ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Prince of Unseam

    ลำดับตอนที่ #4 : Prince of Unseam 4

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 49


    ไปไหนมาน่ะ เร็กซ์เอ่ยถาม คานินเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

     

    อ้าว แกทำใจเรื่องท่านหญิงได้แล้วหรือไง เขาถามเพราะเห็นท่าทีของเพื่อนรักเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ พร้อมกับเดินไปนั่งบนเตียงด้วยท่าทางสบายๆ

     

    อะ เร็กซ์ทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แกรู้จักท่านหญิงนานแล้วหรือ เขาถาม

     

    ก็ค่อนข้างนาน รู้จักตั้งแต่ตอนยังเป็นเจ้าชายอยู่ เธอเป็นเพื่อนเล่นของเจ้าชายฮานีนที่ได้รับการคัดเลือกมา เขาตอบพลางมองหน้าคนถามอย่างไม่เข้าใจ

     

    อืม แล้วนายรู้จักนิสัยหรือของที่ชอบของท่านบ้างหรือเปล่า

     

    ก็ ถ้านิสัย ที่นายเห็นเมื่อครู่นั่นเป็นนิสัยที่แท้จริง เจ้าเล่ห์ เล่นละครเก่ง เอาตัวรอดเป็นที่หนึ่ง ส่วนของที่ชอบก็พวกอาวุธลับ ไม่ก็ของแปลกๆอย่างอาวุธโบราณ

     

    อืม แล้วดอกไม้ล่ะ

     

    คงไม่ชอบ ชั้นว่าที่เธอปลูกไว้ก็คงแค่...เล่นละคร ล่ะมั้ง คานินตอบยักไหล่พลางมองดูปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้าม

     

    เร็กซ์ทำสีหน้าแปลกๆก่อนที่จะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ขอบใจ เขาตอบเรียบๆ ซึ่งคานินต้องเป็นฝ่ายงงกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้าแทน

     

    ชั้นนึกว่าแกจะช็อคอะไรมากกว่านี้ซะอีก คานินทักแต่เร็กซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์รับ

     

    ก็ช็อคนะ ถูกสาวหลอกเป็นครั้งแรก แต่ชั้นก็คิดว่า ชั้นจะเอาชนะเจ้าหล่อนให้ได้ เอาหัวใจเธอมาครอง คำตอบที่ทำให้คานินหน้าเบ้ มันยังไม่เข็ด แต่เขาก็ไม่ตอบอะไร

     

    ...............................................................................................

     

    เช้าวันต่อมาคานินทรงชุดเจ้าชายเต็มยศแล้วเข้าไปประชุมของเหล่าทหารตามที่ได้รับยัดเยียดมาจากผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่ ถุงมือสีขาวสะอาดปักลายสีทองของราชวงศ์ถูกสวมช้าๆอย่างเบื่อหน่าย ผ้าคลุมสีเข้มกับชุดทหารที่เข้าชุดกันถูกใส่อย่างรีบร้อนแล้วเจ้าตัวก็เผ่นออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเพื่อนรักอีกคนหนึ่งที่ต้องไปประชุมด้วยกัน

     

    เร็กซ์แกไม่กลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องก่อนแน่นะ คานินถามขณะที่กำลังรีบเร่งเดินไปยังสถานที่ที่จะประชุมกัน

     

    เปลี่ยน เดี๋ยวกะว่าจะแวะบ้านก่อน เมื่อคืนก็ดันลืมไปนะว่าวันนี้มีประชุมให้ตายเหอะ เร็กซ์บ่น ทั้งเขาและเจ้าชายตรงหน้าต่างพร้อมใจกันลืมการประชุมที่จะถูกจัดขึ้นในวันนี้เสียสนิท อีกกี่นาทีนะ เสียงของเจ้าชายที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่ข้างหน้าถาม

     

    แก เอ้ย ท่านไปถึงเมื่อไหร่ก็เข้าประชุมเมื่อนั่นแหละขอรับ เร็กซ์รีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้คนตรงหน้าอยู่ในฐานะเจ้าชาย คานินทำหน้าเบ้แต่ก็ไม่ตอบอะไร

     

    เฮ้ย ไม่ใช่สิวะ ชั้นถามเวลาเข้าที่นัดกันเอาไว้น่ะ คานินถามอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก ตอนที่เขากำลังเดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถ้าวิ่งไปได้เขาคงวิ่งไปนานแล้ว ให้ตายเหอะต้องมานั่งรักษาภาพพจน์เจ้าชายนี่อีกเจ้าชายนึกบ่นในใจอย่างอารมณ์เสีย

     

    เวลาที่นัดไว้คือแปดนาฬิกาตอนเช้าครับ แต่ถ้าท่านไปสายก็ไม่เป็นไรเพราะการประชุมจะเริ่มต่อเมื่อประธานในที่ประชุมกล่าวเปิดการประชุมแล้วเท่านั้น 

     

    แล้วถ้าแกไปสายจะเป็นไงวะ ประธานที่กำลังจะไปสายถาม

     

    ก็คงไม่เป็นไรมั้งครับ ถ้าท่านประธานไม่เอาเรื่อง น้ำเสียงที่อ่านไม่ออกตอบยิ้มๆ คานินนิ่วหน้าและยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบ

     

    ดี ถ้าอย่างนั้นชั้นไปก่อน แล้วเดี๋ยวแกตามไปแล้วกัน

     

    ครับ สิ้นเสียงตอบเจ้าชายตรงหน้าก็หายไปเสียแล้ว ด้วยความเร็วที่ถูกฝึกมา เร็กซ์ถอนหายใจเหนื่อยๆกับท่าทางที่ไม่สมเป็นเจ้าชายของเพื่อนรัก

     

    คานินวิ่งตามทางเดินที่ถูกปูด้วยหิน ซึ่งมันเป็นทางเดินออกจากตัวปราสาท และเขาจะต้องไปประชุมที่กระทรวงซึ่งอยู่ห่างจากตัวปราสาทค่อนข้างมาก เจ้าชายหันไปมองด้านซ้ายขวาหาพาหนะที่เขาจะใช้ได้

     

