ตอนที่ 4 : Chapter 04 | Little point to disastrous [ 100% ]

มือเล็กที่ทุบตีอย่างไร้ความหมายรวมถึงจิกทึ้งหยุดลง กว่าจะรู้ตัวถอนริมฝีปากโชกชุ่มด้วยโลหิตออกก็เห็นแม่ลูกกวางแน่นิ่งในอ้อมแขนเขาแล้ว ไกอัสเขย่าตัวคลีเมนไทน์ แต่ดวงตาของเธอกลับปิดสนิท คราแรกเขาคิดว่าเธอตายแต่หูยังได้ยินลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะจึงโล่งอก สงสัยเขาคงกระหายมากเกินความจำเป็นเธอเลยสลบไปทั้งแบบนั้น หากจะปล่อยร่างทิ้งไว้ดั่งเช่นเหยื่ออื่นๆก็กระไร ในเมื่อเขาให้คำมั่นว่าจะไม่ฆ่าก็คงจะปล่อยเธอตายไม่ได้
ไกอัสลุกขึ้นเต็มความสูง อุ้มร่างของคลีเมนไทน์ไปที่เตียง หยิบผ้าเช็ดหน้าของตนซับคราบเลือดตรงต้นคอเธอแล้วโยนทิ้งถังขยะ นั่งลงข้างกาย เกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้ามองแล้วน่ารำคาญในสายตาทัดหูเธอ เขาหรี่ตา หัวคิ้วเริ่มย่นเข้ากัน ใบหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“ เกลียดนัก ”
ทั้งชัง ทั้งเกลียด มนุษย์ตัวจ้อยแสนอ่อนแอ ถึงกระนั้นเขาก็จำต้องประทังเลือดมนุษย์เป็นอาหาร ข้อนั้นแหละที่ทำให้เขาเกลียดพวกมนุษย์มากที่สุด แต่ลึกๆ มันมีสิ่งอื่นอีก เหตุผลที่เขาเกลียดน่ะ เขาหลับตา ลองนึกดู—ภาพนึงแวบขึ้นมา ภาพของหญิงสาวในชุดนักบวชหญิง เหมือนเธอกำลังพูดอะไรกับเขาแต่มันลางเลือนเกินกว่าจะนึกออก เขาพยายามนึกถึงมัน
อะไรนะ.......อะไรสักอย่าง เหมือนจะเป็นคำว่า โพรฟอนโด้ โคโม เอล มาร์
“ ล้ำลึกดุจดั่งทะเลเหรอ? ” ไกอัสพึมพำ เรื่องราวก่อนหน้าที่เขาเป็นแวมไพร์มันนานเสียจนจำไม่ได้ คำพูดนั้นเองก็เกิดในช่วงยุคกรีซโบราณจากหญิงสาวปริศนาผู้หนึ่ง
เฒ่าหิมะครุ่นคิดอยู่สักพักก็เดินออกนอกห้องของเด็กสาว เพื่อขจัดเรื่องราวในอดีตให้พ้นจากสมอง เขาเดินไปทั่วบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ของมนุษย์ยุคนี้ล้วนน่าเบื่อ โลกจะหมุนไปอย่างไร โวลตูรี่ไม่เคยสนใจและมีทิฐิสูงเกินกว่าจะลดตัวไปใช้ของที่มนุษย์สร้าง ไกอัสหยุดลงที่ห้องๆหนึ่งมันอัดแน่นไปด้วยหนังสือเก่าและกองกระดาษมากมาย เขาหยิบหนังสือที่กางออกบนโต๊ะขึ้นมาอ่าน พลิกหน้ากระดาษถัดไป ถัดไป ถัดไปเรื่อยๆจนพบว่ามันไม่น่าสนใจจึงวางมันกลับที่เดิม
