ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfiction หัวขโมยแห่งบารามอส เรื่องสายฟ้า - สลับร่าง

    ลำดับตอนที่ #3 : สายฟ้า 3

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 48


    [Fic] สายฟ้า – สลับร่าง

    ชื่อเรื่อง : สายฟ้า - สลับร่าง

    ประเภท : อือ ก็ยังไม่รู้อยู่ดีอะ

    ช่วงเวลา : เอาตอนเฟรินอยู่ปี 2 ละกัน

    Note : ง่าเรื่อคราวนี้รู้สึกน่าผิดหวังอย่างรุนแรง ยกโทษให้เค้าด้วย TT/|\\TT

    ..................................................................

    ทางด้านเฟริน



    “ถึงแล้ว” เจ้าชายโรเวน (ในร่างเจ้าชายอาเธอร์) ที่กำลังขับเกวียนอยู่โผล่เข้ามาบอก “พวกเราไปเช่าโรงแรมสำหรับพักคืนนี้ แล้วค่อยออกไปหาสมุนไพรแล้วกัน”



    เจ้าชายอาเธอร์ (ในร่างเจ้าชายโรเวน ) เดินลงจากเกวียนเข้าไปในโรงแรมหลังหนึ่ง ไม่นานนักก็กลับออกมาพร้อมพนักงานโรงแรมคนหนึ่งซึ่งมานำสัมภาระและเกวียนไปเก็บให้



    “เช่าห้องไว้สามห้อง เจ้าชายคาโล กับ คิล ฟีลมัส ชั้นกับเจ้าชายโรเวน แล้วก็เจ้าหญิงเฟลิโอน่าพักห้องเดี่ยว” คนที่ไปเช่าห้องพูดขึ้น



    “ทำไมผมต้องนอนคนเดียวอีกแล้ว” เจ้าตัวยุ่งที่บ่นทุกครั้งที่ต้องนอนคนเดียวก็บ่นขึ้นอีก แต่ก็ต้องหุบปากเมื่อโดนเจ้าชายอาเธอร์จ้องอย่างเอาเรื่อง



    ‘ไม่เป็นไรเดี๋ยวคืนนี้ค่อยย้ายไปห้องของคาโลกับคิลมันก็ได้’ เจ้าตัวยุ่งคิด แต่แผนการที่คิดไว้ก็เป็นอันต้องยกเลิกเมื่อเจ้าชายโรเวนพูดขึ้นกับคาโลว่า “ถ้าวันนี้มีคนย้ายห้องมาบอกนะเดียวจะไปจัดการให้” เพราะเจ้าตัวดียังคงจำวิธีลงโทษของเจ้าชายโรเวนได้



    “จัดของกันเสร็จแล้วลงไปเจอกันข้างล่างนะ จะได้ไปหาสมุนไพร” เจ้าชายโรเวนเข้ามาบอกรุ่นน้องที่กำลังจัดของกันอยู่



    “ขี้เกียจจังโว๊ย ทำไมต้องไปหาวันนี้ด้วยวะ มาถึงแล้วก็น่าจะไปเที่ยวก่อน” เฟรินเดินเข้ามาและบ่นเมื่อเห็นว่าโรเวนเดินลงไปข้างล่างแล้ว



    “นายมาทำงานนะไม่ใช่มาเที่ยว” คิลพูดขึ้นอย่างรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนตัวดีของมันจะตอบว่าอะไร



    “มาทำงานมันก็ต้องมีรีแลกซ์กันบ้างซิวะไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำอย่างเดียว รีแลกซ์น่ะรู้จักมั๊ย” เฟรินตอบอย่างที่คิลคิดไว้อยู่แล้ว



    “ถ้านายอยากรีแลกซ์ขนาดนั้นชั้นจะไปบอกเจ้าชายโรเวนให้มั๊ย” เสียงเย็นๆ ของเจ้าชายน้ำแข็งพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้คนพูดต้องกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ



    “นายนี่ไม่เข้าใจอะไรมั่งเล้ย ชีวิตมันก็ต้องมีพักผ่อนกันบ้างมัวแต่ทำงานอย่างเดียวเครียดตาย” เจ้าตัวดีตอบด้วยความเคยชิน



    “งั้นชั้นจะไปรายงานเจ้าชายโรเวน ว่านายจะพัก”



    “แต่รีบๆทำงานก็ได้ คิลจะได้รีบกลับไปหาเรนอนคนสวย” เฟรินรีบแก้ตัวโดยโยนไปให้เจ้าเพื่อนรักอีกคนที่กำลังจัดของอยู่



    “เฮ้ย แล้วเรนอนเกี่ยวอะไรด้วยวะ” คนที่ถูกเอามาอ้างรีบโวยวายขึ้น



    “ถ้ายังไม่รีบลงไปเดี๋ยวเจ้าชายโรเวน หรือเจ้าชายอาเธอร์ก็ขึ้นมาตามหรอก” เจ้าชายน้ำแข็งที่จัดของเสร็จแล้วพูดขึ้นพร้อมกับเดินลงไปข้างล่างปล่อยให้เพื่อนสองคนโต้วาทีกันต่อไป



    “ไปๆๆๆๆ” เฟรินรีบเผ่นออกจากห้องและวิ่งตามคาโลลงไปพร้อมกับเพื่อนนักฆ่า



    “ทำไมพวกนายลงมาช้ากันจริง” โรเวนบ่นเมื่อเห็นทั้งสามคนลงมา



    “เอาน่าพี่ ลงมาแล้วเราก็รีบไปหาสมุนไพรกันเหอะ พวกพี่จะได้รีบกลับร่างเดิมเร็วๆกันไงฮะ” เจ้าตัวยุ่งรีบแก้ตัวโดยพูดเรื่องอื่น



    ทั้งห้าเดินออกจากโรงแรมที่พัก



    “เราต้องหาสมุนไพรอะไรนะ” เฟรินถามคาโลที่เดินอยู่ข้างๆ ขณะที่ทุกคนกำลังเดินเขาไปหาสมุนไพรในป่า



    “เปลือกไม้สีส้มแดง”



    “มันคืออะไร”



    “เปลือกไม้ชนิดนี้ เป็นยาพิษที่ว่ากันว่าถ้าใครกินเข้าไปจะทำให้หลับไปเหมือนเจ้าหญิงนิทรา”



    “แล้วไอ้เปลือกไม้อะไรนั่นจะเอาไปเป็นยาอะไรได้ ถ้ากินแล้วหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราจ้างชั้นก็ไม่กิน”



    “เค้าว่ากันว่าที่หลับไปนั้นก็คือวิญญาณออกจากร่างแล้วหาทางกลับไม่ได้จึงทำให้หลับไป” คราวนี้คนตอบไม่ใช่เจ้าชายคาโล แต่เป็นเจ้าชายโรเวนที่เดินอยู่ข้างหน้าแต่จู่ๆก็ลดความเร็วมาเดินกับพวกตน



    “งั้นพี่ก็เลยใช้ประโยชน์จากไอ้ไม้นั่นทำให้วิญญาณกลับร่างเดิมได้งั้นสิฮะ แต่ยังไงจ้างให้ผมก็ไม่กินอยู่ดีแหละเดี๋ยวหลับแล้วไม่ตื่นต้องเป็นเจ้าหญิงนิทราให้เจ้าชายจูบ”



    เจ้าชายโรเวนคิด ‘ก็เป็นฝีมือมันไม่ใช่หรือไง มันน่าจับเป็นหนูลองยาซะให้เข็ด’



    “แล้วทำไมอยู่ๆ พี่ก็มาเดินรั้งท้ายล่ะ ทั้งที่ตอนแรกก็เดินนำหน้าอยู่ดีๆ” เจ้าตัวยุ่งที่ตอนนี้น่าเปลี่ยนชื่อให้เป็นเจ้าหนูจำไมยังคงถามต่อไป