    ดวงตาสีทองเหลือบมองไปยังรถยนต์สีทองคันหนึ่งซึ่งเป็นพาหนะประจำตำแหน่งของเจ้าชาย ไม่เอาดีกว่า ถ้าเอาไอ้นี่ออกไปเดี๋ยวก็ต้องมีการปิดถนนให้ยุ่งเดือนร้อนชาวบ้านเจ้าชายที่เข้าใจความรู้สึกของชาวบ้านเป็นอย่างดีสะบัดหัวแรงๆไล่ความคิดเดิมออกไปแล้วเริ่มกวาดสายตาไปเรื่อยๆ แต่ไม่เจอพาหนะที่จะใช้ได้

     

    เจ้าของดวงตาสีทองเริ่มร้อนใจ การประชุมที่ต้องไปแทนผู้เป็นพี่ในฐานะประธานการประชุมจะไปสายก็ไม่ได้ สมองที่ว้าวุ่นเริ่มทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางออก และก็ได้ผล ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัวสมอง นัยน์ตาสีทองมีแววเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นและขาทั้งสองเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วตามที่เจ้าของสั่ง

     

    เจ้าชายเดินไปยังโรงเก็บพาหนะ แต่ไม่ใช่สถานที่สำหรับเก็บพาหนะที่จะเป็นพาหนะพระที่นั่ง ทำให้เหล่าทหารที่เฝ้าอยู่งุนงงไปตามๆกัน

     

    เปิดประตู เจ้าชายสั่งเร็วๆ และทหารที่รับคำสั่งก็ทำตามอย่างงงๆ

     

    แต่ ท่านครับ ตอนนี้ไม่มีคนที่ขับเครื่องพวกนี้เป็นนะครับ ทหารที่เปิดประตูกล่าวรายงาน ซึ่งเจ้าชายก็โบกมือในทำนองว่าไม่เป็นไรทำให้คนถามงุนงงขึ้นอีก

     

    ประตูโรงเก็บยานพาหนะสำหรับใช้ในสงครามถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นเครื่องบินรบขนาดใหญ่หลายคันที่ถูกเก็บอยู่ภายใน แล้วเจ้าชายก็หันไปถามทหารที่มาเปิดประตูให้ เครื่องในนี้ ใช้ได้ทุกเครื่องใช่มั๊ย

     

    คะ ครับ เครื่องด้านในใช้ไม่ได้ครับ แต่เครื่องที่จอดอยู่ด้านนอกทางนี้ใช้ได้ แต่ไม่มีคนขับ คนที่ถูกถามตอบ ซึ่งเจ้าชายก็พยักหน้ารับรู้ และเดินเข้าไปใกล้เครื่องบินรบเครื่องหนึ่งซึ่งจอดอยู่ใกล้ทางออกมากที่สุด

     

    เตรียมนำเครื่องออกเลย เจ้าชายสั่งพลางหารีโมตที่จะใช้เปิดเครื่องบินรบลำนั้น

     

    คะ ครับ? ทหารถามอย่างงงๆ ราวกับไม่เข้าใจคำสั่งนั้น

     

    ก็ เตรียมเปิดรันเวย์ ที่จะให้เครื่องขึ้น เออ ใช่แจ้งสนามบินทางกองทัพที่อยู่ที่กระทรวงด้วยว่าให้เตรียมที่สำหรับนำเครื่องลงด้วย คนสั่งสั่งพร้อมกับกดปุ่มบางอย่างบนรีโมตเพื่อให้เครื่องเปิดให้เข้าและกระโดดเข้าไปอย่างรวดเร็ว เตรียมให้พร้อมภายใน…” คนพูดเหลือบไปมองนาฬิกา 7.50 น. 5นาที

     

    ตะแต่ว่า ไม่มีคนขับนะครับ นายทหารยังคงย้ำคำเดิมซึ่งคานินก็หยักหน้ารับอย่างเบื่อๆ

     

    รันเวย์ถูกเตรียมพร้อม ประตูของโรงเก็บพาหนะถูกเปิดตามคำสั่งของเจ้าชายอย่างรวดเร็วท่ามกลางความงุนงงของทหารทุกนายที่อยู่ที่นั่น เจ้าชายขึ้นไปประทับยังที่คนขับ คาดเข็มขัดและสวมแว่นตากันลมเตรียมพร้อม

     

    เครื่องยนต์เริ่มทำงานเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มไปทั่วเป็นสัญญาณว่า เครื่องกำลังจะถูกใช้งาน เจ้าชายกดปุ่มบางอย่างที่อยู่บนแผงด้านหน้า และเครื่องยนต์ก็เริ่มออกวิ่ง เหล่าทหารต่างพากันอ้าปากค้างและถลึงตามองกับการกระทำนั้น เจ้าชายจะทรงขับเครื่องบินรบไปเอง ทหารคนหนึ่งร้องอย่างหวาดๆ แต่เจ้าชายก็ไม่ทรงได้ยินเพราะเครื่องบินได้เริ่มออกบินแล้ว และไม่นานนักเครื่องก็หายลับไปอย่างรวดเร็ว

     

    ถ้าท่านเป็นอะไรไป จะทำยังไง นายทหารคนหนึ่งกล่าวขึ้นอย่างหวาดๆพลางหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ซึ่งก็หน้าซีดไม่แพ้กัน เพราะทุกคนต่างรู้ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าชายพวกตนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

     

    หลังจากที่เครื่องขึ้นไม่นานนัก บุรุษผมสีทองก็เริ่มมองหาจุดที่จะต้องนำเครื่องลงจอดและก็มองเห็นอาคารหลังหนึ่งที่ถูกสร้างจากหินอ่อนสีขาวทั้งหลังและมีรูปทรงเหลี่ยม บนดาดฟ้าของอาคารนั้นเป็นลานกว้างที่ทำจากหินไว้ใช้สำหรับการนำเครื่องบินลงจอด แต่ส่วนมากจะใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

     

    เจ้าชายหันหัวเครื่องลงจอดทันทีอย่างไม่ลังเล  เครื่องเริ่มลดความเร็วลงและวิ่งไปตามทางยาวของอาหารหินแห่งนั้น และในที่สุดมันก็หยุด

     

    นักบินจำเป็นถอดแว่นกันลมออกพร้อมกับเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็วและเหลือบไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่กับเครื่องที่พระองค์ประทับมา 7.56 น. เจ้าของผมสีทองถอนหายใจช้าๆก่อนจะกระโดดอย่างรวดเร็วลงจากเครื่องและก้าวเดินยาวๆไปยังประตูที่เปิดลงไปสู่ตัวอาคารด้านล่าง

     

    .........................................................................................

