ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : งานชิ้นที่1 คุ้มกัน
“นี่ งานที่ทำวันนั้นเป็นไงมั่ง เอส” เด็กหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี ถามเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
“หือ ก็ไม่เป็นไง” คนที่ถูกถามตอบง่ายๆ
“แปลว่าคราวนี้สำเร็จ?”
“อือ”
“ไม่จริงน่า”
“ทำไมไม่จริงวะ”
“ก็ปกติ ถ้าแกไม่จัดการเป้าหมายผิดตัวก็ต้องทำอะไรพลาดซักอย่างแต่คราวนี้ดันสำเร็จ สงสัยพรุ่งนี้โลกคงแตก”
“ไอ้เวร “ เอสพูดอย่างฉุนๆ
“ล้อเล่นน่า แล้วแกไปรายงานตัวยัง”
“ยัง” คำตอบง่ายๆที่ทำให้คนถามต้องกุมขมับ
“ขี้เกียจว่ะ” คำตอบต่อมาที่คราวนี้คนถามเลิกเอามือกุมขมับแต่ขยับมือมาที่ไอ้คนตอบแทนแล้วจัดการลากมันไปที่ห้องรายงานตัว “ไอ้บ้า รีบๆจัดการซะเดี๋ยวแกก็เจอลงโทษอีกหรอก”
“ช่างมันสิ ไว้วันหลังก็ได้ยังไม่อยากเจอหน้าพี่ไคท์ตอนนี้ แค่นี้โลกก็น่าเบื่อพอแล้ว” เมื่อพูดจบก็มีเสียงๆหนึ่งดังมาจากข้างหลังของคนทั้งสอง
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะพอดี ได้ยินไม่ชัด” ชายที่ดูอายุมากกว่าเอสเล็กน้อยพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ แต่กลับมีรังสีอำมหิตครอบคลุมอยู่
“ง่า...ก็พูดว่าเราเข้าไปรายงานตัวกันเหอะ” เอสแก้ตัวน้ำขุ่นๆที่รู้ว่าคนฟังต้องไม่เชื่อ
ไคท์มองอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจจะถามต่อ แล้วเดินเข้าไปในห้องรายงานตัว “เข้ามาสิจะมารายงานตัวไม่ใช่รึไง”
“ครับๆ” เอสรับอย่างเสียไม่ได้ พลางเหลือบไปมองไอ้เพื่อนที่มันกำลังกลั้นหัวเราะสุดชีวิต
“ยังไม่ตามเข้ามาอีก” ไคท์หันมาตวาด
“ครับๆ” เอสตอบรับอีกครั้งพลางเดินตามไคท์เข้าไปในห้องรายงานตัว
ภายในห้องรายงานตัว มีชั้นใส่เอกสารวางอยู่รอบๆห้องซึ่งแต่ละชั้นดูเหมือนว่าจะถูอัดแน่นไปด้วยกระดาษ และมีโต๊ะทำงานตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้อง บนโต๊ะดูเหมือนจะเป็นที่เดียวที่ยังพอมีที่ว่างอยู่ ไคท์เดินเข้าไปนั่งข้างหลังโต๊ะตัวนั้นพร้อมกับหยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมา แล้วพูดว่า “ชั้นเตรียมมันไว้ตั้งแต่วันที่นายกลับมาแต่นายดันไม่มารายงานตัวซักที ต้องรอเวลามงคลหรือไง”
“อ่า คือว่าช่วงนี้มันมีอะไรวุ่นๆนิดหน่อยครับ” เอสตอบเลี่ยงๆ
“งั้นหรือ” ไคท์ถามพลางมองหน้าเอสอย่างพิจารณา “เอาเถอะถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่เลยกำหนดเวลา คราวหน้าขอให้มาเร็วกว่านี้หน่อยนะ คุณเอส”
“ครับๆ” เอสพูดพร้อมกับก้มลงไปมองเอกสารที่ถูกเลื่อนมาให้เมื่อครู่
ภายในเอกสารเขียนว่า วันที่ปฎิบัติการ เอสกรอกข้อมูลเรื่อยๆจนกระทั่งพลิกมายังหน้าสุดท้าย ซึ่งเขียนว่า รายละเอียดการทำงานตั้งแต่ต้น
“ไอ้นี่มันอะไรครับ” เอสถามไคท์ที่กำลังรอคำถามนั้นอยู่พอดี
“ไอ้นั่นคือ สิ่งที่เบื้องบนกำหนดให้กรอกเพิ่มคราวนี้ ให้เขียนเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบว่าทำอะไรลงไปบ้าง ตามความจริง ขอเน้นว่าตามความจริงนะครับคุณเอส”
เอสกลืนน้ำลาย พร้อมกับคิดว่า ‘ของแบบนั้นใครมันจะไปจำได้วะ’ แล้วเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่กำลังจ้องเขาอยู่พอดี “เอ่อ คือว่าผมจำไม่ได้ครับ” เอสพูดด้วยน้ำเสียงหวาดๆ
“ว่าไงนะ?” ไคท์ถาม
“คือว่าผมจำไม่ได้ครับ”
“ชั้นไม่ได้ยินคำตอบนั้น เขียนเรื่องทั้งหมดลงไปเดี๋ยวนี้” คำสั่งที่ทำให้เอสต้องพยายามนึกเรื่อง บวกกับปั้นเรื่องลงไปในกระดาษอย่างรวดเร็ว เมื่อเขียนเสร็จเขาก็อ่านทวนอีกครั้งและพบว่าสิ่งที่เขียน(ปั้น) มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน แต่ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วส่งไปทั้งอย่างนั้นเพราะเจ้าตัวขี้เกียจแก้เต็มที
ไคท์ที่รับเอกสารมาก็ก้มลงอ่านสักครู่แล้วทำสีหน้าแปลกๆ พร้อมกับเริ่มการเทศน์กัณฑ์ยาว “นี่เวลาทำงานตั้งใจทำสักหน่อยสิ ตอนรายงานเบื้องบน.....” 
เอสเริ่มทำสีหน้าพิลึกแล้วสมองก็ประมวลผลหาทางเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว “ก็งานคราวนี้พี่ไม่ได้บอกก่อนนี่ครับว่าจะต้องมากรอกเอกสารอย่างละเอียดแบบนี้ รับรองว่าคราวหน้าผมจะทำให้ดีกว่านี้นะครับ” เมื่อพูดจบเจ้าคนพูดก็เริ่มปั้นสีหน้า น่าเอ็นดูทำให้คนมองต้องถอนหายใจเฮือกพร้อมกับปล่อยตัวไอ้คนแก้ตัวเก่งไป
เมื่อได้โอกาสเหมาะเอสจึงรีบเผ่นออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว “เป็นไงมั่ง” เพื่อนของเขาที่รออยู่ข้างนอกถามขณะที่เอสรีบเผ่นออกมา
“เป็นไงบ้าของแกเดะ” คนถูกถามพูดอย่างอารมณ์เสีย “เซ็งชะมัดต้องมากรอกเอกสารเวรนั่น”
“อือ หรอ แล้วแกจะไปไหนต่อวะ” คนที่รู้ว่าถ้าไม่รีบเปลี่ยนเรื่องจะต้องถูกบ่นต่อแน่รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไม่รู้สิ หาที่นอนมั้ง” เอสตอบ “แล้วแกล่ะ”
“ไปหาพวกคานินมั้ง เห็นว่าตอนนี้กำลังอบรมเด็กใหม่อยู่กะว่าจะไปแอบดูซักหน่อย”
“จริงส ิ งั้นชั้นไปด้วย” เอสพูด
“อ้าว แกไม่ไปหาที่นอนแล้วหรอ”
“ไม่แล้ว เรื่องน่าสนุกต้องมาก่อน ไปกันเหอะ”
“ให้ตายสิ แกนี่อะไรก็เอาแต่สนุก”
แล้วทั้งสองก็เดินไปตามระเบียงทางเดินที่ทอดตัวยาว ระเบียงมีหลังคาสีแดง บริเวณด้านซ้ายของระเบียง เป็นทางเปิดสู่สวนหย่อมที่ไม่เล็กนัก ส่วนด้านขวามีห้องต่างๆ เรียงรายกันอยู่เป็นระยะๆ ทั้งสองเดินมาจนถึงห้องๆหนึ่ง แล้วเอสก็แง้มประตูเพื่อแอบฟังคนที่อยู่ข้างใน
“....องค์กรของเราจะจัดหน้าที่ตามตำแหน่ง ไล่จากตำแหน่งล่างสุดก็คือพวกนาย ชื่อตำแหน่งคือ โซล ทำหน้าที่เป็นทหารคุ้มกันด้านต่างๆ แล้วก็เป็นหน่วยจู่โจมในบางครั้งที่ทางองค์กรเรียกตัว ต่อมาก็คือพวกชั้น อยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าอีเรส หรือว่านักฆ่าขององค์กร ทำหน้าที่ขึ้นตรงกับ เทรนประจำเขตของตน เทรนเป็นตำแหน่งต่อจากอีเรสทำหน้าที่ควบคุมอีเรสที่อยู่ในสังกัด และติดต่อกับเบื้องบน เทรนของพวกชั้นคือ พี่ไคท์ ตำแหน่งต่อจากเทรนจะเป็นความลับขององค์กรที่พวกชั้นไม่มีสิทธิรู้ แต่ได้ยินข่าวลือมาว่าพวกเค้าจะแผงตัวไปเป็นคนสำคัญของที่ต่างๆ อย่างเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ ระบบขององค์กรเราจะแบ่งเป็นกลุ่ม ถ้าเป็นส่วนล่างอย่างพวกโซลจะแบ่งเป็นหน่วย แต่ละหน่วยจะมีประมาณ ห้าสิบถึงร้อยคนขึ้นตรงต่อเขตของตน  ถ้าเป็นอีเรส จะแบ่งเป็นเขต เขตละห้าคนไม่เกินนั้น คอยดูแลโซลที่อยู่ในสังกัดและขึ้นตรงต่อเทรนของเขตที่มีคนเดียว ง่ายๆนะพวกนายฟังคำสั่งพวกชั้นให้ดีละกัน” เมื่อพูดจบคนพูดก็เหลือบตามองไปที่ประตูทีทั้งสองคนแอบดูอยู่ “แล้วคนที่แอบอยู่ที่ประตูนั่นก็เป็นอีกสองคนที่อยู่ในเขตเดียวกับชั้น ถ้ามันจะไม่ทำตัวลับๆล่อๆแล้วออกมาจะดีกว่านี้นะ” เมื่อพูดจบไอ้คนที่ถูกพูดถึงก็สะดุ้งพร้อมกับยิ้มแหยก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง
“ให้ตาย เซนส์ดีเหมือนเดิมเลยนะ” เอสพูด
“ไม่เหมือนใครบางคน” คำตอบที่ทำให้คนถามต้องหันกลับไปมองหน้า
“งั้นชั้นจะแนะนำพวกนายให้เด็กใหม่ของเรารู้จักนะ นี่คือ เอส อีคนทางนั้น คือ เรน แล้วชั้นคือ คานิน ในเขตเรายังมีอีกสองคน แต่ตอนนี้ไม่อยู่ ชื่อ ทีน กับ วิลส์ แล้วเทรนของเขตเราคือ พี่ไคท์ ส่วนสถานที่ที่จะใช้ได้ในองค์กรก็คือตั้งแต่ป่าทางตะวันออกจนถึง ตึกคู่ทางด้านตะวันตก รวมเนื้อที่ ห้าสิบกว่าไร่ อืม แล้วสำหรับ คนที่ยังรักชีวิตอยู่ก็พยายามอย่าเอาป่าเป็นที่งีบเหมือนไอ้เอสมันละกันนะ” คานินอธิบายให้คนที่นั่งอยู่ฟัง
“ไอ้บ้า แถวนั้นบรรยากาศดีจะตาย ออกจะเหมาะกับเป็นที่นอน” เอสแย้ง
“เหมาะแน่ถ้ามันไม่มี สัตว์ประหลาดที่มีเมือกเยิ้มหรือว่าสิงโตลายพาดกลอนตัวใหญ่ออกมานอนเป็นเพื่อนนะ”เรนพูดปนหัวเราะ
“พวกนั้นออกจะน่ารัก เป็นเพื่อนนอนก็ดีแล้วนี่” เอสยังเถียงต่อ
“มันดีสำหรับแกคนเดียวมั้ง ลองดูหน้าเด็กใหม่เราแต่ละคนเดะ”
“เหอะไอ้พวกนั้นมันไร้อารมณ์ศิลป์นะสิถึงไม่เข้าในความน่ารักของสัตว์พวกนั้น”
“ก็ยังดีกว่าคนที่มีอารมณ์ศิลป์อย่างแกว่ะ”
“หมายความว่าไง?”
