ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความในใจของเกย์คนหนึ่ง

    ลำดับตอนที่ #33 : รัฐประหาร + สอบปลายภาค

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 50


              ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองอยู่เหมือนกัน....ผมรู้สึกไว้ใจทีมากขึ้น...อาจจะเป็นเพราะผมเชื่อใจคนอื่นง่ายก็ได้....ทั้งๆที่เรื่องที่เกิดขึ้นก็ผ่านมายังไม่ครบเดือนด้วยซ้ำ....เรื่องเกี่ยวกับตัวทีเองก็หลุดออกมาจากปากของเขาเองน้อยเต็มทน.....ซึ่งสำหรับผมแล้ว...ถ้าเค้าไม่เล่าผมก็ไม่อยากจะถาม...

              ผมเองก็ได้กินข้าวเย็นกับทีอยู่เกือบทุกมิ้อตรงตลาดแถวๆหอพักของผม....ที่นั่นเองก็ไม่ได้มีอาหารอะไรให้เลือกมากนัก...เพราะส่วนมากจะเป็นตลาดขายของสดให้ซื้อกลับไปทำเองสะมากกว่า...ผมกับทีเลยได้กินข้าวเย็นซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น....ไม่มีใครเอ่ยปากที่จะเปลี่ยนไปกินที่อื่น...ทุกอย่างเลยเหมือนเดิม...จนกระทั่งวันนึง

              "เอ็ม....ทีได้ยินมาว่าร้าน***ตรงถนน***เขาทำอาหารอร่อยมากเลย" ทีบอกผมเป็นประโยคบอกเล่าขณะที่อาหารที่สั่งกำลังมาเสริฟบนโต๊ะ....ผมเลื่อนอาหารมาตรงหน้าแล้วมองหน้าที....แล้วไงอ่ะ....อาหารมาเสริฟแล้ว....จะเปลี่ยนร้านตอนนี้หรือไง....ไม่เข้าใจแหะ....ทีมองหน้าผมแววตาไม่บอกอะไรเลยสักนิด....ผมเลยตักอาหารเข้าปากไปคำหนึ่งแล้วกล่าวตอบ

              "ไว้วันหลังไปกินมั้ยล่ะ....พรุ่งนี้ก็ได้มั้ง" ผมตอบไปตรงๆ....ทีคงอยากกินมั้ง...แล้วผมก็ก้มหน้ากินต่ออีกคำสองคำ...จึงชักสังเกตุได้ว่าคนตรงข้ามยังไม่เริ่มกินเลยเงยหน้าขึ้นมอง....เห็นทีนั่งอมยิ้มบางๆ

              "ยิ้มอะไร.....ไม่กินเหรอไง" ผมถาม...ทีส่ายหัว

              "เปล่าไม่มีอะไร.....พรุ่งนี้เอ็มไปกินแน่นะ" ทีถามอีก....ก็บอกว่าจะไปแล้วไง

              "อืม" ผมตอบแล้วมองรอยยิ้มของทีอย่างไม่เข้าใจจึงก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ

              มีอีกอย่างที่ผมรู้สึกชินเพราะทำเป็นกิจวัตรประจำไปแล้ว....คือการเล่าเรื่องต่างๆให้ทรายฟัง....ทรายไม่ถาม....ไม่พูดอะไรมาก...มีแต่ส่งสายตาอยากรู้มากระตุ้นให้ผมเล่าเอง....ผมก็เล่าไปตามความจริง...เพราะไม่มีอะไรมากอยู่แล้ว....เล่าเรื่องทีให้ทรายฟังมีข้อดีตรงที่ว่า....คนส่วนมากที่เห้นผมอยู่กับทีมักจะสงสัยแล้วเข้าไปถามทราย....ทรายก็เลยเป็นคนแต่งเรื่องมากมายให้เพื่อนพวกนั้นฟัง....จนผมเองไม่รู้ว่าคนอื่นเค้าเข้าใจว่าไงกันบ้างแล้ว....เรื่องนี้ก็เหมือนกันที่ผมเล่าให้ทรายฟัง...แล้วทรายก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...ยั่วให้ผมสงสัยอยู่นั่นแหละ

              "แล้วทรายยิ้มอะไร" ผมถามแบบหัวเสียนิดๆ...บอกว่าทียิ้ม...ทรายก็มายิ้มอีก...

