ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    stop Love younger sister หยุดรักที่น้องสาว

    ลำดับตอนที่ #2 : ความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 66







    EP.1 : ความทรงจำอันเลวร้าย
       ฝรั่งเศส...เมืองแห่งแฟชั่น นครแห่งศิปะ ความงาม และโรแมนติก แต่ไม่เพียงแค่นี้อาหารของที่นี้ก็มีความสุดยอดมากเช่นกัน เช่นในนครแห่งหนึ่งที่มีภัตตาคารที่หนึ่ง ที่ทั้งมีความงาม ศิลปะ รสชาติก็เป็นเลิศยิ่งนัก เพียงสัมผัสแค่ปลายลิ้นเท่านั้น ก็รู้ซึ้งถึงรสชาติ  
       ความสงบของร้านแห่งนี้ผู้ที่เข้าไปก็จะพบกับบรรยากาศต่างๆ
       "ถ้าคิดจะมาทะเลาะก็ออกจากร้านไป!!" เสียงของชายร่างใหญ่ 2 คนลากคนทั้งสองออกจากร้านก่อนจะกลับเข้าไป
    "นี่ๆเร็วๆหน่อย อาหารโต๊ะ 7 ยังไม่ได้เลยเฟร้ย!!"
    "รู้แล้วกำลังทำ"
    "โต๊ะ 9 ด้วย"
    "เสิร์ฟอาหารโต๊ 13"
    "โต๊ะที่ 5 "
    "ได้แล้ว"
    "โต๊ที่ 4 บอกว่าอยากเพิ่มชีสใส่ลงไปในเนื้ออบนิดหน่อย"
    "เพิ่มชีสหรอ อะไรฟร่ะ?"
    "ทำไปเถอะน่า"
    "ครับๆ"
       ก็ใช่ว่าจสงบข้างในครัวด้วยนี่....ทุกคนพากันทำงานด้วยความเครียดที่เต็มไปหมด
    "โต๊ 9 เมื่อไหร่จะได้"
    "แปปสิเฟร้ย!"
    "รีบๆ หน่อยสิ"
    "เฮ้ยแก! อย่ามาสั่งคนอื่นจะได้ไหม คนเขากำลังทำอยู่น่ะ เห็นไหม " ชายคนหนึ่งกระชากคอเสื้อคนที่สั่งเขา
    "นั้นก็รีบทำสิ ฉันแค่ทำตามหน้าที่" 
    "ปล่อยไปเหอะน่า รีบทำเข้า" เพื่อนที่เหลือช่วยกันบอกเขา
    "อย่าลืมสิฉันเคยเป็นใครมาก่อน ฉันสามารถชกหน้านายหรือฆ่านายตรงนี้ก็ทำได้นะเว้ย" เขาพูดกับชายที่เขากระชากเสื้อคอ
    "ขอร้องไว้ชีวิตฉันเถอะ"
       เพล้ง!
    "หือ?!"  เขาได้ยินเสียงแก้วแตก จึงหันไปตามเสียง
    "ระ...รองเชฟ" เสียงของชายอีกคนพูดขึ้นมา
    "มั่วทำบ้าอะไรอยู่ได้ ทำไมยังไม่มีใครยกอาหารไปเสิร์ฟอีก"
    "คือว่าชายคนนี้กำลังทำร้ายผมครับ"
    "เฮ้! แกเองก็เร่งฉันอยู่ได้มันน่ารำคาญนะเฟร้ย"
    "แกนั้นแหละ"
    "แกนั้นแหละ ไอ้..."
       ผั๊วะ
    "อ๊าก"  เสียงชายทั้งสองที่ทะเลาะกันอยู่กลับโดนแรงเตะเข้าไปเต็มจนล้มไปทั้งคู่
    "เฮ้ย เห็นอย่างที่ฉันเห็นไหม"
    "รองเชฟ เตะล่ะ"
    "ไม่ค่อยเห็นรองเชฟเตะใครมาก่อน
       เสียงของผู้คนในครัวพากันซุบซิบกันใหญ่
    "นี่ๆ เลยพูดอะไรไร้สาระได้แล้วกลับไปทำงานต่อซะ และถ้าฉันเห็นใครทะเลาะกันอีกเป็นครั้งที่ 2 ไม่ใช่แค่เตะอย่างเดียว คราวนี้ฉันจะไล่คนที่ไม่ทำตามด้วย เข้าใจไหม!"
    "ครับ! รองเชฟ" ทุกคนในห้องครัวพูด
    "ดี และก็พา 2 คนนั้นไปปฐมพยาบาลด้วย เดี๋ยวอาหารที่เจ้าพวกนั้นค้างไว้ เดียวฉันจัดการเอง" เธอพูดก่อนจะเริ่มทำอาหาร
    "รองเชฟ..." ชายที่เป็นคนทำอาหารพูดขึ้น
    "นายน่ะชื่ออะไร" เธอพูดขึ้น
    "ฟิวครับ ฟิว" เขาพูดชื่อ
    "ฟิวนายไปทำแผลซะ" เธอพูดไปด้วยทั้งทำอาหาร
    "แต่ว่า.."