เขาเพิ่งสังเกตว่ากระดาษบนโต๊ะ ขีดเขียนด้วยตัวอักษรหลากหลายภาษารวมกัน ภาษากรีก อัสซีเรียน ฮิบรู สเปน พอลองตั้งใจอ่านเนื้อความพวกนั้นมันเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์นึงที่อาโรกำลังสนใจหาข้อมูลอยู่ขณะนี้ เผ่าเงือก ตัวตนที่เก่าแก่คู่กับประวัติศาสตร์ไม่ต่างจากแวมไพร์ อาโรเล็งเห็นว่าพวกเงือกอาจจะมีประโยชน์ต่อโวลตูรี่จึงกำลังเสาะหาถึงถิ่นฐานของพวกเขา จะว่าไป—บ้านหลังนี้มันขุมทรัพย์ความรู้ดีๆเลย ไกอัสปรายตามองแผ่นหินที่ประดับอยู่ข้างฝา มันเป็นแผ่นสลักรูปครึ่งคนครึ่งปลา ลองประเมินดูแล้ว แผ่นหินนี้น่าจะมาจากสมัยอัสซีเรียนยุคใหม่ได้
มันเก่าแก่เกินกว่าจะอยู่ในบ้านคนธรรมดา
ไกอัสยังคงค้นภายในห้อง จนเขาเจอเข้ากับสมุดบันทึกหนังเล่มหนึ่ง จากกการอ่านคร่าวๆเนื้อความเป็นสรุปเกี่ยวกับเงือกทั้งหมด เขาแอบเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ฉีกยิ้มอย่างพอใจ
“ อาโรต้องยินดีแน่ ” และยินดียิ่งกว่าถ้าหากเจอเจ้าของสมุดเล่มนี้
ยามราตรีผ่านพ้นไปและถูกแทนที่ด้วยเช้าตรู่อันไม่สดใส อุณหภูมิเริ่มลดต่ำเนื่องจากสายฝนเทกระหน่ำลงมาตั้งแต่ช่วงเช้ามืด คลีเมนไทน์พลิกซ้ายพลิกขวา ลูกนัยน์ตากรอกไปมาอย่างลอกแลก ครางแผ่วต่ำ บ่งบอกว่าเธอกำลังฝัน ภาพที่ฉายมาคือตัวเธอกับหญิงสาวในชุดแม่ชีที่ปกปิดครึ่งใบหน้าของหล่อนด้วยผ้าขาวบางเห็นแต่เพียงดวงตา จับจูงมือกำลังนำทางเธอไปที่ไหนสักแห่ง มันเหมือนห้องหินทรงกลมกว้าง หญิงสาวคนนั้นปล่อยมือแล้วเดินออกห่าง ยืนตรงข้ามกับเธอทั้งที่หันหลังให้ เด็กสาวเอื้อมจับไหล่เจ้าหล่อน
แต่ต้องชักมือกลับ ล่นถอยห่าง เมื่อจู่ๆก็มีเลือดไหลออกจากตัวหญิงสาวเหมือนท่อน้ำแตก คลีเมนไทน์วิ่งไปรอบห้องพยายามหาทางออก มันไม่มีประตูสักบานให้หนี เธอจนตรอกก้าวถอยหลังจนชิดติดกำแพง จ้องสายโลหิตนองมาถึงปลายเท้าและใช้เวลาแค่ชั่วอึดใจ ห้องทั้งห้องก็จมสู่ทะเลเลือด เด็กสาวดำดิ่ง แหวกว่ายทุกทิศทาง ทว่า—สองแขนของแม่ชีคนนั้นกลับกอดเธอ ฉุดรั้งไม่ให้เธอขยับ มือเจ้าหล่อนลูบข้างแก้มคลีเมนไทน์ เธอจ้องหญิงสาวตรงหน้า ดวงตาที่ไม่เห็นว่าเป็นสีอะไรเต็มไปด้วยความอ่อนโยนแต่ก็เจือด้วยความโศกเศร้า แม้มันจะน่ากลัวไปหน่อยแต่เด็กสาวสัมผัสได้ว่านางมาดีมากกว่ามาร้าย
“ คุณเป็นใคร? ” คลีเมนไทน์ถาม ซึ่งหญิงสาวกลับกระชับกอดแน่นขึ้นและพูดกับเธอ
“ คลีเมนไทน์......อีกไม่นานมันจะตื่นขึ้น ”