    “เดี๋ยวก็รู้” โรเวนตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ ที่ไม่เข้ากับหน้าตอนนี้ (ก็เป็นร่างเจ้าชายอาเธอร์นิจะเข้าได้ไง)



    ทันใดนั้นก็มีเสียงจากพวกที่เดินอยู่ข้างหน้า “ทุกคนระวังข้างหน้ามีโจรป่า” เจ้าชายน้ำแข็งร้องเตือนให้คนที่อยู่ข้างหลังระวัง



    “พี่รู้อยู่แล้วใช่มั๊ยฮะ ถึงลงมาเดินรั้งท้าย” เฟรินพูดล้อเล่นกับคนที่เดินอยู่ข้างๆ



    “ไม่รู้สิ”



    ทั้งสองคนที่เดินรั้งท้ายแถวเดินไปข้างหน้าก็พบว่า เจ้าชายอาเธอร์กำลังสู้อยู่กับโจรกลุ่มใหญ่โดยมีคาโลและคิลช่วยอยู่



    “แล้วพี่ไม่เข้าไปช่วยเค้ามั่งหรือฮะ”



    “ไม่ต้องหรอกลำพังพวกนั้นก็จัดการได้อยู่แล้วแหละ พวกเราก็รออยู่แถวนี้ละกัน”



    “ชั้นไม่น่าลืมเลยว่าแถวนี้เป็นรังของโจรป่า” เสียงบ่นจากเจาชายอาเธอร์ที่เพิ่งจัดการไล่โจรป่าไปได้แล้ว



    ‘พี่แกรู้อยู่แล้วนี่หว่าถึงเดินช้าๆ ให้พวกนั้นจัดการ’ เฟรินคิดแล้วมองหน้ารุ่นพี่เจ้าเล่ห์ของตน



    หลังจากเดินทางต่อไปได้สักระยะหนึ่ง คณะเดินทางก็พบหุบเขาใหญ่



    “ยังงี้คงต้องเดินกลับแล้วมั้ง” เฟรินพูดพลางมองลงไปที่หน้าผาที่ลึกจนแทบไม่เห็นก้น



    “ไม่หรอกเรามาถึงที่ที่มีเปลือกไม้สีส้มแดงแล้วล่ะ” รุ่นพี่คนเดิมตอบคำถามของเฟริน



    “หา! มันอยู่ในเหวเนี่ยนะ แล้วยังงี้ใครจะลงไปเก็บล่ะ”



    “คนก่อเรื่องก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบสิ” คำตอบเยียบเย็นดังมาจากเจ้าชายที่เงียบอยู่ตลอดการเดินทาง เป็นคำตอบที่ทำให้เจ้าคนก่อเรื่องฟังแล้วต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่



    “ผมว่าให้เฟรินลงไปเก็บคงไม่ได้เรื่อง เดี๋ยวจะทำลายของที่มีอยู่ให้เสียไปซะอีก” คำพูดสบประมาท จากเจาชายน้ำแข็งแต่สำหรับเฟรินเป็นคำพูดช่วยชีวิตที่ต้องขอบคุณคนพูด



    “งั้นชั้นลงไปเก็บเอง” เพื่อนอีกคนของเฟรินเสนอตัว



    คิลลงไปในหน้าผาโดยมีเชือกผูกรอบเอวอยู่ เมื่อลงไปได้ประมาณ 10 – 15 เมตร



    “เฮ้ย! ไอ้เปลือกไม้นั่นหน้าตาเป็นยังไงกัน ใช่ไอ้นี่รึเปล่า” คิลตะโกนขึ้มาถามพวกที่อยู่ข้างบน



