ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ลอบสังหาร
ในวันที่อากาศดีวันหนึ่ง ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส
เอสนอนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งในสวน
“หวัดดี” แขกที่ไม่คาดฝันเดินเข้ามาขัดจังหวะการนอนอันแสนสงบสุข
“หือ เฮ้ยยยยยยยย พี่ไคท์” เอสร้องลั่นกับคนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่มาหาเขาที่นี่เลยแม้แต่เอสจะไม่ยอมไปรายงานตัวก็ตาม
“มีอะไร ทำยังกับเห็นผี” ไคท์พูดเสียงเรียบแต่หันมองทางซ้ายขวาตรวจดูอะไรบางอย่าง
“อะ มีธุระอะไรหรือครับมาวันนี้”
“มีสิ ถ้าไม่มีชั้นคงไม่มาที่แบบนี้หรอก” ไคท์พูดเสียงเย็น
“แล้วพี่มีอะไรหรือฮะ”
“ชั้นไม่มีหรอก แต่เบื้องบนมี แกไปทำอะไรไว้กันแน่ แล้วก็ไม่มีใครโผล่หัวไปรายงานตัวเลยซักคน” เสียงกัดฟันกรอดดังตามมาจากเสียงตวาดลั่น
‘ซวยแล้วไง’ เอสคิด และพยายามหาทางหนึ
“ตอบมาเดี๋ยวนี้” คนกำลังโกรธไม่ยอมแพ้
“อะ เอ่อ คือว่า” เอสตอบพลางหาทางเอาตัวรอด แล้วสวรรค์ก็ทรงโปรดจนได้ หอยทากยักษ์ของเอสคลานมาอย่างช้าๆพร้อมกับปล่อยเมือกเหนียวสีม่วงอ่อนมาตามทาง
“ว่าไง” ไคท์ถามย้ำอีกครั้ง
“พี่ลองหันไปดูข้างหลังสิฮะ” เอสพูดเสียงเจ้าเล่ห์
“หือ เฮ้ยยยยยยยย” ไคท์ร้องเสียงหลงแล้วรีบเผ่นออกจากบริเวณป่าทันที
“ให้ตายสิ มันออกจะน่ารักขนาดนี้แท้ๆ ช่วยไล่คนที่ไม่ต้องการก็ได้ หึหึ” เอสพูดยิ้มๆ
แล้วหอยทากยักษ์ของเอสก็คลานเข้ามาใกล้ๆเจ้าของ เอสเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆด้วยความรัก “ไง ไอ้ขี้อ้อน” หลังจากเวลาผ่านไปซักพักเอสก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้านุ่ม “ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย แต่ทำตามหน้าที่ก็หาว่าผิด ไม่ทำตามหน้าที่ก็ไม่ได้อีกแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ” เอสพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะหลับไป
................................................................................................
ก็อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงตอบรับของคนที่อยู่ข้างใน “เข้ามาสิ”
เอสกับเรนก้าวเข้าไปในห้องประจำห้องเดิมของวิลส์ ซึ่งมีสมาชิกทั้งสามคนนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว
“ไง มีงานอะไรวะ ต้องไปลากชั้นมาจากที่นอนจนได้” เอสบ่น
“เออ ใช่สิ ชั้นอุตส่าห์เสี่ยงตายเข้าไปลากแกออกมาก็ดีแล้วเว้ย” เรนบ่นเสียงเย็นเยียบ
“ก็มีงานชิ้นใหม่น่ะ แกสนมั๊ยเอส” วิลส์ตอบก่อนที่จะมีสงครามย่อมๆให้ดูกลางห้อง
“งานอะไร ไปคุ้มครองใครอีกไม่เอานะ”
“ก็ลอบสังหารงานถนัดแกไง” คานินตอบบ้าง
“หือ ถ้าไม่มีใครทำก็เอาเดะ” เอสตอบด้วยสีหน้าเรียบ
“เห็นแกถนัดนึกว่าจะอยากทำ ว่าไงเอามั๊ย”
“เอา ทำกับใคร”
“อือ ชั้นจะอ่านรายละเอียดให้ฟังนะ แบบสรุปๆก็ แค่ไปฆ่าราชายาเสพติดโลก ที่อยู่ก็อยู่ในนี้แล้วไม่มีอะไรมาก แต่อย่าทำให้เอิกเหริกไปนะ เพราะงานนี้เป็นความลับ แล้วก็งานนี้แกทำคนเดียว”