สิ้นประโยคร่างน้อยๆกระตุก หลุดออกจากห้วงฝัน เธอปรือตาแต่มันหนักอึ้งเกินกว่าจะตื่นและขี้เกียจลุกจากเตียง เธออยากนอนคลุมโปงอย่างนี้ทั้งวันซึ่งไม่สามารถทำได้ เนื่องจากวันนี้มีเรียนวันแรก ด้วยเหตุผลนั้นคลีเมนไทน์จึงเปิดเปลือกตา แล้วกระพริบถี่ๆเริ่มปรับสภาพการมองชัดขึ้นและเธอก็ต้องตกใจเมื่อมีใบหน้าซีดเผือดของใครไม่รู้จ้องชนิดเผาขน ภาพในความฝันมันซ้อนทับ
“ ผีแม่ชี!! ” คลีเมนไทน์หวีดร้องลั่น หลับหูหลับตาคว้าโคมไฟข้างเตียงฟาดอัดเข้าหน้าไกอัส แม้มันจะหักครึ่งคามือแต่เธอก็ไม่วายหยิบเอากระถางดอกไลแลคกระหน่ำฟาดซ้ำด้วยความตกใจสุดขีด
ไกอัสคำราม ยึดข้อมือของเด็กสาวไว้ “ เจ้าบ้าหรือไงนังหนู ดูดีๆสิ ” ถึงของพรรคนี้จะทำอะไรเขาไม่ได้แต่โดนเข้าไปมันก็แอบน่ารำคาญเหมือนกัน เฒ่าหิมะสั่งเสียงแข็ง ให้คลีเมนไทน์ลืมตา “ ข้าบอกให้เจ้าลืมตาไง ”
คลีเมนไทน์ค่อยๆเปิดเปลือกตาแล้วเธอก็ต้องหน้าซีด เวรแล้ว—เธอเผลออัดตาปู่แวมไพร์ตั้งหลายดอก สภาพเขาเต็มไปด้วยเศษดินซ้ำบนหัวยังมีดอกไลแลคค้างเติ่งอยู่ ถึงแม้ว่าจะสงสารและไม่ควรทำร้ายเขา แต่เธอแอบคิดนะว่าสมควรโดน ถือซะว่าเป็นการทำโทษที่สูบเลือดเธอไปตั้งเยอะ
สมน้ำหน้าปู่
“ ดูเหมือนเจ้าจะสะใจนะนังหนู ” นอกจากจะไม่ได้ยินคำกล่าวขอโทษแล้ว เขายังเห็นแววสมน้ำหน้าเล็กๆจากดวงตากลมโต
“ ใช่ค่ะ ” เธอไม่ปฏิเสธ
“ หึ เป็นเด็กโอหังเสียจริง ” เขาหัวเราะพลางปัดเศษดิน รวมถึงหยิบดอกไลแลคออกจากหัว “ ข้าไม่มีธุระกับเจ้าแล้ว งั้นข้าขอตัว ”
“ เชิญค่ะปู่ ไม่มีใครห้ามคุณสักหน่อย ตอนมาก็ไม่ได้เชิญเพราะฉะนั้นตอนกลับจะไปไหนก็ไปเถอะค่ะ ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทหรอก ” คลีเมนไทน์ผายมือไปที่หน้าต่างเป็นเชิงไล่
ไกอัสค้อนใส่ ขับเขี้ยวเคี้ยวฟันแต่ก็สะกดกลั้นความกรุ่นโกรธ แล้วหายไปต่อหน้าต่อตาเด็กสาว เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาจากผู้บุกรุก คลีเมนไทน์เดินไปที่หน้ากระจกเพื่อตรวจสอบรอยแผลจากการที่เขากัด มันน่าแปลกตรงที่เพิ่งโดนกัดเมื่อวานแต่แผลกลับเหลือเพียงรอยแดงกลมๆสองจุด ไม่ใช่ว่านี่เป็นสัญญาณของการกลายร่างหรอกนะ เธอเริ่มกังวลแต่เมื่อกรอกตามองเวลา “ ตายล่ะ จะแปดโมงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย!! ” ก็เลิกคิด รีบกุลีกุจอแต่งตัวก่อนที่จะไปเรียนสาย
