ตอนที่ 20 : Chapter 18 | Moache [ E N D ]

ท้องฟ้าเปิดโล่งหลอมรวมกับนิมิตที่ฉายสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาสีแดงขุ่น จุดจบของนิมิตคือตัวเขาที่ถูกโฮเม่ โอเดนเนลล์ป่นร่างเป็นส่วนๆ สูญสิ้นซึ่งพลพรรคโวลตูรี่ที่สั่งสมมานานนับหลายสหัสวรรษ อาโรชักมือออกจากอลิซขณะที่อยู่ในภวังค์ อลิซกระตุกยิ้มและเอ่ยเสียงใสขู่ เป็นการตอกย้ำเฒ่าหัวดำกลายๆ
“เห็นแล้วใช่ไหมว่าชะตะกรรมของคุณจะเป็นอย่างไร”
อาโรล่นถอยหลัง เกือบล้มทั้งยืน เขาหันเหศีรษะควานหาตัวคลีเมนไทน์ ตุบ! และเธออยู่ใกล้เขามากกว่าที่คิด เด็กสาวเดินผ่านตัวมาพร้อมกับหัวของอาเธโนโดร่า เพิ่งสำเหนียกสังเกตรอบตัวตนเองว่าองค์รักษ์ของเขาได้เข้าสู่การหลับไหลอันเกิดจากพลังของเฟอร์โรล มีเพียงเขายืนเด่นกลางลานโล่ง มาร์คัสนั้นถูกโจอาห์และอีวาตรึงไว้ราวกับเสาหิน ส่วน......ไกอัส เจ้าตัวกำลังคลุกคลานดำดิ่งสู่ความทรงจำอยู่กับพื้นหิมะ
มีเสียงสะเก็ดไฟจากคบเพลิงที่คลีเมนไทน์ใช้เผาร่างอาเธโนโดร่าช่วยดึงสติเขา อาโรมองเข้ามาในตาของเด็กสาวเป็นเวลาที่ยาวนานและจริงจัง เหมือนกำลังควานหาอะไรชั่วขณะ ใช่แล้ว—ควานหาแก้วที่แตกเป็นเสี่ยงในชั่วพริบตา เมื่อทุกอย่างมิได้มีอันตรายใดใดและแผนเขาพังพินาศ
มันก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว
“ถ้าคุณยอมจากไปดีๆ ฉันจะคืนสภาพพวกองค์รักษ์ให้” โจอาห์เสนอเงื่อนไข
“รบกวนด้วย” อาโรตอบตกลงเสียงแผ่ว แค่เวลาสั้นๆพวกองค์รักษ์ก็หลุดจากห้วงนิทราด้วยความงุนงง หลายตนทอดสายตาตั้งคำถามกับเขา “สหายที่รัก.......เราไม่ต่อสู้ในวันนี้” อาโรประกาศก้อง บรรดาองค์รักษ์พยักหน้าพร้อมเพรียงและยืดตัวตรง แล้วบางส่วนก็เคลื่อนตัวหายไปเข้าไปในป่า
หมอกสลายไปอย่างรวดเร็ว คลีเมนไทน์เข้าประคองไกอัส “ตื่นจากฝันรึยังคะปู่?”