              "เปล่า....ไม่มีอะไร" ทรายโกหก....รู้นะเว้ย

              "บอกมา" ผมคาดคั้น

              "เอ็มคิดว่าทรายยิ้มทำไม" ทรายถาม....ผมส่ายหัวตอบ

              "ทรายยิ้ม...เพราะคิดอยู่ว่าทียิ้มทำไม" ทรายตอบ...

              "แล้ว?" ผมถาม....ทรายกั๊กคำตอบอ่า....

              "ทีอาจจะยิ้มเพราะว่าเอ็มตกลงไปกินข้าวกับเค้าที่ร้านนั้นแล้ว....มันเหมือนว่าเอ้มนัดเด.." ทรายอธิบาย

              "อย่าพูดออกมานะ...เอ็มไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย....ก็ทีบอกว่าอร่อยก็เลยจะลองไปกินดู....ไม่ได้จะนัดเดทอะไรสักกะหน่อย" ผมเถียงกลับมันที...รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว(ไม่รู้ว่าตัวเองโกรธหรืออายกันแน่)...เห็นหน้าทรายที่ฟังแล้วปล่อยก๊ากออกมา

              "คนร้อนตัว" ทรายแขวะ....ทำเอาผมตอบอะไรไม่ได้

              ผมถูกทรายล้อเรื่องทีบ่อย....แต่ผมไม่ค่อยสนใจ...เพราะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องล้อเล้น...จะแปลกไปบ้างที่รู้สึกว่าตัวเองมีปฏิกิริยาที่แปลกๆตอบกลับไป...จนบางครั้งผมต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน...แต่ทรายก็รู้ทันเลยยิ้มขำๆตลอดเวลา

              จนกระทั่งวันนึง...ซึ่งเหมือนว่าเป็นวันที่ไม่น่าจะมีอะไรได้...ทีก็ขับรถไปส่งผมที่หอหลังจากกินข้าวเย็นกันเสร็จ...ผมก็พยายามตั้งคลื่นวิทยุเพื่อจะหาเพลงฟังแต่ปรากฏว่าจะหากี่คลื่นกี่คลื่นก็ไม่มีเพลงที่ต้องการ...กลับกลายเป็นเพลงออกแนวปลุกใจแทน...ผมเลยเลิกล้มความตั้งใจ...ทีเองก็ไม่ได้ว่าอะไร...แต่สีหน้าแสดงความแปลกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน.....พอทีขับมาถึงหอพักผมก็ลงจากรถมีที่ลงจากรถตามมาด้วย....วันนี้แปลกกว่าทุกวัน...เพราะผมเป็นคุณป้าเจ้าของหอพักจับกลุ่มคุยอะไรบางอย่างกับคนที่เช่าห้องด้วยบ้างก็เป็นชาวบ้านแถวนี้....ผมเลยเดินเข้าไปทัก

              "สวัสดีครับป้า....มีอะไรกันหรือครับ" ผมยกมือไหว้แล้วถามในสิ่งที่อยากรู้...มีทียกมือไหว้ตามข้างหลัง

              "หวัดดีจ้ะ...ไม่รู้เรื่องอะไรกันเลยเหรอ" ป้ายกมือรับไหว้แล้วทำหน้าตกใจ..เหมือนผมพลาดอะไรไปบางอย่าง

              "ครับ" ผมตอบแล้วส่ายหน้า

              "มีรัฐประหารกันนะสิ.....คนอื่นเค้าบอกกันมา....แต่มีคนเห็นรถถังขับผ่านถนนใหญ่นี่ไปด้วยนะ" ป้าเล่าให้ฟังน้ำเสียงตื่นตกใจ....รัฐประหารมันเป็นไงหว่า....เคยได้ยินจากที่เรียนมาในวิชาสังคมแค่นั้นเอง....มันไม่ดีไม่ใช่เหรอไง