“ไม่รู้สิ” เรนตอบแกมหัวเราะ
“นี่พวกแก จะคุยกันเองไปอีกนานมั๊ยวะ” คานินที่ฟังอยู่นานพูดแทรกขึ้น “เรามาอบรมเด็กใหม่นะ”
“ครับๆๆๆ ท่าน แล้วจะให้พวกข้าทำอะไรดีล่ะ” เอสพูดล้อเลียน
“ต่อไปก็พาไปแนะนำให้รู้จักกับพี่ไคท์” คานินตอบอย่างแกล้งไม่เข้าใจคำล้อเลียนของเอส
“เอ่อ งะงั้นชั้นไปหาพวกทีนกับวิลส์ดีกว่า” เอสรีบเลี่ยงเมื่อได้ฟังแผนการของคานิน
“ชั้นไปด้วย” เรนตอบ “กำลังจะไปหาพวกนั้นเหมือนกันต้องคุยเรื่องงานครั้งต่อไป พี่ไคท์บอกว่าพวกมันเอาไปแล้ว”
“ขยันกันจริงว่ะ” เอสทำหน้าแหย “งั้นชั้นไปหาที่นอนดีกว่า” พร้อมกับเริ่มหาเรื่องเลี่ยงงาน
“ไม่ได้โว๊ยแกต้องไปทำงานด้วย แกมันทำให้งานล่มไปหลายรอบแล้วอย่านึกว่าจะได้อู้ง่ายๆ” คานินบอกเสียงเย็นที่ทำให้เอสต้องรีบทำตาม
ทั้งสองเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ไปทางตะวันตก แล้วเดินเข้าไปในตึกคู่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงสุดระเบียงทางเดิน
“สวัสดีครับท่านเอส ท่าน เรน” ยามที่เฝ้าอยู่หน้าตึกกล่าวทักทาย
“อือ” เอสตอบเรื่อยๆ พร้อมกับเดินเข้าไปในตึก ภายในตึกถูกตกแต่งด้วยรูปภาพต่างๆที่รับกับผนังสีขาวอย่างงดงาม พื้นถูกปูด้วยพรมกำมะหยี่สีเข้มตลอดทาง ห้องแรกที่ทั้งสองเดินเข้ามาไม่มีอุปกรณ์ตกแต่งอะไรนัก แต่มีบันไดเวียนขนาดใหญ่อยู่บริเวณสุดทางเดิน
เอสและเรนเดินตรงไปยังลิฟท์ที่อยู่ข้างๆบันไดเวียนพร้อมกับเดินขึ้นลิฟท์ไป เรนกดลิฟท์ชั้นบนสุดและบ่นว่า “ไอ้พวกนั้นมันชอบอยู่ที่สูงๆจริงนะ”
“ไม่เคยได้ยินหรอ เค้าว่าคนบ้ามักจะอยู่ที่สูง” เอสตอบทันทีพร้อมกับเสียงหัวเราะ ทำให้คนถามยิ้มนิดๆเมื่อคิดถึงสีหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเอสของคนที่กำลังจะไปหา
กิ๊ง! ลิฟท์จอดที่ชั้นที่ต้องการพร้อมกับเปิดประตูออกให้ทั้งสองเดินออกจากลิฟท์ไป
เมื่อเดินออกจากลิฟท์ ทั้งสองก็เดินไปตามทางเดินสีขาวที่ทอดตัวยาวไปยังประตูห้องๆหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเดียวที่มีอยู่บนชั้นนั้น
“ขออนุญาต” เอสพูดเสียงห้วนกับประตูไม้ที่ปิดสนิท
“เออ ใครวะ เอส หรือ เรน” เสียงที่อยู่หลังประตูกล่าวตอบกับเอส
“คุณตอบถูกทั้งสองข้อที่กล่าวมาครับ” เสียงกวนประสาทดังผ่านประตูไป ทำให้คนที่อยู่ข้างในห้องต้องเดินออกมาเปิดประตู ทำให้เห็นบริเวณภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างง่ายๆ ผิดกับส่วนอื่นของตึก ภายในห้องประกอบด้วยชุดรับแขกตั้งอยู่ตรงกลางห้อง และมีห้องแยกอีกห้องหนึ่ง บริเวณมุมด้านซ้ายมุมหนึ่งของห้อง
“ทำไมวันนี้ถึงเสด็จมากันได้วะ แค่เรนยังพอว่าแต่ทำไมนายถึงมาด้วยล่ะ” ชายหนุ่มผมสีดำสนิทกล่าวเมื่อเห็นหน้าแขกผู้มาเยือน
“ทำไมวะชั้นจะมากับเค้ามั่งไม่ได้รึไง แกมีปัญหาเรอะไอ้วิลส์” เอสรีบโวย
“ไม่มีหรอกแต่มันแปลกที่แกจะโผล่เข้ามาในห้องนี้ได้ ใช่มะทีน” วิลส์หันไปขอความเห็นกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนชุดรับแขกในห้อง
“นั่นสิปกติกว่าจะมาได้ต้องลากกันแทบแย่” ทีนพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“นี่พวกนาย” เอสเริ่มโวย แต่โดนเรนที่อยู่ข้างหลังขัดเสียก่อน “เอาน่าๆ วันนี้เรามาดูงานชิ้นต่อไปกันน่ะ ที่พวกนายเอามาเป็นไงมั่ง”
“เอ่อ มันก็ไม่เป็นไงหรอกแต่...” หญิงสาวตอบพร้อมทำสีหน้าพิลึกๆพร้อมกับที่เอสและเรนเดินตรงไปยังที่ที่เธอนั่งอยู่
“หมายความว่าไง” เรนถาม และหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามกับที่นั่งของทีนพร้อมกับที่เอสนั่งลงข้างๆ
“พวกนายดูกันเองละกัน” เมื่อพูดจบเรนก็ส่งเอกสารปึกหนึ่งมาให้ทั้งสอง
เอสและเรนอ่านเอกสารตรงหน้าพร้อมกัน เมื่ออ่านจบทั้งสองก็ทำสีหน้าพิลึกพร้อมกับพูดกับทีนว่า “งานนี้มันอะไรกัน พี่ไคท์เข้าใจอะไรผิดหรือปล่าว”
“ปล่าวหรอก เค้าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดคนที่พวกเราจะต้องไปคุ้มครองคราวนี้เป็นหนึ่งในเบื้องบนขององค์กร” ทีนตอบ
“แต่พวกเราเป็นอีเรสนะเฟ้ยไม่ใช่องครักษ์สักหน่อย” เอสเริ่มโวย
“แล้วนายจะให้ชั้นทำไงล่ะยะ เดินไปบอกพี่ไคท์ว่าไม่ทำรึไง มีหวังจะได้ซวยกันหมดนี่น่ะสิ” ทีนเริ่มโวยบ้างแสดงให้เห็นว่าเธอก็ไม่ได้พอใจกับงานชิ้นนี้ซักเท่าไหร่เหมือนกัน
“เอ่อ มันก็จริงนะ แล้วคานินรู้เรื่องนี้หรือยัง” เรนถาม
“ยังหรอก ถ้ารู้เรื่องแล้วก็คงจะเป็นเหมือนพวกนายไปอีกคน” คนที่ตอบเป็นวิลส์ที่ยืนฟังอยู่เงียบๆมาพักหนึ่ง
“เฮ้อ ถ้างั้นก็คง ปฎิเสธ ไม่ได้แล้วใช่มั๊ย ทำก็ทำวะ” เรนตอบอย่างหัวเสีย
“งั้นคราวนี้จะให้ใครไปทำ” เอสถามพร้อมกับพร้อมกับพลิกเอกสารในมือไปมา
“นั่นสิ พวกนายจะไปเองมั๊ย” เรนพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับดึงเอกสารออกจากมือของเอสก่อนที่จะโดนทำพังและส่งให้กับคนที่นั่งอยู่ครงข้าม
“ไม่รู้สิ ไว้เดี๋ยวคานินมาแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกที” วิลส์ตอบ
“อือ แล้วข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ต้องคุ้มกันล่ะ” เรนถามต่อ
“ก็ไม่รู้หรอก เท่าที่รู้ก็มีแค่ว่าเค้าเป็นสมาชิกชั้นสูงขององค์กร แล้วก็ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศทางตะวันตกประเทศหนึ่งเท่านั้น” ทีนตอบจากข้อมูลในมือของหล่อนที่เพิ่งรับมาจากเรน
หลังจากนั้นไม่นาน คานินก็เดินเข้ามาในห้อง
“ไง” เอสกล่าวทักทายง่ายๆ
“หือ ทำไมมารวมกันแล้วนั่งทำหน้าเครียดกันอยู่นี่ล่ะ ตกงานหมู่รึไง” คานินพูด
“ไอ้บ้า ถ้าตกงานได้ก็ดีสิวะ” เอสตอบ
“หมายความว่าไง” คำถามที่ทำให้ทีนโยนเอกสารในมือไปให้คานินที่กำลังเดินไปหาที่นั่ง
คานินนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ยังว่างอยู่ แล้วพิจารณาเอกสารสักครู่ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนๆที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่
“เอาไง” เรนถามคนที่เพิ่งอ่านเอกสารเสร็จ “แกจะลงมือเองป่าว”
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจ งานมันยุ่งยากแล้วก็กินเวลานานเกินไป” คนถูกถามตอบ
“แล้วใครจะไปวะ  ชั้นก็ไม่เอา” เรนพูดบ้าง
“นั่นสิ ให้ไปฆ่าใครยังง่ายกว่า” เอสตอบ
“ชั้นถนัดแค่หาข้อมูล เรื่องให้ไปคุ้มกันใครต้องขอผ่าน” ทีนพูดต่อ
“เฮ้ย ชั้นก็ไม่เอานะ” วิลส์พูดเป็นคนสุดท้าย
ทั้งห้าคนจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไรอยู่คู่หนึ่ง
“เฮ้ยตกลงจะเอาไง” ในที่สุดเอสก็พูดทำลายความเงียบ
“จับไม้สั้นไม้ยาว” เรนเสนอ
“ไอ้บ้า” คานินตอบแทบจะทันทีที่เรนพูดจบ
“ไม่งั้นแกจะไปเรอะ” เรนประชด
“ไม่ไป” คำตอบง่ายๆที่ทำให้ทุกคนเกือบสำลักอากาศพร้อมกับพร้อมใจกันจ้องไปยังคนที่ปกติจะต้องเสนอตัวไปทำงานเป็นคนแรก
“งั้นเรามาสลับเวรกันไปมั๊ย” ทีนเสนอบ้าง
“อืม ตามใจละกัน” วิลส์เกือบเห็นด้วย
“คงไม่ได้หรอก” เสียงๆหนึ่งดังมาจากประตูทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง
“พี่ไคท์ มีธุระอะไรที่นี่หรือครับ” เอสพูดเมื่อเห็นหน้าผู้มาเยือน พร้อมกับแอบทำสีหน้าเบื่อหน่ายเป็นการต้อนรับ
“ไม่มีอะไรหรอกแค่เรื่องงานที่พวกนายกำลังเถียงกันอยู่นั่นแหละ.” ไคท์ตอบพร้อมกับเดินไปที่นั่งที่สุดท้ายที่ยังว่างอยู่
“หมายความว่าไง” ทีนถามเสียงเย็น แสดงออกถึงความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน
“ไม่ต้องทำเสียงอย่างนั้นพี่ก็บอกน่า ทีน” ไคท์พูดเสียงอ่อนตอบ (ทำให้เอสคิดว่า “ไอ้หัวงูเอ๊ย”)  “คืองานชิ้นนี้เบื้องบนเค้าระบุมาว่าต้องเป็นพวกนายเท่านั้นแล้วก็ต้องทำงานพร้อมกันทั้งห้าคนด้วย”
“หือ” ทั้งห้าคนอุทานพร้อมกัน
“ทำไมต้องระบุว่าเป็นพวกผม” คานินพูดน้ำเสียงไม่เข้าใจ
“มันเป็นเรื่องของเบื้องบน” ไคท์ตอบ
“แล้วทำไมต้องทั้งห้าคนด้วย” เอสถามบ้าง
“มันเป็นเรื่องของเบื้องบน” คำตอบที่ทำให้ทุกคนถลึงตาใส่คนตอบ
“หน้าที่ของพวกนายทุกคนคือทำตามคำสั่งของเบื้องบนเท่านั้น” ไคท์เสริมให้กับคำพูดของตนเอง
“ถ้างั้นก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว” คานินเสริมเมื่อไคท์พูดจบ
“ลงมือวันไหนวะ” เอสถามคานินที่ถือเอกสารรายละเอียดอยู่ในมือ
“อีกสิบห้าวัน คุ้มกันขณะที่ท่านต้องเดินทางทางเครื่องบินไปประชุมอีกประเทศหนึ่งจนกระทั่งท่านกลับมาอย่างปลอดภัย” คานินตอบตามเอกสารที่อยู่ในมือ
“งั้นเราก็ว่างอีกครึ่งเดือนใช่มะ” เอสถามอย่างยินดี
“งั้นมั้ง” ทีนตอบหลังจากที่สำรวจทั่วเอกสารแล้ว
“งั้นเราไปหาที่นอนกันดีกว่า อีกตั้งสิบห้าวัน” เอสพูดพร้อมกับเดินออกไปจากห้อง
.
หลังจากนั้นประมาณ 2 วัน
“ไงว่าแล้วว่าต้องนอนอยู่นี่” เรนพูดเมื่อเห็นเอสนอนอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง
“หือ เรนหรือ” เอสงัวเงียถาม
“เออ”
“มีไร” เอสลุกขึ้นนั่ง
“พอดีจะมาแจ้งข่าวร้าย” เรนบอก
“ข่าวร้าย?” เอสเริ่มตาสว่าง “อะไร”
“ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ในสิบห้าวันนี้พวกเราต้องไปซ้อมต่อสู้กับพี่ไคท์และกลุ่มทีมงานพิเศษ” เรนตอบหน้าตาย
“หา เมื่อกี้แกว่าไงนะ”
“ก็พวกเราไม่เคยมีประสบการณ์การคุ้มครองหรือทำงานเป็นกลุ่มใช่มั๊ยล่ะ พี่ไคท์เค้าก็เลยเป็นห่วง เลยคิดว่าจะฝึกพิเศษให้
“อ่า ไม่เอาได้มั๊ย” เอสทำหน้าแหย
“อยากลองปฏิเสธดูมั๊ยล่ะ คงสนุกดีพิลึกนะ” เรนข่มขู่เสียงเรียบ
“เอ่อ ไม่ดีกว่า” เอสตอบปลงๆ
“ทำไมแกถึงชอบนอนแถวป่าพิลึกๆนี่จริง ที่อื่นมีเยอะแยะไม่นอนให้ตาย” เรนบ่น
“ตรงนี้ก็ดีแล้วนี่ ไม่ค่อยมีคนมาด้วย แถมยังมีเพื่อนนอนเล่นด้วยอีกต่างหาก” เอสบอกพร้อมกับมองหน้าเรนที่ทำหน้าแหยไม่เห็นด้วย
“ทำไมทำหน้างั้นวะ ออกจะน่ารัก อ๊ะ นี่ไงพูดถึงก็มาพอดีเลย” เอสพูดพร้อมกับชี้ไปที่หอยทากที่ขนาดตัวไมเล็กไปกว่ารถกระบะคันย่อมๆ ตัวหนึ่งซึ่งเลื้อยตรงมาทางที่ทั้งสองนั่งอยู่ พร้อมกับปล่อยเมือกเหนียวๆสีม่วงออกมาตามทาง
“เฮ้ยยยยยยย” เรนร้องเสียงดังพร้อมกับกระโดดออกห่างจากหอยทากขนาดยักษ์
“ไอ้บ้า” เอสพูดกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นเรนกระโดดหนี
“แกชอบมันเข้าไปได้ไงวะ” เรนทำหน้าขยะแขยง
“มันเป็นสัตว์ธรรมดาที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เพียงแต่ถูกองค์กรนำมาใช้เป็นเครื่องมือทดลองเท่านั้น”
“จะบอกว่านั่นเป็นเหตุผลที่นายรับพวกมันมาเลี้ยงงั้นเรอะ”
“ป่าว เหตุผลของชั้นคือมันน่ารักดีก็เท่านั้น” คำตอบที่ทำให้คนถามทำหน้าเหนื่อยใจแล้วขอตัวเดินจากไป
“อย่าลืมไปซ้อมนะเว้ยยยยยยยยยยยยยยย” เรนตะโกนบอกเมื่อเดินไปพ้นรัศมีของหอยทากแล้ว
“เออ” เอสตอบเบาๆกับตัวเอง
.......................................
