ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    knight-errant

    ลำดับตอนที่ #6 : เพรนนิส

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 48


    ห้องขนาดใหญ่ที่ภายในมีโต๊ะประชุมตัวใหญ่อยู่ตรงกลางดูเผินๆราวกับเป็นห้องประชุมห้องประชุมที่จุคนได้ไม่น้อยกว่าร้อยคน บัดนี้ภายในห้องมีคนๆหนึ่งอยู่ เขากำลังรอใครสักคนหรือหลายคนที่จะต้องมาในไม่ช้า



    กระจกเลื่อนที่ทำหน้าที่เป็นประตูห้องเปิดออก ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับมีท่าทางประหลากใจ แล้วกล่าวกับผู้ที่นั่งอยู่ก่อน “ท่านไม่ได้นัดประชุมไว้หรือครับ”



    “นัด สิแต่ยังไม่มา” คนที่ถูกถามยิ้มนิดๆที่มุมปากก่อนจะตอบคำที่ทำให้ผู้ถามต้องขมวดคิ้วด้วยความงุนงง



    “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่น่า” คนที่ยังงงอยู่พึมพำกับตนเองเพราะชินกับภาพที่ในห้องประชุมจะมีสมาชิกหลายสิบคนมารอก่อนเริ่มการประชุมเป็นชั่วโมง แต่คราวนี้กลับไม่มีใครมารออยู่ก่อนเลยแถมยังให้ท่านผู้นี้ต้องรอการประชุมเสียอีก “หรือว่า” เขาพูดขึ้นมาอย่างนึกได้ “ท่านนัดใครสำหรับการประชุมครั้งนี้บ้างครับ”



    คำถามที่ทำให้ชายสูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ยิ้มน้อยๆ และตอบคำถามด้วยความพอใจ “นัดสิ เบญจเสนาของข้า”



    ชายคนเดิมเบิกตากว้างกับคำตอบที่ได้รับ “ประชุมลับหรือ” แล้วเขาก็เดินไปยังที่นั่งใกล้ๆอย่างครุ่นคิด



    เวลาล่วงมาไม่นานนักสมาชิกคนที่สามก็เดินเข้ามาในห้องประชุม และทำท่าทีแปลกใจเช่นเดียวกัน เขาเดินเข้ามาใกล้ๆคนที่ไปนั่งก่อนแล้วจึงนั่งลงข้างๆ



    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น” คำถามถูกยิงไปยังคนที่ยิ้มให้กับการเข้ามาของเพื่อน



    “ท่านเรียกประชุมลับ เบญจเสนา” คำตอบง่ายๆที่ทำให้คนถามต้องตกใจอีกครั้ง



    “มีเรื่องอะไรกันแน่นะ” เขาพึมพำเบาๆกับตัวเองและนั่งเงียบรอสมาชิกผู้เข้าร่วมประชุมที่เหลือ



    เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงห้องก็เริ่มมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคนที่หกของห้องเดินเข้ามาด้วยท่าทางเช่นเดียวกับทุกคน



    ชายที่นั่งรออยู่คนแรกเมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามาครบตามที่ต้องการแล้วจึงเริ่มยืนขึ้นกล่าวเปิดการประชุม



    “สวัสดีทุกคน ตอนนี้คงรู้กันแล้วสินะว่าข้านัดประชุมลับ ดังนั้นเราคงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก มาเริ่มเข้าประเด็นกันดีกว่า” ผู้สูงศักดิ์พูดด้วยท่าทางสบายๆพลางจ้องไปยังสมาชิกทั้งหมดที่มองตรงมาทางเชา



    “ถ้าเดาไม่ผิดคาดว่าท่านคงจะต้องการพูดเรื่องอีเรสกลุ่มหนึ่งที่กำลังก่อความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้” หญิงสาวคนเดียวในห้องพูดเรียบๆ



    “ถูกแล้วรีริกที่รัก” คนที่ยืนอยู่กล่าวท่าทางเป็นกันเอง



    “ท่านต้องการตัวเขาหรือว่าท่านต้องการลงโทษเขาตามกฎกันแน่นะ” ชายวัยกลางคนที่มีผมสีเงินสั้นกล่าวขึ้นอย่างยิ้มๆ



    “ข้าเห็นด้วยกับจายา ข้าคิดว่าท่านอยากได้พวกเขามาคานอำนาจในมือ” ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งข้างๆพูดเรียบ “เพราะข้าก็ต้องการคนมีฝีมืออย่างพวกเขาเช่นกัน” แล้วเสริมคำพูดของตนด้วยรอยยิ้ม



    “นั่นสิ ถ้าได้พวกนั้นมากองกำลังของเราจะแข็งแกร่งขึ้นแน่ๆ” คราวนี้ชายหนุ่มที่ดูเหมือนว่าจะอายุน้อยที่สุดกล่าวขึ้น เขามีผมสีน้ำเงินยาวแต่ถูกมัดอย่างลวกๆไว้ด้านหลัง



    “แต่ข้าว่าถึงกองกำลังจะแข็งแกร่งขึ้นเราก็คงมีเรื่องยุ่งตามมาอีกเยอะ” ชายคนสุดท้ายที่เงียบอยู่พูดเสริม



    ผู้สูงศักดิ์ของพวกเขาฟังบทสนทนาแล้วก็ยิ้มน้อยๆอย่างพึงพอใจก่อนที่จะกล่าวขึ้นบ้าง “ถูกของพวกเจ้าทุกคนแต่ว่า ข้าไม่ต้องการทั้งหมดหรอก ข้าต้องการเพียงคนเดียวเท่านั้น”คำพูดถูกหยุดไว้แค่นั้นเพื่อเรียกความอยากรู้ในตัวของพวกเขา



    “เอส” ชายผมสีน้ำเงินพูดขึ้น



    “ถูกแล้ว โทนัส ยังคงฉลาดเช่นเดินนะ” คนที่ถูกชมพยักหน้ารับคำชมเล็กน้อยก่อนที่จะให้นายของตนพูดต่ออีกครั้ง “ข้ามีความคิดว่า เอส เป็นคนเดียวที่เหมาะจะมาอยู่กับเรามากกว่าด้านซ้ายนัก เขาเป็นผู้ที่มีฝีมือแต่ไม่ชอบที่จะต้องทำงานจุกจิกกับเรื่องเอกสาร”



    “เรื่องนั้นข้าเห็นด้วย แต่ว่าถ้าเราต้องการที่จะนำเขามาคงจะมีเรื่องกับทางซ้ายอีกเยอะ” จายาเอ่ยเรียบอย่างใช้ความคิด “นอกเสียจากเขาจะเลือกเราเอง”



    “นั่นแหละ ข้าต้องการให้เขาเลือกเรา ดังนั้นข้าจึงมาปรึกษาพวกท่านก่อนที่จะส่งคนไปเชิญเขามา”



    “ข้าแล้วแต่ท่านอยู่แล้ว” จายากล่าว



    “ข้าเห็นด้วยนะ ข้าอยากได้คนเก่ง”รีริกหญิงคนเดียวในห้องประชุมสนับสนุน



    “ทุกท่านมีใครจะคัดค้านหรือไม่” หัวหน้ากล่าวสรุป และรอผลแต่ไม่มีใครคัดค้านความคิดของเขาซึ่งทำให้เขายิ้มด้วยความพึงพอใจเล็กน้อยก่อนที่จะปิดประชุม “ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับอย่างสวัสดิภาพ”



    ...............................................................................................................................