    "ไม่มีแต่ทั้งนั้น ไปทำแผลไป"
    "แต่..."
    "นี่นาย ไม่ต้องไปเถียงรองเลย ไปทำแผลซะ" ชายอีกคนดึงเขาก่อนจะลากไปปฐมพยาบาล
    "เอ่อ...ครับ" เขาขานกลับ






       ระหว่างนั้นอีกที่ของประเทศญี่ปุ่นก็มีองค์กรใหญ่ด้านมืดที่กำลังสนทนากันข้างในของคฤหาสย์แห่งหนึ่ง
    "ขออภัยที่มาช้า" เสียงของชายสวมชุดสูทสีดำพร้อมกับดาบเข้ามาด้านใน
    "ไม่เป็นไรหรอก เข้ามานั่งดื่มไวท์ก่อนสิ" เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้นจึงเข้าไปนั่งข้างๆกับเจ้าของเสียงทุ้มอันหนักแน่น
    "วันนี้นายแปลกไปทั้งๆที่เรา 2 คนก็เป็นศัตรูกันแท้ๆนะ แต่นาย กลับเรียกฉันมาแบบนี้ มันน่าสงสัยจริง" เขาพูดกับคนตัวใหญ่ที่นั่งไม่พูดอะไรนอกจากมองการฝึกฝนของกองทหาร
    "ก็แค่อยากคุยด้วย เรื่องลูกชายนาย" เขาสำลักไวท์ไปเมื่อชายร่างใหญ่พูดขึ้นเรื่องลูก
    "เป็นอะไรไป ถึงกับสำลักเลยหรอ" ชายร่างใหญ่ถาม
    "ก็แหม ฉันไม่ค่อยเห็นใครมาถามถึงลูกฉันนี่ ตั้งแต่..." เขาหยุดพูดไป
    "ตั้งแต่ที่ลูกนายกลายเป็นทหารและออกจากบ้านไปใช่ไหม" 
    "เออใช่ ตั้งแต่เจ้านั้นฝึกก็โดนจับให้ไปอยู่ประจำการที่อื่น ป่านนี้หมอนั้นเป็นไงบ้างก็ไม่รู้"
    "อย่างกับว่านายกับลูกไม่ได้ติดต่อกันนาน"
    "ก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ฉันกับลูกก็ติดต่อกันบ้างในบางครั้ง"
    "ก็ดีแล้วนี่"
    "นี่คงไม่ได้มาคุยเรื่องลูกชายของฉันใช่ไหม?" เขาพูดกลับมาเรื่องที่ชายร่างใหญ่อยากจะพูดจริงๆ
    "..." แต่ชายร่างใหญ่นิ่ง
    "อะไร" ชายร่างใหญ่ไม่ยอมพูดอะไรเขาจึงถามกลับ
    "อ่า...นี่" 
    "หืม?" ชายร่างใหญ่ยื่นหนังสือพิมพ์ให้กับเขา 'เชฟสาวประจำภัตตาคารบาราติเอ' "แล้วไงต่อ?" เขาถาม
    "อ่านต่อสิ"
    "หืม" เขาอ่านหนังสือพิมต่อ 'ต่อให้มีคนที่ทำอาหารเก่งแค่ไหน ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเธอสาวสวยประจำภัตตาคารบาลาติเอ..." เขาอ่านไปเรื่อยๆส่วนชายร่างใหญ่ก็นั่งฟังเขาพูด "ชื่อของเธอคือ...วินสโม๊ค...ซันจิ" เขาถึงกับหยุดอ่านเมื่อเห็นนามสกุลที่คุ้นหูเขา "วินสโม๊ค เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนนามสกุลนี้"
    "นายรู้แล้วล่ะสิ นั้นแหละลูกสาวฉัน" เขาอึ้งไปเมื่อชายร่างใหญ่บอกว่า สาวงามในหนังสือพิมพ์คือลูกสาว
    "ฉันคิดว่านายมีแค่ 4 คน" เขาพูดและวางหนังสือพิมพ์ลงไป
    "ที่จริงมี 5 แต่หลังจากฉันหย่ากับภรรยาไปเธอก็เอาลูกไปด้วย" เขาฟังชายร่างใหญ่พูด
    "แล้วว่าแต่ลูกนายเกี่ยวกับอะไรที่เราจะพูด ฉันสงสัยตั้งแต่ที่นายพูดถึงลูกฉัน"
    "ฉันอยากให้นายกับฉันร่วมมือกัน" 
    "หืม?" 
