ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เรื่องในอดีต
EP.4 : อดีตที่ผ่านมา
"คุณค่ะเราหย่ากัน...ไม่ดีกว่าหรอ"
"หึ ถ้าอยากหย่าขนาดนั้นก็เชิญเลย...แต่ว่าหากจะเอาลูกไปด้วย ขอเตือนไว้เลยว่าเอาแค่เจ้าเด็กนั้นไป เอามันออกไป เอาซันจิออกไป..."
ก๊อก ก๊อก
"เข้ามา" เสียงของชายร่างใหญ่ตะโกนไปที่หน้าประตู ขณะที่ตนเองนั่งดื่มไวท์อย่างสบายใจ
เอี๊ยด..
เสียงประตูดังขึ้นและร่างบางของหญิงสาวผมทองเข้ามา
"ท่านพ่อเรียกหนู มีอะไรหรือเปล่าค่ะ?" สาวน้อยทำหน้าตาที่ยิ้มอยู่ตลอด แม้มันจะเป็นการเสแสร้งก็ตาม
"นั่งก่อนสิ" จัดจ์ชี้ไปที่นั่งให้ซันจิ
"ค่ะ" เธอขานกลับก่อนจะนั่งไปที่โซฟา
"ที่ฉันเรียกเธอมาก็เพราะว่าเรื่องงานแต่งนั่นแหละ"
"งานแต่ง?"
"ใช่ ฉันมีเรื่องที่อยากถามเธอ"
"ถามอะไรค่ะ?"
"เธออยากแต่งหรือเปล่า"
"..."
"..." ภายในห้องซันจิและจัดจ์ต่างคนก็เงียบ
..."
"ว่าไงซันจิ อยากหรือไม่"
"..." สถานการ์ณแบบนี้ยิ่งจัดจ์กดดันเธอมากขึ้น มันก็ทำให้ตอบยากยิ่งขึ้น
"ฉันจะไม่ถามเธอซ้ำแล้วนะ ถ้าเธอให้คำตอบไม่..."
"อยากค่ะ...หนูต้องการที่จะแต่งงานกับลูกชายของตระกูลนั้น
"..." จัดจ์มองซันจิที่ก้มหน้าก้มตาตอบ ซึ่งมันแสดงถึงความไม่จริงจังมากนัก
"คิดแบบนั้นก็ดีแล้ว จงอย่าทำให้คนในตระกูลเสียชื่ออีกเลย"
"มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหมค่ะ? ถ้างั้นขอตัวก่อนนะคะ..."
"รอก่อน ฉันยังพูดไม่จบ" จัดจ์พูดแทรกซันจิขึ้นมาทันทีก่อนที่เธอจะลุกจากที่นั่ง "ฉันมีข่าวดีให้เธอ จากมิฮอล"
"ข่าวดี?"
"งานแต่งเธอถูกเลื่อนเป็นวันที่ วันที่ 6 เดืออน พฤษภา"
"6 พฤษภา...เดี๋ยวก่อนนะ วันนี้เดือนสิงหา วันที่ 7 นั้นก็แปลว่า..."
"อีก 8เดือนข้างหน้านี้ เจ้าจะต้องแต่งงานกับโซโล"
"8 เดือน..."
"ที่จริงฉันกับมิฮอลต้องการให้เจ้า 2 คนแต่งภายใน2ปี"
"ให้แต่งภายใน2ปี..แต่ทำไมถึงเลื่อนล่ะ?"
"นี่แหละจะเป็นข่าวดีของเธอ"
"ข่าวดีอย่างไงกัน?"
"ก็ถ้าพวกเจ้าแต่งงานกันแล้ว ฉันจะปล่อยให้เจ้า 2 คน ย้ายกันไปอยู่ที่ฝรั่งเศส"
"ห๊า!?"
"จะให้เจ้ากลับไปดูแลพ่อของเจ้า ตามที่เจ้าต้องการ พ่อของเจ้าป่วยอยู่นี่"
"ก็ใช่"
"งั้นก็ดี เจ้าจะกลับไปฝรั่งเศสเพื่อดูแลเขาอย่างสบายใจ"
"..." ซันจิถึงกับปากค้างพูดอะไรไม่ถูกกันไปเลย
"เอาเป็นว่าเป็นไปตามนี้นะ"
"อ่า....ค่ะ...ค่ะท่านพ่อ"
"อืม ออกไปได้"
"ค่ะ หนูขอตัวค่ะ"
เอี๊ยด...ปึง
หลังจากนั้นจัดจ์ก็เอารูปที่ตนวางไว้หยิบมันขึ้นมาดู และภาพนั้นก็ทำให้เขาคิดถึงอคีตที่เขาได้ผ่านมานานแสนนาน...
40 ปีที่แล้ว
เมื่อจัดจ์อายุ 25 ต้องเดินทางจากญี่ปุ่นเพื่อมาสู่ขอลูกของคนใหญ่คนโตที่มีชื่อเสียง ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
"ท่านชายกับลูกชายท่าทางจะเหนื่อยมากกับการเดินทางนะคะ"
"ขอบคุณครับมาดาม ผมกับลูกชายเราเดินทางจากญี่ปุ่นเพื่อมาสู่ขอลูกสาวของมาดามที่อังกฤษ"
"หึๆ ถ้าโซระได้ยินว่าท่านเดินทางมาไกลเพื่อขอเธอ คงเป็นปลื้มมาก"
"ฮ่าๆ ครับ" พวกผู้ใหญ่พูดคุยกันระหว่างที่จัดจ์ได้แต่นั่งเงียบไม่พูดอะไร
"คุณผู้หญิงคะ"
"อะไรหรอ?"