วันฝึก ที่สวนแห่งหนึ่งติดกับระเบียงทางเนยาวขององค์กร
“เอสมาแล้ว นึกว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตไปตามมันที่ไอ้ป่าเวรนั่นแล้วเชียว” เรนบอกกับเหล่าพรรคพวกที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“เออ” คานินรับขำๆ
“งาย พวกเราชั้นมาแล้วววววว” เอสพูดลากเสียงพร้อมวิ่งเข้ามารวมกลุ่ม
“นายมาช้าไปสิบนาทีนะ” พี่ไคท์เริ่มตั้งท่าจะบ่น แต่มีคานินมาช่วยขัดไว้ก่อน “เอาเถอะครับพี่ยังไงเค้าก็มาแล้วเราเริ่มซ้อมกันดีกว่า”
“อืม เอางั้นก็ได้” ไคท์พูดอย่างคนถูกขัดใจแต่ก็ยอมรับ “ถ้าอย่างนั้นชั้นจะอธิบายวิธีการซ้อมให้นะ ก่อนอื่นก็หยิบนี่ไปคนละอัน” เมื่อพูดจบคนพูดก็ส่งกล่องกระดาษที่ข้างในใส่ลูกกลมเล็กๆไว้ห้าลูก
ทุกคนหยิบไปคนละลูกแล้วสำรวจลูกกลมของตัวเอง
“ไม่เห็นมีไรเลย” เอสพูด
“นั่นสิ ของชั้นก็เหมือนกัน” เรนพูดเห็นด้วย
“แต่ของชั้นมีนะ” ทีนตอบบ้าง “มีขีดสีแดงๆอยู่ขีดนึง”
“อือ ของชั้นก็มีขีดแต่สองขีดว่ะ” วิลส์ตอบ
“ของชั้นก็มีสองขีด” คานินมองของตัวเองแล้วบอกบ้าง
“นั่นแหละ ทีนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ชั้นจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มโจมตีกับกลุ่มป้องกัน คนที่ลูกกลมไม่มีขีดคือกลุ่มป้องกัน แล้วกลุ่มที่มีสองขีดบนลูกกลมคือกลุ่มโจมตี เอ่อ อีกคนที่เหลือเป็นกรรมการนะให้ช่วยตรวจสอบทั้งสองฝ่ายให้ไปตามกติกาที่จะบอกต่อไปนี้ กติกาง่ายๆก็คือห้ามทำร้ายถึงตาย ใช้อาวุธอะไรก็ได้ ภายในห้าวันคนที่ทำหน้าที่โจมตีก็ต้องโจมตีให้ได้ ถ้าหากพ้นห้าวันไปแล้วยังไม่สามารถโจมตีเป้าหมายได้จะถูกทำโทษ แต่ถ้าทำได้คนที่ป้องกันก็จะต้องรับโทษแทน แค่นี้แหละ” ไคท์อธิบายกฎอย่างง่ายๆ
“แล้วพวกเราจะต้องป้องกันใครครับ” เรนถาม
“เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายนะ ชั้นจะเป็นเป้าหมายเอง” ไคท์ตอบพร้อมกับที่เอสทำหน้าแหย และคิดในใจว่า ‘ต้องอยู่กับไคท์ห้าวันเต็มๆเลยเหรอเนี่ย นรก’
“ถ้าอย่างนั้น เราจะเริ่มต้นกันตอนนี้เลยนะ อ้อ อีกอย่าง ฝ่ายป้องกันสามารถจับฝ่ายโจมตีได้ ถ้าถูกจับได้ก็ถือว่าแพ้เหมือนกัน กรรมการจับตามองด้วย” ไคท์บอก
เมื่อพูดจบคานินและวิลส์ก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาระเบียงที่อยู่ด้านข้างติดกับสวน แล้วหายไปทันที ทิ้งทั้งสามคนให้ยืนอยู่ที่เดิม
“อืม” ไคท์อุธานพร้อมกับจะเดินไปบ้าง
“เดี๋ยว” แต่ก่อนที่จะเดินออกไปทีนก็เรียกไว้
“ทำไมหรือ” ไคท์หันมาถาม
“ไคท์ ตอนแรกจะให้ชั้นเป็นเป้าใช่มั๊ย แล้วเปลี่ยนทำไม ชั้นไม่ใช่เด็กอมมือที่ทำอะไรไม่เป็นนะ”ทีนตวาด
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ไคท์ตอบเสียงอ่อน
“ไม่ต้องมาโกหก นายจะเอาไงกันแน่ไคท์ คราวหน้าถ้านายไม่ให้ชั้นทำงานอีก ชั้นจะลาออกจากทีมของนายใจมั๊ย” ทีนตวาดอีกครั้งพร้อมกับมองไคท์อย่างเย็นชาและกระโดดหายไปที่เดียวกับพวกคานิน
“ไม่ใช่อย่างนั้นเธอไม่เข้าใจ” ไคท์พูดเบาๆกับตัวเอง แต่ก็ไม่พ้นหูของพวกอยากรู้อยากเห็นทั้งสองไปได้
“พี่ไคท์ กับ ทีนเป็นอะไรกันกรือครับ” เรนถามเสียงสุภาพ
“ไม่เกี่ยวกับพวกแก” ไคท์ตวามใส่เรนพร้อมกับเดินเข้าไปในตึกที่อยู่ข้างๆจุดนัดพบ
....................................................................
หลังจากนั้นสองวัน หน้าห้องที่เอสเคยเข้าไปรายงานตัว
“พวกคานินไม่คิดจะบุกมากันบ้างเลยหรือไงน้า น่าเบื่อชิบ” เอสบ่นกับเรนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เออ ดีแล้วนี่จะได้ไม่ต้องโดนลงโทษ” เรนตอบบ้าง
“เวร สิ น่าเบื่อจะตาย” เอสบ่นต่อ “ไคท์ก็ไม่ให้เข้าไปในห้องทำงานเลย แล้วอย่างนี้จะคุ้มครองได้ไงวะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าจะมีใครบุกเข้ามาก็ต้องเข้าทางนี้แหละ ห้องนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาจะตาย มดสักตัวยังเข้าไม่ได้เลย”
“เออ” คานินตอบทำให้ทั้งสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องทำงานของไคท์หันไปมองทางต้นเสียง “มดสักตัวก็ผ่านไม่ได้จริงๆด้วยว่ะ”
“ไง ลองมาแล้วล่ะสิ ถึงได้สะบักสะบอมมาขนาดนั้น” เอสพูดด้วยน้ำเสียงเล่นๆ
“อือ ก็นะ เราก็เลยตกลงกันว่าจะเข้าไปทางนี้แหละ” คานินตอบทั้งสองพร้อมกับกวาดลูกเตะเข้าไปทางเอส ในเวลาเดียวกับที่วิลส์กระโดดพุ่งตัวเข้าไปหาเรน
เอสหลบเท้าของคานินได้อย่างหวุดหวิดพร้อมกับชกสวนเข้าไปตรงหน้าทำให้คนที่เตะมาก่อนเสียหลัก ต้องกระโดดถอยหลังไป เมื่อคานินกระโดดถอยไปแล้วเอสจึงพุ่งเข้าไปซ้ำทำให้เป้าหมายต้องเบี่ยงตัวหลบมาข้างๆ พร้อมกับฟาดหลังมือลงไปบริเวณต้นคอของคนที่พุ่งเข้ามา แต่เอสหลบได้อย่างหวุดหวิดทำให้เสียหลักและโดดคานินเตะซ้ำอีกครั้ง  แรงเตะทำให้คนถูกเตะกระเด็นไปตามแรงเตะพุ่งเข้าชนกับกำแพงส่งเสียงดังสนั่น
“ซวยแล้วไอ้คานิน ชั้นบอกแกแล้วว่าให้เงียบๆไง” วิลส์ตะโกนบอกก่อนที่จะส่งสัญญาณให้ถอนตัวทิ้งให้เอสกับเรนอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ
“ไอ้บ้าเอ๊ย เล่นซะเต็มแรง” เอสโอดครวญ
“เกิดอะไรขึ้น” หลังจากนั้นไม่นานคนอื่นๆก็ทยอยกันออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ คือว่าพวกผมฝึกซ้อมกันรุนแรงไปหน่อย” เอสตอบกับไคท์ที่ออกมาดู
วันต่อมาขณะที่ไคท์และบอดี้การ์ดชั่วคราวกำลังเดินอยู่ในสวนทางเชื่อมระหว่างเขตเพื่อที่จะไปติดต่องานกับอีกเขตหนึ่ง
“ให้ตายทำไมเราต้องมาด้วยวะ ธุระไม่ใช่” เอสบ่นพึมพำ แต่ยังไม่เบาพอที่จะให้คนหูนรกอย่างไคท์ไม่ได้ยิน คนหูนรกจึงหันมามองตาเขียว
“ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องมาสิ แต่ถ้าแพ้การฝึกนี่ละก็พวกนายคงไม่ได้มีชีวิตดีดีแน่” คำขู่ที่ทำให้ทั้งสองทำหน้าแหยแล้วหันไปคุยกันเอง “นี่เอสแล้ว...” แต่เรนยังพูดไม่ทันจบประโยคคานินก็กระโดดออกมาจากหลังคาระเบียงที่อยู่ข้างๆสวน
“ไง” คานินทักทายง่ายๆ ให้กับสองคนที่กำลังระวังตัวขึ้นมาทันที
“ไอ้บ้า มาไงอะไรตอนนี้นะ” เรนเริ่มโจมตีก่อนโดยเตะเข้าไปที่หน้าของเป้าหมาย
“เฮ้ยๆ เจอหน้ากันเค้าทักกันอย่างงี้หรอวะ เพิ่งรู้” คานินกระโดดหลบไปด้านหลัง
“สำหรับตอนนี้นะ” เอสตอบแล้วเข้าโจมตีเป้าหมายบ้าง
ทั้งสามเปิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยมีคนที่เดินอยู่แถวๆนั้นในตอนแรกเป็นผู้ชม
“เฮ้ย ทำไมอีเรสเขตเดียวกันถึงมาสู้กันเองวะ” ผู้ชมคนหนึ่งพูดกับเพื่อน
“ก็ดีแล้วนี่ทำให้มีอะไรหนุกๆดู”
“ทำไมวะ พี่ที่เขตเราเค้าก็ฝึกกันให้เห็นออกบ่อย”
“ไอ้บ้า แกไม่รู้หรอ ห้าคนที่เขตนี้เป็นอีเรสที่มีฝีมือสูงกว่าคนอื่นๆ บางทีอาจจะเก่งกว่าพี่ไคท์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้”
“แล้วทำไมเค้ายังเป็นอีเรสอยู่ล่ะ ถ้าเก่งจริงก็น่าจะเลื่อนขั้นเป็นเทรนแล้วนะ”
“เหอะ แกไม่รู้อะไรที่พวกนี้ไม่เลื่อนขั้นก็เพราะแต่ละคนไม่เคยจะส่งรายงานปฏิบัติหน้าที่กันเลยน่ะสิ ก็เลยไม่เคยมีผลงานออกมาเป็นที่รับรู้”
“เก่งแต่ขี้เกียจว่างั้นเหอะ” คนพูดพูดพร้อมกับทำหน้าแหยและมองไปทางคนที่กำลังสู้กันอยู่อย่างทึ่งๆ
เอสกระโดดหลบหมัดของคานินที่พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่เรนเตะเข้าไปที่ซี่โครงของคานินอย่างเต็มที่ ทำให้คนโดนเตะกระเด็นไประยะหนึ่งก่อนที่จะกลับตัวได้
“ให้ตายสองรุมหนึ่งอย่างงี้งานหนักว่ะ” คานินเปรย
“พวกชั้นน่าจะถามแกมากกว่าว่ามีแผนอะไรอยู่” เรนถาม
“นั่นสิ เล่นหายไปสองวันแล้วเพิ่งจะโผล่มาอย่างนี้ อย่านึกว่าพวกชั้นจะจับไม่ได้นะ” เอสพูดต่อ
“ปล่าวซะหน่อยพวกนายนี่ดูชั้นในแง่ไหนกันนะ” คานินถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“เจ้าเล่ห์ ชอบใช้แผนการชั่วร้ายอยู่เรื่อย” เอสและเรนตอบพร้อมกันทำให้คานินยิ้มแหย
“มองคนอื่นให้มันดีดีหน่อยซี่”คานินพูดพร้อมกับพุ่งเข้าโจมตีเอสที่ไม่ทันระวัง จึงโดนเตะเข้าไปทีแขนอย่างจัง
“เฮ้ยเล่นทีเผลอ” เอสบ่น
“เค้าเรียกว่าให้โอกาสให้เป็นประโยชน์เว้ย” คานินพูดพร้อมทำสีหน้ากวนเบื้องล่าง
“ไอ้...”