“หือ ก็ดี ว่าแต่แล้วทำไมรัฐบาลไม่ทำเองวะมาให้เราทำทำไม”
“ขาดหลักฐาน”
“หึ วุ่นวายชะมัด ไม่มีหลักฐานก็เลยทำอะไรไม่ได้ แล้วมายืมมือคนอื่นให้ฆ่าให้ช่างเป็นรัฐบาลที่ดีจริงๆ” เอสประชด “ไปก็ได้เมื่อไหร่ วันไหน ใครประสานงาน”
“ไม่กำหนดเวลาแต่ยิ่งเร็วยิ่งดี กะว่าจะไปคืนนี้เลย แล้วเรนจะประสานงานให้แก งานเสร็จแล้วส่งข่าวมาด้วยจะได้รายงานเบื้องบนได้”
“อือ งั้นคืนนี้ไปปลุกด้วยสิ จะนอน” เอสบอกกับเรนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“หือ เรื่องละ ไปปลุกแกในไอ้ป่าเวรนั่นตอนกลางคืนเอาชีวิตไปทิ้งแม่น้ำเล่นชัดๆ” เรนทำหน้าแหย
“นั่นสิ ถ้าจะหาที่นอนในตึกก็มีห้องตั้งเยอะ ชั้นให้คนเตรียมให้ก็ได้หรือแกจะกลับห้องแกที่ไม่ได้เข้ามาเป็นเดือนก็ได้นะ” คานินเปรย
“ก็นอนนู่นมันสบายกว่า นี่ แต่เอาเหอะอยู่นี่ก็ได้ อย่าลืมไปปลุกนะ ชั้นจะไปนอนในห้อง” แล้วเอสก็เดินออกไปจากห้องที่ทุกคนอยู่
หลังจากที่เสียงประตูปิด เรนก็พูดขึ้นมาว่า “แกวางแผนอะไรอีกล่ะ”
คนถูกรู้ทันยิ้มนิดๆก่อนที่จะอธิบายให้คนถามได้เข้าใจด้วย “กันไคท์มัน แล้วก็หาความดีความชอบให้ไอ้เอสมันด้วยก่อนที่จะโดนเบื้องบนซิว”
“อือ แล้วแกว่าพอกลับมาถึงแล้วมันจะยอมเข้าไปเขียนรายงานดีดีรึไง ถ้าไม่เขียนก็ทำงานฟรีอีกแหละ”
“ไม่เขียนก็ไม่เขียนสิ เรื่องที่จะผ่านไปยังเบื้องบนไม่ได้ผ่านทางรายงานนั่นแค่ทางเดียวนี่ ถ้ามันไม่รายงานเราก็หาทางอื่น ส่งไปก็ได้”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องเอาความดีความชอบที่เป็นรูปธรรมหรอก ขอแค่เรื่องส่งถึงก็พอ แล้วยังไงเรื่องก็ต้องถึง ถ้าเอสไม่รายงานไคท์ก็ต้องออกรับหน้า เพราะว่าอยู่ๆเป้าหมายจะตายโดยไม่มีเหตุไม่ได้แล้วเบื้องบนก็ต้องสืบ เรื่องลงมาจนเจอ หรือว่าอีกวิธีคือพวกเรารายงานให้”
“ไอ้วิธีแรกก็พอเข้าใจหรอกนะแต่อีกอย่างนั่น ตามไม่ทัน”
“เยอะแยะ ปลอมตัวก็ได้ หรือว่าแกล้งทำข่าวรั่วผ่านทางพวกโซลปากมากก็ได้ หรือวิธีที่ดีสุดก็เวลาทำงานขออนุมัติอุปกรณ์เวอร์ๆ”
“อือ แต่ชั้นว่ามันก็แค่ถ่วงเวลาเท่านั้นยังไงเอสมันก็ต้องถูกลากไปข้างบนนั่นจนได้ มันมีสัญญาณออกมาแล้ว คราวที่แล้วไคท์ก็พยายามจะลากไปรอบแล้ว เบื้องบนต้องมีแผนอะไรแน่ๆ” วิลส์พูดเสียงเครียด
“ถ้าถ่วงเวลาได้ก็ถ่วง ยังไงซะไปช้าก็ดีกว่า” ทีนออกความเห็นบ้าง
“ก็จริง แต่ว่าถ้าเบื้องบนทนไม่ไหวจนต้องใช้มาตรการสุดท้ายเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ไปดีๆ ดีกว่าไปเพราะถูกบังคับด้วยกำลังนะ” เรนกล่าว
“ไม่หรอกถ้าไปก็ไม่มีทางไปดีดีอยู่แล้ว เราถ่วงเวลามาเป็นปีแล้วคงใกล้ได้เวลาแล้วแหละ” คานินเอ่ยบ้าง “แต่ยังไงเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีถ้าเบื้องบนเอาจริงขึ้นมา”
“พอเหอะชั้นว่า ทำตามที่ใจต้องการนั่นแหละดีที่สุดแล้ว” ทีนกล่าวสรุป
.......................................................................................