"คืออย่างนี้ค่ะ..."สาวใช้เดินมาซุบซิบที่หูของมาดาม
"จริงหรอ"
"จริงค่ะ"
"ฮ่าๆ วิเศษไปเลย"
"มีอะไรหรอครับมาดาม"
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอค่ะ...แค่อยากให้..."
"ให้?"
"เอ่อ...ถ้าหากท่านชายไม่ว่าอะไรดิฉันจะขอให้ลูกของท่านไปเจอกับโซโระที่บ้านกระท่อมของเธอน่ะค่ะ"
"อ่อ...แบบนั้นเอง ได้ครับๆ"
"ฮ่าๆ ดีจริงค่ะ"
"ครับ...อะ จัดจ์ไปพบกับน้องสิ"
"ท่านพ่อ"
"ไปเหอะน่า"
"ไม่ต้องกลัวจะไปไม่ได้นะคะ เดี๋ยวจะให้คนใช้พาเดินไปค่ะ" มาดามสาวในชุดเดรสแขนยาวแบรนด์ดังพูดแทรกขึ้น
"ครับ ขอบคุณมาดาม"
"ไม่เป็นไรค่ะ นี่เธอ พาคุณชายไปสิ"
"ได้ค่ะ...เชิญคุณชายทางนี้ค่ะ" หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่จัดจ์เพื่อนำทางไป
"..." จัดจ์ไม่พูดอะไร ลุกขึ้นและยอมไปอย่างดี
จัดจ์และสาวใช้พากันเดินไปหลังคฤหาสน์ใหญ่ หลังคฤหาสน์ก็จะมีบ้านกระท่อมหลังเล็กหลังหนึ่งอยู่
"นี่น่ะหรอ?"
"ค่ะ คุณชายบ้านกระท่อมหลังเล็กนั้นเป็นที่คุณโซระจะอ่านหนังสือหรือนอนเล่นค่ะ"
"อืม..."
"คุณชายก็เดินตามเส้นทางนี้ไปเลยค่ะ เข้าไปในนั้นก็จะพบกับคุณโซระ"
"แล้วเธอไม่เดินไปด้วยกันหรอ?" จัดจ์ถามสาวใช้
"ไม่หรอกค่ะ คุณโซระบอกกับฉันให้คุณชายเข้าไปเพียงคนเดียวเท่านั้นค่ะ"
"งั้นหรอ..."
"ค่ะ..ถ้าไม่ว่าอะไรฉันขอตัวนะคะ" หลังจากนั้นสาวใช้ก็เดินจากไป ทิ้งให้จัดจ์อยู่คนเดียว
"..." จัดจ์จ้องไปที่บ้านกระท่อมหลังเล็ก "เฮ้อ..." เขาก้าวเท้าเดินไปที่บ้านหลังนั้น แม้ระหว่างทางไปเป็นสวนดอกไม้ ที่เห็นแล้วช่างงามนัก
เอี๊ยด...
เมื่อไปถึงบ้านกระท่อมหลังนั้นเขาไม่เคาะประตูอะไร อยู่ๆก็เข้าไปเฉยเลย
"..." สายตาเขาจ้องมองภายในบ้าน ถึงจะดูเป็นหลังเล็กแต่พอเข้ามาข้างใน มันกลับกว้างมาก ภายในนี้มีทั้งโซฟาโต๊ะทานอาหารไหนจะเตียงนอนอีก "หึไม่น่าล่ะ ถึงชอบมานอนที่นี่" เขาเดินรอบๆบ้านและเตะตากับหนังสือเล่มหนึ่งเข้า
"หืม?" เขาหยิบมันขึ้นมาอ่านชื่อเรื่อง "โรมิโอ...จูเลียส.." เขาเปิดหน้านึงก่อนที่จะออกเสียงอ่านมัน "แม้จะเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่หัวใจของข้าก็กลายเป็นเพียง..."
"เพียงของท่านชั่วนิรันด์และตลอดไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่" เสียงของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของจัดจ์
"..." เขาหันไปมองหญิงสาวที่ยิ้มให้
"สวัสดีค่ะ ฉันโซระ คุณคงเป็นคู่หมั้นฉันสินะคะ"
"ครับ"
"หนังสือที่คุณถืออยู่ขอคืนได้ไหมค่ะ" โซระยื่นมือของเธอเพื่อรับหนังสือ
"เอ่อ...ได้ ได้ครับ"
"ฮ่าๆ ขอบคุณค่ะ"
หมับ
"หือ?" โซระที่กำลังหยิบหนังสือ อยู่ๆมือของเธอก็ถูกจัดจ์จับไว้อย่างอ่อนโยน
"หนังสือเล่มนี้ชื่อเรื่อง โรมิโอแอนด์จูเลียส...เป็นเกี่ยวกับคู่รักที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่กลับตกหลุมรักกันเพียงวันเดียว"
"ใช่ค่ะ มันประหลาดใช่ไหมค่ะ ฮ่าๆ " เธอพูด...แต่กลับไม่สบตาอีกฝ่าย ใบหน้าของเธอในตอนนี้นั้นแดงจนถึงใบหู
แตะ
"คุณจัดจ์..." ใบหน้าของเธอถูกมือของเขาสัมผัสเพื่อให้เธอหันหน้ามามองเขา
"มันคงเป็นเรื่องประหลาดมากหากผมบอกว่า หลงในสีผมทองงามของคุณ หลงในผิวพรรณที่ขาวของคุณหรือแม้แต่สีตาที่เหมือนท้องฟ้า...ที่ดูเป็นอิสระมาก"
"ค่ะ..คุณจะพูดอะไรกันแน่คะ" โซระพูดพร้อมกับหน้าที่ยิ้มอ่อนๆ
"ผมหลงรักคุณตั้งแต่วินาทีแรกโซระ...แม้คุณอาจมองว่าประหลาดแต่ผมหลงรักคุณ"
"คุณจัดจ์..."