    "ฉันกำลังพูดถึงพวกมาเฟียองค์กรอื่นๆ ที่จ้องจะเล่นงานฉัน..." เขานั่งฟังที่ชายร่างใหญ่พูดถึงพวกองค์กรมาเฟียที่อื่น แค่มันก็จริงเพราะไม่มีแต่ชายคนนั้นตัวเขาก็โดนเช่นกัน "ฉันจึงอยากทำสัญญาสงบศึกกับนายและร่วมมือกัน" ชายร่างใหญ่พูดถึงการร่วมมือ?
    "ร่วมมือกัน?"
    "ใช่...โดยการแต่งงาน" เขาเงียบไปพร้อมเบิกตาโต
    "แต่งงาน?" 
    "ใช่ แต่งงาน"
    "นายหมายความว่าไง" เขาถาม
    "ลูกนายเป็นว่าที่มาเฟียคนต่อไปไม่ใช่หรอและแถมนายเองก็มีกองทัพ ถ้าหากว่าเราร่วมมือกันล่ะก็..."
    "ฉันต้องขอโทษด้วยนะ" เขาพูดแทรกขึ้น
    "..." แต่ชายร่างใหญ่เงียบ
    "ฉันก็อยากช่วยแต่ว่าทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับ..."
    "นายไม่อยากปกป้องเพโรน่าหรอ?"
    "หือ?!" เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อพูดถึงลูกสาวอันเป็นที่รักของเขา
    "นายอย่าลืมสิ...ว่านายเองก็เคยสูญเสียมาเรียไปเหมือนกันน่ะ" ชายร่างใหญ่พูดชื่อของหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา
    "มิฮอล...ฉันยังจำได้นะวันนั้น วันที่นายไปรับมาเรียที่โรงพยาบาลพร้อมกับเพโรน่าที่เพิ่งจะเกิดมา พวกมาเฟียมันเข้ามาคิดจะลักพาตัวมาเรียและลูก แต่ว่า มาเรียขัดขืนที่จะไปกับพวกมัน พวกมันจึงสังหารมาเรียไป จำได้ไหม?" เขาฟังและจำเหตุการณ์ไหนตอนนั้นที่ต้องสูญเสียภรรยาแสนดีไป
    "ฉันจำได้ ฉันอยู่ในเหตุการณ์ เฝ้ามองมาเรียที่สิ้นใจไป แม้ปัจจุบันก็ไม่เคยลืมไป ฉันก็ยังฝันเห็นมาเรียในกองเลือด ตัวฉันในตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้  ฉันน่ะต้องทนทุกข์กับเหตุการณ์ในตอนนั้น"
    "เห็นไหมนายเองก็ทนทุกข์กับอะไรต่างๆ ฉันถึงเลือกนายมาร่วมมือด้วยกัน เพราะฉะนั้นแล้วนายกลับไปคิดพิจารณาเองนะมิฮอล..." เขาไม่พูดอะไรนอกจากนั่งลงกล้มหัวไป
    "ซู!" เขาเรียกบอดี้การ์ดส่วนตัว
    "ครับท่าน" 
    "ติดต่อลูกชายฉันให้ที...ให้เขากลับมาที่ญี่ปุ่นอย่างด่วน"
    "แต่ว่า คุณชายตอนนี้เป็น..."
    "บอกให้ติดต่อไปก็รีบไปติดต่อเซ!"
    "คะ...ครับท่าน" บอดี้การ์คนนั้นรีบออกจากห้องไป
    "ขอบใจมากนะมิฮอล" ชายร่างใหญ่พูด
    "เรื่องนี้ไม่เป็นไรหรอก...แต่ว่านายจะติดต่อลูกนายอย่างไรกันล่ะหือ...จัดจ์" เขาถามพร้อยเอ่ยชื่อของชายคนนั้น
    "เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เพราะว่าฉันมีที่อยู่ของลูกสาวคนดีของฉันอยู่แล้วล่ะ"
    "นั้นหรอ แม้นายจะมีที่อยู่หรือติดต่อลูกได้แต่ว่านายจะทำไงต่อ?" แต่เขาก็ยังถามต่อ
    "เรื่องนั้นฉันจะจัดการเอง...ลูกสาวของฉัน ฉันรู้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร" 
       แผนข้างในใจของจัดจ์แม้แต่มิฮอลก็ไม่รู้ว่าตัวของจัดจ์จมีแผนอะไรกันแน่ แต่ว่าจัดจ์คงจะทำทุกวิธีทางที่จะให้ลูกสาวที่ไม่ได้เจอกันนาน ได้กลับมาเยือนบ้าน...เก่า






          "คุณซันจิครับ!" เสียงของชายคนหนึ่งขึ้นมาบนดาดฟ้า
    "อ้าวเจ้าคารุเน" เสียงของชายอีกคนอยู่บนดาดฟ้าเช่นกัน
    "อ้าวพาที นายก็อยู่...ด้วย" คารุเนเงียบไปเมื่อวิ่งเข้าไปหาเพื่อนแต่มองไปอีกทางหนึ่ง กำลังเห็นเจ้าของผมสีทองกำลังนอนอาบแดดในชุดบิกีนี่
    "ไม่น่านายถึงไม่ลงไป" คารุเนเหลือกตาไปมองเพื่อนอีกคน
    "เฮ้ยๆ อย่ามองกันอย่างนี้สิ ฉันเองก็มีหน้าที่ดูแลคุณซันจิเหมือนกัน ในฐานะเด็กเสิร์ฟ"
    "นั้นหรอ"
    "ก็เออน่ะสิ"
    "พาที ขอเครื่องดื่มหน่อยสิ"
    "ครับคุณซันจิ"
    "แล้วก็เมื่อกี้เหมือนมีใครกำลังเรียกฉันอยู่"
    "อ่อ เจ้าคารุเนน่ะครับ"
    "คารุเนหรอ"
    "ครับ"
    "มีอะไรหรือเปล่าน่ะ"
    "งั้นเดี๋ยวเรียกให้นะครับ...เฮ้ยเจ้าคารุเน!! คุณซันจิเรียก"
    "ครับ!" เขารีบวิ่งตรงไปหาซันจิพร้อมยื่นจดหมายอะไรสักอย่างให้กับซันจิ
    "จดหมาย?"
