ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fiction Edu

    ลำดับตอนที่ #2 : เปิดตำนาน ภาคภาษาอังกฤษเช้า

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 48


    นี่เป็นเรื่องราวของสถานที่เรียนพิเศษแห่งหนึ่งในกรุงเทพ วันนี้เป็นวันอาทิตย์เป็นวันที่กลุ่มเด็กๆจะต้องไปเรียนพิเศษ และเรื่องราวอันแสนวุ่นวายก็จะเริ่มเปิดตัวขึ้น



    “อรครูจ๊วตเค้ามาแล้วนะ” ทั่นแม่เรียกคนที่นั่งอู้อยู่ข้างหลังบ้าน



    “ไอ้สร้อยยังไม่มาเลยอะ ยังไม่ต้องไปเรียนหรอก” อรพูดขณะนั่งอ่านพันหนึ่งเม็ดทรายอยู่ที่บ้าน “อู้ๆสักสิบห้านาทีก็ม่ายเปนรายหรอกน่า”



    แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงใสๆดังมาจากหน้าบ้าน (เสียงนรก) “หวัดดีอร” และแล้วไอ้สร้อยก็วิ่งเข้ามาพร้อมกางแขนทำท่าพิลึกๆ ขณะที่คนที่เพิ่งพูดว่าสร้อยยังไม่มาทำหน้าแหยและคิดในใจ ‘มันจะรีบมาทำไมวะ’



    อรเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่เหนือหัว “อีกตั้งสิบห้านาทีนอนแปะอยู่ตรงนี้ก่อนละกัน” อรพูดกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา



    “ไม่ไปตากแอร์ที่อีดูหรอ ร้อนจะตายเราเห็นเค้าเปิดแอร์แล้วนะ” ไอ้สร้อยโอดครวญด้วยความร้อน



    “ไปทำบ้าเดะ ไปตอนนี้ก็โดนบังคับให้ขึ้นไปเรียนเลยเดะ อู้ๆสักหน่อยก็ม่ายเปนรายหรอกน่า” อร(ที่กำลังขี้เกียจสุดๆ)ตอบอย่างเบื่อหน่าย



    “อ้าวครูมาแล้วหรอ ไม่ไปก็ได้วะ” แล้วสร้อยก็นั่งแปะลงบนพื้น และคลานไปนั่งแปะหน้าพัดลมแล้วเอื้อมมือไปเปิดเบอร์ที่แรงที่สุดอย่างเชื่องช้า



    “เด็กๆไปเรียนกันได้แล้ว” ทั่นแม่ของอรเรียกเมื่อเห็นว่าคนที่ต้องไปเรียนนั่งขี้เกียจกันครบเซ็ต



    “อีกตั้งสิบห้านาทีน่า” อรพูด(ซึ่งความจริงมันเหลือสิบนาทีแล้ว)



    สิบนาทีผ่านไป



    “ไอ้สร้อยไปเรียนกันเหอะ” อรบอกสร้อยที่นั่งตากพัดลมอยู่เมื่อเห็นว่าเข็มยาวตัวดีเดินไปถึงเลขสิบสองแล้ว (ได้เวลาแล้วนั่นแหละ)



    ทั้งสองเดินไปอีดูด้วยความขี้เกียจเกาะกินหัวใจ



    เมื่อเดินเข้าไปในอีดู “อ้าวเมย์คูงมาเหรอ” สร้อยพูดพร้อมกับที่อรเดินเข้าไปหา



    “เด็กๆมากันครบแล้วขึ้นไปเรียนได้แล้ว” ครูจ๊วต (เจ้ากรรมที่เหล่าคนขี้เกียจไม่อยากเจอหน้า)



    “รอยุ้ยก่อนมันยังไม่มาเลย” ข้ออ้างเดิมๆหลุดออกมาจากปากไอ้สร้อย(เพราะมันขี้เกียจขนขึ้น)



