน

     

    “อย่าทำแบบนี้อีกนะ”

     

    ซินเบือนหน้าออกไปด้านข้าง ยกนิ้วโป้งเสยผมที่ปรกลงมาตรงหน้าทัดหู

     

    “แบบไหน?”

     

    “แบบที่ทำเมื่อกี๊น่ะ”

     

    “แบบไหน? อ่อ ไอ่ที่เอาปากมาชนๆกันน่ะหรอ โอเคได้ งั้นเราจะทำกะซินคนเดียว”

     

    นัทยิ้มพร้อมพยักหน้าลงอย่างไม่เข้าใจความหมายของการกระทำเมื่อครู่

     

    “ไม่ช๊ายยยย”

     

    ซินร้องเสียงหลง

     

    “อ้าว? ละอะไรล่ะ”

     

    “ไม่ต้องมาทำกะเรา ไม่ต้องไปทำกะคนอื่นด้วย เข้าใจมั้ย”

     

    “โอเคๆ ได้ๆ เราว่าซินหน้าแดงเพิ่มอีกละอ่ะ เมาแดดชัวร์ๆ งั้นกลับบ้านๆ ไปหาป๊าม๊าดีกว่า เราหิ๊วหิว”

     

    นัทลุกขึ้นมาทันทีโดยไม่ลืมเอาห่อขนมที่กินเสร็จแล้วไปทิ้งขยะก่อนจะวิ่งกลับมาเอาจักรยานที่จอดทิ้งไว้แล้วขี่เคียงคู่ไปกับรุ่นพี่ข้างบ้าน

     

    *******

     

     

     

    ซินทิ้งปากกาในมือลงก่อนจะฟุบลงบนโต๊ะเขียนแบบอย่างเหนื่อยอ่อน ตาหวานกวาดมองรอบโต๊ะก่อนจะหยุดอยู่ที่สิ่งหนึ่งที่นอนนิ่งอยู่ในกล่องใส ร่างบางค่อยๆลุกขึ้นมาพร้อมมองกล่องนั้นอย่างจริงจังก่อนเผยรอยยิ้มเศร้า

     

    ‘...แต่สัญญาว่าจะกลับมาเล่นด้วยทุกซัมเมอร์เลย’

     

    ความทรงจำสมัยเด็กย้อนกลับเข้ามาราวกับวิดิโอที่ฉายซ้ำ ซินฟุบหน้าลงไปอีกครั้งก่อนจะพึมพำเบาๆ

     

    “ไหนว่าจะกลับมาเราไงนัท”

     

    ซินจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นนัทคือตอนที่นัทขึ้นรถไปกับพ่อพร้อมย้ำคำสัญญาเดิมที่บอกว่าจะกลับมาหาทุกซัมเมอร์หากแต่เจ้าตัวไม่เคยคิดที่จะทำตามสัญญา เค้ายังเฝ้ารอเพื่อนบ้านที่กลับกลายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวสมัยประถมคนนั้นอยู่ทุกปี

     

    ...จนกระทั่งตอนนี้

     

    ก๊อก ก๊อก

     

    “ซิน.. ทานข้าวลูก”

     

    เสียงใจดีดังขึ้นหลังประตูไม้โอ๊ค ซินตอบกลับเสียงอู้อี้

     

    “ฮะป๊า”

     

    “สวนชั้นสองนะลูก”

     

    เสียงใจดีดังขึ้นอีกครั้ง ซินยกตัวขึ้นมาพร้อมขมวดคิ้วมุ่น หากแต่ปากยังคงขานรับอย่างดี

     

    “ฮะป๊า”

     

    ...ไปทำไมสวนชั้นสอง ร้อยวันพันปีไม่เคยเปลี่ยนบรรยากาศกินข้าว?