    "ครับ คือว่ามีจดหมายเขียนส่งมาให้คุณน่ะครับ" 
    "เขียนถึงฉันหรอ" 
    "ใช่ครับ"
    "ขอบใจมากนะ ไปทำงานต่อได้แล้วทั้งคู่เลย" เธอสั่งลูกน้อง 2 คน
    "ครับ" ทั้งคู่ขานรับก่อนจะเดินออกไป
    "จดหมายใครเขียนมานะ?" เธอกลับจดหมายและดูชื่อที่ส่งมา "?!" เธอเงียบแต่เธออึ้งกับคนที่ส่งมาให้
       ฉีก
    เธอไม่รอช้ารีบฉีกจดหมายออกมา และอ่านจดหมาย 
       "มะ...หมายความว่าไง บ้าไปแล้วหรือไงกัน!!" เธอตะโกนออกมาและตัวมันสั่นไปหมดมันทำให้เธอจำภาพในเหตุหารณ์ได้ ในครั้งนั้นที่เธอยังเยาว์วัยความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ...
    "ออกไปยัยตัวประหลาด" เสียงข้างในหัวของเธอมันพูดขึ้นมา 
    "คนอ่อนแอก็ต้องโดนแบบนี้แหละ" เสียงมันเริ่มดังขึ้นมาเรื่อยๆ 
    "แกน่ะ สมควรแล้วที่ต้องเจ็บแบบนี้ ฮ่าๆ" และดังเรื่อยๆ 
    "คนอย่างแกสมควรแล้ว" 
    "อร้ายยย" เธอกรี๊ดออกมาก่อนที่ตัวจะล้มไปกับพื้น ภาพในความทรงจำมันเรียกเธอ แต่เธอกลับมีความรู้สึกมันเป็นอะไรที่เลวร้ายมากเกินที่เธอจะรับได้
    "ทำไมกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ" เธอก้มตัวลงไปกับพื้นโดยใช้มือยันพื้นเอาไว้ทั้ง 2 ข้าง  "ฉันเกลียดมัน ความทรงจำอะไรกัน และทำไมล่ะ ทั้งๆที่หนีมาได้แล้ว" เธอพูดกับตัวเองแม้ว่าภาพในหัวมันพยายามทำร้ายเธอจนใจมันแทบทะลุออกมาจากข้างใน
    "ซันจิ..."
    "แม่..." แต่เสียงของสาวคนหนึ่งจากในหัวของเธอเรียกชื่อเธออย่างอ่อนโยน
    "แม่อยู่กับลูกเสมอนะ แม่ไม่จากหนูไปไหน เพราะฉะนั้นอยู่แทนแม่นะ...ซันจิ..." ภาพในหัวครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นคือรอยยิ้มของแม่ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจไป...
    "หนูจะอยู่แทนเองค่ะ ฮึก…หนูจะอยู่ได้" เสียงของเธอมันสะอื้นแม้อยากจะร้องมากแค่ไหน แต่เธอเองก็ไม่สามารถร้องออกมาได้






       เพล้ง      
    "คุณเซฟเอาอีกแล้วนะคะ" เสียงของสาวน้อยในชุดพยาบาลเอาอาหารที่ตกจากพื้นขึ้นมา "ไม่ทานอะไรเดี๋ยวก็ไม่หายหรอกค่ะ" เธอบ่นใส่คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง
    "ก็ฉันน่ะไม่อยากทานอะไรที่มันเดิมๆแล้วนี่" แต่เขาก็เถียงกลับ
    "ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องทานอาหารแบบนี้สิค่ะถึงจะหาย"
    "หึ" แต่เขาก็ไม่พูดนอกจากทำเสียงใส่เธอและก็เงียบไป
    "ก๊อก ก๊อก" เสียงของสาวผมสีทองทำเสียงเคาะประตูพร้อมกับรอยยิ้ม
    "สวัสดีค่ะคุณซันจิ"
    "สวัสดีค่ะ"
    "นี่ๆ คุณเซฟค่ะลูกสาวมาหาน่ะค่ะ"
    "ช่างสิ" เขากรแทกเสียงใส่
    "เห้อ.."
