ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เปิดตำนาน ภาคภาษาอังกฤษเช้า
นี่เป็นเรื่องราวของสถานที่เรียนพิเศษแห่งหนึ่งในกรุงเทพ วันนี้เป็นวันอาทิตย์เป็นวันที่กลุ่มเด็กๆจะต้องไปเรียนพิเศษ และเรื่องราวอันแสนวุ่นวายก็จะเริ่มเปิดตัวขึ้น
“อรครูจ๊วตเค้ามาแล้วนะ” ทั่นแม่เรียกคนที่นั่งอู้อยู่ข้างหลังบ้าน
“ไอ้สร้อยยังไม่มาเลยอะ ยังไม่ต้องไปเรียนหรอก” อรพูดขณะนั่งอ่านพันหนึ่งเม็ดทรายอยู่ที่บ้าน “อู้ๆสักสิบห้านาทีก็ม่ายเปนรายหรอกน่า”
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงใสๆดังมาจากหน้าบ้าน (เสียงนรก) “หวัดดีอร” และแล้วไอ้สร้อยก็วิ่งเข้ามาพร้อมกางแขนทำท่าพิลึกๆ ขณะที่คนที่เพิ่งพูดว่าสร้อยยังไม่มาทำหน้าแหยและคิดในใจ ‘มันจะรีบมาทำไมวะ’
อรเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่เหนือหัว “อีกตั้งสิบห้านาทีนอนแปะอยู่ตรงนี้ก่อนละกัน” อรพูดกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ไม่ไปตากแอร์ที่อีดูหรอ ร้อนจะตายเราเห็นเค้าเปิดแอร์แล้วนะ” ไอ้สร้อยโอดครวญด้วยความร้อน
“ไปทำบ้าเดะ ไปตอนนี้ก็โดนบังคับให้ขึ้นไปเรียนเลยเดะ อู้ๆสักหน่อยก็ม่ายเปนรายหรอกน่า” อร(ที่กำลังขี้เกียจสุดๆ)ตอบอย่างเบื่อหน่าย
“อ้าวครูมาแล้วหรอ ไม่ไปก็ได้วะ” แล้วสร้อยก็นั่งแปะลงบนพื้น และคลานไปนั่งแปะหน้าพัดลมแล้วเอื้อมมือไปเปิดเบอร์ที่แรงที่สุดอย่างเชื่องช้า
“เด็กๆไปเรียนกันได้แล้ว” ทั่นแม่ของอรเรียกเมื่อเห็นว่าคนที่ต้องไปเรียนนั่งขี้เกียจกันครบเซ็ต
“อีกตั้งสิบห้านาทีน่า” อรพูด(ซึ่งความจริงมันเหลือสิบนาทีแล้ว)
สิบนาทีผ่านไป
“ไอ้สร้อยไปเรียนกันเหอะ” อรบอกสร้อยที่นั่งตากพัดลมอยู่เมื่อเห็นว่าเข็มยาวตัวดีเดินไปถึงเลขสิบสองแล้ว (ได้เวลาแล้วนั่นแหละ)
ทั้งสองเดินไปอีดูด้วยความขี้เกียจเกาะกินหัวใจ
เมื่อเดินเข้าไปในอีดู “อ้าวเมย์คูงมาเหรอ” สร้อยพูดพร้อมกับที่อรเดินเข้าไปหา
“เด็กๆมากันครบแล้วขึ้นไปเรียนได้แล้ว” ครูจ๊วต (เจ้ากรรมที่เหล่าคนขี้เกียจไม่อยากเจอหน้า)
“รอยุ้ยก่อนมันยังไม่มาเลย” ข้ออ้างเดิมๆหลุดออกมาจากปากไอ้สร้อย(เพราะมันขี้เกียจขนขึ้น)
“นั่นดิๆ” อรสนับสนุน
“ไม่ต้องรอหรอกเมื่อกี้เราโทรไปหามันแล้วมันเพิ่งตื่น” นันบอกตัดรอนความหวังการอู้เล็กๆน้อยๆของสร้อยกะอร
ทำให้ทั้งหมดต้องจำใจลากขาเดินขึ้นไปห้อง ซี
เมื่อทุกคนนั่งที่เรียบร้อยแล้วอรก็เปิดกระเป๋าขุดหาพระราชสมบัติ (ชีท) ปรากฎว่ามันอันตรธานหายไปไหนก็ไม่รู้ทำให้คนขี้เกียจต้องลุกเดินกลับไปหยิบของที่บ้าน
แต่ก่อนที่จะได้ออกจากห้องก็ส่งเสียงสนับสนุนให้ครูจ๊วตเรียกไอ้สร้อยออกไปท่องโพรนาว หน้าห้องก่อนที่จะหลบระเบิดเดินออกจากห้องไป
“ไม่สอบไม่ได้หรอ”คนขี้เกียจอ้อนอย่างน่าถีบ
“ไม่ด้ายยยยยยย    คนอื่นเขาสอบกันหมดแล้ว”นันพูดเรียกร้องความยุติธรรม (ความจริงอยากแกล้งไอ้คนที่อาทิตย์ที่แล้วโดดไปเช็งเม้ง ทิ้งให้คนอื่นรับชะตากรรมอันแสนเศร้าอยู่)
