ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    knight-errant

    ลำดับตอนที่ #3 : อัศวินแห่งความตาย

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 48


    หลังจากที่พวกเอสรอประมาณ 15 นาทีก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับทำหน้างงๆ กับท่าทางตามสบายของแขกของตน



    “เอส ลุกได้แล้วเฟ้ย” เรนเรียกเพื่อนที่นอนเหยียดยาวอยู่พร้อมกับถีบเข้าให้



    “หือ” เอสลุกขึ้นมาพร้อมกับมองไปรอบๆห้อง สายตาของเขาหยุดที่คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่พอดี “อ่าขอโทษครับพอดี...” คำแก้ตัวถูกขุดออกมาใช้



    “ไม่เป็นไรหรอก ตามสบายเถอะ” ชายวัยกลางคนบอกยิ้มๆเมื่อเห็นท่าทางของเอส



    “ก่อนอื่นเรามาแนะนำตัวกันก่อนดีกว่า” ชายคนเดิมพูดต่อ “พวกคุณจะเรียกผมว่า ไฮเลอร์ ก็ได้นั่นเป็นชื่อในวงการตอนนี้ผมดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศหนึ่งอยู่ และต้องการคนคุ้มกันขณะที่ต้องออกเดินทางไปทำงานในโลโกลัมซึ่งเป็นประเทศเล็กๆทางตะวันตก เลยขอคนคุ้มกันมาจากทางองค์กร .. แต่ไม่นึกว่าองค์กรจะส่งพวกคุณมา”



    “เอ่อ ครับท่าน ผมชื่อคานินเป็นอีเรส ถนัดการลอบสังหารเป็นพิเศษ ใช้ขลุ่ยเป็นอาวุธ ทางนั้นคือ วิลส์ ถนัดการปลอมแปลง ใช้อาวุธลับทุกประเภท แล้วก็ทีน ถนัดการสืบข่าว อาวุธที่สำคัญคือข่าว แต่อาวุธรองคือใช้พิษ คนต่อไปคือเอส ถนัดการต่อสู้ทุกประเภทเป็นกำลังสำคัญในการรบ อาวุธที่ใช้คือสัตว์พิลึกๆ แต่ถ้าไม่มีใช้อะไรก็ได้เป็นอาวุธ คนสุดท้ายคือ เรน ถนัดเกี่ยวกับเครื่องกลทุกประเภท ใช้ปืนที่มีประกับสีเงินเป็นอาวุธ” คานินแนะนำตัวให้ทุกคนพร้อมทั้งบรรยายสรรพคุณตามแบบฉับการแนะนำตัวในองค์กร เนื่องจากในบางครั้งผู้ว่าจ้างจำเป็นต้องรู้ความสามารถของคนในสังกัดเสียก่อน



    “ผมเคยได้ยินเรื่องของพวกคุณอยู่แล้ว เอ่อ อัจฉริยะขี้เกียจ คนเค้าลือกันอย่างนั้นนะ พวกโซลที่ผมรู้จักบอกว่าเป็นอีเรสชั้นแนวหน้าที่มีความสามารถมากแต่ขี้เกียจส่งรายงานเลยไม่ได้เลื่อนขั้น” คำพูดทีทำให้คนโดนเอ่ยถึงทำหน้าแหยกันเป็นแถบๆ



    “คือว่าผมจะทำงานอยู่ที่นี่ประมาณ 3 วันแต่ว่าผมขออนุญาตทางองค์กรไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ วันที่เหลือผมของให้พวกคุณช่วยอะไรหน่อยนะ” คนที่เรียกตัวเองว่าไฮเลอร์ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ “แล้วก็ผมอยากให้พวกคุณแบ่งเวรกันมา ขอเป็นตอนกลางคืนสามคนตอนกลางวันสองคน ขอแค่สามวันนี้ก่อนส่วนที่เหลือค่อยจัดการทีหลัง” ไฮเลอร์พูดสรุป



    “ถ้างั้นนายสองคนจัดการตอนกลางวันละกันวิลส์กับเรน เพราะดูท่าอาวุธของพวกนายเหมาะที่จะให้ในที่สาธารณะมากกว่าพิษของทีน หรือสัตว์ประหลาดของเอส” คานินสรุปตามความเหมาะสม



    “ถ้าเช่นนั้น ผมจะให้คนจัดห้องพักให้พวกคุณนะครับแล้วขอให้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ตอนนี้เลยนะครับ ส่วนเวลาเปลี่ยนเวรขอเป็นช่วงหกโมงเย็นแล้วกันเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมจะกลับมาที่นี่อีกครั้งก่อนที่จะออกไปทำงานตอนกลางคืน



    ทั้งห้าคนเดินออกจากห้องรับรองตามพนักงานไปยังห้องพักผ่อนของแต่ละคน



    “ให้ตายสิ งึม ถ้าต้องทำงานตอนกลางคืนก็ขอนอนเอาแรงหน่อยละกัน” เอสพึมพำเมื่อเข้ามาในห้องที่ถูกเตรียมไว้ของตนแล้ว พร้อมกับเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ บ่ายสอง



    ภายในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นห้องที่ไม่กว้างมากนักแต่ก็เพียงพอสำหรับพักอยู่คนเดียว ห้องถูกทาด้วยสีขาวนวลมีเตียงนอนวางอยู่มุมหนึ่งของห้อง และมีชุดรับแขกเล็กๆวางอยู่อีกมุมหนึ่ง ห้องถูกแบ่งด้วยตู้สำหรับใส่ของ นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำแยกออกเป็นอีกส่วน



    เอสเดินตรงไปที่เตียงนอนทันทีหลังจากที่วางของไว้บนโต๊ะรับแขก แล้วจึงล้มตัวลงนอน แต่ขณะที่กำลังเคลิ้มจะหลับนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น



    “ให้ตายสิ คนจะนอน มีอะไรนักวะ” เอสบ่นพร้อมกับลุกไปเปิดประตู



    “มีอะไรอีกล่ะ” เอสพูดกับคานินอย่างอารมณ์เสียหน่อยๆ



    “ป่าวก็เห็นว่านายน่าจะอยากออกไปเดินดูอะไรแถวนี้กับชั้นหน่อย” คานินพูดเสียงบังคับ



    “ถ้าชั้นบอกว่าไม่”



    “ชั้นไม่คิดว่านายจะพูดแบบนั้นนะเอส” คำตอบที่ทำให้คนอยากนอนต้องลากขาเดินออกจากห้องไปพร้อมกับแขกที่เข้ามากวนเวลานอน



    “นายจะไปไหน” เอสถามขณะที่ทั้งสองกำลังเดินออกจากตึกสีขาวที่เพิ่งเข้าไป



    “ก็เดินดูแถวนี้” คานินตอบง่ายๆ



    “แล้วทำไมนายไม่ชวนทีนออกมาวะ” เอสพูดอย่างอารมณ์เสีย



    “ไม่ล่ะ”



    ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆผ่านถนนเส้นหนึ่งที่ค่อนข้างคึกคัก



    “มีร้านขายอาวุธอยู่กลางเมืองด้วย” คานินเปรย



    “หือ นั่นสิ ปกติเค้าอนุญาตให้ขายกันด้วยหรือ” เอสตอบเสียงเรียบ



    “ก็ คงต้องมีใบอนุญาตพกอาวุธอะไรทำนองนี้มั้ง ลองเข้าไปดูกันมั๊ย” เอสพยักหน้ารับพร้อมกับเดินตามคานินเข้าไปในร้าน



    ภายในร้านถูกตกแต่งอย่างง่ายๆ รอบๆมีตู้โชว์อาวุธอันตรายโดยถูกลงกลอนไว้ ส่วนอาวุธธรรมดาอย่าง แก๊สน้ำตาหรือเครื่องช็อตไฟฟ้าจะถูกวางอยู่บนโต๊ะกลางร้านอย่างไม่เป็นระเบียบนัก



    “มาดูนี่ดิ” คานินกวักมือเรียกคนที่เดินตามมาให้มาดูตู้ด้านขวาตู้หนึ่ง



    “อะไรของแกวะ ยังไงก็ไม่ใช้อาวุธอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” เอสพูดอย่างเนือยๆพร้อมเดินลากขาเข้าไปดู