     

    7.59 น. ณ ห้องประชุม

     

    ภายในห้องถูกประดับด้วยเครื่องใช้สีน้ำตาล พรมสีน้ำตาล และหนังห้องสีครีมทำให้ห้องดูศักดิ์สิทธิ์ โต๊ะยาวที่อยู่ตรงกลางห้องกำลังรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากซึ่งกำลังรอการมาของบุรุษผู้สูงศักดิ์

     

    เจ้าชายยังไม่เสด็จอีกหรือ บุรุษสูงวัยเจ้าของผมสีเทาคนหนึ่งที่นั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะซึ่งเป็นตำแหน่งที่นั่งที่สามารถของศักดิ์ของเจ้าของที่นั่งได้เป็นอย่างดีกล่าวอย่างแสดงความไม่เคารพออกมาโจ่งแจ้ง

     

    ใช่ ใจเย็นๆน่า ยังไม่แปดโมงเลยท่านคาลอส คนที่มีอายุน้อยกว่าชายคนแรกกล่าวเรียบๆ เขาเป็นคนที่นั่งตรงข้ามกับบุรุษสูงวัยผู้นั้น

     

    อีกหนึ่งนาทีน่ะหรือท่านเวนิก คนถูกบอกให้ใจเย็นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ แต่คนฟังก็เพียงแต่ส่ายหน้าแล้วยิ้มๆ

     

    อีกสามสิบแปดวินาที สตรีที่มีใบหน้าอ่อนหวานและมีผมซอยสั้นสีอ่อนจนเกือบขาวที่นั่งอยู่ด้านข้างชายหนุ่มคนที่มีนามว่าเวนิกตอบพลางเหลือบมองนาฬิกา

     

    บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียด สมาชิกในห้องทั้งหมดเกือบยี่สิบคนต่างพากันเงียบและฟังบทสนทนาที่ไม่น่าพิสมัยนั้นด้วยหัวใจที่เต้นแรง และหวังเพียงว่าอย่าให้มีเรื่อง และดูเหมือนท่านเวนิก จะสามารถจับความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดีจึงหัวเราะขึ้นเบาๆและยกมือขึ้นเสยผมตรงยาวสีแดงเลือดของตนช้าๆอย่างอารมณ์ดี

     

    หัวเราะอะไร ท่านเวนิกคาลอสกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากเดิมนักซึ่งคนถูกเอ่ยชื่อก็เพียงแต่โบกมือช้าๆในทำนองว่าไม่มีอะไร

     

    ขออภัยๆ ท่านคาลอสพอดีข้าเผลอไปหน่อย คนเผลอกล่าวยิ้มๆซึ่งคนฟังไม่ได้มีสีหน้านั้นตามไปด้วย

     

    เผลอหรือ ระดับท่านน่ะหรือ จะเผลอ ข้าว่าจงใจมากกว่า สายตาสีเทาจนเกือบขาวของบุรุษที่มีเรือนผมสีเดียวกันนั้นจับจ้องมายังผู้ที่นั่งตรงข้ามพร้อมกับกล่าวคำด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง

     

    อย่าคิดเช่นนั้นสิ ข้าก็เป็นเพียงมนุษย์เดินดินคนหนึ่งเท่านั้นการเผลอมันก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เจ้าของเรือนผมสีแดงตอบด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความขบขันไว้ไม่มิด

     

    มนุษย์เดินดิน ท่านน่ะหรือ ชายสูงวัยเอ่ยพลางหรี่ตามองคนตรงหน้า ถ้าท่านบอกว่าท่านเป็นมนุษย์เดินดิน ท่านก็น่าจะอธิบายวีรกรรมของท่านในการรบครั้งที่แล้วให้ข้าฟังได้สินะ

     

    การรบครั้งที่แล้ว ข้าไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยนะท่าน ข้าก็เพียงแต่ทำหน้าที่ของข้าให้ดีที่สุดเท่านั้น เพียงแต่ผู้คนนำไปเล่าลือกันต่อ และผลจากการเล่าลือนั้นทำให้เรื่องต่างๆมันดูอลังการมากขึ้นเท่านั้น

     

    ถึงจะมีคนไปลือกันผิดๆแต่เนื้อหาหลักมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักไม่ใช่หรือ น้ำเสียงเยาะกล่าวซึ่งคนที่ถูกเยาะก็ได้แต่ยิ้มเรียบๆไม่ตอบอะไร ห้องเงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นทำให้เหล่าทหารในห้องพากันสะดุ้ง

     

    แล้วข้าจะเริ่มประชุมได้หรือยัง หรือจะต้องรอพวกท่านคุยกันโดยไม่เห็นหัวข้าต่อไป เสียงนั้นดังมาจากทางหัวโต๊ะซึ่งเป็นที่นั่งที่เมื่อครู่ว่างอยู่

     

    จะ เจ้าชาย ท่านเสด็จมาเมื่อไหร่ขอรับ ขออภัยด้วย ทหารคนหนึ่งในโต๊ะกล่าวแล้วทหารทั้งหมดก็ยืนขึ้นพร้อมกันแล้วทำวันทยหัตถ์แสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียง

     

    ก็ มาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ท่าน เจ้าชายมองไปทางบุรุษเจ้าของผมยาวสีแดง หัวเราะนั่นแหละ จบประโยคทุกคนในห้องต่างพากันหน้าซีด เจ้าชายพระองค์นี้ไม่ธรรมดา ทั้งๆที่ทหารในห้องทั้งหมดรวมทั้งตัวข้าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแท้ๆ กลับไม่มีใครรู้ตัวเลยแม้แต่คนเดียวว่าท่านได้เข้ามาในห้องแล้วคนที่ถูกมองคิดอย่างหวาดกลัว

     

