ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แผนการ
“ไง” เป็นไงมั่งวะเรน
คานินที่นั่งรออยู่นานถามขึ้นหลังจากที่เพื่อนวางโทรศัพท์แล้ว “ได้เรื่องมั๊ย”
“อือ พอได้” เรนตอบท่าทางพึงพอใจ
“ก็เหลือแต่รอผลละนะ” ทีนพูดยิ้มๆ “ถ้างั้นชั้นไปนอนก่อนดีกว่า เดี๋ยวผิวเสีย”
“เชิญเถอะครับคุณหญิง” คานินพูดเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ พร้อมกับที่คุณหญิงของเขาเดินออกจากห้อง
“ถึงจะพูดอย่างงั้นอย่างงี้ก็เหอะ เธอก็ช่วยไอ้เอสมันทุกทีที่เกิดเรื่องละน่า” คานินเสริมเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆเงียบไป
หลายวันต่อมา ไอ้คนขี้เซาก็ยังคงขี้เซาอยู่ และยังนอนสบายในชายป่าโดยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนตึกเลยแม้แต่น้อย
บนตึก ทีนนอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ขณะเดียวกับที่วิลส์เหม่อมองอะไรรอบๆห้องอยู่ด้วยและเรนที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง
เสียงประตูเปิดและคานินเดินเข้ามาในห้อง
“ว่าไง” เรนถามทันทีที่ประตูห้องปิดลง
“ไม่รู้ แต่ชั้นมีข่าวไม่ค่อยดีมาบอก”
“อะไรวะ”
“เมื่อเช้าชั้นเจอไคท์ เค้าบอกว่า ให้พยายามทำสิ่งที่กำลังทำให้สำเร็จ แล้วเค้าก็เล่าเรื่องของเบื้องบนให้ฟัง”
“ไม่จริงน่า เรื่องของเบื้องบนพวกเราไม่มีสิทธิ์รู้”
“ถึงเป็นข่าวร้ายไง” คานินยิ้มเศร้า
“เรื่องที่ว่ามีอะไรบ้าง” ทีนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่วางหนังสือลงแล้วหันมาถาม
“เค้าบอกว่า เบื้องบนที่พวกเราเรียกกันนั้นที่จริงแล้วแบ่งออกเป็นสองส่วนและขึ้นตรงต่อส่วนกลางที่มีจ้าวสูงสุดเป็นคนปกครอง เบื้องบนฝั่งซ้าย ขอเรียกอย่างนี้นะ มีเสธฝ่ายซ้ายดูแลอยู่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทหาร การว่าจ้างงาน และการจัดสรรกำลังคน งานที่พวกเราทำขึ้นตรงกับฝ่ายนี้ หรือจะบอกว่าเทรน อีเรส และโซลทั้งหมดสังกัดอยู่ที่นี่ ถ้าฟังมาถึงตอนนี้ก็จะคิดว่าฝ่ายซ้ายจะกุมอำนาจใช่ไหมล่ะ แต่เราเข้าใจกันผิด เสธผ่ายขวามีอำนาจเช่นกัน เขาดูแลกฎระเบียบต่างๆ อย่างเข้มงวดตรวจตราทุกตารางนิ้วในองค์กรยังได้เลย เสธฝ่ายขวามีกองทัพอยู่ในมือกองทัพที่มีไว้เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายซ้าย โดยมีข้ออ้างบอกว่าใช้กองกำลังนี้ใจการตรวจดูผู้กระทำความผิดและตรวจตราความสงบ” เล่ามาถึงตรงนี้คนเล่าก็กัดฟันกรอด
“แกจะบอกว่า เรื่องที่เราทำส่งไปถึงฝ่ายซ้ายแต่คนที่ต้องการตัวเอสอยู่คือฝ่ายขวา”
“ใช่ และไคท์ก็ทำงานให้กับฝ่ายซ้ายถึงได้ยอมบอกรายละเอียดกับชั้นไง เค้าต้องทำยังไงก็ได้ให้ฝ่ายขวาไม่ได้ตัวเอสไป”
“แล้วจะทำไงต่อดีล่ะ” เรนพูดเสียงครุ่นคิด
“ชั้นคิดว่าถ้าหนีโทษไปเรื่อยๆได้ก็ดีแต่มันเป็นไปไม่ได้ลำพังพวกเราถ่วงเวลาหรือหลบไปเรื่อยๆน่ะ มันคงจะใช้ได้อีกไม่นานดังนั้น”
“ดังนั้น” ทุกคนร้องถามอย่างสงสัย
“เราต้องทำยังไงก็ได้ให้เสธฝ่ายซ้ายลงมาร่วมเกมส์นี้ ทำให้เขาต้องการเอสก่อนที่ฝ่ายขวาจะได้ไป”
“งั้นก็ง่ายสิ ฝ่ายซ้ายต้องการเอสอยู่แล้วถึงได้ส่งไคท์มาทำงาน”
“ไม่ ไคท์ไม่ได้รับคำสั่งมาจากท่านเสนาโดยตรงแต่รับคำสั่งมาจากกลุ่มที่ไคท์สังกัดอยู่ ซึ่งนั่นไม่พอที่จะคานอำนาจของเสธฝ่ายขวาหรอก”
“แต่ถ้าท่านเสธลงมาร่วมเกมส์แล้วยังไงซะสุดท้ายก็ต้องไปข้างบนนั่น” เรนพูดอย่างนึกได้
“ก็ยังดีกว่าโดนลากไปทำโทษละนะ” วิลส์แย้ง
“ไม่หรอก เสธฝ่ายขวาต้องการเอสไปเสริมกำลัง ไปเป็นคนในสังกัดต่างหาก ไม่แน่มันอาจจะต้องการยึดอำนาจการทหารก็ได้”
“แล้วนายใหญ่ไม่ห้ามเรอะ งานนี้ท่านจะได้ลงมาเองน่ะสิ”
“ไม่ห้ามหรอก ถ้ายังมีคนคุมงานให้ แล้วยังไงถึงได้กำลังทหารก็ได้แค่อำนาจ แต่ไม่สามารถคุมองค์กรได้อยู่ดี นายใหญ่มีอะไรมากกว่าที่เรารู้”
“ถ้างั้น งานนี้กว่าจะลากท่านเสธลงมาเล่นเกมส์นี้ได้คงต้องเหนี่อยกันหน่อยล่ะ” วิลส์ทำสีหน้าครุ่นคิด “แล้วแกจะเอาไงวะ”
“ไม่รู้ คงต้องทำงานเอาคะแนนแล้วมั้ง” คานินยักไหล่
หลังจากนั้นไม่นาน
ทีนเดินเข้าห้องมาพร้อมกับในมือหอบถุงอะไรซักอย่างมาด้วย
“ว่าไงได้มั๊ย” คานินเอ่ยถาม
“งานน่ะเหรอ ได้มากกว่าที่ต้องการเยอะ” ทีนทำสีหน้าสยอง
“หมายความว่าไง” แล้วไหนล่ะ พูดจบทีนก็เอาถุงที่หอบมาด้วยวางลงตรงหน้าให้เพื่อนๆที่นั่งอยู่ใจไม่ดี
“อย่าบอกว่าทั้งหมดนี่นะ” เรนถามเสียงไม่แน่ใจ
“เก่ง ใช่แล้วทั้งหมดนี่แหละ” คำตอบที่ทำให้ทุกคนแทบเป็นลม
“งานนี้ไม่ตายก็ใกล้เคียงว่ะ ชั้นไปตามเอสมาให้นะ” เรนพูดพร้อมกับวิ่งออกไปนอกห้อง
“เออ งั้นเราก็มาแบ่งกันบ้าง” คานินพูดพร้อมหยิบเอกสารในถุงออกมาดู
“ว่าแต่ เธอเอามาได้ไงเนี่ย” วิลส์ที่นั่งอยู่เฉยๆถามบ้าง
“ก็แค่เดินเข้าไปในห้องไคท์แล้วเลือกมาแค่นั้นเอง”
“เหอะ แล้วถ้าทำทั้งหมดนี่แล้วไม่รายงาน เบื้องบนก็คงต้องร้อนอาสน์กันบ้างล่ะ” ถ้างั้นเริ่มเลยนะ แกจะเบิกอุปกรณ์มั๊ยคานิน
“ไว้ดูก่อนถ้าต้องใช้ก็จะเบิกให้ แต่ถ้าไคท์ไม่ฆ่าตายซะก่อนนะ” ตานินพูดกลั้วหัวเราะ
วิลส์ยิ้มๆ แล้วหยิบเอกสารออกมาจากถุงอ่านดูซักครู่แล้วก็บอกกับเพื่อนที่นั่งอยู่ว่า
“แกเบิกรถให้คันเดะ แต่ถ้าทำได้ขอคอบเตอร์ก็ดีนะ แถวๆนี้เอง แล้วจะกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง” วิลส์พูด พร้อมกับยื่นเอกสารให้ดู