    “นายลองเก็บขึ้นมาก่อนแล้วกัน” คาโลตะโกนตอบ



    เมื่อขึ้นมาจากหน้าผา คนที่ลงไปเก็บก็ยื่นเปลือกไม้สีส้มๆออกแดงให้เพื่อนดู



    “ใช่ไอ้นี่แหละ” เจ้าชายโรเวนตอบเมื่อเห็นเปลือกไม้ที่คิลส่งให้คาโลดู



    แต่หลังจากที่ทุกคนกำลังดูเปลือกไม้นั้นคนที่ถือเปลือกไม้อยู่ก็ล้มลง



    “เฮ้ คิลๆ นายเป็นอะไรไป” เฟรินร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นเพื่อนอยู่ๆก็ล้มลงไป แล้วคาโลก็ก้มลงไปจับชีพจร “ไม่มีอะไรผิดปกติเหมือนกำลังหลับไปเฉยๆ” คนที่จับชีพจรเงยหน้าขึ้นมาตอบ



    “หลับ? หรือว่า” เจ้าชายโรเวนอุทานขึ้นมาเบาๆ แต่ยังไม่เบาพอที่จะทำให้เจ้าชายหูดีที่นั่งจับชีพจรอยู่ไม่ได้ยิน



    “ท่านหมายความว่า?” คาโลถาม



    “คิลนอนหลับเพราะวิญญาณออกจากร่าง”



    “หมายความว่า คิลมันโดนพิษของไอ้เปลือกไม้อะไรนี่ใช่ม๊ย” เฟรินพูดขึ้นหลังจากเงียบฟังอยู่นาน



    “พวกเราต้องรีบพาคนป่วยกลับแล้ว” เจ้าชายอาเธอร์รีบยุติเรื่องราวก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น



    …………………………………………..



    ที่โรงแรม



    หลังจากที่เจ้าชายโรเวนตรวจร่างกายของคนที่หลับไปแล้วก็พูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรมาก เค้าไม่ได้กินมันเข้าไปโดยตรงคิดว่าคืนนี้ก็น่าจะฟื้น”



    คืนนั้น คิลฟื้นขึ้นกลางดึก และพบว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าวเย็น พยาธิในท้องจึงเริ่มส่งเสียงคราง ทำให้คนที่เพิ่งฟื้นต้องเดินลงไปหาอะไรกินข้างล่างโรงแรม



    เมื่อเดินมาถึงด้านล่างโรงแรมคิลก็เจอเพื่อนตัวแสบกำลังพยายามหนีออกนอกโรงแรมอยู่



    “อ้าวนายฟื้นแล้ว หรอ ดีล่ะงั้นเดี๋ยวชั้นจะพาไปเที่ยวที่เด็ดๆเอง” คนที่แอบหนีออกนอกโรงแรมพูดขึ้น



    “ที่เด็ดๆ?” คนถูกชวนพูดเบาๆพร้อมกับคิดว่าที่เด็ดๆของเฟรินมันคงไม่ใช่ที่ๆดีนักแน่



    “ใช่ เอาล่ะนายตามชั้นมานะ” เมื่อพูดจบก็รีบย่องออกจากโรงแรม ปล่อยใช้เพื่อนนักฆ่ารีบเดินตามไปเอง



    เมื่อถึงร้านเหล้าแห่งหนึ่ง คนที่ตามมาก็พูดขึ้น “นาย เอาอีกแล้วหรอ นายรู้สถานะตอนนี้ของตัวเองมั๊ยห๊ะ ว่านายเป็นผู้หญิงนะ”



    “ผู้หญิงอะไรกัน นายก็เห็นนี่ตอนนี้ชั้นเป็นชายทั้งแท่งนะ” เจ้าตัวพูดพลางเอามือลูบหน้าอกของตน ทำให้คนที่พยายามห้ามต้องปวดหัวและคิดว่าโชคดีที่ตอนนี้เจ้านี่ไม่ได้เป็นผู้หญิง (เพราะใส่แหวนอยู่)



    เมื่อพูดจบเจ้าคนพูดก็เดินเข้าไปพร้อมกับลากเพื่อนให้เข้าไปด้วย แต่เมื่อเห็นอะไรบางอย่างในร้านแล้วก็ต้องหยุดยืนอยู่ตรงนั้น