“ผิดหนึ่งคำ  โดนตี  1  ทีนะ”ครูจ๊วตพูดอย่างอารมณ์ดี  ขณะที่คนฟังตอบอย่างกวนพระบาทว่า  “ไม่ให้ตี  กฎหมายห้ามไม่ให้ครูตีนักเรียน เราสามารถฟ้องร้องต่อศาลได้นะ”
ครูจ๊วตฟังแล้วหมั่นไส้น่าดู  ก็เลยยื่นปากกาไวท์บอร์ดให้คนที่รู้กฎหมายดี ออกไปเทสต์หน้าห้อง จากนั้น สร้อยก็จำใจเดินออกไปเขียน
“เว้นช่องไฟอย่างนี้มันจะพอหรอ”ครูจ๊วตเตือนด้วยความหวังดีแต่ไอ้สร้อยก็ยังไม่สนใจเขียนต่อไป  และปรากฏว่า.........มันก็ไม่พอจริง ๆ เลยต้องลบครึ่งกระดานล่างเขียนใหม่
แอ๊ด! อรเปิดประตูเดินเข้ามาเห็นภาพเด็ดพอดี จึงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปนั่งที่
“ดูซิ เขียนตัวเล็กๆใหญ่ๆ จะเขียนยังไงก็เขียนซักอย่างซิ” คนที่ยืนดูอยู่บ่น
“ช่างหนูเหอะน่า เห็นมั๊ยดูดิปากกามันเลยไม่ติดเลยเพราะครูจ๊วตน่ะแหละ” สร้อยที่น่าถีบพูดเมื่อเห็นว่าปากกาเริ่มสีจางลง
ครูจ๊วตจึงเดินออกไปข้างนอกห้องเพื่อเปลี่ยนปากกา
“สร้อยรู้มั๊ยเดี๋ยวเขียนเสร็จแล้วต้องหันหลังมาท่องด้วยนะ” เมย์บอกสร้อยที่กำลังง่วนเขียนอยู่
“เฮ้ยเราไม่ท่อง”
“ยังไงก็ต้องท่องอยู่ดีน่า” นันสนับสนุน
“นั่นดิมันต้องยุติธรรมกันบ้าง” อรช่วย
ครูจ๊วตเดินเข้ามาในห้องเมื่อหาปากกาที่ใช้ได้ได้แล้ว (ปากกาที่ใช้ได้ที่นี่ยิ่งกว่าขุมทรัพย์ล้ำค่าซะอีกเพราะมันหายากมากกกกกกก)
“เอ้าสร้อยเขียนเสร็จแล้วก็หันมาท่อง” คนที่ไปหาขุมทรัพย์มาบอกเมื่อเห็นว่าสร้อยเขียนเสร็จแล้ว
“ไม่ท่องๆๆๆๆๆ เขียนได้ก็พอแล้ว” คนที่เพิ่งเขียนเสร็จหันมาบ่น
“เร็วเพื่อนเค้าท่องกันไปหมดแล้วที่คราวที่แล้วสร้อยไม่มาน่ะ เออรู้มั๊ยเค้าว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอากาศที่กาญจนบุรีเน่าน่าดูเลยนี่ (ไอ้สร้อยไปเช็งเม้งที่กาญฯ) สงสัยสร้อยเผาตัวเองเซ่นบรรพบุรุษด้วยใช่มะ” ครูจ๊วตพูดง่ายๆ
“สงสัยบรรพบุรุษเค้าคงต้องเสียใจน่าดูเลยมีคนอย่างสร้อยไปอยู่ด้วยเนี่ย สวรรค์ (?) คง ปั่นป่วน” อรพูดปนหัวเราะ
“นั่นสิคนที่ยังมีชีวิตดีใจ แต่คนตายคงเสียใจแย่” ทุกคนหัวเราะอย่างสนุกสนานยกเว้นสร้อย
“อะไรๆไม่ต้องเลย” สร้อยบ่น
“อยากไปเช็งเม้งอีกรอบมั๊ยล่ะคราวนี้ไปแล้วเราจะช่วยเอาธงมาปักสร้อยกันแล้วเอาดอกไม้โปรย (สำหรับคนที่ไม่รู้นะคะ เวลาเราไปเช็งเม้งเราจะมีการเอาธงไปปักบนหลุมศพบรรพบุรุษ)” ครูจ๊วตพูดอย่างอารมณ์เมื่อเห็นสีหน้าสร้อย
“ใครบอก รู้มั๊ยปีนี้เค้าไม่โปรยดอกไม้กันหรอก เค้าเอาข้าวกล้องมาไหว้” สร้อยบอกอย่างคนที่รู้มากกว่า
“ทำไมล่ะ” คนที่ไม่รู้ถาม
“ปีนีเป็นปีไก่งัยเค้าบอกว่าไก่ตายกันเยอะให้เอาข้าวกล้องมาไหว้ไก่ที่ตายไง แค่นี้ก็ไม่รู้” สร้อยพูดด้วยท่าทีของคนถือไพ่เหนือกว่า
“ไหว้เสร็จแล้วได้กินข้าวที่เค้าไหว้ด้วยรึปล่าวล่ะ” ครูจ๊วตถามสร้อย
“กิน” สร้อยตอบ
“อ้องั้นก็แสดงว่าเป็นไก่”
“.......”