    “นั่นดิๆ” อรสนับสนุน



    “ไม่ต้องรอหรอกเมื่อกี้เราโทรไปหามันแล้วมันเพิ่งตื่น” นันบอกตัดรอนความหวังการอู้เล็กๆน้อยๆของสร้อยกะอร



    ทำให้ทั้งหมดต้องจำใจลากขาเดินขึ้นไปห้อง ซี



    เมื่อทุกคนนั่งที่เรียบร้อยแล้วอรก็เปิดกระเป๋าขุดหาพระราชสมบัติ (ชีท) ปรากฎว่ามันอันตรธานหายไปไหนก็ไม่รู้ทำให้คนขี้เกียจต้องลุกเดินกลับไปหยิบของที่บ้าน



    แต่ก่อนที่จะได้ออกจากห้องก็ส่งเสียงสนับสนุนให้ครูจ๊วตเรียกไอ้สร้อยออกไปท่องโพรนาว หน้าห้องก่อนที่จะหลบระเบิดเดินออกจากห้องไป



    “ไม่สอบไม่ได้หรอ”คนขี้เกียจอ้อนอย่างน่าถีบ

    “ไม่ด้ายยยยยยย    คนอื่นเขาสอบกันหมดแล้ว”นันพูดเรียกร้องความยุติธรรม (ความจริงอยากแกล้งไอ้คนที่อาทิตย์ที่แล้วโดดไปเช็งเม้ง ทิ้งให้คนอื่นรับชะตากรรมอันแสนเศร้าอยู่)



    “ผิดหนึ่งคำ   โดนตี  1  ทีนะ”ครูจ๊วตพูดอย่างอารมณ์ดี  ขณะที่คนฟังตอบอย่างกวนพระบาทว่า  “ไม่ให้ตี  กฎหมายห้ามไม่ให้ครูตีนักเรียน เราสามารถฟ้องร้องต่อศาลได้นะ”



    ครูจ๊วตฟังแล้วหมั่นไส้น่าดู   ก็เลยยื่นปากกาไวท์บอร์ดให้คนที่รู้กฎหมายดี ออกไปเทสต์หน้าห้อง จากนั้น สร้อยก็จำใจเดินออกไปเขียน



    “เว้นช่องไฟอย่างนี้มันจะพอหรอ”ครูจ๊วตเตือนด้วยความหวังดีแต่ไอ้สร้อยก็ยังไม่สนใจเขียนต่อไป  และปรากฏว่า.........มันก็ไม่พอจริง ๆ เลยต้องลบครึ่งกระดานล่างเขียนใหม่



    แอ๊ด! อรเปิดประตูเดินเข้ามาเห็นภาพเด็ดพอดี จึงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปนั่งที่



    “ดูซิ เขียนตัวเล็กๆใหญ่ๆ จะเขียนยังไงก็เขียนซักอย่างซิ” คนที่ยืนดูอยู่บ่น



    “ช่างหนูเหอะน่า เห็นมั๊ยดูดิปากกามันเลยไม่ติดเลยเพราะครูจ๊วตน่ะแหละ” สร้อยที่น่าถีบพูดเมื่อเห็นว่าปากกาเริ่มสีจางลง



    ครูจ๊วตจึงเดินออกไปข้างนอกห้องเพื่อเปลี่ยนปากกา



    “สร้อยรู้มั๊ยเดี๋ยวเขียนเสร็จแล้วต้องหันหลังมาท่องด้วยนะ” เมย์บอกสร้อยที่กำลังง่วนเขียนอยู่



    “เฮ้ยเราไม่ท่อง”



    “ยังไงก็ต้องท่องอยู่ดีน่า” นันสนับสนุน



    “นั่นดิมันต้องยุติธรรมกันบ้าง” อรช่วย



    ครูจ๊วตเดินเข้ามาในห้องเมื่อหาปากกาที่ใช้ได้ได้แล้ว (ปากกาที่ใช้ได้ที่นี่ยิ่งกว่าขุมทรัพย์ล้ำค่าซะอีกเพราะมันหายากมากกกกกกก)