“เฮ้ยจะทุ่มแล้วไอ้เอส ตื่นเว้ยตื่น” เรนพยายามปลุกคนขี้เซาอยู่ พร้อมกับคานินที่ยืนยิ้มอยู่ด้วย
“เฮ้ยยยยยย ไอ้เวร จะตื่นมั๊ยวะ” เรนยังไม่ละความพยายาม
“งึมๆ ง่วงว้อย ขอนอนอีกนิดเดะ”คนขี้เซางัวเงีย
“ไม่ได้เว้ย จะไปทำงานมั๊ยยยยยยย”
“ทำก็ด้าย อืมๆ ขออาบน้ำก่อนน้า” แต่คนขี้เซาก็ยังไม่ลุกจากเตียงทำให้คนปลุกต้องจัดการลากมันไปโยนลงอ่างเอง
“เฮ้ยไอ้บ้า เปียกหมด” คราวนี้คนขี้เซาตื่นเต็มตา
“ดีแล้ว รีบๆอาบแล้วไปได้แล้ว แกต้องไปกับเครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลกนะเว้ย”
“หือ องค์กรเราทุ่มทุนสร้างจิงนะ”
“เออ ไอ้คานินมันทำเรื่องขอให้ เร็วๆล่ะ”
“ครับท่าน ถ้าเช่นนั้นพวกท่านก็ออกไปจากห้องน้ำก่อนเดะ” เอสพูดประชด
“เออ ออกแน่ยังไม่มีรสนิยมโรคจิตชอบดูผู้ชายอาบน้ำว่ะ” แล้วคนพูดก็เดินออกไปจากห้องน้ำแล้วนั่งลงบนเตียงของเอสแทน
“เมื่อไหร่มันจะเลิกจากโรคขี้เซาซะทีนะ” เรนบ่น
“ก็คงยากหน่อยว่ะ” คานินพูดปนหัวเราะ
“นั่นสิ แกด้วยเมื่อไหร่จะเลิกกินจุซะทีวะ” เรนเริ่มแขวะ ทำให้ไอ้คนโดนแขวะหน้าบึ้ง
“เกี่ยวอะไรกับชั้นวะ”
“ไม่เกี่ยวแต่จะลากเข้ามาให้เกี่ยวเว้ย”
หลังจากที่ทั้งสองโต้วาทีกันไม่นานเอสก็เดินออกจากห้องน้ำมาร่วมสมทบ
“ต้องไปไหนก่อน” คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จถาม
“ไปขึ้นเครื่องแล้วไปเลย ไม่ต้องทำไรก่อน” คานินช่วยตอบให้
“อือ”
..............................................................................
เครื่องบินลำเล็กรูปร่างเพรียวลมบินไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจอดให้ผู้โดยสารคนเดียวที่อยู่บนเครื่องนั้นลง “โชคดีครับ” นักบินอวยพร
“ขอบคุณ” เอสพูดเรียบแล้วก้าวลงจากเครื่องบิน ลงไปยังดาดฟ้าตึกแห่งหนึ่ง “ผมมีเวลาเท่าไหร่” เอสถามนักบิน
“ครึ่งชั่วโมงครับ” นักบินตอบพลางดูนาฬิกา “ถ้าไม่พอผมจะขออนุญาติเพิ่มให้นะครับ”
“ถมเถน่า อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” เอสกล่าวพร้อมกับเดินไปยังขอบดาดฟ้าแล้วมองลงไปข้างล่าง “เหวอสูงฉิบ” แต่ก็กระโดดขึ้นไปยืนบนขอบกำแพงเตี้ยๆที่กั้นระหว่างพื้นดาดฟ้ากับอากาศที่ว่างเปล่า
“อือ ชั้นยี่สิบมั้ง” ขณะที่กำลังจะกระโดดลงไปเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เอสหยิบมันขึ้นมา แล้วรับ
“มีไรวะ โทรมาไมตอนนี้” เอสพูดกรอกเสียงลงในโทรศัพท์
“ก็คิดว่าแกน่าจะถึงพอดี แล้วก็เดาว่าไอ้ขี้ลืมอย่างแกต้องลืมรายละเอียดแน่ก็เลยดักไว้ก่อน”
“เหอะ เอาเป็นว่าแกเก่งละกัน รีบๆบอกมาเดะ”
“ชั้นยี่สิบสอง ตึกมายี่สิบสี่ชั้นนะลงมาสองชั้นพอ”
“เออ ขอบจาย” เอสกดวางโทรศัพท์แล้วยัดมันใส่ในกระเป๋าเสื้อโคทเหมือนเดินก่อนที่จะกระโดดลงจากดาดฟ้าตึกสู่อากาศเบื้องหน้า
“หนึ่งชั้น สองชั้น” แล้วคนที่กำลังตกก็เปิดผลึกแล้วที่ห้อยคออยู่อย่างรวดเร็ว “ด้วยนามของข้าเอสขอบัญชา แมงมุมอเวจีจงทำตามคำสั่ง fiber” แล้วเส้นใยเล็กๆก็พุ่งออกจากกลางฝ่ามือของคนสั่งออกไปติดกับกำแพงตึก แล้วเอสก็เหวี่ยงตัวไปยืนอยู่ที่ขอบกระจก “กระจกกันกระสุนซะด้วยให้ตาย”
“ด้วยนามของข้าเอสขอบัญชา เขี้ยวสมิง จงทำตามคำสั่ง fang” เขี้ยวสีเงินยาวโผล่มาแทนที่เล็บ ก่อนที่เขี้ยวนั้นจะโดนนำไปใช้ตัดกระจกที่ขวางการเข้าไปในตึกของนักฆ่า
กระจกถูกตัดออกอย่างง่ายดายก่อนที่ผู้บุกรุกจะเข้าไปข้างในอย่างง่ายดาย ผู้บุกรุกสำรวจดูรอบๆและพบว่าเป็นห้องๆหนึ่ง ที่น่าจะเป็นห้องสมุดส่วนตัวของเจ้าของตึก “แล้วห้องนอนมันอยู่ไหนวะ” ทันทีที่พูดจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของโทรศัพท์สะดุ้งโหยงและรีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“ไอ้เวร โทรมาทำไม”