“ได้ แต่งานนี้กำหนดเวลาให้สองวันแกจะทำภายในชั่วโมงนึงเนี่ยนะ” คานินทำหน้าแหย
“เออ ทำได้แล้วกัน รถจะได้เมื่อไหร่”
“ตอนนี้เลย แกไปรอที่ท่ารถได้เลย ชั้นจะโกงอะไรนิดหน่อยเอง”
“ถ้างั้นชั้นเอามั่ง” ทีนที่นั่งฟังอยู่ยิ้มๆ แล้วหยิบเอกสารออกมาจากถุง อ่านมันสักครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มออกมาอีก ขอสองวันสำหรับงานนี้ คานินติดต่อผู้ว่าจ้างให้ชั้นหน่อยแล้วก็หาพาหนะอะไรก็ได้ที่คิดว่าเร็วๆมาซักอย่างด้วย เอ้อ ชั้นจะขับไปเอง ไม่ต้องเอาคนขับนะ” พูดจบก็ยื่นเอกสารให้ดูบ้าง
“เอากันเข้าไป จะแข่งกันทำลายสถิติรึไงวะ สองเดือนเป็นสองวัน” คานินยิ้มแห้ง แต่ก็รับปากเรื่องอุปกรณ์
ทั้งสามแยกกันไปตามหน้าที่ของตน หลังจากนั้นไม่นานวิลส์และคานินก็ได้พาหนะตามต้องการแล้วไปทำงานอย่างรวดเร็ว
คานินเดินกลับไปที่ห้องเดิม เขาเปิดประตูห้องและต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเรนนั่งอยู่ในห้องคนเดียว
“แล้วไอ้เอสล่ะ”
“ไปทำงาน”
“งาน?”
“เออ ชั้นส่งไปเมื่อกี้ ไอ้นี่แหละ” เรนส่งเอกสารให้คานินดู แล้วคนที่ดูเอกสารอยู่ก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้ามีการบันทึกสถิติการทำงานล่ะก็มันคงเผาสมุดบันทึกทิ้งแล้วเริ่มเขียนใหม่เลยแหละ” คานินพูด เรนยิ้มนิดๆ
“ทีนี้ก็เหลือแกกับชั้น เดี๋ยวชั้นไปเองแกประสานงานอยู่นี่นะ เอ้อแล้วโทรบอกไอ้เอสมันด้วย กะเวลาดีดีล่ะเดี๋ยวโดนมันฆ่าเอา” แล้วคนพูดก็หยิบเอกสารใสถุงออกมาสำหรับตัวเองบ้าง
“ต้องการอุปกรณ์อะไรมั๊ย” คานินถาม
“ไม่ ไปเลยก็ได้ อีกไม่เกินชั่วโมงจะกลับมา ชั้นขี่มอไซด์ไปได้” แล้วคนพูดก็พลันออกจากห้องทันที
“เอ้อ ไอ้พวกนี้” คนที่เหลืออยู่ในห้องเปรยยิ้มๆ
..................................................................................
“ถึงแล้วครับ” นักบินยื่นหน้ามาบอกผู้โดยสารของเขา
“อ๊ะ ขอบคุณ ผมมีเวลาอีกกี่นาที” ผู้โดยสารถามกลับ
“อีกสี่สิบห้านาทีครับ ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มตรง สามทุ่มสีสิบห้าต้องออกจากที่นี่ครับแล้วผมต้องคืนเครื่องตอนสี่ทุ่ม”
“ขอบคุณ” วิลส์เดินออกจากคอบเตอร์แล้ววางแผนการทำงาน “ของอยู่ในห้องจัดแสดง แล้วต้องเอาไปส่งที่องค์กร ไว้ให้ไอ้คานินมันทำให้แล้วกันที่เหลือ”
เขาเดินไปยังขอบดาดฟ้าของพิพิธพันธ์แห่งหนึ่งที่สูงประมาณสามชั้นแต่มีพื้นที่กว้างมาก “ห้องจัดแสดง ชั้นสองปีกตะวันออก” เขาจัดแจงหยิบแท่งทรงกระบอกสีดำออกมาแล้วเล็งมันอย่างเล็งปืนไปทางขอบหน้าต่างที่ยื่นออกมาของพิพิธพันธ์ เชือกเส้นเล็กสีใสถูกยิงออกไปติดกับขอบหน้าต่างนั้นโดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย แล้วเขาก็กระโดดไปตามเชือกเส้นนั้นลงไปยืนบนขอบหน้าต่าง ผู้ที่กำลังจะทำการบุกรุกหยิบที่ตัดกระจกออกมาจากในเสื้อโคทสีดำ ที่เป็นเครื่องแบบขององค์กร
กระจกถูกตัดออกและผู้บุกรุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อเข้าไปข้างในได้แล้วอุปกรณ์ชิ้นต่อไปก็ถูกนำมาใช้ แว่นตาที่หน้าตาคล้ายแว่นดำน้ำอันหนึ่ง
“โอเค ทีนี้ก็ไปทางปีกตะวันออก” คนพูดเดินออกจากห้องไปยังจุดหมายอย่างชำนาญ “ต้องขอบคุณแผนที่ของไอ้คานินมันที่ให้ติดมาดูในเครื่อง” เขาพึมพำกับตนเอง
“ห้องจัดแสดงสี่สามหนึ่งแปด” วิลส์ส่งเสียงพึมพำเบากับตัวเองขณะที่หลบยามที่เดินตรวจตรารอบๆ
หลังจากที่ยามตรวจตราเดินผ่านไปไม่นานนักผู้บุกรุกก็ออกมาจากที่ซ่อนตรงไปยังสถานที่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว “ชิบหายล็อกว่ะ” แล้วก็หยิบแท่งเหล็กสีดำอันเล็กออกมาจากกระเป๋าแล้วทำการสะเดาะกุญแจทันที
กุญแจถูกปลดผู้บุกรุกเดินอย่างอาจหาญเข้าไปในห้องจัดแสดงได้อย่างง่ายดาย
ภายในห้องมีของแสดงอยู่เพียงชิ้นเดียววางอยู่กลางห้องโล่ง แต่แว่นของเอสเตือนให้เขารู้ว่าภายในมีกับดักอยู่มากมายและมีกล้องวงจรปิดอีกด้วย
ผู้บุกรุกครวจสอบการทำงานของกล้องวงจรปิดแล้วเดินเข้าหาของตรงกลางตามทางที่กล้องไม่สามารถเห็นได้ “ที่เหลือคงไม่เป็นไรแล้วมั้ง” วิลส์พูดพลางมองไปยังหน้าต่างของห้องจัดแสดงแล้วยิ้มๆ
เพล้ง ผู้บุรุกทำลายกระจกที่ครอบของที่อยู่กลางห้อง เสียงหวีดเตือนภัยดังขึ้นเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยต่างพากันกรูกันเข้ามาให้ห้องจัดแสดง แต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดอยู่ในห้อง
“มันหนีไปแล้ว” ยามคนหนึ่งตะโกนลั่น “ลองไปตรวจที่หน้าต่างบานนั้น ที่เหลือลงไปดักข้างล่าง”
“ท่านครับพบเชือกสำหรับหนีอยู่ที่หน้าต่างครับ” คนที่ไปตรวจที่หน้าต่างรายงาน
“ทุกคนลงไปข้างล่างปิดถนนทางออกก่อนที่มันจะหนีไปได้” แล้วยามทั้งหมดก็ออกจากห้องไปไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
เวลาผ่านไปซักครู่
“งี่เง่าชะมัด ขนาดใช้มุขเดิมๆแล้วนะ” วิลส์ที่ออกมาจากที่ซ่อนในห้องจัดแสดงบ่น “งานที่ง่ายชะมัดให้มาทำไมวะตั้งสองวัน” แล้วคนพูดก็เดินกลับไปหาคอบเตอร์ที่จอดรออยู่ หลังจากนั้นจึงบินกลับองค์กร
“กี่โมงแล้ว” วิลส์ถามนักบิน
“สะ สามทุ่มครึ่งครับ งานเสร็จแล้วหรือครับ” นักบินทำสีหน้างงๆ
“อือ เสร็จแล้วไปเลย”
..........................................................................................