    ถ้าเช่นนั้น ข้าขอเปิดการประชุม ณ บัดนี้ คานินกล่าวเรียบๆพลางหยิบเอกสารการประชุมที่ถูกเตรียมไว้ขึ้นมาอ่านผ่านๆอย่างรวดเร็ว แล้วเหลือบไปมองยังที่นั่งสุดท้ายที่ว่างอยู่ซึ่งเป็นที่นั่งของเพื่อนรัก

     

    แต่ก็ไม่ต้องให้รอนานนักเพราะเจ้าของที่นั่งที่สุดท้ายที่ยังว่างอยู่ได้เดินเข้ามาทันทีที่สายตาของเจ้าชายมองกลับมายังเอกสารในมือ

     

    ขออภัยครับ นายทหารที่มาสายกล่าว ทั้งห้องพากันเงียบและมองไปยังเจ้าของเสียงนั้นอย่างพร้อมเพรียง มีสายตาหลายคู่ที่แสดงออกถึงความเหยียดหยามอย่างออกนอกหน้าแต่คนถูกมองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่จ้องตรงมายังบุคคลที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

     

    ตามสบาย เจ้าชายกล่าวเรียบๆ เร็กซ์เดินเข้ามาในห้องทันทีเมื่อสิ้นเสียงนั้น แต่บุรุษที่มีนามว่าคาลอสกลับกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูก ตามสบายหรือท่าน จะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ การที่นายทหารมาสายแล้วไม่มีการลงโทษเลยแม้แต่น้อย เจ้าชายเหลือบมองมายังเจ้าของเสียง แล้วทันใดนั้นเหล่าทหารทุกคนที่อยู่ในห้องก็รับรู้ถึงรังสีฆ่าฟันที่รุนแรงเมื่อคำพูดคำต่อมาหลุดออกจากพระโอษฐ์ของผู้สูงศักดิ์ ท่านจะเป็นผู้ตัดสินหรือข้าเป็นผู้ตัดสิน ถ้าท่านอยากทำหน้าที่นั้นท่านก็เป็นประธานในการประชุมเสียเองเลยสิ น้ำเสียงเรียบๆที่เต็มไปด้วยแรงกดดันทำให้คนที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินต้องเงียบ แรงกดดันที่ทำให้หายใจลำบากเมื่อครู่ได้ถูกสลายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีมาก่อน

     

    คนๆนี้เก่งเวนิกคิดพลางจ้องไปยังผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า นอกจากนี้ยังเจนจัดสนามรบเสียด้วยสิแล้วเขาก็ต้องหลบสายตาทันทีเพราะคนที่ถูกจ้องกลับกลายเป็นฝ่ายที่จ้องเขาแทน

     

    การประชุมได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อนาฬิกาชี้บอกเวลา 8.30 น. พอดีและเวลาก็ล่วงเลยไปอย่างช้าๆจนกระทั่งนาฬิกากระดิกเข็มอย่างเชื่องช้าบอกเวลา 14.00 น. ทั้งๆที่ความจริงแล้วการประชุมควรจะจบลงตั้งแต่เที่ยงแต่เจ้าชายผู้เป็นประธานในการประชุมยังไม่ยอมเลิกประชุมเสียทีจึงทำให้เหล่าสมาชิกต่างกระวนกระวาย แต่แล้วในที่สุดเสียงสวรรค์ของผู้ร่วมการประชุมก็ดังขึ้นเมื่อเวลา 14.30 น. เลิกประชุมแค่นี้แล้วกัน เจ้าชายกล่าวเนือยๆ พลางสังเกตพฤติกรรมของสมาชิกแต่ละคนที่รีบเร่งออกจากห้องประชุมอย่างเรวดเร็วหลังจากทำความเคารพเสร้จ เจ้าชายแล้วหัวเราะน้อยๆอย่างขบขัน จนกระทั่งในห้องว่างเปล่าเหลือเพียงเขากับเร็กซ์เท่านั้นบุรุษผู้เคยเป็นเจ้าชายจึงได้กลับมาเป็นหนุ่มวัยรุ่นอีกครั้ง แล้วเดินไปหาเพื่อนรัก

     

    นี่เร็กซ์ ไอ้สามคนนั้นใครกันวะ คานินถามพลางนั่งลงที่ที่นั่งที่ว่างอยู่ข้างๆเพื่อนรัก

     

    สามคน อ้อ สามคนที่นั่งติดกับนายใช่มั๊ย คานินพยักหน้ารับพลางจ้องไปยังคนถามเพื่อรอฟังคำตอบ

     

    สามคนนั้น คือ ไตรเทพแห่งกองทัพ คนที่ผมยาวสีแดง ชื่อเวนิก ท่านเวนิกเป็นผู้นำกองทัพบก อีกคนที่ผมขาวๆหน่อยนั่นท่านคาลอส เป็นเจ้าแห่งทัพอากาศ แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ผมสีอ่อนๆน่ะ คือท่านราสเจ้าแห่งทัพเรือ

     

    อืม มิน่าล่ะ คานินพูดเบาๆกับตัวเอง แต่เร็กซ์หันมามองอย่างงงๆ

     

    อะไร

     

    สามคนนั่น เป็นคนสามคนที่ไม่มีทีท่ากระวนกระวายที่ชั้นเลิกประชุมช้าแล้วคนที่ผมแดงน่ะ จ้องชั้นตลอดการประชุมเลย ท่าทางจะเป็นคนที่ประมาทไม่ได้ คานินบ่น ถามอีกอย่าง เวนิกเออ คนผมแดงเมื่อกี้ที่บอกว่าวีรกรรมน่ะเรื่องอะไรหรือ

     

    วีรกรรม อ๋อ วีรกรรมของท่านเวนิกในสงครามครั้งสุดท้าย คำพูดหยุดลงครู่หนึ่งเพราะเจ้าของคำพูดกำลังคิดสรรค์คำพูดที่จะนำมาตอบ ไม่ยาก ท่านเวนิกคุมทหารจำนวนไม่ถึงร้อยบุกเข้ากองทัพหลักของศัตรูแล้วตัดหัวแม่ทัพมาเป็นบรรณาการให้ประเทศได้ เมื่อฟังจบคนถามก็มีรอยยิ้มอย่างพอใจ ไม่นึกว่าประเทศเราก็ยังมีคนมีฝีมืออยู่นะ

     