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งสิวะใจเย็น” คานินกวนตีน “วันนี้เบื่อแล้วไปดีกว่า ไว้เจอกันวันพรุ่งนี้นะ ” คานินพูดต่อ แล้วกระโดดหายไปอีกครั้ง
“มันจะทำอะไรของมันกันแน่นะไอ้หมอนี่” เรนพูดกับเอส
“เออ จับมันไม่ทันว่ะ” เอสพูดปลงๆ “แต่ท่าทางวันสุดท้ายที่มันพูดพวกเราจะงานหนัก”
เรนยักไหล่ตอบ พร้อมกับเดินตามไคท์ที่จะเดินไปยังจุดหมายเดิมอีกครั้ง
วันสุดท้ายของการฝึก
“ฮ้าววววววว” เอสหาวยาว
“ง่วงอะไรของแกขนาดนั้นวะ” เรนมองไปที่เอสอย่างปลงๆ
“งึมๆ เมื่อคืนนอนอ่านการ์ตูนกะเล่นเกมส์ดึกไปหน่อย” เอสตอบพร้อมกับหาวอีกครั้ง
“ไอ้เวร” เรนพูดพร้อมกับทำหน้าปลง
“พวกนายสองคนวันนี้ชั้นต้องไปประชุมกับรับงานจากผู้นำระดับสูง จะตามไปมั๊ย” ไคท์เดินออกมาจากห้องมาถามทั้งสองที่ยืนคุยกันอยู่หน้าห้องทำงาน
“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ไปจะได้หรือครับ” คนกวนประสาทพูดกวนประสาท
“ก็น่าจะรู้ว่าไม่ได้” ไคท์ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะมาถามทำไมล่ะครับ” เอสตอบอย่างเซ็งๆ
“เป็นธรรมเนียม” คำตอบที่ทำให้คนฟังทำหน้าแหย “พวกนายสองคนตามชั้นมาแล้วกัน วันนี้จะเข้าสำนักงานส่วนกลาง”
“สำนักงานส่วนกลาง พวกผมเข้าได้หรือฮะ” เรนถาม
“ได้แน่ถ้าไม่ได้เข้าไปในฐานะอีเรส”
“แล้วจะเข้าไปในฐานะอะไรดีล่ะครับ” คราวนี้เอสถามขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ได้ใช้น้ำเสียงขี้เล่นเช่นเดิม
“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ ต้องให้บอกด้วยหรือ”
“พอดีพวกผมไม่ฉลาดอย่างพี่น่ะครับ” เอสตอบน้ำเสียงประชดประชัน
“ก็ดี พอดีชั้นก็ไม่อยากได้ลูกทีมฉลาดเกินไปหรอกนะ ชั้นจะเอาพวกนายเช้าไปในฐานะที่พวกนายเป็น บุตรแห่งผู้ก่อตั้งองค์กร กับบุตรชายของท่านเสธฝ่ายซ้าย” ไคท์ยังไม่ทันพูดจบเอสก็ชกไปที่หน้าของคนพูดอย่างรวดเร็วแต่เรนช่วยกันเอาไว้ให้ทัน
“แกจะช่วยมันทำไมวะ” เอสพูดอย่างหัวเสีย
“ชั้นยังไม่อยากมีเรื่องตอนนี้” เรนตอบเรียบๆแต่อารมณ์ก็ไม่ได้ต่างไปจากเอสซักเท่าไหร่ “เพราะชั้นยังอยากรู้ว่าพี่เค้าจะทำอะไรกันแน่ก่อนที่จะสลบไปเพราะโดนนายชกเอา”
ไคท์ไม่ตอบคำถามของเรน เอสจึงเริ่มโมโหอีกครั้ง “ใจเย็นน่า” เรนที่มองเห็นพฤติกรรมของเพื่อนรีบห้ามไว้ “คุณจะเอาพวกผมไปทำอะไร ลากกลับไปเบื้องบนรึไง หรือว่าพวกเบื้องบนสั่งมา และคงไม่คิดว่าถ้าตอบว่าเพื่อการซ้อมบ้าๆนี่แล้ว เราจะเชื่อ หรอกนะ” ไคทยังคงไม่ตอบ “เอาเหอะ ชั้นพอจะรู้แล้ว ในเมื่อเค้าต้องการกันขนาดนั้นเราก็จะทำตามประสงค์ละนะ แต่ ผลลัพท์จะออกมายังไงพวกชั้นไม่รับผิดชอบแล้วกัน” เรนพูดพร้อมทำสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ชั้นไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก” ไคท์ตอบ
“แต่ชั้นว่าเราคงไม่ต้องไปแล้วล่ะ” เอสยิ้มขึ้นบ้าง “ออกมาเหอะน่า ชั้นรู้วาพวกนายแอบฟังอยู่นะ” เมื่อพูดจบ คนแอบฟังทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อน
“ความรู้สึกเร็วดีนี่” คานินพูด
“ไม่เท่าพวกนายหรอก ที่กรุณามาช่วย” เรนพูดขึ้นบ้างพร้อมกับรับการโจมตีของวิลส์ที่ตรงเข้ามา
“แกวางแผนอะไรไว้กันแน่นะ คานิน” เรนพูดเบาๆ ที่ข้างหูฝ่ายครงข้าม “แล้วก็ต้องขอขอบคุณด้วยที่กรุณาโผล่มาช่วยก่อนที่ชั้นจะหยุดเอสมันไม่ไหว”
“ไม่เป็นไรมิได้ แต่ถ้าอยากขอบคุณจริงๆล่ะก็ ใช้ชั้นชนะแล้วกัน” คานินพูดพร้อมกับหมุนตัวเตะใส่เป้าหมาย แต่กลับโดนหยุดไว้ได้
“นั่นมันคนละเรื่องกัน โว๊ย” คนที่รับการโจมตีไว้ได้ถีบกลับทำให้คนโจมตีมาก่อนเสียหลักล้มลง
“ให้ตายสิ ไม่น่าพลาดเลย วิลส์ จัดการตามแผนเลย” คนที่ล้มลงไปกับพิ้นหันไปบอกเพื่อนอีกคนที่กำลังสู้อยู่กับเอส
“เออ น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้หน่อย” วิสล์หยิบเครื่องมือสี่เหลี่ยมที่มีปุ่มอยู่ปุ่มเดียวตรงกลางขึ้นมา “กู๊ดลัก” แล้วก็กดมันลงไปหลังจากพูดจบ
“พวกนายทำอะไรกันน่ะ” เรนถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้น่า” คานินตอบ
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” หลังจากที่คานินพูดจบเอสก็ร้องเสียงหลง
“เป็นอะไรของแกวะ” เรนพูดแฝงแววรำคาญนิดๆ
“ก็ ก็ ร่างกายมันขยังไม่ได้ว่ะ”เอสตอบ
“หือ” เรนหันไปทางปุ่มที่วิลส์กดเมื่อสักครู่ “เฮ้ย ไอ้นั่นมัน สโตนชิพ”
“ถูกแล้วนะคร้าบ ท่านผู้ชม” วิลส์พูดเสียงขี้เล่น
“นี่ นี่ แล้วมันคืออะไรหรอ ไอ้สะโตนอะไรนั่นน่ะ” เอสถามด้วยสีหน้าซื่อ ทำให้เรนต้องกุมขมับ
“ไอ้บ้าเอ้ย แกโดนของดีเข้าให้แล้วไง สโตนชิพก็คือไมโครชิพ ที่ติดบริเวณผิวหนังแล้วจะส่งกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นเซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ประสาทไม่ให้ทำงาน นายเลยขยับไม่ได้ไง” เรนอธิบายพลางหันจ้องไปทางคานิน
คนที่ถูกจ้องยิ้มขันๆ ก่อนที่จะพูดว่า “ก็นะ ของแบบนี้คงจะใช้ได้ผลกับไอ้เอสมันคนเดียวแหละ เพราะปกติคนที่ถูกติดชิพมันน่าจะรู้ตัวตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะขนาดมันก็ค่อนข้างใหญ่นะ”
“พูดงี้หมายความว่าไงวะ” เอสถามท่าทางหาเรื่อง
“ก็ อย่างว่านายมันคนแพ้เทคโนโลยีไง คนอื่นที่เค้าโดนติดชิพนี่เค้าก็จะรู้ตัวว่ามันเป็นชิพ เพราะการประดิษฐ์ค่อนข้างจะหยาบ ถ้าสังเกตสักหน่อยก็คงรู้แหละ แต่ถ้าเป็นนายสังเกตให้ตายก็ไม่รู้หรอก” วิลส์ว่าประชด
“เฮ้ย แก” เอสเริ่มจะหาเรื่อง
“มิน่า ชั้นก็ว่าแล้วว่าพวกแกต้องวางแผนอะไรเอาไว้แน่ๆ” เรนพูดพลางยักไหล่อย่างยอมแพ้ “โอเค ชั้นยอมแพ้พวกนายก็ได้”
...........................................................................
ในเมืองแห่งหนึ่งวันที่ฝนตกหนักชาวบ้านต่างก็ปิดประตูบ้านของตนอยู่ภายในบ้านอย่างสงบรอให้พายุที่กำลังแรงสงบลง เอสขี่ม้าขนสีพระจันทร์ฝ่าสายฝนมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่ม้า พยศของเขาจะยอมวิ่งไป
“ให้ตายสิเล่นปล่อยตัวกันก่อนเวลานิดเดียวอย่างงี้ใครจะไปทันได้วะ” คนที่อยู่บนหลังม้าสบถเสียงเบากับตัวเอง พร้อมกับเร่งให้ม้าขนสีพระจันทร์ของตนวิ่งเร็วขึ้นอีกทั้งๆที่มันก็วิ่งด้วยความเร็วเกือบ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าม้าตัวดีของเขากลับส่งเสียงครางประหลาดพร้อมกับพยายามจะดีดคนเร่งออกจากหลังมันแทน
“เฮ้ย ไอ้ม้าบ้า” เอสพยายามประคองตัวอยู่บนม้าที่กำลังพยายามเหวี่ยงคนขี่ให้ตกจากหลังของมัน “โทษๆ ชั้นผิดเองน่า” คนที่อยู่บนหลังม้าพยายามอ้อนวอนม้าของตนให้วิ่งไปยังเป้าหมายที่ตนต้องการอีกครั้ง
“เอส” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังเจ้าของชื่อผู้ที่กำลังพยายามขี่ม้าดื้อด้านของเขา ทำให้คนถูกเรียกหันมามองโดยลืมพยายามประคองตัวให้อยู่บนหลังม้าที่กำลังพยศ
“โอ๊ย” เอสที่ตกลงมาจากหลังม้าร้องคราง “ไอ้บ้า แกทำอะไรวะ” พร้อมกับโวยวายเพื่อนเวรของเขาที่เรียกตอนอยู่บนหลังม้า
“อะไรของแก ชั้นแค่เรียกเองนะ ไม่ระวังตัวตกลงมาเองแล้วอย่ามาพาล” เรนยืนมองเพื่อนอย่างขำๆ
“ชิ” เอสร้องอย่างหัวเสีย พร้อมกับหยิบสร้อยคอเส้นหนึ่งออกมาแล้วเปิดตรงบริเวณจี้ที่เป็นรูปโดมอันเล็กๆสีฟ้าอ่อนออกมา ทันทีที่จี้ถูกเปิดออกม้าพยศของเอสก็ถูกดูดเข้าไปทันที
“ไปด้วย” เอสพูดพร้อมกับกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซด์ของเรน รอให้เจ้าของขึ้นมาขับให้
“ไอ้บ้า แล้วม้าแกล่ะ วิ่งเร็วกว่ารถชั้นอีก” เรนบ่น
“ปล่อยให้มันพักไปก่อน ตอนนี้มันกำลังงอนอยู่” คำตอบที่ทำให้คนถามทำหน้าแหยและคิดในใจว่า ‘สักวันมันคงจะได้ไปอยู่กับม้าแทนคนแล้วมั้ง’
เรนกระโดดขึ้นไปขับมอเตอร์ไซด์ของตนโดยมีตัวแถมเพิ่มมาซ้อนท้ายอีกหนึ่งตัวโดยไม่ได้รับเชิญ ทั้งสองมุ่งตรงไปยังจุดหมายโดยผ่านหมู่บ้านออกไปทางทิศตะวันตกขับผ่านทุ่งนาไปเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าเขตเมืองหลวง เรนจึงลดความเร็วลง
“นัดกันไว้ที่ไหนนะ” เรนหันกลับไปถามคนที่ซ้อนท้ายอยู่
“ไม่รู้ดิ” คำตอบที่ทำให้คนถามอยากถีบลงไปกองกับพื้นซะเดี๋ยวนั้น
“แล้วตอนแรกนายจะไปที่ไหน”
“ก็กะว่าจะวนหาไปเรื่อยๆอะ”
เรนทำหน้าแหยพร้อมกับทำสมาธิไม่ให้ถีบไอ้เพื่อนบ้าลงไปกองกับพื้นเสียก่อน
หลังจากที่ขี่รถไปเรื่อยๆก็เจอจุดนัดพบ ทั้งสองจึงลงจากรถ
“ในที่สุดก็มาจนได้” คานินบ่นพร้อมกับก้มลงมองนาฬิกา
“ช่วยไม่ได้นี่ ไอ้ที่ที่ไคท์ส่งไปทำงานมันปล่อยช้าสุดๆ รวมกับที่ พอดีจำจุดนัดพบไม่ได้ แล้วจะไปไหนกันต่อล่ะ” เรนที่จอดรถแล้วเดินเข้ามารวมกลุ่มกับเพื่อนๆพูดขึ้น
“คงจะไปเลยมั้ง” คานินตอบ
“ไป?”
“หาคนที่เราต้องคอยคุ้มกันไง”
“อ้อ”
“ขออนุญาตครับนายท่าน มีคนกลุ่มหนึ่งต้องการพบท่าน” ชายแก่คนหนึ่งรายงานต่อชายอีกคนหนึ่งที่ดูอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปลายๆ  “ท่านจะอนุญาตให้เข้าพบหรือไม่ขอรับ”
“อืม ให้รออยู่ที่ห้องรับรองที่ 2 อีกเดี๋ยวจะออกไปพบ”
“ครับท่าน” ชายแก่โค้งให้เจ้านายของตนครั้งหนึ่งก่อนที่จะออกจากห้องไป
.....................................................
“ขออภัยครับ เจ้านายให้เชิญพวกท่านไปที่ห้องรับรองที่ 2 ก่อนแล้วท่านจะตามไปทีหลัง” ชายแก่คนเดิมออกมาบอกแก่เด็กๆ ทั้ง 5 คนก่อนที่จะนำไปยังห้องรับรองที่เตรียมไว้
“เชิญครับ ถ้ามีปัญหาอะไรกรุณากดกริ่งเรียกเจ้าพนักงานนะครับ” เมื่อพูดจบชายแก่ก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้ทั้ง 5 อยู่ตามลำพัง
ภายในห้องถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา โดยมีพรมสีแดงปูตลอดทั้งห้อง มีชุดรับแขกที่ทำจากหนังอย่างดีชุดหนึ่งวางอยู่ บนโต๊ะของชุดรับแขกมีอาหารเล็กๆน้อยๆจัดเตรียมสำหรับแขกที่มารอ
“ให้ตายสินายนี่” เรนบ่นเมื่อเห็นเอส กระโดดลงไปนอนบนโซฟาอย่างรวดเร็ว
“อาราย ในเมื่อมันมีให้ใช้ก็ต้องใช้ให้คุ้มเดะ”แล้วไอ้ตัวดีก็นอนตามสบายยิ่งกว่าอยู่บ้านตัวเอง
...................................................................................
 
“หือ ก็ไม่เป็นไง” คนที่ถูกถามตอบง่ายๆ
“แปลว่าคราวนี้สำเร็จ?”