    ห้องทำงานห้องหนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยตู้เอกสาร และมีเอกสารอยู่เต็มตู้เหล่านั้น ไคท์กำลังทำงานของเขาอยู่อย่างขะมักเขม้น แต่เขาก็พบว่าตัวเองทำเอกสารงานหายไปจำนวนมาก “ให้ตายเหอะมันหายไปไหนกันแน่นะ” ไคท์เริ่มหาของนั้นอย่างร้อนรน แต่ก่อนที่เขาจะเจอมันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “เชิญครับ”



    ประตูถูกเปิดออกหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เธอมีผมที่ยาวมากสวมเสื้อโคทตามแบบฉบับของนักฆ่า



    “อะ อรุณสวัสดิ ครับท่าน” ไคท์กล่าวพร้อมกับเดินไปคุกเข่าลงต่อหน้าเธอคนนั้น



    “ตามสบายเถอะ” เสียงหวานนุ่ม แต่แฝงด้วยอำนาจ



    “คะ ครับท่าน” เจ้าของห้องกล่าวอย่างร้อนรนพร้อมกับเหลือบมองคนตรงหน้า ใครจะไปคิดเล่าว่า ผู้ที่เป็นถึงผู้ช่วยของเสนาธิการฝ่ายซ้ายอย่างหล่อนจะลงมาพบเทรนอย่างเขาโดยตรงและอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว



    “ข้า อยากคุยเรื่องอีเรสที่อยู่ในปกครองของท่าน” เธอพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเดินไปนั่งเก้าอี้ของไคท์อย่างถือวิสาสะ



    “ครับ”



    “เบื้องบนมีคำสั่งให้จับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขา นายของข้าสนใจพวกเขาเป็นอย่างมาก ข้าจึงได้รับคำสั่งให้มาดูแลชั่วคราวโดยไม่ให้รู้ดึงฐานะที่แท้จริง ไม่ทราบว่าท่านจะพาข้าไปแนะนำในฐานะเทรนฝึกหัดจากหน่วยอื่นได้หรือไม่” เธอพูดยิ้มๆ



    “คะ ครับ” ไคท์ตอบเสียงสั่น พร้อมกับคิดในใจ ‘พระเจ้า เทรนฝึกหัดหรือ งานนี้ตายแน่’ แล้วเขาก็คิดถึงป่าพิลึกของเอส รสนิยมของเครื่องจักรของเรน หรือแม้กระทั่งความบ้าบิ่นของทีนทำให้ต้องยิ้มแหยอย่างช่วยไม่ได้



    “ถ้าเช่นนั้นข้าอยากจะไปตอนนี้เลยเพื่อไม่ให้เสียเวลา ข้าไม่รู้ว่าพวกฝ่ายขวาจะเริ่มงานเมื่อไหร่”



    .................................................................



    ที่ชายป่า เอสนอนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดิมแต่คราวนี้เขาไม่ได้หลับแต่กำลังคิดถึงความผิดปกติของเพื่อนๆ “ช่วงนี้พวกมันเล่นบ้าอะไรกันอยู่นะ ให้ไปทำงานก็จริงแต่ไม่มีวี่แววว่าจะบังคับให้ไปรายงานตัวหรืออะไรเลย” แล้วเขาก็เหลือบไปมองเห็นแขกที่ไม่พึงประสงค์คนเดิมอีกครั้งกับหญิงสาวแปลกหน้า ‘สาวสวยมาทำอะไรที่นี่น้าหรือพี่ไคท์จะเอาเด็ก’ เอสคิดขำๆก่อนที่จะลุกขึ้นนั่ง



    “หวัดดีฮะ คราวนี้พี่มีอะไรอีกหรือครับ”



    ไคท์บอกไปมารอบๆอย่างหวาดระแวงก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้และแนะนำหญิงสาวที่เดินตามมาข้างหลัง “นี่เป็นเทรนฝึกหัดคนใหม่ที่จะมาดูแลพวกนายชั่วคราว”



    “อ้าว ผมนึกว่าเป็นแฟนพี่ซะอีก” เอสพูดแสร้งทำเสียงประหลาดใจให้คนถูกล้อถีบเข้าให้ “โอ๊ยๆ ผมล้อเล่นขอโทษฮะ” แล้วเอสก็หันไปทางหญิงสาวที่ยืนหัวเราะน้อยๆอยู่ด้านหลังไคท์ “สวัสดีครับผมชื่อเอส ยินดีที่ได้รู้จัก”



    “สวัสดีค่ะคุณเอส ฉันชื่อเพลนนิส เรียกว่าเพลนก็ได้ค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวบ้าง



    “ฮะ จะให้ผมพาไปพบคนอื่นหรือปล่าวครับ” เอสถามพลางเหลือบมองไคท์ที่กำลังหันซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง



    “มันไม่อยู่หรอกพี่วันนี้น่ะ” เอสพูดกลั้วหัวเราะ



    “หุบปากเหอะแก หนอย” ไคท์กัดฟันพูด



    แต่ไม่ทันขาดคำก็มีม้าขนาดยักษ์ที่มีเขาแหลมสองเขา ตัวมีลายเหมือนเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ออกมาแทน ไคท์หน้าซีดพร้อมกับรีบเผ่นออกไปแล้วตะโกนกลับมาบอกเอสว่า “ฝากแนะนำคนอื่นด้วยนะ” ทำเอาเอสตัวดีหัวเราะตัวงอ



    หญิงสาวที่แนะนำตัวเองว่าเพลนมองไปที่ม้าพันธุ์ประหลาดอย่างงุนงง “นี่อะไรหรือคะ”



    “ก็เป็นสัตว์ที่พวกเบื้องบนเคยทดลองแล้วผิดพลาดก็เลยโยนทิ้งไว้แถวนี้น่ะ ผมก็เลยเอามาเลี้ยงซะ ออกจะน่ารักแถมมีประโยชน์หลายอย่างรวมถึงช่วยไล่คนที่ไม่ต้องการพบได้ด้วย” เอสพูดพลางหัวเราะหึหึ



    เพลนทำสีหน้าประหลาดใจ “เบื้องบนหรือคะ”



    “คงงั้นแหละผมไม่ค่อยรู้อะไรนักหรอก แต่เค้าบอกมาอย่างงี้ก็อย่างงี้แล้วกัน” เอสตอบง่าย “ขอให้ผมได้พาคุณไปแนะนำคนอื่นนะครับ”



    “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มและลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอสที่ปัดหญ้าที่ติดตามตัวออก



    ...................................................................



    ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เหล่าคนที่อยู่ในห้องอย่างคานินจึงตอบรับไป “เอสหรอ เข้ามาเดะ”



    “เออ” เอสเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแขกของเขาอีกคนหนึ่ง



    “ใครวะเอส สวยซะด้วย” เรนหยอก



    “ไอ้เวร นี่เทรนฝึกหัดที่ไคท์ฝากมาให้ช่วยแนะนำ”



    “หือ สวัสดีครับ” เรนยิ้มทักทายอย่างสุภาพ



    “ค่ะสวัสดีค่ะ” เธอยิ้มรับ “แล้วท่านอื่นล่ะคะ”



    “นี่คานิน ตัวบ้าเพลงประจำกลุ่ม นี่วิลส์ พวกหายใจเป็นเครื่องจักร แล้วนี่ทีน แม่มดพิษ” หลังจากแนะนำตัวให้เพื่อนๆเสร็จคนแนะนำก็ต้องรับสายตาเขียวปั๊ดจากเพื่อนๆที่เขาแนะนำให้



    “อะ สวัสดีค่ะ” เพรนกล่าวรับยิ้มๆ แล้วก็มองไปรอบๆห้อง “พวกคุณทำงานกันที่นี่หรือคะ”



    “อะ ก็ใช่ฮะ” คานินตอบรับ



    “อ้าวทำไมไม่ไปทำที่ห้องของเทรนละคะ” คำถามที่ทำให้เหล่าสมาชิกในห้องต้องจ้องหน้ากันแล้วยิ้มแห้ง



    “ก็นิดหน่อยฮะ ไม่ต้องสนใจหรอก” คานินหาทางออก



    “อ้าวแล้ว พวกคุณคัดงานกันเองเลยหรือคะ” เพรนทำสีหน้าสงสัย “แล้วเรื่องรายงานตัวล่ะ”



    คานินอึ้ง เขาไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี ถึงคนตรงหน้าจะยังอ่อนประสบการณ์แต่เขาก็เป็นเทรนคนหนึ่งเขาย่อมต้องปกปิดเรื่องที่พวกเขากำลังทำอยู่แน่ๆ



    “ถ้าคุณอยากรู้จะลองอยู่ที่นี่ดูพวกเราทำงานก็ได้นะคะ” ทีนกล่าว คานินเบิกตากว่า แล้วจ้องเธอราวกับจะบอกว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่



    “ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็ดีค่ะ” หญิงสาวตอบ



    “ช่างเธอเถอะน่า ถึงเราจะทำวุ่นแต่ว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ อย่างนี้มันกลับดีซะอีกแผนของนายจะได้เร็วขึ้นไง” ทีนอธิบายให้คานินฟังสองคนเมื่อเพรนเดินไปนั่งยังที่นั่งซึ่งห่างจากพวกเขาพอสมควรแล้ว



    “แต่ว่า” คานินคราง



    “ไม่หรอกน่า เรื่องจะได้ง่ายอย่างที่นายขอบทำไง” คานินทำสีหน้าปลงตกอย่างช่วยไม่ได้



    “เอาเหอะ” แล้วเขาก็เดินไปที่โต๊ะใกล้ๆกับเพรน “วิลส์ นายคิดว่านี่นายจะทำซักกี่วัน” คานินพูดพร้อมกับโยนเอกสารในมือให้วิลส์



    “ขอสองชั่วโมง ตอนทุ่มนึงคืนนี้ละกัน” วิลส์ตอบหลังจากอ่านเอกสารจบ



    “สองชั่วโมง”เสียงเพรนร้องลั่น



    “คุณมีปัญหาอะไรหรือคุณผู้หญิง” คานินพูดกึ่งรำคาญ “ถ้าคุณมีอะไรไม่ถูกใจจะออกไปก็ไม่มีใครห้ามนะ”



    “ไม่ใช่หรอกเพียงแต่พวกเธอจะทำงานที่กำหนดเวลาให้เป็นเดือนภายในสองชั่วโมงจริงๆหรือ”



    “ถ้าคุณยังอยากจะนั่งอยู่ตรงนั้นผมขอให้คุณเงียบแล้วคอยดูเองว่าจะได้หรือไม่ได้” คานินพูดพร้อมกับที่หันไปทางวิลส์แล้วพูดต่อไปว่า “จะเอาอะไรมั๊ย”



    “อือ ขออะไรที่มันเร็วๆซักคันสองคันเอาแบบเร็วต่วนเลยนะเพราะมันอยู่เกือบอีกซีกโลก” วิลส์พูด



    “ได้ รอสักห้านาทีแล้วกัน แล้วเธอล่ะทีน” คานินหันไปมองทีนที่ยังจ้องเอกสารในมืออยู่



    “ชั้นรีดข่าวจากไอ้พวกนี้ได้ขอแค่สามวัน แล้วก็รถยุโรปราคาแพงซักคัน กระเป๋า ของใช้แพงๆด้วย” ทีนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์



    “ได้ แล้วนายล่ะเรน”



    “ไม่มีปัญหา งานแค่นี้สบายๆไม่เกินเที่ยงคืนชั้นกลับมาแน่ ส่วนของก็ไม่ต้องหรอกขอติดรถไอ้วิลส์ไปลงข้างนอกก็พอแล้วไว้ชั้นขี่มอไซด์ไปเอง”



    “ได้ สุดท้ายนายเอส”



    “อ่า เอาเหอะไงก็ได้ ถ้าจะดีขอเครื่องบินเล็กคันนึง แต่แกอย่าโทรมาผิดจังหวะให้ชั้นโดนเตะอีกแล้วกัน” คำพูดที่ทำให้เพื่อนๆในห้องหัวเราะก๊าก



    “เออ ไม่เกินห้านาทีได้แน่ พวกแกไปรอได้เลย” แล้วคานินก็เปิดประตูห้องออกแล้วเดินหายไป



    “ถ้างั้นพวกเราไปบ้างดีกว่า” ทีนบอก



    แล้วทุกคนก็เดินออกจากประตูไปโดยที่มีเพรนนั่งงงอยู่คอยมองตาม



    หลังจากนั้นประมาณห้านาทีคานินก็เดินกลับมาในห้องเมื่อเปิดประตูเขาก็ต้องแปลกใจ “อ้าวไม่ตามพวกนั้นไปดูงานด้วยหรือครับท่านเทรน” คานินพูดประชดคนที่นั่งอยู่ในห้อง แล้วเขาก็ไปนั่งรอที่ที่นั่งตรงข้ามเธอ



    เวลาผ่านไปซักครู่



    “พวกเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่” หญิงสาวเอ่ยปากขึ้นก่อน