ไกอัสเลื่อนสายตาอ่อนเพลียขึ้นสบดวงตาสีน้ำทะเล ภาพความทรงจำทั้งหมดคืนมาโดยสมบูรณ์ เขาหลุดหัวเราะ ฉีกยิ้มกว้าง โอบใบหน้าเล็ก ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยข้างแก้มที่รื้นน้ำตา “แม่ลูกกวาง” สิ้นคำเอ่ย คลีเมนไทน์กระโดดกอดเขาจนล้มกองกับหิมะนุ่ม
“ไกอัส ไกอัส.....ในที่สุด.....คุณก็กลับมาหนูสักที” เด็กสาวสะอื้น กอดรัดและพรมจูบนับไม่ถ้วน
บรรยากาศแห่งความสงบสุขอบอวลทั่วอญาบริเวณ เสียงหอนดังระงมเป็นสัญญาณแห่งชัยชนะ ก่อนจากไปอาโรยื่นมือหาโจอาห์กับคาร์ไลล์ ค้อมหัวนอบน้อมด้วยท่าทีสำนึกเสียใจ “ขอให้เจ้ามีความสุขกับสิ่งที่ตามหานิจนิรันดร์” แล้วส่งคำที่คาดว่าน่าจะเป็นการอวยพรให้คลีเมนไทน์และไกอัส
เมื่อไร้ซึ่งเงาของโวลตูรี่ ทุกตนก็ระเบิดเสียงโห่ร้องดีใจ แม็กกี้ทุบที่หลังของชิวอน โรซาลีกับเอ็มเม็ตต์จูบกันอีครั้ง—และร้อนแรงสุดๆ เบนจามินและเทียกอดกันแน่นในอ้อมแขนของแต่ละตน เช่นเดียวกับคาร์เมนและอีลีซาร์ เอสเม่ยึดอลิซและแจสเปอร์ไว้ด้วยการโอบ เบลล่าอุ้มเรเนสเม่ออกจากหลังเจคอบ จากนั้นก็โอบรัดโดยมีเอ็ดเวิร์ดสวมกอด ปู่ตบบ่าพ่อทั้งรอยยิ้มอบอุ่น ย่ากระโดดหอมแก้มเฟอร์โรล โดยที่เขาพยายามผลักแม่ตนเองออกด้วยท่าทางเขินอาย
ส่วนเธอกับไกอัสลุกขึ้นจากพื้น แต่ก็ต้องล้มอีกครั้งเพราะอาโฮเม่กระโจนเข้ามาสวมกอดพวกเราสองตน
โฮเม่หัวเราะเปี่ยมสุข “ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวหลานเขย!!”
“คลีมมี่ คลีมมี่ คลีมมี่!” เรเนสเม่วิ่งเข้ามาหาเธอ เด็กหญิงแป้นยิ้มและทักทายไกอัสด้วยการสัมผัสใบหน้าเขา เรเนสเม่อยากมอบของขวัญเล็กๆให้เขาได้รับรู้
ไกอัสทำตาโต หันมองหน้าเธอด้วยแววตาเป็นประกาย “ถามจริง…..จริงใช่ไหม?”
ซึ่งคลีเมนไทน์พยักหน้าเป็นคำตอบ ไกอัสอุ้มเด็กสาวลอยสูง หมุนเธอไปมาพร้อมเสียงหัวเราะ “ลูกของเรา ข้าดีใจที่สุดเลย”
________________
จากวันนั้นผ่านมาได้หนึ่งเดือน กำลังเข้าสู่ต้นเดือนมกรา หิมะสีขาวยังคงปกคลุมทั่วฟอร์ค โชคดีที่วันนี้ท้องฟ้าเปิดโล่งเป็นใจ ไกอัสแทบอยู่ไม่สุขทั้งชุดทักซิโด้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขาโดนไล่ออกจากบ้านและสิ่งเดียวที่พอช่วยฆ่าเวลาคือการขบคิดถึงความวุ่นวายที่ผ่านมา อาทิเช่นเรื่องน่าตกใจอย่างการได้เห็นรูปหญิงสาวนางหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะห้องทำงานของพ่อตา
“มีอะไรกับรูปนี้เหรอไกอัส?” โจอาห์ถามพลางแย่งกรอบรูปคืนจากลูกเขย
“เธอคนนี้คือ” ไกอัสถามเชิงคาดคั้น
“ทีเอ็ตต้า ภรรยาฉันเอง”
คำตอบของโจอาห์ทำให้เขากระจ่างทั้งหมด ทีเอ็ตต้าแม่ของคลีเมนไทน์คือคนคนเดียวกับนักบวชหญิงที่เขาเจอเมื่อสามพันปีก่อน ตอนแรกเขายังไม่ปักใจเชื่อจนโจอาห์บอกว่าแม่ยายนั้นมีความสามารถในการพยากรณ์หรือแสดงนิมิตแห่งอนาคต บวกกับสร้อยที่เธอสวมเมื่อตอนนั้น มันเป็นสร้อยเส้นเดียวกับที่แม่ลูกกวางสวมใส่ตลอดเวลา ผสมกับรูปพรรณสันฐานภายนอกที่คลีเมนไทน์ได้รับอิทธิพลมาเต็มๆ