    "เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ"
    "ค่ะ ขอตัวนะคะ”
    "ค่ะ"  นางพยาบาลเดินออกไป
    "ฮ่าๆ" ซันจิหัวเราะให้ก่อนจะเดินตรงไปหาพ่อของเธอ
    "หัวเราะอะไรกัน"
    "แหม พ่อยังคงดื้อเหมือนเดิมเลยนะ"
    "แล้วไง ก็ฉันไม่อยากทานอะไรที่มันซ้ำๆนี่ มันน่าเบื่อ ฉันเป็นเชฟใหญ่นะจะให้ทานอาหารซ้ำเดิมๆ ได้ไงกันล่ะ" พ่อของเธอบ่นให้ฟัง
    "ว่าแล้วพ่อจะต้องพูดแบบนี้ ดีนะหนูทำพายมาให้น่ะ"
    "พาย?"
    "ใช่พายแอปเปิ้ลที่พ่อชอบทานไง นั้นเดี๋ยวหนูเอาช้อนไปล่างก่อนนะ" เธอวางพายลงบนโต๊ะสำหรับคนป่วยทานอาหาร
    "ดีมากเลย ไอ้ลูกคนนี้นี่รู้ใจพ่อมันจริง"
    "ก็หนูเป็นลูกพ่อนี่"
    "เออๆ รู้แล้วว่าเป็นลูกพ่อ"
    "ฮ่าๆ อ่านี้ช้อน เชิญทานได้เลยจ้า" เธอยื่นช้อนให้ก่อนจะลงไปนั่งที่โซฟา
    "อือ" เขาขานเธอกลับก่อนจะกินอาหารที่ลูกสาวทำให้ "รสชาติยังคงอร่อยเหมือนเดิมเลยนะ" ซันจิที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดี จนน้ำที่อยู่ในตามันไหลออกมา พร้อมกับรอยยิ้มที่เปรียบไปด้วยความสุข
    "หืม?!" เขาได้ยินเหมือนเสียงสะอื้น จึงหันไปมองลูกสาวที่กำลังเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา
    "น่าอายจังนะพ่อ โตตั้งป่านนี้แต่ยังร้องไห้เป็นเด็ก" เธอเหลือกไปมองเห็นพ่อที่มองเธอ เธอจึงพูดออกมาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
    "ซันจิ" เขาเรียกชื่อเธอ เธอที่ได้ยินจึงหยุดพูดไปและกลับเงียบไปไม่พูดอะไร "เห้อ..." เขาดันโต๊ะสำหรับคนป่วยออกไปจนพายโต๊ะลงไป
    "พ่อ ทำอะไรน่ะ ของหกหมดแล้วนะ" เธอมองของที่โต๊ะตกลงไป
    "ซันจิ" เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง "เหงาไหมซันจิ?" คำพูดของพ่อของเธอ มันทำให้เธอชะงักไป "มานี่สิ" ซันจิเงยหน้ามองพ่อของเธอที่ยื่นมือทั้งสองข้างมา
    "พ่อ..." เธอพูดขึ้นก่อนจะเงียบไป
    "พ่อคิดถึงหนูนะซันจิ" เขายิ่งพูดเธอยิ่งอยากจะร้องออกไห้ออกมา "มาสิ มาหาพ่อ"  แต่ใครจะทนได้กับคำพูดที่เธอออยากได้ยิน
    "พ่อค่ะ ฮือๆ ฮึกๆ ฮือ" เธอรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อของเธอ
    "มีอะไรไหนบอกพ่อมาสิ อย่าเอาแต่ร้องสิ มีอะไรลูกก็คุยกับพ่อได้ทุกเรื่อง" เขาปลอบใจลูกสาวที่ร้องไม่หยุด
    "หนูขอโทษ หนูจำเป็นต้องไป หนูขอโทษ ฮือๆ" เขาได้ยินจึงดึงลูกจากกอดและเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากแก้ม
    "ที่พูดหมายความว่าไง?" เขาถามเธอ
    "คือว่า...ครอบครัวเก่าเขาส่งจดหมายมาให้ เขาต้องการที่จะให้หนูกลับไปแต่ว่าหนูเองก็ไม่อยากไปเลย...แต่ว่า...แต่ว่า...ฮึก...หนูก็ไม่อยากสูญเสียใครไปเช่นกัน หนูขอโทษ" เขาชะงักไปกับคำพูดของลูกสาว
    "หมายความว่าไงที่ลูกพูด" เขาถามเธอ เธอมองพ่ออันเป็นที่รักเพราะเธอดันเผลอพูดคำบางอย่างไป
    "เปล่าหรอกค่ะ เอาเป็นว่า หนูจำเป็นต้องกลับไปเพราะฉะนั้นเรื่องที่ภัตตาคารเดี๋ยวหนูจะให้ พาทีกับคารุเนจัดการให้ค่ะ ส่วนคุณพ่อก็พักผ่อนอยู่ที่นี่จนกว่าจะหานะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ"
    "ซันจิ..."