    “เอ้าสร้อยเขียนเสร็จแล้วก็หันมาท่อง” คนที่ไปหาขุมทรัพย์มาบอกเมื่อเห็นว่าสร้อยเขียนเสร็จแล้ว



    “ไม่ท่องๆๆๆๆๆ เขียนได้ก็พอแล้ว” คนที่เพิ่งเขียนเสร็จหันมาบ่น



    “เร็วเพื่อนเค้าท่องกันไปหมดแล้วที่คราวที่แล้วสร้อยไม่มาน่ะ เออรู้มั๊ยเค้าว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอากาศที่กาญจนบุรีเน่าน่าดูเลยนี่ (ไอ้สร้อยไปเช็งเม้งที่กาญฯ) สงสัยสร้อยเผาตัวเองเซ่นบรรพบุรุษด้วยใช่มะ” ครูจ๊วตพูดง่ายๆ



    “สงสัยบรรพบุรุษเค้าคงต้องเสียใจน่าดูเลยมีคนอย่างสร้อยไปอยู่ด้วยเนี่ย สวรรค์ (?) คง ปั่นป่วน” อรพูดปนหัวเราะ



    “นั่นสิคนที่ยังมีชีวิตดีใจ แต่คนตายคงเสียใจแย่” ทุกคนหัวเราะอย่างสนุกสนานยกเว้นสร้อย



    “อะไรๆไม่ต้องเลย” สร้อยบ่น



    “อยากไปเช็งเม้งอีกรอบมั๊ยล่ะคราวนี้ไปแล้วเราจะช่วยเอาธงมาปักสร้อยกันแล้วเอาดอกไม้โปรย (สำหรับคนที่ไม่รู้นะคะ เวลาเราไปเช็งเม้งเราจะมีการเอาธงไปปักบนหลุมศพบรรพบุรุษ)” ครูจ๊วตพูดอย่างอารมณ์เมื่อเห็นสีหน้าสร้อย



    “ใครบอก รู้มั๊ยปีนี้เค้าไม่โปรยดอกไม้กันหรอก เค้าเอาข้าวกล้องมาไหว้” สร้อยบอกอย่างคนที่รู้มากกว่า



    “ทำไมล่ะ” คนที่ไม่รู้ถาม



    “ปีนีเป็นปีไก่งัยเค้าบอกว่าไก่ตายกันเยอะให้เอาข้าวกล้องมาไหว้ไก่ที่ตายไง แค่นี้ก็ไม่รู้” สร้อยพูดด้วยท่าทีของคนถือไพ่เหนือกว่า



    “ไหว้เสร็จแล้วได้กินข้าวที่เค้าไหว้ด้วยรึปล่าวล่ะ” ครูจ๊วตถามสร้อย



    “กิน” สร้อยตอบ



    “อ้องั้นก็แสดงว่าเป็นไก่”



    “.......”



    “เอาท่องได้แล้วเร็วๆ” ครูจ๊วตพูดให้สร้อยท่อง



    หลังจากท่องเสร็จยุ้ยก็เดินเข้ามาในห้องทำให้มีการเปลี่ยนที่นั่งกันเล็กน้อยโดยไอ้สร้อยเอาเก้าอี้มาบังทางครูจ๊วตซะเรียบร้อย



    “เอาล่ะทุกคนนั่งที่วันนี้เราจะเรียนเรื่อง...”