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นพนักงานใหม่ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่จัดว่าเป็นคนสวยพูดอย่างนอบน้อม
“มาซะดึกเชียวเราจะกลับกันพอดีเลย” ชายคนหนึ่งกล่าวตอบ
“ขออภัยค่ะ คือพอดีเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยค่ะก็เลยมาสาย”
“ถ้าสายกว่านี้ก็คงไม่มีใครอยู่แล้วแหละ อือ ไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้นะ ตอนนี้บริษัทปิดแล้ว”
“จริงหรือคะ แย่แล้วดิฉันยังไม่ได้หาที่พักเลย” หญิงสาวทำสีหน้าเศร้าๆทำให้ชายที่อยู่ตรงหน้าหน้าแดงวาบ
“เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจไปพักที่บ้านผมก่อนก็ได้นะครับ” ชายคนเดิมตอบ
“จริงหรือคะ ไม่รังเกียจหรอกค่ะ ต้องขอบคุณที่กรุณา” หญิงสาวพูดอย่างนอบน้อม ทั้งที่ในใจกลับคิดตรงข้าม ‘ไอ้พวกหัวงูเอ๊ยแล้วจะได้เห็นดีกัน’
..............................................................................................
กรี๊งงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เอสกำลังพยายามหาห้องของเป้าหมายที่เขาต้องฆ่าอยู่ในคฤหาสที่กว้างใหญ่แต่กลับไม่มียามแม้แต่คนเดียว
“อะไรวะ” เอสถาม
“ชั้นกะเวลาไม่เก่งเหมือนเรนมัน ตอนนี้เป็นไงมั่ง” เสียงคานินตอบรับมา
“อ้อ พอดีเลยเป้าหมายอยู่ไหนวะ แล้วทำไมมันไม่มียามซักคน”
“ยามไม่มีหรอก ไอ้เจ้าของคฤหาสนั่นมันเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูง แกระวังตัวด้วยละกัน ส่วนเรื่องห้องก็อยู่ชั้นบนสุดตอนนี้แกอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่ชั้นหนี่ง ไอ้บ้านเวรนี่กว้างเป็นบ้า บันไดยังหาไม่เจอเลย”
“เหอะ” เสียงคานินอุธานแล้วจึงบอกทางให้กับเอส
“ประตูไม้บานใหญ่ๆที่มีลายสิงห์สลักอยู่นั่นแหละ” เอสยืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่งแล้วเขาก็พูดกับคนในโทรศัพท์ “ขอบใจ ที่เหลือชั้นจัดการได้แล้ว เอ้อ ถ้าโทรมาอีกทีตอนกลับจะดีมากเลยว่ะ เพราะชั้นไม่มั่นใจว่าจะหาทางกลับได้” แล้วโทรศัพท์ก็ถูกเก็บลงในกระเป๋าเสื้อโคท
นักฆ่าเปิดประตูห้องเข้าไป
“ใครน่ะ”
“เอ่อ ผมจะมาขอชีวิตคุณครับ ยังไงก็กรุณา”
“หือ มาฆ่าชั้น ตลก”
“ไม่ตลกฮะ ถ้าฆ่าไม่ได้เพื่อนๆผมเอาตายแน่เลย ขอเถอะฮะ”
“นายนี่ตลกดีนะ เอาสิถ้ามั่นใจนักก็เข้ามา”
แสงไฟในห้องสว่างขึ้นเผยให้เห็นร่างของเหยื่อที่สูงโปร่งมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
“ตั้งแต่เกิดมาชั้นยังไม่เคยแพ้ใครเลย หึหึ” แล้วชายร่างสูงก็รุกเข้าหมายจะทำร้ายผู้บุกรุก แต่ว่าลูกเตะที่ถูกส่งออกมาใช้นั้นกลับกวาดถูกแต่อากาศ นักฆ่ากระโดดหลบได้อย่างง่ายดาย
“คุณช้าไปหน่อยฮะ ถ้าเร็วกว่านี้แล้วท่าพื้นฐานดีกว่านี้สักเล็กน้อยก็คงจะถูกหรอก” เอสพูดกับเจ้าของบ้านที่ทำสีหน้างุนงงกับการโจมตพลาดของตัวเอง
“หนอย แก” คนโจมตีพลาดสบถก่อนที่จะรุกโจมตีต่อไป
“สงสัยคู่ต่อสู้ที่ผ่านมาของคุณคงฝีมือเลวร้ายมากแน่ๆเลย ถึงได้แพ้” เอสพูดสบประมาทเข้าอย่างจัง
“ว่าไงนะ” คนโจมตีไม่โดนเริ่มโกรธมากขึ้นเรื่อยๆและรุกโจมตีต่อไปโดยเป้าหมายก็ยังตีหน้าตายราวกับว่าเล่นขายของอยู่กับเด็กห้าขวบ
กรี๊งงงงงงงงงงงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนทำหน้าตายหลบพลาดเป็นครั้งแรกเป็นผลให้ถูกเตะกระเด็นไปติดฝาผนัง
“ไอ้เวร” เอสรับโทรศัพท์
“อ้าว ยังไม่เสร็จหรอ”
“เออ”
“งั้นชั้นวางก่อน”
“ไม่ต้องจะเสร็จแล้วแหละ” จบประโยคมีดสีเงินคู่ใจก็ถูกขว้างออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่คนถูกโจมตียังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“เจ็บชะมัดไอ้เวร”
“หือ ก็แกมัวแต่เล่นอยู่นี่หว่า คนระดับนั้นไม่ถึงนาทีก็จัดการได้แล้ว” เสียงใจโทรศัพท์สมน้ำหน้า
“ชิ เออรีบๆบอกทางออกมาเลย”
“เดี๋ยวก็ให้ออกเองเลยนี่” คำพูดที่ทำให้คนหลงทางต้องทำเสียงเหวอก่อนที่จะยอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้
.....................................................................................