“เอาท่องได้แล้วเร็วๆ” ครูจ๊วตพูดให้สร้อยท่อง
หลังจากท่องเสร็จยุ้ยก็เดินเข้ามาในห้องทำให้มีการเปลี่ยนที่นั่งกันเล็กน้อยโดยไอ้สร้อยเอาเก้าอี้มาบังทางครูจ๊วตซะเรียบร้อย
“เอาล่ะทุกคนนั่งที่วันนี้เราจะเรียนเรื่อง...”
เมื่อการเรียนการสอนดำเนินไปได้สักพักหนึ่ง ไอ้สร้อยก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย “หึๆๆ” แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาพับ
“อะไรพับนกหรอ เดี๋ยวนี้เค้าเลิกฮิตกันแล้วรู้มั๊ยฮะ” ครูที่สอนอยู่หน้าห้องหยุดสอนเมื่อเห็นสร้อยที่กำลังนั่งพับกระดาษอยู่
“ไม่ใช่ซะหน่อย เดี่ยวพับเสร็จก็รู้เองน่ะแหละ” สร้อยบอก
ครูจ๊วตมองอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็หันหลังไปสอนต่อ (เขียนกระดาน)
ไอ้สร้อยเริ่มหยิบกระดาษที่พับเป็นรูปร่างที่สังเกต(ต้องใช้ความพยายามมากในการสังเกตเพราะมันพับได้...) ได้ว่าเป็นจรวดขึ้นมาลำหนึ่ง แล้วปาไปตรงหลังคนที่กำลังสอนอยู่
“เฮ้ย” คนถูกปาหันหลังกลับมาดูจรวดเจ้ากรรมที่ตอนนี้ตกลงพื้นแล้ว “เล่นอะไรเป็นเด็กๆ” แล้วก็ไม่สนใจปล่อยให้จรวดของไอ้สร้อยนอนแอ้งแม้งต่อไป
หลังจากสอนไปไอ้ซักพักไอ้สร้อยก็ผุดไปเก็บจรวดกลับมา
อรดึงจรวดไปจากมือสร้อยแล้วพิจารณา ‘อพอลโล่ 11’ เขียนอยู่บนจรวด อรจึงเติมนักบินเข้าไปให้ด้วยนึกสนุก
ต่อจากนั้นไอ้สร้อยกับจรวดเจ้ากรรมก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง
ครูจ๊วตรำคาญจึงพูดว่า “อพอลโล่ 11มันระเบิดไปแล้วไม่ใช่หรอ เอาล่ะพวกเราไม่ต้องสนใจมาเรียนต่อ” อรกับเมย์สบตากันอย่างงุนงง “เอ้อที่ระเบิดมันชาเลนเจอร์ไม่ใช่หรอ อพอลโล่มันที่ไปสำรวจดวงจันทร์” อรพูด “นั่นสิ” เมย์ตอบ แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันเบาๆ
ทุกคนกลับมาอยู่ในสภาวะปกติอีกครั้ง
หลังจากนั้นไอ้สร้อยก็ยังอยู่ไม่สุข (พอดีมันนั่งใกล้ประตู) เจ๊แกก็เลยเปิดประตูเล่น ครูจ๊วตเห็นเช่นนั้นจึงเกิดรำคาญ “นี่สร้อย อยากโดนวาดหน้ามั๊ยแบบตุ๊กตาญี่ปุ่นน่ะ” ครูจ๊วตเอาปากกาไวท์บอร์ดมา
“ใม่เกี่ยวซะหน่อย” สร้อยโต้
“ไม่เกี่ยวก็หลุดสิ”
“หลุดก็ล็อคสิ”
“...........” ครูจ๊วตเงียบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร
“ก็ใช่มั๊ยล่ะ” สร้อยหันไปที่ประตู “ก็นี่ไงถ้าไม่เกี่ยวประตูก็เปิดได้แต่ถึงเกี่ยวก็เปิดได้อยู่ดี ดังนั้นจึงต้องล็อค” สร้อยอธิบายพร้อมกับใช้ประตูเป็นตัวอย่าง
“หืม นี่ดีมากเลยนะ ทีภาษาอังกฤษน่ะไม่สนใจมาสนใจกับประตู” ครูจ๊วตพดด้วยเส้นสติขาดผึง พร้อมเอามือปิดประตูที่ไอ้สร้อยพยายามใช้อธิบาย
และเข้าสู่บรรยากาศการเรียนการสอนอีกครั้ง