    ภายในตู้มีปืนรุ่นใหม่ที่มีประกับสีดำสนิทวางนอนอยู่ บนผ้าขนสัตว์อย่างดี



    “ทำไมจะเปลี่ยนรสนิยมเรอะ” เอสถามประชด



    “เห็นมันสวยดี เผื่อแกอยากเปลี่ยนรสนิยมบ้าง” คนถูกประชดเหน็บกลับ



    “เหอะ ให้ตายก็ไม่เอาด้วยหรอก”



    “งั้นคงต้องตายแล้วมั้ง” คานินพูดเรียบๆทำให้คนฟังหันมามองหน้า



    “ทำไมวะ จะฆ่าชั้นหรือไง” เอสถามเรียบๆ



    “ก็แค่คิดว่าอยุ่กลางเมืองอย่างงี้แกคงไม่ใช้สัตว์ประหลาดอะไรนั่นหรอกนะ ชั้นว่าแกน่าจะมีอาวุธอะไรซักอย่างเผื่อฉุกเฉิน”



    “หือ แล้วแกจะให้ยิงปืนเรอะ ให้ตายสิ ถ้าเทคนิกยิงพลาดแล้วให้กระสุนเด้งกลับมาโดนยังพอลุ้นได้ว่ะ” เอสพูดกลั้วหัวเราะ



    “ก็แล้วแต่ จะยิงยังไงของแกก็ช่างให้บรรลุเป้าหมายก็พอ” คำตอบที่ทำให้คนยิงปืนแม่น(น้อย)ต้องหน้าแหย



    “แล้วแกจะซื้อได้ไง เงินก็ไม่มีใบอนุญาตก็ไม่มี” คนทำหน้าแหยถาม



    “ชั้นมีวิธีน่า หึหึ” คนตอบตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเจ้าเล่ห์



    “แกจะซื้อให้ชั้นหรอ”



    “เรื่องเดะ ทำไมชั้นจะต้องซื้อให้แกด้วยล่ะ”



    “แล้ว บอกไว้ก่อนนะว่าชั้นไม่มีเงิน ถ้าต้องซื้อไอ้นี่ล่ะก็ เล่นหมัดกะตีนดีกว่า”



    “แกไม่ต้องซื้อหรอกชั้นบอกว่ามีวิธีก็มีสิ จะออกไปรอข้างนอกก็ได้นะ” แต่คนที่ถูกเชิญออกไปรอข้างนอกก็ยังยืนเฉย เพราะอยากรู้วิธีของไอ้เพื่อนตัวแสบ



    คานินเรียกเจ้าของร้านมาเปิดตู้ แล้วเดินตามไปจ่ายเงินที่เคาเตอร์



    “หนึ่งหมื่นห้าพันเกล ครับท่าน” คนขายบอก



    แต่คานินไม่หยิบกระเป๋าเงินออกมากลับหยิบบัตรสมาชิกขององค์กรออกมาแทน เอสไม่ทันเห็นสีหน้าเจ้าของร้านเพราะโดนคานินยืนบังอยู่ แต่ได้ยินเสียงของตกแตกขณะที่บัตรถูกยื่นให้ หลังจากนั้นซักครู่หนึ่ง คานินก็เดินออกมาจากเคาเตอร์ พร้อมกับโยนกล่องปืนที่ห่อเรียบร้อยให้เอส คนรับรับอย่างงุนงงพร้อมกับเดินออกจากร้านตามคนที่เดินไปก่อน



    “นายทำได้ไงน่ะ” เอสถาม



    “ทำอะไร” คนเจ้าเล่ห์ตอบเรียบ



    “ก็เมื่อกี้ นายทำอะไร แล้วทำไมไม่ต้องจ่ายเงินค่าไอ้นี่”



    “จ่าย แต่ชั้นไม่ได้เป็นคนจ่าย”



    “หือ หมายความว่าไง”



    “ก็ส่งบิล ไปเก็บที่องค์กร ง่ายๆ รวมกับค่าใช้จ่ายในการทำภารกิจ”



    “ไอ้บร้า แล้วเรื่องใบอนุญาตถือครองอาวุธล่ะ”



    “แกเคยทำงานตอนกลางวันกี่ครั้งแล้ว” คานินถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ



    “ก็....อือ...ครั้งนี้ครั้งแรกมั้ง” เอสตอบหลังจากที่นึกอยู่ชั่วครู่



    “เหอะ ว่าแล้ว ถ้างั้นก็ไม่น่ารู้หรอก บัตรใบนี้” แล้วคนพูดก็หยิบบัตรประจำตัว อีเรสออกมา



    “สามารถใช้เป็นใบอนุญาตได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการถือครองอาวุธ ผ่านเข้าออกประเทศหรือว่า แทนหมายค้นก็ได้ เพราะองค์กรรับรองสมาชิกทุกคนกับรัฐบาลโลกแล้ว ดังนั้นเรื่องแค่นี้เล็กน้อย”



    “หือ ขนาดนั้นเชียว”



    “แต่ว่า...สมาชิกที่เอาบัตรมาใช้ในทางที่ผิดก็เจอหนักเหมือนกันนะ ไม่ใช่แค่ไปทำงานกลางหุบเขาเหมือนที่ไคท์ส่งแกไปแน่”



    “หรอ” เอสหยิบบัตรของตัวเองออกมาดูบ้าง “ไม่เห็นมีไรเลยกับบัตรแค่นี้”



    “หึ หึ แล้วจะรู้ ว่าแต่หิวแล้วไปหาไรกินที่ร้านทางนั้นหน่อยมั๊ย” คานินชวน



    “แกเลี้ยง ไปแน่” คนขี้เหนียวบอก



    “เหอะ เรื่องเดะ ไว้ส่งบิลไปเก็บกับองค์กรก็ได้” เอสทำหน้าแหยแต่ก็ยอมเดินเข้าร้านอาหารไปกับคานิน





    เมื่อทั้งสองเข้าไปในร้านอาหารแล้ว คานินก็จัดแจงนั่งลงบนที่ที่ว่างพร้อมกับเรียกพนักงานให้เอาเมนูอาหารมาให้ เมื่อพิจารณารายการสักครู่ก็เริ่มสั่งอาหารด้วยรายการยาวเหยียดอย่างที่เอสต้องทำสีหน้าพิลึกแล้วถามหลังจากที่พนักงานเสริฟที่ทำสีหน้าไม่ต่างจากเอสเดินไปแล้ว



    “นี่แกจะกินกันทั้งโคตรตระกูลเลยหรือไงวะ เล่นสั่งซะ”



    “หือ ชั้นกินหมดน่าไม่ต้องทำสีหน้าแบบนั้น หรือนายว่าจะไม่พอ สั่งเพิ่มก็ได้นะ แต่เวลารายงานไคท์ต้องรายงานให้ละเอียดหน่อยล่ะเดี๋ยวซวย”



    “กินไม่พอบ้าเดะ กินให้ตายก็ไม่หมดวะ”



    “หือ ไม่เชื่อลองดูก็ได้นะ”



    “ไม่เป็นไร” เมื่อเอสพูดจบรายการอาหารยาวเหยียดของคานินก็เริ่มทยอยลงบนโต๊ะ จนเต็ม



    “เหอะ” เอสทำสีหน้าพิลึกขณะที่จ้องอาหารบนโต๊ะ “แกหิวจัดมาจากไหนวะ” แต่ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้นเพราะคนที่จะตอบลงมือกินอย่างไม่สนใจใครอีกแล้ว ทำให้คนถามต้องละความพยายามที่จะเอาคำตอบจากไอ้คนกินจุข้างหน้า และลงมือกินของตัวเองบ้าง



    หลังจากนั้น คานินได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั้งร้าน เนื่องจากเขากิน(ยัด) อาหารรายการยาวเหยียดนั่งลงไปในกระเพาะได้ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พร้อมกับบ่นว่ายังไม่อิ่มและเริ่มที่จะหาขนมหวานกินต่อ



    หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่คานินกินจนพอใจแล้วทั้งสองก็เดินออกจากร้านท่ามกลางสีหน้าประหลาดๆที่ฉายบนใบหน้าของทุกคนในร้านอาหารแห่งนั้น เอสคิดในใจว่า ‘ให้ตายชาตินี้ชั้นจะไม่มากินอาหารกับมันอีก’