“ทำลายมันเนี่ยนะ” เรนร้องเสียงหลงกับพนักงานที่อยู่ข้างๆ
“ครับ”
“จะทำยังไงวะ” เรนสบถกับตัวเองขณะที่มองไปยังสิ่งที่เขาต้องทำลายมันเป็นอาวุธขนาดยักษ์ที่องค์กรยึดมาได้แต่ฝ่ายเครื่องกลไม่มีปัญญาทำลายและคิดถึงเวลาที่ทางองค์กรกำหนดมาให้ ‘ให้เวลาเป็นเดือนอาจจะเหมาะสมจริงๆก็ได้’ แล้วก็ต้องถอนหายใจพร้อมกับประเมิณอาวุธตรงหน้าด้วยสายตา
“มีไขควงสี่แฉกมั๊ย” เรนหันหน้าไปหาช่างเครื่องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มีครับ” แล้วช่างคนนั้นก็ส่งไขควงให้
เรนรับมาพร้อมกับปีนขึ้นไปยังอาวุธนั่นและเริ่มใช้ใขควงขันที่ปิดแผงวงจรออกมาดู “มิน่าถึงทำลายไม่ได้ มีระบบระเบิดตัวเองด้วย” สีหน้าเริ่มสนุก
“เฮ้ ขอกุญแจปากตายโน๊ตบุ๊กเครื่องนึง แล้วก็กาวลาเท็กซ์ด่วน” เรนตะโกนลงมาข้างล่างทำให้เหล่าพนักงานต้องงุนงงกับของที่เรนขอแต่ก็จัดหามาให้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นประมาณห้านาทีเป็นอย่างมากเอสก็กระโดดลงมา “เสร็จแล้วที่เหลือจะเอาไปทำลายยังไงมันก็ไม่ระเบิดแล้ว”
เหล่าช่างเครื่องต่างพากันงุนงง เรนจึงหัวเราะก่อนที่จะอธิบาย “ไม่มีอะไรมากหรอกในเมื่อมันตั้งระบบระเบิดตัวเองเราก็ส่งไวรัสเข้าไปทำลายซะง่ายๆส่วนเรื่องไฟหรืออะไรที่จะทำให้ไอ้ยักษ์นี่ทำงานได้ก็เอากาวเคลือบซะ เอ้อแล้วไอ้เรื่องแบบนี้ถ้าจะขอความช่วยเหลือน่าจะส่งเรื่องไปทางพวกเกี่ยวกับคอมดีกว่านะ พวกชั้นรับแต่หน้าที่ ฆ่า ขโมย หรือสืบข่าวเท่านั้นแหละ เรื่องแบบนี้ไม่ถนัด” พูดจบเหล่าช่างเครื่องก็ถลึงตาให้กับคำว่าไม่ถนัดของไอ้คนพูด
.....................................................................
ประตูห้องถูกเปิดวิลส์เดินเข้ามาในห้อง
“ไงเรียบร้อย?”คานินเอ่ยทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง
“เออ มีงานไรทำอีกป่าว”
“เฮ้ย อย่าบ้า”
“ไม่บ้าหรอกอยากทำหนุกดี แล้วยังไงก็ต้องช่วยไอ้เอสด้วยนี่” คำตอบที่ทำให้คานินต้องยิ้มแห้งและคิดว่ามันเอาไอ้เอสเป็นข้ออ้างทำงาน
“มีงานไรอีกมั๊ยเนี่ย เพิ่งสามทุ่มสี่สิบห้าเอง หาอะไรทำอีกก็ได้ค่อยนอนตอนกลางวัน” แล้วคนพูดก็เริ่มหางานที่จะทำต่อ
“งึมๆ ไอ้นี่ไว้ให้เอสมันทำ”แล้วก็เปลี่ยนเอกสารในมือ “เอาไอ้นี่ดีกว่า ไปก่อนนะเดี๋ยวมาไม่เกินสองชั่วโมง”
หลังจากที่ประตูถูกปิดตานินก็ต้องถอนหายใจมองตามเพื่อนของเขาไป
“เฮ้อ พวกมันบ้าหรือไงกันนะ”
“ไม่บ้าหรอก” เรนเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่วิลส์เพิ่งปิดลงไป “ไอ้วิลส์มันไปทำงานอีกแล้วหรอ งั้นชั้นหามั่งดีกว่า มีงานไรอีกมั๊ยที่ไม่ใช่พวกสืบข่าวนะ ชั้นทำไม่เป็น”
“มี จะเอา?”
“เออ เอามา” แล้วเรนก็รับเอกสารจากคนพูดมาอ่านดู “อือ ไม่น่านานนะ เตรียมรถให้หน่อยดิแล้วจะรีบกลับ”
“หึ ชั้นว่าแล้วว่าต้องเป็นงี้ก็เลยให้รถรอแกอยู่แล้ว” คานินพูดยิ้มๆ
“เออ” เรนพูดอย่างถูกใจก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
เสียงประตูถูกเปิดอีกครั้งเอสเดินเข้ามาในห้อง
“อ้าวไปไหนกันอีกล่ะ” คนเพิ่งเข้ามาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังจะออกไปข้างนอก
“ทำไอ้นี่” คำตอบที่ทำให้คนถามต้องนิ่วหน้า
“ทำไมมันมีงานให้ทำเยอะจังวะ”
“นั่นสิ” คนถูกถามพูดยิ้มๆแล้วเดินออกจากห้อง
“มันเกิดไรขึ้นวะ”
“ไม่มีอะไรหรอก แกจะไปนอนใช่มะ”
“หือ ไม่อะ นอนมาหลายวันแล้วชักเบลอ ถ้ามีงานเยอะขนาดนั้นแบ่งมาให้ชั้นมั่งเดะ จะได้ยืดเส้นสาย” แล้วคนพูดก็เหลือบไปเห็นถุงเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะพอดี
“วู้ว จะทำกันทั้งปีเลยหรอวะ ไปหามาจากไหนเนี่ย” แล้วก็ไม่ดูแต่ตา ใช้มือต้องด้วยโดยการขุดหางานที่อยากทำ
“ไอ้นี่ดีกว่า จะได้ไปสูดอากาศเย็นในแดนเหนือ เตรียมเจ๊ตให้หน่อยเดะ” เอสพูดกับคนที่กำลังยิ้มแหยอยู่
“ไอ้ได้มันก็ได้อยู่หรอกแต่”
“ไม่ต้องแต่หรอก ถ้าได้ก็ไปเลย” แล้วก็ไม่ว่าเปล่าพลันออกจากห้องไปยังท่าจอดเครื่องอย่างรวดเร็วทำให้คนที่ยังอยู่ในห้องต้องหันมาพิจารณาตัวเองบ้างว่าจัดอยู่ในจำพวกเดียวกับมันหรือเปล่า
...........................................................
หลายวันต่อมางานทั้งหมดที่เอสล้อว่าจะทำทั้งปีกลับเสร็จลงอย่างรวดเร็วทำเอาเหล่าสมาชิกที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำงานไปเท่าไหร่ในหลายวันที่ผ่านมาต้องงงกับฝีมือตัวเอง
“เฮ้ย หมดแล้วหรอ” เรนร้องอย่างงงๆ
“เออ เดะ แล้วแกจะให้มันเหลืออะไรวะ แม่งปีศาจบ้างานเข้าสิงหรอวะสองสามวันนี้” คานินพูดกวนตีน ทำให้เหล่าสมาชิกต้องยิ้มแห้ง
“ถ้างั้นก็ว่างสิ” เอสซึ่งไปติดอยู่พูดอย่างเซ็งๆ
“หือ ไม่ดีหรอ” ทีนพูดล้อ
“ไม่ดีน่าเบื่อออก”
“ถ้างั้นจะไปหามาเพิ่มให้”
“เอาเดะ” คำตอบของเอสที่ทำให้ทุกคนยิ้มแห้ง
....................................................................................