              "ใครทำเหรอครับ" เสียงทีถามขึ้นมาจากด้านข้าง

              "โอ๊ย....อันนี้ยังไม่แน่เลย....บ้างก็บอกว่าทักษิณทำ...โทรมาจากต่างประเทศสั่งยึดนู่นยึดนี้แล้วปล่อยรถถังมาทั่ว....แต่บ้างก็ว่าของคนอื่นที่เค้าทำตัดหน้าทักษิณ....ไม่รู้เหมือนกัน...ยังไม่มีใครออกมายืนยันการกระทำ...ยังไม่มีประกาศอะไรเลย...ข่าวก็ไม่มีเพราะทีวีโดนยึดไปแล้ว" ป้าเล่ามาให้ฟังอย่างรวดเร็ว

              "อ้าว...แล้วหนูพักอยู่ที่หอป้าด้วยเหรอ...ไม่เห็นจะจำหน้าได้" ป้าทักอย่างนึกขึ้นได้

              "เปล่าครับ....เค้ามาส่งผมเฉยๆ" ผมตอบไป

              "ดึกแล้วนะ...ไม่รีบกลับบ้านจะอันตรายเอานะ....รถถังเยอะแยะเลย" ป้ากล่าวเตือน

              "ครับ...ถ้าอันตราย...ผมคงค้างที่นี่ละครับ" ทียิ้มตอบป้าเค้า...ป้าตอบเห้นดีด้วยแล้วหันกลับเข้าวงคุยต่อ.....ใครให้ค้างกันเนี่ย.....ไม่ได้บอกว่าจะให้ค้างสักกะคำ....คนไรว่ะ....แล้วส่ายหัวเซ็งๆแล้วเดินไปบันได...แต่เห็นว่าทีไม่ได้เดินตามมาเลยแปลกใจ

              "ไม่ค้างแล้วเหรอไง" ผมถามที...ทียืนทำหน้าลังเลใจ

              "ได้เหรอ" ทีถาม....อ้าว....แล้วเมื่อกี้ไม่ได้บอกแกมบังคับไปแล้วเหรอไง

              "ตามใจนาย" ผมตอบแล้วหากุญแจเพื่อไขประตูห้อง...ทีเดินมาข้างๆ

              "กลัวว่าจะทำให้เอ็มลำบากใจนะสิ...ทีขับรถกลับตอนนี้ได้นะ" ทีพูดต่อ...ผมหันไปมองหน้าเขา...

              "เราไม่ได้บอกว่านายทำให้เราลำบากใจ" ผมตอบกลับแล้วเดินเข้าห้อง....ทีเดินตาม

              ตอนนี้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว...ผมเองไม่ได้รู้สึกลำบากใจ...แต่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ค่อยถูกทั้งๆที่มันเป็นห้องของผมเองแท้ๆผมวางเป้ไว้ข้างโต๊ะอ่านหนังสือแล้วหันไปมองที...เห็นทีนั่งนิ่งๆอยู่ที่ปลายเตียง...มองผมอยู่...เอาไงดีอ่ะ...

              "เราอาบน้ำก่อนละกัน...นายจะใช้โต๊ะหรือจะเอาอะไรก็ตามใจเลยละกัน" พูดไปอย่างนี้คงพอได้...แล้วผมก็คว้าเสื้อผ้าไปอาบน้ำ...ผมอาบน้ำไปก็คิดไปว่าจะชวนคุยอะไรดีหรือป่าว...ทำตัวไม่ถูก...เพราะสถานการณ์ระหว่างผมกับเค้าจะบอกว่าเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันก็แปลกๆอยู่...จะบอกว่าเป็นคู่อริ...ก็ไม่ใช่...งงงงงง....ทำไงดี...พอผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาเห็นทีนั่งอ่านหนังสือภาษาซีที่โต๊ะ...ผมเลยเรียกให้เค้าอาบน้ำได้แล้ว....แล้วก็ให้ยืมเสื้อหอพักตอนที่ผมใส่ตอนมอปลายที่เคยใส่แล้วหลวมโครกกับกางเกงเลตัวหนึ่ง...ทีรับแล้วเดินไปอาบน้ำ...หลังจากนั้นผมก็เริ่มเปิดคอมแล้วเข้าไปหาข้อมูลอัพเดทเรื่องรัฐประหาร....แต่ยังไม่ได้ใจความสำคัญอะไรมาก...ได้ชัวร์ๆมาแค่ว่าการรัฐประหารครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของนายกรัฐมนตรีแน่ๆ...เพราะว่าก่อนเกิดเหตุมีการใช้โทรทัศน์สักช่องเป็นเครื่องมือ....ยิ่งหาข้อมูลก็ยิ่งงง.....ระหว่างที่ผมคุยกับเพื่อนหาข่าวอยู่ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกตัวว่าทีออกมาจากห้องน้ำแล้ว...