    เมื่อการเรียนการสอนดำเนินไปได้สักพักหนึ่ง ไอ้สร้อยก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย “หึๆๆ” แล้วหยิบกระดาษขึ้นมาพับ



    “อะไรพับนกหรอ เดี๋ยวนี้เค้าเลิกฮิตกันแล้วรู้มั๊ยฮะ” ครูที่สอนอยู่หน้าห้องหยุดสอนเมื่อเห็นสร้อยที่กำลังนั่งพับกระดาษอยู่



    “ไม่ใช่ซะหน่อย เดี่ยวพับเสร็จก็รู้เองน่ะแหละ” สร้อยบอก



    ครูจ๊วตมองอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็หันหลังไปสอนต่อ (เขียนกระดาน)



    ไอ้สร้อยเริ่มหยิบกระดาษที่พับเป็นรูปร่างที่สังเกต(ต้องใช้ความพยายามมากในการสังเกตเพราะมันพับได้...) ได้ว่าเป็นจรวดขึ้นมาลำหนึ่ง แล้วปาไปตรงหลังคนที่กำลังสอนอยู่



    “เฮ้ย” คนถูกปาหันหลังกลับมาดูจรวดเจ้ากรรมที่ตอนนี้ตกลงพื้นแล้ว “เล่นอะไรเป็นเด็กๆ” แล้วก็ไม่สนใจปล่อยให้จรวดของไอ้สร้อยนอนแอ้งแม้งต่อไป



    หลังจากสอนไปไอ้ซักพักไอ้สร้อยก็ผุดไปเก็บจรวดกลับมา



    อรดึงจรวดไปจากมือสร้อยแล้วพิจารณา ‘อพอลโล่ 11’ เขียนอยู่บนจรวด อรจึงเติมนักบินเข้าไปให้ด้วยนึกสนุก



    ต่อจากนั้นไอ้สร้อยกับจรวดเจ้ากรรมก็แผลงฤทธิ์อีกครั้ง



    ครูจ๊วตรำคาญจึงพูดว่า “อพอลโล่ 11มันระเบิดไปแล้วไม่ใช่หรอ เอาล่ะพวกเราไม่ต้องสนใจมาเรียนต่อ” อรกับเมย์สบตากันอย่างงุนงง “เอ้อที่ระเบิดมันชาเลนเจอร์ไม่ใช่หรอ อพอลโล่มันที่ไปสำรวจดวงจันทร์” อรพูด “นั่นสิ” เมย์ตอบ แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันเบาๆ



    ทุกคนกลับมาอยู่ในสภาวะปกติอีกครั้ง



    หลังจากนั้นไอ้สร้อยก็ยังอยู่ไม่สุข (พอดีมันนั่งใกล้ประตู) เจ๊แกก็เลยเปิดประตูเล่น ครูจ๊วตเห็นเช่นนั้นจึงเกิดรำคาญ “นี่สร้อย อยากโดนวาดหน้ามั๊ยแบบตุ๊กตาญี่ปุ่นน่ะ” ครูจ๊วตเอาปากกาไวท์บอร์ดมา



    “ใม่เกี่ยวซะหน่อย” สร้อยโต้



    “ไม่เกี่ยวก็หลุดสิ”



    “หลุดก็ล็อคสิ”



    “...........” ครูจ๊วตเงียบเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร



    “ก็ใช่มั๊ยล่ะ” สร้อยหันไปที่ประตู “ก็นี่ไงถ้าไม่เกี่ยวประตูก็เปิดได้แต่ถึงเกี่ยวก็เปิดได้อยู่ดี ดังนั้นจึงต้องล็อค” สร้อยอธิบายพร้อมกับใช้ประตูเป็นตัวอย่าง



    “หืม นี่ดีมากเลยนะ ทีภาษาอังกฤษน่ะไม่สนใจมาสนใจกับประตู” ครูจ๊วตพดด้วยเส้นสติขาดผึง พร้อมเอามือปิดประตูที่ไอ้สร้อยพยายามใช้อธิบาย



    และเข้าสู่บรรยากาศการเรียนการสอนอีกครั้ง



    ไอ้สร้อยเจ้าปัญหาตัวเดิมก็หันมาเล่นประตูอีกครั้ง “นี่อรดูดิเวลาเราล็อคนะทำไมไอ้ตัวที่เกี่ยวนี่มันยังยุบได้อีกล่ะ เห็นมั๊ย” สร้อยหันไปพูดกับอรที่นั่งอยู่ข้างหลัง  “เฮ้ยนั่นดิ” อรเริ่มหันมาสนใจประตูกับสร้อย