    “ไปไหนกันต่อดี ว่าแต่กี่โมงแล้วล่ะ” คานินถามคนที่มีนาฬิกาข้อมือ



    “อีกครึ่งชั่วโมงจะห้าโมง จะกลับไปเลยมั๊ย” เอสตอบ



    “อือ กลับเลยก็ได้ ว่าแต่แกจะลองไปซ้อมปืนกันก่อนมั๊ย อีกชั่วโมงครึ่งกว่าจะได้เวลาทำงานนี่”



    “ก็ดี จะได้ลองเล่นของใหม่ ว่าแต่แถวนี้มีห้องยิงปืนหรอ”



    “น่าจะมีนะ ลองส่องหาดูแล้วกัน” หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็เจอสิ่งที่กำลังหาอยู่เป็นห้องซ้อมปืนของผู้บังคับบัญชาตำรวจนครบาล แต่ก็สามารถผ่านเข้าไปใช้ได้อย่างง่ายดายเนื่องจากบัตรประจำตัวองค์กรของคานิน



    “เล่นใช้ซะขนาดนี้ ไม่เป็นไรแน่นะ” เอสถามคานินขณะจ้องบัตรเขม็ง



    “เป็น แต่ถ้ามีวิธีเอาตัวรอดนิดๆหน่อยๆก็ไม่เป็นไรหรอก หึหึ” คนฟังทำหน้าแหยพร้อมกับคิดในใจว่า ‘ให้ตายสิหวังว่าชาตินี้คงไม่ต้องเป็นศัตรูกับมันนะ’



    นายตำรวจในเครื่องแบบสองคนเดินนำทั้งสองไปที่ห้องซ้อมปืน ที่อยู่ใต้ดินของตึก



    “กว้างดีแฮะ” คานินพูดเมื่อมาถึงจุดหมายแล้ว “แต่ก็ดีจะได้ลดความเสี่ยงตายจากกระสุนแกลงอีกนิด”



    คนถูกประชดทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่จะปรับและใส่ลูกกระสุนปืนอย่างชำนาญ



    “แกยิงให้ดูก่อน” พูดพร้อมโยนปืนที่ใส่ลูกกระสุนแล้วไปให้คนที่อยู่ข้างๆ



    “อือ” คานินเข้าประจำตำแหน่งพร้อมกับเล็กปืนไปที่อยู่ที่เป้าที่อยู่ห่างออกไปเกือบสิบเมตร



    ปัง! เสียงกระสุดแผดลั่น พร้อมกับกระสุนที่พุ่งจากปลายกระบอกปืนวิ่งตรงไปยังเป้า แต่มันเฉียดเป้าไปเล็กน้อยก่อนที่จะฝังเข้าไปในกำแพงด้านหลัง



    “ให้ตายสิ ยังไงกับปืนนี่ก็ใช้ไม่ได้ซะที” คนยิงพลาดบ่น พร้อมกับส่งปืนกลับไปให้เจ้าของ



    “ตาแก”



    เอสยืนประจำตำแหน่งพร้อมกับเล็งกระสุนไปที่เป้าแล้วยิง



    ปัง! แต่กระสุนไม่แม้แต่จะพุ่งตรงไปยังเป้า มันกลับวิ่งตรงไปยังเพดานด้านบนแล้วกระทบกับคานเหล็ก ส่งผลให้กระสุนกระดอนไปมาอย่างช่วยไม่ได้



    “เฮ้ย” คานินร้องเมื่อกระสุนเฉียดหัวของตนไปนิดเดียวก่อนที่จะฝังลงบนพื้นด้านหลัง



    “ทำไมมันไม่ตรงวะ” คนยิงบ่นพร้อมกับมองปืนในมือ “ลองใหม่อีกทีดีกว่า”



    “เฮ้ยยยย เดี๋ยว” คนที่อยู่ในห้องและยังต้องการออกจากห้องครบ 32 ส่วนร้องค้านเสียงดัง



    “แกคุมปืนให้ดีดีสิวะเวลายิงน่ะ อย่าให้ปลายกระบอกปืนมันยกขึ้น”



    “หรอ” แล้วเอสก็ลองยิงใหม่อีกครั้งโดยผลที่เกิดขึ้นมันไม่ต่างจากเดิมแม้แต่น้อย เพียงแต่คราวนี้มันพุ่งครงไปที่คานินเลยโดยไม่เฉียด



    คนเกือบโดนยิงเบี่ยงตัวหลบได้ทันก่อนที่จะต้องกลายเป็นผีเฝ้าห้องซ้อมปืน ทำหน้าซีดพร้อมกับพูดว่า “ให้ตายสิ ชั้นคิดผิดแน่ๆที่ลากแกมาซ้อมเนี่ย”



    “ไม่ผิดหรอกน่า จับเคล็ดได้แล้วขอลองอีกที” คนที่กำลังสนุกกับปืนเอ่ยขึ้นแล้วลองยิงอีกครั้ง แต่คราวนี้กระสุนกลับพุ่งลงไปและฝังอยู่บนพื้นแทน



    “ว้าต่ำไปอะ” ทันทีที่พูดจบกระสุนก็ถูกลั่นอีกครั้งอย่างต่อเนื่อง “ยังไงก็ต้องโดนซักนัดน่า” น่าแปลกที่กระสุนที่สะท้อนไปมาทั่วห้องไปแม้แต่จะเฉียดเข้าใกล้คนยิง แต่กลับพุ่งตรงไปที่คนที่ยืนอยู่ด้วยเกือบทุกนัด ถ้าไม่นับนัดที่ฝังลงไปกับพื้นหรือกำแพงก่อน



    “ไอ้บ้า เลิกเลย แกจะฆ่าชั้นหรือไงวะ” คนเกือบตายบ่น



    “ปล่าว ซะหน่อยกระสุนมันไปเองนะ” คำแก้ตัวน้ำขุ่นๆถูกใช้โดยคนที่กำลังถือปืนอยู่



    หลังจากนั้นไม่นาน คานินก็ทนไม่ไหวจึงต้องลากคนยิงแม่นออกมาจากห้องซ้อมปืน โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของคนที่ถูกลาก



    “กลับกันได้แล้ว เกือบห้าโมงครึ่งแล้วกลับไปเตรียมตัว” ข้ออ้างง่ายๆที่ถูกยกขึ้นมา



    ทั้งสองเดินกลับไปที่ตึกที่เดินออกมาในตอนแรก “แกกลับห้องแกก่อนก็ได้”เอสบอกขณะที่คานินกำลังจะเดินไปส่ง “ชั้นไม่ใช่ทารกที่ต้องให้แกไปส่ง ไม่หลงหรอกน่า”



    เอสเดินกลับห้อง ในสภาพค่อนข้างทรุดโทรม เขาเดินไปที่กระเป๋าสัมภาระแล้วหยิบเสื้อโคทสีดำสนิทขึ้นมาสวม ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปหาพวกคานินที่ห้องรับรองห้องแรกที่พวกเขาเข้าไป เพราะมันถูกจัดให้เป็นจุดนัดพบ



    “เหนื่อยชะมัดอยากนอนเป็นบ้า” เอสพึมพำเบาๆ และผลักประตูห้องเข้าไปในห้องรับรอง



    “มาแล้วหรอ” ทีนเอ่ยเมื่อเห็นหน้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามา “แล้วคานินล่ะ”



    “เดี๋ยวก็มามั้ง” เอสตอบพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามทีน



    “ไปไหนกันมาล่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยถาม



    “ก็เดินเล่นแถวนี้น่ะ แล้วก็ไปห้องซ้อมปืน”



    “หือ”



    “ก็ไปซ้อมกันมานิดหน่อยน่ะ คานินมันบอกว่าชั้นใช้สัตว์แล้วมันจะเด่นก็เลยให้ลองเล่นปืนดู”



    “แล้วเป็นไงบ้างล่ะ” เสียงหวานถามอย่างรู้ทัน



    “ก็ นะ น่าจะรู้ฝีมือยิงชั้นอยู่แล้วนี่”คนถามหัวเราะกับคำตอบที่ได้รับ



    ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานคานินก็เดินเข้ามา “มาแล้วหรอ แล้วพวกนั้นจะมากันเมื่อไหร่ล่ะ”