“อือ”
“ไม่จริงน่า”
“ทำไมไม่จริงวะ”
“ก็ปกติ ถ้าแกไม่จัดการเป้าหมายผิดตัวก็ต้องทำอะไรพลาดซักอย่างแต่คราวนี้ดันสำเร็จ สงสัยพรุ่งนี้โลกคงแตก”
“ไอ้เวร “ เอสพูดอย่างฉุนๆ
“ล้อเล่นน่า แล้วแกไปรายงานตัวยัง”
“ยัง” คำตอบง่ายๆที่ทำให้คนถามต้องกุมขมับ
“ขี้เกียจว่ะ” คำตอบต่อมาที่คราวนี้คนถามเลิกเอามือกุมขมับแต่ขยับมือมาที่ไอ้คนตอบแทนแล้วจัดการลากมันไปที่ห้องรายงานตัว “ไอ้บ้า รีบๆจัดการซะเดี๋ยวแกก็เจอลงโทษอีกหรอก”
“ช่างมันสิ ไว้วันหลังก็ได้ยังไม่อยากเจอหน้าพี่ไคท์ตอนนี้ แค่นี้โลกก็น่าเบื่อพอแล้ว” เมื่อพูดจบก็มีเสียงๆหนึ่งดังมาจากข้างหลังของคนทั้งสอง
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะพอดี ได้ยินไม่ชัด” ชายที่ดูอายุมากกว่าเอสเล็กน้อยพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ แต่กลับมีรังสีอำมหิตครอบคลุมอยู่
“ง่า...ก็พูดว่าเราเข้าไปรายงานตัวกันเหอะ” เอสแก้ตัวน้ำขุ่นๆที่รู้ว่าคนฟังต้องไม่เชื่อ
ไคท์มองอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจจะถามต่อ แล้วเดินเข้าไปในห้องรายงานตัว “เข้ามาสิจะมารายงานตัวไม่ใช่รึไง”
“ครับๆ” เอสรับอย่างเสียไม่ได้ พลางเหลือบไปมองไอ้เพื่อนที่มันกำลังกลั้นหัวเราะสุดชีวิต
“ยังไม่ตามเข้ามาอีก” ไคท์หันมาตวาด
“ครับๆ” เอสตอบรับอีกครั้งพลางเดินตามไคท์เข้าไปในห้องรายงานตัว
ภายในห้องรายงานตัว มีชั้นใส่เอกสารวางอยู่รอบๆห้องซึ่งแต่ละชั้นดูเหมือนว่าจะถูอัดแน่นไปด้วยกระดาษ และมีโต๊ะทำงานตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้อง บนโต๊ะดูเหมือนจะเป็นที่เดียวที่ยังพอมีที่ว่างอยู่ ไคท์เดินเข้าไปนั่งข้างหลังโต๊ะตัวนั้นพร้อมกับหยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมา แล้วพูดว่า “ชั้นเตรียมมันไว้ตั้งแต่วันที่นายกลับมาแต่นายดันไม่มารายงานตัวซักที ต้องรอเวลามงคลหรือไง”
“อ่า คือว่าช่วงนี้มันมีอะไรวุ่นๆนิดหน่อยครับ” เอสตอบเลี่ยงๆ
“งั้นหรือ” ไคท์ถามพลางมองหน้าเอสอย่างพิจารณา “เอาเถอะถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่เลยกำหนดเวลา คราวหน้าขอให้มาเร็วกว่านี้หน่อยนะ คุณเอส”
“ครับๆ” เอสพูดพร้อมกับก้มลงไปมองเอกสารที่ถูกเลื่อนมาให้เมื่อครู่
ภายในเอกสารเขียนว่า วันที่ปฎิบัติการ เอสกรอกข้อมูลเรื่อยๆจนกระทั่งพลิกมายังหน้าสุดท้าย ซึ่งเขียนว่า รายละเอียดการทำงานตั้งแต่ต้น
“ไอ้นี่มันอะไรครับ” เอสถามไคท์ที่กำลังรอคำถามนั้นอยู่พอดี
“ไอ้นั่นคือ สิ่งที่เบื้องบนกำหนดให้กรอกเพิ่มคราวนี้ ให้เขียนเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบว่าทำอะไรลงไปบ้าง ตามความจริง ขอเน้นว่าตามความจริงนะครับคุณเอส”
เอสกลืนน้ำลาย พร้อมกับคิดว่า ‘ของแบบนั้นใครมันจะไปจำได้วะ’ แล้วเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่กำลังจ้องเขาอยู่พอดี “เอ่อ คือว่าผมจำไม่ได้ครับ” เอสพูดด้วยน้ำเสียงหวาดๆ
“ว่าไงนะ?” ไคท์ถาม
“คือว่าผมจำไม่ได้ครับ”
“ชั้นไม่ได้ยินคำตอบนั้น เขียนเรื่องทั้งหมดลงไปเดี๋ยวนี้” คำสั่งที่ทำให้เอสต้องพยายามนึกเรื่อง บวกกับปั้นเรื่องลงไปในกระดาษอย่างรวดเร็ว เมื่อเขียนเสร็จเขาก็อ่านทวนอีกครั้งและพบว่าสิ่งที่เขียน(ปั้น) มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน แต่ก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วส่งไปทั้งอย่างนั้นเพราะเจ้าตัวขี้เกียจแก้เต็มที
ไคท์ที่รับเอกสารมาก็ก้มลงอ่านสักครู่แล้วทำสีหน้าแปลกๆ พร้อมกับเริ่มการเทศน์กัณฑ์ยาว “นี่เวลาทำงานตั้งใจทำสักหน่อยสิ ตอนรายงานเบื้องบน.....” 
เอสเริ่มทำสีหน้าพิลึกแล้วสมองก็ประมวลผลหาทางเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว “ก็งานคราวนี้พี่ไม่ได้บอกก่อนนี่ครับว่าจะต้องมากรอกเอกสารอย่างละเอียดแบบนี้ รับรองว่าคราวหน้าผมจะทำให้ดีกว่านี้นะครับ” เมื่อพูดจบเจ้าคนพูดก็เริ่มปั้นสีหน้า น่าเอ็นดูทำให้คนมองต้องถอนหายใจเฮือกพร้อมกับปล่อยตัวไอ้คนแก้ตัวเก่งไป
เมื่อได้โอกาสเหมาะเอสจึงรีบเผ่นออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว “เป็นไงมั่ง” เพื่อนของเขาที่รออยู่ข้างนอกถามขณะที่เอสรีบเผ่นออกมา
“เป็นไงบ้าของแกเดะ” คนถูกถามพูดอย่างอารมณ์เสีย “เซ็งชะมัดต้องมากรอกเอกสารเวรนั่น”
“อือ หรอ แล้วแกจะไปไหนต่อวะ” คนที่รู้ว่าถ้าไม่รีบเปลี่ยนเรื่องจะต้องถูกบ่นต่อแน่รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไม่รู้สิ หาที่นอนมั้ง” เอสตอบ “แล้วแกล่ะ”
“ไปหาพวกคานินมั้ง เห็นว่าตอนนี้กำลังอบรมเด็กใหม่อยู่กะว่าจะไปแอบดูซักหน่อย”
“จริงส ิ งั้นชั้นไปด้วย” เอสพูด
“อ้าว แกไม่ไปหาที่นอนแล้วหรอ”
“ไม่แล้ว เรื่องน่าสนุกต้องมาก่อน ไปกันเหอะ”
“ให้ตายสิ แกนี่อะไรก็เอาแต่สนุก”
แล้วทั้งสองก็เดินไปตามระเบียงทางเดินที่ทอดตัวยาว ระเบียงมีหลังคาสีแดง บริเวณด้านซ้ายของระเบียง เป็นทางเปิดสู่สวนหย่อมที่ไม่เล็กนัก ส่วนด้านขวามีห้องต่างๆ เรียงรายกันอยู่เป็นระยะๆ ทั้งสองเดินมาจนถึงห้องๆหนึ่ง แล้วเอสก็แง้มประตูเพื่อแอบฟังคนที่อยู่ข้างใน
“....องค์กรของเราจะจัดหน้าที่ตามตำแหน่ง ไล่จากตำแหน่งล่างสุดก็คือพวกนาย ชื่อตำแหน่งคือ โซล ทำหน้าที่เป็นทหารคุ้มกันด้านต่างๆ แล้วก็เป็นหน่วยจู่โจมในบางครั้งที่ทางองค์กรเรียกตัว ต่อมาก็คือพวกชั้น อยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าอีเรส หรือว่านักฆ่าขององค์กร ทำหน้าที่ขึ้นตรงกับ เทรนประจำเขตของตน เทรนเป็นตำแหน่งต่อจากอีเรสทำหน้าที่ควบคุมอีเรสที่อยู่ในสังกัด และติดต่อกับเบื้องบน เทรนของพวกชั้นคือ พี่ไคท์ ตำแหน่งต่อจากเทรนจะเป็นความลับขององค์กรที่พวกชั้นไม่มีสิทธิรู้ แต่ได้ยินข่าวลือมาว่าพวกเค้าจะแผงตัวไปเป็นคนสำคัญของที่ต่างๆ อย่างเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ ระบบขององค์กรเราจะแบ่งเป็นกลุ่ม ถ้าเป็นส่วนล่างอย่างพวกโซลจะแบ่งเป็นหน่วย แต่ละหน่วยจะมีประมาณ ห้าสิบถึงร้อยคนขึ้นตรงต่อเขตของตน  ถ้าเป็นอีเรส จะแบ่งเป็นเขต เขตละห้าคนไม่เกินนั้น คอยดูแลโซลที่อยู่ในสังกัดและขึ้นตรงต่อเทรนของเขตที่มีคนเดียว ง่ายๆนะพวกนายฟังคำสั่งพวกชั้นให้ดีละกัน” เมื่อพูดจบคนพูดก็เหลือบตามองไปที่ประตูทีทั้งสองคนแอบดูอยู่ “แล้วคนที่แอบอยู่ที่ประตูนั่นก็เป็นอีกสองคนที่อยู่ในเขตเดียวกับชั้น ถ้ามันจะไม่ทำตัวลับๆล่อๆแล้วออกมาจะดีกว่านี้นะ” เมื่อพูดจบไอ้คนที่ถูกพูดถึงก็สะดุ้งพร้อมกับยิ้มแหยก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง
“ให้ตาย เซนส์ดีเหมือนเดิมเลยนะ” เอสพูด
“ไม่เหมือนใครบางคน” คำตอบที่ทำให้คนถามต้องหันกลับไปมองหน้า
“งั้นชั้นจะแนะนำพวกนายให้เด็กใหม่ของเรารู้จักนะ นี่คือ เอส อีคนทางนั้น คือ เรน แล้วชั้นคือ คานิน ในเขตเรายังมีอีกสองคน แต่ตอนนี้ไม่อยู่ ชื่อ ทีน กับ วิลส์ แล้วเทรนของเขตเราคือ พี่ไคท์ ส่วนสถานที่ที่จะใช้ได้ในองค์กรก็คือตั้งแต่ป่าทางตะวันออกจนถึง ตึกคู่ทางด้านตะวันตก รวมเนื้อที่ ห้าสิบกว่าไร่ อืม แล้วสำหรับ คนที่ยังรักชีวิตอยู่ก็พยายามอย่าเอาป่าเป็นที่งีบเหมือนไอ้เอสมันละกันนะ” คานินอธิบายให้คนที่นั่งอยู่ฟัง
“ไอ้บ้า แถวนั้นบรรยากาศดีจะตาย ออกจะเหมาะกับเป็นที่นอน” เอสแย้ง
“เหมาะแน่ถ้ามันไม่มี สัตว์ประหลาดที่มีเมือกเยิ้มหรือว่าสิงโตลายพาดกลอนตัวใหญ่ออกมานอนเป็นเพื่อนนะ”เรนพูดปนหัวเราะ
“พวกนั้นออกจะน่ารัก เป็นเพื่อนนอนก็ดีแล้วนี่” เอสยังเถียงต่อ
“มันดีสำหรับแกคนเดียวมั้ง ลองดูหน้าเด็กใหม่เราแต่ละคนเดะ”
“เหอะไอ้พวกนั้นมันไร้อารมณ์ศิลป์นะสิถึงไม่เข้าในความน่ารักของสัตว์พวกนั้น”
“ก็ยังดีกว่าคนที่มีอารมณ์ศิลป์อย่างแกว่ะ”
“หมายความว่าไง?”