“หือ ชั้นว่าตอนนี้แกน่าจะเข้าไปในตึกได้แล้วใช่มะ ถ้างั้นจะบอกทางไปห้องนอนให้ ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ”
“ห้องหนังสือ ไอ้รู้มาก”
“หึหึ ดีไอ้รู้น้อยงั้นแกก็เดินไปอีกห้องทางซ้ายก็เจอห้องนอนแล้ว วางใจได้ในห้องนอนมันไม่มีทหารคุ้มกันหรอก” คนรู้มากบอก แล้วชิงตัดสายโทรศัพท์ก่อน
“เหอะ” เอสเดินออกจากห้องหนังสือหมายจะไปยังห้องข้างๆตามที่เพื่อนรู้มากบอกมาแต่ว่าเมื่อออกจากห้องแล้วกลับพบว่ามีทหารยามเฝ้าอยู่เกือบร้อยบนทางเดินที่กว้างขวาง
“ไอ้เวร ไหนมันว่าไม่มีทหารเฝ้า” เอสรีบเผ่นหนีก่อนที่เหล่าทหารจะไล่ตามจับผู้บุกรุกทัน
หลังจากที่วิ่งหนีมาเรื่อยๆ และมีทหารยามตามมาอีกเป็นสิบก็พบทางแยก คนหนีรีบเลี้ยวตรงทางแยกแล้วรีบเหวี่ยงตัวออกนอกหน้าต่างที่รีบเปิดอย่างรวดเร็วและใช้มือจับขอบหน้าต่างไว้ก่อนที่จะตกลงไปเบื้องล่าง
เหล่าทหารไม่ทันเห็นว่าเหยื่อที่ตนไล่จับได้แอบอยู่นอกหน้าต่างจึงวิ่งเลยไปโดยไม่ได้สนใจ หลังจากที่ทหารวิ่งไปได้สักพักคนที่อยู่นอกหน้าต่างก็ปีนกลับเข้ามาในห้อง
“ให้ตายไอ้เวรเรนเอ๊ย แล้วนี่มันที่ไหนเนี่ย”
เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง
“ไอ้เวร รู้มากจริง แล้วไหนแกว่าไม่มีทหารเฝ้าไงวะ” เอสพูดด่าลงในโทรศัพท์
“ชั้นบอกว่าไม่มีทหารเฝ้าในห้องนอน ไม่ใช่หน้าห้องนี่ แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน”
“ไม่รู้สิ วิ่งไปวิ่งมาก็มาอยู่นี่แล้ว เฮ้ย เวรละอีกสิบนาที” เอสร้องเมื่อจ้องดูนาฬิกาข้อมือ
“หือ อะไร”
“อีกสิบนาทีต้องกลับแล้ว”
“อ๋อ ไม่มีปัญหาตอนนี้แกอยู่ไหน ลองบอกภาพลักษณ์คร่าวๆมาซิ”
“ก็เป็นทางเดินยาวปูพรมสีแดงเข้ม มีห้องสามสี่ห้องอยู่แถวนี้แล้วก็มีสิงโตประดับตัวนึง”
“โอเค แกเดินไปทางห้องที่ไม่มีสิงโตประดับนั่นระวังยามหน่อยนะ”
“เออ แกเงียบไปก่อนเลย”พูดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาใกล้
เอสใช้วิชาดับจิตแฝงตัวเข้ากับมุมมืดของห้องก่อนที่เหล่ายามจะวิ่งผ่านไปอีกรอบ
“เฮ้ยมันอยู่ไหนแล้ววะ ถ้านายรู้ล่ะก็ตายแน่”เหล่าทหารวิ่งผ่านหน้าผู้บุกรุกไปอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
“ให้ตาย ถ้าชั้นเป็นนายพวกมันคงเลิกจ้างไปแล้วว่ะ” เอสพูดกับเพื่อนในโทรศัพท์ “งี่เง่าสุดๆ”
“เออ ช่างมันเหอะ แกเดินไปตามทางที่ชั้นบอกนะแล้วก็ระวังทหารพวกนั้นด้วย”
หลังจากเวลาผ่านไปเล็กน้อยเอสก็ไปถึงหน้าห้องนอนของเป้าหมายจนได้โดยจัดการทหารที่เฝ้าให้สลบไปก่อน แล้วจึงเปิดประตูเข้าไป
“ใครน่ะ ข้าบอกแล้วนะว่าตอนกลางคืนห้ามเข้ามา”
“เอ่อ ขอโทษฮะ แต่พอดีผมมีธุระด่วน”
“แกเป็นใคร ธุระอะไร ข้าบอกแล้วไงว่าจะอะไรก็ห้ามเข้ามา”
“พอดีทำอย่างนั้นไม่ได้ฮะ เพราะธุระของผมก็คือ เอาชีวิตคุณไปสังเวยองค์กร” พูดจบคนพูดก็เดินออกจากเงามืดให้เจ้าของห้องได้เห็นตัว
“แก แล้วทหารที่เฝ้าห้องล่ะ” เจ้าของห้องร้องอย่างลนลาน
“ก็ พวกนั้นหลับไปแล้วล่ะครับ” เอสก้มลงดูนาฬิกา “ขอโทษครับผมต้องรีบไปแล้วเดี๋ยวกลับบ้านไม่ได้” ทันทีที่พูดจบมีดสีเงินเล่มเล็กก็วิ่งตรงไปที่คอของเหยื่ออย่างแม่นยำ
.............................................................
“กลับมาแล้วหรือครับ” คนขับเครื่องบินเตรียมจะออกเครื่อง
“อือ” เอสตอบเบาๆพร้อมกับกระโดดขึ้นเครื่องแล้วบินอย่างรวดเร็วกลับองค์กร
...........................................................................
เอสนอนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งในสวน
“หวัดดี” แขกที่ไม่คาดฝันเดินเข้ามาขัดจังหวะการนอนอันแสนสงบสุข
“หือ เฮ้ยยยยยยยย พี่ไคท์” เอสร้องลั่นกับคนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่มาหาเขาที่นี่เลยแม้แต่เอสจะไม่ยอมไปรายงานตัวก็ตาม
“มีอะไร ทำยังกับเห็นผี” ไคท์พูดเสียงเรียบแต่หันมองทางซ้ายขวาตรวจดูอะไรบางอย่าง
“อะ มีธุระอะไรหรือครับมาวันนี้”
“มีสิ ถ้าไม่มีชั้นคงไม่มาที่แบบนี้หรอก” ไคท์พูดเสียงเย็น
“แล้วพี่มีอะไรหรือฮะ”
“ชั้นไม่มีหรอก แต่เบื้องบนมี แกไปทำอะไรไว้กันแน่ แล้วก็ไม่มีใครโผล่หัวไปรายงานตัวเลยซักคน” เสียงกัดฟันกรอดดังตามมาจากเสียงตวาดลั่น
‘ซวยแล้วไง’ เอสคิด และพยายามหาทางหนึ
“ตอบมาเดี๋ยวนี้” คนกำลังโกรธไม่ยอมแพ้
“อะ เอ่อ คือว่า” เอสตอบพลางหาทางเอาตัวรอด แล้วสวรรค์ก็ทรงโปรดจนได้ หอยทากยักษ์ของเอสคลานมาอย่างช้าๆพร้อมกับปล่อยเมือกเหนียวสีม่วงอ่อนมาตามทาง
“ว่าไง” ไคท์ถามย้ำอีกครั้ง
“พี่ลองหันไปดูข้างหลังสิฮะ” เอสพูดเสียงเจ้าเล่ห์
“หือ เฮ้ยยยยยยยย” ไคท์ร้องเสียงหลงแล้วรีบเผ่นออกจากบริเวณป่าทันที
“ให้ตายสิ มันออกจะน่ารักขนาดนี้แท้ๆ ช่วยไล่คนที่ไม่ต้องการก็ได้ หึหึ” เอสพูดยิ้มๆ
แล้วหอยทากยักษ์ของเอสก็คลานเข้ามาใกล้ๆเจ้าของ เอสเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆด้วยความรัก “ไง ไอ้ขี้อ้อน” หลังจากเวลาผ่านไปซักพักเอสก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้านุ่ม “ชั้นยังไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย แต่ทำตามหน้าที่ก็หาว่าผิด ไม่ทำตามหน้าที่ก็ไม่ได้อีกแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ” เอสพึมพำเบาๆ ก่อนที่จะหลับไป
................................................................................................
ก็อกๆๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงตอบรับของคนที่อยู่ข้างใน “เข้ามาสิ”
เอสกับเรนก้าวเข้าไปในห้องประจำห้องเดิมของวิลส์ ซึ่งมีสมาชิกทั้งสามคนนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว
“ไง มีงานอะไรวะ ต้องไปลากชั้นมาจากที่นอนจนได้” เอสบ่น
“เออ ใช่สิ ชั้นอุตส่าห์เสี่ยงตายเข้าไปลากแกออกมาก็ดีแล้วเว้ย” เรนบ่นเสียงเย็นเยียบ
“ก็มีงานชิ้นใหม่น่ะ แกสนมั๊ยเอส” วิลส์ตอบก่อนที่จะมีสงครามย่อมๆให้ดูกลางห้อง
“งานอะไร ไปคุ้มครองใครอีกไม่เอานะ”
“ก็ลอบสังหารงานถนัดแกไง” คานินตอบบ้าง
“หือ ถ้าไม่มีใครทำก็เอาเดะ” เอสตอบด้วยสีหน้าเรียบ
“เห็นแกถนัดนึกว่าจะอยากทำ ว่าไงเอามั๊ย”
“เอา ทำกับใคร”
“อือ ชั้นจะอ่านรายละเอียดให้ฟังนะ แบบสรุปๆก็ แค่ไปฆ่าราชายาเสพติดโลก ที่อยู่ก็อยู่ในนี้แล้วไม่มีอะไรมาก แต่อย่าทำให้เอิกเหริกไปนะ เพราะงานนี้เป็นความลับ แล้วก็งานนี้แกทำคนเดียว”
“หือ ก็ดี ว่าแต่แล้วทำไมรัฐบาลไม่ทำเองวะมาให้เราทำทำไม”