คลีเมนไทน์ปั่นจักรยานมาถึงฟอร์คไฮสคูลภายเวลาไม่ถึงสิบนาที เธอใช้เส้นทางลัดโดยการเลาะป่าหรืออีกนัยนึงเธอบ้าดีเดือดปั่นลงเขามาเลย เด็กสาวเดินไปที่โถงทางเดินเพื่อเก็บกระเป๋าเข้าล็อกเกอร์ ไม่สนใจสายตาของผู้คนที่จับจ้องเธอเท่าไหร่นัก เธอรู้ว่าเธอเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมาโดยมีคุณหมอคาร์ไลล์ คัลเลนเป็นคนแนะนำ มันก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็นจุดสนใจ เธอหยิบสมุดเลคเชอร์และหนังสือวิชาชีวะ แล้วรีบปิดตู้ล็อกเกอร์ แต่เธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนมายืนด้านข้าง ผู้หญิงตรงหน้าเธอคือเบลล่า สวอนหรือพี่เบลล่า แฟนสาวของพี่เอ็ดเวิร์ด
“ สวัสดีพี่เบลล่า ” เธอทักทายก่อน
“ สวัสดีคลีเมนไทน์ เอ่อ.....” เบลล่าอ้ำอึ้ง กำลังตัดสินใจว่าจะถามหรือไม่ถามดี “ เธอพอจะรู้ข่าวคราวของเอ็ดเวิร์ดหรือพวกคัลเลนที่เหลือรึเปล่า ”
“ หนูไม่รู้ค่ะ หนูรู้แค่ว่าอาคาร์ไลล์ไปกับคุณพ่อแต่เขาก็ไม่ได้บอกอะไรมากเหมือนกัน ” พอเธอตอบ พี่เบลล่าดูมีสีหน้าสิ้นหวัง คลีเมนไทน์กรอกตา ถอนหายใจ ไม่รู้จะพูดอะไร สำหรับเธอพี่เบลล่าดูเป็นพวกห่อเหี่ยวตลอดเวลาอยู่แล้ว แค่พี่เอ็ดเวิร์ดหายไปก็กลายเป็นว่าดันทำตัวโศกเศร้าราวกับโลกทั้งโลกพังทลาย ขาดเธอเหมือนฉันขาดใจ
ให้ตายสิ!
“ แต่ถ้าพี่รู้สึกเคว้ง ไม่มีที่พึ่งหรือว่าเหงา ว่างๆพี่สนใจมาหาหนูที่บ้านก็ได้นะคะ ” ก็แค่เอ่ยปากชวนไปงั้น ถึงจะแอบรำคาญนิดหน่อยแต่เธอพอเข้าใจว่าพี่เบลล่ารู้สึกยังไง ต้องยกความผิดให้พี่เอ็ดเวิร์ดที่จู่ๆทิ้งพี่เบลล่าไปโดยไม่ยอมอธิบายอะไร ถ้าหากอยู่ใกล้ๆจะขอบ่นให้หูชาเลย
“ ขอบใจมากนะ ” เบลล่าก้มหน้า บีบข้อมือตัวเอง “ อย่างน้อยยังมีเธอที่รู้เรื่องราวของพวกเขาและเป็นอีกคนที่ฉันไว้ใจ ”
“ อีกคน? ” คลีเมนไทน์สะกิดคำนี้ อีกคนที่ว่าคงไม่ใช่ลุงชาร์ลีแน่นอน นี่พี่เบลล่ารู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าสนใจผู้ชายมากกว่าพ่อตัวเองน่ะ
“ อ๋อ.....ใช่ นอกจากเธอแล้วยังมีเจคอบด้วยน่ะ แต่ช่วงนี้เขาหายหน้าไป ”
“ พี่เจคอบ? งั้นแสดงว่าที่พี่เอามอเตอร์ไซค์ไปให้เขาซ่อมและกำลังหัดซิ่งก็จริงน่ะสิ ”
“ เธอรู้ได้ไง ไม่สิ.....ทำไมเธอพูดเหมือนไม่เชื่อว่าฉันจะทำ ”
“ ก็พี่ออกจะเฉื่อย เลยดูเหมือนไม่น่าชอบอะไรโลดโผน ” คลีเมนไทน์ยักไหล่ตอบ ดูกวนๆเล็กน้อย “ อีกอย่างมีคนเมาท์ให้ฟัง ” ส่วนคนที่เล่าคือพี่เจคอบ เขาเล่าตอนนั่งรอบกองไฟ เล่าไปยิ้มไปจนปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้ว ต่อให้หลับตาฟังก็พอรู้ว่าพี่เจคชอบพี่เบลล่า
“ พี่ไม่ได้เฉื่อยนะ พี่อาจแค่......”