“ไม่รู้สิ” เรนตอบแกมหัวเราะ
“นี่พวกแก จะคุยกันเองไปอีกนานมั๊ยวะ” คานินที่ฟังอยู่นานพูดแทรกขึ้น “เรามาอบรมเด็กใหม่นะ”
“ครับๆๆๆ ท่าน แล้วจะให้พวกข้าทำอะไรดีล่ะ” เอสพูดล้อเลียน
“ต่อไปก็พาไปแนะนำให้รู้จักกับพี่ไคท์” คานินตอบอย่างแกล้งไม่เข้าใจคำล้อเลียนของเอส
“เอ่อ งะงั้นชั้นไปหาพวกทีนกับวิลส์ดีกว่า” เอสรีบเลี่ยงเมื่อได้ฟังแผนการของคานิน
“ชั้นไปด้วย” เรนตอบ “กำลังจะไปหาพวกนั้นเหมือนกันต้องคุยเรื่องงานครั้งต่อไป พี่ไคท์บอกว่าพวกมันเอาไปแล้ว”
“ขยันกันจริงว่ะ” เอสทำหน้าแหย “งั้นชั้นไปหาที่นอนดีกว่า” พร้อมกับเริ่มหาเรื่องเลี่ยงงาน
“ไม่ได้โว๊ยแกต้องไปทำงานด้วย แกมันทำให้งานล่มไปหลายรอบแล้วอย่านึกว่าจะได้อู้ง่ายๆ” คานินบอกเสียงเย็นที่ทำให้เอสต้องรีบทำตาม
ทั้งสองเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ไปทางตะวันตก แล้วเดินเข้าไปในตึกคู่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงสุดระเบียงทางเดิน
“สวัสดีครับท่านเอส ท่าน เรน” ยามที่เฝ้าอยู่หน้าตึกกล่าวทักทาย
“อือ” เอสตอบเรื่อยๆ พร้อมกับเดินเข้าไปในตึก ภายในตึกถูกตกแต่งด้วยรูปภาพต่างๆที่รับกับผนังสีขาวอย่างงดงาม พื้นถูกปูด้วยพรมกำมะหยี่สีเข้มตลอดทาง ห้องแรกที่ทั้งสองเดินเข้ามาไม่มีอุปกรณ์ตกแต่งอะไรนัก แต่มีบันไดเวียนขนาดใหญ่อยู่บริเวณสุดทางเดิน
เอสและเรนเดินตรงไปยังลิฟท์ที่อยู่ข้างๆบันไดเวียนพร้อมกับเดินขึ้นลิฟท์ไป เรนกดลิฟท์ชั้นบนสุดและบ่นว่า “ไอ้พวกนั้นมันชอบอยู่ที่สูงๆจริงนะ”
“ไม่เคยได้ยินหรอ เค้าว่าคนบ้ามักจะอยู่ที่สูง” เอสตอบทันทีพร้อมกับเสียงหัวเราะ ทำให้คนถามยิ้มนิดๆเมื่อคิดถึงสีหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเอสของคนที่กำลังจะไปหา
กิ๊ง! ลิฟท์จอดที่ชั้นที่ต้องการพร้อมกับเปิดประตูออกให้ทั้งสองเดินออกจากลิฟท์ไป
เมื่อเดินออกจากลิฟท์ ทั้งสองก็เดินไปตามทางเดินสีขาวที่ทอดตัวยาวไปยังประตูห้องๆหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องเดียวที่มีอยู่บนชั้นนั้น
“ขออนุญาต” เอสพูดเสียงห้วนกับประตูไม้ที่ปิดสนิท
“เออ ใครวะ เอส หรือ เรน” เสียงที่อยู่หลังประตูกล่าวตอบกับเอส
“คุณตอบถูกทั้งสองข้อที่กล่าวมาครับ” เสียงกวนประสาทดังผ่านประตูไป ทำให้คนที่อยู่ข้างในห้องต้องเดินออกมาเปิดประตู ทำให้เห็นบริเวณภายในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างง่ายๆ ผิดกับส่วนอื่นของตึก ภายในห้องประกอบด้วยชุดรับแขกตั้งอยู่ตรงกลางห้อง และมีห้องแยกอีกห้องหนึ่ง บริเวณมุมด้านซ้ายมุมหนึ่งของห้อง
“ทำไมวันนี้ถึงเสด็จมากันได้วะ แค่เรนยังพอว่าแต่ทำไมนายถึงมาด้วยล่ะ” ชายหนุ่มผมสีดำสนิทกล่าวเมื่อเห็นหน้าแขกผู้มาเยือน
“ทำไมวะชั้นจะมากับเค้ามั่งไม่ได้รึไง แกมีปัญหาเรอะไอ้วิลส์” เอสรีบโวย
“ไม่มีหรอกแต่มันแปลกที่แกจะโผล่เข้ามาในห้องนี้ได้ ใช่มะทีน” วิลส์หันไปขอความเห็นกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนชุดรับแขกในห้อง
“นั่นสิปกติกว่าจะมาได้ต้องลากกันแทบแย่” ทีนพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“นี่พวกนาย” เอสเริ่มโวย แต่โดนเรนที่อยู่ข้างหลังขัดเสียก่อน “เอาน่าๆ วันนี้เรามาดูงานชิ้นต่อไปกันน่ะ ที่พวกนายเอามาเป็นไงมั่ง”
“เอ่อ มันก็ไม่เป็นไงหรอกแต่...” หญิงสาวตอบพร้อมทำสีหน้าพิลึกๆพร้อมกับที่เอสและเรนเดินตรงไปยังที่ที่เธอนั่งอยู่
“หมายความว่าไง” เรนถาม และหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามกับที่นั่งของทีนพร้อมกับที่เอสนั่งลงข้างๆ
“พวกนายดูกันเองละกัน” เมื่อพูดจบเรนก็ส่งเอกสารปึกหนึ่งมาให้ทั้งสอง
เอสและเรนอ่านเอกสารตรงหน้าพร้อมกัน เมื่ออ่านจบทั้งสองก็ทำสีหน้าพิลึกพร้อมกับพูดกับทีนว่า “งานนี้มันอะไรกัน พี่ไคท์เข้าใจอะไรผิดหรือปล่าว”
“ปล่าวหรอก เค้าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดคนที่พวกเราจะต้องไปคุ้มครองคราวนี้เป็นหนึ่งในเบื้องบนขององค์กร” ทีนตอบ
“แต่พวกเราเป็นอีเรสนะเฟ้ยไม่ใช่องครักษ์สักหน่อย” เอสเริ่มโวย
“แล้วนายจะให้ชั้นทำไงล่ะยะ เดินไปบอกพี่ไคท์ว่าไม่ทำรึไง มีหวังจะได้ซวยกันหมดนี่น่ะสิ” ทีนเริ่มโวยบ้างแสดงให้เห็นว่าเธอก็ไม่ได้พอใจกับงานชิ้นนี้ซักเท่าไหร่เหมือนกัน
“เอ่อ มันก็จริงนะ แล้วคานินรู้เรื่องนี้หรือยัง” เรนถาม
“ยังหรอก ถ้ารู้เรื่องแล้วก็คงจะเป็นเหมือนพวกนายไปอีกคน” คนที่ตอบเป็นวิลส์ที่ยืนฟังอยู่เงียบๆมาพักหนึ่ง
“เฮ้อ ถ้างั้นก็คง ปฎิเสธ ไม่ได้แล้วใช่มั๊ย ทำก็ทำวะ” เรนตอบอย่างหัวเสีย
“งั้นคราวนี้จะให้ใครไปทำ” เอสถามพร้อมกับพร้อมกับพลิกเอกสารในมือไปมา
“นั่นสิ พวกนายจะไปเองมั๊ย” เรนพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับดึงเอกสารออกจากมือของเอสก่อนที่จะโดนทำพังและส่งให้กับคนที่นั่งอยู่ครงข้าม
“ไม่รู้สิ ไว้เดี๋ยวคานินมาแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกที” วิลส์ตอบ
“อือ แล้วข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ต้องคุ้มกันล่ะ” เรนถามต่อ
“ก็ไม่รู้หรอก เท่าที่รู้ก็มีแค่ว่าเค้าเป็นสมาชิกชั้นสูงขององค์กร แล้วก็ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศทางตะวันตกประเทศหนึ่งเท่านั้น” ทีนตอบจากข้อมูลในมือของหล่อนที่เพิ่งรับมาจากเรน
หลังจากนั้นไม่นาน คานินก็เดินเข้ามาในห้อง
“ไง” เอสกล่าวทักทายง่ายๆ
“หือ ทำไมมารวมกันแล้วนั่งทำหน้าเครียดกันอยู่นี่ล่ะ ตกงานหมู่รึไง” คานินพูด
“ไอ้บ้า ถ้าตกงานได้ก็ดีสิวะ” เอสตอบ
“หมายความว่าไง” คำถามที่ทำให้ทีนโยนเอกสารในมือไปให้คานินที่กำลังเดินไปหาที่นั่ง
คานินนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ยังว่างอยู่ แล้วพิจารณาเอกสารสักครู่ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนๆที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่
“เอาไง” เรนถามคนที่เพิ่งอ่านเอกสารเสร็จ “แกจะลงมือเองป่าว”
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจ งานมันยุ่งยากแล้วก็กินเวลานานเกินไป” คนถูกถามตอบ
“แล้วใครจะไปวะ  ชั้นก็ไม่เอา” เรนพูดบ้าง
“นั่นสิ ให้ไปฆ่าใครยังง่ายกว่า” เอสตอบ
“ชั้นถนัดแค่หาข้อมูล เรื่องให้ไปคุ้มกันใครต้องขอผ่าน” ทีนพูดต่อ
“เฮ้ย ชั้นก็ไม่เอานะ” วิลส์พูดเป็นคนสุดท้าย
ทั้งห้าคนจ้องหน้ากันโดยไม่พูดอะไรอยู่คู่หนึ่ง
“เฮ้ยตกลงจะเอาไง” ในที่สุดเอสก็พูดทำลายความเงียบ
“จับไม้สั้นไม้ยาว” เรนเสนอ
“ไอ้บ้า” คานินตอบแทบจะทันทีที่เรนพูดจบ
“ไม่งั้นแกจะไปเรอะ” เรนประชด
“ไม่ไป” คำตอบง่ายๆที่ทำให้ทุกคนเกือบสำลักอากาศพร้อมกับพร้อมใจกันจ้องไปยังคนที่ปกติจะต้องเสนอตัวไปทำงานเป็นคนแรก
“งั้นเรามาสลับเวรกันไปมั๊ย” ทีนเสนอบ้าง
“อืม ตามใจละกัน” วิลส์เกือบเห็นด้วย
“คงไม่ได้หรอก” เสียงๆหนึ่งดังมาจากประตูทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง
“พี่ไคท์ มีธุระอะไรที่นี่หรือครับ” เอสพูดเมื่อเห็นหน้าผู้มาเยือน พร้อมกับแอบทำสีหน้าเบื่อหน่ายเป็นการต้อนรับ
“ไม่มีอะไรหรอกแค่เรื่องงานที่พวกนายกำลังเถียงกันอยู่นั่นแหละ.” ไคท์ตอบพร้อมกับเดินไปที่นั่งที่สุดท้ายที่ยังว่างอยู่
“หมายความว่าไง” ทีนถามเสียงเย็น แสดงออกถึงความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน
“ไม่ต้องทำเสียงอย่างนั้นพี่ก็บอกน่า ทีน” ไคท์พูดเสียงอ่อนตอบ (ทำให้เอสคิดว่า “ไอ้หัวงูเอ๊ย”)  “คืองานชิ้นนี้เบื้องบนเค้าระบุมาว่าต้องเป็นพวกนายเท่านั้นแล้วก็ต้องทำงานพร้อมกันทั้งห้าคนด้วย”
“หือ” ทั้งห้าคนอุทานพร้อมกัน
“ทำไมต้องระบุว่าเป็นพวกผม” คานินพูดน้ำเสียงไม่เข้าใจ
“มันเป็นเรื่องของเบื้องบน” ไคท์ตอบ
“แล้วทำไมต้องทั้งห้าคนด้วย” เอสถามบ้าง
“มันเป็นเรื่องของเบื้องบน” คำตอบที่ทำให้ทุกคนถลึงตาใส่คนตอบ
“หน้าที่ของพวกนายทุกคนคือทำตามคำสั่งของเบื้องบนเท่านั้น” ไคท์เสริมให้กับคำพูดของตนเอง
“ถ้างั้นก็เลี่ยงไม่ได้แล้ว” คานินเสริมเมื่อไคท์พูดจบ
“ลงมือวันไหนวะ” เอสถามคานินที่ถือเอกสารรายละเอียดอยู่ในมือ
“อีกสิบห้าวัน คุ้มกันขณะที่ท่านต้องเดินทางทางเครื่องบินไปประชุมอีกประเทศหนึ่งจนกระทั่งท่านกลับมาอย่างปลอดภัย” คานินตอบตามเอกสารที่อยู่ในมือ
“งั้นเราก็ว่างอีกครึ่งเดือนใช่มะ” เอสถามอย่างยินดี
“งั้นมั้ง” ทีนตอบหลังจากที่สำรวจทั่วเอกสารแล้ว
“งั้นเราไปหาที่นอนกันดีกว่า อีกตั้งสิบห้าวัน” เอสพูดพร้อมกับเดินออกไปจากห้อง
.
หลังจากนั้นประมาณ 2 วัน
“ไงว่าแล้วว่าต้องนอนอยู่นี่” เรนพูดเมื่อเห็นเอสนอนอยู่บริเวณใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง
“หือ เรนหรือ” เอสงัวเงียถาม
“เออ”
“มีไร” เอสลุกขึ้นนั่ง
“พอดีจะมาแจ้งข่าวร้าย” เรนบอก
“ข่าวร้าย?” เอสเริ่มตาสว่าง “อะไร”
“ไม่มีอะไรมาก ก็แค่ในสิบห้าวันนี้พวกเราต้องไปซ้อมต่อสู้กับพี่ไคท์และกลุ่มทีมงานพิเศษ” เรนตอบหน้าตาย
“หา เมื่อกี้แกว่าไงนะ”
“ก็พวกเราไม่เคยมีประสบการณ์การคุ้มครองหรือทำงานเป็นกลุ่มใช่มั๊ยล่ะ พี่ไคท์เค้าก็เลยเป็นห่วง เลยคิดว่าจะฝึกพิเศษให้
“อ่า ไม่เอาได้มั๊ย” เอสทำหน้าแหย
“อยากลองปฏิเสธดูมั๊ยล่ะ คงสนุกดีพิลึกนะ” เรนข่มขู่เสียงเรียบ
“เอ่อ ไม่ดีกว่า” เอสตอบปลงๆ
“ทำไมแกถึงชอบนอนแถวป่าพิลึกๆนี่จริง ที่อื่นมีเยอะแยะไม่นอนให้ตาย” เรนบ่น
“ตรงนี้ก็ดีแล้วนี่ ไม่ค่อยมีคนมาด้วย แถมยังมีเพื่อนนอนเล่นด้วยอีกต่างหาก” เอสบอกพร้อมกับมองหน้าเรนที่ทำหน้าแหยไม่เห็นด้วย
“ทำไมทำหน้างั้นวะ ออกจะน่ารัก อ๊ะ นี่ไงพูดถึงก็มาพอดีเลย” เอสพูดพร้อมกับชี้ไปที่หอยทากที่ขนาดตัวไมเล็กไปกว่ารถกระบะคันย่อมๆ ตัวหนึ่งซึ่งเลื้อยตรงมาทางที่ทั้งสองนั่งอยู่ พร้อมกับปล่อยเมือกเหนียวๆสีม่วงออกมาตามทาง
“เฮ้ยยยยยยย” เรนร้องเสียงดังพร้อมกับกระโดดออกห่างจากหอยทากขนาดยักษ์
“ไอ้บ้า” เอสพูดกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นเรนกระโดดหนี
“แกชอบมันเข้าไปได้ไงวะ” เรนทำหน้าขยะแขยง
“มันเป็นสัตว์ธรรมดาที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เพียงแต่ถูกองค์กรนำมาใช้เป็นเครื่องมือทดลองเท่านั้น”
“จะบอกว่านั่นเป็นเหตุผลที่นายรับพวกมันมาเลี้ยงงั้นเรอะ”
“ป่าว เหตุผลของชั้นคือมันน่ารักดีก็เท่านั้น” คำตอบที่ทำให้คนถามทำหน้าเหนื่อยใจแล้วขอตัวเดินจากไป
“อย่าลืมไปซ้อมนะเว้ยยยยยยยยยยยยยยย” เรนตะโกนบอกเมื่อเดินไปพ้นรัศมีของหอยทากแล้ว
“เออ” เอสตอบเบาๆกับตัวเอง
.......................................