     

    ซินเก็บดินสอให้เข้าที่เรียบร้อย สายตาเหลือบไปมองกล่องใสแห่งความทรงจำนั้นแวบหนึ่งก่อนดึงยางมัดผมสีน้ำตาลเข้มที่อยู่บนผมออก สยายผมให้ดูไม่ยุ่งจนเกินไปจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปยังห้องอาหารห้องใหม่

     

    สวนชั้นสอง คือ สวนที่ป๊ากับม๊าเนรมิตให้ซินเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อช่วงปีก่อน ตอนที่เค้าบ่นๆว่าอยากได้สวนที่อยู่ใกล้ๆห้องนอนซักสวน เป็นแบบที่ตนเองจัดเอง จากนั้นไม่นานป๊าก็เลียบๆเคียงๆถามลักษณะสวนพร้อมให้ออกแบบสวนให้ดูก่อนจะคว้าแปลนดีไซน์นั้นหายลับไปแล้วเอามาคืนหลังจากที่สวนในภาพวาดนั้นกลายเป็นความจริง

     

    หากแต่วันนี้มันดูเปลี่ยนไป...

     

    โต๊ะดินเนอร์ตัวนั้นมาจากไหน ?

     

    แล้วไหนจะเฟตตูชินีคาโบนารากับผักโขมอบชีสของโปรดของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นอีก

     

    “ป๊า... ม๊า...”

     

    ซินลองเรียกป๊ากับม๊าเสียงแผ่ว สายตาพยายามสอดส่องไปรอบๆหาสิ่งผิดปกติ แต่ไม่เจออะไรที่ผิดแปลกไปจากเดิมยกเว้นโต๊ะตัวนั้นกับกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆซึ่งน่ามาจากยากันยุงแถวนี้

     

    ปัง!

     

    เสียงปิดประตูทำให้ซินหันควับกลับไปมอง ก่อนจะพบผู้ชายหน้าตาไม่คุ้นยืนอยู่พร้อมกล่องใสในมือที่เขาจำได้แม่นว่ามันวางอยู่บนโต๊ะเขียนแบบ

     

    ซินหรี่ตามองผู้มาใหม่ที่ยิ้มกริ่มอยู่ตรงริมประตูนั้นก่อนเอ่ยปากถาม

     

    “นายเป็นใคร?”

     

    ซินภาวนาให้คนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอบว่าเขาไม่ใช่โจร เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเค้าคงต้องเสียสละเฟตตูชินีที่แทนที่มันจะอยู่ในท้องเค้าให้ไปอยู่บนหน้าขรึมๆนั่น

     

    “ขอโทษ... ที่ไม่รักษาสัญญา”

     

    ซินขมวดคิ้วมุ่น ขอโทษทำไม? ใครไม่รักษาสัญญา?

     

    “เรามาเอาแหวนวงนี้คืน”

     

    ชายคนนั้นชูกล่องใสขึ้นมาพร้อมเขย่าเล็กน้อยให้เกิดเสียง

     

    “...นัทเหรอ?”

     

    ซินเค้นเสียงออกไปอย่างยากลำบาก ชายคนตรงหน้ากับนัทเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนเปลี่ยนไปมาก สังเกตได้จากส่วนสูงและขนาดตัวที่แตกต่างกับเขาแบบลิบลับ

     

    “นึกว่าจะจำไม่ได้ซะแล้ว”

     

    รอยยิ้มกว้างถูกเผยขึ้นมาก่อนนัทจะเดินมากอดซินแน่น

     

    “คิดถึงเรามั้ย?”