    “อีกสิบนาที จะหกโมง รอไปก่อนละกัน” ทีนตอบหลังจากที่ก้มลงดูนาฬิกา



    ระหว่างที่รอทั้งสามก็ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า โดยเอสใช้เวลากับการนอนเหยียดยาวบนโซฟา คานินใช้เวลาในการขัดขลุ่ยคู่มือของเขา ส่วนทีนก็หยิบหนังสือที่อยู่แถวนั้นมาอ่าน



    หลังจากนั้นไม่นานเรนกับวิลส์ก็เดินเข้ามา แล้วบอกว่า “ท่านให้ไปพบที่ห้องทำงานเลย คิดว่าคงจะบอกเกี่ยวกับกำหนดการตอนกลางคืนน่ะ”



    ทั้งสามเดินไปยังห้องทำงานตามที่ได้รับคำสั่งมา



    “ขออนุญาติครับ ท่าน”คานินเคาะประตูแล้วพูด



    “เชิญครับ” เสียงตอบสุภาพดังมาจากหลังประตู



    คานินเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปโดยมีเอสและทีนเดินตาม



    “เชิญนั่งก่อนครับ” ไฮเลอร์ เชิญทั้งสามคน



    เอส ทีน และคานิน นั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกชี้ให้ พร้อมกับฟังหมายกำหนดการคร่าวๆจากคนที่น่าจะเป็นเลขา หลังจากที่ฟังหมายกำหนดการเสร็จไฮเลอร์ก็ลุกขึ้นแล้วสั่งให้เลขาต่อโทรศัพท์ไปที่ไหนสักแห่งก่อนที่จะหันมาบอกคนที่รออยู่ “เราคงต้องรีบไปกันแล้วครับ”



    ไฮเลอร์เดินออกมานอกตึกแล้วขึ้นรถคันใหญ่ที่มีคนขับมารับ พร้อมกับให้ทั้งสามขึ้นตามไปด้วยภายในรถถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ โดยผ้าม่านอย่างดีไฮเลอร์นั่งอยู่ส่วนกลาง ของรถและ เหล่าองครักษ์นั่งอยู่ส่วนหลัง



    หลังจากรถถูกขับไปได้ครู่หนึ่ง



    “แก รู้สึกอะไรเหมือนชั้นมั๊ย” คานินกระซิบเบาๆกับเอส



    “อือ เราถูกตาม จะเอาไงให้ชั้นจัดการให้?”



    “เรื่องเดะ ชาวบ้านจะได้พากันแตกตื่นขี้เกียจรับผิดชอบ ชั้นจัดการเอง”



    คานินที่นั่งอยู่ติดประตูรถคันใหญ่เปิดประตูรถออกไปแล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคารถก่อนที่จะปิดประตูเข้าที่เดิม



    “ให้ตายยังชอบทำอะไรเวอร์ๆอยู่เรื่อย” เอสบ่นก่อนที่จะหาทางแก้ตัวกับไฮเลอร์ที่เปิดผ้าม่านเข้ามาถามว่าทำอะไรกัน



    บนหลังคารถ



    ขลุ่ยในมือคานินถูกกระชับให้มั่น ก่อนที่เจ้าของขลุ่ยจะกระโดดข้ามหลังคารถไปยังรถอีกคันที่ขับตาม โดยเจ้าของรถคันนั้นไม่รู้ตัว



    คานินทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนที่จะจับเหล็กหลังคารถเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนอากาศแล้วเตะกระจกหลังรถแตกหลังจากนั้นจึงส่งตัวเข้าไปในรถ ทำให้คนสองคนที่นั่งอยู่ในรถ แตกคื่น



    “แกเป็นใคร” ชายที่อยู่ในรถร้องลั่น



    “มนุษย์ คนหนึ่งใน แล้วก็ไม่อยากยุ่งกับพวกคุณหรอกถ้าไม่ต้องทำงาน” คนพูดพูดยิ้มๆก่อนที่จะใช้ขลุ่ยคุ่มือฟาดเข้าไปที่ท้ายทอยของชายทั้งสองทำให้สลบและรถเจ้ากรรมที่ไม่มีคนขับก็พุ่งตรงเข้าไปชนกับเสาที่อยู่ข้างทาง โดยคนก่อเรื่องก็เผ่นออกมาได้ทันเวลา



    ประตูรถที่พวกเอสนั่งอยู่ถูกเปิดออก



    “กลับมาแล้วหรอ เป็นไงมั่ง” เอสถามคนที่กระโดดเข้ามาในรถทั้งๆที่รถไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย



    “อือ ไม่เป็นไงนี่”



    “ไม่เป็นไง” เสียงไฮเลอร์ดังถามขึ้น



    “อะ เอ่อ ครับท่าน”



    “ทำไมหรือ”



    “พอดีมีคนขับรถตามมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วและคาดว่าไม่น่าใช่คนของท่านเพราะตามหมายกำหนดการที่ได้ฟังมาไม่ได้กล่าวว่าจะมีรถคันอื่นติดตามมาครับ ก็เลยไปจัดการ”



    “หือ ไปจัดการตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ”



    “เอ่อ เมื่อสักครู่ครับ”



    “ออกไปได้อย่างไร รถยังไม่ได้จอดเลย”



    “ก็กระโดดออกไปครับ”



    “กระโดด?”



    “ครับ”



    คำตอบของคานินสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ถามเป็นอย่างมากแต่ไม่ได้ถามต่อเพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่ได้กระโดดออกจากรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงโดยไม่เกิดบาดแผลแม้แต่รอยเดียว แต่อาจจะใช้วิธีอื่นที่เป็นความลับของกลุ่ม



    “อีกสักครู่ก็ถึงแล้วรอหน่อยนะ” ไฮเลอร์บอกก่อนที่จะปิดม่านกลับลงเหมือนเดิม



    ท้องฟ้าเริ่มมืดลงจนกระทั่งไม่มีแสงอาทิตย์ฉายอยู่บนท้องฟ้าอีกต่อไป



    “ถึงเวลาของดาร์กไนท์แล้วสิ” ทีนพูดล้อๆ แต่คนถูกล้อกลับไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มให้คนพูดเล็กน้อย



    “คาร์กไนท์ อัศวินแห่งความตายไม่ปรากฏตัวโดยไม่มีศพ” คานินพูดเรียบๆ



    “เชิญครับ” พนักงานเปิดประตูรถเปิดประตูให้พวกเขาลงจากรถไปสมทบกับไฮเลอร์ที่ยืนคอยอยู่



    “เอ่อ ก่อนอื่นผมจะขอกล่าวอะไรก่อนซักเล็กน้อย” ไฮเลอร์กล่าวเมื่อทั้งสามเดินเข้ามาใกล้ “ผมคาดว่าอย่างไรก็ตามวันนี้ต้องมีการบุกรุกเข้ามาแน่ๆ ขอให้ระมัดระวังด้วยนะครับ”



    “อะ ครับ นั่นน่าจะเป็นคำพูดของพวกผมมากกว่า” คานินเปรย แต่ไฮเลอร์ไม่ได้สนใจกลับเดินต่อไปเลยโดยให้ทั้งสามคนคอยระวังหลังให้



    ตามหมายกำหนดการอย่างแรกต้องเข้าร่วมประชุมก่อนจนถึงห้าทุ่ม คานินคิด



    ในห้องประชุม



    โต๊ะกลมตัวใหญ่ที่ถูกวางอยู่กลางห้องถูกจับจองที่นั่งจนเกือบเต็มแล้วโดยเหล่าคนที่มียศบรรดาศักดิ์ ซึ่งแต่ละคนล้วนมีองครักษ์หน้าตาเหี้ยมโหดคุ้มกันอยู่



    เมื่อไฮเลอร์เดินเข้ามานั่งประจำที่ ก็มีเสียงนินทาอย่างไม่ไว้หน้าดังขึ้น “เนี่ยหรอ องครักษ์ ถ้าเป็นชั้นนะเด็กถือของยังเป็นไม่ได้เล้ย” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังที่นั่งด้านข้างไฮเลอร์ขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า