"ได้โปรด มันจะเป็นเกียร์ติมากหากคุณ...เป็นเจ้าสาวของผมเพียงคนเดียว"
"คุณจัดจ์ค่ะ ฉัน...ฉัน"
"คุณโซระ"
"เอ่อ...ค่ะ..."
"โปรดแต่งงานกับผมนะครับ"
"..."
"คุณโซระ..."
"...ค่ะ...ฉันตอบตกลงค่ะ"
ก้อง ก้อง
เสียงระฆังจากโบสถ์ดังขึ้นเจ้าสาวที่อายุแค่ 20 ปีต้นๆ ที่กำลังเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานแต่ตอนนี้เธอกำลังกลายเป็นภรรยาของชายคนนั้นไปเสียแล้ว ผู้คนต่างหันมามองหญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ มันช่างเหมาะกับเธอเสียจริง ระหว่างคนตรงหน้าของเธอมองมาทีเธอและเธอก็เช่นกัน ไม่ว่าสิ่งที่ทั้งคู่กำลังทำจะถูกหรือผิดแต่มันจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตของทั้งคู่ในฐานะสามีภรรยา
จากนั้นทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดมาจนมีทายาทด้วยกันก็คือ เรจู ลูกสาวคนโต จากนั้นทั้ง 3 คนก็มีความสุขมากขึ้นและนอกจากนั้นความรักของทั้งคู่ก็เพิ่มขึ้นมาอีกกลายเป็นรักที่ยิ่งใหญ่มากจนคนในเครือมาเฟียต่างลือกันทั้งนั้น
แต่มันไม่ใช่แค่นั้นสิ 5 ปีต่อมาโซระให้กำเนิดอีก 3 คนเป็นแฝด ชาย 2 หญิง 1 นั้นก็คือ อิชิจิ นิจิและซันจิ จัดจ์ที่เห็นโซระคลอดมาอีกตั้ง 3 คนก็เป็นปลื้ม หลงรักภรรยายิ่งขึ้นกว่าเดิมและแล้วก็ผ่านมา 5 ปีน้องคนสุดท้องก็เกิด คือ ยนจิ แม้จะมีลูกมากขนาดไหนแต่ว่าทั้งคู่ก็ไม่เคยหมดรักที่ให้กันเลย จนวันนึง... ุ
"ท่านหมายความว่าไงค่ะ"
"ก็ตามที่พูดแหละ"
"ท่านกล้าทำแบบนี้ได้ไง"
"แล้วมันเรื่องอะไรของเธอ"
"ท่านให้ลูกทั้ง 5 คน ไปเป็นนักฆ่าหรอ!"
"แล้วอย่างไง อีกหน่อยพวกเขาจะต้องเป็นมาเฟียที่ยิ่งใหญ่และมีหน้ามีตาในสังคมและมีชื่อเสียง"
"ท่านทำแบบนี้ได้ไง ท่านทำแบบนี้กับลูกของเราได้ไง"
"ฉันทำเพื่อให้เราทุกคนอยู่รอด"
"แต่เขายังเด็กกันมากโดยเฉพาะยนจิ"
"ยนจิอายุ 5 ปีแล้ว เราก็ควรสอน"
"ท่าน...ฉันจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าท่านอยากให้ลูกเป็นมาเฟียที่แข็งแกร่ง แต่เป็นอีกแบบไม่ได้หรอ"
"ฉันทำไม่ได้โซระ ฉันจำเป็น"
"จำเป็นอย่างไง?"
"พวกเด็กคืออาวุธที่ไร้ขีดจำกัดการที่เขาได้ฆ่าคน ก็แปลว่าเขาเข้าถึงการเป็นนักฆ่ามากขึ้น"
"..." โซระที่ได้ยินสามีของตนพูดก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ "ฉันถามจริงๆนะ ที่เราอยู่ด้วยกันเพราะท่านต้องการทายาทเพื่อเป็นมาเฟียไว้ฆ่าคนหรอ?"
"..." จัดจ์มองหน้าของโซระที่น้ำไหลออกมา
"จัดจ์..."
"ฉันขอโทษ...ตระกูลของฉัน...จำเป็นต้องมีทายาท"
"นั้นแปลว่าตลอดระยะเวลาหลายปีมาที่อยู่ด้วยกันเพราะต้องการแค่ทายาทหรอ"
"โซระ..."