              "เป็นไง...ได้อะไรเพิ่มบ้างมั้ย" ทีพูดขึ้นมาข้างๆทำเอาผมสะดุ้ง...ลืมไปแล้วว่าทีอยู่ด้วย

              "โทษที...ตกใจเหรอ" ทีขอโทษขำๆ...ผมส่ายหัว...

              "ยังไม่ได้อะไรมาก...รู้แต่ว่าไม่ใช่ฝีมือทักษิณ....แล้วก็ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้หยุดเรียน..." ผมตอบ

              "ดีจัง...น่าจะเลื่อนสอบด้วย" ทีพูดติดตลก..ทำเอาผมขำ...ใช่...ยิ่งไม่ต้องสอบยิ่งดี

              พอทีพูดจบเค้าก็กลับไปนั่งอ่านหนังสือภาษาซีของเค้าต่อ...ผมหันไปมอง...แล้วก็รู้สึกว่ายังไงๆก็ต้องชวนคุยให้ได้...ในเมื่อผมยอมให้เค้าค้าง...แล้วกะดีแค่ชวนคุยมันจะยากอะไรนักหนา...แล้วผมก็ชวนคุยเรื่องที่ทีเรียน...ที่ผมต้องเริ่มด้วยเรื่องนี้เพราะอย่างน้อยผมก็เคยเรียนภาษาซีตอนมอปลาย...ทีดูตกใจตอนที่ผมบอกว่าเล่มที่เค้าอ่านผมเคยอ่านแล้ว...หลังจากนนั้นผมก็คุยเรื่องความวุ่นวายตอนสอบเอโอเน็ต...มันเป็นการคุยที่ดูเป็นทางการมากๆเลยสำหรับผม...แต่จะทำยังไงได้ละในเมื่อผมไม่รู้จะชวนคุยอะไร...ทีไม่ใช่อาร์ทที่ผมรู้จักมานานถึงสามปี...และก็ไม่ใช่ทรายที่ผมไว้ใจเธอมากๆ....ผมคุยจนเกือบเที่ยงคืน...ผมก็เริ่มง่วงนอน...ทีเองก็คงจะสังเกตุเห็น

              "ให้ทีนอนที่พื้นมั้ย..." ทีถามแล้วมองหน้าผม...

              "ไม่ต้องมั้ง..." ผมตอบแบบลังเลใจ...เตียงก็ไม่ได้เล็กมาก...

              "มันจะไม่เบียดเหรอ" ทีถาม...แววตาที่มองดูแปลกๆ

              "ไม่หรอก...ก็เคยนอนแล้วนิ..อ่ะ" ผมหลุดปากพูด..แล้วกัดปากตัวเองแน่น....ใช่สิ...เคยนอนแล้ว...สองคนบนเตียงนี้....พอคิดถึงตอนนั้น...ภาพในหัวก็แวบเข้ามา...จนรู้สึกได้ว่าใบหน้าร้อนผ่าว....ผมหันหลังหลบที...พูดอะไรไม่ถูกอีก

              "นั่นสิ...งั้นทีนอนข้างในนะ" น้ำเสียงทีดูสนุก...แต่ผมสิ...ยืนตัวเกร็ง....ตอบอะไรไม่ได้...เลยพยักหน้าให้ทั้งๆที่หันหลัง...พอเห็นทีนอนสักพัก...ผมก็ถอดคอนแทกท์เลนส์แล้วล้มตัวลงนอนตะแคง...หันหลังให้ที...นอนนิ่งๆอยู่อย่างนั้น...จนกระทั่งหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้



     
      -----------------------------------------------------------------------

      
              ทำไมขยับตัวไม่ได้เลยแหะ...