    “นั่นสิ สงสัยจะตาถั่ว” แล้วเสียงหัวเราะคิกคักตามประสาก็ดังขึ้น แต่ไฮเลอร์ไม่สนใจเพียงแต่หยิบกระดาษรายการที่จะประชุมขึ้นมาพิจารณา



    หลังจากนั้นไม่นานการประชุมก็เริ่มขึ้นอย่างน่าเบื่อหน่าย เอสทำท่าจะหลับอยู่รอมร่อ



    “เฮ้ยไอ้บ้าอย่าเพิ่งหลับเดะ” เสียงคานินเตือนเบาๆ



    “อืม ก็มานง่วงนี่ ช่วงนี้มันถึงเวลานอนของเด็กดีแล้วรู้ป่าว” คำพูดของเอสทำให้บอดี้การ์ดของผู้หญิงที่นินทาเมื่อครู่ต้องหัวเราะอย่างเยาะๆ



    เวลาล่วงเลยไปจนเกือบห้าทุ่ม



    “ใกล้จะหมดเวลาแล้วเว้ยทนหน่อย” คานินกระซิบบอกเอสพร้อมกับที่ทีนหัวเราะเบาๆ แต่ทันทีที่เอสงัวเงียลืมตาขึ้นมาไฟในห้องก็ดับ



    “เอาแล้วไงพวก” คานินพูดสบายๆพร้อมผิวปากหวือในขณะที่เหล่าองครักษ์หน้าเหี้ยมทั้งหลายรีบกรูเข้าปกป้องนายของตนเต็มที่



    “อะไรกันแค่ไฟดับ ไม่เคยเห็นรึไง” คานินพูดเยาะเอาคืน



    “หึ ของแค่นี้ก็ไม่รู้ ชั้นจะบอกเอาบุญให้ที่นี่ไม่มีทางไฟดับเองหรอกเพราะไม่ได้ใช้ไฟกับองค์การไฟฟ้า ถ้าไฟดับก็คงเกิดจากเครื่องปั่นไฟเสียหรือว่า มีผู้บุกรุก” ผู้หญิงคนเดิมพูดเสียงเยาะอย่างไม่เกรงกลัว



    “ท่านไฮเลอร์ ระวังนะคะจ้างไอ้พวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาทำงาน” เธอหันกลับไปพูดกับบุรุษผู้เป็นนายของพวกเขาแทน



    แต่ก่อนที่คนถูกพูดด้วยจะตอบอะไรเสียงกระจกแตกก็ดังขึ้น



    คานินขนลุกเกรียว แต่ไม่ได้ขนลุกเพราะเสียงกระจกแตกหรือไฟดับแต่บนลุกเพราะรัวสีฆ่าฟันของไอ้คนที่อยู่ข้างๆ



    งานนี้ห้ามให้ตายก็ไม่ได้ คานินคิด



    ชายชุดดำเกือบครึ่งร้อยบุกเข้ามาในห้องที่มืดมิดเพราะไม่มีแสงไฟ “กรุณาหยุดอย่าขยับถ้าไม่อยากตาย” ชายชุดดำคนหนึ่งเอ่ยขึ้น



    “โง่นัก” คานินเปรยเบาๆ



    ไม่มีใครฟังที่ชายชุดดำผู้บุกรุกพูดกลับเข้าไปรุมทำร้ายผู้บุกรุกทั้งหมดแต่เหล่าผู้บุกรุกนั้นมีผือมีดีเกินคาดผู้ที่รุกเข้าไปทั้งหมดถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น แต่เหล่าองครักษ์ที่ถูกจ้างมาจะเสียศักดิ์ศรีไม่ได้ ผู้ที่เหลือต่างพยายามเข้าไปจับผู้บุกรุกเพื่อนายของตน แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จหรือกระทั่งกลับออกมารายงานตัวต่อนายของตนทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้



    ศพเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งทียังไม่เคลื่อนไหวจากตำแหน่งเดิม



    “ไฟชาร์ตเต็มหรือยัง ตาร์กไนท์” เสียงคานินผู้ที่ยังอารมณ์ดีอยู่เปรยกับเพื่อนข้างๆ



    “ใกล้แล้ว ถ้าได้เลือดซักหน่อยก็ดี” เสียงตอบเรียบที่ทำให้ต้องขนลุกโดยไม่ตั้งใจ



    “ถ้างั้นชั้นให้แก แต่ช่วยจัดการก่อนที่มันจะเริ่มฆ่าเหล่าผู้ยิ่งใหญ่พวกนั้นนะ เอ้อ แล้วก็อย่าเยอะนักนะ ขี้เกียจมีเรื่องกับเบื้องบน” คานินพูดด้วยน้ำเสียงที่เขาพยายามทำให้เรียบที่สุด



    เมื่อองครักษ์คนสุดท้ายที่ถูกจ้างมาโดนฆ่าตาย



    “ทีนี้มีใครจะเข้ามาอีกไหม หรือต้องให้สังเวยมากกว่านี้ถึงจะยอมทำตาม”



    เหล่าผู้เข้าประชุมต่างสั่นอย่างไม่ตั้งใจด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่มีใครลุกจากที่นั่งเพื่อหาทางหนีเลยเพราะไม่มีใครก้าวขาออกหลังจากที่เห็นศพมากมายขนาดนี้



    “กะ แก ต้องการอะไร” ชายคนหนึ่งกล่าว



    “ต้องการ ใช่แล้วต้องการ” แล้วชายชุดดำก็หัวเราะลั่น



    “ฆ่าพวกแกไง หึหึ พวกคนชั้นสูงที่น่าคลื่นไส้ พวกบ้าอำนาจที่คอยกดขี่ประชาชน พวกแกต้องตาย”



    เหล่าคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างขนลุกซู่เพราะความกลัว ไม่เว้นแม้แต่ไฮเลอร์



    แล้วชายชุดดำก็เริ่มก้าวเท้าเข้าไปยังสตรีชั้นสูงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ



    “ยะ อย่า ฆ่าชั้น แกต้องการอะไร เงิน หรือชื่อเสียง ชั้นช่วยได้นะ” เสียงอ้อนวอนขอชีวิตย่างน่าสมเพช



    “ของพวกนั้นชั้นไม่ต้องการหรอก ชั้นต้องการแค่ประเทศที่ไม่มีพวกสวะอย่างพวกแก ตาย” ชายชุดดำเงื้อมีดแล้วฟันลงไปที่คอของหญิงคนนั้น แต่ว่ามีดกลับไม่สามารถเข้าถึงสตรีคนนั้นได้อีกต่อไปเพราะเธอได้หายไปแล้ว



    “ขอบใจ คานิน ทีนี้ชั้นก็ขออนุญาตล่ะนะ” เสียงเหี้ยมดังมาจากชายหนุ่มที่เคยเรียบร้อยขี้เล่นซึ่งบัดนี้ไม่มีเค้าของคนนั้นอีกแล้ว



    “เออ ก็แกช้าชะมัดเลยนี่” เสียงตอบเรียบๆจากผู้ที่เข้าช่วยเหลือสตรีเมื่อครู่



    แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้ที่คานินคุยด้วย เขาหายไปจากที่ที่ยืนอยู่แล้ว



    “หลบมาทางนี้ดีกว่าครับ คุณผู้หญิงก่อนที่คุณจะตายเพราะ อัศวินแห่งความตาย” คานินพูดกับผู้หญิงที่ยังอยู่ในอ้อมกอดเขา



    เฟี้ยว เสียงอะไรบางอย่างตัดผ่านอากาศไปยังคอของเหล่าชายชุดดำที่ยืนล้อมอยู่รอบห้อง แล้วคนเหล่านั้ก็ค่อยๆล้มตายลงเรื่อยๆ



    “เกิดอะไรขึ้น” ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าร้องลั่น



    “ตาย” เสียงเหี้ยมดังมาจากมุมหนึ่งของห้องแต่ไม่มีเจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงนั้น



    เหล่าชายชุดดำยังล้มตายลงไปเรื่อยๆยิ่งกว่าใบไม้ร่วง



    พริบตาต่อมา ชายชุดดำที่ยืนอยู่ในห้องคนสุดท้ายก็ถูกกำจัดเหลือเพียงแต่หัวหน้าของชายเหล่านั้น



