คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Prince of Unseam2
ภายในพระราชวังใจกลางเมือง เจ้าชายฮานีนที่ตอนนี้กำลังทรงชุดเจ้าชายเต็มยศเดินอย่างไม่สบอารมณ์ไปตามทางเดินที่ทอดยาว เขาลงฝีเท้าหนักๆอย่างตั้งใจเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังอารมณ์ไม่ดี
เจ้าชายเดินเข้าไปยังห้องๆหนึ่งซึ่งอยู่สุดทางเดินที่ทอดยาวนั้น ประตูไม้บานใหญ่ถูกเปิดอย่างรุนแรงเพื่อรองรับอารมณ์โกรธของเจ้าของห้อง เมื่อก้าวเข้ามาในห้องเจ้าชายที่ทรงชุดเต็มยศก็เริ่มจัดการถอดชุดที่สวมอยู่ออกโดยเริ่มจากรองเท้าหนังสีดำสนิทคู่นั้น และถุงมือสีขาวที่มีตราของราชวงศ์ปักอยู่ ตามด้วยสายสะพายหรือเครื่องประดับต่างๆที่ใช้บอกตำแหน่งอันสูงศักดิ์ของเขา และโยนไปสุมๆกันที่มุมหนึ่งของห้อง
“เป็นอะไร โมโหใครมาวะ” เจ้าชายสะดุ้งกับเสียงของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แล้วหันไปทางต้นเสียงนั้น
“ไอ้บ้า เข้ามาทำไมวะ ใครเชิญแก” เจ้าชายพูดอย่างอารมณ์ไม่ดีกับแขกไม่ได้รับเชิญในห้องนอนของเขา และตอนนี้แขกคนที่ว่ากำลังนอนเหยียดยาวอย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้รับแขกที่อยู่ในห้อง
“โอ๋ๆ ข้าน้อยมิบังอาจเจ้าชาย” คนที่นอนเหยียดยาวอยู่พูดเสียงล้อเล่น แล้วก็ลุกขึ้นนั่ง “ได้ข่าวว่าท่านเสด็จแปรพระราชฐานไปไหนมานี่ เมื่อวาน” คนพูดหยุดไปนิดหนึ่งเพื่อดูปฏิกิริยาของคนที่กำลังพูดด้วย “ใช่มั๊ย”
“เออ แกเร็วดีนี่ ใครให้ข่าวมาวะ” เจ้าชายที่อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยเดินไปนั่งที่ตรงข้ามแขกไม่ได้รับเชิญคนนั้น “หือ หรือว่าไอ้เรรวิก” เจ้าของห้องถามพลางจ้องมองแขกไม่ได้รับเชิญด้วยท่าทีพิจารณา
เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทดวงตาสีน้ำตาลเข้มอยู่ในชุดทหารเต็มยศยิ้มกวนๆยั่วอารมณ์ผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าก่อนที่จะยอมตอบคำถามดีๆ “ก็ เมื่อวานตอนแกออกไปชั้นเห็น” คำตอบง่ายๆที่ทำให้คนถามต้องกัดฟันอย่างแค้นๆ
“นี่ชั้นจะทำอะไรต้องอยู่ในสายตาแกตลอดเวลาเลยหรือไงวะ” เจ้าชายพูดพลางถอนหายใจ “เออ ดีนี่ แกจะเป็นองครักษ์ให้ชั้นอีกคนรึไง”
“ไม่เอาว่ะ ถ้าชั้นต้องเป็นองครักษ์ให้แกคงจะบ้าตายก่อนสิ” คนตอบยิ้มกวนๆ “เจ้าชายจอมหาเรื่องที่อยู่ไม่สุขอย่างแกน่ะ น่าสงสารไอ้เรรวิกมันนะ”
“เออ ไม่ใช่ธุระแกนี่” คนถูกกวนยักคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วมีเรื่องอะไรวะ”
“หือ อ้อ ที่มาน่ะเหรอ เออเกือบลืมแน่ะ หาเรื่องแกเพลิน” คราวนี้ชายเจ้าของผมสีดำเริ่มหาของจากกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ “เจ้าชาย ให้เอานี่มาให้แก”
“หือ พี่เหรอ อะไรวะ” คราวนี้เจ้าของห้องเริ่มทำสีหน้าสนใจเป็นครั้งแรก “หวังว่าคงไม่ใช่อะไรที่น่าเบื่อๆนะ” แล้วเอื้อมมือไปรับแผ่นกระดาษที่มีตราสีทองของราชวงค์ประทับอยู่