ไอ้สร้อยเจ้าปัญหาตัวเดิมก็หันมาเล่นประตูอีกครั้ง “นี่อรดูดิเวลาเราล็อคนะทำไมไอ้ตัวที่เกี่ยวนี่มันยังยุบได้อีกล่ะ เห็นมั๊ย” สร้อยหันไปพูดกับอรที่นั่งอยู่ข้างหลัง  “เฮ้ยนั่นดิ” อรเริ่มหันมาสนใจประตูกับสร้อย
“นี่พวกเธอ” ครูจ๊วตเจ้าเก่าที่ฟิวส์ใกล้ขาดหันมา
“ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีไงคะ ช่างสังเกต” อรรีบแก้ตัว
“ใช่ๆ” ตัวก่อเรื่องสนับสนุน
“สังเกตเรื่องชาวบ้านน่ะสิ” ครูจ๊วตหันไปบอกสร้อย
“ไม่จริงเราเป็นคนดี คนดีเค้าไม่สังเกตเรื่องชาวบ้านกันหรอก” สร้อยพูดแย้ง
ขณะนั้น อร เมย์ นัน ทำหน้าแหย พร้อมหัวเราะแหะๆ
‘ไอ้เนี่นะไม่สังเกตเรื่องชาวบ้านสารานุกรมเรื่องชาวบ้านเคลื่อนที่อะเดะ’ อรคิด
ครูจ๊วตหันไปมองหน้าเพื่อนๆของสร้อยทีละคนแล้วบอกว่า “ดูหน้าเพื่อนเธอสิทำหน้าเห็นด้วยมาก”
ไอ้สร้อยหันมาทางด้านหลังดูอรกะนันที่รีบทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมทันที
ความพยายามดึงกลับเข้าสู่บรรยากาศการเรียนการสอนก็สำเร็จลงอีกครั้งหนึ่งและเป็นความสำเร็จอย่างงดงามเพราะคราวนี้สามารถดึงจะจบคาบได้
จบคาบทุกคนเดินออกไปจากห้องทิ้งให้อรกะเมย์เก็บกระเป๋า และครูจ๊วตที่โดนทั้งสองบังทางออก
“ไปกันยังเมย์จาง” อรถามเมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ
“อือ” เมย์ตอบขณะเดียวกับที่อรหลีกทางให้ครูจ๊วตเดินออกจากห้อง
ปัง! เสียงประตูกระแทกเก้าอี้อย่างรุนแรงเฉียดครูจ๊วตไปเพียงเล็กน้อย
ไอ้สร้อยตัวแลบโผล่หน้ามาตามเพื่อนๆ เพราะเห็นว่านานแล้วยังไม่ออกมาอีก
“นี่ดีนะที่ชั้นยังไม่ได้เดินออกไปตรงนั้นน่ะ” ครูจ๊วตพูด แต่ผลมันทำให้ไอ้สร้อยหัวเราะอย่างสะใจ
“นั่นดิเมื่อกี้ก็กำลังจะเดินไปอยู่แล้วเชียว” อรบอกเบาๆกับเมย์
เมื่อทุกคนเรียนเสร็จก็แยกย้ายกันไปโดยที่อร สร้อย เมย์เดินไปทางบ้านของอรเพื่อไปกินข้าว
เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จทั้งสามลงมานั่นแต่งฟิค (มันก็ฉบับนี้แหละ)ที่หน้าคอม ระหว่างที่เปิดคอม อรก็ถามอัจขึ้นมาว่า “เฮ้ยอัจไอ้อพอลโร่นี่มันที่ไปสำรวจดวงจันทร์ไม่ใช่หรอ ที่ระเบิดมันชาเลนเจอร์ใช่มะ” อรถามอัจที่นั่งอยู่
“อ๋อ ใช่อพอลโร่ไปสำรวจดวงจันทร์ที่นีล อาร์มสตองไง แต่พอส่งรอบที่สองมันเกิดระเบิดน่ะ” อัจตอบอย่างไม่ค่อยชัวร์ แต่มันก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าครูจ๊วตนี่นอกจากจะเก่งภาษาอังกฤษแล้วยังเก่งวิทยาศาสตร์อีกต่างหาก
“อรครูจ๊วตเค้ามาแล้วนะ” ทั่นแม่เรียกคนที่นั่งอู้อยู่ข้างหลังบ้าน
“ไอ้สร้อยยังไม่มาเลยอะ ยังไม่ต้องไปเรียนหรอก” อรพูดขณะนั่งอ่านพันหนึ่งเม็ดทรายอยู่ที่บ้าน “อู้ๆสักสิบห้านาทีก็ม่ายเปนรายหรอกน่า”