"ไม่ๆ อย่ามาแตะฉัน!" โซระลุกจากที่โซฟาที่นั่งข้างสามี "ขอโทษแต่ฉันควรที่จะออกไปจากที่ตรงนี้"
"โซระ!"
ดึง หมับ
"!?" โซระถูกจัดจ์ดึงตัวเข้าไปกอด
"ขอโทษๆ ฉันไม่เคยคิดอย่างงั้นเลย ฉันรักเธอจากใจจริงๆ"
"..." แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่เชื่อ
"โปรดเชื่อใจคนที่เธอเรียกว่าสามีคนนี้ด้วยเถอะ"
"ท่าน...."
"ขอโทษ โปรดอย่าไป..."
"ฉันไม่ไปหรอกค่ะ" โซระพูดแทรกจัดจ์ขึ้น
"จริงหรอ? โซระ"
"ที่ฉันอยู่ก็เพราะลูกๆค่ะ...เด็กๆจำเป็นต้องมีฉัน"
"แน่นอน ก็เพราะเธอเป็นแม่ของเด็กๆนี่"
"แต่ว่า..."
"อะไร" จดจ์ถามโซระ
"ตั้งเแต่ด็กๆเกิดมา ฉันไม่เคยสอนพวกเขาเลยแม้แต่นิด"
"แล้ว..."
"จะเป็นอะไรที่เยี่ยม ถ้าท่านให้ฉันได้อยู่กับลูกๆ และสอนเขาด้วยตัวฉันเอง"
"โซระ เธอไม่เห็นจำเป็นต้องสอนเลยนี่ แค่เธอคลอดพวกเขามาฉันก็แทบปลื้มและเห็นเธอเป็นแม่ที่ดีแล้วด้วยซ้ำ"
"แต่แค่นั้นก็ไม่พอหรอกค่ะท่าน"
"ไม่พออย่างไง"
" ฉันต้องสอนลูกๆค่ะ แม่ที่ดีต้องมีเวลาอยู่กับลูกตลอดเพราะลูกต้องการแม่นะคะ" โซระอธิบาย "ท่านจำเรจูได้ไหม เรจูตอนอายุเท่ากับเด็กๆ ก็ต้องการแม่เช่นกัน เด็กๆก็ต้องการฉันเหมือนกัน"
โซระ..."
"ขอร้องล่ะค่ะ ขอให้ฉันได้อยู่กับลูกๆเถอะ ฉันต้องการพวกแกมาก"
"..." จัดจ์เงียบและมองใบหน้าที่อ้อนวอนของภรรยาตนเอง
"..." ไม่ต่างจากเธอ เมื่อไม่ได้ยินเสียงการตอบรับของสามี ก็คงแน่ใจว่าไม่มีหวัง
"อีก 2 วันนี้ฉันต้องบินไปสเปน ฉันอยากให้เธอช่วยยฉันจัดกระเป๋าที่ได้ไหม"
"...ได้ค่ะท่าน" สายตาของโซระนั้นเต็มไปด้วยควมผิดหวังและมันเศร้า
"ฉันบินไป 2 สัปดาห์"
"เอ๊ะ?! 14 วันเลยหรอค่ะ ปกติท่านไม่เคยไปธุระนานขนาดนี้เลยนะ"
"ก็มันธุระสำคัญทางธุระกิจน่ะ"
"อ่อ...ค่ะ"
"เพราะฉะนั้นแล้ว ตลอด 14 วันนี้ฉันจะให้เธอดูแลลูกๆ แทนฉัน"
"แทนท่าน...จะ...จริงหรอคะ!" โซระกลับมายิ้มแย้มอีกครั้งเมื่อได้ยินที่จัดจ์พูด
"ใช่แทนฉัน เธอจะได้มีเวลาอยู่กับลูกๆอย่างที่ต้องการไง"
"ท่านค่ะ ฉัน...ฉัน...ฉันไม่รู้จะพูดอย่างไรเลยค่ะ"
"ไม่ต้องหรอก เพราะเธอมีสิทธิ์อยู่แล้ว เธอเป็นคนคลอดพวกด็กๆนะ"
"ค่ะ ท่าน" จากใบหน้าที่อมทุกข์ตอนนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาก เพราะความหวังที่ใกล้เข้ามาก็จะเป็นจริงแล้ว
2 วันต่อมา ก็ถึงเวลาจัดจ์ ขึ้นเครื่องไปสเปน
"ดูแลตัวเองด้วยนะคะ" สาวผมทองในชุดสีฟ้ายาวสวย อวยพรให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า
"เธอก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ"
"ค่ะ"
"งั้นฉันไปล่ะ"
"เดินทางปลอดภัยคะ"
หลังจากลากันอันเป็นที่เรียบร้อย โซระรีบเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารให้กับเด็กๆก่อนที่จะตื่นกัน
"ท่านหญิงคะ ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ค่ะ..."
"ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันอยากให้เด็กๆ ทานฝีมือของแม่พวกเขาน่ะ"
"แต่ว่าท่านคะ น่าจะให้"
"อย่าขัดเชียวนะ ฉันอยากทำด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นอย่ามาขวางเด็ดขาดเลยนะจ้ะ อิอิ" โซระยิ้มให้กับพ่อครัวแม่ครัวที่ห้ามเธอก่อนจะหันกลับไปทำต่อ
วันจันทร์ที่สดใส เด็กๆที่ตื่นมาและจัดการธุระของตนและพากันลงมาที่โต๊ะอาหารพร้อมเครื่องแบบชุดนักเรียนที่สวมใส่มาอย่างเรียบร้อยและกระเป๋าที่วางข้างๆที่นั่ง
"หิวแล้วครับๆ" พ่อหนุ่มน้อยผมเขียวเคาะโต๊ะดังๆ และตะโกนออกมาเพื่อให้คนยกอาหารมาเสริฟ
"นี่ยนจิอย่าทำเสียงดังสิ" สาวผมชมพูอายุราวเด็ก 15 กำลังนั่งอ่านหนังสือและพูดกับน้องชายคนเล็กที่มีเพียงวัยแค่ 5 ปี เท่านั้น
"ก็ผมหิวอ่ะ"
"ทุกคนก็หิวเหมือนกันแหละ"
"นิจิทำเป็นพูดไป"
"อะ...ที่จริงเช้าๆฉันไม่ค่อยหิวมากหรอกน่ะ"
"ทำเป็นพูด"
"เงียบปากไปเลย" นิจิที่ทำเป็นเก๊กตั้งนานก็เผยธาตุแท้ออกมา
"มาแล้วจ้าา" เสียงสดใสของสาวผมทองที่มาเสริฟอาหารให้กับลูกๆทุกคน
"เอ๊ะท่านแม่ ทำไมถึง" ลูกสาวคนโตตกใจที่อยู่ๆแม่ของพวกเขาก็มาเสริฟอาหารเช้าให้
"ก็แหม แม่อยากทำอะไรให้พวกเธอกินในตอนเช้าน่ะสิ เพราะว่าท่านพ่อของพวกเธอไม่อยู่ถึง 14 วัน แม่ก็ต้องดูแลแทนน่ะสิ"
"ที่จริงแม่ไม่จำเป็นต้องดูแลพวกเราก็ได้นะครับ"
"หืม?" โซระหันไปมองเจ้าของเสียงที่นั่งต่อจากนิจิ เป็นลูกชายคนโตของตระกูล
"พวกเรารู้ตารางของทุกวันตลอดอยู่แล้ว ท่านแม่มาดูแลเรามันก็ลำบากเปล่าๆครับ " เขาพูดให้แม่ฟัง
"ไม่หรอกจ้ะ อิชิจิ"
"..." อิชิจิหันไปมองโซระที่กำลังยิ้ม
"คนเป็นแม่ก็อยากดูแลทั้งนั้นแหละจ้ะ แม้ลูกจะมีตารางแต่แม่เป็นคนดูแลลูกๆแทนท่านพ่อ เพราะฉะนั้นอย่าขัดคำสั่งแม่เชียวล่ะ " โซระยิ้มให้อิชิจิที่หันมาฟัง "แต่แม่ว่าเราเลิกคุยแล้วมาทานอาหารกันดีกว่าเนอะ ฮ่า" ระหว่างนั้นเธอสังเกตุโต๊ะตัวหนึ่งที่วางซึ่งเป็นที่ของลูกสาวคนเล็กของเธอ
"ท่านแม่..."
"..."
"ท่านแม่ค่ะ"
"อะ..เอ่อ..ว่าไงจ้ะ เรจู" โซระที่นั่งอยู่หันมาฟังเรจู
"ทำไมท่านแม่ถึงไม่ทานอาหารล่ะค่ะ"
"อ่อ แม่...แม่..." เธอหันไปมองเก้าอี้ที่ว่างเปล่าตัวนั้น"
เอี๊ยด
โซระเอาตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
"เอ่อ เด็กๆ เดี๋ยวทานอาหารและไปโรงเรียนกันด้วยนะ เดี๋ยวแม่มา" โซระเดินออกไปจากห้องทานอาหารโดยทันทีโดยทิ้งให้เด็กๆนั่งทานอาหารไป ก่อนจะต้องเดินทางไปโรงเรียน
ภายในข้างในคฤหาส์นมีเพียงโซระที่เดินคนเดียว เพื่อไปที่ห้องของลูกสาวคนเล็ก
"ก๊อกๆ " โซระเข้าไปภายในห้องเด็กสาวพร้อมทำเสียง 'ก๊อกๆ' ก่อนจะยืนดูภายในห้องและสังเกตุไปที่เตียง "เอ๋?..ยังไม่ตื่นอีกหรอ" เธอพูดก่อนเดินเข้าไปหาเด็กที่หลับอยู่ "ซันจิ...ซันจิจัง"
"อือ.." คนบนเตียงลุกขึ้นจากหมอนนุ่นๆ อย่างงัวเงีย
"ซันจิ ทำไมถึงตื่นสายแบบนี้ล่ะจ้ะ"
"สาย?"
"ใช่สายแล้วนะ"
"..."
"ซันจิตอนนี้จะใกล้เวลารถออกแล้ว"
"..."
"ซะ..."
"อ้ากกกก!!! สายแล้วหรอเนี่ย!!!"
"อะ...เอ๋?"