              ผมพยายามพลิกตัวแต่ก็รู้สึกเหมือนโดนล็อกเอาไว้...ผมปรือตาขึ้นมองอย่างงัวเงีย...มองเห็นใครสักคนอย่างเบลอๆ...ใครอ่ะ....อืม...ที...แล้วผมก็หลับตาลงอีกครั้ง.....ที....เฮ้ย....คราวนี้ตาสว่าง...ตอนนี้เช้าแล้วไม่รู้ว่ากี่โมง...ผมลืมตามองเห็นหน้าทีในระยะใกล้...ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิท...มีเพียงลมหายใจเข้าออกเบาๆที่แสดงว่าเจ้าตัวคงหลับอยู่...ผมมองหน้าทีอยู่อย่างนั้น...จึงค่อยๆรู้สึกตัวว่าตัวเองโดนแขนข้างหนึ่งของทีกอดเอาไว้อยู่...มิน่าล่ะ...เลยขยับตัวไม่ได้....ใครให้กอดว่ะ...คนนะ...ไม่ใช่หมอนข้าง...ผมพ่นลมหายใจพรืดอย่างไม่สบอารมณ์แต่ทีก็ยังไม่ตื่น

              พอได้มามองใกล้ๆอย่างนี้...ผมก็ต้องยอมรับว่าทีเป็นคนหล่ออย่างที่เคยคิดไว้...หล่อคนละแบบกับอาร์ท...คิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสัน...ให้ตามเหอะ....กูกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย....อยู่ดีๆทีก็ขยับตัวขึ้นมารัดวงกอดกระชับขึ้นทำเอาผมตกใจ....ไออุ่นจากร่างกายทีส่งต่อมาผ่านเนื้อผ้า...โอ๊ย...ปล่อยกูไปสะที...ผมหลับตาลง....นอนตัวเกร็ง...พอหลับตาภาพวันนั้นก็กลับมาอีก...โอ๊ยๆๆๆ....ไม่เอา....ผมนอนใจเต้นไม่เป็นจังหวะ....เอ็มเอ๊ย....แกกำลังเป็นอะไรเนี่ย...ผมหลับตาปี๋...แล้วก็หลับไปอีกทีในอ้อมกอดของคนข้างๆ

              "ใครให้กอด" ผมโพล่งคำถามแรกหลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้งเห็นทีนอนกระพริบตาปริบๆโดยยังไม่ได้ปล่อยมือ

              "ไม่มี" ทีตอบตรงๆ...ไอบ้า....ผมลุกขึ้นนั่ง...

              "เราเห็นว่าเอ็มนอนสะชิดขอบเตียง....กลัวว่าเอ็มจะตก...เลยดึงเข้ามาข้างใน...ทีไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ" ทีตอบหน้าซื่อ...อ้าว...กลายเป็นว่ากูคิดเอง...

              "ขอบใจ" ผมประชดตอบ....ไม่เชื่อโว้ย...ทีขำ...ผมเลยหันไปถลึงตามอง

              แล้วเช้าวันนั้นก็แทบจะไม่มีอะไรมากอีก....นอกจากว่าไม่มีร้านอาหารเปิดให้กิน...ด้วยความหิว...ทีก็บอกว่าจะทำผัดมาม่าให้กิน...ก็ดี....แอบเบื่อมาม่าต้มเหมือนกัน...ผมเลยไปรื้อกระทะไฟฟ้ามาใช้แล้วก็ไปขอไข่สองฟองกับผักนิดหน่อยมาจากป้าเจ้าของหอพัก...มันก็สนุกดี...เป็นการหยุดก่อนสอบที่ผมไม่ได้อ่านหนังสือ...แต่ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ...ทีบอกว่าทีทำอาหารเก่ง...วันหลังจะทำโชว์..ผมหัวเราะ...แล้วตอบเขาไปว่ากลัวท้องเสีย...วันนี้เลยถือได้ว่าเป็นวันที่ผมคุยกับทีอย่างไม่ต้องเกร็งมากเท่าไหร่...

              หลังจากนนั้นก็เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาค...ผมกับทีเลยได้คุยกันน้อยลง...อาจจะเพราะว่าผมเครียดมากไปหน่อยก็ได้...ทีก็ไม่ได้ว่าอะไร...ยังมารับส่ง...แล้วก็บ้างครั้งก็พูดอะไรตลกๆมุขแป้กๆให้ผมได้คลายเครียด...จนกระทั่งวันสอบล่วงเลยจนถึงวันสุดท้าย..


    -----------------------------------------------------------------------------------


    จบตอนสักที...
    เย้
    พิมพ์ๆๆๆๆ

    InLuSt....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×