“ขาดหลักฐาน”
“หึ วุ่นวายชะมัด ไม่มีหลักฐานก็เลยทำอะไรไม่ได้ แล้วมายืมมือคนอื่นให้ฆ่าให้ช่างเป็นรัฐบาลที่ดีจริงๆ” เอสประชด “ไปก็ได้เมื่อไหร่ วันไหน ใครประสานงาน”
“ไม่กำหนดเวลาแต่ยิ่งเร็วยิ่งดี กะว่าจะไปคืนนี้เลย แล้วเรนจะประสานงานให้แก งานเสร็จแล้วส่งข่าวมาด้วยจะได้รายงานเบื้องบนได้”
“อือ งั้นคืนนี้ไปปลุกด้วยสิ จะนอน” เอสบอกกับเรนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“หือ เรื่องละ ไปปลุกแกในไอ้ป่าเวรนั่นตอนกลางคืนเอาชีวิตไปทิ้งแม่น้ำเล่นชัดๆ” เรนทำหน้าแหย
“นั่นสิ ถ้าจะหาที่นอนในตึกก็มีห้องตั้งเยอะ ชั้นให้คนเตรียมให้ก็ได้หรือแกจะกลับห้องแกที่ไม่ได้เข้ามาเป็นเดือนก็ได้นะ” คานินเปรย
“ก็นอนนู่นมันสบายกว่า นี่ แต่เอาเหอะอยู่นี่ก็ได้ อย่าลืมไปปลุกนะ ชั้นจะไปนอนในห้อง” แล้วเอสก็เดินออกไปจากห้องที่ทุกคนอยู่
หลังจากที่เสียงประตูปิด เรนก็พูดขึ้นมาว่า “แกวางแผนอะไรอีกล่ะ”
คนถูกรู้ทันยิ้มนิดๆก่อนที่จะอธิบายให้คนถามได้เข้าใจด้วย “กันไคท์มัน แล้วก็หาความดีความชอบให้ไอ้เอสมันด้วยก่อนที่จะโดนเบื้องบนซิว”
“อือ แล้วแกว่าพอกลับมาถึงแล้วมันจะยอมเข้าไปเขียนรายงานดีดีรึไง ถ้าไม่เขียนก็ทำงานฟรีอีกแหละ”
“ไม่เขียนก็ไม่เขียนสิ เรื่องที่จะผ่านไปยังเบื้องบนไม่ได้ผ่านทางรายงานนั่นแค่ทางเดียวนี่ ถ้ามันไม่รายงานเราก็หาทางอื่น ส่งไปก็ได้”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องเอาความดีความชอบที่เป็นรูปธรรมหรอก ขอแค่เรื่องส่งถึงก็พอ แล้วยังไงเรื่องก็ต้องถึง ถ้าเอสไม่รายงานไคท์ก็ต้องออกรับหน้า เพราะว่าอยู่ๆเป้าหมายจะตายโดยไม่มีเหตุไม่ได้แล้วเบื้องบนก็ต้องสืบ เรื่องลงมาจนเจอ หรือว่าอีกวิธีคือพวกเรารายงานให้”
“ไอ้วิธีแรกก็พอเข้าใจหรอกนะแต่อีกอย่างนั่น ตามไม่ทัน”
“เยอะแยะ ปลอมตัวก็ได้ หรือว่าแกล้งทำข่าวรั่วผ่านทางพวกโซลปากมากก็ได้ หรือวิธีที่ดีสุดก็เวลาทำงานขออนุมัติอุปกรณ์เวอร์ๆ”
“อือ แต่ชั้นว่ามันก็แค่ถ่วงเวลาเท่านั้นยังไงเอสมันก็ต้องถูกลากไปข้างบนนั่นจนได้ มันมีสัญญาณออกมาแล้ว คราวที่แล้วไคท์ก็พยายามจะลากไปรอบแล้ว เบื้องบนต้องมีแผนอะไรแน่ๆ” วิลส์พูดเสียงเครียด
“ถ้าถ่วงเวลาได้ก็ถ่วง ยังไงซะไปช้าก็ดีกว่า” ทีนออกความเห็นบ้าง
“ก็จริง แต่ว่าถ้าเบื้องบนทนไม่ไหวจนต้องใช้มาตรการสุดท้ายเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ไปดีๆ ดีกว่าไปเพราะถูกบังคับด้วยกำลังนะ” เรนกล่าว
“ไม่หรอกถ้าไปก็ไม่มีทางไปดีดีอยู่แล้ว เราถ่วงเวลามาเป็นปีแล้วคงใกล้ได้เวลาแล้วแหละ” คานินเอ่ยบ้าง “แต่ยังไงเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีถ้าเบื้องบนเอาจริงขึ้นมา”
“พอเหอะชั้นว่า ทำตามที่ใจต้องการนั่นแหละดีที่สุดแล้ว” ทีนกล่าวสรุป
.......................................................................................