    “ทำงานไงครับคุณผู้หญิง” คานินตอบเรียบ



    “งานแล้วทำกันในเวลาแบบนี้น่ะหรือ แล้วใช้เวลาแค่นี้หรือ ไม่น่าเชื่อ”



    “ผมไม่เคยขอให้คุณเชื่ออะไรนะครับ” คานินพูดเรียบ



    เวลาผ่านไปอีกทั้งสองไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่เพรนจ้องคานินอย่างจับผิดอยู่ตลอดเวลา



    หนึ่งทุ่มสิบห้า คานินเหลือบมองนาฬิกาแล้วยิ้มออกมานิดหนึ่งก่อนที่จะยกโทรศัพท์มือถือของเขากดเบอร์ไปหาคนหลงทาง



    “ไง ได้เวลาพอดีมั๊ย”



    “ได้เวลาบ้านแกเดะ เวรเอ๊ย ไอ้เรนดีกว่าตั้งเยอะ” เสียงในโทรศัพท์ตอบ



    “หึหึ แล้วจะให้เอาไง ไว้โทรไปใหม่มั๊ยหรือแกจะจัดการเลย”



    “รอเดี๋ยวนะ ไม่เปลืองตัวค์แกหรอก”



    “ไม่ต้องห่วงนานๆก็ได้ไม่ใช่ตังค์ชั้นหรอกไว้เดี๋ยวค่อยไปเบิก”



    “เวรเอ๊ย เอ้าเสร็จแล้ว บอกทางมา”



    คานินจึงมองในแผนที่ที่อยู่ในมือเขาแล้วบอกทางให้เพื่อนหลงทาง



    “โอเคยัง แล้วต้องโทรไปอีกมั๊ย”



    “ไม่ต้องแล้วตอนออกปีนหน้าต่างลงไปก็ได้ห้องตรงกับประตูหน้าพอดี”



    แล้วคานินก็กดวางสายก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาวที่นั่งงงอยู่แล้วยิ้ม



    “จะมีปัญหาอะไรอีกมั๊ยครับ” คานินถามยิ้มๆ



    หญิงสาวตรงหน้าไม่ตอบคำแต่เธอกลับตั้งคำถามเขาแทน “คุณไปเอาเอกสารมาได้อย่างไรคะ”



    “หือ” แล้วคนตรงหน้าก็หัวเราะหึอย่างกวนประสาทก่อนจะตอบว่า “คุณไม่ต้องไปโทษพี่ไคท์หรอกนะเขาดูแลเอกสารดีอยู่เสมอ และปิดห้องอย่างที่ไม่มีแมลงเข้าไปได้ซักตัวอยู่แล้ว เพียงแต่....”



    “เพียงแต่?”



    “เจ้าหญิงของพวกเรามีความสามารถสูงกว่าที่เขาจะป้องกันได้ก็เท่านั้น” หญิงสาวกัดฟันกรอด



    “แล้วทำไมคุณถึงเรียกเทรนประจำกลุ่มว่าพี่ล่ะ” หลังจากเงียบไปซักพักเธอก็ถามคำถามขึ้นอีก



    “หือ คุณนี่คำถามเยอะจริงนะครับ จะไปแข่งกับเจ้าหนูจำไมหรือ” หญิงสาวถลึงตาจ้องทำให้คานินตอบคำถาม “ครับๆตอบก็ได้ พวกผมเรียกตามทีนน่ะส่วนเรื่องที่ทำไมทีนเรียกอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถรู้ได้”



    หลังจากที่ทั้งสองคุยกันไปนานวิลส์ก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง “หือชั้นมาขัดจังหวะพวกนายหรือปล่าวเนี่ย” แล้วคนขัดจังหวะก็ทำท่าจะเดินกลับออกไป



    “เฮ้ยไอ้บ้า ขัดจังหวะบ้านแกเดะ”คานินตะโกน



    “ล้อเล่นน่าล้อเล่น เอ้าของ” แล้ววิลส์ก็โยนถุงหนังใบเล็กๆที่ภายในบรรจุอะไรบางอย่างอยู่ไปให้คานิน “ที่เหลืองานแก”



    “ไม่จริงน่า” เสียงเพรนชัดขึ้น “คุณทำงานที่กำหนดเวลาให้เป็นเดือนภายในหนึ่งชั่วโมงจริงๆหรือ”



    วิลส์เหลือบตามองนาฬิกา “กลับมาเร็วกว่าที่คิดไว้ชั่วโมงนึงว่ะ ไว้คราวหน้าชั้นจะเอาน้อยกว่านี้” แล้วคนพูดก็นั่งลงข้างๆเพื่อนรักที่กำลังจะลุกเอาของไปส่ง



    “งั้นชั้นหาอันต่อไปนะ” วิลส์พูดกับคานินที่เดินออกนอกห้อง



    “แล้วพวกคุณไม่ได้รายงานเบื้องบนหรือ” อยู่ๆเพรนก็พูดขึ้นทำให้วิลส์ตกใจเล็กน้อย



    “อา ปล่าวหรอก แต่ชั้นว่าพี่ไคท์ก็คงจะรู้แหละว่าพวกเรากำลังทำกันอยู่เพราะเอกสารหายไปงานเสร็จแล้วของก็ไปวางอยู่บนโต๊ะ” คนพูดหัวเราะหึให้กับคนฟังที่มีสีหน้างุนงงสุดขีด



    “ไอ้นี่ดีกว่า คานินกลับมาแล้วหรอทำไมมันเร็วจังวะ” วิลส์พูดกับคนที่เปิดประตูเข้ามาแต่ปรากฏว่าเขาไม่ใช่คานิน “ทีน” หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก



    “ไอ้บ้านั่นมันงี่เง่าเกินทนเลย” ทีนพูดอย่างอารมณ์เสียขณะเดินเข้ามาในห้อง “แค่ใช้หน้าตากับเงินล่อก็ติดกับ”



    “หึหึ แล้วไม่ดีเหรอ จากเดือนเป็นชั่วโมงเลยนะ”



    “ไม่ดี มันไม่สนุกเลยสักนิด” ทีนที่กำลังอารมณ์เสียนั่งลงแทนที่คานิน “หาอันต่อไปที่สนุกๆดีกว่า”



    “งั้นเดี๋ยวชั้นไปอีกทีฝากบอกคานินด้วยว่าไม่ต้องเอาอะไรอีกสักครึ่งชั่วโมงจะบึ่งกลับมา พอดีมีไอ้เจ๊ตเมื่อกี้อยู่” แล้วคนพูดก็เดินออกไป



    “เฮ้อ ไอ้พวกนี้” ทีนว่ายิ้มๆ “ถ้างั้นรอคานินมาแล้วไปอีกทีบ้างดีกว่า”



    “พระเจ้า พวกคุณทำกันจริงๆหรือ” หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามอุธาน



    “อือ รอเดี๋ยวนะขอเขียนรายงานก่อน” ทีนตอบยิ้มๆก่อนที่จะก้มลงเขียนรายงานที่เธอไปสืบข่าวมาเมื่อครู่ เมื่อเขียนเสร็จเธอจึงเงยหน้าขึ้นมาคุยกับคนตรงหน้า



    “อือ ว่าไงล่ะมีอะไรจะถามอะไรอีกหรือปล่าว” ทีนถามเพรน



    “พวกเธอเก่งจริงๆเลย ตั้งแต่เกิดมาชั้นยังไม่เคยเห็นคนที่ทำได้แบบนี้มาก่อน” เพรนว่า



    “ขอบคุณค่ะ” ทีนน้อมรับคำชม



    “แต่คุณยังไม่เห็นฝีมือจริงๆของเอสนี่ไว้เห็นก่อนแล้วคุณค่อยว่ากันอีกที” ทีนพูดยิ้มๆ



    “อ้าวทีนแล้ววิลส์ล่ะ” คานินเอ่ยถาม



    “ไปแล้วเมื่อกี้บอกว่าเดี๋ยวก็กลับ”



    “อือ นั่นรายงานของเธอเหรอทำไมกลับมาเร็วจังล่ะ” คานินจี้ตรงจุด



    “เหอะ บ้าจริง ก็ไอ้หมอนั้นมันงี่เง่า ให้ตายเหอะ” ทีนเริ่มทำท่าจะบ่นแต่คานินขัดไว้ก่อน



    “ถ้างั้นเธอจะไปต่อเลยมั๊ย”



    “ไปสิ หวังว่าคราวนี้คงสนุกกว่าเดิมก็เท่านั้น”



    “อือ แต่นั่นมันงานฆ่านะ”



    “ทำไมล่ะชั้นทำไม่ได้หรอ”



    “ไม่หรอก เพียงแต่เห็นว่าเธอไม่ชอบนี่”



    “ก็นะ จะระบายอารมณ์หน่อย คนอุตส่าห์หวังว่าจะทำอะไรที่มันตื่นเต้น” คานินยิ้มแห้งก่อนที่ทีนจะเดินออกไปอีกครั้งอย่างฉุนเฉียว



    งานในคืนนั้นเสร็จลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงหกโมงเช้าสมาชิกทุกคนจึงแยกย้ายกันไปหาที่นอน ท่ามกลางความทึ่งสุดๆของเพรน



    ...............................................................................................................



    ชายป่า



    “ง่วงชะมัด” เอสเดินโซเซเข้ามาหาที่นอนในที่ประจำของเขา “อ้าว” แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเพราะพบคนคนหนี่งอยู่ที่นั่นก่อน



    “เพรน” เอสเรียกเบา



    “สวัสดีค่ะ” เพรนตอบรับ



    “ทำไมถึงมาอยู่นี่ล่ะ” เอสพูดน้ำเสียงแฝงแววประหลาดใจ



    “ก็ชั้นอยากรู้จักกับสัตว์ในป่านี้บ้างน่ะค่ะ ก็เลยลองเดินมาดูไม่นึกว่าคุณเอสจะมานอนที่นี่ ชั้นรบกวนหรือเปล่าคะ” เพรนพูดเสียงนุ่มพร้อมกับยิ้มให้คู่สนทนา



    “อะ ไม่หรอก” เอสประหลาดใจเพราะมีเธอคนแรกที่สนใจและกล้าที่จะมาที่นี่หลังจากได้เห็นสัตว์อะไรบางอย่างในนี้ไปแล้ว “คุณแน่ใจหรือครับ”



    “แน่ใจค่ะ” เพรนตอบเรียบ แต่ในใจเธอกำลังคิดจะตรวจสอบสัตว์เหล่านี้ที่เบื้องบนนำมาทิ้งไว้



    “ถ้างั้น ขออนุญาตเป็นไกด์นำเที่ยวนะครับ” เอสลุกขึ้นแล้วยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อย



    “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบและลุกขึ้นยืนตามเอส



    ทั้งสองเดินเข้าไปในป่าด้วยกัน สักครู่แต่พวกเขาไม่พบสัตว์ที่ต้องการเลยแม้แต่ตัวเดียว



    “น่าแปลกแฮะปกติมันต้องรีบโผล่มากันนี่” เอสนิ่วหน้าพลางมองหาเพื่อนๆสี่เท้าของเขา “ท่าทางมันจะไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้ามั้งฮะ มันก็เลยไม่ยอมออกมา”



    “อ้าวหรือคะ แล้วจะต้องทำอย่างไรให้พวกเขายอมรับล่ะคะ” เพรนถาม



    “ไม่ทราบสิฮะ ผมว่าถ้าคุณอยากเจอพวกเขาจริงๆคุณคงต้องพยายามอยู่ที่นี่มั้งเผื่อพวกมันจะคุ้นเคยขึ้นบ้าง” เอสตอบพลางทำสีหน้าครุ่นคิด ‘แต่ว่าพวกมันก็ไม่เคยกลัวพี่ไคท์ เรน วิลส์ คานินหรือทีนเลยนี่นา’ เอสเหลือบไปมองผู้หญิงข้างๆ ‘เธอเป็นใครกันแน่’



    “งั้นหรือคะ แล้วทำไมวันนั้นมันถึงออกมาละคะทั้งๆที่ไคท์ก็คงไม่ได้สนิทกับพวกมัน”



    “เรื่องนี้ไม่ทราบครับ” เอสตอบยิ้มๆ “ยังไงก็คงไม่ได้เจอแล้ว ให้ผมไปส่งที่ตึกไหมครับ”



    “อะ ขอบคุณค่ะแต่ไม่เป็นไรดีกว่า”



    ................................................................................................



    งานของพวกเอสดำเนินไปได้เรื่อยๆอย่างที่คานินยังคิดว่ามันเร็วเกินไปด้วยซ้ำ พวกเขาทำงานที่คนอื่นใช้เวลาทำเป็นเดือนๆภายในเวลาไม่กี่วัน และถ้าไม่ต้องเสียเวลาไปรายงานกับไคท์งานก็คงจะไปได้เร็วกว่านี้



    “นี่คานินแกว่าไอ้นี่จะเอาไง” เรนโยนของที่เขาไปขโมยมาให้กับคานิน



    “เออ ไว้เดี๋ยวชั้นเอาไปให้ไคท์เอง” คานินตอบอย่างเบื่อๆ คืนนึงเขาต้องเอาของไปแอบวางไว้ที่โต๊ะของไคท์เป็นสิบรอบ “แกเอารายงานของแกมาด้วย ไม่ต้องเซ็นนะ”



    “เออ ไม่เซ็นอยู่แล้วน่า ถ้าเซ็นก็รับรู้สิว่าทำงาน ให้ไคท์จัดการไปแหละดีแล้ว”