“ไม่รู้สิ ว่าแต่เมื่อกี้แกอารมณ์เสียเรื่องอะไรวะ”
“เออ เรื่องท่านพี่แหละ บอกให้ข้าไปจัดการเรื่องทหารแทนแล้วตัวเองดันไปหาสาว” เจ้าชายรับเอกสารมาอ่านผ่านๆอย่างรวดเร็วแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป “เฮ้ย ไม่เอา”
“อะไรวะ” คนส่งกระดาษแผ่นเมื่อครู่ให้ถามอย่างอยากรู้ เพราะคนระดับเขาไม่ได้รับอนุญาตให้อ่านเอกสารจดหมายของเจ้าชายอยู่แล้ว แต่เรื่องถามจากเจ้าของจดหมายนี่เป็นอีกเรื่อง
“ไอ้พิธีวันครบรอบวันขึ้นครองราชย์น่ะ” คนเล่าหยุดนิดหนึ่งก่อนที่จะพูดต่ออย่างอารมณ์เสีย“พี่ให้ชั้นไปทำแทนว่ะ”
“ก็ดีนี่ แกจะได้ประกาศตัวสักที ให้เค้ารู้กันว่าแกก็เป็นเจ้าชาย” คนผมดำพูดหยอกๆเพราะรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่คนตรงหน้าไม่อยากทำมากที่สุดรองจากการขึ้นรับตำแหน่งรัชทายาท
เจ้าชายที่ไม่อยากจะเป็นเจ้าชายตรงหน้าส่งสายตาอาฆาตให้กับคำแนะนำที่ไม่ต้องการ “ขอบใจกับคำแนะนำแกว่ะ ไอ้เร็กซ์”
“หึหึ ไม่ต้องทำหน้าขนาดนั้น เจ้าชายที่รัก” เร็กซ์พูดกลั้วหัวเราะอย่างสนุกสนานแต่คนตรงหน้ากลับส่งสายตาไม่พอใจมาให้เขา “เอ้า ไม่พอใจอะไรข้าอีกล่ะ เจ้าชายฮานีน”
“เออ แกก็รู้ เลิกเรียกชั้นว่าเจ้าชายสักทีเซ่ ไม่ชอบเว้ย” คนที่ไม่อยากให้เรียกว่าเจ้าชายทำตาขวางจ้องสีหน้าสนุกสนานของพระสหายตัวแสบที่กำลังหัวเราะอย่างไม่ปิดบัง
“โอเคๆ คานิน ชั้นเรียกแกเหมือนเดิมก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะเว้ยถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นเรียกอย่างงี้ชั้นโดนเอาตายแน่” เร็กซ์พูดพลางทำท่าเอามือปาดคอตัวเอง
“เออ ชั้นรับประกันหัวแกได้น่า ไอ้ท่านพันเอกผู้ยิ่งใหญ่” คานินหรี่ตาอย่างเซ็งๆ “ชั้นเบื่อแกจริงๆเลยว่ะ จะทำอะไรก็รู้หมด เฮอะ” เขาหยุดไปเล็กน้อยก่อนที่จะถามขึ้นใหม่ “แล้วไอ้ชุดของแกนี่มันอะไรวะ แต่งมาซะเต็มยศ หรือว่าไอ้พิธีเมื่อกี้แกก็อยู่ด้วย”
“แหงสิวะ ชั้นก็ทหารนะเว้ย พิธีสาบานของทหารจะไม่เข้าร่วมได้ไง” คนตอบทำหน้าสบายๆผิดกับคนถามที่ทำสีหน้าอย่างกับโลกกำลังจะแตก
“แก แล้วก็ไม่มาช่วยกันมั่ง” คำพูดโกรธๆถูกส่งให้เพื่อนตัวดีตรงหน้า “ให้ชั้นเอาตัวรอดกับไอ้คำสาบานนั่นตั้งนาน”
“เอ้า ชั้นก็นึกว่าแกรู้อยู่แล้วนี่ ใครจะรู้ว่าเจ้าชายผู้หล่อเหลาและเปรื่องปราชญ์ของเราจะจำไม่ได้กับแค่คำสาบานตน”
“แก ชั้นรู้ว่าต้องขึ้นทำพิธีก่อนหน้านั้นแค่ไม่ถึงชั่วโมงใครจะไปท่องไอ้คำสาบานยาวยืดนั่นได้ทันวะ” คำตอบที่ทำให้ทหารตรงหน้าต้องหัวเราะลั่น เมื่อนึกถึงเจ้าชายผู้หล่อเหลาที่ยืนทำพิธีได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยนแม้ว่าจะต้องให้ท่านราชครูช่วยทวนคำสาบานแทนก็ตาม เจ้าชายที่ทำให้ทหารทุกคนต้องยอมรับในความสง่างาม ใครจะไปคิดล่ะว่าเป็นคนๆเดียวกับคนตรงหน้านี่