    มันก็ต้องมีสิวะ ถ้าแกไม่เอาตัวเองเป็นมาตรฐาน เร็กซ์พูดเชิงประชดให้คนฟังต้องหัวเราะเบาๆ

     

    เอาชั้นเป็นมาตรฐานแล้ว ในโลกนี้ก็ยังมีคนเก่งอยู่ดีนั่นล่ะ โดยเฉพาะที่องค์กรนั่น คานินตอบเบาๆแต่เร็กซ์ยิ้มแห้งแล้วลุกขึ้นยืนพลางพูดว่า เออ ยังไงก็บ่ายแล้ว ไปหาข้าวเที่ยงกินกันดีกว่า หรือแกจะไปเสวยที่ห้องอาหาร

     

    ไม่เอา ขี้เกียจนั่งเก็ก ไปกินกับแกก็ได้ แล้วคานินก็ลุกตามและเดินตามเพื่อนออกไปจากห้องประชุมที่ไม่มีใครอยู่แล้ว

     

    ................................................................................................................................................

    คานินเดินออกมาจากห้องพร้อมกับพยักหน้าให้กับคนที่ยืนรออยู่ซึ่งกำลังแอบขำอยู่ในใจ

     

    เรือนผมสีทองที่เป็นประกายล้อกับแสงแดดกลายเป็นสีดำที่เข้ากับความมือแห่งรัตติกาลที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นานนัก นัยน์ตาสีทองที่มีแววสงบนิ่งหน้าเกรงขามกลับเปลี่ยนเป็นสีดำที่พราวระยับอยู่เสมอ ชุดที่หรูหราราคาแพงถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกางเกงขายาวธรรมดารองเท้าหนังคู่งามถูกเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าสีดำสนิท แต่ที่เหนือสิ่งอื่นใดคือ บุคลิกที่น่าเกรงขามและทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ถูกแทนที่ด้วยท่าทางที่ดูสนุกสนานอยู่เสมอของคนๆหนึ่ง เร็กซ์คิดขำๆกับท่าทีที่เปลี่ยนไปในช่วง 5 นาทีพร้อมกับส่ายหัวและเดินตามคนตรงหน้าไปช้าๆ

     

    จะไปหาอะไรกินที่ไหน คานินหันไปถามคนที่เดินตามหลังอยู่

     

    แล้วแต่อยากกินอะไรล่ะ เร็กซ์ถามกลับ

     

    อะไรก็ได้ คนพูดหยุดเดินเพื่อรอให้เพื่อนรักเดินตามมาให้ทัน

     

    อะไรก็ได้ ดี งั้นไปบ้านชั้นนะ คำตอบที่ทำให้คานินต้องเลิกคิ้วอย่างสงสัย บ้านแกเหรอ

     

    เออ หรือจะไม่ไป ความจริงบ้านของทหารอย่างชั้นก็ไม่มีอะไรจะมารับรองเจ้าชายอย่างแกได้หรอก คำพูดที่ทำให้เจ้าชายที่ถูกพูดถึงต้องแยกเขี้ยวรับ ไปสิ แต่ชั้นก็แค่สงสัย ปกติไม่เห็นแกจะชวนไปบ้านเลย

     

    ที่ไม่ชวนก็เพราะ มันไม่มีอะไรน่ะสิ ปกติก็ไม่มีเรื่องต้องไปอยู่แล้วนี่ คราวนี้จะไปกินข้าวก็ไม่แปลกอะไร เร็กซ์ตอบเรียบพลางมองหน้าคนถามที่ยักไหล่และตามไปดีๆ

     

    ทั้งสองเดินออกจากปราสาทหลังงามของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์และเดินตามทางเดินที่ปูด้วยหินไปยังส่วนของบ้านพักทหาร ซึ่งบ้านของคนระดับพันเอกตรงหน้าก็ตั้งอยู่ไม่ห่างจากพระราชวังมากนักเมื่อทั้งสองนั่งรถที่มีรูปร่างคล้ายๆรถกอล์ฟที่ใช้ขับในเขตพระราชฐานไป

     

    บ้านหลังสีขาวที่ขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับบ้านหลังอื่นๆที่อยู่บริเวณรอบๆ นอกจากนี้บริเวณบ้านถูกปลูกต้นไม้ไว้ทำให้บริเวณโดยรอบดูร่มรื่นมากกว่าบ้านหลังอื่นที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน คานินจ้องไปยังสวนที่ถูกตกแต่งอย่างงดงามสลับกับจ้องหน้าเจ้าของบ้าน

     

    อะไรของแก เร็กซ์ที่รู้สึกตัวว่าถูกจ้องก็หรี่ตาถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหาเรื่อง ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือเสียงหัวเราะลั่น ไอ้บ้า

     

    เปล่าๆๆ ชั้นก็แค่... คานินตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ คิดว่ามันไม่เหมาะกับจะเป็นบ้านแกซักนิด เมื่อพูดจบเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกครั้งทำให้เจ้าของบ้านที่ถูกสบประมาทต้องกุมขมับ พลางลากคนที่กำลังหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายเข้าไปในบ้าน

     

    กลับมาแล้วหรือคะ เสียงหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งทักขึ้นเมื่อเร็กซ์เปิดประตูเข้าไปในบ้าน ครับ ช่วยเตรียมอาหารไว้ให้ด้วยนะฮะ วันนี้ผมพาเพื่อนมาด้วย

     

    เพื่อนหรือคะ แล้วเธอก็มองไปยังคนที่ถูกลากเข้ามาด้วยแล้วทำสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด เพื่อน ผู้ชาย ? เร็กซ์นิ่วหน้ากับคำกึ่งๆคำถามนั้น

     

    ก็ปกติเห็นท่านไม่เคยพาผู้ชายมานี่คะ ดิฉันก็เลยสงสัย คำตอบที่ทำให้คนที่เพิ่งหายขำไปได้เมื่อครู่ต้องปล่อยก๊ากอีกครั้ง เฮ้ย ไอ้คานิน น้ำเสียงดุพร้อมกับสายตาข่มขู่ถูกส่งไปให้คนที่ยังหัวเราะไม่หยุด

     