    “นี่พวกเธอ” ครูจ๊วตเจ้าเก่าที่ฟิวส์ใกล้ขาดหันมา



    “ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีไงคะ ช่างสังเกต” อรรีบแก้ตัว



    “ใช่ๆ” ตัวก่อเรื่องสนับสนุน



    “สังเกตเรื่องชาวบ้านน่ะสิ” ครูจ๊วตหันไปบอกสร้อย



    “ไม่จริงเราเป็นคนดี คนดีเค้าไม่สังเกตเรื่องชาวบ้านกันหรอก” สร้อยพูดแย้ง



    ขณะนั้น อร เมย์ นัน ทำหน้าแหย พร้อมหัวเราะแหะๆ



    ‘ไอ้เนี่นะไม่สังเกตเรื่องชาวบ้านสารานุกรมเรื่องชาวบ้านเคลื่อนที่อะเดะ’ อรคิด



    ครูจ๊วตหันไปมองหน้าเพื่อนๆของสร้อยทีละคนแล้วบอกว่า “ดูหน้าเพื่อนเธอสิทำหน้าเห็นด้วยมาก”



    ไอ้สร้อยหันมาทางด้านหลังดูอรกะนันที่รีบทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมทันที



    ความพยายามดึงกลับเข้าสู่บรรยากาศการเรียนการสอนก็สำเร็จลงอีกครั้งหนึ่งและเป็นความสำเร็จอย่างงดงามเพราะคราวนี้สามารถดึงจะจบคาบได้



    จบคาบทุกคนเดินออกไปจากห้องทิ้งให้อรกะเมย์เก็บกระเป๋า และครูจ๊วตที่โดนทั้งสองบังทางออก



    “ไปกันยังเมย์จาง” อรถามเมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จ



    “อือ” เมย์ตอบขณะเดียวกับที่อรหลีกทางให้ครูจ๊วตเดินออกจากห้อง



    ปัง! เสียงประตูกระแทกเก้าอี้อย่างรุนแรงเฉียดครูจ๊วตไปเพียงเล็กน้อย



    ไอ้สร้อยตัวแลบโผล่หน้ามาตามเพื่อนๆ เพราะเห็นว่านานแล้วยังไม่ออกมาอีก



    “นี่ดีนะที่ชั้นยังไม่ได้เดินออกไปตรงนั้นน่ะ” ครูจ๊วตพูด แต่ผลมันทำให้ไอ้สร้อยหัวเราะอย่างสะใจ



    “นั่นดิเมื่อกี้ก็กำลังจะเดินไปอยู่แล้วเชียว” อรบอกเบาๆกับเมย์



    เมื่อทุกคนเรียนเสร็จก็แยกย้ายกันไปโดยที่อร สร้อย เมย์เดินไปทางบ้านของอรเพื่อไปกินข้าว



    เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จทั้งสามลงมานั่นแต่งฟิค (มันก็ฉบับนี้แหละ)ที่หน้าคอม ระหว่างที่เปิดคอม อรก็ถามอัจขึ้นมาว่า “เฮ้ยอัจไอ้อพอลโร่นี่มันที่ไปสำรวจดวงจันทร์ไม่ใช่หรอ ที่ระเบิดมันชาเลนเจอร์ใช่มะ” อรถามอัจที่นั่งอยู่



    “อ๋อ ใช่อพอลโร่ไปสำรวจดวงจันทร์ที่นีล อาร์มสตองไง แต่พอส่งรอบที่สองมันเกิดระเบิดน่ะ” อัจตอบอย่างไม่ค่อยชัวร์ แต่มันก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าครูจ๊วตนี่นอกจากจะเก่งภาษาอังกฤษแล้วยังเก่งวิทยาศาสตร์อีกต่างหาก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×