"ไม่ได้การล่ะ ไปสายแน่ๆเลย" ซันจิรีบลุกจากเตียงไปที่ห้องน้ำอย่างไว ทิ้งให้โซระถึงกับอึ้งกันไปเลย
"อะไรกันเนี่ย" โซระที่นั่งคุยกับลูกสาวไม่กี่วินาทีที่แล้วถึงกับอึ้งไปเลย "แต่ก็ช่างเหอะ"
ก๊อกๆ
"ค่าาา" เจ้าของเสียงที่อยู่ในห้องน้ำขานรับ
"เดี๋ยวแม่ลงไปที่ห้องอาหารก็รีบตามมานะ"
"ดะ...ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูตามลงไปค่ะ"
"จ้าๆ"
เมื่อบทสนทนาของทั้งคู่จบลงทั้งคู่ต่างไปทำหน้าที่ของตนโซระเองก็เช่นกัน...โซระก็เลยออกจากห้องของลูกสาวก่อนจะไปที่ห้องทานอาหาร
"หืม?" โซระมองไปที่ห้องอาหารกลับพบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว "ไปไหนกันหมด?" เธอตั้งคำถามขึ้นมา
"ท่านหญิงค่ะ พวกคุณหนูตอนนี้ไปโรงเรียนกันแล้วค่ะ" คนใช้ที่เก็บจานอาหารบอกกับโซระ
"อ่อ อย่างงี้นี่เอง" เธอตอบกลับก่อนไปที่หน้าประตูของคฤหาสน์
"เอ๋ ไปไม่ทันงั้นหรอ"
"หืม?" โซระหันไปมองเด็กที่ยืนข้างๆ ทำหน้าเศร้าไปเลย "ซันจิจ้ะ ลูกจะไปรถอีกคันไหมแม่จะได้.."
"ไม่ได้หรอกค่ะ"
"?" โซระถูกซันแทรกพูดขึ้นมา
"งั้นขอตัวไปอ่านหนังสือที่ห้องนะคะ"
"อะ...จ้ะ" ซันจิไม่ตอบกลับเดินกลับไปที่ห้องของเธอ ใบหน้าของซันจินั้นทำให้โซระเดาได้แม่นเลยว่าต้องเป็นเพราะสามีเธออย่างแน่นอน
3 ชั่วโมงต่อมา...
"ป่านนี้ซันจิจะเป็นอย่างไงบ้างนะ" โซระที่กำลังอ่านหนังสือก็พูดขึ้นมา
"ไม่เป็นหรอกค่ะท่านหญิง คุณหนูน่ะกำลังตั้งใจอ่านหนังสือเรียนเป็นอย่างดีเลยค่ะ"
"งั้นหรอ"
"ค่ะ" สาวใช้ที่กำลังรินชาให้โซระพูดกับเธอ
"..." โซระนึกคิดในใจทำไมตลอดหลายปีมานี้ทำไมเธอไม่สังเกตุลูกๆของเธอเลย...แม้แต่นิดเดียว
3 ชั่วโมงต่อมาอีก
"นี่มันก็บ่ายแล้วนะ ทำไมถึงไม่ลงมาทานอาหารนะ"
"ไม่ต้องห่วงค่ะท่านหญิง คนในครัวจัดอาหารให้คุณหนูไปแล้วค่ะ"
"เอ๋ นี่ต้องอ่านหนังสือตลอดจนไม่มีเวลาที่จะมาทานอาหารด้านล่างเลยหรอ"
"เอ่อ..คือว่าเป็นกฏของท่านชายน่ะค่ะ"
"จัดจ์น่ะหรอ.."
"ค่ะ ท่านบอกว่าถ้าหากเด็กคนไหนไปเรียนสายหรือขึ้นรถไม่ทันก็จะต้องรับโทษโดยการอ่านหนังสือน่ะค่ะ"
"ขนาดนั้นเลยหรอ"
"ค่ะ ปกติท่านชายจะเป็นคนมาเฝ้าเด็กที่ถูกทำโทษ แต่ว่า...ดูเหมือนว่าท่านชายไม่อยู่ก็จริง แต่ก็ต้องทำตามกฏเหมือนเดิมค่ะ"
"หรอ"
"ค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวฉันมานะ"
"ท่านหญิงจะไปไหนหรอค่ะ"
"ก็ไปเฝ้าซันจิน่ะสิ ถ้าหากทำตัวไม่ดีขึ้นมาจะทำไงล่ะ"
"ค่ะ" สาวใช้ยอมอย่างดี
จากนั้นโซระก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นก่อนจะตรงไปที่ห้องซันจิลูกเดียวเลย
"ซันจิ..." เธอพูดชื่อของซันจิขึ้นมา ก่อนจะรีบเดินตรงไปที่ห้องโดยเร็ว
เอี๊ยดดด
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าซันจิกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตนเอง โซระไม่มั่นใจว่าซันจิจะทำอย่างที่ตนคิดรึเปล่าแต่ถ้าไม่จะพูดอย่างไง ยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าไปหาลูกสาวของตนมากขึ้นเรื่อยๆ
แตะ
"เอ๋" กว่าจะรู้ตัวอีกทีมือของตนก็จับไปที่ไหล่ของซันจิแล้ว
"..." ซันจิหันไปมองที่โซระที่จับไหล่เธอ
'ทำไงดีเราจะพูดอย่างไงดีล่ะยังไม่ทันคิดคำพูดเลย' โซระที่พูดในใจกำลังคิดมากสุดๆวินาทีนี้ 'เอ๋...ทำไมทำหน้าแบบนั้น'
"..." ซันจิทำแววตาที่หวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา เหมือนอกำลังกลัวอะไรบางอย่างขึ้นมา
"ซันจิ.."