กริ๊ง
“ ออดดังพอดี ขอตัวก่อนนะคะพี่ ” ดีที่เสียงกริ่งเข้าเรียนดัง เธอเลยไม่ต้องอยู่ฟังบทสนทนายืดยาวต่อ คาบเรียนชีวะช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างเรียนเธอรู้สึกเพลียเอามากๆเหมือนกำลังไม่สบายและเป็นโชคดีของเธอที่ไม่มีเรียนตอนบ่าย แต่ก็เป็นโชคร้ายที่ฝนเทกระหน่ำลงมาชนิดที่ไม่มีความเกรงใจคนอยากกลับบ้าน ดูจากสภาพอากาศเธอควรไปนั่งรอเวลาฝนซาที่โรงอาหารดีกว่า แต่ก็ดันเจอะเข้ากับพี่เบลล่าที่ตั้งใจมุ่งมาหาเธอ คลีเมนไทน์ดึงหมวกฮู้ดคลุมหัว คว้าเสือภูเขาคู่กาย ตัดสินใจฝ่าฝนหนี เธอไม่ได้เกลียดพี่เบลล่านะแต่วันนี้สภาพร่างกายไม่พร้อมเป็นกำลังใจให้ใคร
เธอปั่นไปตามพื้นถนนยางพารา ทัศนียภาพตอนนี้ช่างขัดต่อการมองเห็น “ กรี๊ด! ” แต่แล้วก็มีตัวอะไรไม่รู้วิ่งปาดหน้าทำให้เธอตกใจ เสียหลักหลุดจากข้างทาง ตัวของเด็กสาวและจักรยานแยกออกไปคนละทิศคนละทาง เธอกลิ้งขลุกๆตามทางลาดเอียงของภูเขา กิ่งไม้อัดเข้าลำตัว บาดตามผิวจนแสบ หัวเธอโขกโดนหินและเธอก็กลิ้งตกลงไปบนกองใบไม้พอดิบพอดี ทุกอย่างหยุดนิ่ง คลีเมนไทน์รู้สึกชาหนึบ หัวเธอคงแตก เธอไม่มีแม้แต่แรงขยับ สายตาเห็นต้นสนสูงกับท้องฟ้าหมุนติ้ว
ขณะที่เลือดไหลย้อยออกจากศีรษะ เวลากึ่งเป็นกึ่งตาย มีบางอย่างเข้าหาร่างเด็กสาว คลีเมนไทน์พยายามเพ่งมอง สายตามันช่างลางเลือนเกินจะเห็นอะไรชัดเจนนักแต่เธอเห็นว่าเจ้าสิ่งตรงหน้าไม่ใช่คน มันเป็นหมาป่าตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลและทุกอย่างก็ดับวูบลง
รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนกับว่าตัวเองอยู่ในที่อุ่นๆถึงขั้นร้อน หูได้ยินเสียงคนเถียงกันซอกแซก คลีเมนไทน์ส่งเสียงครางอืออา ร่างกายหนักอึ้ง เจ็บแสบไปทั้งตัว เธอลืมตาก็เห็นชายสามสี่คนกำลังรุมจ้องหน้าเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด คลีเมนไทน์หยัดกาย ลูดถอยหลังเพราะไม่เคยเห็นคนพวกนี้มาก่อนจึงเกิดอาการไม่ไว้ใจ แผ่นหลังเธอชนเข้ากับของนิ่มๆ จึงลองใช้มือสัมผัสดู เหมือนมันเป็นขนสัตว์ เธอหันศีรษะ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อไอของนุ่มนิ่มที่ว่ามันคือ “ หมาป่า!! ” หมาป่าขนสีน้ำตาลแดง ตัวใหญ่กว่ารถเก๋ง เธอนิ่งค้างไม่กล้าขยับตัว