“แต่แกก็ทำได้ดีนี่” คำพูดกลั้วหัวเราะ และหัวเราะดังขึ้นอีกเมื่อจินตนาการถึงสีหน้าของคนที่เคารพคนตรงหน้าราวกับเทพเจ้าเห็นเจ้าชายที่เคารพในสภาพแบบนี้
“พอเหอะ เรื่องนั้นไว้ก่อน แกออกไปเลยไป ชั้นจะไปข้างนอก” เจ้าชายที่ตอนนี้จัดการถอดเสื้อประจำตำแหน่งออกแล้วสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงขายาวธรรมดาแทน
“ไปไหนวะ” คนถูกไล่ถามขณะที่มองเจ้าของผมสีทองย้อมสีผมให้มีสีเดียวกับสีผมของเขาอย่างตั้งใจ
“เดินเล่นข้างนอก ไปด้วยกันมะ” คำชวนที่คนถูกชวนรู้ว่าไอ้คนชวนมันต้องมีเหตุผลแอบแฝง
“ก่อนตอบรับชั้นน่าจะถามแกก่อนดีกว่า วางแผนอะไรอยู่ล่ะถึงชวนชั้นไปด้วย” คำพูดรู้ทันทีทำให้เจ้าชายที่กำลังใส่คอนแทกเลนส์สีดำต้องยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะเอาแกเป็นข้ออ้าง ไอ้เรรวิกมันจะได้ไม่มีเหตุผลที่ต้องตามชั้นออกไป แล้วแกก็คงดีกว่ามันตรงที่แกคงไม่เผลอเอ่ยพระนามเจ้าชายออกมาซะดังลั่นกลางถนน”
“เออ แต่ทำไมชั้นต้องไปด้วยวะ” คนถือไพ่เหนือกว่าเริ่มหาข้ออ้างมาต่อรอง “แต่ถ้าแกจะหาทางเลื่อนยศชั้นให้เป็นนายพลล่ะก็อาจจะยอมไปด้วย”
“เรื่องเดะ” คานินมองคนตรงหน้าพลางหรี่ตาอย่างพินิจ “แค่นี้แกก็จะกลืนทั้งกองทัพแล้ว ขืนให้แกขึ้นมาสูงกว่านี้เดี๋ยวพี่ชั้นจะบ้าตายเอา” คนถูกชมทางอ้อมหรี่ตาพลางยิ้มอย่างมีเลสนัย
“ง่าย แกก็มาคุมทหารแทนสิวะ แล้วให้พี่แกรับตำแหน่งรัชทายาทไป” คนหวังจะเป็นนายพลเริ่มหาเรื่องมาอ้าง
“ไม่ล่ะ เรื่องอะไรจะหาภาระใส่ตัว ไอ้เรื่องรัชทายาทนั่น ตราบที่ท่านลุงยังไม่คิดสละตำแหน่งชั้นก็ยังปลอดภัย ไว้ให้ท่านลุงปลดเกษียณก่อนค่อยหาเรื่องออกนอกประเทศ” แล้วคนที่จัดการแปลงโฉมเพื่อปิดบังฐานะที่แท้จริงเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มหาทางออกไปข้างนอกโดยไม่ให้ใครจับได้ต่อ “ว่าไง ไปด้วยกันมั๊ย” แล้วก็หันหน้าไปถามเพื่อนที่นั่งสบายๆอยู่ที่ที่นั่ง
“ไม่ดีกว่า มีธุระ” คำปฏิเสธง่ายๆที่ทำให้คนถูกปฏิเสธไม่พอใจ
“ทำไม หรือแกนัดเดทใครไว้” คำถามที่ตรงเป้าพอดีทำให้คนติดธุระตรงหน้าต้องยิ้มแห้ง
“เออ ใช่ รู้ได้ไง” เร็กซ์ถามพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงแปลกใจ “หรือแกแอบตามชั้นไปวะ”
“ไอ้บ้านี่ ใครจะไปว่างขนาดมาตามแกไปได้ ชั้นก็แค่เดาถูก” คนเดาเก่งยิ้มกวนๆ “ว่าไงใครล่ะ เห็นหมู่นี้แกมีข่าวอยู่กับ ท่านหญิงราสคีล ไม่ใช่หรือไง” จบคำพูดคนฟังต้องยิ้มแห้งๆอีกครั้งสำหรับการเดาอันแม่นยำของเพื่อนผู้สูงศักดิ์ตรงหน้า
“เออ ใช่ ชั้นนัดเดทกับท่านหญิงไว้ แกจะไปด้วยหรือไง” คำตอบประชด แต่เป็นคำตอบที่ทำให้คนพูดต้องเอาหัวชนผนังเมื่อคนฟังตอบว่า “เออ ก็ดีนะ ชั้นอยากเห็นตัวจริงของท่านหญิงมานานแล้ว ได้ข่าวลือว่าสวยนักหนานี่ พาชั้นไปด้วยเดะ”
“แก จะบ้าเหรอ” คนปากพล่อยโวย “ชั้นอุตส่าห์หาโอกาสที่หาได้ยากได้ซักที แกอย่าไปเป็นก้างสิวะ”