"หนูไม่ได้อู้นะคะ หนูกำลังอ่านหนังสืออยู่ค่ะ อะ...อ่านอย่างตั้งใจเลยค่ะจริงๆนะ"
'ซันจิ...' โซระที่ได้ยินลูกสาวพูดเหมือนกับตนเองนั้นเป็นยักษ์เป็นมารแท้ๆ "ซันจิแม่..."
"ไม่เอาห้องมืดนะคะ!!"
'ห๊า..ห้องมือ…งั้นหรอ' โซระที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตาโตขึ้นมา 'ซันจิ...ลูกโดนทำอะไรแบบนั้นมาตลอดเลยหรอ...'
"หนู...หนู"
หมับ
"เอ๋" ซันจิถูกโซระกอดเอาไว้แน่น
"อึก..แม่ขอโทษที่ไม่ได้ดูแลหนูนะ แม่เป็นแม่ที่แย่มากเลยสินะ แม่ขอโทษ แม่ขอโทษ ฮือๆ" โซระร้องไห้ในขณะที่ตนกอดลูกสาวเอาไว้แน่นมาก "ซันจิ...แม่...แม่..."
"อุ่นจัง"
"หือ?"
"กอดอุ่นจัง"
"ซันจิ แม่..."
"ท่านแม่ กอดของท่านแม่อุ่นมากเลยค่ะ"
"ซันจิ"
"กอดหนูไว้แบบนี้นะคะ"
"จ้าๆ แม่จะกอดหนูเอาไว้แบบนี้ตลอเลยนะ จะไม่ปล่อยไปเด็ดขาดเลย"
....
เมื่อถึงยามกลางคืนซันจิที่หลับไหล่อยู่ ข้างๆเตียงก็มีโซระที่นั่งข้างๆ เธอเฝ้ามองลูกสาวตัวน้อยๆที่หลับไป..
"นานแค่ไหนแล้วนะ...ที่แม่ไม่ได้มองลูก..." เธอพูดก่อนจะหยุดพูดไปพร้อมใบหน้าที่เศร้าสร้อย "มันคงตั้งแต่ที่ลูกๆทุกคนถูกตัดขาดจากแม่มาได้ปีกว่าๆ" เธอมองลูกและลูบหัวไปมาอย่างเอ็นดู
"โซระ เธอเป็นท่านหญิงของบ้านหลังนี้ฉันอยากให้เธอดูแลภายในบ้านได้ไหม"
"ได้สิค่ะ เพราะปกติฉันก็ดูแลที่นี้และก็ลูกๆด้วย"
"ขอโทษนะโซระ ต่อจากนี้เธอจะไม่ได้ดูแลเด็กๆอีก"
"เอ๊ะ?"
"ต่อจากนี้เด็กๆฉันจะดูแลเอง ส่วนเธอก็ทำหน้าที่ภรรยาไป"
"แต่ว่า...นั้นมันลูกๆของฉันเหมือนกันนะคะ"
"ขอโทษนะแต่ฉันจำเป็นน่ะ"
"เพราะอะไร ทำไมถึงจำเป็น..."
"ขอร้องนะ...อย่าโกรธฉันเลยนะ"
"ฉัน...ฉัน"
"ขอร้องนะโซระ...ฉันรับปากจะดูแลเด็กๆอย่างดี"
"..."
"โซระ..."
"ถ้ารับปากจะดูแลเด็กๆ ฉันก็จะตามใจท่านค่ะ"
"โซระ...ขอบคุณมาก" ถึงแม้จะไม่ได้ดูแลเด็กๆ แต่เวลาทานอาหารหรือเวลานอนเธอก็สามารถไปดูพวกเขาได้ เธอคิดมาตลอดคิดว่าสามีของเธอนั้นจะสามารถดูแลเด็กๆได้ แต่ว่า...มันกลับกัน...ทั้งหมดเลย
"ดึกมากแล้วหรอเนี่ย" เธอดูนาฬิกาข้างเตียงลูกสาว "เอาล่ะถึงเวลากลับ..." ก่อนที่เธอจะลุกจากเตียงก็เหลือกสายตาไปมองที่หัวเตียง "หนังสือ..." เธอหยิบหนังสือขึ้นมาดู "หืม...หรือว่า..." เธอมองไปทางลูกสาวที่หลับก่อนจะยิ้มให้ เหมือนกับว่าตอนนี้เธอพอเดาออกแล้วว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรดี
....
เย็นวันต่อมาที่คฤหาส์นวินสโม๊คเด็กๆทั้ง 5 คน กลับมาจากโรงเรียนและเข้าไปที่ห้องของตัวเองก่อนที่จะได้เวลารับประทานอาหารเย็นกัน
ซันจิที่อยู่ในห้องก็ทำการบ้านของตนเองอยู่ภายในห้องอย่างตั้งใจ โดยที่ตนเองไม่รู้ว่าใครเข้ามาในห้องนอนของตนเองในตอนนี้
"ซันจิ..."
"หืม?" ซันจิหันไปมอง "ท่านแม่.."