“เฮ้ยจะทุ่มแล้วไอ้เอส ตื่นเว้ยตื่น” เรนพยายามปลุกคนขี้เซาอยู่ พร้อมกับคานินที่ยืนยิ้มอยู่ด้วย
“เฮ้ยยยยยย ไอ้เวร จะตื่นมั๊ยวะ” เรนยังไม่ละความพยายาม
“งึมๆ ง่วงว้อย ขอนอนอีกนิดเดะ”คนขี้เซางัวเงีย
“ไม่ได้เว้ย จะไปทำงานมั๊ยยยยยยย”
“ทำก็ด้าย อืมๆ ขออาบน้ำก่อนน้า” แต่คนขี้เซาก็ยังไม่ลุกจากเตียงทำให้คนปลุกต้องจัดการลากมันไปโยนลงอ่างเอง
“เฮ้ยไอ้บ้า เปียกหมด” คราวนี้คนขี้เซาตื่นเต็มตา
“ดีแล้ว รีบๆอาบแล้วไปได้แล้ว แกต้องไปกับเครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลกนะเว้ย”
“หือ องค์กรเราทุ่มทุนสร้างจิงนะ”
“เออ ไอ้คานินมันทำเรื่องขอให้ เร็วๆล่ะ”
“ครับท่าน ถ้าเช่นนั้นพวกท่านก็ออกไปจากห้องน้ำก่อนเดะ” เอสพูดประชด
“เออ ออกแน่ยังไม่มีรสนิยมโรคจิตชอบดูผู้ชายอาบน้ำว่ะ” แล้วคนพูดก็เดินออกไปจากห้องน้ำแล้วนั่งลงบนเตียงของเอสแทน
“เมื่อไหร่มันจะเลิกจากโรคขี้เซาซะทีนะ” เรนบ่น
“ก็คงยากหน่อยว่ะ” คานินพูดปนหัวเราะ
“นั่นสิ แกด้วยเมื่อไหร่จะเลิกกินจุซะทีวะ” เรนเริ่มแขวะ ทำให้ไอ้คนโดนแขวะหน้าบึ้ง
“เกี่ยวอะไรกับชั้นวะ”
“ไม่เกี่ยวแต่จะลากเข้ามาให้เกี่ยวเว้ย”
หลังจากที่ทั้งสองโต้วาทีกันไม่นานเอสก็เดินออกจากห้องน้ำมาร่วมสมทบ
“ต้องไปไหนก่อน” คนเพิ่งอาบน้ำเสร็จถาม
“ไปขึ้นเครื่องแล้วไปเลย ไม่ต้องทำไรก่อน” คานินช่วยตอบให้
“อือ”
..............................................................................
เครื่องบินลำเล็กรูปร่างเพรียวลมบินไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะจอดให้ผู้โดยสารคนเดียวที่อยู่บนเครื่องนั้นลง “โชคดีครับ” นักบินอวยพร
“ขอบคุณ” เอสพูดเรียบแล้วก้าวลงจากเครื่องบิน ลงไปยังดาดฟ้าตึกแห่งหนึ่ง “ผมมีเวลาเท่าไหร่” เอสถามนักบิน
“ครึ่งชั่วโมงครับ” นักบินตอบพลางดูนาฬิกา “ถ้าไม่พอผมจะขออนุญาติเพิ่มให้นะครับ”
“ถมเถน่า อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน” เอสกล่าวพร้อมกับเดินไปยังขอบดาดฟ้าแล้วมองลงไปข้างล่าง “เหวอสูงฉิบ” แต่ก็กระโดดขึ้นไปยืนบนขอบกำแพงเตี้ยๆที่กั้นระหว่างพื้นดาดฟ้ากับอากาศที่ว่างเปล่า
“อือ ชั้นยี่สิบมั้ง” ขณะที่กำลังจะกระโดดลงไปเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เอสหยิบมันขึ้นมา แล้วรับ
“มีไรวะ โทรมาไมตอนนี้” เอสพูดกรอกเสียงลงในโทรศัพท์
“ก็คิดว่าแกน่าจะถึงพอดี แล้วก็เดาว่าไอ้ขี้ลืมอย่างแกต้องลืมรายละเอียดแน่ก็เลยดักไว้ก่อน”
“เหอะ เอาเป็นว่าแกเก่งละกัน รีบๆบอกมาเดะ”
“ชั้นยี่สิบสอง ตึกมายี่สิบสี่ชั้นนะลงมาสองชั้นพอ”
“เออ ขอบจาย” เอสกดวางโทรศัพท์แล้วยัดมันใส่ในกระเป๋าเสื้อโคทเหมือนเดินก่อนที่จะกระโดดลงจากดาดฟ้าตึกสู่อากาศเบื้องหน้า
“หนึ่งชั้น สองชั้น” แล้วคนที่กำลังตกก็เปิดผลึกแล้วที่ห้อยคออยู่อย่างรวดเร็ว “ด้วยนามของข้าเอสขอบัญชา แมงมุมอเวจีจงทำตามคำสั่ง fiber” แล้วเส้นใยเล็กๆก็พุ่งออกจากกลางฝ่ามือของคนสั่งออกไปติดกับกำแพงตึก แล้วเอสก็เหวี่ยงตัวไปยืนอยู่ที่ขอบกระจก “กระจกกันกระสุนซะด้วยให้ตาย”
“ด้วยนามของข้าเอสขอบัญชา เขี้ยวสมิง จงทำตามคำสั่ง fang” เขี้ยวสีเงินยาวโผล่มาแทนที่เล็บ ก่อนที่เขี้ยวนั้นจะโดนนำไปใช้ตัดกระจกที่ขวางการเข้าไปในตึกของนักฆ่า
กระจกถูกตัดออกอย่างง่ายดายก่อนที่ผู้บุกรุกจะเข้าไปข้างในอย่างง่ายดาย ผู้บุกรุกสำรวจดูรอบๆและพบว่าเป็นห้องๆหนึ่ง ที่น่าจะเป็นห้องสมุดส่วนตัวของเจ้าของตึก “แล้วห้องนอนมันอยู่ไหนวะ” ทันทีที่พูดจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของโทรศัพท์สะดุ้งโหยงและรีบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“ไอ้เวร โทรมาทำไม”