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงใสๆดังมาจากหน้าบ้าน (เสียงนรก) “หวัดดีอร” และแล้วไอ้สร้อยก็วิ่งเข้ามาพร้อมกางแขนทำท่าพิลึกๆ ขณะที่คนที่เพิ่งพูดว่าสร้อยยังไม่มาทำหน้าแหยและคิดในใจ ‘มันจะรีบมาทำไมวะ’
อรเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่เหนือหัว “อีกตั้งสิบห้านาทีนอนแปะอยู่ตรงนี้ก่อนละกัน” อรพูดกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ไม่ไปตากแอร์ที่อีดูหรอ ร้อนจะตายเราเห็นเค้าเปิดแอร์แล้วนะ” ไอ้สร้อยโอดครวญด้วยความร้อน
“ไปทำบ้าเดะ ไปตอนนี้ก็โดนบังคับให้ขึ้นไปเรียนเลยเดะ อู้ๆสักหน่อยก็ม่ายเปนรายหรอกน่า” อร(ที่กำลังขี้เกียจสุดๆ)ตอบอย่างเบื่อหน่าย
“อ้าวครูมาแล้วหรอ ไม่ไปก็ได้วะ” แล้วสร้อยก็นั่งแปะลงบนพื้น และคลานไปนั่งแปะหน้าพัดลมแล้วเอื้อมมือไปเปิดเบอร์ที่แรงที่สุดอย่างเชื่องช้า
“เด็กๆไปเรียนกันได้แล้ว” ทั่นแม่ของอรเรียกเมื่อเห็นว่าคนที่ต้องไปเรียนนั่งขี้เกียจกันครบเซ็ต
“อีกตั้งสิบห้านาทีน่า” อรพูด(ซึ่งความจริงมันเหลือสิบนาทีแล้ว)
สิบนาทีผ่านไป
“ไอ้สร้อยไปเรียนกันเหอะ” อรบอกสร้อยที่นั่งตากพัดลมอยู่เมื่อเห็นว่าเข็มยาวตัวดีเดินไปถึงเลขสิบสองแล้ว (ได้เวลาแล้วนั่นแหละ)
ทั้งสองเดินไปอีดูด้วยความขี้เกียจเกาะกินหัวใจ
เมื่อเดินเข้าไปในอีดู “อ้าวเมย์คูงมาเหรอ” สร้อยพูดพร้อมกับที่อรเดินเข้าไปหา
“เด็กๆมากันครบแล้วขึ้นไปเรียนได้แล้ว” ครูจ๊วต (เจ้ากรรมที่เหล่าคนขี้เกียจไม่อยากเจอหน้า)
“รอยุ้ยก่อนมันยังไม่มาเลย” ข้ออ้างเดิมๆหลุดออกมาจากปากไอ้สร้อย(เพราะมันขี้เกียจขนขึ้น)
“นั่นดิๆ” อรสนับสนุน
“ไม่ต้องรอหรอกเมื่อกี้เราโทรไปหามันแล้วมันเพิ่งตื่น” นันบอกตัดรอนความหวังการอู้เล็กๆน้อยๆของสร้อยกะอร
ทำให้ทั้งหมดต้องจำใจลากขาเดินขึ้นไปห้อง ซี
เมื่อทุกคนนั่งที่เรียบร้อยแล้วอรก็เปิดกระเป๋าขุดหาพระราชสมบัติ (ชีท) ปรากฎว่ามันอันตรธานหายไปไหนก็ไม่รู้ทำให้คนขี้เกียจต้องลุกเดินกลับไปหยิบของที่บ้าน
แต่ก่อนที่จะได้ออกจากห้องก็ส่งเสียงสนับสนุนให้ครูจ๊วตเรียกไอ้สร้อยออกไปท่องโพรนาว หน้าห้องก่อนที่จะหลบระเบิดเดินออกจากห้องไป
“ไม่สอบไม่ได้หรอ”คนขี้เกียจอ้อนอย่างน่าถีบ
“ไม่ด้ายยยยยยย    คนอื่นเขาสอบกันหมดแล้ว”นันพูดเรียกร้องความยุติธรรม (ความจริงอยากแกล้งไอ้คนที่อาทิตย์ที่แล้วโดดไปเช็งเม้ง ทิ้งให้คนอื่นรับชะตากรรมอันแสนเศร้าอยู่)
“ผิดหนึ่งคำ  โดนตี  1  ทีนะ”ครูจ๊วตพูดอย่างอารมณ์ดี  ขณะที่คนฟังตอบอย่างกวนพระบาทว่า  “ไม่ให้ตี  กฎหมายห้ามไม่ให้ครูตีนักเรียน เราสามารถฟ้องร้องต่อศาลได้นะ”