    “ขี้เกียจไปชะมัดเลย ห้องนั้นชั้นเข้าจนจะหลับตาเดินได้อยู่แล้วนะเว้ย” คานินร้องหมายจะไล่ความขี้เกียจ แต่เขาก็ต้องชะงักเพราะเพรนที่อยู่ตรงข้ามเขายิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ให้ฉันเป็นคนเซ็นรับทราบไหมคะ”



    “หือ เธอว่าไงนะ” คานินพูดซ้ำ



    “ชั้นก็เป็นเทรนนี่คะถึงจะยังอยู่ในช่วงฝึกหัดก็ตามที ชั้นจัดการไอ้พวกนั้นได้นะ” เพรนยิ้ม



    “หือ เอางั้น”



    “ค่ะ ยินดีช่วยเสมอค่ะ”



    “เธอคิดยังไงกันแน่เดี๋ยวก็โดนเบื้องบนซิวหรอก”



    “เอ่อ ชั้นไม่คิดอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่ว่าไม่อยากอยู่เฉยๆ แล้วอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรชั้นช่วยได้เสมอค่ะ อีกอย่างนึงขอให้ชั้นได้ทำงานประสานงานแทนคุณคานินได้มั๊ยคะ ถึงจะจัดหาพาหนะได้ไม่เร็วเท่าคุณคานิน กะเวลาโทรไปหาคุณเอสได้ไม่พอดีเท่าคุณเรน แต่ก็จะพยายามค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานพูดเสียงนุ่มน่าฟัง



    ทุกคนจ้องหน้ากันอย่างพิจารณา



    “แกเอาไงคานิน” เรนถาม



    “แล้วแต่พวกแก ชั้นไม่ออกเสียง”



    “งั้น แกเอาไงเอส”



    “หือ ก็ดีนะถ้าเธอจะกะเวลาได้ดีกว่าคานินมัน”



    “แกล่ะวิลส์”



    “ถ้าไอ้คานินกับเอสไม่ขัดชั้นก็โอเค”



    “ทีนล่ะ”



    “หือ ชั้นขัดพวกเธอได้หรือจ๊ะ”



    “เอ่อ” เรนอ้ำอึ้ง “ตามใจพวกนายละกัน” เขายักไหล่นิดๆก่อนที่จะหันไปหาหญิงสาวที่รอคำตอบอยู่ “เพื่อนๆผมเค้าโอเคนะ ถ้าคุณต้องการคุณก็ได้มันตามประสงค์” หญิงสาวยิ้มกว้าง



    “ขอบคุณค่ะ”



    “ถ้างั้นชั้นก็จะได้หางานทำมั่ง ดีกว่ารอพวกนายเฉยๆนิดนึง” คานินพูดพลางขุดลงไปในกองเอกสาร “ไอ้นี่ก็ได้ แต่ชั้นไม่แน่ใจนะว่าจะทำได้อย่างพวกไม่ปกติอย่างพวกแก” คนพูดโดนเขกหัวเข้าไปทีนึง “ไอ้บ้า พวกชั้นก็มนุษย์นะเว้ย” เอสตอบ “แต่ไอ้งานนี่มันให้เวลามาเวอร์เอง แค่ไปฆ่าคนคนเดียวให้เวลามาทำซากอะไรไม่รู้ตั้งเป็นอาทิตย์ มันคงกะให้พักร้อนหลังทำงานด้วยมั้ง”



    คานินยิ้มกับคำพูดของเอสนิดๆ ใจหนึ่งเขาเห็นด้วยกับเอส แต่อีกครึ่งนึงเขาไม่เห็นด้วยเพราะการทำงานที่ดีมันต้องมีการวางแผนเตรียมตัว ไม่ใช่ทำอย่างที่พวกเขาทำโดยให้เหล่าสมาชิกหาทางกันเอาเอง



    “เออ เอาเหอะงานแรกนี่ขอไม่กำหนดเวลานะไว้กลับมาก็รู้เองแหละ” คานินพูดพร้อมก้าวท้าวจะเดินออกไปนอกห้อง “เดี๋ยวค่ะ” เสียงเพรนร้องเรียกขณะที่คานินก้าวเท้าจะออกจากห้องพอดี



    “เอ่อ คุณต้องการอุปกรณ์อะไรไหมคะ”



    “ไม่ต้องหรอกถ้าจะถามไปถามไอ้พวกนั้นดีกว่าชั้นเครียมเองได้”



    “ค่ะ”



    ..............................................................................



    ชายหนุ่มสวมเสื้อโคทสีดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอีเรส แล้วเดินตามโถงทางเดินกว้างตรงไปยังประตูบานใหญ่บานหนึ่งที่เปิดเข้าสู่เวทีแสดงดนตรีแห่งหนึ่งซึ่งกำลังมีการแสดงอยู่



    เสียงประตูถูกเปิด เหล่าคนที่อยู่ในห้องนับพันคนหันหน้ามาดูแขกผู้มาเยือนพลางทำสีหน้าประหลาดใจ



    “สวัสดีครับ ผมไม่อ้อมค้อมนะครับพอดีเวลามันมีค่า ผมจะมาทำลายการแสดงนี้” จบคำเหล่ายามที่อยู่รอบๆห้องก็กรูกันเข้ามาหมายจะจับผู้บุกรุกแต่เป้าหมายที่เคยยืนอยู่หน้าประตูได้หายไปแล้ว เขากำลังเดินตามทางตรงกลางห้องที่นำไปสู่เวทีแสดงซึ่งมีนักแสดงคนหนึ่งแสดงอยู่



    เหล่ายามพากันวิ่งตามจับผู้บุกรุกแต่น่าแปลกนักที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถตามได้ทันทั้งๆที่เห็นเป้าหมายอยู่ตรงหน้าและเขาไม่ได้วิ่งเลยแม้แต่น้อย ผู้บุกรุกเดินท่าทางสบายๆเสียด้วยซ้ำ



    “ทำไม ทำไมตามมันไม่ทัน”



    “พวกนายนี่งี่เง่าจริง” คานินยิ้มเยาะ “ไม่รู้ตัวเลยหรือ ลองมองดูรอบๆสิ”



    ยามเหล่านั้นทำตามที่คานินบอกแล้วพวกเขาก็ต้องแปลกใจที่พบว่าตัวเองยังไม่ได้ขยับจากที่เดิมเลยแม้แต่น้อย “ทำไม” พวกเขาพยายามวิ่งอย่างสุดแรงอีกครั้งแต่ก็ไม่มีประโยชน์ไม่มีใครที่สามารถขยับออกจากจุดนั้นได้



    “ผมจะบอกอะไรให้นะ มนุษย์เราสั่งการอวัยวะส่วนต่างๆด้วยสมอง ถ้าเราบังคับสมองให้คิดว่าสามารถสั่งการแล้วแต่ที่จริงยังนั้นก็จะสามารถทำให้พวกเขาคิดว่าเขาได้ทำสิ่งนั้นไปแล้วและจะคิดว่าทำต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมีใครสักคนเตือนสติ”



    “ไม่จริง แกทำได้ยังไง”



    คานินยิ้มและ เขาชูขลุ่ยคู่มือให้ดูเป็นคำตอบ “รู้จักความสามารถในการใช้เสียงสะกดจิตไหมล่ะ” แล้วเขาก็เดินสบายๆไปหานักดนตรีที่กำลังแสดงอยู่ คานินเดินขึ้นไปบนเวทีช้าๆโดยที่ไม่มีใครขยับตัวพยายามไปห้ามเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าในห้องนั้นไม่มีใครที่สามารถขยับได้แล้วนอกจากคานิน สายตานับพันคู่ของผู้ชมจ้องมองผู้บุกรุกอย่างหวาดกลัว



    “แกจะทำอะไรกับเวทีของชั้น” นักแสดงตะโกนลั่นเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่สามารถขยับตัวได้ตอนนี้



    “ก็ไม่ได้อยากทำอะไรหรอกเพียงแต่ได้รับคำสั่งมาเท่านั้น คงมีคนที่แค้นคุณอยู่มั้ง” พูดจบเขาก็ยกขลุ่ยในมือขึ้นมาเป่า “จะเอายังไงดีล่ะ ตายหรือพิการ ถ้าพิการมันคงทรมานไปหน่อยจะช่วยสงเคราะห์ให้ไปสบายๆละกัน” เพรชฆาตจรดริมฝีปากเข้ากับขลุ่ยแล้วเริ่มบรรเลง เมื่อโน้ตเพลงตัวแรกดังขึ้น



    ‘ให้ตายเหอะนี่มันอะไรกัน’ ตาของผู้ชะตาขาดเริ่มปิดลงอย่างช้าๆ ‘ร่างกายไม่มีแรง’ เขาพยายามจะเปล่งเสียงร้องแต่ปรากฏว่าเขาไม่แม้กระทั่งจะเปิดปากได้ ร่างกายเริ่มไม่มีแรงนักดนตรีล้มลงและตกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ดวงตาปิดสนิท เขาไม่สามารถลืมตาดูโลกได้อีกเป็นครั้งที่สอง



    “เรียบร้อย” คานินลดขลุ่ยลง “เอ่อ ผมยังไม่อยากฆ่าพวกคุณหรอกนะ ถ้าจะกรุณาอยู่เฉยๆให้ผมออกไปละก็จะดีมาก” คำขู่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เพราะยังไงทุกคนในห้องนั้นนอกจากเขาแล้วก็ไม่สามารถขยับตัวได้อยู่ดี



    ...............................................................................



    “กลับมาแล้ว” คานินเปิดประตูห้องแต่เขาพบว่าในห้องมีแต่เอสและเพรนนั่งอยู่เท่านั้น



    “ไงก็เร็วดีนี่ ไม่ถึงชั่วโมงด้วย” เอสล้อ



    “เหรอ “ คานินเหลือบไปดูนาฬิกาพลางยิ้มอย่างยินดี



    “ดีล่ะ ถ้างั้นทำอีกดีกว่า”



    “ไหน ใครนะเคยว่าพวกชั้นบ้า” เอสล้อ



    “เอ ใครล่ะ” คานินแกล้งทำหน้าซื่อไม่สนใจ แล้วก็ตรงไปที่กองเอกสาร “ว่าแต่เพรนกะเวลาเป็นไงมั่ง” คานินถาม เอสหัวเราะนิดๆ “ดีกว่าแกเยอะน่า เธอเก่งสุดๆ พอก้าวเข้าไปก็โทรเลยไม่มีเว้น ดีกว่าไอ้เรนอีกมั้ง”



    “หือ ขนาดนั้น” คานินเลิกคิ้วถาม



    “เออ” เอสตอบเรียบ



    แต่คานินไม่ได้สนใจอะไรเขาเพียงแต่เหลือบมองคนถูกชมแล้วหันกลับมาหาเอกสารอีกครั้ง “นี่อะไรเนี่ย” คานินเห็นเอกสารประหลาดจึงยกขึ้นมาถามเอส



    “หือ ไม่รู้สิ อะไรวะ” เอสทำหน้างง เพราะว่าถ้าดูจากภายนอกก็เหมือนเอกสารชุดอื่นๆคานินจึงยื่นมันให้เขา “อะไรหรอ” เอสรับไปพิจารณา พร้อมกับทำสีหน้ายุ่งๆ “อะไรเนี่ย ทำไมถึงมีงานแบบนี้ด้วยล่ะ เราไม่ใช่ทหารนะ”



    “งานอะไรหรือคะ”เพรนที่มองเห็นความผิดปกติถามขึ้น เอสจึงยื่นเอกสารให้เธอดู



    ‘นี่มันงานของฝ่ายขวา’ เพรนกัดริมฝีปากของหล่อน ‘ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่หรือว่าพวกนั้นเคลื่อนไหวแล้ว แต่ว่า มันเล็งใครไว้กันแน่ คานิน เรน เอส วิลส์ หรือทีน’



    “เป็นยังไงมั่ง” เอสเร่งเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปได้สักครู่



    “เออ คิดว่าคงเป็นความผิดพลาดน่ะค่ะ พวกเราไม่มีกำลังทหารที่จะไปทำลายกองทัพของประเทศทั้งประเทศ” เพรนตอบ ‘มันต้องการให้พวกเขาได้เห็นงานของฝ่ายขวางั้นหรือ คิดหรือว่าจะสำเร็จ’ คิดพร้อมกัดริมฝีปากอันงดงามอีกครั้ง



    “หือ ผิดพลาด” คานินทำเสียงสงสัย



    “ใช่ค่ะ จะลองถามไปยังเบื้องบนดูนะคะ” เพรนตอบ



    “อือ ช่วยหน่อยนะครับ”



    หลังจากที่คานินและเอสเดินออกจากห้องเพื่อไปทำภารกิจที่พวกเขาเลือกเพรนก็ลุกขึ้นยืน “ให้ตายสิไอ้พวกนั้น” แล้วเธอก็เหลือบไปมองนาฬิกาพร้อมกับกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง “ภายในสิบห้านาทีต้องโทรไปหาเอส อีกไม่ถึงสามสิบนาทีทีนและเรนจะกลับมาอีกเป็นรอบที่สอง อีกสี่สิบนาทีวิลส์จะกลับมา ต้องกลับมาภายในสามสิบนาทีสินะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองขณะที่วิ่งออกไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นทางไปเขตอื่น แต่เธอวิ่งไปซักพักก็หยุดลงบริเวณสวนแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนมาใช้ “แคล มานี่” แล้วรถยนต์กันไม่ใหญ่นักก็วิ่งตรงมาหาเธอโดยที่มันไม่มีคนขับ หญิงสาวกระโดดขึ้นรถทันที “ไปตึกใหญ่”