    แล้วปีศาจก็โผล่ออกมาจากความมืด ในมือถือมีดสีเงินเล่มหนึ่ง มีดเล่มเล็กที่ไม่เปื้อนเลือดเลยแม้แต่น้อย เพราะเจ้าของใช้มันฟันอย่างรวดเร็วจนเลือดไม่ทันหยดลงมาที่มีด



    เอสยืนพิจารณามีดอยู่ครู่หนึ่งอย่างพึงพอใจแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายชุดดำคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในห้อง



    “เหลือแกคนเดียวแล้วนะ อยากตายด้วยอะไรล่ะ” เอสพูดเสียงนุ่มแต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมโหด



    “กะ แก” ชายชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยความกลัว “แกเป็นใคร” เสียงสั่นเครือ



    “ข้าคือ ดาร์ไนท์ อัศวินแห่งความตาย รู้มั๊ยราคาที่เจ้ามาหาเรื่องข้ามันแพงนัก” เอสพูดเสียงเรียบแต่ทันทีที่พูดจบร่างนั้นก็หายไปทันทีแล้วไปปรากฏที่ด้านหลังของเหยื่อ



    “ลาก่อน” แล้วมีดก็ถูกเสียบลงไปที่หัวใจของเหยื่ออย่างช้าๆ โดยจงใจให้ทรมานที่สุดก่อนที่จะตาย



    เอสดึงมีดออกจากศพของขายชุดดำแล้วเก็บเข้าไปในปลอกมีดที่ถูกซ่อนอยู่ภายในเสื้อโคทสีดำตัวยาว สร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกสายตาในห้องเว้นแต่ทีนกับคานินที่เห็นจนเคยชินเสียแล้ว



    ปีศาจเดินกลับไปยังด้านหลังของชายที่ตนต้องปกป้องดังเดิมท่ามกลางสายตาของทุกคนในห้อง



    “จะประชุมต่อไหมครับ ท่าน ผมอยากรีบๆกลับไปนอนเต็มทีแล้ว” น้ำเสียงขี้เล่นกลับมาอีกครั้ง เอสคนเดิมกลับมาอีกครั้ง



    “อะ เอ่อ ยะยกเลิกการประชุม”  หัวหน้าในที่ประชุมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นทันทีที่รู้สึกตัว



    “ว้า ให้ตายสิอุตส่าห์จัดการก้างให้แล้วดันเลิกประชุมไปซะอย่างงั้น” เอสบ่น



    “นะ หนอยไอ้คนอวดดี” คนที่รู้สึกตัวคนแรกเอ่ยขึ้นแล้วรีบออกจากห้องประชุมด้วยความรวดเร็ว



    “อะไร ฟะ ยังไม่ได้ทำไรเลยมาหาว่าอวดดีซะนี่” เอสบ่นอย่างงงๆ



    “หึหึ ไอ้พวกบ้าศักดิ์ศรีก็งี้แหละ เค้าไม่ยอมรับว่าถูกไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมช่วยชีวิตไว้ในขณะที่องครักษ์ของตนถูกฆ่าง่ายๆราวพลิกฝ่ามือ” คานินตอบเรียบ



    ไฮเลอร์ที่รู้สึกตัวก็ลุกเดินออกจากที่ประชุมทำให้พวกเอสเดินตามออกไป ทั้งหมดกลับถึงที่พักโดยไม่มีใครพูดอะไรเพราะถูกไฮเลอร์จ้องอยู่ตลอดเวลา



    “พวกนายเป็นใคร” ไฮเลอร์ถามเมื่อกลับมาถึงแล้ว



    “เอ่อ ก็เป็นอีเรสขององค์กรที่ถูกเรียกมาไงครับท่าน” คานินรับ



    “ไม่ใช่ อีเรสไม่มีฝีมือขนาดนี้หรอก เทรนก็ทำไม่ได้” ไฮเลอร์พูดเสียงหนักแน่นพยายามเค้นหาความจริงที่ต้องการ



    “พวกผมก็เป็นคนที่ถูกท่านเรียกว่าอัจฉริยะขี้เกียจไงครับ” เอสตอบบ้าง



    “ฝีมือขนาดนี้ต้องเป็นพวกผู้บริหารระดับสูงกว่าชั้นเท่านั้นถึงจะทำได้” ไฮเลอร์เปรยเรียบก่อนที่จะเดินแยกกลับไปพักที่ห้องของตน



    “ให้ตาย แกก็แสดงซะเวอร์เลยไอ้เอสเวร” คานินบ่น



    “อะไรวะ ก็แกยกให้เองนี่” เอสค้าน



    “พอทีน่า ทั้งสองคนนั่นแหละ ยังไงตอนนี้ก็แก้ไรไม่ได้แล้วเถียงไปก็เท่านั้นแหละพอเถอะ” ทีนร้องบอก “กลับไปนอนกันเหอะ ไหนว่าได้เวลานอนของเด็กดีแล้วไง” แถมท้ายด้วยคำกระเซ้าแล่นให้ทั้งสองยิ้มเรียบ



    “นั่นสิ ไปนอนดีกว่า” เอสพูดบ้าง พร้อมกับเดินแยกไปที่ห้องนอน



    ................................................................................................................



    “เอสตื่นเว้ยตื่น” วันต่อมาที่เอสหลับเห็นตาย



    “หือ” คนที่ถูกปลุกลืมตาขึ้น



    “เฮ้ยจะห้าโมงเย็นแล้วเว้ย ตื่น” คานินบ่นเสียงดัง



    “หือ ขนาดนั้น”



    “เออสิวะ จะนอนไปถึงไหน”



    “งึมๆ ก็คนมันง่วงนี่ เมื่อวานนอนดึก”



    “แต่แกก็ตื่นปาเข้าไปห้าโมงแล้วนะเว้ยยยยยยยย”คานินตะโกนเสียงดัง



    “ครับๆๆ ตื่นก็ได้” เอสลุกขึ้นจากที่นอนแล้วตรงเข้าไปในห้องน้ำ



    หลังจากนั้นไม่นานคานินก็จะลากเอสไปหาอะไรกินด้วยกัน แต่เอสก็ปฎิเสธหัวเด็ดตีนขาดโดยอ้างว่ากินไม่ลง



    เวลาล่วงเลยไปถึงหกโมงเย็น เอสและคานินก็บังเอิญเข้าไปในห้องนัดพบพร้อมกันโดยมีทีนนั่งรออยู่เช่นเดิม



    “มาช้ากันจัง เมื่อกี้เรนกับวิลส์มาตามแล้วนะ” ทีนบ่นเสียงเย็นเล่นเอาพวกหนุ่มๆเสียวสันหลังวาบ



    ทั้งสามเดินเข้าไปที่ห้องทำงานเดิมของไฮเลอร์พร้อมกับฟังหมายกำหนดการเช่นเดิม โดยงานในคืนนี้ของไฮเลอร์มีเพียงไปประชุมแก้ของเมื่อวานเท่านั้น



    ห้องประชุมห้องเดิมไม่ได้ถูกเปิดใช้เพราะต้องเก็บกวาดสิ่งที่เอสและชายชุดดำทำอย่างละครึ่ง จึงได้ใช้ห้องประชุมห้องที่ใหญ่กว่าเดิมแทน แต่ห้องประชุมที่ใหญ่ขึ้นกลับมีสมาชิกเข้าประชุมน้อยกว่าเดิมเพราะแต่ละคนขวัญผวาไม่หายกับการฆาตกรรมหมู่เมื่อวาน



    เปิดประชุมและเริ่มประชุมมาจนกระทั่งการประชุมใกล้จะเสร็จเช่นเดิม หัวหน้าที่ประชุมก็กล่าวว่า “ขอให้ทุกท่านนำองครักษ์ออกจากที่ประชุม เพราะสิ่งที่จะประชุมต่อไปนี้เป็นเรื่องลับไม่ต้องการให้คนนอกรู้” เมื่อคำพูดจบประโยคเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นจากรอบๆ