มันลุกขึ้นยืนจ้องหน้า บอกเลยว่าคลีเมนไทน์กลัวมันขย้ำหัว ดูจากขนาดปากมันแล้วน่าจะเขมือบเธอได้ทีเดียวหมด แต่จู่ๆมันก็มีอาการแปลกๆ ชักดิ้นชักงอและมันก็เปลี่ยนร่างภายในชั่วพริบตา หมาป่าตัวใหญ่ยักษ์แปรเปลี่ยนเป็นหนุ่มกล้ามบึ้กผมยาวที่คุ้นหน้าคุ้นตาดี คำแรกที่ออกจากปากหลังตกภูเขาสูงคือชื่อของชายหนุ่ม “ พี่เจคอบ? ” เสียงนั้นหาได้มีความตกใจนอกจากความงุนงง เหล่าบุรษที่รายล้อมเธอตอนแรกก็เริ่มปริปากพูดคุยกัน
“ วู้ว แซม คุณต้องจ่ายผม เห็นมั้ยเขาเปลี่ยนร่างมนุษย์กลับคืนมาได้ก่อนยี่สิบสี่ชั่วโมง ” พอลแบมือ ขอเงินพนันจากแซม จ่าฝูงของเขา
แซมกอดอก เอนหัว “ ใช่—แต่นายก็แพ้พนันเรื่องที่เธอจะสติแตก เห็นมั้ย? แม่หนูยังไม่กรี๊ดสักแอะ ถือว่าเจ๊า ”
“ เหวออ!! ” พอแซมพูดจบประโยค เด็กสาวกลับหวีดร้องลั่น
คลีเมนไทน์ยกสองมือขึ้นปิดใบหน้า เธอไม่สนว่าพวกเขาจะพนันอะไรไว้ “ อย่ายืนโล่งโจ้งแบบนั้นสิ ไปใส่เสื้อผ้าเดี๋ยวนี้! ” การที่พี่เจคอบกลายร่างเป็นหมาป่า มันยังไม่ตกใจเท่ากับเธอเห็นเขาเปลือยเปล่าหน้าด้านๆ ยืนโล่งโจ้งอวดซิกแพ็คแน่นตากลมทนหนาวไปได้ ไม่รู้ว่าจะเรียกเธอทำบุญมาดีที่ได้เห็นหรือยังไง แต่เธอก็เป็นผู้หญิง มียางอายเหมือนกัน
เจคอบรับกางเกงจากแซมมาสวมใส่ เอ่ยปากแซวคลีเมนไทน์ที่นั่งจุมปุ้กปิดหน้า “ เธออายอะไร ลืมไปรึเปล่าว่าเธอเคยดึงมือฉันไปจับหน้าอกเธอน่ะ ”
“ เรื่องนั้นหนูก็อายค่ะ ว่าแต่ใส่เสื้อผ้ารึยัง! ”
“ ใส่แล้ว ”
เธอลดมือลง กรอกตาอย่างกล้าๆกลัวๆมองชายหนุ่ม พวกผู้ชายที่อยู่ตรงนี้พากันหัวเราะชอบใจซึ่งเธอโกรธจนหน้าแดง ควันออกหู มันไม่ตลกเลยนะกับการที่เห็นผู้ชายที่ไม่ใช่แฟนล่อนจ้อนต่อหน้าเนี่ย
“ โอเค—พี่ขอโทษ ” เจคอบนั่งลงข้างกายเด็กสาว เอื้อมแขนลูบหัว ปรับสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังขึ้น “ แล้วพี่ขอโทษอีกเรื่องนึง เรื่องที่เป็นคนทำเธอตกเขาน่ะ ” เพราะเขาเพิ่งกลายร่างเป็นหมาป่าและยังควบคุมอารมณ์รวมถึงรูปร่างได้ไม่ดี เขาคลั่งจนวิ่งไปทั่ว เลยไม่เห็นว่าเธอขี่จักรยานผ่านตรงนั้น
“ โชคดีนะที่เธอไม่เป็นอะไรมาก ” เธอแค่หัวแตก มีแผลขีดข่วนตามตัวนอกนั้นก็ไม่มีอะไรแตกหัก ตกสูงขนาดนั้นไม่ตายก็ต้องเจ็บหนักแท้ๆ
“ เผอิญว่าหนูเป็นพวกหนังเหนียวตายยากและหนูไม่โกรธแต่ช่วยรับผิดชอบพาไปส่งที่บ้านด้วยนะคะ ”