“ทำไมล่ะ ก็แค่ไปเป็นเพื่อน ไม่ได้เหรอ แล้วแกจะได้แนะนำชั้นในฐานะบุตรชายอดีตแม่ทัพที่กลับจากเรียนต่อต่างประเทศไง” คานินยิ้มเจ้าเล่ห์ “จะว่าไปแล้วเสป็กแกเป็นพวกสาวเรียบร้อยด้วยสิ ชักอยากเห็นตัวจริงมากขึ้นอีก”
“เฮ้ย แก ชั้นจะไปหาหญิงแล้วเรื่องอะไรต้องพาแกไปด้วย อยากมีสาวติดก็ไปหาเองเซ่ มายุ่งอะไรกับชั้น” หนุ่มเนื้อหอมรีบหาทางไล่ก้างออกไป แต่ไม่สำเร็จเพราะเมื่อเขาเดินออกจากห้องของมันไป ก้างตัวที่ว่าก็เดินตามชนิดเกาะติดอย่างไม่ให้คลาดสายตา ทำให้คนปากพล่อยต้องกุมขมับ
“เร็วๆ ชั้นอยากเจอท่านหญิงสักครั้งนานแล้ว” คานินเดินตามหลังคนที่กำลังเสียใจสุดขีดกับคำพูดพล่อยๆของตัวเอง และกำลังให้สัญญากับตัวเองว่า จะไม่พูดเรื่องสาวหน้าไหนให้มันฟังอีก
แล้วทั้งสองก็เดินออกไปนอกปราสาทอันเซมแล้วคานินก็เดินขึ้นรถของเพื่อนที่กำลังไม่ต้อนรับเขาอย่างยิ่งด้วยท่าทางสบายๆผิดกับเจ้าของรถ
รถสีเงินคันงามที่ถูกออกแบบมาอย่างดีวิ่งตามถนนที่นำออกจากปราสาทไปด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ ไม่นานนักก็ถึงคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งถูกประดับประดาอย่างสวยงามด้วยต้นกุหลาบที่กำลังแข่งกันออกดอกสีแดงบานสะพรั่ง “วู้ว รสนิยมแม่เจ้าประคุณของแกเหรอวะ” เสียงอุทานดังจากคนที่นั่งข้างๆคนขับ
“เออ ให้มันน้อยๆหน่อย แกน่ะเงียบๆแล้วไปนั่งเบาะหลังเลย ชั้นจะได้เดทกับท่านหญิงได้อย่างสบายใจหน่อย” พันเอกที่ถูกลดยศเหลือเพียงคนขับรถชั่วคราวของเจ้าชายพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ
“ไม่ต้องห่วงน่าชั้นไม่เอาบทสีหญิงโบราณๆของแกไปใช้หรอก ระดับนี้แล้ว” เจ้าชายตัวดีตอบ “หรือแกจะให้ปิดหูไว้ดี”
“เออ แกพูดเองนะ ปิดหูไว้ก็ดีเหมือนกัน ชั้นจะได้ไม่ต้องเสี่ยงว่าจะมีคนมาลอกเลียนบทเกี้ยวพาราสีอันสมบูรณ์แบบของชั้น” คำตอบที่ทำให้คนพูดมากต้องยิ้มแห้งๆรับ รถสีเงินวิ่งเข้ามาจอดบริเวณข้างสวนในคฤหาสน์ได้อย่างพอดี และเจ้าของรถก็จัดแจงไล่ไอ้ตัวแถมให้ไปนั่งเบาะหลังก่อนที่จะลงไปเชิญท่านหญิงของเขาให้เข้าไปในรถ
“สวัสดีครับผู้พัน ผู้พันมาช้าไปนิดหนึ่ง ท่านหญิงเลยทรงออกไปเดินทอดพระเนตรกุหลาบที่พระองค์ปลูกไว้ที่สวนด้านนั้นน่ะครับ” พูดจบท่านพ่อบ้านก็ผายมือไปทางสวนดอกกุหลาบที่ถูกปลูกไว้
ผู้พันคนเก่งเดินไปตามทางที่พ่อบ้านชี้ แล้วเขาก็พบหญิงสาวเจ้าของผมยาวสีชมพูอ่อน ในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าจนเกือบขาวกำลังรดน้ำดอกกุหลาบอยู่
“ทำไมท่านหญิงทรงมารดน้ำเองล่ะครับ ไม่ให้พ่อบ้าน หรือนายทหารคนอื่นๆทำให้” ผู้พันทัก หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีชมพูหันไปมองแล้วยิ้มให้อย่างที่ไม่มีชายใดจะปฏิเสธเธอได้
“พอดีว่างน่ะค่ะ ก็เลยมารดน้ำ ก็วันนี้ผู้พันมาช้าเหลือเกินนี่คะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะน่าฟัง ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ แล้วก้มลงทำความเคารพอย่างงดงาม “ถ้าอย่างนั้นต้องขออภัยด้วยครับที่มาช้า ไม่ทราบว่าท่านหญิงจะยกโทษให้ผมได้หรือไม่”