คานินที่นั่งรออยู่นานถามขึ้นหลังจากที่เพื่อนวางโทรศัพท์แล้ว “ได้เรื่องมั๊ย”
“อือ พอได้” เรนตอบท่าทางพึงพอใจ
“ก็เหลือแต่รอผลละนะ” ทีนพูดยิ้มๆ “ถ้างั้นชั้นไปนอนก่อนดีกว่า เดี๋ยวผิวเสีย”
“เชิญเถอะครับคุณหญิง” คานินพูดเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ พร้อมกับที่คุณหญิงของเขาเดินออกจากห้อง
“ถึงจะพูดอย่างงั้นอย่างงี้ก็เหอะ เธอก็ช่วยไอ้เอสมันทุกทีที่เกิดเรื่องละน่า” คานินเสริมเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆเงียบไป
หลายวันต่อมา ไอ้คนขี้เซาก็ยังคงขี้เซาอยู่ และยังนอนสบายในชายป่าโดยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนตึกเลยแม้แต่น้อย
บนตึก ทีนนอนอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ขณะเดียวกับที่วิลส์เหม่อมองอะไรรอบๆห้องอยู่ด้วยและเรนที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง
เสียงประตูเปิดและคานินเดินเข้ามาในห้อง
“ว่าไง” เรนถามทันทีที่ประตูห้องปิดลง
“ไม่รู้ แต่ชั้นมีข่าวไม่ค่อยดีมาบอก”
“อะไรวะ”
“เมื่อเช้าชั้นเจอไคท์ เค้าบอกว่า ให้พยายามทำสิ่งที่กำลังทำให้สำเร็จ แล้วเค้าก็เล่าเรื่องของเบื้องบนให้ฟัง”
“ไม่จริงน่า เรื่องของเบื้องบนพวกเราไม่มีสิทธิ์รู้”
“ถึงเป็นข่าวร้ายไง” คานินยิ้มเศร้า
“เรื่องที่ว่ามีอะไรบ้าง” ทีนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่วางหนังสือลงแล้วหันมาถาม
“เค้าบอกว่า เบื้องบนที่พวกเราเรียกกันนั้นที่จริงแล้วแบ่งออกเป็นสองส่วนและขึ้นตรงต่อส่วนกลางที่มีจ้าวสูงสุดเป็นคนปกครอง เบื้องบนฝั่งซ้าย ขอเรียกอย่างนี้นะ มีเสธฝ่ายซ้ายดูแลอยู่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทหาร การว่าจ้างงาน และการจัดสรรกำลังคน งานที่พวกเราทำขึ้นตรงกับฝ่ายนี้ หรือจะบอกว่าเทรน อีเรส และโซลทั้งหมดสังกัดอยู่ที่นี่ ถ้าฟังมาถึงตอนนี้ก็จะคิดว่าฝ่ายซ้ายจะกุมอำนาจใช่ไหมล่ะ แต่เราเข้าใจกันผิด เสธผ่ายขวามีอำนาจเช่นกัน เขาดูแลกฎระเบียบต่างๆ อย่างเข้มงวดตรวจตราทุกตารางนิ้วในองค์กรยังได้เลย เสธฝ่ายขวามีกองทัพอยู่ในมือกองทัพที่มีไว้เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับฝ่ายซ้าย โดยมีข้ออ้างบอกว่าใช้กองกำลังนี้ใจการตรวจดูผู้กระทำความผิดและตรวจตราความสงบ” เล่ามาถึงตรงนี้คนเล่าก็กัดฟันกรอด
“แกจะบอกว่า เรื่องที่เราทำส่งไปถึงฝ่ายซ้ายแต่คนที่ต้องการตัวเอสอยู่คือฝ่ายขวา”
“ใช่ และไคท์ก็ทำงานให้กับฝ่ายซ้ายถึงได้ยอมบอกรายละเอียดกับชั้นไง เค้าต้องทำยังไงก็ได้ให้ฝ่ายขวาไม่ได้ตัวเอสไป”
“แล้วจะทำไงต่อดีล่ะ” เรนพูดเสียงครุ่นคิด
“ชั้นคิดว่าถ้าหนีโทษไปเรื่อยๆได้ก็ดีแต่มันเป็นไปไม่ได้ลำพังพวกเราถ่วงเวลาหรือหลบไปเรื่อยๆน่ะ มันคงจะใช้ได้อีกไม่นานดังนั้น”
“ดังนั้น” ทุกคนร้องถามอย่างสงสัย
“เราต้องทำยังไงก็ได้ให้เสธฝ่ายซ้ายลงมาร่วมเกมส์นี้ ทำให้เขาต้องการเอสก่อนที่ฝ่ายขวาจะได้ไป”
“งั้นก็ง่ายสิ ฝ่ายซ้ายต้องการเอสอยู่แล้วถึงได้ส่งไคท์มาทำงาน”
“ไม่ ไคท์ไม่ได้รับคำสั่งมาจากท่านเสนาโดยตรงแต่รับคำสั่งมาจากกลุ่มที่ไคท์สังกัดอยู่ ซึ่งนั่นไม่พอที่จะคานอำนาจของเสธฝ่ายขวาหรอก”
“แต่ถ้าท่านเสธลงมาร่วมเกมส์แล้วยังไงซะสุดท้ายก็ต้องไปข้างบนนั่น” เรนพูดอย่างนึกได้
“ก็ยังดีกว่าโดนลากไปทำโทษละนะ” วิลส์แย้ง
“ไม่หรอก เสธฝ่ายขวาต้องการเอสไปเสริมกำลัง ไปเป็นคนในสังกัดต่างหาก ไม่แน่มันอาจจะต้องการยึดอำนาจการทหารก็ได้”
“แล้วนายใหญ่ไม่ห้ามเรอะ งานนี้ท่านจะได้ลงมาเองน่ะสิ”
“ไม่ห้ามหรอก ถ้ายังมีคนคุมงานให้ แล้วยังไงถึงได้กำลังทหารก็ได้แค่อำนาจ แต่ไม่สามารถคุมองค์กรได้อยู่ดี นายใหญ่มีอะไรมากกว่าที่เรารู้”
“ถ้างั้น งานนี้กว่าจะลากท่านเสธลงมาเล่นเกมส์นี้ได้คงต้องเหนี่อยกันหน่อยล่ะ” วิลส์ทำสีหน้าครุ่นคิด “แล้วแกจะเอาไงวะ”
“ไม่รู้ คงต้องทำงานเอาคะแนนแล้วมั้ง” คานินยักไหล่
หลังจากนั้นไม่นาน
ทีนเดินเข้าห้องมาพร้อมกับในมือหอบถุงอะไรซักอย่างมาด้วย
“ว่าไงได้มั๊ย” คานินเอ่ยถาม
“งานน่ะเหรอ ได้มากกว่าที่ต้องการเยอะ” ทีนทำสีหน้าสยอง
“หมายความว่าไง” แล้วไหนล่ะ พูดจบทีนก็เอาถุงที่หอบมาด้วยวางลงตรงหน้าให้เพื่อนๆที่นั่งอยู่ใจไม่ดี
“อย่าบอกว่าทั้งหมดนี่นะ” เรนถามเสียงไม่แน่ใจ
“เก่ง ใช่แล้วทั้งหมดนี่แหละ” คำตอบที่ทำให้ทุกคนแทบเป็นลม
“งานนี้ไม่ตายก็ใกล้เคียงว่ะ ชั้นไปตามเอสมาให้นะ” เรนพูดพร้อมกับวิ่งออกไปนอกห้อง
“เออ งั้นเราก็มาแบ่งกันบ้าง” คานินพูดพร้อมหยิบเอกสารในถุงออกมาดู
“ว่าแต่ เธอเอามาได้ไงเนี่ย” วิลส์ที่นั่งอยู่เฉยๆถามบ้าง
“ก็แค่เดินเข้าไปในห้องไคท์แล้วเลือกมาแค่นั้นเอง”
“เหอะ แล้วถ้าทำทั้งหมดนี่แล้วไม่รายงาน เบื้องบนก็คงต้องร้อนอาสน์กันบ้างล่ะ” ถ้างั้นเริ่มเลยนะ แกจะเบิกอุปกรณ์มั๊ยคานิน
“ไว้ดูก่อนถ้าต้องใช้ก็จะเบิกให้ แต่ถ้าไคท์ไม่ฆ่าตายซะก่อนนะ” ตานินพูดกลั้วหัวเราะ
วิลส์ยิ้มๆ แล้วหยิบเอกสารออกมาจากถุงอ่านดูซักครู่แล้วก็บอกกับเพื่อนที่นั่งอยู่ว่า
“แกเบิกรถให้คันเดะ แต่ถ้าทำได้ขอคอบเตอร์ก็ดีนะ แถวๆนี้เอง แล้วจะกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง” วิลส์พูด พร้อมกับยื่นเอกสารให้ดู