วันฝึก ที่สวนแห่งหนึ่งติดกับระเบียงทางเนยาวขององค์กร
“เอสมาแล้ว นึกว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตไปตามมันที่ไอ้ป่าเวรนั่นแล้วเชียว” เรนบอกกับเหล่าพรรคพวกที่ยืนอยู่ด้วยกัน
“เออ” คานินรับขำๆ
“งาย พวกเราชั้นมาแล้วววววว” เอสพูดลากเสียงพร้อมวิ่งเข้ามารวมกลุ่ม
“นายมาช้าไปสิบนาทีนะ” พี่ไคท์เริ่มตั้งท่าจะบ่น แต่มีคานินมาช่วยขัดไว้ก่อน “เอาเถอะครับพี่ยังไงเค้าก็มาแล้วเราเริ่มซ้อมกันดีกว่า”
“อืม เอางั้นก็ได้” ไคท์พูดอย่างคนถูกขัดใจแต่ก็ยอมรับ “ถ้าอย่างนั้นชั้นจะอธิบายวิธีการซ้อมให้นะ ก่อนอื่นก็หยิบนี่ไปคนละอัน” เมื่อพูดจบคนพูดก็ส่งกล่องกระดาษที่ข้างในใส่ลูกกลมเล็กๆไว้ห้าลูก
ทุกคนหยิบไปคนละลูกแล้วสำรวจลูกกลมของตัวเอง
“ไม่เห็นมีไรเลย” เอสพูด
“นั่นสิ ของชั้นก็เหมือนกัน” เรนพูดเห็นด้วย
“แต่ของชั้นมีนะ” ทีนตอบบ้าง “มีขีดสีแดงๆอยู่ขีดนึง”
“อือ ของชั้นก็มีขีดแต่สองขีดว่ะ” วิลส์ตอบ
“ของชั้นก็มีสองขีด” คานินมองของตัวเองแล้วบอกบ้าง
“นั่นแหละ ทีนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ชั้นจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มโจมตีกับกลุ่มป้องกัน คนที่ลูกกลมไม่มีขีดคือกลุ่มป้องกัน แล้วกลุ่มที่มีสองขีดบนลูกกลมคือกลุ่มโจมตี เอ่อ อีกคนที่เหลือเป็นกรรมการนะให้ช่วยตรวจสอบทั้งสองฝ่ายให้ไปตามกติกาที่จะบอกต่อไปนี้ กติกาง่ายๆก็คือห้ามทำร้ายถึงตาย ใช้อาวุธอะไรก็ได้ ภายในห้าวันคนที่ทำหน้าที่โจมตีก็ต้องโจมตีให้ได้ ถ้าหากพ้นห้าวันไปแล้วยังไม่สามารถโจมตีเป้าหมายได้จะถูกทำโทษ แต่ถ้าทำได้คนที่ป้องกันก็จะต้องรับโทษแทน แค่นี้แหละ” ไคท์อธิบายกฎอย่างง่ายๆ
“แล้วพวกเราจะต้องป้องกันใครครับ” เรนถาม
“เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายนะ ชั้นจะเป็นเป้าหมายเอง” ไคท์ตอบพร้อมกับที่เอสทำหน้าแหย และคิดในใจว่า ‘ต้องอยู่กับไคท์ห้าวันเต็มๆเลยเหรอเนี่ย นรก’
“ถ้าอย่างนั้น เราจะเริ่มต้นกันตอนนี้เลยนะ อ้อ อีกอย่าง ฝ่ายป้องกันสามารถจับฝ่ายโจมตีได้ ถ้าถูกจับได้ก็ถือว่าแพ้เหมือนกัน กรรมการจับตามองด้วย” ไคท์บอก
เมื่อพูดจบคานินและวิลส์ก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาระเบียงที่อยู่ด้านข้างติดกับสวน แล้วหายไปทันที ทิ้งทั้งสามคนให้ยืนอยู่ที่เดิม
“อืม” ไคท์อุธานพร้อมกับจะเดินไปบ้าง
“เดี๋ยว” แต่ก่อนที่จะเดินออกไปทีนก็เรียกไว้
“ทำไมหรือ” ไคท์หันมาถาม
“ไคท์ ตอนแรกจะให้ชั้นเป็นเป้าใช่มั๊ย แล้วเปลี่ยนทำไม ชั้นไม่ใช่เด็กอมมือที่ทำอะไรไม่เป็นนะ”ทีนตวาด
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ไคท์ตอบเสียงอ่อน
“ไม่ต้องมาโกหก นายจะเอาไงกันแน่ไคท์ คราวหน้าถ้านายไม่ให้ชั้นทำงานอีก ชั้นจะลาออกจากทีมของนายใจมั๊ย” ทีนตวาดอีกครั้งพร้อมกับมองไคท์อย่างเย็นชาและกระโดดหายไปที่เดียวกับพวกคานิน
“ไม่ใช่อย่างนั้นเธอไม่เข้าใจ” ไคท์พูดเบาๆกับตัวเอง แต่ก็ไม่พ้นหูของพวกอยากรู้อยากเห็นทั้งสองไปได้
“พี่ไคท์ กับ ทีนเป็นอะไรกันกรือครับ” เรนถามเสียงสุภาพ
“ไม่เกี่ยวกับพวกแก” ไคท์ตวามใส่เรนพร้อมกับเดินเข้าไปในตึกที่อยู่ข้างๆจุดนัดพบ
....................................................................
หลังจากนั้นสองวัน หน้าห้องที่เอสเคยเข้าไปรายงานตัว
“พวกคานินไม่คิดจะบุกมากันบ้างเลยหรือไงน้า น่าเบื่อชิบ” เอสบ่นกับเรนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เออ ดีแล้วนี่จะได้ไม่ต้องโดนลงโทษ” เรนตอบบ้าง
“เวร สิ น่าเบื่อจะตาย” เอสบ่นต่อ “ไคท์ก็ไม่ให้เข้าไปในห้องทำงานเลย แล้วอย่างนี้จะคุ้มครองได้ไงวะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้าจะมีใครบุกเข้ามาก็ต้องเข้าทางนี้แหละ ห้องนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนาจะตาย มดสักตัวยังเข้าไม่ได้เลย”
“เออ” คานินตอบทำให้ทั้งสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องทำงานของไคท์หันไปมองทางต้นเสียง “มดสักตัวก็ผ่านไม่ได้จริงๆด้วยว่ะ”
“ไง ลองมาแล้วล่ะสิ ถึงได้สะบักสะบอมมาขนาดนั้น” เอสพูดด้วยน้ำเสียงเล่นๆ
“อือ ก็นะ เราก็เลยตกลงกันว่าจะเข้าไปทางนี้แหละ” คานินตอบทั้งสองพร้อมกับกวาดลูกเตะเข้าไปทางเอส ในเวลาเดียวกับที่วิลส์กระโดดพุ่งตัวเข้าไปหาเรน
เอสหลบเท้าของคานินได้อย่างหวุดหวิดพร้อมกับชกสวนเข้าไปตรงหน้าทำให้คนที่เตะมาก่อนเสียหลัก ต้องกระโดดถอยหลังไป เมื่อคานินกระโดดถอยไปแล้วเอสจึงพุ่งเข้าไปซ้ำทำให้เป้าหมายต้องเบี่ยงตัวหลบมาข้างๆ พร้อมกับฟาดหลังมือลงไปบริเวณต้นคอของคนที่พุ่งเข้ามา แต่เอสหลบได้อย่างหวุดหวิดทำให้เสียหลักและโดดคานินเตะซ้ำอีกครั้ง  แรงเตะทำให้คนถูกเตะกระเด็นไปตามแรงเตะพุ่งเข้าชนกับกำแพงส่งเสียงดังสนั่น
“ซวยแล้วไอ้คานิน ชั้นบอกแกแล้วว่าให้เงียบๆไง” วิลส์ตะโกนบอกก่อนที่จะส่งสัญญาณให้ถอนตัวทิ้งให้เอสกับเรนอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ
“ไอ้บ้าเอ๊ย เล่นซะเต็มแรง” เอสโอดครวญ
“เกิดอะไรขึ้น” หลังจากนั้นไม่นานคนอื่นๆก็ทยอยกันออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ คือว่าพวกผมฝึกซ้อมกันรุนแรงไปหน่อย” เอสตอบกับไคท์ที่ออกมาดู
วันต่อมาขณะที่ไคท์และบอดี้การ์ดชั่วคราวกำลังเดินอยู่ในสวนทางเชื่อมระหว่างเขตเพื่อที่จะไปติดต่องานกับอีกเขตหนึ่ง
“ให้ตายทำไมเราต้องมาด้วยวะ ธุระไม่ใช่” เอสบ่นพึมพำ แต่ยังไม่เบาพอที่จะให้คนหูนรกอย่างไคท์ไม่ได้ยิน คนหูนรกจึงหันมามองตาเขียว
“ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องมาสิ แต่ถ้าแพ้การฝึกนี่ละก็พวกนายคงไม่ได้มีชีวิตดีดีแน่” คำขู่ที่ทำให้ทั้งสองทำหน้าแหยแล้วหันไปคุยกันเอง “นี่เอสแล้ว...” แต่เรนยังพูดไม่ทันจบประโยคคานินก็กระโดดออกมาจากหลังคาระเบียงที่อยู่ข้างๆสวน
“ไง” คานินทักทายง่ายๆ ให้กับสองคนที่กำลังระวังตัวขึ้นมาทันที
“ไอ้บ้า มาไงอะไรตอนนี้นะ” เรนเริ่มโจมตีก่อนโดยเตะเข้าไปที่หน้าของเป้าหมาย
“เฮ้ยๆ เจอหน้ากันเค้าทักกันอย่างงี้หรอวะ เพิ่งรู้” คานินกระโดดหลบไปด้านหลัง
“สำหรับตอนนี้นะ” เอสตอบแล้วเข้าโจมตีเป้าหมายบ้าง
ทั้งสามเปิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยมีคนที่เดินอยู่แถวๆนั้นในตอนแรกเป็นผู้ชม
“เฮ้ย ทำไมอีเรสเขตเดียวกันถึงมาสู้กันเองวะ” ผู้ชมคนหนึ่งพูดกับเพื่อน
“ก็ดีแล้วนี่ทำให้มีอะไรหนุกๆดู”
“ทำไมวะ พี่ที่เขตเราเค้าก็ฝึกกันให้เห็นออกบ่อย”
“ไอ้บ้า แกไม่รู้หรอ ห้าคนที่เขตนี้เป็นอีเรสที่มีฝีมือสูงกว่าคนอื่นๆ บางทีอาจจะเก่งกว่าพี่ไคท์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้”
“แล้วทำไมเค้ายังเป็นอีเรสอยู่ล่ะ ถ้าเก่งจริงก็น่าจะเลื่อนขั้นเป็นเทรนแล้วนะ”
“เหอะ แกไม่รู้อะไรที่พวกนี้ไม่เลื่อนขั้นก็เพราะแต่ละคนไม่เคยจะส่งรายงานปฏิบัติหน้าที่กันเลยน่ะสิ ก็เลยไม่เคยมีผลงานออกมาเป็นที่รับรู้”
“เก่งแต่ขี้เกียจว่างั้นเหอะ” คนพูดพูดพร้อมกับทำหน้าแหยและมองไปทางคนที่กำลังสู้กันอยู่อย่างทึ่งๆ
เอสกระโดดหลบหมัดของคานินที่พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่เรนเตะเข้าไปที่ซี่โครงของคานินอย่างเต็มที่ ทำให้คนโดนเตะกระเด็นไประยะหนึ่งก่อนที่จะกลับตัวได้
“ให้ตายสองรุมหนึ่งอย่างงี้งานหนักว่ะ” คานินเปรย
“พวกชั้นน่าจะถามแกมากกว่าว่ามีแผนอะไรอยู่” เรนถาม
“นั่นสิ เล่นหายไปสองวันแล้วเพิ่งจะโผล่มาอย่างนี้ อย่านึกว่าพวกชั้นจะจับไม่ได้นะ” เอสพูดต่อ
“ปล่าวซะหน่อยพวกนายนี่ดูชั้นในแง่ไหนกันนะ” คานินถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
“เจ้าเล่ห์ ชอบใช้แผนการชั่วร้ายอยู่เรื่อย” เอสและเรนตอบพร้อมกันทำให้คานินยิ้มแหย
“มองคนอื่นให้มันดีดีหน่อยซี่”คานินพูดพร้อมกับพุ่งเข้าโจมตีเอสที่ไม่ทันระวัง จึงโดนเตะเข้าไปทีแขนอย่างจัง
“เฮ้ยเล่นทีเผลอ” เอสบ่น
“เค้าเรียกว่าให้โอกาสให้เป็นประโยชน์เว้ย” คานินพูดพร้อมทำสีหน้ากวนเบื้องล่าง
“ไอ้...”