“ได้สิคะ ถ้าผู้พันจะกรุณาพาออกไปรับประทานอาหารข้างนอกเป็นการไถ่โทษ” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ ซึ่งผู้พันคนเก่งของเราก็ยิ้มตอบแล้วกล่าวอย่างสุภาพ “แน่นอนครับ ถ้าท่านหญิงจะกรุณาให้โอกาส ผมย่อมไม่ปฏิเสธ” แล้วทั้งสองก็เดินไปทางที่รถจอดอยู่
“อ้าว นี่ใครหรือคะผู้พัน” ท่านหญิงถามเมื่อมาถึงรถแล้วเห็นคนนั่งอยู่ก่อน
“เพื่อนผมครับ พอดีมันว่างไม่มีอะไรทำเลยขอตามมาด้วย แต่ไม่เป็นไรครับ เวลาอยู่ในรถมันจะปิดหูปิดตาไว้” เขาเน้นเสียงคำว่าปิดหูปิดตาเป็นพิเศษให้คนที่อยู่ในรถได้ยินด้วย ซึ่งไอ้คนที่ต้อง ‘ปิดหู แล้วแถมด้วยปิดตา’ ได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อย่างนั้นหรือคะ แต่คงไม่ดีมั้งคะผู้พัน เพื่อนผู้พันอุตส่าห์ตามมาด้วย” ท่านหญิงทักท้วง
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมไล่มันลงไปก่อนก็ได้ครับ” ผู้พันเสนอความเห็นแต่ท่านหญิงคัดค้าน “อย่าดีกว่าค่ะ เค้าอุตส่าห์ตามมาด้วยเราไปด้วยกันทั้งหมดก็ได้นี่คะ”เธอยิ้มน้อยๆแล้วเข้าไปในรถที่มีไอ้ตัวแสบตามที่ยิ้มร่าอย่างคนชนะนั่งรออยู่แล้ว
ทั้งสามอยู่ในรถที่กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่แถบชาญเมือง แต่คราวนี้รถไม่ได้วิ่งเร็วเหมือนขามาเพราะท่าทางเจ้าของรถจะขับช้าๆเอาใจสตรีที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ผู้พันคะ ผู้พันจะไม่แนะนำเพื่อนของผู้พันหน่อยหรือคะ” ท่านหญิงเป็นคนแรกที่เอ่ยปากขึ้นมาก่อนหลังจากที่รถออกวิ่ง
“อ้อ ครับ เค้าชื่อคานินเป็นลูกชายของอดีตแม่ทัพครับ” เร็กซ์แนะนำสั้นๆ “คานิน นี่ท่านหญิงราสคีล เป็นบุตรีของท่านราชครู”
“ยินดีที่ได้รู้จักฮะ” คานินกล่าวยิ้มๆอยู่บนเบาะหลังพลางจ้องมองหญิงสาวเบื้องหน้า “เอ่อ จะเสียมารยาทมั๊ยฮะ ถ้าผมจะถามว่าผมกับท่านหญิงเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า” คำถามที่คนถูกถามยิ้มนิดๆอย่างขบขัน
“มุขจีบสาวของคุณคานินเก่าไปแล้วมั้งคะ ดิฉันเพิ่งได้รู้จักบุตรชายของท่านอดีตแม่ทัพก็วันนี้เอง” เธอตอบยิ้มๆให้กับคนที่ถูกหาว่าจีบสาวซึ่งกำลังทำหน้าแห้งๆตอบ
“เฮ้ยไอ้คานิน คนอุตส่าห์ยอมพาแกมาด้วย อย่ามาจีบคนที่ชั้นกำลังจีบอยู่สิวะ” คนที่กำลังขับรถอยู่พูดเสียงเข้มๆ
“เปล่าเว้ย ชั้นถามจริงๆต่างหาก” คานินทำเสียงฉุนๆตอบ “ใครเค้าจะไปมีรสนิยมผู้หญิงอย่างแกวะ”
“ทำไม ชอบท่านหญิงสิไม่แปลก ทั้งสวย เรียบร้อย เพียบพร้อมเป็นกุลสตรี” คำชมง่ายๆที่ทำให้คนถูกชมต้องหน้าขึ้นสี
“ผู้พันก็ อย่าชมตรงๆสิคะ” ท่านหญิงทำเสียงออดอ้อนตอบ พลางเอามือจับแขนผู้พันคนเก่งของเธอเบาๆ