    ภาพที่แขกเข้ามาใหม่ทั้งสองคนเห็นก็คือ ภาพเจ้าชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งอยู่โดย (ร่างของเจ้าชายโรเวน) เจ้าชายอาเธอร์กำลังทำหน้าบูดบึ้งใส่ผู้หญิงที่เข้ามาทัก (คงอารมณ์ไม่ดีอยู่มั้ง) และเจ้าชายโรเวน กำลังยิ้มแย้มและคุยกับผู้หญิงทั้งหลาย ที่เข้ามาทักอย่างถูกคอด้วยใบหน้าและร่างกายของเจ้าชายอาเธอร์ ทั้งสองที่เห็นภาพนี้เข้าต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยเหตุผลสองข้อ คือ หนึ่งภาพที่เห็นมันไม่เข้ากับความเป็นจริงซึ่งถ้าทั้งสองคนไม่สลับวิญญาณกันอยู่ละก็คงไม่มีวันได้เห็นภาพเช่นนี้แน่ และสอง ทั้งสองแอบออกมาข้างนอกโดยที่ไม่ขออนุญาติก่อน



    หัวขโมยและเพื่อนรีบเผ่นออกจากร้านนั้นทันทีแต่ยังช้าเกินไปสำหรับเจ้าชายที่ตอนนี้น่าเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าชายตาเหยี่ยวทั้งสองคน



    “พวกนายมาทำอะไรกันที่นี่เวลาแบบนี้”   เจ้าชายที่มีผู้หญิงมาห้อมล้อมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ



    “เออ พวกผมเห็นพี่สองคนหายไปก็เลยเป็นห่วงรีบออกมาตามหาฮะ” คนปากไวรีบแก้ตัวด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น



    “เข้ามานี่” เจ้าชายอีกคนที่นั่งอยู่ออกคำสั่ง



    ทั้งสองเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย  แล้วนั่งลงตามคำเชิญของผู้ที่นั่งอยู่ก่อน



    “พวกนายห้ามปริปากเรื่องที่เห็นเด็ดขาดเข้าใจมั๊ย”



    “ครับๆ” ทั้งสองคนรีบตอบรับโดยเร็วเมื่อเห็นสีหน้าของคนพูด



    “ดีมาก งั้นพวกนายกลับไปได้แล้ว”



    “แต่ว่า พวกเราอุตส่าห์ออกมาแล้วพี่ก็น่าจะผ่อนผันกันหน่อย นะฮะ ผมจะได้สอนไอ้คิลมันจีบหญิงด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวเพื่อนผมไม่มีเมียแน่ จ๊ากกกกกก” เจ้าตัวแสบรีบหาข้ออ้างอยู่ต่อ



    “ใครขอให้นายสอนกันวะ” เสียงกระซิบเบาๆดังมาจากเพื่อนที่เกือบถูกแต่งตั้งให้เป็นศิษย์กิตติมศักดิ์



    “ชั้นสั่งให้พวกนายกลับไปเดี๋ยวนี้” เสียงของเจ้าชายอาเธอร์ (เจ้าชายโรเวนพูด) แฝงแววเยือกเย็นทำให้ทั้งสองคนต้องรีบเผ่นกลับทันที



    “ชั้นว่าแล้วว่าทีเด็ดของนายต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่” คิลพูดเมื่อทั้งสองออกมานอกร้าน และเดินกลับโรงแรมที่พัก



    เช้าวันต่อมา



    “เก็บของเสร็จแล้วรีบลงไปข้างล่างนะ” เจ้าชายโรเวนที่เก็บของอย่างรวดเร็วโผล่หน้าเข้ามาบอกรุ่นน้องที่ยังเก็บของอยู่ แล้วเดินลงไปข้างล่าง



    “ยังเก็บของไม่เสร็จอีกเหรอ” เฟรินที่เก็บของเร็วไม่แพ้กันโผล่เข้ามาในห้องของเพื่อนๆ



