ตอนที่ 3 : Chapter 03 | Intruder at nighttime.

ณ ห้องโถงหินโค้ง ที่เพดานห่างจากพื้นถึงสองชั้น เครื่องเรือนมีเพียงบัลลังก์ไม้สามตัวกับโต๊ะหนายาวที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือเล่มหนา ยามราตรีที่ไร้ซึ่งแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านหน้าต่างทรงยาว แทนที่ด้วยเชิงเทียนเหล็กเก่าแก่จากรอบห้องให้แสงสว่าง สามบุรุษในชุดสูทสีดำเกือบร่วมสมัยคร่ำเคร่งกับการค้นคว้าตำราเก่าเพื่อคร่าเวลาความเบื่อหน่าย
อาโรละสายตาจากหนังสือบนมือ มองบุรุษอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ไกลจากตัวเขานัก เสียงเคาะพนักแขนเก้าอี้ไม้จากไกอัสดังกึกๆเป็นจังหวะซึ่งนั่นมันรบกวนสมาธิการอ่านของเขาอย่างมาก เขาชำเลืองมองเฒ่าหิมะนั่งเหม่อลอย ดูสงบนิ่งมากผิดปกติ สองวันนี้สหายของเขามีเรื่องอะไรให้ครุ่นคิดนักหนากัน จากที่เขาได้สัมผัสตัวไกอัสในวันที่พวกเราได้กลิ่นหอมหวนชนิดที่ทำให้อดใจไม่ไหวก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนอกเสียจากความหงุดหงิดของเจ้าตัว
แต่มันน่าแปลก.......แปลกตรงที่เขาไม่เห็นความทรงจำของไกอัสในวันนั้น มันเหมือนโดนบางอย่างบดบังเอาไว้ พอเขาจะขุดคุ้ย ภาพที่ฉายในหัวกลับหายออกไปราวกับโดนลบ
หากอยากไขความสงสัยคงมีแต่ต้องถามเจ้าตัวเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เจ้าเฒ่าหิมะคงไม่ยอมปริปากพูดแน่นอน
ด้านไกอัส เขาใช้เล็บยาวเฟื้อยขูดตามผิวไม้ขณะที่ตนกำลังคิดอยู่ ทำไมกันนะ? ทำไมถึงสลัดยัยเด็กนั่นออกจากหัวไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีข่าว ไม่มีศพหรือร่องลอยอะไรเลย มันเหมือนกับ—ยัยหนูนั่นยังไม่ตาย แต่ถ้ายังไม่ตายจริงๆ มันก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่เขาต้องตามไปฆ่าเธอเพื่อปกปิดถึงตัวตนแห่งเผ่าพันธุ์และความผิดพลาดที่เขาปล่อยปละเหยื่อให้รอดชีวิต เขาเฝ้ารอการกลับมาของดิมิทรี่ พร้อมข่าวน่ายินดีเกี่ยวกับยัยหนูนั่นและแน่นอนอาโรไม่รู้เรื่องนี้
“ ขออนุญาตเจ้าค่ะ ”
สักพักบานประตูเปิดออก เรียกสายตาของสามบุรุษให้จดจ้องเธอ หญิงสาวร่างอรชรในชุดลูกไม้สีขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เธอเคลื่อนกายอย่างรวดเร็ว ไล้มือบางตามกรอบพนักพิงเก้าอี้และหยุดลง โอบไหล่ของไกอัสผู้เป็นสามีของเธอ ริมฝีปากอิ่มหยักขึ้น โปรยยิ้มให้แก่ชายเดียวในดวงใจ ไกอัสรวบเอวคอดกิ่วรั้งภรรยามานั่งบนตักตนและเอ่ยชื่อเธอ
“ อาเธโนโดรา ” เขาขู่ แม้กำลังสวมกอดแต่สายตากับไร้ซึ่งความยินดี “ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจากหอคอย ”