ครูจ๊วตฟังแล้วหมั่นไส้น่าดู  ก็เลยยื่นปากกาไวท์บอร์ดให้คนที่รู้กฎหมายดี ออกไปเทสต์หน้าห้อง จากนั้น สร้อยก็จำใจเดินออกไปเขียน
“เว้นช่องไฟอย่างนี้มันจะพอหรอ”ครูจ๊วตเตือนด้วยความหวังดีแต่ไอ้สร้อยก็ยังไม่สนใจเขียนต่อไป  และปรากฏว่า.........มันก็ไม่พอจริง ๆ เลยต้องลบครึ่งกระดานล่างเขียนใหม่
แอ๊ด! อรเปิดประตูเดินเข้ามาเห็นภาพเด็ดพอดี จึงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปนั่งที่
“ดูซิ เขียนตัวเล็กๆใหญ่ๆ จะเขียนยังไงก็เขียนซักอย่างซิ” คนที่ยืนดูอยู่บ่น
“ช่างหนูเหอะน่า เห็นมั๊ยดูดิปากกามันเลยไม่ติดเลยเพราะครูจ๊วตน่ะแหละ” สร้อยที่น่าถีบพูดเมื่อเห็นว่าปากกาเริ่มสีจางลง
ครูจ๊วตจึงเดินออกไปข้างนอกห้องเพื่อเปลี่ยนปากกา
“สร้อยรู้มั๊ยเดี๋ยวเขียนเสร็จแล้วต้องหันหลังมาท่องด้วยนะ” เมย์บอกสร้อยที่กำลังง่วนเขียนอยู่
“เฮ้ยเราไม่ท่อง”
“ยังไงก็ต้องท่องอยู่ดีน่า” นันสนับสนุน
“นั่นดิมันต้องยุติธรรมกันบ้าง” อรช่วย
ครูจ๊วตเดินเข้ามาในห้องเมื่อหาปากกาที่ใช้ได้ได้แล้ว (ปากกาที่ใช้ได้ที่นี่ยิ่งกว่าขุมทรัพย์ล้ำค่าซะอีกเพราะมันหายากมากกกกกกก)
“เอ้าสร้อยเขียนเสร็จแล้วก็หันมาท่อง” คนที่ไปหาขุมทรัพย์มาบอกเมื่อเห็นว่าสร้อยเขียนเสร็จแล้ว
“ไม่ท่องๆๆๆๆๆ เขียนได้ก็พอแล้ว” คนที่เพิ่งเขียนเสร็จหันมาบ่น
“เร็วเพื่อนเค้าท่องกันไปหมดแล้วที่คราวที่แล้วสร้อยไม่มาน่ะ เออรู้มั๊ยเค้าว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอากาศที่กาญจนบุรีเน่าน่าดูเลยนี่ (ไอ้สร้อยไปเช็งเม้งที่กาญฯ) สงสัยสร้อยเผาตัวเองเซ่นบรรพบุรุษด้วยใช่มะ” ครูจ๊วตพูดง่ายๆ
“สงสัยบรรพบุรุษเค้าคงต้องเสียใจน่าดูเลยมีคนอย่างสร้อยไปอยู่ด้วยเนี่ย สวรรค์ (?) คง ปั่นป่วน” อรพูดปนหัวเราะ
“นั่นสิคนที่ยังมีชีวิตดีใจ แต่คนตายคงเสียใจแย่” ทุกคนหัวเราะอย่างสนุกสนานยกเว้นสร้อย
“อะไรๆไม่ต้องเลย” สร้อยบ่น
“อยากไปเช็งเม้งอีกรอบมั๊ยล่ะคราวนี้ไปแล้วเราจะช่วยเอาธงมาปักสร้อยกันแล้วเอาดอกไม้โปรย (สำหรับคนที่ไม่รู้นะคะ เวลาเราไปเช็งเม้งเราจะมีการเอาธงไปปักบนหลุมศพบรรพบุรุษ)” ครูจ๊วตพูดอย่างอารมณ์เมื่อเห็นสีหน้าสร้อย
“ใครบอก รู้มั๊ยปีนี้เค้าไม่โปรยดอกไม้กันหรอก เค้าเอาข้าวกล้องมาไหว้” สร้อยบอกอย่างคนที่รู้มากกว่า
“ทำไมล่ะ” คนที่ไม่รู้ถาม
“ปีนีเป็นปีไก่งัยเค้าบอกว่าไก่ตายกันเยอะให้เอาข้าวกล้องมาไหว้ไก่ที่ตายไง แค่นี้ก็ไม่รู้” สร้อยพูดด้วยท่าทีของคนถือไพ่เหนือกว่า
“ไหว้เสร็จแล้วได้กินข้าวที่เค้าไหว้ด้วยรึปล่าวล่ะ” ครูจ๊วตถามสร้อย
“กิน” สร้อยตอบ
“อ้องั้นก็แสดงว่าเป็นไก่”
“.......”