ถ้าเจ้าพบข้าอีกครั้งอาจได้คำตอบที่ตามหา แต่เจ้าจงไปที่อีกฟากฝั่งทะเลสิ
นี่ไง—เขาพบเธอแล้ว และเขาได้คำตอบจริงๆ ไกอัสพยายามตีความหมายของคำว่าฟากฝั่งทะเล เขาคิดว่าทะเลที่ทีเอ็ตต้าบอกอาจเป็นบ้านหลังนี้ บ้านที่เขายืนอยู่ มันติดกับทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตาหรือทะเลอาจหมายถึงคลีเมนไทน์เองก็ได้ บางทีที่แม่ยายมาพบเขา เธอคงอยากผูกชะตาและอยากให้เขาตามหาคู่นิรันดร์โดยไม่หลุดเป้าหมาย
แต่ถ้าไม่มีทีเอ็ตต้าในวันนั้น คงไม่มีเขาในวันนี้
ตัดมาทางคลีเมนไทน์ เธอนั่งตัวเกร็งอยู่หน้ากระจกภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางค์ราวกับซาลอน หน้าท้องเธอรู้สึกอึดอัดกับการที่มันขยายขึ้นเล็กน้อยเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์เดือนที่สาม แต่มันไม่ได้ใหญ่ยื่นจนสังเกตชัดเจน เธอลูบท้องเบาๆภายใต้ชุดลูกไม้สีขาวงดงาม ชุดของเธอมีเนื้อบางเบาขัดกับสภาพอากาศด้านนอก แต่มันไม่เป็นไร เพราะอย่างไรเธอหรือแขกต่างๆคงไม่รู้ถึงอุณหภูมิอีกแล้ว
“ชุดนี้มันเข้ากับเธอมาก” เบลล่าเอ่ยปากชม ขณะที่กำลังจัดแจงให้เรเนสเม่ใส่ชุดเดรสที่คล้ายๆของเธอ เพราะเด็กหญิงมีหน้าที่โปรยดอกไม้นำหน้าเจ้าสาว
“มาๆเดี๋ยวฉันแต่งหน้าให้ โอ๊ะ โรซาลีเธอจัดการเรื่องผมนะ” อลิซเข้ามาด้านในด้วยความกระตือรือร้นมากกว่าปกติ แน่นอนว่าอลิซตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเธออีก การจัดงานในครั้งนี้ก็เป็นฝีมืออลิซอย่างที่ควรเป็น
โรซาลีบรรจงสางผมอย่างเบามือราวกับขนนก เจ้าหล่อนถักช่อผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นเปียและเกล้ามวยผมขึ้น สอดผ้าคลุมหน้าและปักมันไว้ด้วยหวีสีเงินโบราณที่ประดับด้วยบลูแซฟไฟร์ที่เป็นของขวัญแต่งงานจากอาโร ใช่เลย—จากอาโร อาโรนั้นแทบเป็นส่วนขับเคลื่อนหลักของงานแต่งงานครั้งนี้เลย หลังจากวันนั้นเขากระตือรือร้นในการไถ่บาปกับพวกเราชนิดที่น่าตกใจราวพลิกฝ่ามือ บางทีเธอก็คิดว่าอาโรเดาใจยากจนดูไม่สมเหตุสมผล
อ้อ.....มีเรื่องตลกเหลือเชื่ออีกอย่างหนึ่งด้วยคืออาโรเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
ปู่แทบอกแตกตายเลยล่ะ แต่ก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้
“สาวๆเตรียมไปถึงไหนแล้วจ้ะ” อีวาเข้ามาในห้อง หญิงชรายังไม่ทันเอ่ยประโยคใดต่อ เธอก็ตะลึงกับผลงานที่สาวๆแวมไพร์รังสรรค์ขึ้นมา “หลานย่าสวยมาก”
“ผลงานพวกเราดีใช่ไหมละคะ” โรซาลียืดอกภูมิใจ
“พวกเธอเก่งมาก” อีวาเดินแทรกฝ่าวงล้อมมาหยิบขวดน้ำหอมฉีดใส่คลีเมนไทน์ ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์พร้อม ที่เหลือก็แค่รอเวลา