“ ฉันรู้ค่ะที่รัก ” เสียงหวานพูดอย่างใจเย็น โน้มหน้ากระซิบถ้อยคำที่ทำให้ไกอัสถึงกับต้องเด้งตัวลุกขึ้น “ ข่าวคราวจากดิมิทรี่มาแล้วนะคะ ”
“ ถ้าเช่นนั้นเราไปคุยกันที่ส่วนตัวกว่านี้ดีกว่า อาเธโนโดรา ” ไกอัสเดินออกนอกห้อง ไม่ชักช้างุ่นง่านให้อาโรถามคำถาม
ตัดไปที่ฟอร์ค คลีเมนไทน์เพิ่งเสร็จธุระจากการเดินเอกสารเข้าเรียนที่ฟอร์คไฮสคูล เธอทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว ใช่—ตัวคนเดียว จากบ้านของแม่กับโรงเรียนก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ยังดีที่มีเสือภูเขาจักรยานคู่ใจทิ้งไว้ เธอเลยพอปั่นไปเองได้ พอถึงบ้านเด็กสาวเหวี่ยงกระเป๋าเป้ใบเก่งไปที่โซฟา สอดส่องสายตาวนออกห้องนู้นทีห้องนี้ทีเพื่อตามหาพ่อ ทุกอย่างกลับเงียบสงบ เธอตัดสินใจมุ่งขึ้นชั้นสอง ไปที่ห้องทำงานแต่ก็ไร้ซึ่งเงาของโจอาห์ คลีเมนไทน์ทำปากเป็ด กรอกตา พ่นลมดังพรืด ก่อนที่ตัวเองจะหัวเสียกลับห้องนอนของตนเอง
เด็กสาวเทตัวดิ่งลงที่นอนนิ่ม หยิบเท็ดดี้แบร์ข้างตัวมาซุกกอด แล้วหวีดร้องสุดเสียง ความผิดหวังสะท้อนอยู่ในนัยน์ตา “ วันเกิดแท้ๆ ” วันนี้เป็นวันเกิดปีที่สิบหกของเธอ ต่อให้มันเป็นแบบนี้ทุกปีเธอก็ไม่เคยชินเลยสักครั้ง ไม่ฉลองยังพอทน แต่เจ็บยิ่งกว่าคือพ่อไม่อยู่บ้านให้เธออุ่นใจเลยในช่วงเวลาที่เธอต้องการเขามากที่สุดอย่างตอนนี้ เธอไม่ขออะไรมาก ขอแค่เขาอยู่ข้างๆเธอก็เพียงพอแล้ว
คลีเมนไทน์ดีดตัวจากที่นอน เหม่อมองนอกหน้าต่างและสายตาก็สะกิดเห็นกล่องสีครีมบนโต๊ะทำการบ้านของเธอ เด็กสาวหยิบเจ้าสิ่งนั้นขึ้นมา มันมีจดหมายแนบไว้ เธอไล่สายตาอ่านเนื้อความด้านใน ตัวอักษรตวัดยึกยือจากน้ำหมึกดำนี้คือรายมือไก่เขี่ยของพ่อ
ถึงคลีเมนไทน์ลูกรัก
สุขสันต์วันเกิดปีที่สิบหก ลูกอาจจะกำลังน้อยใจที่พ่อลืมวันเกิดหรือระยะนี้ทำตนไม่ใส่ใจลูกแต่อยากให้รู้ไว้ว่าพ่อไม่ได้ลืม พ่ออาจแค่ละเลยไปบ้าง ข้อนี้พ่อเสียใจจริงๆและพ่อมีเรื่องสำคัญต้องบอกลูก พ่อจำจ้องออกเดินทางอย่างกระทันหันกับพ่อทูนหัวที่น่ารักของลูกอาคาร์ไลล์ คัลเลน
พ่อจะไม่บอกว่าเรื่องอะไรแต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับชีวิตของคน สุดท้ายลูกเห็นกล่องของขวัญที่พ่อวางไว้รึเปล่า นั่นคือของขวัญที่แม่ฝากไว้ให้ลูก มันเป็นของเก่าแก่จากทางฝั่งแม่และตอนนี้มันกลายเป็นของลูกแล้ว ใจจริงพ่ออยากเป็นคนสวมใส่มันให้ลูก มันคงเหมือนตอนที่พ่อใส่ให้แม่เป็นแน่