    “ถ้าพวกท่านมีปัญหาก็ต้องขอให้ออกจากที่ประชุมเดี่ยวนี้” คำสั่งขาดทำให้ทุกคนต้องยอมทำตาม แต่ก็มีบางคนที่ยอมออกจากการประชุมเพราะกลัวเกิดเหตุการณ์เช่นเดิมอีก



    เอส คานิน และทีนเดินออกจากห้องประชุมอย่างว่าง่าย



    “หึหึ วันนี้มีคนฮือฮาแกเยอะเลยว่ะไอ้เอส” คานินพูดเมื่อทั้งสามยืนอยู่หน้าห้องประชุมรวมกับองครักษ์คนอื่น



    “ฮือฮา บ้าเดะ ไม่มีใครเฉียดเข้าใกล้ชั้นสักคนมากกว่า” เอสบ่น



    “ก็สมควรแล้วนี่” ทีนพูดปนหัวเราะ



    เอสยิ้มแหย



    “ยัย คนเมื่อวานที่ดูถูกพวกเราก็ไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้รัศมีสิบเมตรเลยว่ะ” คานินหัวเราะอย่างสะใจ



    “อ้อ ก็เลยทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ไฮเลอร์ไปด้วยใช่มะ” ทีนพูดประชดแล้วนึกถึงไฮเลอร์ที่วันนี้ไม่มีใครที่จะเฉียดเข้ามานั่งใกล้เขาโดยไม่มีที่นั่งว่างขั้นอย่างน้อยสามที่



    “หึหึ ช่วยไม่ได้นี่ ความผิดไอ้เอสมันนู่น” คานินโบ้ย



    “ไอ้บ้า ความผิดไอ้คนบุกรุกเมื่อวานโน่นเว้ย” เอสโยนต่อ



    หลังจากนั้นไม่นานการประชุมก็เสร็จสิ้นลงโดยไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น



    ทั้งหมดมุ่งหน้ากลับไปยังที่พักเช่นเดียวกับเมื่อวาน



    เมื่อถึงที่พักเอสก็ขอตัวไปนอนเป็นคนแรกแต่กลับไม่ได้รับอนุญาติ



    “ทำไมล่ะครับ” เอสโวยวาย



    “ผมต้องการคุยกับคุณสักเล็กน้อย” คนที่มีอำนาจเหนือกว่ากล่าวแกมบังคับทำให้ผู้น้อยขัดไม่ได้



    เอสเดินตามไฮเลอร์ไปโดยมีการหัวเราะเยาะของคานินเป็นตัวส่งเสริม “ก็แกเล่นอาละวาดซะวุ่นวายเองนี่ พวกชั้นไปนอนก่อนนะ”



    ไอ้เพื่อนเวร เอสคิดในใจขณะที่ก้าวเข้าไปในห้องทำงานของไฮเลอร์อีกครั้ง



    “ท่านมีอะไรหรือครับ” เอสถามเมื่อเห็นว่าไฮเลอร์นั่งลงหลังโต๊ะทำงานแล้ว



    “ไม่มีอะไรมากนักหรอก รับรองคุณได้ไปนอนแน่ ผมแค่อยากถามว่าคุณเป็นใคร” คำถามที่ทำให้เอสแสดงสีหน้าพิลึกออกมาครู่หนึ่ง



    “ผมก็เป็นผมสิครับ” เอสตอบกวนประสาทคนถาม



    “ไม่ใช่ คุณเป็นใครกันแน่”



    “ผมไม่ทราบว่าท่านต้องการคำตอบอย่างไรครับ ท่านก็รู้ถึงตำแหน่งงานของผมอยู่แล้ว หรือว่าท่านต้องการทราบโคตรตระกูลของผมล่ะครับ” เอสตอบยิ้มๆ



    “ไม่ใช่” ไฮเลอร์ตอบเรียบแล้วห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง



    “ถ้าท่านไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”เอสพูดหลังจากที่เงียบไปได้สักพัก แต่ก็ไม่มีคำตอบจากชายตรงหน้า เขาจึงถือว่าความเงียบเป็นคำตอบรับและเดินออกจากห้องไป



    ................................................



    วันที่สามของการทำงานก็มาถึง



    คานินเปิดประตูเข้าไปหมายจะปลุกไอ้คนขี้เซาอีกครั้งตอน 5 โมงเย็นแต่วันนี้คนขี้เซาของเขากลับไม่อยู่ในห้อง



    “มันไปไหนวะ หรือว่าจะโดนขู่อะไรจนยังไม่ได้กลับห้องจนป่านนี้” คานินเปรย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้วเดินออกจากห้องที่เจ้าของไม่อยู่



    หกโมงตรงคานินเดินเข้าไปที่ห้องรับรองห้องเดิมแล้วก็พบทีนกับเอสนั่งอยู่ด้วยกัน



    “ทำไมวันนี้แกตื่นเช้าได้วะ” คานินถาม



    “ไม่รู้ดิ มันตื่นเองนี่ สงสัยโดนวางยามั้ง” คำตอบที่ทำให้ทีนหัวเราะน้อยๆ



    “ไอ้ห้าโมงเย็นนี่มันเรียกว่าเช้าหรอ เพิ่งรู้นะ” คำที่กำลังขำถาม



    “ก็เช้าของไอ้เอสมันล่ะ” คานินตอบพร้อมกับนี่งลงบนเก้าอี้ข้างๆทีน



    ซักครู่ต่อมาเรน และวิลส์ก็เข้ามาตามเช่นเดิม



    ทั้งหมดทั้งสามจึงเดินไปยังห้องทำงาน แล้วฟังหมายกำหนดการเช่นเคย “หมายกำหนดการวันนี้ ไปงานเลี้ยงอำลา...”



    ..............................................................................



    ในงานเลี้ยง



    “สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านวันนี้ก็ถึงเวลาอำลากันแล้วขอให้ทุกท่านเก็บภาพความประทับใจที่อยู่ที่นี่ไว้ในใจนะครับ ส่วนเรื่องที่ไม่ดีหรือผิดพลาดทางเราต้องขออภัยครับ” โฆษกกล่าว



    “วันนี้คนน้อยลงเยอะเลยว่ะ” เอสเปรย



    “นั่นสิ น่าสงสารเจ้าของงานนะ” คานินตอบพร้อมกับหาวน้อยๆ



    “เหอะ ไม่ล่ะ ทำเอาวุ่นวายไปหมดงี้ ถ้าไม่มีไอ้งานบ้านี่ชั้นก็ได้นอนอยู่บ้านสบายๆแล้วเชียว”



    เป็นที่สังเกตได้ว่าเหล่าผู้มาร่วมงานไม่มีแม้แต่สักคนเดียวที่เฉียดเข้ามาใกล้ไฮเลอร์หรือ กลุ่มของเอสที่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเลย ยกเว้นบริกรที่เข้ามาเสริฟอาหารและน้ำให้พวกเขาเท่านั้น



    เวลาล่วงเลยผ่านไปจนงานเลี้ยงใกล้ได้เวลาเลิกรา



    “ต่อจากนี้ก็เป็นรายการสุดท้ายของงานเลี้ยงนะครับ” โฆษกคนที่กล่าวเปิดงานขึ้นมาพูดบนเวทีอีกครั้ง



    “นั่นก็คือ ฉลองเลือด”



    คำพูดสุดท้ายทำให้ทั้งห้องสะดุ้ง เอสล้วงมือลงไปหยิบมีดคู่ใจแต่ปรากฏว่ามันไม่อยู่



    “เฮ้ย”



    “อะไรวะ” คานินพูดเสียงเบา



    “ชั้นลืมมีด”



    “หา” คานินอุทานเสียงดัง “ชิบหายแล้วไง”



    “แต่ชั้นว่าเมื่อเย็นก็หยิบแล้วนะ หรือว่า”



    “อะไร”



    “ไอ้บริกรนั่น มันเอามีดชั้นไป” เอสกัดฟันกรอด



    “ไอ้เวร แล้วแกทำไงให้มันเอาไปได้วะ”



    “ก็ตอนที่มันเสริฟน้ำมือมันมาโดนโค้ทชั้น ก็นึกว่าไม่เป็นไร”