หลังจากผ่านมื้ออาหารที่บ้านของแซมกับเหล่าหมาป่าจอมวุ่นวายทั้งหลาย พี่เจคอบมาส่งที่บ้านและอาสาจ่ายค่าเสียหาย ซื้อเสือภูเขาคันใหม่ให้ แม้จะปฏิเสธแต่ถ้าเขายืนกราน เธอก็คงขัดใจเขาไม่ได้ คลีเมนไทน์ทิ้งตัวดิ่งลงที่นอน หยิบผ้านวมมาห่มตัวแก้หนาว รู้สึกหัวชาหนึบ วิงเวียน คลื่นไส้ ตัวก็ร้อนเพราะพิษไข้ พรุ่งนี้เธอต้องโทรไปลาที่โรงเรียน ประเมินจากสภาพตัวเองแล้วไปเรียนไม่ไหวแน่นอน ทั้งที่เพิ่งไปเรียนวันแรกแท้ๆและพรุ่งนี้พี่เจคอบยังจะมาที่บ้านอีก เขาเสนอตัวโดดเรียนหนึ่งวันเพื่อมารับผิดชอบดูแลเธอ
ขออยู่สงบๆคนเดียวได้รึเปล่า? ตั้งแต่ย้ายมาที่ฟอร์คเธอมีแต่จะเจ็บตัวทุกวัน
เฮ้อ—ได้แต่หวังไม่ให้มีเรื่องอะไรอีกแล้ว เธอขอเลย
ตกกลางคืน แผ่นฟ้าสีครามถูกแทนที่ด้วยท้องฟ้าสีดำมืดสนิทประดับด้วยจันทร์เสี้ยวจากคืนข้างแรม ณ โวลเตอร์รา ลึกเข้าไปชั้นใต้ดิน ผ่านท่อระบายน้ำมุ่งสู่ที่พำนักแสนอบอุ่นของเหล่าโวลตูรี่ ไกอัสได้มอบสมุดบันทึกเล่มนั้นแก่อาโร อาโรเปิดอ่านที่ละหน้า ตั้งใจจดจำทุกตัวอักษร ดวงตาของเขาพราวระยับ รอยยิ้มพิมพ์ใจหยักขึ้นราวเด็กน้อยเพิ่งได้ของเล่นใหม่ ช่างน่าอัศจรรย์ใจที่บันทึกเล่มนี้มีทุกสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะถิ่นกำเนิด ลักษณะจำแนกพันธุ์ของพวกเงือก ความสามารถที่พวกนั้นมีล้วนน่าสนใจ เขาเปิดอ่านถึงกลางเล่มก็ต้องหุบยิ้ม เพราะไม่สามารถเข้าใจภาษาที่เขียน มันคือภาษาอะไรเขาอ่านไม่ออก อาโรปิดสมุดดังปึก หันศีรษะหาไกอัส
“ น้องเล็ก เจ้าได้สมุดบันทึกเล่มนี้จากไหน ข้าใคร่สงสัยว่าใครเป็นเจ้าของ ”
ประโยคผิวเผินฟังแล้วเหมือนคำถาม แต่ไกอัสสำเหนียกดีว่ามันคือคำสั่ง บอกเป็นนัยให้เขาไปพาเจ้าของสมุดเล่มนี้มา
“ ข้าเจอในบ้านของเด็กสาวผู้หนึ่ง แต่ไม่มั่นใจว่าเธอเป็นเจ้าของรึเปล่า ” เพราะบ้านหลังนั้น เขาเห็นเพียงลูกกวางน้อยคนเดียวและมิได้เอ่ยถามว่าเธออยู่กับใคร
“ เจ้าก็ลองดูที่หลังสมุดสิอาโร เผื่อจะมีชื่อเจ้าของบันทึก ” มาร์คัสพูดขึ้น
อาโรพลิกไปที่หน้าสุดท้าย มันมีชื่อเขียนไว้อย่างที่มาร์คัสกล่าว โจอาห์ เด็กซ์ โอเดนเนลล์ เขาอ่านชื่อนั้นแล้วก็หัวเราะแทบคลั่งจนมาร์คัสกับไกอัสต้องลอบส่งสายตา สงสัยว่าพี่ใหญ่เป็นอะไร