สุดท้ายพ่อยังห่วงและเป็นกังวลมากกับการปล่อยทิ้งลูกไว้คนเดียว พ่อเลยขอให้ลุงบิลลี่ แบล็คเป็นหูเป็นตาแทน พวกเขายินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยดูแลลูก โดยเฉพาะเจคอบที่ดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบขี้หน้าพ่อก็ตามที
ด้วยรักจากพ่อ โจอาห์ เด็กซ์ โอเดนเนลล์
เธอแทบบ่อน้ำตาแตกหลังอ่านจดหมายจบ เด็กสาวปาดน้ำตาปริ่มใสที่เจ่อนองออกลวกๆ หนูขอโทษค่ะพ่อ—บางทีเธออาจคิดมากเกินไป ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ยังเป็นพ่อที่ห่วงเธอเสมอ คลีเมนไทน์นั่งลงที่เตียงวางกล่องลงบนตักบรรจงแกะริบบิ้นสีน้ำเงินออกและเปิดฝากล่องดู ของที่อยู่ด้านในเป็นสร้อยคอสีเงินเส้นเล็ก มีจี้ห้อยเป็นรูปหยดน้ำสีเดียวกับดวงตาของเธอ สีน้ำทะเล บางทีนี่อาจจะเป็นอความารีน
“ เฮ้.......เฮ้ คลีเมนไทน์! ”
คลีเมนไทน์วางกล่องลง เธอได้ยินเสียงคนเรียก เด็กสาวเดินไปที่หน้าต่าง ใช้มือเลิกผ้าม่านขึ้นเพื่อดูว่าเป็นใคร เธอเห็นพี่เจคอบยืนยิ้มแป้น พร้อมโบกมือทักทายยามเห็นเธอโผล่หัวออกมา เห็นหน้าเขาแล้วก็พาลนึกถึงการกระทำแย่ๆเมื่อวันก่อนที่เธอโมโหหน้ามืดตามัว ดึงมือผู้ชายที่เพิ่งรู้จักครั้งแรกมาจับหน้าอกตัวเอง แน่นอนว่าพอได้สติเธออายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี เอ่ยขอโทษพัลวันจนกัดลิ้นตัวเอง สร้างความอับอายเพิ่มอีกเท่าตัวแต่เจคอบกลับชอบอกชอบใจให้กับท่าทีของเธอและกลายเป็นว่าเธอมีพี่ชายเพิ่มขึ้นอีกคนโดยปริยาย
“ พี่เจคอบมีอะไรรึเปล่าคะ ” เธอตะโกนถาม
“ ลงมาหาพี่ข้างล่างสิ ” เขากวักนิ้วเรียก
เธอลอดหัวออก ปิดหน้าต่าง เดินลงมาข้างล่าง มาหาเขา ยืนกอดอก เลิกคิ้วสูงแสดงท่าทีว่าต้องการคำตอบเร็วๆ
“ พ่อให้ฉันชวนเธอทานอาหารค่ำที่บ้านและเราอาจมีย่างมาร์ชเมลโล่ที่หน้ากองไฟด้วย ”
“ ว้าว ฟังดูวิเศษไม่เลวเลย งั้นหนูไปค่ะพี่เจค ” คลีเมนไทน์ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น วาดภาพถึงการเล่าเรื่องหน้ากองไฟแล้วน่าสนุกนัก
ผ่านมื้ออาหารแสนเรียบง่ายไปด้วยดี บัดนี้คลีเมนไทน์นั่งล้อมรอบหน้ากองไฟ มีเธอ มีพี่เจคอบรวมถึงพี่เรเชลและพี่รีเบคก้าสองพี่สาวฝาแฝดแห่งตระกูลแบล็ค เธอรับโกโก้ร้อนและผ้าห่มมาห่อตัว รอฟังเรื่องราวจากปากลุงบิลลี่เกี่ยวกับต้นตระกูลของพวกเขา เผ่าควิลยูต ลุงบิลลี่เล่าว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของหมาป่า เขากล่าวต่อว่าบรรพบุรุษที่เป็นนักรบวิญญาณในเผ่าได้ทำสนธิสัญญายืมร่างกายของหมาป่าเพื่อตามทวงดวงวิญญาณของหัวหน้าเผ่าที่ถูกวิญญาณร้ายช่วงชิงไป