“หือ ชั้นว่าตอนนี้แกน่าจะเข้าไปในตึกได้แล้วใช่มะ ถ้างั้นจะบอกทางไปห้องนอนให้ ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ”
“ห้องหนังสือ ไอ้รู้มาก”
“หึหึ ดีไอ้รู้น้อยงั้นแกก็เดินไปอีกห้องทางซ้ายก็เจอห้องนอนแล้ว วางใจได้ในห้องนอนมันไม่มีทหารคุ้มกันหรอก” คนรู้มากบอก แล้วชิงตัดสายโทรศัพท์ก่อน
“เหอะ” เอสเดินออกจากห้องหนังสือหมายจะไปยังห้องข้างๆตามที่เพื่อนรู้มากบอกมาแต่ว่าเมื่อออกจากห้องแล้วกลับพบว่ามีทหารยามเฝ้าอยู่เกือบร้อยบนทางเดินที่กว้างขวาง
“ไอ้เวร ไหนมันว่าไม่มีทหารเฝ้า” เอสรีบเผ่นหนีก่อนที่เหล่าทหารจะไล่ตามจับผู้บุกรุกทัน
หลังจากที่วิ่งหนีมาเรื่อยๆ และมีทหารยามตามมาอีกเป็นสิบก็พบทางแยก คนหนีรีบเลี้ยวตรงทางแยกแล้วรีบเหวี่ยงตัวออกนอกหน้าต่างที่รีบเปิดอย่างรวดเร็วและใช้มือจับขอบหน้าต่างไว้ก่อนที่จะตกลงไปเบื้องล่าง
เหล่าทหารไม่ทันเห็นว่าเหยื่อที่ตนไล่จับได้แอบอยู่นอกหน้าต่างจึงวิ่งเลยไปโดยไม่ได้สนใจ หลังจากที่ทหารวิ่งไปได้สักพักคนที่อยู่นอกหน้าต่างก็ปีนกลับเข้ามาในห้อง
“ให้ตายไอ้เวรเรนเอ๊ย แล้วนี่มันที่ไหนเนี่ย”
เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง
“ไอ้เวร รู้มากจริง แล้วไหนแกว่าไม่มีทหารเฝ้าไงวะ” เอสพูดด่าลงในโทรศัพท์
“ชั้นบอกว่าไม่มีทหารเฝ้าในห้องนอน ไม่ใช่หน้าห้องนี่ แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน”
“ไม่รู้สิ วิ่งไปวิ่งมาก็มาอยู่นี่แล้ว เฮ้ย เวรละอีกสิบนาที” เอสร้องเมื่อจ้องดูนาฬิกาข้อมือ
“หือ อะไร”
“อีกสิบนาทีต้องกลับแล้ว”
“อ๋อ ไม่มีปัญหาตอนนี้แกอยู่ไหน ลองบอกภาพลักษณ์คร่าวๆมาซิ”
“ก็เป็นทางเดินยาวปูพรมสีแดงเข้ม มีห้องสามสี่ห้องอยู่แถวนี้แล้วก็มีสิงโตประดับตัวนึง”
“โอเค แกเดินไปทางห้องที่ไม่มีสิงโตประดับนั่นระวังยามหน่อยนะ”
“เออ แกเงียบไปก่อนเลย”พูดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาใกล้
เอสใช้วิชาดับจิตแฝงตัวเข้ากับมุมมืดของห้องก่อนที่เหล่ายามจะวิ่งผ่านไปอีกรอบ
“เฮ้ยมันอยู่ไหนแล้ววะ ถ้านายรู้ล่ะก็ตายแน่”เหล่าทหารวิ่งผ่านหน้าผู้บุกรุกไปอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
“ให้ตาย ถ้าชั้นเป็นนายพวกมันคงเลิกจ้างไปแล้วว่ะ” เอสพูดกับเพื่อนในโทรศัพท์ “งี่เง่าสุดๆ”
“เออ ช่างมันเหอะ แกเดินไปตามทางที่ชั้นบอกนะแล้วก็ระวังทหารพวกนั้นด้วย”
หลังจากเวลาผ่านไปเล็กน้อยเอสก็ไปถึงหน้าห้องนอนของเป้าหมายจนได้โดยจัดการทหารที่เฝ้าให้สลบไปก่อน แล้วจึงเปิดประตูเข้าไป
“ใครน่ะ ข้าบอกแล้วนะว่าตอนกลางคืนห้ามเข้ามา”
“เอ่อ ขอโทษฮะ แต่พอดีผมมีธุระด่วน”
“แกเป็นใคร ธุระอะไร ข้าบอกแล้วไงว่าจะอะไรก็ห้ามเข้ามา”
“พอดีทำอย่างนั้นไม่ได้ฮะ เพราะธุระของผมก็คือ เอาชีวิตคุณไปสังเวยองค์กร” พูดจบคนพูดก็เดินออกจากเงามืดให้เจ้าของห้องได้เห็นตัว
“แก แล้วทหารที่เฝ้าห้องล่ะ” เจ้าของห้องร้องอย่างลนลาน
“ก็ พวกนั้นหลับไปแล้วล่ะครับ” เอสก้มลงดูนาฬิกา “ขอโทษครับผมต้องรีบไปแล้วเดี๋ยวกลับบ้านไม่ได้” ทันทีที่พูดจบมีดสีเงินเล่มเล็กก็วิ่งตรงไปที่คอของเหยื่ออย่างแม่นยำ
.............................................................
“กลับมาแล้วหรือครับ” คนขับเครื่องบินเตรียมจะออกเครื่อง
“อือ” เอสตอบเบาๆพร้อมกับกระโดดขึ้นเครื่องแล้วบินอย่างรวดเร็วกลับองค์กร
...........................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น