    "พ่อค่ะ พ่อไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะค่ะเดี๋ยวหนูจะเป็นคนจัดการเองค่ะ"
    "ดูแลตัวเองด้วยล่ะซันจิ พ่อเป็นห่วงลูก" เธอได้ยินแบบนั้นก็กลั้นน้ำตาไม่ได้แต่ก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
    "หนูลูกพ่อซะอย่าง เรื่องดูแลตัวเองหนูทำได้อยู่แล้วค่ะฮ่าๆ" เธอหัวเราะ
    "ก็ดีแล้ว" เขาลูบหัวเธอ "เหมือนกับแม่จริงๆเลยนะเรา" เขาพูดขึ้นก่อนยิ้มให้เธอ
    "อ๊ะ! จริงด้วย ไหนๆเดี๋ยวหนูก็ต้องไปแล้ว หนูก็ไม่เคยรู้เรื่องว่าพ่อแม่เจอกันได้ไง"
    "เรื่องนั้นหรอ ก็แบบว่า...แบบว่านะ"
    "รีบเล่าสิ"
    "อย่าเร่งสิคนแกก็ใช่ว่าจะจำได้หมด" 
    "ค่ะๆ ฮ่าๆ "
    "เห้อ...นั้นเอาเป็นว่าพ่อจะเล่รที่จำได้นะ"
    "ค่ะ"
    "วันนั้นที่ปารีส...เป็นวันที่พ่อเพิ่งออกจากคุกมาตอนนั้นพ่อหิวมาก ไม่มีอะไรกินเลยจนพ่อล้มลงไปกับพื้น แต่วันนั้นเองสาวน้อยผมสีทองในชุดกระโปรงสีฟ้าที่งดงามและดวงตาที่เหมือนกับทะเล ยื่นอาหารพร้อมกับน้ำมาให้กับพ่อ พ่อไม่เคยเจอใครที่แสนดีเท่ากับเธอ แถมเธอยังพูดคุยกับพ่ออย่างสนุกสนาน เธอเล่าเรื่องต่างๆของเธอหลังเลิกกับสามี และย้ายมาอยู่ปารีส"
    "และก็พ่อเจอกับหนูในวันนั้น"
    "ใช่เจอกับลูกในวันนั้นเด็กตัวเล็กๆ ยิ้มน่ารัก"
    "ฮ่าๆ"
    "และก็หลังจากนั้นเธอรับพ่อทำงานร้านขนมเค้ก เราทำงานด้วยกัน จนพ่ออยากทำร้านอาหารเป็นของตัวเอง จนในที่สุดก็มีเป็นของตัวเอง และแถมคนแรกที่ยินดีกับพ่อก็คือ...แม่ของลูกไงล่ะ"
    "พ่อกับแม่นี่มีเรื่องความหลังที่ดีจริงๆเลยนะ" เธอนั่งฟังพ่อเล่าเรื่องในสมันก่อนของพ่อเธออย่างยิ้มแย้ม
    "พ่อดีใจที่ได้เจอลูกกับแม่มากนะ" พ่อของเธอลูบหัวเธออย่างเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้
    "พ่อค่ะ"
    "ฮ่าๆ เอาเล่าถึงไหนแล้วล่ะเนี่ยก็หลังจากนั้นก็..." พ่อของเธอเล่าเรื่องให้ฟังมันทำให้เธอหยุดหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ เพราะเธอมีความสุขมากจนพูดไม่ถูก
       หลังจากพ่อของเธอเล่าเรื่องให้ฟังแต่ว่าเธอก็ไม่คิดว่าการเรื่องอะไรนานๆเวลาผ่านไปเร็วมากเพราะตอนนี้เย็นมากแล้ว เธอเก็บของโต๊จากพื้นก่อนจะเก็บกวาดภายในห้องนี้ ปิดผ้าม่านเพื่อให้แสงเข้ามา เธอจ้องมองพ่อที่หลับไป เธอเดินเข้าไปนั่งข้างๆเตียง และจูบไปที่หน้าผาก