“เอาท่องได้แล้วเร็วๆ” ครูจ๊วตพูดให้สร้อยท่อง
หลังจากท่องเสร็จยุ้ยก็เดินเข้ามาในห้องทำให้มีการเปลี่ยนที่นั่งกันเล็กน้อยโดยไอ้สร้อยเอาเก้าอี้มาบังทางครูจ๊วตซะเรียบร้อย
“เอาล่ะทุกคนนั่งที่วันนี้เราจะเรียนเรื่อง...”
เมื่อการเรียนการสอนดำเนินไปได้สักพักหนึ่ง ไอ้สร้อยก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย “หึๆๆ” แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาพับ
“อะไรพับนกหรอ เดี๋ยวนี้เค้าเลิกฮิตกันแล้วรู้มั๊ยฮะ” ครูที่สอนอยู่หน้าห้องหยุดสอนเมื่อเห็นสร้อยที่กำลังนั่งพับกระดาษอยู่
“ไม่ใช่ซะหน่อย เดี่ยวพับเสร็จก็รู้เองน่ะแหละ” สร้อยบอก
ครูจ๊วตมองอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็หันหลังไปสอนต่อ (เขียนกระดาน)
ไอ้สร้อยเริ่มหยิบกระดาษที่พับเป็นรูปร่างที่สังเกต(ต้องใช้ความพยายามมากในการสังเกตเพราะมันพับได้...) ได้ว่าเป็นจรวดขึ้นมาลำหนึ่ง แล้วปาไปตรงหลังคนที่กำลังสอนอยู่
“เฮ้ย” คนถูกปาหันหลังกลับมาดูจรวดเจ้ากรรมที่ตอนนี้ตกลงพื้นแล้ว “เล่นอะไรเป็นเด็กๆ” แล้วก็ไม่สนใจปล่อยให้จรวดของไอ้สร้อยนอนแอ้งแม้งต่อไป
หลังจากสอนไปไอ้ซักพักไอ้สร้อยก็ผุดไปเก็บจรวดกลับมา
อรดึงจรวดไปจากมือสร้อยแล้วพิจารณา ‘อพอลโล่ 11’ เขียนอยู่บนจรวด อรจึงเติมนักบินเข้าไปให้ด้วยนึกสนุก
ต่อจากนั้นไอ้สร้อยกับจรวดเจ้ากรรมก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง
ครูจ๊วตรำคาญจึงพูดว่า “อพอลโล่ 11มันระเบิดไปแล้วไม่ใช่หรอ เอาล่ะพวกเราไม่ต้องสนใจมาเรียนต่อ” อรกับเมย์สบตากันอย่างงุนงง “เอ้อที่ระเบิดมันชาเลนเจอร์ไม่ใช่หรอ อพอลโล่มันที่ไปสำรวจดวงจันทร์” อรพูด “นั่นสิ” เมย์ตอบ แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันเบาๆ
ทุกคนกลับมาอยู่ในสภาวะปกติอีกครั้ง
หลังจากนั้นไอ้สร้อยก็ยังอยู่ไม่สุข (พอดีมันนั่งใกล้ประตู) เจ๊แกก็เลยเปิดประตูเล่น ครูจ๊วตเห็นเช่นนั้นจึงเกิดรำคาญ “นี่สร้อย อยากโดนวาดหน้ามั๊ยแบบตุ๊กตาญี่ปุ่นน่ะ” ครูจ๊วตเอาปากกาไวท์บอร์ดมา
“ใม่เกี่ยวซะหน่อย” สร้อยโต้
“ไม่เกี่ยวก็หลุดสิ”
“หลุดก็ล็อคสิ”
“...........” ครูจ๊วตเงียบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร
“ก็ใช่มั๊ยล่ะ” สร้อยหันไปที่ประตู “ก็นี่ไงถ้าไม่เกี่ยวประตูก็เปิดได้แต่ถึงเกี่ยวก็เปิดได้อยู่ดี ดังนั้นจึงต้องล็อค” สร้อยอธิบายพร้อมกับใช้ประตูเป็นตัวอย่าง
“หืม นี่ดีมากเลยนะ ทีภาษาอังกฤษน่ะไม่สนใจมาสนใจกับประตู” ครูจ๊วตพดด้วยเส้นสติขาดผึง พร้อมเอามือปิดประตูที่ไอ้สร้อยพยายามใช้อธิบาย