คลีเมนไทน์มองตนเองในกระจกเต็มตา เธอไม่คิดว่าเงาในนั้นคือตนเองด้วยซ้ำ บัดนี้ทุกอย่างที่ประดับตัวเธอถูกต้องตามประเพณี ที่เจ้าสาวต้องประดับสี่อย่าง ชุดแต่งงานคือของใหม่ ปิ่นปักผมเป็นของสีน้ำเงิน สร้อยของแม่คือของเก่าและผ้าคลุมหน้าเป็นของที่ยืมมาจากเบลล่า
“พวกเราไปก่อนนะคลีเมนไทน์” ทุกคนพากันแห่ออกจากห้อง เหลือเธอกับพ่อที่เพิ่งเข้ามา พ่อจ้องเธอด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์
“พ่ออยากให้แม่เห็นลูกจัง” โจอาห์อมยิ้ม
“เห็นสิคะ” เธอเขย่งขาหอมแก้มพ่อ “เพราะแม่อยู่กับพวกเราเสมอ......อยู่ตรงนี้” พลางจิ้มนิ้วไปที่กลางอกของเขา
“ลูกพร้อมยัง” โจอาห์ถาม
“พร้อมค่ะ” เธอจับแขนพ่อ ให้เขาพาเธอไปด้านเพื่อเข้าร่วมพิธีดั่งที่สมควรเป็น
เสียงดนตรีคุ้นหูคลอเคล้าแว่วมา มันเป็นเพลงที่เอ็ดเวิร์ดเล่นประจำ วันนี้เขารับหน้าที่เล่นเปียโน ด้านหน้าของคลีเมนไทน์คือเรเนสเม่ที่กำลังโปรยกลีบกุหลาบสีแดงที่ตัดกับพื้นหิมะ แขกในงานส่งเสียงกระซิบอย่างยินดี พวกเขาหลายคนในนี้คือเหล่าพยานที่เคยร่วมรบกัน มีมาร์คัสที่ไม่แสดงสีหน้าเบื่อโลกกับอาโรอยู่ด้วย เธอหวังว่าแขกๆในงานคงสงบกลั้นอารมณ์ได้มากพอที่จะไม่ทำพิธีวิวาห์เธอล่มเพราะอยากเด็ดหัวสองผู้เฒ่าใจจะขาด
คลีเมนไทน์สอดส่องสายตาต่อการจัดงานได้ยอดเยี่ยมของอลิซ มองเก้าอี้ที่หุ้มด้วยริบบิ้น ทุกสายตาจับจ้องทุกจังหวะการก้าวเดินของเธอ กระทั่งพบปู่ที่สุดปลายทาง ณ ซุ้มดอกไม้ที่เบื้องหลังคือผืนทะเลอันสงบนิ่ง เธอเกือบไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของอาโฮเม่ อา—โชคดีจังที่อาโฮเม่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแทนอาโร ดีแล้วที่ให้เฒ่าหัวดำนั่งอยู่เฉยๆติดกับเก้าอี้
และแล้วในที่สุดเธอก็มาถึงไกอัส มีสายตาอบอุ่นของพ่อคอยส่งเธออยู่ ไกอัสยื่นมือออกมา และด้วยกิริยาที่เป็นสัญลักษณ์เก่าแก่นับแต่โบราณ โจอาห์จับมือของคลีเมนไทน์วางลงในมือของลูกเขย บาทหลวงพูดขึ้น คำสาบานของพวกเราเป็นถ้อยคำอันเรียบง่ายและเป็นไปตามแบบประเพณีนิยมที่ถูกเปล่งออกมาแล้วนับล้านครั้ง ขณะที่ท่านสาธุคุณเอ่ยท่อนของท่าน
อาโฮเม่ที่ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าวก็ส่งกล่องแหวนให้ไกอัส ไกอัสดูชะงักเล็กน้อยเพราะแหวนในกล่องกำมะหยี่ดูละม้ายคล้ายกับแหวนสีน้ำทะเลที่ถูกฉกชิงไป ใช่แล้ว—คลีเมนไทน์หามันเจอในโพรงหญ้า และเธอก็เอามาทำเป็นแหวนแต่งงานสำหรับพวกเราสองคน เขาค่อยๆเลื่อนแหวนสีน้ำเงินสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายเช่นเดียวกับที่เด็กสาวทำ
คลีเมนไทน์ผสานสายตากับดวงตาเจิดจ้าและถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่พวกเราเผชิญมากว่าจะมีทุกวันนี้ได้ และถึงเวลาแล้วที่เธอต้องกล่าวรับคำที่จะผูกพวกเราด้วยกัน
“รับค่ะ” เสียงนั่นสั่นเครือจากความปิติ เมื่อถึงคราวที่ไกอัสต้องพูด เขาก็กล่าวได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“รับครับ”