และเล่าถึงอีกเผ่าพันธุ์ที่เข้ามาบุกรุกล่าเหยื่อในเขตสงวนลาพุชเมื่อนานมาแล้ว พวกเขาเป็นศัตรูกันแต่ก็ยอมทำสนธิสัญญาสงบสุขด้วยการไม่ข้ามเขต พอลุงบิลลี่เล่าถึงช่วงนี้ คลีเมนไทน์ถึงกับกลืนโกโก้ไม่ลง อีกเผ่าพันธุ์ที่เขาว่าคงไม่ได้หมายถึงครอบครัวคัลเลนหรอกนะ อืม—เธอคิดว่ามันใช่เลยแหละแต่เธอก็อยากเห็นเหมือนกันนะ หมาป่าน่ะ ขนาดแวมไพร์ยังมีตัวตนจริงๆเลย แล้วหมาป่าล่ะ? เธออยากเห็นพวกเขาและนี่มันเข้าตามสูตรหนังแทบทุกเรื่องเลย เรื่องที่แวมไพร์กับมนุษย์หมาป่ามักไม่ถูกกัน จะว่าไปพักนี้ได้ข่าวจากคุณสวอนแว่วๆว่ามีคนพบเห็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่เท่ารถในเขตอุทยานด้วยนี่
“ หนูอยากเห็นพวกเขาจังเลยค่ะ ” เธอเปรยขึ้น
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันก็แค่ตำนานนะหนูคลีเมนไทน์ ” ลุงบิลลี่หัวเราะเสียงดัง
“ ใช่พ่อ—มันก็แค่ตำนาน ” เจคอบส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาหาเธอ “ แต่ถ้าเธอเผลอหลงป่าคนเดียว อาจจะถูกหมาป่าลากไปกินก็ได้ แฮ่! ”
เขาแยกเขี้ยว แกล้งคำรามใส่ ยกสองแขนทำท่าทางเหมือนจะตะครุบ แล้วก็แหย่นิ้วจิ้มไปตามตัวจนคลีเมนไทน์ต้องกระโดดหนีเพราะจักจี้ “ ไม่เอา ไม่จักจี้หนูนะพี่เจค ” เธอวิ่งหนีเขารอบต้นโอ๊คใหญ่ที่ไม่มีใบไม้ประดับบนต้นสักใบ วิ่งวนอยู่สามสี่รอบจนหืดขึ้นคอแต่ก็เสียเปรียบโดนเขาแกล้งอยู่ดี พฤติกรรมราวเด็กๆของเธอทำให้คนที่อายุมากกว่าตรงนั้นหัวเราะอย่างมีความสุข
“ เจคลูก พ่อว่าถึงเวลาพาหนูคลีเมนไทน์กลับบ้านได้แล้วนะ ”
“ ครับพ่อ ผมก็ว่างั้น ” เจคอบรับคำ หันหน้าตบบ่าเด็กสาวเบาๆ “ ไปขึ้นรถยัยตัวแสบ ได้เวลากลับบ้านแล้ว ”
“ โห่ว อะไรกัน ” เธอร้องอย่างเสียดาย แต่ก็ยอมขึ้นรถกลับบ้านแต่โดยดี
ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นักก็มาถึงหน้าบ้านเธอ คลีเมนไทน์กระโดดลงจากรถด้วยใบหน้าง้ำงอ กรอกตามองชายหนุ่มที่หัวเราะหึๆจนเห็นแผงฟันขาวเต็มปาก เจคอบส่ายหัวเล็กน้อย ถอดเข็มขัดนิรภัยออกและลงจากรถอีกคน เขาเดินเข้าหาเด็กสาว เอ่ยปากบอกให้เธอช่วยยื่นแขนมาหาเขา
“ ยื่นแขนมาหน่อยสิ ” เขามองแขนเรียวเล็กกับใบหน้าฉงนสักครู่ ก่อนจะสวมใส่บางอย่างให้เธอ “ สุขสันต์วันเกิดนะคลีเมนไทน์ ”
เธอกระพริบตาถี่ๆ มองสิ่งที่เขาใส่ให้เธอ มันเป็นกำไลข้อมือถักจากเชือกสีน้ำตาลเข้ม มีลูกปัดหินเล็กๆสีแดงกับสีเขียวที่ตัดกันอย่างลงตัว
“ พี่รู้ได้ไงว่าเป็นวันเกิดหนู แล้วนี่พี่ทำเองเหรอ? ” เธอมองหน้าเขา ซึ่งเจคอบยิ้มเป็นคำตอบให้
“ ใช่ พี่ทำเอง ส่วนเรื่องวันเกิดพ่อเธอเป็นคนบอกน่ะ ” เขาเกาแก้มตัวเองแก้เก้อ “ ชอบรึเปล่า ”
“ ของทำมือต้องชอบอยู่แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เจค ”
เจคอบอมยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะขอตัวลา “ พี่กลับก่อนนะ ”
“ กลับดีๆนะพี่ ” เธอโบกมือ รอส่งจนเขาพ้นสายตา คลีเมนไทน์เดินขึ้นบ้านด้วยความรู้สึกอบอุ่นเต็มหัวใจ วันเกิดครบรอบสิบหกปีที่ไม่ได้มีการจัดเฉลิมฉลองอย่างหวือหวา ไม่มีเค้ก ไม่มีเพื่อนมาเต็มงาน ไม่ได้มีของขวัญมากมายแต่ถือเป็นวันเกิดสุดพิเศษสำหรับเธอ
เหนือสิ่งอื่นใดคือการได้รับของขวัญชิ้นแรกจากแม่ผู้ล่วงลับ คลีเมนไทน์กรอกตามองกล่องสีเหลี่ยมที่วางอยู่กลางเตียง กลางเตียง? เธอจำได้ว่าวางมันไว้ที่ปลายเตียง ตำแหน่งของในห้องหลายอย่างก็ผิดไปจากเดิม
เธอรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เพียงเสี้ยวนาทีที่เธอหันหลัง สัมผัสเย็นยะเยือกคว้าเข้าที่คอผลักเธอลงเตียงนอน คลีเมนไทน์จ้องดวงตาสีโลหิตที่สว่างวาบเบื้องหน้า ผู้บุกรุกยามวิกาลยิ้มเหยียดหยันราวมัจจุราชส่งมอบให้ เธอลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ใบหน้าขาวซีดงดงามปานเทพบุตรอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ เขาลดจมูกแนบข้างแก้ม ลมหายใจฟึดฟัดกำลังพิสูจน์กลิ่น
“ สวัสดีแม่หนู ”
เสียงคำรามแผ่วต่ำกระซิบข้างหู ไกอัสใช้เวลาเพียงไม่นานเดินทางมาถึงที่นี่หลังได้รับข่าวคราวจากอาเธโนโดราภรรยาผู้อยู่ในโอวาท เหยื่อชิ้นโตเมื่อตอนนั้นยังไม่ตายอย่างที่คาด แต่สิ่งที่ชวนสงสัยคือแม่หนูนี่ไม่มีเคล้าของผู้เกิดใหม่ เขายังรู้สึกถึงความอบอุ่นผ่านมือนี้ หัวใจยังคงเต้นตุบๆ เลือดไหลเวียนผ่านกระแสเลือดใต้ผิวหนังขาวอมชมพู ดูแล้วไม่ได้ต่างจากมนุษย์ตัวจ้อยที่เจอคราแรก คำว่าทำไมผุดขึ้นกลางหัว หากรองตรองดีๆแล้ว เรื่องที่อาโรไม่สามารถรับรู้ถึงความทรงจำตอนนั้นอาจจะเกี่ยวกับแม่หนูนี่
หรือเธอจะมีความพิเศษกัน? แต่ถึงจะพิเศษอย่างไรเธอก็ต้องตายเพราะเธอรู้มากเกินไป ไกอัสเริ่มออกแรงบีบคอเธอ คลีเมนไทน์รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เธอเลื่อนสองมือกระชับลำแขนแกร่ง ปัดป่าย ดีดดิ้นทุรนทุราย จ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีโลหิต ดวงตาคู่นั้นหาได้มีความเมตตาไม่ เธอภาวนาในใจ ช่วงเวลาเฮือกสุดท้ายที่ใกล้หมดลม เธอขุดแรงทั้งหมดที่มีเปล่งเสียงออกมา
“ กะ......ไกอัส ”
เขาเลิกคิ้วด้วยความฉงน ยามเมื่อผสานตาหาดวงตาสีน้ำทะเล เขาถึงกับผละมือออก ร่างน้อยๆไอค่อกแค่กสำลักน้ำลายสูดหาอากาศหายใจ เพียงแค่เธอขานชื่อเขาเท่านั้น ร่างกายของเขามันร้องว่าห้ามทำ ปฏิปักษ์ต่อปัจเจกความคิด ฆ่าไม่ได้ นับหลายทศวรรษที่เขาละเลงเลือดมานับไม่ถ้วน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาปฏิเสธต่อการฆ่า เขาช้อนใบหน้าหาเด็กสาวที่ตัวสั่นงันงกอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกสับสน
คลีเมนไทน์ อาศัยจังหวะที่แวมไพร์บ้ายืนนิ่งงันวิ่งไปที่หน้าต่าง หมายจะกระโดดหนีออกไปทั้งแบบนั้น เธอเปิดหน้าต่างออก สายลมวูบหนึ่งปะทะเข้าร่างกาย กลิ่นหอมรุนแรงจากตัวเธอโชยเข้าจมูก ไกอัสมีสติกลับมาและเขาเห็นเด็กสาวกำลังหนี จึงเคลื่อนตัวอย่างว่องไว รวบเอวบางรั้งเธอกลับมา เขาโน้มหน้าลง กระชับร่างทั้งร่างเอื้อนเอ่ยคำถามขณะที่สำนึกยังคงสงสัยผสมปนเปไปกับรสเลือดที่เขาลิ้มลองเมื่อครั้งนั้น มันตอกย้ำยามเมื่อได้กลิ่นของเธอ เขารู้สึกกระหายจนคอแห้งผาก มันร้อน มันร่ำร้องอยากจะฝังคมเขี้ยวลงอีกสักครั้ง
“ กลิ่นเจ้า ตัวเจ้า เลือดของเจ้ามันทำให้ข้าสับสน.......บอกมาว่าเจ้าทำอะไรกับข้า! ”
เธอสะดุ้งเฮือก ตัวแข็งค้าง แผ่นหลังของเธอชนเข้ากับแผงอก ผิวหน้าที่เขาแนบกับเธอนั้นให้ความรู้สึกนุ่มแต่ก็แข็งกระด้างราวหินแกรนิตเรียบลื่นในเวลาเดียวกัน เธอกรอกตาหาแวมไพร์ที่อยู่ด้านหลัง สายตาของเขาสับสน เว้าวอนปานเด็กน้อยกระจองอแง เขายังไม่รู้แล้วตัวเธอจะสรรหาคำตอบมาจากไหน แล้วนี่เขาเป็นแวมไพร์ไบโพล่าร์หรือประจำเดือนไม่มาหรือไง? อารมณ์ถึงได้ขึ้นๆลงๆดุจสตรีวัยทองแบบนี้ อยากจะด่าแต่ก็กลัวเขาเป็นบ้าไล่ฆ่าเธออีกรอบ
“ ข้าอยู่มาสามพันปี......กินเลือดสาวงามมาก็มาก มือเปื้อนเลือด ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อื่นและเผ่าพันธุ์เดียวกันมาไม่น้อย ทั้งเด็ดหัว ฉีกกระชาก นั่งทับกองเพนินศพช่างบันเทิงใจ ทุกอย่างล้วนง่ายดายดั่งใจสั่ง แรงปรารถนาที่ข้าเกลียดชังมนุษย์สมปรารถนาเมื่อมาอยู่โวลตูรี่ ข้าเด็ดขาด เลือดเย็น หลงใหลการทรมานเหยื่อแท้ๆ แต่ทำไมกับเจ้า กับสาวน้อยตากลมราวลูกกวางถึงฆ่าไม่ได้ ทั้งที่อ่อนปวกเปียก บีบคอทีเดียวก็ตายแล้วแท้ๆ ”
คลีเมนไทน์กรอกตา เบะปากแทบสามร้อยหกสิบองศา เริ่มรำคาญที่เขาเอาแต่แพล่มอะไรไม่รู้ยืดยาว น่าเบื่อ แต่ละอย่างที่พูดมาก็ใช่เรื่องน่าฟัง ปากแพล่มแต่ฆ่า ฆ่า ฆ่า แก่มาตั้งหลายพันปี มีชีวิตยืนยาวแต่สมองคิดได้แต่เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ เสียของชะมัด เธอตัดสินใจเอี้ยวตัว จับใบหน้าเย็นเหยียบด้วยสองมือ บังคับให้เขาฟังที่เธอพูดชัดๆ
“ ปู่เป็นอมตะ ปู่ไม่ตายแต่สมองของปู่น่าจะตายนะคะ ถึงคิดไม่ได้ขนาดนี้ ”
“ แล้วถามจริงเถอะค่ะ หนูขอเหตุผลที่ต้องฆ่าหนูทิ้งที รบกวนขอเหตุผลดีๆด้วยนะคะ ถ้าไม่ดีพอ มาทางไหนก็เชิญกลับไปทางนั้นเลยค่ะ ”