    สมกับเป็นแกเลยว่ะ แล้วแกมาชั้นมาอย่างงี้จะโดนบอกว่าเปลี่ยนรสนิยมมั๊ยวะ ผลจากการอกหักจากท่านหญิงราสคีลคนสวย คานินแซวซึ่งคนถูกแซวก็ยิ้มแห้งๆแล้วลากเพื่อนตัวดีเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว

     

    ตัวบ้านที่ถูกประดับประดาด้วยหินแกรนิตสีดำที่ตัดกับผนังสีขาวทำให้ดูสะดุดตาไปอีกแบบ พื้นทางเดินที่ถูกทำด้วยหินอ่อนสีหม่นนำทั้งสองเข้าไปสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ซึ่งตรงกลางของห้องมีบันไดขนาดใหญ่นำไปสู่ชั้นบน

     

    เร็กซ์ลากเพื่อนตัวดีขึ้นไปตามบันไดและเปิดประตูเข้าไปในห้องที่อยู่บริเวณชั้นบนห้องหนึ่ง

     

    แกจะขำอะไรนักหนาวะ เร็กซ์เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ เมื่อประตูถูกปิดสนิท

     

    ก็มันขำนี่หว่า ไอ้เสืออย่างแกพาผู้ชายเข้าบ้านทีเป็นเรื่องใหญ่ คนที่เพิ่งหายขำหมาดๆตั้งท่าจะเริ่มหัวเราะใหม่ทำให้คนถูกหัวเราะต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง เออ คานินแล้วไอ้แผนนั่นของแกน่ะ จะเริ่มเมื่อไหร่

     

    คนถูกถามทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องแต่โดยดี เริ่มไปแล้ว คำตอบเรียบที่ทำให้คนถามต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เริ่มแล้วหมายความว่าไง

     

    ตามคำพูด ชั้นให้นักข่าวคนเก่งของเราเริ่มงานแล้ว

     

    งานอะไร

     

    ไม่ยากขั้นแรกก็ต้องหาแหล่งธุรกิจ การลงมือทำอะไรซักอย่างตอนนี้มันจำเป็นต้องใช้เงิน ดังนั้นขั้นแรกก็หาเงินก่อน

     

    แหล่งธุรกิจแกหมายความว่าไง เร็กซ์นิ่วหน้าแล้วถามต่อ แล้วจะไปหาเงินมาจากไหน คานินยิ้มแห้งๆแล้วตอบ แกลืมที่ชั้นบอกวันที่ประชุมไม่ได้แล้วหรือไง

     

    ที่แกบอก คนถามเงียบไปครู่หนึ่ง

     

    ไม่ยาก ปล้นเอา คำตอบที่ทำให้นายทหารต้องอ้าปากค้าง

     

    เฮ้ย แกจะเอาจริงน่ะ คำอุธานหลุดจากปากนายทหารตรงหน้า ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเร็กซ์ก็พูดออกมาอีกครั้งอย่างจำนนเออ ชั้นลืมไปว่าแกเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าอยากได้อะไรต้องทำให้ได้ตามที่ต้องการ หยุดไปนิดหนึ่ง นิสัยเจ้าชายอย่างแรกที่เห็นจากแกเลยว่ะ คนถูกประชดยิ้มนิดๆ

     

    ทั้งสองเงียบไปสักพักคานินหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่แถวนั้นออกมาอ่านแต่อ่านไปได้ไม่นานก็มีเสียงผู้หญิงเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่คานินจำได้ว่าเป็นเสียงของแม่บ้านเมื่อครู่ แต่ทั้งสองจับใจความไม่ได้ว่าเจ้าของคำพูดนั้นต้องการจะบอกอะไร เร็กซ์จึงเปิดประตูออกไปถาม อะไรนะครับ

     

    ท่านเวนิกมาเยี่ยมเจ้าค่ะ เสียงๆเดิมบอกเมื่อเห็นว่าเจ้านายของคนโผล่ออกมาถาม แต่แล้วคนตอบก็ต้องทำสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจ้านายของตน เร็กซ์หน้าซีดขึ้นมาทันทีแล้วก็รีบปิดประตูเข้าไปในห้อง เฮ้ย คานิน แกรีบๆไปหาที่ซ่อนเลยเร็วๆเข้า คำพูดอย่างรีบร้อนทำให้คนฟังต้องทำสีหน้างุนงง

     

    ทำไม

     

    ท่านเวนิกมา คำตอบที่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น

     

    เวนิกไหน แต่คำถามยังไม่ทันได้รับคำตอบกลับมีเสียงขุ่นๆดังขึ้นก่อน

     

    ไอ้เร็กซ์ ไม่ต้องมาหลบเลย ออกมาซะดีๆ แล้วสาวที่แกชอบน่ะ ไม่ใช่เสป็กชั้นหรอก ไม่ต้องหลบ น้ำเสียงที่คานินต้องนิ่วหน้า แต่เขาไม่ต้องคิดอะไรเพื่อหาคำตอบเพราะเจ้าของเสียงโผล่เข้ามาในห้องทันทีที่จบคำ

     

    แล้วคานินก็เข้าในคำพูดของเพื่อน เวนิก เจ้าของผมยาวสีแดง คนที่เขาเพิ่งจากมาเมื่อครู่ในฐานะเจ้าชาย ท่านเวนิกแห่งกองทัพบก

     

    แล้วสายตาของบุรุษผมแดงก็มาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของคานินทำให้คนถูกจ้องหน้าต้องหนาวๆร้อนๆ แต่แล้วจอมทัพก็หลุดเสียงหัวเราะลั่นออกมาพลางจ้องหน้าเร็กซ์ที่ยืนยิ้มแห้งๆอยู่ด้วยความรู้สึกไม่ต่างจากคานินเท่าไหร่นัก หวังว่าคงจำไม่ได้เป็นคำที่เกิดขึ้นในใจของทั้งสอง

     

    แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่เร็กซ์ก็แปลความหมายของเสียงหัวเราะนั้นออกทำให้รอยยิ้มแห้งๆของเขาต้องแห้งยิ่งกว่าเดิม ท่านพี่ หยุดหัวเราะเสียทีเถอะน่า น้ำเสียงแกนๆบอกกับคนที่ยังคงหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    แต่คานินกลับไม่ได้สนใจเพราะความสนใจของเขาถูกดึงมาอยู่ที่สรรพนามที่เพื่อนรักใช้เรียกบุรุษตรงหน้าแทน ท่านพี่แล้วคานินก็จ้องทั้งสองสลับไปมาด้วยท่าทีสงสัย และโชคดีที่ผู้ที่ถูกจ้องทั้งสองกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ได้สนใจอะไรรอบข้าง