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งสิวะใจเย็น” คานินกวนตีน “วันนี้เบื่อแล้วไปดีกว่า ไว้เจอกันวันพรุ่งนี้นะ ” คานินพูดต่อ แล้วกระโดดหายไปอีกครั้ง
“มันจะทำอะไรของมันกันแน่นะไอ้หมอนี่” เรนพูดกับเอส
“เออ จับมันไม่ทันว่ะ” เอสพูดปลงๆ “แต่ท่าทางวันสุดท้ายที่มันพูดพวกเราจะงานหนัก”
เรนยักไหล่ตอบ พร้อมกับเดินตามไคท์ที่จะเดินไปยังจุดหมายเดิมอีกครั้ง
วันสุดท้ายของการฝึก
“ฮ้าววววววว” เอสหาวยาว
“ง่วงอะไรของแกขนาดนั้นวะ” เรนมองไปที่เอสอย่างปลงๆ
“งึมๆ เมื่อคืนนอนอ่านการ์ตูนกะเล่นเกมส์ดึกไปหน่อย” เอสตอบพร้อมกับหาวอีกครั้ง
“ไอ้เวร” เรนพูดพร้อมกับทำหน้าปลง
“พวกนายสองคนวันนี้ชั้นต้องไปประชุมกับรับงานจากผู้นำระดับสูง จะตามไปมั๊ย” ไคท์เดินออกมาจากห้องมาถามทั้งสองที่ยืนคุยกันอยู่หน้าห้องทำงาน
“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ไปจะได้หรือครับ” คนกวนประสาทพูดกวนประสาท
“ก็น่าจะรู้ว่าไม่ได้” ไคท์ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะมาถามทำไมล่ะครับ” เอสตอบอย่างเซ็งๆ
“เป็นธรรมเนียม” คำตอบที่ทำให้คนฟังทำหน้าแหย “พวกนายสองคนตามชั้นมาแล้วกัน วันนี้จะเข้าสำนักงานส่วนกลาง”
“สำนักงานส่วนกลาง พวกผมเข้าได้หรือฮะ” เรนถาม
“ได้แน่ถ้าไม่ได้เข้าไปในฐานะอีเรส”
“แล้วจะเข้าไปในฐานะอะไรดีล่ะครับ” คราวนี้เอสถามขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ได้ใช้น้ำเสียงขี้เล่นเช่นเดิม
“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ ต้องให้บอกด้วยหรือ”
“พอดีพวกผมไม่ฉลาดอย่างพี่น่ะครับ” เอสตอบน้ำเสียงประชดประชัน
“ก็ดี พอดีชั้นก็ไม่อยากได้ลูกทีมฉลาดเกินไปหรอกนะ ชั้นจะเอาพวกนายเช้าไปในฐานะที่พวกนายเป็น บุตรแห่งผู้ก่อตั้งองค์กร กับบุตรชายของท่านเสธฝ่ายซ้าย” ไคท์ยังไม่ทันพูดจบเอสก็ชกไปที่หน้าของคนพูดอย่างรวดเร็วแต่เรนช่วยกันเอาไว้ให้ทัน
“แกจะช่วยมันทำไมวะ” เอสพูดอย่างหัวเสีย
“ชั้นยังไม่อยากมีเรื่องตอนนี้” เรนตอบเรียบๆแต่อารมณ์ก็ไม่ได้ต่างไปจากเอสซักเท่าไหร่ “เพราะชั้นยังอยากรู้ว่าพี่เค้าจะทำอะไรกันแน่ก่อนที่จะสลบไปเพราะโดนนายชกเอา”
ไคท์ไม่ตอบคำถามของเรน เอสจึงเริ่มโมโหอีกครั้ง “ใจเย็นน่า” เรนที่มองเห็นพฤติกรรมของเพื่อนรีบห้ามไว้ “คุณจะเอาพวกผมไปทำอะไร ลากกลับไปเบื้องบนรึไง หรือว่าพวกเบื้องบนสั่งมา และคงไม่คิดว่าถ้าตอบว่าเพื่อการซ้อมบ้าๆนี่แล้ว เราจะเชื่อ หรอกนะ” ไคทยังคงไม่ตอบ “เอาเหอะ ชั้นพอจะรู้แล้ว ในเมื่อเค้าต้องการกันขนาดนั้นเราก็จะทำตามประสงค์ละนะ แต่ ผลลัพท์จะออกมายังไงพวกชั้นไม่รับผิดชอบแล้วกัน” เรนพูดพร้อมทำสีหน้าเจ้าเล่ห์
“ชั้นไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก” ไคท์ตอบ
“แต่ชั้นว่าเราคงไม่ต้องไปแล้วล่ะ” เอสยิ้มขึ้นบ้าง “ออกมาเหอะน่า ชั้นรู้วาพวกนายแอบฟังอยู่นะ” เมื่อพูดจบ คนแอบฟังทั้งสองก็ออกมาจากที่ซ่อน
“ความรู้สึกเร็วดีนี่” คานินพูด
“ไม่เท่าพวกนายหรอก ที่กรุณามาช่วย” เรนพูดขึ้นบ้างพร้อมกับรับการโจมตีของวิลส์ที่ตรงเข้ามา
“แกวางแผนอะไรไว้กันแน่นะ คานิน” เรนพูดเบาๆ ที่ข้างหูฝ่ายครงข้าม “แล้วก็ต้องขอขอบคุณด้วยที่กรุณาโผล่มาช่วยก่อนที่ชั้นจะหยุดเอสมันไม่ไหว”
“ไม่เป็นไรมิได้ แต่ถ้าอยากขอบคุณจริงๆล่ะก็ ใช้ชั้นชนะแล้วกัน” คานินพูดพร้อมกับหมุนตัวเตะใส่เป้าหมาย แต่กลับโดนหยุดไว้ได้
“นั่นมันคนละเรื่องกัน โว๊ย” คนที่รับการโจมตีไว้ได้ถีบกลับทำให้คนโจมตีมาก่อนเสียหลักล้มลง
“ให้ตายสิ ไม่น่าพลาดเลย วิลส์ จัดการตามแผนเลย” คนที่ล้มลงไปกับพิ้นหันไปบอกเพื่อนอีกคนที่กำลังสู้อยู่กับเอส
“เออ น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้หน่อย” วิสล์หยิบเครื่องมือสี่เหลี่ยมที่มีปุ่มอยู่ปุ่มเดียวตรงกลางขึ้นมา “กู๊ดลัก” แล้วก็กดมันลงไปหลังจากพูดจบ
“พวกนายทำอะไรกันน่ะ” เรนถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก็รู้น่า” คานินตอบ
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” หลังจากที่คานินพูดจบเอสก็ร้องเสียงหลง
“เป็นอะไรของแกวะ” เรนพูดแฝงแววรำคาญนิดๆ
“ก็ ก็ ร่างกายมันขยังไม่ได้ว่ะ”เอสตอบ
“หือ” เรนหันไปทางปุ่มที่วิลส์กดเมื่อสักครู่ “เฮ้ย ไอ้นั่นมัน สโตนชิพ”
“ถูกแล้วนะคร้าบ ท่านผู้ชม” วิลส์พูดเสียงขี้เล่น
“นี่ นี่ แล้วมันคืออะไรหรอ ไอ้สะโตนอะไรนั่นน่ะ” เอสถามด้วยสีหน้าซื่อ ทำให้เรนต้องกุมขมับ
“ไอ้บ้าเอ้ย แกโดนของดีเข้าให้แล้วไง สโตนชิพก็คือไมโครชิพ ที่ติดบริเวณผิวหนังแล้วจะส่งกระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นเซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ประสาทไม่ให้ทำงาน นายเลยขยับไม่ได้ไง” เรนอธิบายพลางหันจ้องไปทางคานิน
คนที่ถูกจ้องยิ้มขันๆ ก่อนที่จะพูดว่า “ก็นะ ของแบบนี้คงจะใช้ได้ผลกับไอ้เอสมันคนเดียวแหละ เพราะปกติคนที่ถูกติดชิพมันน่าจะรู้ตัวตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะขนาดมันก็ค่อนข้างใหญ่นะ”
“พูดงี้หมายความว่าไงวะ” เอสถามท่าทางหาเรื่อง
“ก็ อย่างว่านายมันคนแพ้เทคโนโลยีไง คนอื่นที่เค้าโดนติดชิพนี่เค้าก็จะรู้ตัวว่ามันเป็นชิพ เพราะการประดิษฐ์ค่อนข้างจะหยาบ ถ้าสังเกตสักหน่อยก็คงรู้แหละ แต่ถ้าเป็นนายสังเกตให้ตายก็ไม่รู้หรอก” วิลส์ว่าประชด
“เฮ้ย แก” เอสเริ่มจะหาเรื่อง
“มิน่า ชั้นก็ว่าแล้วว่าพวกแกต้องวางแผนอะไรเอาไว้แน่ๆ” เรนพูดพลางยักไหล่อย่างยอมแพ้ “โอเค ชั้นยอมแพ้พวกนายก็ได้”
...........................................................................
ในเมืองแห่งหนึ่งวันที่ฝนตกหนักชาวบ้านต่างก็ปิดประตูบ้านของตนอยู่ภายในบ้านอย่างสงบรอให้พายุที่กำลังแรงสงบลง เอสขี่ม้าขนสีพระจันทร์ฝ่าสายฝนมุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่ม้า พยศของเขาจะยอมวิ่งไป
“ให้ตายสิเล่นปล่อยตัวกันก่อนเวลานิดเดียวอย่างงี้ใครจะไปทันได้วะ” คนที่อยู่บนหลังม้าสบถเสียงเบากับตัวเอง พร้อมกับเร่งให้ม้าขนสีพระจันทร์ของตนวิ่งเร็วขึ้นอีกทั้งๆที่มันก็วิ่งด้วยความเร็วเกือบ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว แต่เจ้าม้าตัวดีของเขากลับส่งเสียงครางประหลาดพร้อมกับพยายามจะดีดคนเร่งออกจากหลังมันแทน
“เฮ้ย ไอ้ม้าบ้า” เอสพยายามประคองตัวอยู่บนม้าที่กำลังพยายามเหวี่ยงคนขี่ให้ตกจากหลังของมัน “โทษๆ ชั้นผิดเองน่า” คนที่อยู่บนหลังม้าพยายามอ้อนวอนม้าของตนให้วิ่งไปยังเป้าหมายที่ตนต้องการอีกครั้ง
“เอส” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังเจ้าของชื่อผู้ที่กำลังพยายามขี่ม้าดื้อด้านของเขา ทำให้คนถูกเรียกหันมามองโดยลืมพยายามประคองตัวให้อยู่บนหลังม้าที่กำลังพยศ
“โอ๊ย” เอสที่ตกลงมาจากหลังม้าร้องคราง “ไอ้บ้า แกทำอะไรวะ” พร้อมกับโวยวายเพื่อนเวรของเขาที่เรียกตอนอยู่บนหลังม้า
“อะไรของแก ชั้นแค่เรียกเองนะ ไม่ระวังตัวตกลงมาเองแล้วอย่ามาพาล” เรนยืนมองเพื่อนอย่างขำๆ
“ชิ” เอสร้องอย่างหัวเสีย พร้อมกับหยิบสร้อยคอเส้นหนึ่งออกมาแล้วเปิดตรงบริเวณจี้ที่เป็นรูปโดมอันเล็กๆสีฟ้าอ่อนออกมา ทันทีที่จี้ถูกเปิดออกม้าพยศของเอสก็ถูกดูดเข้าไปทันที
“ไปด้วย” เอสพูดพร้อมกับกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซด์ของเรน รอให้เจ้าของขึ้นมาขับให้
“ไอ้บ้า แล้วม้าแกล่ะ วิ่งเร็วกว่ารถชั้นอีก” เรนบ่น
“ปล่อยให้มันพักไปก่อน ตอนนี้มันกำลังงอนอยู่” คำตอบที่ทำให้คนถามทำหน้าแหยและคิดในใจว่า ‘สักวันมันคงจะได้ไปอยู่กับม้าแทนคนแล้วมั้ง’
เรนกระโดดขึ้นไปขับมอเตอร์ไซด์ของตนโดยมีตัวแถมเพิ่มมาซ้อนท้ายอีกหนึ่งตัวโดยไม่ได้รับเชิญ ทั้งสองมุ่งตรงไปยังจุดหมายโดยผ่านหมู่บ้านออกไปทางทิศตะวันตกขับผ่านทุ่งนาไปเรื่อยๆจนกระทั่งเข้าเขตเมืองหลวง เรนจึงลดความเร็วลง
“นัดกันไว้ที่ไหนนะ” เรนหันกลับไปถามคนที่ซ้อนท้ายอยู่
“ไม่รู้ดิ” คำตอบที่ทำให้คนถามอยากถีบลงไปกองกับพื้นซะเดี๋ยวนั้น
“แล้วตอนแรกนายจะไปที่ไหน”
“ก็กะว่าจะวนหาไปเรื่อยๆอะ”
เรนทำหน้าแหยพร้อมกับทำสมาธิไม่ให้ถีบไอ้เพื่อนบ้าลงไปกองกับพื้นเสียก่อน
หลังจากที่ขี่รถไปเรื่อยๆก็เจอจุดนัดพบ ทั้งสองจึงลงจากรถ
“ในที่สุดก็มาจนได้” คานินบ่นพร้อมกับก้มลงมองนาฬิกา
“ช่วยไม่ได้นี่ ไอ้ที่ที่ไคท์ส่งไปทำงานมันปล่อยช้าสุดๆ รวมกับที่ พอดีจำจุดนัดพบไม่ได้ แล้วจะไปไหนกันต่อล่ะ” เรนที่จอดรถแล้วเดินเข้ามารวมกลุ่มกับเพื่อนๆพูดขึ้น
“คงจะไปเลยมั้ง” คานินตอบ
“ไป?”
“หาคนที่เราต้องคอยคุ้มกันไง”
“อ้อ”
“ขออนุญาตครับนายท่าน มีคนกลุ่มหนึ่งต้องการพบท่าน” ชายแก่คนหนึ่งรายงานต่อชายอีกคนหนึ่งที่ดูอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปลายๆ  “ท่านจะอนุญาตให้เข้าพบหรือไม่ขอรับ”
“อืม ให้รออยู่ที่ห้องรับรองที่ 2 อีกเดี๋ยวจะออกไปพบ”
“ครับท่าน” ชายแก่โค้งให้เจ้านายของตนครั้งหนึ่งก่อนที่จะออกจากห้องไป
.....................................................
“ขออภัยครับ เจ้านายให้เชิญพวกท่านไปที่ห้องรับรองที่ 2 ก่อนแล้วท่านจะตามไปทีหลัง” ชายแก่คนเดิมออกมาบอกแก่เด็กๆ ทั้ง 5 คนก่อนที่จะนำไปยังห้องรับรองที่เตรียมไว้
“เชิญครับ ถ้ามีปัญหาอะไรกรุณากดกริ่งเรียกเจ้าพนักงานนะครับ” เมื่อพูดจบชายแก่ก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้ทั้ง 5 อยู่ตามลำพัง
ภายในห้องถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา โดยมีพรมสีแดงปูตลอดทั้งห้อง มีชุดรับแขกที่ทำจากหนังอย่างดีชุดหนึ่งวางอยู่ บนโต๊ะของชุดรับแขกมีอาหารเล็กๆน้อยๆจัดเตรียมสำหรับแขกที่มารอ
“ให้ตายสินายนี่” เรนบ่นเมื่อเห็นเอส กระโดดลงไปนอนบนโซฟาอย่างรวดเร็ว
“อาราย ในเมื่อมันมีให้ใช้ก็ต้องใช้ให้คุ้มเดะ”แล้วไอ้ตัวดีก็นอนตามสบายยิ่งกว่าอยู่บ้านตัวเอง
...................................................................................
 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น