“ ฮ่า—ไกอัส มาร์คัส ทายสิว่าสมุดเล่มนี้เป็นของใคร ” เขาถามด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ทว่ากลับดูเสียสติในความคิดของมาร์คัสและไกอัส ความกระตือรือร้นถึงขั้นคลั่งนี้เป็นเรื่องปกติจนออกจะชินชา
“ เจ้ายังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้มั้ยเล่าอาโร ” มาร์คัสตอบ น้ำเสียงราบเรียบเช่นเดียวกับใบหน้า
“ โอ้ว มันมากจากสหายที่เราตามหาเนิ่นนาน โจอาห์ไง ” เขามองเฒ่าหน้าเดียวอย่างมาร์คัสตะลึงหลังจากได้ยินคำตอบ บุคคลที่เขาพลิกแผ่นดินหาเป็นศตวรรษ อดีตลูกน้องมือดีอีกคนไม่ต่างจากคาร์ไลล์หรืออีเลซาร์ เพียงแต่โจอาห์นั้นเขาไม่ยินยอมให้ออกจากโวลตูรี่ต่อให้มันจะหนีสุดขอบโลก อยากได้ตัวโจอาห์แต่ก็ไม่สามารถกำจัดทิ้งได้เช่นกันเพราะเสียดายในความสามารถ อาโรปรายตาหาน้องเล็กสุดอย่างไกอัส
“ ไกอัส เจ้าบอกว่าได้จากบ้านเด็กสาวผู้หนึ่งใช่มั้ย ”
“ ใช่ ” ไกอัสพยักหน้า
“ ดี ดีเหลือเกิน ” อาโรวาดแผนทุกอย่างไว้ในใจ “ ผลสุดท้ายโจอาห์ก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว ” เด็กนั่นคือห่วงผูกคอโจอาห์ชั้นดี แม้นจะสงสัยแต่รอไว้พบกันค่อยถามไถ่ข้อสันนิษฐานที่เขาคาดดีกว่า ถึงมันจะมีแต่ความเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
“ พาเด็กคนนั้นมาที่นี่และเตรียมการต้อนรับให้ดีล่ะ ”
︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱
TALK
อาโร ในนิยายไม่ได้ดูฮาแบบในหนังเลย เป็นตัวละครที่.......จิตพอตัว เห็นหน้ายิ้มๆ แต่พี่แกร้ายสุด หัวมีแผนตลอด นํ้านิ่งไหลลึกหรือร้ายลึก จอมบงการ ชักใยอยู่เบื้องหลัง ฆ่าน้องสาวแท้ๆได้ลงคอแต่ก็เป็นอีกตัวละครที่มีเสน่ห์นะ ไรท์ชอบรองจากแจสเปอร์กับอลิซ ส่วนในฟิคบอกได้คำเดียวว่าน้องซวย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่นะน้อนนนนรนรรนนน
น้องเอ้ย ซวยซํ้ซวยซ้อนตกเขา เจ็บตัว แล้วยังจะโดนล่าอีก เวรกรรมยัยน้อง
เดี๋ยวๆ พ่อน้องเคยอยู่โวลตูรี่? งั้นพ่อน้องก็เป็นแวมไพร์อ่าดิ แล้วน้องเป็นอะไร เหมือนเรเนสเม่มั้ยไรท?
คือน้องไม่ใช่คนธรรมดาแล้วล่ะ ตอนนี้คืออยู่เผ่าอะไรกันแน่ แม่มด? นางเงือก?
โคมไฟเอย กระถางเอย ถ้าปู่ไม่เป็นแวมไพร์คงตายตั้งแต่นัดแรกอ่ะ 555555
นั่นไม่ใช่แม่ชี ลู๊กกกก55555555
น้องงงง ไม่ใช่ผีแม่ชี 55555 นั่นสามี(ในอนาคตไง)