     

    ฮะๆๆๆ แกเปลี่ยนรสนิยมเหรอวะ พาผู้ชายเข้าบ้านเนี่ย ประโยคที่ทำให้คานินต้องแอบยิ้มตามไปด้วยอีกคน

     

    ไอ้พี่บ้า นานๆทีมาเยี่ยมแล้วยังจะมาหัวเราะกันอีก ไม่ได้เปลี่ยนรสนิยมเว้ย นี่เพื่อนผม เร็กซ์ตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ

     

    เอาน่าๆ จะเปลี่ยนรสนิยมก็บอกมาดีๆ เสียงหัวเราะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกวนประสาท

     

    บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ นี่เพื่อนผม ชื่อคานิน เป็นเพื่อนสมัยเด็ก เร็กซ์เดินไปนั่งที่ชุดรับแขกที่คานินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

     

    เพื่อนสมัยเด็ก ไม่เห็นรู้จัก เจ้าของผมยาวสีแดงเดินตามเจ้าของห้องไปพร้อมกับทำสีหน้างงๆ

     

    ก็ไม่น่าจะรู้จัก ตอนที่ผมคบกับไอ้หมอนี่พี่ไปอยู่หอนี่ ตอนที่เรียนทหารน่ะ เร็กซ์ตอบพร้อมกับที่คนตรงหน้านั่งตรงข้ามกับเขา

     

    อ๋อ ช่วงนั้นชั้นไม่อยู่นานด้วยนี่ ถ้างั้นก็แนะนำเพื่อนแกให้ชั้นรู้จักซะดีๆ

     

    ก็ได้แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่านี่เพื่อนผมพี่ห้ามยุ่ง แล้วเร็กซ์ก็มองไปทางคานิน พี่นี่คานิน เป็นลูกชายของท่านอดีตแม่ทัพ เมื่อคำแนะนำตัวจบคานินก็ก้มหัวให้เล็กน้อยแสดงความเคารพ คานิน นี่พี่ชั้น เป็นจอมทัพบก แต่แกอย่าไปยุ่งกับเค้าดีกว่า เพราะรสนิยมของพี่ชายชั้นมันยิ่งแปลกๆอยู่

     

    ไอ้ เร็กซ์ชั้นบอกให้แกแนะนำเฉยๆ ไม่ต้องมาสาธยายรสนิยมชาวบ้าน คนถูกแนะนำว่ามีรสนิยมแปลกๆแยกเขี้ยว แล้วมันก็ไม่แปลกด้วย

     

    อย่างงี้ไม่เรียกว่าแปลกแล้วจะเรียกว่าอะไร แล้วคานินก็ถามแทรกขึ้นมา

     

    แล้วอะไรที่แกบอกว่าแปลกล่ะ คำถามที่ทำให้คนตอบต้องทำสีหน้าลำบากใจ

     

    ไอ้พี่บ้าของชั้นมันชอบหนุ่มๆ โดยเฉพาะพวกหน้าตาดีๆ แต่ยังไม่ทันพูดจบก็มีวัตถุแปลกประหลาดบางอย่างพุ่งเข้ามาที่หน้าของคนพูด แต่ยังดีที่เป้าหมายของวัตถุแปลกประหลาดนั้นรับมันได้ทันพอดี พร้อมๆกันที่คนที่อยู่ข้างๆเป้าหมายต้องยิ้มแห้งๆ ตอนอยู่ในห้องประชุมวางมาดซะเท่ห์เชียว....แต่เอาเหอะ ถ้ามารู้ความลับของชั้นบ้างสีหน้าคงไม่ใช่แค่นี้

     

    อย่าพูดซะชั้นเสียหายอย่างนั้นสิวะ ชอบของสวยๆงามๆไม่ได้หรือไง เจ้าของวัตถุแปลกประหลาดเขม่น เร็กซ์มองไปยังของที่อยู่ในมือ แล้วก็ต้องสบถ เฮ้ย ไอ้พี่นี่ เอาตราประจำตำแหน่งที่ได้รับพระราชทานมาโยนเล่นอย่างงี้ได้ไง

     

    ไม่ยาก ก็หยิบออกมาจากกระเป๋า เล็งเป้า แล้วก็โยน คำตอบสบายๆจากปากของผู้ที่เอื้อมมือมารับตราประจำตำแหน่งคืน จะว่าไปหน้าเพื่อนนายนี่เหมือนเจ้าชายฮานีนเลยนะ

     

    ทั้งสองสะดุ้งเฮือกพร้อมกันแล้วคานินก็ยิ้มแห้งๆ หรือฮะ เพิ่งมีคนบอกเป็นคนแรก

     

    เอ้า ไม่เชื่อหรือไง ไม่งั้นก็ไปถามคนอื่นก็ได้ คำท้าให้พิสูจน์ที่ทั้งสองไม่ต้องการจะพิสูจน์

     

    มะ ไม่ดีกว่าฮะ

     

    แต่นายก็เหมือนแค่หน้าแหละ บุคลิกท่าทางยังไม่ติดฝุ่น คำพูดยิ้มๆที่ทำให้เร็กซ์และคานินต้องหันมายิ้มแห้งๆให้กัน

     

    ว่าแต่วันนี้พี่มาทำอะไรน่ะ เร็กซ์รีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปกว่าเดิม

     

    ไม่มีอะไร แค่อยากรู้ข่าวเรื่องเจ้าชายฮานีน แกหาให้หน่อยสิ เวนิกพูดง่ายๆ ข่าวแค่นี้หาให้ได้ใช่มั๊ย

     

    แล้วทำไมมาถามผมล่ะ เร็กซ์ถาม

     

    ก็แกเป็นทหารรักษาพระองค์ไม่ใช่หรือไง ก็น่าจะเจอท่านบ่อยนี่ หรือว่ายศพันเอกมันไม่ทำให้แกฉลาดขึ้น คำเสียดสีที่เร็กซ์อยากจะยอมรับแต่โดยดี เพราะเขารู้ข่าวที่คนตรงหน้าต้องการยิ่งกว่าดีเสียอีก

