เเละเเล้วการเข้าเรียนม.4 เป็นรอบที่สองของผมก็เริ่มขึ้น ยากที่จะมานั่งอธิบาย เเละผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบทำอะไรเเบบนั้นสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าตอนนี้เรามาพูดถึงเรื่องปัจจุบันกันก่อนดีกว่า ชื่อของผมคือเจมส์ ผมเป็นผู้ชายที่สูงกลางๆน้ำหนักกลางๆ เเละในเรื่องรสนิยมทางเพศผมก็เป็นคนกลางๆเหมือนกัน แต่หลังๆมานี่รู้สึกว่าจะเป็นเมียเขาตลอดเลยเหมือนกันเเหะ เเต่เอาเถอะ ตอนนี้ผมอายุ 17 ปีเข้าไปเเล้ว เเละกำลังจะเรียนม.4ใหม่อีกครั้งด้วยเหตุผลบางประการ เเต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเเย่อะไรนักหรอกนะกับการดรอปเพื่อมาเรียนสายศิลป์ เพราะผมเองนั้นก็พอมีฝีมือในด้านศิลปะอยู่เหมือนกัน
" เห้ย ! นายก็ดรอปมาเหมือนกันเหรอ "
นักเรียนชายคนหนึ่งยืนขึ้นเเล้วชี้มาที่ผม ผมที่คีปลุคของคนมาดขรึมอยู่นั้นก็พยักหน้าด้วยความเก้อๆกังๆ ตอบรับไป ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้รอคิวสอบสัมภาษณ์
" เเชะ "
เสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่ผมก้มหน้าไถโทรศัพท์ ชวนให้ผมเงยหน้าขึ้นหาต้นเสียงนั่น เเละผมก็เจอ เพราะเขาคนนั้นไม่เเม้เเต่จะลดโทรศัพท์ลงเพื่อหลบซ่อน หรือ เเสดงกริยาอะไรเพื่อปฏิเสธการเเอบถ่ายของเขาเลย .. เห็นดังนั้นผมเลยเสนอหน้าให้เขาถ่ายดีๆ
เด็กหนุ่มละสายตาจากจอโทรศัพท์มามองตาผมครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มลงไปบนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา เเละ เเชะ .... เขาเปิดเเฟลชใส่ผมด้วยในครั้งนี้
เเต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักเเละเข้าไปสอบสัมภาษณ์เป็นรายต่อไป ซึ่งมันก็ธรรมดามากเเละผมก็ผ่านมันมาอย่างง่ายดาย เเละเข้าไปยังห้องรับรองก่อนจะฟุบหลับบนโต๊ะตัวนึงในห้องนั้น
" นี่ " ชายคนก่อนหน้าที่ทักเรื่องดรอปสะกิดให้ผมตื่น ผมที่งัวเงียก็ลุกขึ้นมาเห็นเขากับเพื่อนอีกคนที่นั่งล้อมผมอยู่ กับเด็กหนุ่มที่เปิดเเฟลชใส่ผมก่อนหน้านี้
" ... นาย "
" อะไร " เด็กหนุ่มตอบกลับเเทบจะทันที พร้อมเเสดงสีหน้านิ่งเฉยใส่ผม เห็นเเบบนั้นผมจึงเบือนหน้าเขา
" เราชื่อต้นนะ ส่วนนี่เตยเพื่อนเรา รุ่นเดียวกัน ส่วนที่นั่งอยู่ตรงนั้นข้างนายก็ก็อดเป็นรุ่นน้องปีนึง "
" เราชื่อเจมส์ .. ยินดีที่ได้รู้จัก " ผมลืมวิธีเข้าสังคมไปเเล้วรึไงกันเนี่ย ถึงได้พูดอะไรจืดๆเเบบนี้
" ก่อนมานี่เราคิดเหมือนกันนะ กลัวเข้ากับเพื่อนรุ่นน้องไม่ได้อะ " ต้นเริ่มเปิดบทสนทนา
" ... เราว่าเราเข้าได้นะ สมองเรายังอนุบาล 2 อยู่เลย " ผมเอ่ยตอบ ... ก็อดที่นั่งข้างๆก็อุบขำจนไหล่สั่น โอเค มุขผมยังใช้ได้ผลอยู่ ผมยังเป็นคนตลกที่เข้าสังคมได้