ฉากสวีทตรงหน้าถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนช่างสังเกตอย่างคานินก็คงจะเป็นเพียงฉากหวานธรรมดา แต่ สำหรับคานินแล้ว มันไม่ใช่แน่ๆ ‘ให้ตายสิ ไอ้เร็กซ์ แกโดนสาวเจ้าหลอกเข้าเต็มที่เลย แววตาที่ไม่เข้ากับท่าทางและใบหน้าที่ทำขึ้นนั่น แต่อย่างว่า ท่าทางทำขึ้นได้แต่แววตามันแกล้งทำไม่ได้’ คานินจ้องหน้าของเธอและสังเกตแววตาผ่านทางกระจกที่ติดอยู่หน้ารถ ‘ทำไมหน้าคุ้นๆนะ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่เจ้าหล่อนก็บอกว่า ไม่เคยเจอนี่หว่า’
ไม่นานนักรถก็เข้าจอดในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อเร็กซ์เปิดประตูรถก็มีพนักงานของร้านวิ่งเข้ามาให้ความต้อนรับทันที “จัดห้องพิเศษได้เลย ชั้นพาแขกคนสำคัญมา” เขาสั่งกับพนักงานที่รับคำสั่งอย่างสุภาพ
“ท่านหญิงเชิญครับ” เร็กซ์เดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้แขกคนสำคัญแล้วกล่าวคำเชิญอย่างสุภาพ แล้วทั้งสองก็เดินคู่กันเข้าไปในร้านอาหาร ปล่อยให้ ‘ตัวแถม’ เดินตามไปอย่างเซ็งๆ
ห้องพิเศษที่ว่าอยู่ชั้นบนสุดของร้านอาหารที่เกือบจะเรียกได้ว่าภัตตาคารชั้นสูง ภายในห้องถูกประดับประดาด้วยสีทองซึ่งเป็นสีประจำอาณาจักร โคมระย้าที่งดงามห้อยลงมาจากเพดาน พื้นพรมสีแดงสดเข้ากับสีของผ้าปูโต๊ะ เป็นอย่างดี และจากหน้าต่างบานใหญ่สามารถมองเห็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่และงดงามที่สุดในอาณาจักรได้
ที่นั่งสามที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย รอให้แขกผู้มีเกียรติมานั่ง เร็กซ์และท่านหญิงของเขาเดินเข้าไปนั่ง และเริ่มเปิดบทสนทนาที่ทำให้คานินหลับได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“ที่นี่บรรยากาศดีนะคะ ไม่ทราบว่าผู้พันรู้จักร้านนี้อย่างไรหรือคะ” น้ำเสียงนุ่มหวานที่ดึงดูดใจชายหนุ่มตรงหน้าได้อยู่หมัด
“ครับ พอดีผมมีคนรู้จักเป็นเจ้าของน่ะครับ มันก็เลย...” แต่ยังไม่ทันที่ผู้พันคนเก่งจะพูดจบประโยคก็ต้องหยุดเสียก่อนเพราะมีเสียงๆหนึ่งเข้ามาแทรก ทั้งสองหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกันแล้วก็ต้องเจอภาพๆหนึ่งที่เร็กซ์คิดว่าถ้าอาจารย์สอนมารยาทในพระราชวังมาเห็นคงต้องกุมหัวหมับ ท่านหญิงหัวเราะอย่างชอบใจกับภาพตรงหน้า
คานิน หรือเจ้าชายฮานีน กำลังหลับสบายอยู่บนโต๊ะ โดยใช้แขนต่างหมอน และสิ่งที่ทำให้รู้ว่ากำลังหลับสบายอยู่ก็คือเสียงกรนอย่างไม่เกรงใจใคร
“ไอ้คานิน” เร็กซ์กัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงให้รู้ว่ากำลังโมโหสุดๆ “คนอุดส่าห์ให้มาด้วยแล้วก็อย่ามาทำลายบรรยากาศดีๆสิวะ” ผิดกับท่านหญิงที่ยังคงหัวเราะน้อยๆ
“งืม ก็มันง่วง เสียงแกก็เป็นเพลงกล่อมได้พอดีเลย” คนถูกบ่นลืมตาขึ้นมาช้าๆแล้วทำเสียงงัวเงียตอบ “เอาน่าบรรยากาศดีๆ มันเหมาะสำหรับการนอนเป็นที่สุด”
“บรรยากาศดีๆมีไว้นอน สุภาษิตบ้านแกสิ” คนถูกขัดคอบ่น