     

    นัทเอ่ยถามเสียงอู้อี้ ซินยิ้มกว้างอยู่ในอ้อมออกนั่นก่อนจะส่งเสียงผ่านลำคอเบาๆ

     

    “อื้อ”

     

    นัทคลายอ้อมกอดเมื่อได้ยินคำตอบนั้นก่อนลดระดับให้หน้ามาอยู่ระดับเดียวกับซินก่อนประทับริมฝีปากลงไปแบบที่เคยทำเมื่อสิบกว่าปีก่อน

     

    ...แผ่วเบา แต่เนิ่นนาน

     

    “เราก็คิดถึงซินเหมือนกัน”

     

    “บอกแล้วไงว่าไม่ให้ทำแบบนี้กะเราอีก”

     

    “ต้องเชื่อด้วยหรอ ก็วันนี้เรารู้ความหมายของมันแล้วนี่นา เราทำอย่างนี้กับซินน่ะถูกแล้ว”

     

    นัทยิ้มแปล้ ซินใช้เวลาประมวลผลข้อความนั้นซักพักก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อรู้สึกถึงอะไรรัดเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย

     

    “หือ... พอดีเลย”

     

    นัทช้อนสายตาขึ้นมามองซินเมื่อสวมแหวนทองคำวงเก่าเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของซินดังเดิม

     

    “...นัทหมายความว่าไง? ที่บอกว่าทำกับเราน่ะถูกแล้ว”

     

    คนวัยอ่อนกว่าไม่ยอมตอบคำถาม หากแต่เดินหายเข้าไปในบ้านก่อนจะออกมาพร้อมกีตาร์ดีดทำนองเพลงพื้นบ้านที่ซินไม่คุ้นหู

     

    พี่สาวครับ สวัสดีครับพี่ครับ จำน้องชายคนนี้ได้ก่อ จำได้บ่ได้ก็บอกมา ลา ลา... พี่สาวครับ ตอนนี้ผมเป๋นหนุ่มแล้วครับ มีแม่หญิงมาไล่จับ จะยับเอาผมไปเป็นแฟน ลา  ลา .. เจอกันเมื่อสองสามปีก่อน ผมยังละอ่อนและซนแก่น ฮักเป๋นพี่สาวบ่ได้เมาเอาเป๋นแฟน พี่ก็ฮักผมเป็นน้องจาย... พี่สาวครับ ตอนนี้ ผมฮักพี่แล้วครับ จะฮักพี่บ่มีหน่าย บ่อยากเป๋นน้องจายแล้วล่ะ...”

     

    นัทจ้องหน้าซินชัดเจนก่อนเอ่ยประโยคสุดท้ายของเพลงออกมา

     

    “ไม่อยากเป็นน้องชายแล้วล่ะ...”

     

    ซินกระพริบตาปริบๆหลังเพลงจบ นัทวางกีตาร์ลงกับพื้นก่อนจะถามใหม่อีกครั้ง

     

    “...ไม่อยากเป็นแค่น้องชายแล้ว ขอเลื่อนขั้นเป็นบอยเฟรนด์ได้มั้ยครับ”

     

    “...”

     

    “ซิน... ?”

     

    “ดะ...ได้”

     

    “ฮะซินว่าไรนะ”

     

    นัทที่ตอนนี้ดูเหมือนจะกลายร่างเป็นมนุษย์น้ำแข็งเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกัก ซินยิ้มแป้นเมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนตรงหน้า

     

    “ได้ นัทเลื่อนขั้นจากน้องชายมาเป็นบอยเฟรนด์เราได้”

     

    นัทยิ้มกว้างก่อนจะรวบตัวซินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด

     

    “...แต่ขอ’ไรอย่างนึงได้มั้ย”

     

    ซินถามเสียงอู้อี้ นัทคลายอ้อมกอดออกก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

     

    “เข้าคลาสร้องเพลงบ้างนะ”

     

    นัททำหน้าง้ำก่อนโอบซินเข้ามาให้อ้อมกอดอีกครั้ง

     

    “พูดความจริงแบบนี้ต้องลงโทษ!”

     

    สิ้นคำ ริมฝีปากบางก็ฉกฉวยริมฝีปากนุ่มก่อนจะค่อยๆช่วงชิมความหวานจากริมฝีปากนั้น

     

    “เรารักนัทนะ..”

     

    “อือ เราก็รักซินเหมือนกัน พี่สาวของนัท”

     

     

    -YOUAREMYSISTER-

    Calista
     
    Small Grey Outline Pointer
    theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×