" งั้นเหรอ งั้นคงต้องเรียกน้องเจมส์เเล้ว " ว่าเเล้วก็อดก็เอามือข้างหนึ่งของเขามาลูบหัวราวกับผมเป็นลูกหมา หรืออะไรสักอย่างที่น่ารักพอให้ลูบ วินาทีผ่านไปช้าๆเเละก็อดก็ไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งผมเริ่มมองตาเเข็งใส่เขา เเล้วเขาก็หยุดลูบก่อนจะกลับไปทำหน้านิ่งต่อ
" ผมนิ่มดีนะ " เขายิ้มให้ ผมเคยอ่านเรื่องพิมพ์นิยมของไทยที่ผู้ชายยิ้มเป็นตาสระอิคือคนน่ารักมาเหมือนกันนะ เเต่เขาคนนี้ยิ้มเเล้วตาหายไปเลยจนดูไม่ออกว่ามันเป็นสระอิรึเปล่า ... เเต่ยังไงก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาหล่อเหลาเอาการ ผิวขาว ร่างกายดูกระฉับกระเฉง ตาตี่ๆ เเต่ปากเขาเหมือนเต่าไปหน่อย เป็นเเซมมี่รึไง
" ปัญญาก็นิ่มนะ " ผมยิงมุขต่อ เพื่อทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วนที่ก็อดสร้างขึ้นมา เเละมันยังคงได้ผลดีกับเพื่อนที่รู้จักกันใหม่ๆ
" มึงตลกดีอะกูชอบ " พอหยุดหัวเราะเขาก็เริ่มเรียกผมว่ามึงทันที เดี๋ยวนะ
" ฮัลโหล สวัสดีเรารู้จักกันเมื่อสองวิที่เเล้ว มึงเรียกกูว่ามึงละเหรอ "
" มึงก็เรียกกูว่ามึงละนี่ "
" ... " ให้ตายสิ ลืมไปเลยนี่ มันฉลาดหรือว่าเป็นเราที่โง่เองกันนะ ...
" เออ เเต่ตอนนี้ควรกลับบ้านกันได้ละนะ คนอื่นเริ่มถยอยกลับกันละ " ต้นพูดเสนอขึ้นมา
" โอเค งั้นไปกันเลยมั้ย " ผมลุกขึ้นเเละเก็บกระเป๋า ก่อนจะเดินออกจากห้องเเละผ่านตึกอาคารต่างๆ ส่วนก็อดก็เดินตามหลังมาพร้อมกับดมมือของเขาเองตลอดตั้งเเต่ออกมาจากห้อง นั่นค่อนข้างพิลึกเลยทีเดียว ส่วนต้นเเละเตยก็เดินตามหลังมาอีกที
" เห้ยเจมส์ ! " เสียงของก็อดตะโกนมาจากด้านหลัง ทำให้ผมตกใจเเละหยุดเดินเเทบจะทันที เเต่ไอบ้านั่นกลับไม่หยุดสะงั้น ดันเดินเขามาจนจมูกของเขาเเตะลงบนผมของผมพอดี ... ให้ตายสินี่ไม่ได้สังเกตเลยว่าเขาสูงใช่ย่อยเหมือนกัน คงประมาณ 180 กว่าๆได้ละมั้ง ผมที่ส่วนสูงค้างมา 160 กว่าๆ ตั้งหลายปีนี่อายไปเลยเเหะ
" อะ กลิ่นผมมึงจริงๆด้วย "
" นี่มึงดมมือมึงเพราะมีกลิ่นผมกูติดเหรอ โรคจิต "
" นี่มึงเเอบมองกูเดินเหรอ โรคจิต "
" อ้าว ไอนี่ "
" อะไรหล่ะครับ " เขายิ้มเเป้นเชิงกวนตีนให้ ก่อนจะเดินเเซงผมไป
" เเล้วมึงจะเรียกกูเสียงดังทำไม " ผมเดินจี้ตามเขาไป พร้อมกับบ่นพึมพัม
" อ้อ เมื่อกี้พี่ต้นเขาผูกเชือกรองเท้าอะ เลยจะเรียกให้รอ "
" พี่ต้น ? เเล้วเรียกกูว่ามึงเนี่ยนะ "
" อ่าวทำไมอะ ก็ไม่ได้อยากเป็นพี่น้องด้วย " เเละเขาก็ปล่อยยิ้มกวนส้นเท้าใส่ผมอีกครั้ง ไอเด็กนี่คงต้องตายด้วยพู่กัน หรือดินสอ EE ภายในเทอมเเรกเเน่ๆถ้ายังกวนตีนผมเเบบนี้ โว้ยย หงุดหงิดโว้ย
ความคิดเห็น