"ทำอะไรน่ะ"
"ก็ทำการบ้านเพิ่งจะเสร็จน่ะค่ะ"
"อ่อ" โซระหันไปมองการบ้านที่อยู่บนโต๊ะ ที่ท่าทางเยอะไม่ใช่เล่นเลย "แล้วเสร็จหรือยังจ้ะ"
"ก็เสร็จแล้ว"
"อือๆ" โซระขานกลับ "จริงด้วย...แม่อยากให้ลูกมาช่วยอะไรแม่หน่อยจะได้ไหมจ้ะ"
"ช่วย....ได้ค่ะ ท่านแม่อยากให้หนูช่วยอะไร"
"สนใจไปทำอาหารเย็นนี้เป็นเพื่อนแม่ไหม"
"ทำอาหารเย็น"
"จ้ะ"
"แต่ว่าหนู..."
"ลูกชอบทำอาหารใช่ไหม"
"อะ...เอ๋??"
"ก็แม่เห็นสูตรอาหารอยู่ที่หัวเตียงลูกน่ะ"
"เรื่องนั้น..."
"ห้ามปฎิเสธนะ ถือว่าเป็นตัวประกันที่ลูกต้องมาช่วยแม่ทำนะ...เข้าใจไหมจ้ะ"
สุดท้ายซันจิและโซระก็มาลงเอยในครัวกัน 2 แม่ลูกโดยมีเชฟหรือหัวหน้าพ่อครัวดูแลทั้งคู่อยู่อย่างใกล้ชิด
"เอาล่ะซันจิ สิ่งแรกที่แม่จะให้หนูทำก็คือหั่นผักนะ"
"หั่นผักหรอหนูไม่แน่ใจว่า"
"ไม่เป็นไรๆ" โซระมาจับที่ไหล่ของซันจิ "ฝึกบ่อยๆเดี๋ยวก็ทำได้เองนะ"
"อืม" ซันจิตอบด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลนิดหน่อย ก่อนจะเริ่ม
"..." โซระก็คอยดูห่างๆ
"อือ...พลาดอีกแล้ว" แต่ว่าดูเหมือนว่าการหั่นผักนั้นจะเละไม่เป็นท่าหนัก"
หมับ
"เอ๊ะ?"
"นี่วิธีจับมีดทำแบบนี้นะ" โซระจับเล็กของเด็กสาวไว้ 2 ข้างก่อนจะเริ่มสอนไปที่ล่ะขั้น
ทั้งคู่ช่วยกันทำอาหารอย่างมีความสุข ซันจิที่ไม่เคยยิ้มก็กลับยิ้มออก ทำให้โซระมีความสุขเมื่อเห็นลูกมีความสุขกับสิ่งที่รัก
เวลาผ่านไป ซันจิ โซระ ทั้งคู่ดูสนิทกันมากขึ้นจนเห็นได้ชัด ซันจิเองก็เริ่มรักในการทำอาหารจนแอบไปทำอาหารบ่อยครั้งมาก และคอยทดลองอาหารมาให้แม่เป็นประจำ แต่เวลาความสุขมันมักเป็นเพียงชั่วคราว
"ท่านจัดจ์คิดจะทำอะไรซันจิน่ะ"
"ก็แค่พยายาสอนให้เขาฆ่าคน ไม่ได้สอนให้เมตตรอ่อนโยนเหมือนกับเธอ" สายตาของจัดจ์ที่มองโซระมันเย็นชามาก
"ซันจิ..." ผู้เป็นแม่ที่ทนให้ลูกอยู่กับคนแบบนี้ไม่ได้ จึงจำใจจะต้อง...หย่ากับจัดจ์โดยเร็วที่สุด
ภายในห้องทำงานของจัดจ์โซระที่อยู่ด้วยก็เข้ามาใกล้ๆกับจัดจ์ที่ทำงานอยู่ที่โต๊ะ
"เธอมาห้องนี้เพื่ออะไรกันแน่...เธอพูดถึงเรื่องเด็กๆเป็นร้อยกว่าครั้งแล้วนะโซระ..." จัดจ์มองโซระด้วยดวงตาเย็นชา
"..." โซระก็มองแบบนั้นเช่นกัน
"ถ้าหากอยากพูดอะไรก็พูด..."
"เราหย่ากันดีกว่า..." โซระพูดแทรกขึ้น
"..." จัดจ์ไม่ตอบโต้กลับ
"ถ้าหากเธอต้องการแบบนั้นฉันจะทำให้...แต่มีข้อแม้ว่าเอาแค่ซันจิไปเพียงคนเดียวพอ!!" เขาตะคอกประโยคสุดท้ายใส่เธอ
"ไม่...ฉันไม่ยอม"
"ยอมหรือไม่ก็ต้องยอมอยู่ดี"
"แต่ว่า"
"เด็กๆที่เหลือฉันดูแลเอง" จัดจ์เปิดประตู "เธอรีบไปเตรียมตัวเหอะ เพราะพรุ่งนี้เราจะหย่ากัน...ให้มันจบๆไป"
....
และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้ายที่ทั้งคู่พูดด้วยกัน จัดจ์ที่นั่งอยู่ในห้องทำงานก็มองไปที่กรอบรูปซึ่งกรอบรูปนั้นเป็นรูปของเขากับภรรยาในวันแต่งงานของทั้งคู่ ตอนนี้ดวงตาทั้งคู่ที่มองไปที่รูปของภรรยาที่อยู่ในชุดเจ้าสาวเหมือนชุดที่ซันจิใส่ ซึ่งมันคงทำให้เขาคิดถึงวันนั้นวันสำคัญของทั้งคู่....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น