“เอ้า อย่าลืมนะ บ้านชั้นก็อยู่ประเทศเดียวกับบ้านแกแหละ ถ้าจะให้ใกล้อีกนิด มันก็อยู่ห่างจากบ้านแกไม่กี่หลัง ดังนั้นสุภาษิตบ้านชั้นกับบ้านแกก็ต้องเหมือนๆกันแหละวะ” คำย้อนที่ทำให้คนรับต้องกุมขมับและคิดหาทางจับไอ้คนพูดไปเรียนมารยาทใหม่
คานินใช้แขนยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งตรงๆ แล้วก็มองไปรอบๆ “ข้าวยังไม่มาอีกเหรอ” แล้วสายตาของคนบ่นก็ไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าอันคุ้นเคยของหญิงสาวที่เขานึกไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน คานินสะบัดหัวแรงๆไล่ความง่วงแล้วลุกขึ้นยืน
“แกจะไปไหนวะ” เร็กซ์ถามอย่างสงสัย
“ส้วม จะไปด้วยกันมั๊ย” คานินแกล้งถามเพราะรู้ว่าไอ้คนตรงหน้าต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน แล้วก็เป็นอย่างที่คาด “ไม่ว่ะ ขอบใจ” เมื่อคนตรงหน้าตอบด้วยน้ำเสียงแห้งๆ พร้อมกับสาบานกับตัวเองในใจว่า ‘ต้องจับมันให้เรียนมารยาทใหม่ให้ได้คอยดูสิ’
คานินเดินตรงไปทางที่เขียนไว้ว่าห้องน้ำ เขาเดินตรงเข้าไปล้างหน้าเพื่อไล่ความง่วง และเริ่มใช้สมองอย่างหนัก ‘ชั้นต้องเคยเจอหน้าหล่อนแน่ๆ แต่เจอที่ไหนกันนะ .... เหมือนว่ามันจะเมื่อนานมาแล้ว’ เขาส่องกระจกมองผมและนัยน์ตาสีดำที่ทำขึ้นของตน ‘หรือว่าตอนที่ยังไม่ได้เป็นคานิน’
แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก เขาจึงเดินออกจากห้องน้ำแล้วเดินกลับไปที่ห้องรับประทานอาหารพิเศษที่เพื่อนผู้พันคนเก่งของเขาจองไว้จีบสาว
คานินเปิดประตูเข้าไปในห้องเขาก็พบว่าอาหารได้ถูกนำมาวางไว้แล้ว เขาจึงปิดประตูตามหลังและก้าวเข้ามาในห้อง
“อาหารมาแล้วค่ะ” หญิงสาวกล่าวเมื่อเห็นว่าคานินเดินเข้ามาในห้อง
ระหว่างทางที่เดินจากประตูไปยังโต๊ะอาหารสายตาของคานินจ้องไปยังหญิงสาวตลอดเวลา พร้อมกับหัวสมองที่ทำงานหนัก ‘ท่าทางของเธอช่างคุ้นจริงๆให้ตายสิ น้ำเสียง และแววตาแบบนั้น’ เมื่อคนที่ถูกจ้องรู้ว่ามีคนกำลังมองเธออยู่จึงหันหน้ามาสบตาเขาแล้วยิ้มพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงหวาน “มีอะไรหรือคะ”
ทันทีที่คานินได้สบตากับหญิงสาวตรงหน้าชัดๆเขาก็นึกออก ว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ภาพความทรงจำในอดีตหลั่งไหลเข้าสู่หัวสมอง ‘ชั้นนึกออกแล้ว ยายจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เอ๊ย’ คานินคิดพลางยิ้มแห้งๆตอบ พลางเดินไปนั่งที่โต๊ะด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยมขึ้นทันตาเห็น พร้อมกับหัวสมองที่ทำงานหนัก ‘ชั้นจะเปิดเผยเธอดีมั๊ยนะ หรือจะเก็บไว้ทีหลังดี’ แล้วเขาก็เหลือบมองไปทางเพื่อนรักที่หลงเสน่ห์สาวเจ้าจนถอนตัวไม่ขึ้น จึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ และตัดสินใจว่าไว้ค่อยไปหาเธอทีหลัง
..............................................................................................