และเข้าสู่บรรยากาศการเรียนการสอนอีกครั้ง
ไอ้สร้อยเจ้าปัญหาตัวเดิมก็หันมาเล่นประตูอีกครั้ง “นี่อรดูดิเวลาเราล็อคนะทำไมไอ้ตัวที่เกี่ยวนี่มันยังยุบได้อีกล่ะ เห็นมั๊ย” สร้อยหันไปพูดกับอรที่นั่งอยู่ข้างหลัง  “เฮ้ยนั่นดิ” อรเริ่มหันมาสนใจประตูกับสร้อย
“นี่พวกเธอ” ครูจ๊วตเจ้าเก่าที่ฟิวส์ใกล้ขาดหันมา
“ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีไงคะ ช่างสังเกต” อรรีบแก้ตัว
“ใช่ๆ” ตัวก่อเรื่องสนับสนุน
“สังเกตเรื่องชาวบ้านน่ะสิ” ครูจ๊วตหันไปบอกสร้อย
“ไม่จริงเราเป็นคนดี คนดีเค้าไม่สังเกตเรื่องชาวบ้านกันหรอก” สร้อยพูดแย้ง
ขณะนั้น อร เมย์ นัน ทำหน้าแหย พร้อมหัวเราะแหะๆ
‘ไอ้เนี่นะไม่สังเกตเรื่องชาวบ้านสารานุกรมเรื่องชาวบ้านเคลื่อนที่อะเดะ’ อรคิด
ครูจ๊วตหันไปมองหน้าเพื่อนๆของสร้อยทีละคนแล้วบอกว่า “ดูหน้าเพื่อนเธอสิทำหน้าเห็นด้วยมาก”
ไอ้สร้อยหันมาทางด้านหลังดูอรกะนันที่รีบทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมทันที
ความพยายามดึงกลับเข้าสู่บรรยากาศการเรียนการสอนก็สำเร็จลงอีกครั้งหนึ่งและเป็นความสำเร็จอย่างงดงามเพราะคราวนี้สามารถดึงจะจบคาบได้
จบคาบทุกคนเดินออกไปจากห้องทิ้งให้อรกะเมย์เก็บกระเป๋า และครูจ๊วตที่โดนทั้งสองบังทางออก
“ไปกันยังเมย์จาง” อรถามเมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ
“อือ” เมย์ตอบขณะเดียวกับที่อรหลีกทางให้ครูจ๊วตเดินออกจากห้อง
ปัง! เสียงประตูกระแทกเก้าอี้อย่างรุนแรงเฉียดครูจ๊วตไปเพียงเล็กน้อย
ไอ้สร้อยตัวแลบโผล่หน้ามาตามเพื่อนๆ เพราะเห็นว่านานแล้วยังไม่ออกมาอีก
“นี่ดีนะที่ชั้นยังไม่ได้เดินออกไปตรงนั้นน่ะ” ครูจ๊วตพูด แต่ผลมันทำให้ไอ้สร้อยหัวเราะอย่างสะใจ
“นั่นดิเมื่อกี้ก็กำลังจะเดินไปอยู่แล้วเชียว” อรบอกเบาๆกับเมย์
เมื่อทุกคนเรียนเสร็จก็แยกย้ายกันไปโดยที่อร สร้อย เมย์เดินไปทางบ้านของอรเพื่อไปกินข้าว
เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จทั้งสามลงมานั่นแต่งฟิค (มันก็ฉบับนี้แหละ)ที่หน้าคอม ระหว่างที่เปิดคอม อรก็ถามอัจขึ้นมาว่า “เฮ้ยอัจไอ้อพอลโร่นี่มันที่ไปสำรวจดวงจันทร์ไม่ใช่หรอ ที่ระเบิดมันชาเลนเจอร์ใช่มะ” อรถามอัจที่นั่งอยู่
“อ๋อ ใช่อพอลโร่ไปสำรวจดวงจันทร์ที่นีล อาร์มสตองไง แต่พอส่งรอบที่สองมันเกิดระเบิดน่ะ” อัจตอบอย่างไม่ค่อยชัวร์ แต่มันก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าครูจ๊วตนี่นอกจากจะเก่งภาษาอังกฤษแล้วยังเก่งวิทยาศาสตร์อีกต่างหาก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น