    “ใกล้แล้ว นายลงไปก่อนสิ” คิลบอก แต่เฟรินไม่สนใจกลับนั่งลงบนเตียงของเพื่อนอีกคน



    “ว้า มาคราวนี้เสียเที่ยวชะมัด อุตส่าห์มาฟรอนเทียร์ทั้งทีต้องมานั่งอยู่ในห้องไม่ได้ไปไหน” คนที่ยึดเตียงของเจ้าชายคาโลเป็นที่นั่งเริ่มบ่น



    “ไว้ปิดเทอมแล้วช้านจะพาพวกนายมาเอง มะ แล้วคราวนี้จะสอนวิธีจีบหญิงเจ๋งๆ พวกนายจะต้อง....” แล้วก็นั่งโม้ต่อไปโดยไม่รู้ว่าเพื่อนทั้ง2ได้เดินลงไปข้างล่างเรีบยร้อยแล้ว



    “เฮ้ยยยยยยย” เจ้าตัวดีร้องขึ้นเมื่อรู้สึกตัว และรีบวิ่งตามลงไปข้างล่าง



    ……………………………………………..



    เมื่ออยู่ในเกวียน



    “ง่วงชะมัดยาด ชั้นจะนอนละนะ” เฟรินเอ่ยขึ้นพร้อมกับนอนลงไปบนตักของเจ้าชายน้ำแข็ง



    “เมื่อคืนนายไปทำอะไรมาถึงไม่ได้นอนน่ะ” คนที่รับบทเป็นหมอนจำเป็นถาม



    “ก็ชั้นกะว่าจะพาไอ้คิลมันไปจีบหญิงซะหน่อย แต่ดันเจอ.......” เจ้าตัวดีเงียบไปเมื่อเจ้าชายโรเวนเข้ามาในเกวียน



    “ชั้นว่าชั้นอาจจะต้องเตือนความจำของนายซะหน่อยละนะ”  เจ้าชายโรเวนพูดอย่างยิ้มๆ (แต่อารมณ์พี่แกคงไม่ยิ้มด้วยมั้ง)



    “เอื๊อก” คนปากพล่อยรีบคิดหาทางเอาตัวรอด โดยรีบเปลี่ยนเรื่อง “ผมว่ายังไงๆก็ไม่ชินอยู่ดีกับภาพที่รุ่นพี่อาเธอร์ยิ้มอย่างเป็นมิตรงี้ อะ ถึง จะรู้ว่าเป็นรุ่นพี่โรเวนก็เถอะ”



    “อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่องเลยน่าชั้นไม่หลงกลนายหรอก คราวนี้ไม่มีใครช่วยได้แน่” เมื่อเจ้าชายโรเวนพูดจบ (ด้วยน้ำเสียงน่ากลัว) ก็ใช้เวทย์มนตร์มัดเฟรินไว้กับหลังคาเกวียน “อยู่อย่างนี้ไปจนถึงเอดินเบิร์กแล้วจะคลายเวทย์ให้”



    ..................................................................



    เมื่อถึงเอดินเบิร์ก



    เด็กประมาณปี 4- 5 ป้อมอัศวิน วิ่งเข้ามายังกลุ่มของคณะเดินทางแล้วพูดว่า “เจ้าชายโรเวน (คนพูดหันไปทางเจ้าชายอาเธอร์นะ) ปราชญ์เลโมธีเรียกตัวท่านไปพบ บอกว่ามีเรื่องด่วน”  



    เมื่อฟังจบเหล่าคณะเดินทางจึงรีบวิ่งตรงไปหาปราชญ์เลโมธี



    “ท่านมีเรื่องอะไรหรือครับ” เจ้าชายโรเวนกล่าว



    “ข้ามีเรื่องวานพวกเจ้า ขอให้ทำเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด” เมื่อพูดจบปราชญ์เลโมธีก็หยิบจดหมายฉบับหนึ่ง และกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ขึ้นมา “ช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งตามที่อยู่ที่เขียนไว้ในกระดาษแผ่นนี้โดยเร็ว”



    ..........................................................................





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×