“ได้ แต่งานนี้กำหนดเวลาให้สองวันแกจะทำภายในชั่วโมงนึงเนี่ยนะ” คานินทำหน้าแหย
“เออ ทำได้แล้วกัน รถจะได้เมื่อไหร่”
“ตอนนี้เลย แกไปรอที่ท่ารถได้เลย ชั้นจะโกงอะไรนิดหน่อยเอง”
“ถ้างั้นชั้นเอามั่ง” ทีนที่นั่งฟังอยู่ยิ้มๆ แล้วหยิบเอกสารออกมาจากถุง อ่านมันสักครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มออกมาอีก ขอสองวันสำหรับงานนี้ คานินติดต่อผู้ว่าจ้างให้ชั้นหน่อยแล้วก็หาพาหนะอะไรก็ได้ที่คิดว่าเร็วๆมาซักอย่างด้วย เอ้อ ชั้นจะขับไปเอง ไม่ต้องเอาคนขับนะ” พูดจบก็ยื่นเอกสารให้ดูบ้าง
“เอากันเข้าไป จะแข่งกันทำลายสถิติรึไงวะ สองเดือนเป็นสองวัน” คานินยิ้มแห้ง แต่ก็รับปากเรื่องอุปกรณ์
ทั้งสามแยกกันไปตามหน้าที่ของตน หลังจากนั้นไม่นานวิลส์และคานินก็ได้พาหนะตามต้องการแล้วไปทำงานอย่างรวดเร็ว
คานินเดินกลับไปที่ห้องเดิม เขาเปิดประตูห้องและต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเรนนั่งอยู่ในห้องคนเดียว
“แล้วไอ้เอสล่ะ”
“ไปทำงาน”
“งาน?”
“เออ ชั้นส่งไปเมื่อกี้ ไอ้นี่แหละ” เรนส่งเอกสารให้คานินดู แล้วคนที่ดูเอกสารอยู่ก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้ามีการบันทึกสถิติการทำงานล่ะก็มันคงเผาสมุดบันทึกทิ้งแล้วเริ่มเขียนใหม่เลยแหละ” คานินพูด เรนยิ้มนิดๆ
“ทีนี้ก็เหลือแกกับชั้น เดี๋ยวชั้นไปเองแกประสานงานอยู่นี่นะ เอ้อแล้วโทรบอกไอ้เอสมันด้วย กะเวลาดีดีล่ะเดี๋ยวโดนมันฆ่าเอา” แล้วคนพูดก็หยิบเอกสารใสถุงออกมาสำหรับตัวเองบ้าง
“ต้องการอุปกรณ์อะไรมั๊ย” คานินถาม
“ไม่ ไปเลยก็ได้ อีกไม่เกินชั่วโมงจะกลับมา ชั้นขี่มอไซด์ไปได้” แล้วคนพูดก็พลันออกจากห้องทันที
“เอ้อ ไอ้พวกนี้” คนที่เหลืออยู่ในห้องเปรยยิ้มๆ
..................................................................................
“ถึงแล้วครับ” นักบินยื่นหน้ามาบอกผู้โดยสารของเขา
“อ๊ะ ขอบคุณ ผมมีเวลาอีกกี่นาที” ผู้โดยสารถามกลับ
“อีกสี่สิบห้านาทีครับ ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มตรง สามทุ่มสีสิบห้าต้องออกจากที่นี่ครับแล้วผมต้องคืนเครื่องตอนสี่ทุ่ม”
“ขอบคุณ” วิลส์เดินออกจากคอบเตอร์แล้ววางแผนการทำงาน “ของอยู่ในห้องจัดแสดง แล้วต้องเอาไปส่งที่องค์กร ไว้ให้ไอ้คานินมันทำให้แล้วกันที่เหลือ”
เขาเดินไปยังขอบดาดฟ้าของพิพิธพันธ์แห่งหนึ่งที่สูงประมาณสามชั้นแต่มีพื้นที่กว้างมาก “ห้องจัดแสดง ชั้นสองปีกตะวันออก” เขาจัดแจงหยิบแท่งทรงกระบอกสีดำออกมาแล้วเล็งมันอย่างเล็งปืนไปทางขอบหน้าต่างที่ยื่นออกมาของพิพิธพันธ์ เชือกเส้นเล็กสีใสถูกยิงออกไปติดกับขอบหน้าต่างนั้นโดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย แล้วเขาก็กระโดดไปตามเชือกเส้นนั้นลงไปยืนบนขอบหน้าต่าง ผู้ที่กำลังจะทำการบุกรุกหยิบที่ตัดกระจกออกมาจากในเสื้อโคทสีดำ ที่เป็นเครื่องแบบขององค์กร
กระจกถูกตัดออกและผู้บุกรุกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อเข้าไปข้างในได้แล้วอุปกรณ์ชิ้นต่อไปก็ถูกนำมาใช้ แว่นตาที่หน้าตาคล้ายแว่นดำน้ำอันหนึ่ง
“โอเค ทีนี้ก็ไปทางปีกตะวันออก” คนพูดเดินออกจากห้องไปยังจุดหมายอย่างชำนาญ “ต้องขอบคุณแผนที่ของไอ้คานินมันที่ให้ติดมาดูในเครื่อง” เขาพึมพำกับตนเอง
“ห้องจัดแสดงสี่สามหนึ่งแปด” วิลส์ส่งเสียงพึมพำเบากับตัวเองขณะที่หลบยามที่เดินตรวจตรารอบๆ
หลังจากที่ยามตรวจตราเดินผ่านไปไม่นานนักผู้บุกรุกก็ออกมาจากที่ซ่อนตรงไปยังสถานที่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว “ชิบหายล็อกว่ะ” แล้วก็หยิบแท่งเหล็กสีดำอันเล็กออกมาจากกระเป๋าแล้วทำการสะเดาะกุญแจทันที
กุญแจถูกปลดผู้บุกรุกเดินอย่างอาจหาญเข้าไปในห้องจัดแสดงได้อย่างง่ายดาย
ภายในห้องมีของแสดงอยู่เพียงชิ้นเดียววางอยู่กลางห้องโล่ง แต่แว่นของเอสเตือนให้เขารู้ว่าภายในมีกับดักอยู่มากมายและมีกล้องวงจรปิดอีกด้วย
ผู้บุกรุกครวจสอบการทำงานของกล้องวงจรปิดแล้วเดินเข้าหาของตรงกลางตามทางที่กล้องไม่สามารถเห็นได้ “ที่เหลือคงไม่เป็นไรแล้วมั้ง” วิลส์พูดพลางมองไปยังหน้าต่างของห้องจัดแสดงแล้วยิ้มๆ
เพล้ง ผู้บุรุกทำลายกระจกที่ครอบของที่อยู่กลางห้อง เสียงหวีดเตือนภัยดังขึ้นเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยต่างพากันกรูกันเข้ามาให้ห้องจัดแสดง แต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดอยู่ในห้อง
“มันหนีไปแล้ว” ยามคนหนึ่งตะโกนลั่น “ลองไปตรวจที่หน้าต่างบานนั้น ที่เหลือลงไปดักข้างล่าง”
“ท่านครับพบเชือกสำหรับหนีอยู่ที่หน้าต่างครับ” คนที่ไปตรวจที่หน้าต่างรายงาน
“ทุกคนลงไปข้างล่างปิดถนนทางออกก่อนที่มันจะหนีไปได้” แล้วยามทั้งหมดก็ออกจากห้องไปไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
เวลาผ่านไปซักครู่
“งี่เง่าชะมัด ขนาดใช้มุขเดิมๆแล้วนะ” วิลส์ที่ออกมาจากที่ซ่อนในห้องจัดแสดงบ่น “งานที่ง่ายชะมัดให้มาทำไมวะตั้งสองวัน” แล้วคนพูดก็เดินกลับไปหาคอบเตอร์ที่จอดรออยู่ หลังจากนั้นจึงบินกลับองค์กร
“กี่โมงแล้ว” วิลส์ถามนักบิน
“สะ สามทุ่มครึ่งครับ งานเสร็จแล้วหรือครับ” นักบินทำสีหน้างงๆ
“อือ เสร็จแล้วไปเลย”
..........................................................................................