    “เวรเอ๊ย แล้วจะเอาไงยกให้ชั้นมั๊ย” หลังจากที่คานินพูดจบเสียงปืนก็ดังสนั่นขึ้นทั่วห้อง เหล่าคนที่มาร่วมงานล้มตายกันเป็นใบไม้ล่วง เลือดรินไหลไปตามพื้นพรมสีแดง



    กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายได้ปลุกอัศวินแห่งความตายขึ้นมาอีกครั้ง ปืนถูกชักออกมากระชับในมือ



    “เอาแล้วไง” คานินสบถกับตัวเอง “ทีนเธอดูไฮเลอร์ เดี๋ยวชั้นจัดการมันเอง” พูดจบก็กระโดดหายไปต่อหน้า แล้วปรากฏตัวอยู่ข้างๆเหล่ามือปืนชุดดำที่ตอนนี้ยืนอยู่เต็มห้อง



    สันมือถูกฟาดเข้าที่ท้ายทอยของมือปืนคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว พร้อมคำพูดเสียงนุ่ม “วางปืนลงซะถ้ายังไม่อยากตาย” แต่แน่นอนว่าต้องไม่มีใครทำตาม ชายที่ไม่มีของที่ดูเหมือนอาวุธอยู่ในมือกับทหารที่มีอาวุธหนักครบมือย่อมต้องชนะ



    ดังนั้นปืนจึงยังลั่นต่อไปเรื่อยๆหมายจะปลิดชีพทุกคนในห้อง แขกผู้มีเกียรติคนสุดท้ายถูกยิงผ่านหัวใจล้มลงไปกองอยู่กับศพที่เกิดขึ้นก่อน



    ในห้องเหลือเพียงเหล่าชายชุดดำติดอาวุธ โฆษก ไฮเลอร์ และพวกคานินเท่านั้น



    ปืนถูกเล็งอีกครั้งไปทางผู้สูงศักดิ์คนสุดท้ายที่อยู่ในห้อง แต่เมื่อกระสุนถูกลั่นออกจากกระบอกปืนแล้ว เป้าหมายกลับหายไปจากจุดที่เคยอยู่ แล้วไปปรากฏตัวอีกครั้งหน้าประตูทางออก



    “ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” ทีนถามด้วยความเป็นห่วงกับชายที่อยู่ในความคุ้มครองของเธอ



    “มะไม่เป็นไร” เสียงตอบที่ทำให้อุ่นใจ



    “งั้นชั้นพาท่านออกไปที่ปลอดภัยก่อนนะ” ทีนพูดเสียงดังหมายจะให้เพื่อนทั้งสองได้ยินพร้อมกับจะเปิดประตูออกไปนอกห้อง



    “อย่าให้มันไป เสียงโฆษกคนเดิมพูด” พร้อมกับที่เหล่ามือปืนชุดดำกรูเข้าไปหมายจะกำจัดคนที่พยายามออกนอกห้อง



    “อย่างพวกแกน่ะอีกสักสิบปีค่อยมาขวางชั้นเหอะ” ทีนพูดพร้อมกับที่เหล่าคนถือปืนเริ่มล้มลงไปทีละคนด้วยฝีมือของคานิน



    “กู๊ดลัก” ทีนเปิดประตูออกไปนอกห้องจัดเลี้ยงปล่อยให้เพื่อนทั้งสองของตนสู้อยู่



    ปัง !



    เสียงปืนดังขึ้นอีกนัดแต่คราวนี้เสียงปืนนั้นแปลกจากเสียงปืนของเหล่าชายชุดดำ ลูกกระสุนที่ถูกลั่นออกจากปลายกระบอกปืนสีดำสนิทวิ่งทะลุผ่านหัวใจของโฆษกที่ยืนอยู่บนเวที



    “เอส” คานินร้อง “เอาละวะทีนี้”



    ลูกกระสุนวิ่งอย่างแม่นยำตรงไปยังทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในห้องนั้นเว้นแต่เพียงคานินที่ไหวตัวทันรีบหาที่หลบภัยเรียบร้อย



    กระสุนถูกยิงอย่างแม่นยำ เมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มคนเดียวกันกับที่เคยซ้อมอยู่ในห้องซ้อมปืนแล้วดูราวกับว่าเป็นคนละคนกับชายที่ยิงปืนอย่างแม่นยำผู้นี้



    เหล่าผู้บุกรุกตายในพริบตา ห้องจัดเลี้ยงอันกว้างขวางที่เคยเต็มไปด้วยอาหารและผู้คนกลายเป็นห้องฉลองเลือดที่มีแต่ศพกับเลือดไหลอยู่ทั่วห้อง แต่มือแม่นปืนยังไม่หยุดยิง เขาเล็งออกไปนอกหน้าต่างกระจกของห้องจัดเลี้ยงที่อยู่ชั้นบนสุด และเหนี่ยวไปปืน



    ปัง !



    กระสุนวิ่งทะลุกระจก แล้ววิ่งตรงเข้าไปยังศรีษะของชายผู้อยู่บนดาดฟ้าตึกข้างเคียงที่กำลังเล็งปืนมาที่พวกเขาอยู่



    “จบแล้วใช่มั๊ย ชั้นดูการแสดงของแกแล้วจะหัวใจวาย” คานินเรียก



    “อะ อือ” เอสพูดเหมือนเพิ่งได้สติ



    “ทีนี้ชั้นจะรายงานองค์กรไงดีวะ แกเล่นทำซะ” คานินถอนหายใจพร้อมกับมองไปรอบๆห้อง



    “เอาเหอะน่าๆ อย่าเครียดๆ ไม่ต้องไปรายงานก็จบเรื่อง” เอสพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา



    “เหอะ”



    .......................................................................................................



    เช้าวันต่อมาเอสถูกลากขึ้นมาจากที่นอนตั้งแต่ 8 โมงและยอมไปอาบน้ำแต่ตัวด้วยท่าทางที่เหมือนยังไม่ตี่นดี



    ในห้องรับรองที่กลายเป็นห้องนั่งเล่นประจำของพวกเอสไปแล้ว



    ประตูถูกเปิดออก ไอ้คนที่กำลังง่วงก้าวเข้ามาให้ห้องพร้อมกับเสียงบ่น “มีอะไรนักหนาวะ คนมันง่วง” พร้อมกับก้าวไปหานั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ยังว่าง



    “ป่าว จะบอกข่าวดีกับแก” เรนพูดเสียงเรียบ



    “หือ ข่าวดีหรือ”



    “ใช่ ข่าวดี”



    “ข่าวอะไรล่ะ”



    “กลับได้แล้ว”



    คำตอบที่สร้างความงุนงงและยินดีให้กับเอส “ว่าแต่ทำไมล่ะ เราต้องทำงานอาทิตย์นึงนี่”



    “ไฮเลอร์ แจ้งวีรกรรมแกไปทางองค์การเลยโดนเรียกตัวกลับไปก่อนที่จะทำวุ่นกว่านี้น่ะสิ” คนทำวุ่นสีหน้าแหย



    “ก็ดี งั้นเราจะกลับกันเมื่อไหร่ล่ะ” เอสพูดพลางมองเพื่อนๆที่นั่งอยู่รอบๆ



    “กลับเลยตอนนี้”



    “ทำไมเร็วจังวะ”



    “ก็ไม่หรอกเพราะไฮเลอร์จะกลับแล้ว กลับก่อนกำหนด 4 วัน เค้าคงจะกลัวแกแหละ” เรนพูดเสียงหน่าย “แล้วไอ้คานินก็เรียกให้คนมารับแล้วด้วย กลับเลยนะ”



    “เออ กลับเดะ จะไปนอนแล้ว” คำพูดที่สร้างเสียงหัวเราะน้อยๆให้กับทุกคน



    .........................................................................................



    ในรถระหว่างกลับ



    “ว่าแต่แกจะรายงานเบื้องบนไงวะ” เรนถามคานินที่นั่งอยู่ข้างๆเอสที่หลับไปแล้ว



    “ไม่รู้สิ คงไม่รายงานล่ะ”



    “หือ”



    “ถ้ารายงานไอ้เอสมันต้องโดนหนักแน่ ไม่รายงานล่ะ”



    เรนยิ้มนิดๆอย่างพอใจกับคำพูดของคานิน



    ...............................................................................................................





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×