    ไม่นานนักก็มาถึงตึกคู่ตึกหนึ่งที่มีความกว้างและสูงมากตัวตึกถูกทาด้วยสีขาวมีความสูงประมาณ 100 ชั้น หญิงสาวเดินเข้าไปในตึกยามที่อยู่หน้าตึกแสดงความเคารพแต่เธอไม่สนใจ เธอเดินตรงเข้าไปในตึกและวิ่งเข้าลิฟท์ทันทีที่มันเปิดจนเกือบจะชนกับคนที่กำลังจะออกมาจากลิฟท์ “อะ ขอโทษ” เธอกล่าว



    “ขะ ขออภัยครับท่าน” คนที่เกือบถูกชนทำความเคารพ แต่หญิงสาวไม่สนใจรีบเข้าไปในลิฟท์และกดชั้นสูงสุดทันที ลิฟท์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเปิดในชั้นที่เธอต้องการ เพรนเดินเข้าไปในห้องๆเดียวที่มีอยู่ในนั้น ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างง่ายๆ ด้วยพรมสีน้ำเงินน้ำทะเล ไม่มีอุปกรณ์อะไรเป็นพิเศษ มีเพียงโต๊ะทำงานตัวหนึ่งเท่านั้นที่อยู่กลางห้อง หญิงสาวเดินตรงไปที่โต๊ะทันทีเธอนั่งลงแล้วกดรีโมท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ทันที่ที่นิ้วของเธอสัมผัสปุ่มโทรทัศน์เครื่องหนึ่งก็ลอยลงมาจากเพดานเธอกดอีกปุ่มหนึ่งที่เขียนว่า เสนาธิการฝ่ายซ้าย แล้วภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา



    เพรนยืนขึ้นแสดงความเคารพ คนในโทรทัศน์ยิ้มให้ก่อนที่จะบอกให้ทำตัวตามสบาย



    “ชอบคุณค่ะท่าน” หญิงสาวนั่งลงที่เดิม



    “มีเรื่องอะไรหรือ เพรน” ชายในโทรทัศน์ถามน้ำเสียงเอ็นดู



    “เสนาธิการฝ่ายขวาเริ่มเคลื่อนไหวแล้วค่ะท่าน ต้องการให้ดำเนินการต่อไปเลยหรือไม่คะ”



    “อืม ยังดีกว่า ช่วยถ่วงเวลาไว้อีกสักวันสองวันไม่เกินนี้ได้ไหมเพรน”



    “ค่ะท่าน”



    “ดีแล้ว ระวังไว้นะโดยเฉพาะเอส”



    “เอสหรือคะ”



    “ใช่ ชั้นคิดว่าพวกเขาต้องเล็งเอส”



    “รับทราบค่ะ” เมื่อเธอพูดจบก็นึกขึ้นได้ว่าต้องโทรไปหาเอสเธอจึงขออนุญาตนายของเธอแล้วกดโทรศัพท์โทรไปทันที “เอส ถึงแล้วหรือยัง”



    “พอดีเลย เก่งจังเพรน”



    ”อะขอบคุณค่ะ เอ่อ ชั้นจะบอกทางแล้วนะ” แล้วเธอก็เริ่มบอกทางเอสไปเรื่อยๆ “ประตูตรงหน้านะ ตอนกลับต้องโทรหรือเปล่าคะ”



    “ไม่ต้องหรอกฮะ ผมว่าน่าจะจำทางได้”



    “โอเคสวัสดีค่ะ”



    เจ้านายของเธอมองการกระทำเมื่อครู่แล้วก็หัวเราะน้อยๆก่อนที่จะพูดว่า “โชคดีนะเพรนนิส”



    “ค่ะ” แล้วโทรทัศน์ก็ถูกปิดและเลื่อนเข้าไปที่เดิม



    เพรนเหลือบมองนาฬิกา อีกห้านาที เธอรีบวิ่งออกจากห้องเข้าไปในลิฟท์ทันที เธอรีบจนลืมแม้กระทั่งใช้ลิฟท์ส่วนตัว เพรนกดไปที่ชั้นหนึ่ง ลิฟท์เคลื่อนที่ลงอย่างรวดเร็วแต่สำหรับเพรนแล้วลิฟท์เคลื่อนที่ลงช้ายิ่งกว่าช้า “พระเจ้า เร็วๆเข้า” ทันที่ที่ลิฟท์จอดเพรนรีบวิ่งเผ่นออกจากลิฟท์ทันทีโดยไม่ได้แม้กระทั่งจะหันไปขอโทษคนที่เธอเดินชน “แคลๆ มานี่เร็วๆเข้า” เพรนร้อง



    รถคันเดิมวิ่งตรงเข้ามาเพรนไม่รอช้าเธอกระโดดเข้าไปทันทีและสั่งให้มันไปส่งที่ตึกของพวกเอสไม่เกินหนึ่งนาทีเธอก็มาถึง แต่ว่าทีนกำลังเดินเข้าไปในตึกพอดี “แย่แล้ว” หัวสมองของเพรนเริ่มทำงาน “ห้องอยู่ชั้นบนสุด ความสูงขนาดนี้น่าจะปีนขึ้นไปได้แต่ว่าจะเร็วกว่าลิฟท์หรือเปล่า” เธอไม่มีเวลาตัดสินใจแล้ว “แคล ช่วยชั้นหน่อย เปิดระบบพิเศษเลย” เพรนขึ้นไปนั่งบนรถอีกครั้ง ทันใดนั้นรถของเธอก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่างยางล้อหนาขึ้นมีลายดอกมากขึ้นแล้วรถเริ่มถอยหลังห่างออกจากตึกไปเล็กน้อย เพรนเริ่มจ้องที่แผงวัดความเร็วรถ รถของเธอเริ่มเร่งความเร็ว 200 – 300 -400 แล้วรถของเธอก็วิ่งไปตามผนังด้านนอกของตึกก่อนที่จะไปจอดที่ดาดฟ้า เพรนกระโดดลงจากรถ แล้วเธอก็เดินไปที่ขอบดาดฟ้าแล้วกระโดดลงไปเหยียบที่ขอบหน้าต่างก่อนที่จะเปิดเข้าไปในห้องเมื่อเธอหย่อนตัวลงไปในห้องแล้วทีนก็เปิดประตูเข้ามาทันที



    “อ้าว ทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะคะ” ทีนเอ่ยทัก



    “อ้อ พอดีเบื่อๆก็เลยลุกไปดูวิวรอบๆค่ะ”



    “นี่เป็นเอกสารที่สืบมาได้ แล้วก็ขอให้คุณช่วยจัดการกับ...” ทีนบอกเรื่องที่ต้องทำกับเพรน



    “ค่ะ แค่นี้นะคะ”

    .

    “ค่ะ” ทีนยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบเอกสารชุดใหม่แล้วเดินออกจากห้องปล่อยให้เพรนถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่คนเดียว



    .................................................................................................









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×