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นพนักงานใหม่ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่จัดว่าเป็นคนสวยพูดอย่างนอบน้อม
“มาซะดึกเชียวเราจะกลับกันพอดีเลย” ชายคนหนึ่งกล่าวตอบ
“ขออภัยค่ะ คือพอดีเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยค่ะก็เลยมาสาย”
“ถ้าสายกว่านี้ก็คงไม่มีใครอยู่แล้วแหละ อือ ไว้ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้นะ ตอนนี้บริษัทปิดแล้ว”
“จริงหรือคะ แย่แล้วดิฉันยังไม่ได้หาที่พักเลย” หญิงสาวทำสีหน้าเศร้าๆทำให้ชายที่อยู่ตรงหน้าหน้าแดงวาบ
“เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจไปพักที่บ้านผมก่อนก็ได้นะครับ” ชายคนเดิมตอบ
“จริงหรือคะ ไม่รังเกียจหรอกค่ะ ต้องขอบคุณที่กรุณา” หญิงสาวพูดอย่างนอบน้อม ทั้งที่ในใจกลับคิดตรงข้าม ‘ไอ้พวกหัวงูเอ๊ยแล้วจะได้เห็นดีกัน’
..............................................................................................
กรี๊งงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่เอสกำลังพยายามหาห้องของเป้าหมายที่เขาต้องฆ่าอยู่ในคฤหาสที่กว้างใหญ่แต่กลับไม่มียามแม้แต่คนเดียว
“อะไรวะ” เอสถาม
“ชั้นกะเวลาไม่เก่งเหมือนเรนมัน ตอนนี้เป็นไงมั่ง” เสียงคานินตอบรับมา
“อ้อ พอดีเลยเป้าหมายอยู่ไหนวะ แล้วทำไมมันไม่มียามซักคน”
“ยามไม่มีหรอก ไอ้เจ้าของคฤหาสนั่นมันเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูง แกระวังตัวด้วยละกัน ส่วนเรื่องห้องก็อยู่ชั้นบนสุดตอนนี้แกอยู่ไหนล่ะ”
“อยู่ชั้นหนี่ง ไอ้บ้านเวรนี่กว้างเป็นบ้า บันไดยังหาไม่เจอเลย”
“เหอะ” เสียงคานินอุธานแล้วจึงบอกทางให้กับเอส
“ประตูไม้บานใหญ่ๆที่มีลายสิงห์สลักอยู่นั่นแหละ” เอสยืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่งแล้วเขาก็พูดกับคนในโทรศัพท์ “ขอบใจ ที่เหลือชั้นจัดการได้แล้ว เอ้อ ถ้าโทรมาอีกทีตอนกลับจะดีมากเลยว่ะ เพราะชั้นไม่มั่นใจว่าจะหาทางกลับได้” แล้วโทรศัพท์ก็ถูกเก็บลงในกระเป๋าเสื้อโคท
นักฆ่าเปิดประตูห้องเข้าไป
“ใครน่ะ”
“เอ่อ ผมจะมาขอชีวิตคุณครับ ยังไงก็กรุณา”
“หือ มาฆ่าชั้น ตลก”
“ไม่ตลกฮะ ถ้าฆ่าไม่ได้เพื่อนๆผมเอาตายแน่เลย ขอเถอะฮะ”
“นายนี่ตลกดีนะ เอาสิถ้ามั่นใจนักก็เข้ามา”
แสงไฟในห้องสว่างขึ้นเผยให้เห็นร่างของเหยื่อที่สูงโปร่งมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
“ตั้งแต่เกิดมาชั้นยังไม่เคยแพ้ใครเลย หึหึ” แล้วชายร่างสูงก็รุกเข้าหมายจะทำร้ายผู้บุกรุก แต่ว่าลูกเตะที่ถูกส่งออกมาใช้นั้นกลับกวาดถูกแต่อากาศ นักฆ่ากระโดดหลบได้อย่างง่ายดาย
“คุณช้าไปหน่อยฮะ ถ้าเร็วกว่านี้แล้วท่าพื้นฐานดีกว่านี้สักเล็กน้อยก็คงจะถูกหรอก” เอสพูดกับเจ้าของบ้านที่ทำสีหน้างุนงงกับการโจมตพลาดของตัวเอง
“หนอย แก” คนโจมตีพลาดสบถก่อนที่จะรุกโจมตีต่อไป
“สงสัยคู่ต่อสู้ที่ผ่านมาของคุณคงฝีมือเลวร้ายมากแน่ๆเลย ถึงได้แพ้” เอสพูดสบประมาทเข้าอย่างจัง
“ว่าไงนะ” คนโจมตีไม่โดนเริ่มโกรธมากขึ้นเรื่อยๆและรุกโจมตีต่อไปโดยเป้าหมายก็ยังตีหน้าตายราวกับว่าเล่นขายของอยู่กับเด็กห้าขวบ
กรี๊งงงงงงงงงงงงงง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนทำหน้าตายหลบพลาดเป็นครั้งแรกเป็นผลให้ถูกเตะกระเด็นไปติดฝาผนัง
“ไอ้เวร” เอสรับโทรศัพท์
“อ้าว ยังไม่เสร็จหรอ”
“เออ”
“งั้นชั้นวางก่อน”
“ไม่ต้องจะเสร็จแล้วแหละ” จบประโยคมีดสีเงินคู่ใจก็ถูกขว้างออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่คนถูกโจมตียังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“เจ็บชะมัดไอ้เวร”
“หือ ก็แกมัวแต่เล่นอยู่นี่หว่า คนระดับนั้นไม่ถึงนาทีก็จัดการได้แล้ว” เสียงใจโทรศัพท์สมน้ำหน้า
“ชิ เออรีบๆบอกทางออกมาเลย”
“เดี๋ยวก็ให้ออกเองเลยนี่” คำพูดที่ทำให้คนหลงทางต้องทำเสียงเหวอก่อนที่จะยอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้
.....................................................................................