    "หนูรักพ่อนะคะ" แม้พ่อของเธอจะหลับแต่เธอเองก็อยากจะบอกรักพ่อของเธอ แม้เขาจะเป็นพ่อเลี้ยง แต่ข้างในลึกๆ เธออยากให้เขาเป็นแท้ๆของเธอจริง
       เธอหยิบกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะเดินออกไป แต่ว่าอดที่จะเป็นห่วงพ่อไม่ได้ แต่เธอแค่เพียงมาบอกลาพ่อก็ดีกว่าไม่บอกอะไรไป
       หลังจากออกมาจากห้องมาเธอเดินตรงไปที่รถและนั่งเงียบอยู่ไม่กี่วินาทีก่อนจะหยิบโทรศัพท์พร้อมกับจดหมายที่ทิ้งเบอร์ของใครบางคนเอาไว้ติดต่อ เธอจดเบอร์เอาไว้ก่อนจะโทรออกไป
    "[สวัสดี ใครครับ]" เสียงของชายบางคนรับ
    "ฉันเองค่ะ วินสโม๊คซันจิ ฉันได้รับจดหมายแล้ว"






       "ห๊า! เธอจะไปจริงๆหรอ?" เสียงของคนที่อยู่ผับพูดขึ้นมา
    "นี่ๆจะเสียงดังทำไมกัน อีกสองวันฉันก็ไปแล้ว แล้วแถมฉันจัดการอะไรที่จำป็นต้องเอาไปก็จัดการเรียบร้อยแล้ว" ซันจิที่นั่งอยู่ที่โซฟานั่งดื่มไวท์หลังพูดจบ
    "แหม ก็เธอไปตั้งไกลเลยนี่ซันจิ" 
    "ไม่เอาน่าโรบิ้น ฉันก็แค่ไปเยี่ยมครอบครัวเฉยๆน่ะ"
    "จ้าๆ รู้แล้วแต่คนที่ตกใจกว่าฉันน่าจะเป็นอุซปมากกว่านะ" โรบิ้นชี้ไปทางอุซป
    "ก็แหม ญี่ปุ่นมันไกลไม่ใช่เล่นเลยนะเฟร้ย" อุซปพูด
    "ก็เอาเถอะนะ แต่ว่าจะซันจิเธอบอกลาคนอื่นแล้วหรอ" โรบิ้นถาม
    "ก็บอกลาแล้วแหละ"ซันจิบอก
    "แล้วพ่อของเธอล่ะ"โรบิ้นถามอีก
    "ตั้งแต่เมื่อวานแล้วแหละ" ซันจิพูด
    "แล้วพี่เอสล่ะ" อูซปถาม
    "อูซป!" โรบิ้นเรียกชื่ออูซป
    "อะไรกันเล่า ก็พี่เอสเป็นแฟน..."
    "เอ่อ..." โรบิ้นชี้ให้ไปดู
    "หือ" อูซปเห็นซันจิในใบหน้าที่เหี่ยวเฉาไปหมด
    "เอ่อ...ซันจิอูซปไม่ตั้งใจพูดหรอกนะ" โรบิ้นปลอบใจเพื่อนที่คอตกไป
    "ขอโทษนะ คือฉันไม่ตั้งใจน่ะ"
    "ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวฉันจะไปคุยกับพี่เอสเองช่างเหอะ"
    "นั้นก็ดีแล้วแหละ" โรบิ้นยิ้มให้
    "นี่พวกเราอย่ามั่วเศร้ากันนี่คือปาร์ตี้สำหรับเพื่อนรักของเรานั้นก็คือ ซันจิ เอาล่ะชน"
    "ฮ่าๆ" ซันจิกับโรบิ้นหัวเราะกันก่อนที่จะชนแก้วด้วยกัน
    "วันนี้มาสนุกกันให้เต็มที่เลยนะพวกเรา"
    "โอ้! ฮ่าๆ"  ซันกับเพื่อนๆของเธอพากันร้องเพลงพูดคุยดื่มฉลองกันให้กับเธอ มันทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดกับการที่ได้อยู่กับเพื่อนๆ
       หลังดื่มเสร็จทุกคนแยกย้ายพากันกลับ ซันจิเดินตรงไปที่รถก่อนจะมองไปที่รูปของเธอกับเอสที่ถ่ายด้วยหลังเรียนจบ 
    "เห้อ...จะบอกกับเขาอย่างไงดี?"