“โชคดีนะครับ” เร็กซ์กล่าวเมื่อเขาขับรถพาท่านหญิงมาส่งที่บ้าน
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยช้าๆแล้วลุกลงจากรถ
รถคันงามถอยออกจากคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยต้นกุหลาบช้าๆ อาจเพราะเจ้าของรถไม่อยากจากไป คานินมองภาพของเพื่อนสนิทแล้วถอนหายใจลึกๆ “แม่นั่นมีดีตรงไหนวะ” เขาถามเรียบ
“อือ สวย อ่อนหวาน ใจดี มีน้ำใจ” คำชมเชยสั้นๆแต่ได้ใจความกระชับทำให้คานินต้องกุมขมับและหาทางลากเพื่อนรักออกจากหลุมเสน่ห์ของนางจิ้งจอก
“กุหลาบงามย่อมมีหนามแหลม สาวงามก็มีพิษภัย” คานินแย้ง “ความอ่อนหวาน มีน้ำใจที่เธอแสดงออกอาจจะเป็นแค่หน้ากากที่เธอสวมอยู่ก็ได้”
“ถึงกุหลาบจะมีหนามแต่ถ้ารู้จักป้องกันก็ไม่โดนหนามตำ ความอ่อนหวาน มีน้ำใจ ของมนุษย์มีแต่คนที่ไม่เห็นค่านั่นแหละ ที่จะมองในแง่ร้าย” เร็กซ์สวนกลับทันควัน
คานินเงียบ เขามองคนที่อยู่ข้างๆด้วยสายตาอ่อนใจ ‘ถ้าแกรู้จักปลิดหนามทิ้งก่อนก็ดีหรอก แต่นี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปมั้งว่าตอกไม้ที่แกกำลังพยายามจะเชยชมนั้นเป็นกุหลาบที่มีหนามรุ่นคมพิเศษ’
“เอ้อเดี๋ยว อย่างเพิ่งชั้นจะลงตรงนี้แหละ” คานินบอกเมื่อเห็นว่ารถแล่นออกมาถึงเขตถนนใหญ่แล้ว
“หือ แกจะไปไหนวะ อีกไกลนะเว้ย กว่าจะถึงวังแกน่ะ เดินเองเดี๋ยวได้ขาลาก” เร็กซ์แย้งพลางทำสีหน้านิ่วอย่างสงสัย
“เออ ชั้นนั่งรถไฟเป็นน่า เดี๋ยวขอไปทำธุระแถวนี้ก่อน แล้วจะกลับ” คานินพูดน้ำเสียงแกมบังคับทำให้เพื่อนรักต้องยอมทำตาม โดยจอดรถชิดริมทางให้ลง
“แกกลับไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน” คานินลงจากรถแล้วบอกกับเจ้าของรถที่ทำท่าเหมือนว่าจะจอดรอเขา
“เออ อย่าให้เกิดคดีเจ้าชายโดนลักพาตัวนะเว้ย” เร็กซ์แซวแต่ก็ยอมขับรถไปดีๆ คานินมองตามรถที่วิ่งออกไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็หันกลับและวิ่งกลับเข้าไปในคฤหาสน์กุหลาบที่เพิ่งออกมา
.........................................................................
ความคิดเห็น