สาธุคุณประกาศให้เราเป็นสามีภรรยา จากนั้นไกอัสก็เอื้อมมือมาประคองใบหน้าคลีเมนไทน์อย่างทะนุถนอม ราวกับว่าเป็นสิ่งบอบบางดุจกลีบดอกไม้สีแดงพลิ้วไหวที่โปรยตัวอยู่เหนือศีรษะของพวกเรา
เขาจูบอย่างอ่อนโยนและรักใคร่ ลืมเลือนผู้คน ลืมสถานที่ ลืมเวลาและเหตุผล จดจำเพียงแต่ว่าเราต้องผ่านอะไรมาบ้างถึงจะรักกันได้ เมื่อไกอัสเริ่มจุมพิตแล้วก็ต้องหยุดลง เกาะกอดแม่ลูกกวางแนบแน่นเมินเสียงหัวเราะคิกคักและเสียงกระแอมไอในหมู่ผู้ชม เสียงปรบมือดังก้องขึ้นร่วมแสดงความยินดี ขณะเดินฝ่าทุกคน ไกอัสรวบเจ้าสาวขึ้นอุ้มและแนบอิงใบหน้า กรอกกระซิบคำสั้นๆที่เขามีโอกาสพูดให้เธอฟังเสียที
“ข้ารักเจ้าแม่ลูกกวาง”
________________
เวลาล่วงเลยผ่านไปได้สี่ปี่ ป่าฟอร์คยังชุ่มฉ่ำด้วยหยาดฝน เธอกับไกอัสต้องผ่านมรสุมที่เรียกว่าการเลี้ยงลูก ลูกสาวของพวเรามีอายุได้สี่ขวบ เป็นวัยกำลังน่ารักและซุกซน คลีเมนไทน์อมยิ้ม สูดลมทะเลเข้าเต็มปอด เฝ้ามองลูกสาวตัวน้อยวิ่งเล่นกับคนเป็นพ่อ ฝูงหมาป่าและเรเนสเม่ที่เกือบเป็นสาวเต็มตัวอย่างสนุกสนาน
เธอคือส่วนผสมอันลงตัวระหว่างพวกเรา มีดวงตาสีน้ำทะเลถอดมาจากคลีเมนไทน์ มีผมสีบลอนด์อ่อนเหมือนไกอัส เด็กน้อยตัวจ้อยที่รูปลักษณ์ราวกับตุ๊กตาที่ใครๆต่างต้องหลงรักด้วยเสน่ห์เกินห้ามใจ
“วันนี้ก็มาเหรอคะ?” คลีเมนไทน์เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เบนสายตาหาผู้มาเยือนด้านหลัง
“ข้าจะมาหาหลานบ้างไม่ได้เลยหรือ?” คนถูกแซวทำตาขุ่นเคืองใส่ คลีเมนไทน์ถึงกับหัวเราะเยาะเย้ยให้กับอาโร มันดูตลกดีไหมล่ะ? ที่อาโรแปรพักและมอบหัวใจแข็งๆให้ลูกสาวเธอทั้งดวงเพียงแค่สบตาเด็กทารกในห้องคลอด
ตอนนี้เจ้าตัวกลายเป็นผู้เฒ่าเห่อหลานเสียยิ่งกว่าพ่อเธออีก
“มาหาลุงเร็วโมอาเช่” อาโรอ้าแขนรอ
“อาโร อาโร” เสียงและร่างเล็กๆกระโดดกอดขาอาโร
ไกอัสวิ่งจากหาดมาหาเธอ อิงแอบแนบแน่นด้วยกันมองภาพเบื้องหน้า ลูกคือสัญลักษณ์ของพวกเรา เธอคลอดและเติบโตดั่งเด็กทั่วไปและจะหยุดลง มีอายุขัยยืนยาวเหมือนเราๆ โมอาเช่คือชื่อที่พวกเราได้เลือกสรรมาอย่างดี ชื่อที่สื่อถึงทุกสิ่ง
โมอาเช่นั่นหมายถึงท้องทะเลอันเป็นนิรันดร์
เครื่องหมายความรักของพวกเราจากนี้และตลอดไป
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โทษทีนอกเรื่อง(• ▽ •;)
ผ่านร้อนหนาวและอุปสรรคหลายอย่างที่แบบสงสารทั้งคู่ จนสองคนมาลงเอยกัน แต่งงาน มีลูก มีความสุข ยิ่งอ่านในเว็บมีเสียงเปียโนเพลง a thousand years ยิ่งทำให้เราอิน ขอบคุณค่ะไรต์
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ส่วนน้องลังเลสองบ้าน สลิธีรินกับเรเวนคลอ สลิธีรินคงเหมาะเพราะสัมผัสได้ว่าน้องแสบ เรเวนคลอก็ดี เข้ากับตาน้องและคิดว่าน้องน่าจะฉลาด(ดูจากอมนุษย์ที่อยู่รอบๆตัวน้องนะคะ)