     

    จะพยายามหาให้แล้วกัน เร็กซ์ตอบเลี่ยงๆซึ่งคนถามก็ไม่ได้ติดใจเท่าไหร่นัก แล้วท่านพี่มีธุระอื่นอีกหรือเปล่าครับ

     

    มี กำลังหาพระเอก

     

    พระเอก พระเอกอะไรน่ะ

     

    พอดีเมื่อวันก่อนกำหนดการแสดงและแบ่งหน้าที่รับผิดชอบในงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบวันสถาปนาอาณาจักรได้แล้วน่ะ แล้วปีนี้ทัพเรือได้เรื่องพิธีการ ทัพอากาศได้ดูแลความปลอดภัย

     

    แล้วทัพบก เร็กซ์นิ่วหน้า เพราะยังไม่ได้ยินคนตรงหน้ากล่าวถึงหน้าที่รับผิดชอบของตน

     

    เรื่องการแสดง และอำนวยการ คำตอบที่ทำให้คนถามต้องอ้าปากค้างอย่างหุบไม่ลง

     

    ถ้าอย่างนั้น พระเอกที่ท่านหมายถึงก็

     

    ใช่ เมื่อวันก่อนประชุมภายในแล้วก็เลยตกลงเรื่องพิธีการกันเลย วันที่แกโดดประชุมพอดีเลย น้ำเสียงตำหนิถูกนำออกมาใช้ทำให้คนถูกตำหนิต้องทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมาทันที

     

    พิธีที่ว่าก็เหมือนเดิม ตอนแรกก็กะว่าจะมีการสวนสนาม แสดงอำนาจของกองทัพอะไรแบบนั้น แต่ก็มีเสียงในที่ประชุมบอกว่าการแสดงแบบเดิมๆมันน่าเบื่อก็เลยจะมีการเพิ่มการเล่นละครถวาย แล้วก็เลยตกลงกันว่าจะเล่นละครตลก คำตอบที่ทำให้คนถามต้องกุมขมับกับความไม่ปกติของกองทัพที่ตนสังกัด ถ้าไม่ปกติแค่ลูกน้องยังพอว่า แต่นี่ หัวหน้าดันบ้าจี้ตามอีกนี่สิ

     

    แล้วละครตลกที่ว่า อย่าบอกนะว่าพี่จะมาหาคนแสดง

     

    ใช่แล้วตอนแรกก็กะว่าจะเอาแก คนตอบหยุดไปนิดหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อเพื่อรอดูปฏิกิริยาของคนฟัง แต่พอมาเห็นไอ้คานินก็เลยเปลี่ยนใจแล้ว

     

    คราวนี้คนถูกเอ่ยชื่อกลับสะดุ้งแทน หะ หา ผมหรือครับ คานินทำหน้าเหรอพร้อมหันไปขอความช่วยเหลือจากคนข้างๆที่กำลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับละครตลกนั่น

     

    มะ ไม่เหมาะมั้งฮะ เหยื่อผู้โชคร้ายเริ่มหาทางแก้ตัวเอง เมื่อเห็นว่าคนข้างๆไม่ยอมช่วยพร้อมกับใช้สายตาอาฆาตมองคนที่กำลังทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้

     

    ไม่หรอก นายนั่นแหละ เหมาะสุดแล้ว ยังไงก็ไม่ได้สังกัดกองทัพนี่ ดังนั้นวันงานก็คงว่างใช่มั๊ยล่ะ

     

    ไอ้ว่างน่ะมันก็ว่างอยู่แต่ต้องนั่งว่าบนบัลลังก์เจ้าชายน่ะสิเมื่อเห็นสีหน้าปฏิเสธไม่ได้ของเหยื่อผู้โชคร้ายคนได้เปรียบจึงจัดการสรุปเรื่องเองซะเลย ตกลงจะเริ่มซ้อมพรุ่งนี้ตอนบ่ายสาม ห้ามเบี้ยว ถ้าเบี้ยว ไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้คนมองต้องหนาวแล้วเจ้าของรอยยิ้มก็รีบกลับออกไปราวกับพายุพัด ไปก่อนนะ แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วและอารมณ์ดีผิดกับคนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องสองคน

     

    บ้ากันทั้งกองทัพ เร็กซ์พูดเมื่อคิดว่าเวนิกน่าจะออกไปพ้นระยะได้ยินเสียงแล้ว ตั้งแต่ระดับแม่ทัพ เสธประจำกองทัพ จนถึงทหารในกองทัพ

     

    เออ เล่นละครตลกถวาย พูดไม่ออกเลยว่ะ คานินเห็นด้วย แล้วแกไปเป็นน้องท่านเวนิกที่ว่านั่นได้ไง

     

    ไม่ยาก พี่เค้าก็เกิดมาก่อนสิ แต่ถ้าถามว่าทำยังไงให้ได้คนพิลึกๆแบบนั้นออกมาแกคงต้องไปถามท่านพ่อท่านแม่ชั้นเองว่ะ คำตอบที่ไม่ตรงคำถามทำให้คนถามต้องถอนหายใจ เพราะดันหวังไว้ว่าจะได้คำตอบที่ดีกว่านี้

     

    แล้วความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว ชั้นได้ไอเดียอะไรดีๆแล้ว คืนนี้แกนัดพวกนั้นประชุมให้หน่อยสิ ชั้นจะไปรอก่อนที่เดิมนะ ไม่อยากเข้าวังเดี๋ยวเจอตัวยุ่งอีก

     

    ประชุมอะไร คืนนี้เนี่ยนะ ชั้นนึกว่าแกจะใช้เวลาอันมีค่าของแกหาทางปลีกตัวออกจากไอ้ละครบ้าๆนั่นของพี่ชั้นซะอีก

     

    ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นชั้นหาทางได้แล้ว แกจัดการนัดพวกนั้นให้ด้วยแล้วกัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเจ้าชายที่กำลังวางแผนจะก่อเรื่องทำให้คนที่เห็นต้องเสียวสันหลัววูบไปตามระเบียบ

     

    ...........................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×