“ อ้อ—ถ้าเป็นเหตุผลที่หนูรู้ถึงตัวตนของพวกคุณ นั่นไม่ใช่เหตุผลเลยนะคะ หนูไม่คิดจะปริปากบอกใครอยู่แล้วเพราะพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ อีกอย่างถ้าหนูพูด ป่านนี้คงเป็นข่าวไปตั้งนานแล้วค่ะปู่ ”
“ สุดท้าย ปู่เป็นพวกรักษากฎใช่มั้ยคะ? ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าต้องมีความเป็นกลางในการตัดสิน งั้นหนูขอเรียกร้องชีวิต เพื่อแลกกับที่ปู่ดูดเลือดหนูในวันนั้นได้มั้ยคะ ถ้าปู่ตกลงหนูจะให้ปู่ดูดเลือดอีกสักครั้งเป็นเซอร์วิสก็ได้ค่ะ ”
ไกอัสฟังคำพูดที่ราวกับหอกทิ่มแทงแล้วมันจุกเสียจนพูดอะไรไม่ออก หากลองชั่งน้ำหนักกับเหตุผลที่ยัยหนูยกมาร้อยแปดพันเก้าดูแล้ว มันก็คุ้มค่าพอที่เขาจะยอมแลกกับการทำผิดกฎสักครั้ง เลือดกับการไว้ชีวิตลูกกวางน้อยมันเป็นราคาที่เท่าเทียมกันอยู่ ขอเพียงแค่อาโรไม่รู้เรื่องนี้ก็เพียงพอแล้ว
“ ตกลง ”
เขาเอ่ยอย่างแผ่วเบา คลีเมนไทน์ยกยิ้มดั่งผู้ชนะ กู่ร้องดีใจที่มีชีวิตตลอดรอดฝั่งไปถึงแก่ เธอกำลังเอื้อนเอ่ยประโยคถัดไป ทว่า—ไกอัสกลับสอดมือประคองท้ายทอยเด็กสาว ดันศีรษะเธอ จิกทึ้งกลุ่มเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนราวขนลูกกวาง กระชากให้คอเชิดขึ้น แล้วฝังคมเขี้ยวลง สูบเลือดอย่างกระหายและบ้าคลั่ง รสชาตินี้ รสชาติแสนหวานที่แผ่กระจายทั่วปาก พอได้ลิ้มลองอีกครั้งมันจักต้องมีครั้งต่อๆไป
เขาถอนตัวไม่ได้อีกแล้ว
︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱
TALK
( อาเธโนโดรา ภรรยาปู่ )
บทสัมภาษณ์น้องว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์
ไรท์ : คิดว่าหนุ่มๆ(หรือแก่)ในเรื่องเราสานสัมพันธ์
ถึงระดับไหน เริ่มมาที่คนแรกอย่างเจคอบก่อนเลย
คลีเมนไทน์ : พี่เจคเหรอก็บราเธอร์โซนนั่นแหละค่ะ
ไม่มีอย่างอื่นเพราะพี่เจคชอบพี่เบลล่าและพี่เขาหวังจะจับกดพี่เบลล่าด้วย
เจคอบ : ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ!!
ไรท์ : แล้วไกอัสล่ะคะ
คลีเมนไทน์ : แกรนด์ฟาเธอร์โซนค่ะ
ไกอัส : นี่เจ้าแทบไม่ได้คิดเลยนี่
คลีเมนไทน์ : มันไม่ต้องคิดเลยค่ะ ปู่ออกจะแก่ขนาดนี้
ไรท์ : โอเค ขอจบการสัมภาษณ์เพียงเท่านี้ค่ะ
ไกอัส : เดี๋ยวสิ!!
#ปู่เม็นมา #เจอคำผิดบอกได้นะคะ #ปู่โดนน้องล่อซื้อเสียแล้ว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

#จู่ๆก็จิ้นกับเอ็ดทั้งๆที่ยังไม่ปรากฎตัวด้วยซ้ำ55
โดนเด็กล่อลวง
ปู่ไม่ใช่แวมไพร์ แต่ปู่เข้าข่ายหมี!!
เชื่อง่าย หลงน้องแล้วล่ะสิ
นึกว่าไรท์จะไม่เอาเมียปู่มาซะแล้ว อย่างงี้น่าสนุก อยากรู้ว่าพี่แกจะเอาไงต่อ
น้องฉลาดใช้เลือดต่อรองปู่ แอบขำทอล์กตรงแกรนด์ฟาเธอร์โซน 55555