       เธอขับรถไปที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งก่อนจะเก็บรถไป และก็ขึ้นบรรไดไป ณ ที่ห้องหนึ่ง เธอพยายามจะเคาะประตูแต่ว่า มีคนเปิดประตูก่อนหน้าเธอ เป็นร่างใหญ่สูงเปิดประตูออกมา
    "ซันจิ..." เขาเรียกชื่อเธอก่อนที่เธอจะเข้าไปกอดเขาอย่างรวดเร็ว "เธอเป็นอะไรไปน่ะ" เขาถามเธอ แต่กลับว่ามีแต่น้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมาจากตาของเธอ จนเธอไม่อาจพูดอะไรได้ "เกิดอะไรขึ้น" แต่เขาก็ยังคงถามเธอ
    "ฮึกๆ ขออยู่แบบนี้ไปสักพักนะ" เธอพูดออกมา
    "อือ จะอยู่แบบนี้มันก็ได้อยู่หรอกแต่ว่า...เราน่าจะไปคุยกันข้างในนะ"
    "อือ"
    "มาเดี๋ยวฉันพยุงเธอเข้าไปเองล่ะกัน" เขาพยุงตัวเธอไปก่อนจะปิดประตูไป
       ท่ามกลางความเงียบสงั่นของห้องและมีแสงรุ่งอรุ่นที่บอกความหมายว่ายามนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว แต่ก็ไม่ทำให้คนสองคนที่อยู่บนเตียงตื่นขึ้นมา ร่างอันบางถูกกอดไว้ด้วยชายหนุ่ม
       เวลาผ่านไปชายหนุ่มตื่นขึ้นมามองสาวน้อยที่หลับใหล เขาจับไปที่แก้มของเธอก่อนจะจูบไปที่หน้าผาก แต่ร่างของสาวน้อยเริ่มขยับไปมา เขาจึงรีบเอาตัวออกห่างจากเธอและลุกขึ้นมาจากเตียงเพื่อไปเตรียมอาหารเช้า
       เสียงของนกที่ส่งเสียงร้องมันทำให้เธอตื่นขึ้นมาและก็เพราะแสงมันเเยงตาเธอเข้า จึงทำให้เธอตื่นขึ้นมา และพบว่าตนเองไม่ได้สวมเสื้อของตนแต่สวมเสื้อของคนอื่น
    "ตื่นแล้วหรอ" เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา เธอจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อมอง
    "พี่เอส..." เธอเรียกชื่อ
    "เป็นไงบ้าง หายยัง เมื่อคืนนี้เธอเมาจนเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด และแถม..."
    "เราเลิกกันเถอะ"
    "หือ?!" เอสเงียบไปสักพัก
    "ฉันขอโทษนะพี่ที่ต้องพูด แต่ว่าฉันจำเป็นต้องเลิกกับพี่"
    "แต่ทำไมล่ะ เราคบกันก็ใช่ว่าไม่นานนะซันจิ เราคบกันก็ตั้ง 5 ปีเชียวนะซันจิ"
    "ฉันขอโทษ แต่ว่าฉันจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว" เขาเงียบไปเมื่อเธอพูดกับเขาแบบนี้
    "ฉันจะไปอยู่ที่อื่นแล้ว ฉันจึงจำเป็นต้องเลิก ขอโทษด้วยนะ" เธอพูดกับเขาแต่เขากลับเงียบไปและก็ไม่พูดกับเธออีก เธอลุกขึ้นมาจากเตียงก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา "ฉันไปก่อนนะพี่ ลาก่อน" เธอบอกลาเขาก่อนจะเปิดประตูออกไปแม้จะต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้
    "ฉันผิดเองที่ทิ้งพี่ไป ขอโทษนะพี่" เธออยู่หน้าประตูแม้จะรู้ว่าอีกฟากของประตูจะไม่อยากจะรับรู้อะไรเกี่ยวกับเธอก็ตาม เธอจำเป็นต้องทิ้งคนที่เธอรัก หรือว่าตอนนี้เปลี่ยนกลายเป็นอดีตรักของเธอ





       และแล้วก็มาถึงวันที่เธอไม่อยากให้ถึงเลย วันที่เธอต้องออกเดินทางไปและเธอต้องทิ้งทุกสิ่งที่เธอรักไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว ทุกคน หรือแม้แต่คนรักที่เธอรักมากที่สุด
       เธอเดินลงมาจากแท็กซี่ก่อนจะไปเดินเข้าไป เพื่อไปรอตอนเครื่องออก แต่ว่าไม่มีใครมาส่งเธอแม้แต่คนเดียว "ก็นั้นสินะ วันนี้เป็นวันที่ทุกคนทำงานอยู่ ฮ่าๆ" แม้จะหัวเราะแต่เธอก็กลั้นน้ำตาเอาไว้เพราะมันมีหลายอย่างที่รอเธออยู่ข้างหน้า
    "นี่ๆ ไปดีมาดีล่ะแกน่ะ" เสียงของคนกลุ่มหนึ่งกำลังลาอีกคน
    "เออรู้แล้วน่ะ" เขาตอบกลับ
    "เฮ้ย! ระวัง" เขาหันไปมองที่เพื่อนบอกให้ระหวังแต่ว่าเขาไม่ระวังเองจึงไปชนกับเธอเข้า
    "เอ๊ะ?!" เธอตกใจเพราะว่ากระเป๋าของเขามันไปเกี่ยวกับขาเธอ จนเธอใกล้จะล้มไป
    "คุณ!!" แต่เขาคว้าเอวของเธอและไปแนบกับตัวของเขาไว้ทัน
    'เกือบไปแล้วเรา' เธอพูดในใจก่อนจะถอนหายใจ
    "ไม่เป็นไรนะคุณ"
    "ค่ะ ไม่...เป็น...ไรแล้ว" เธอหันไปมองเพราะตัวเธอกับเขาในตอนนี้ร่างกายแนบชิดกันกับเขา.... 







     
     
    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×