“ทำลายมันเนี่ยนะ” เรนร้องเสียงหลงกับพนักงานที่อยู่ข้างๆ
“ครับ”
“จะทำยังไงวะ” เรนสบถกับตัวเองขณะที่มองไปยังสิ่งที่เขาต้องทำลายมันเป็นอาวุธขนาดยักษ์ที่องค์กรยึดมาได้แต่ฝ่ายเครื่องกลไม่มีปัญญาทำลายและคิดถึงเวลาที่ทางองค์กรกำหนดมาให้ ‘ให้เวลาเป็นเดือนอาจจะเหมาะสมจริงๆก็ได้’ แล้วก็ต้องถอนหายใจพร้อมกับประเมิณอาวุธตรงหน้าด้วยสายตา
“มีไขควงสี่แฉกมั๊ย” เรนหันหน้าไปหาช่างเครื่องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มีครับ” แล้วช่างคนนั้นก็ส่งไขควงให้
เรนรับมาพร้อมกับปีนขึ้นไปยังอาวุธนั่นและเริ่มใช้ใขควงขันที่ปิดแผงวงจรออกมาดู “มิน่าถึงทำลายไม่ได้ มีระบบระเบิดตัวเองด้วย” สีหน้าเริ่มสนุก
“เฮ้ ขอกุญแจปากตายโน๊ตบุ๊กเครื่องนึง แล้วก็กาวลาเท็กซ์ด่วน” เรนตะโกนลงมาข้างล่างทำให้เหล่าพนักงานต้องงุนงงกับของที่เรนขอแต่ก็จัดหามาให้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นประมาณห้านาทีเป็นอย่างมากเอสก็กระโดดลงมา “เสร็จแล้วที่เหลือจะเอาไปทำลายยังไงมันก็ไม่ระเบิดแล้ว”
เหล่าช่างเครื่องต่างพากันงุนงง เรนจึงหัวเราะก่อนที่จะอธิบาย “ไม่มีอะไรมากหรอกในเมื่อมันตั้งระบบระเบิดตัวเองเราก็ส่งไวรัสเข้าไปทำลายซะง่ายๆส่วนเรื่องไฟหรืออะไรที่จะทำให้ไอ้ยักษ์นี่ทำงานได้ก็เอากาวเคลือบซะ เอ้อแล้วไอ้เรื่องแบบนี้ถ้าจะขอความช่วยเหลือน่าจะส่งเรื่องไปทางพวกเกี่ยวกับคอมดีกว่านะ พวกชั้นรับแต่หน้าที่ ฆ่า ขโมย หรือสืบข่าวเท่านั้นแหละ เรื่องแบบนี้ไม่ถนัด” พูดจบเหล่าช่างเครื่องก็ถลึงตาให้กับคำว่าไม่ถนัดของไอ้คนพูด
.....................................................................
ประตูห้องถูกเปิดวิลส์เดินเข้ามาในห้อง
“ไงเรียบร้อย?”คานินเอ่ยทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง
“เออ มีงานไรทำอีกป่าว”
“เฮ้ย อย่าบ้า”
“ไม่บ้าหรอกอยากทำหนุกดี แล้วยังไงก็ต้องช่วยไอ้เอสด้วยนี่” คำตอบที่ทำให้คานินต้องยิ้มแห้งและคิดว่ามันเอาไอ้เอสเป็นข้ออ้างทำงาน
“มีงานไรอีกมั๊ยเนี่ย เพิ่งสามทุ่มสี่สิบห้าเอง หาอะไรทำอีกก็ได้ค่อยนอนตอนกลางวัน” แล้วคนพูดก็เริ่มหางานที่จะทำต่อ
“งึมๆ ไอ้นี่ไว้ให้เอสมันทำ”แล้วก็เปลี่ยนเอกสารในมือ “เอาไอ้นี่ดีกว่า ไปก่อนนะเดี๋ยวมาไม่เกินสองชั่วโมง”
หลังจากที่ประตูถูกปิดตานินก็ต้องถอนหายใจมองตามเพื่อนของเขาไป
“เฮ้อ พวกมันบ้าหรือไงกันนะ”
“ไม่บ้าหรอก” เรนเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่วิลส์เพิ่งปิดลงไป “ไอ้วิลส์มันไปทำงานอีกแล้วหรอ งั้นชั้นหามั่งดีกว่า มีงานไรอีกมั๊ยที่ไม่ใช่พวกสืบข่าวนะ ชั้นทำไม่เป็น”
“มี จะเอา?”
“เออ เอามา” แล้วเรนก็รับเอกสารจากคนพูดมาอ่านดู “อือ ไม่น่านานนะ เตรียมรถให้หน่อยดิแล้วจะรีบกลับ”
“หึ ชั้นว่าแล้วว่าต้องเป็นงี้ก็เลยให้รถรอแกอยู่แล้ว” คานินพูดยิ้มๆ
“เออ” เรนพูดอย่างถูกใจก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
เสียงประตูถูกเปิดอีกครั้งเอสเดินเข้ามาในห้อง
“อ้าวไปไหนกันอีกล่ะ” คนเพิ่งเข้ามาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังจะออกไปข้างนอก
“ทำไอ้นี่” คำตอบที่ทำให้คนถามต้องนิ่วหน้า
“ทำไมมันมีงานให้ทำเยอะจังวะ”
“นั่นสิ” คนถูกถามพูดยิ้มๆแล้วเดินออกจากห้อง
“มันเกิดไรขึ้นวะ”
“ไม่มีอะไรหรอก แกจะไปนอนใช่มะ”
“หือ ไม่อะ นอนมาหลายวันแล้วชักเบลอ ถ้ามีงานเยอะขนาดนั้นแบ่งมาให้ชั้นมั่งเดะ จะได้ยืดเส้นสาย” แล้วคนพูดก็เหลือบไปเห็นถุงเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะพอดี
“วู้ว จะทำกันทั้งปีเลยหรอวะ ไปหามาจากไหนเนี่ย” แล้วก็ไม่ดูแต่ตา ใช้มือต้องด้วยโดยการขุดหางานที่อยากทำ
“ไอ้นี่ดีกว่า จะได้ไปสูดอากาศเย็นในแดนเหนือ เตรียมเจ๊ตให้หน่อยเดะ” เอสพูดกับคนที่กำลังยิ้มแหยอยู่
“ไอ้ได้มันก็ได้อยู่หรอกแต่”
“ไม่ต้องแต่หรอก ถ้าได้ก็ไปเลย” แล้วก็ไม่ว่าเปล่าพลันออกจากห้องไปยังท่าจอดเครื่องอย่างรวดเร็วทำให้คนที่ยังอยู่ในห้องต้องหันมาพิจารณาตัวเองบ้างว่าจัดอยู่ในจำพวกเดียวกับมันหรือเปล่า
...........................................................
หลายวันต่อมางานทั้งหมดที่เอสล้อว่าจะทำทั้งปีกลับเสร็จลงอย่างรวดเร็วทำเอาเหล่าสมาชิกที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำงานไปเท่าไหร่ในหลายวันที่ผ่านมาต้องงงกับฝีมือตัวเอง
“เฮ้ย หมดแล้วหรอ” เรนร้องอย่างงงๆ
“เออ เดะ แล้วแกจะให้มันเหลืออะไรวะ แม่งปีศาจบ้างานเข้าสิงหรอวะสองสามวันนี้” คานินพูดกวนตีน ทำให้เหล่าสมาชิกต้องยิ้มแห้ง
“ถ้างั้นก็ว่างสิ” เอสซึ่งไปติดอยู่พูดอย่างเซ็งๆ
“หือ ไม่ดีหรอ” ทีนพูดล้อ
“ไม่ดีน่าเบื่อออก”
“ถ้างั้นจะไปหามาเพิ่มให้”
“เอาเดะ” คำตอบของเอสที่ทำให้ทุกคนยิ้มแห้ง
....................................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น