ตอนที่ 19 : Chapter 17 | Reminiscence

สักขีพยานยืนเรียงรายเกาะกลุ่มกัน เบื้องหน้าคือผืนหิมะสีขาวสุดลูกหูลูกตา แผ่นฟ้ามืดครึ้มเป็นใจให้กับวันเลวร้ายเช่นนี้ แม้ตรงหน้าจะว่างเปล่า แต่พวกเราทุกตนรับรู้ถึงการมาเยือนของโวลตูรี่ ณ ที่แห่งไกล ในหมู่ไม้เบื้องหลังพวกเรา เหล่าหมาป่าซ่อนเร้นกายอยู่อย่างเงียบงันและเตรียมพร้อม คลีเมนไทน์ได้ยินเสียงหอบหายใจดังและเสียงหัวใจเต้นของพวกหมาป่ารำไร
คลีเมนไทน์แหงนหน้ามองพ่อ ใบหน้าคมคายเครียดเขม็งไม่ต่างจากพยานทุกตนที่อยู่ตรงนี้ เธอกระชับวงแขนหนาแน่นขึ้น แน่นราวกับว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิตที่เธอจะได้กอดพ่อ เธอหวังพอๆกับคาร์ไลล์ว่าวันนี้ปัญหาจะยุติด้วยสันติวิธีโดยที่ไม่ต้องสูญเสียอะไรไป พวกเราทุกตน.....ทั้งครอบครัวและพันธมิตรต่างเขยิบเข้ามาใกล้กัน
เสียงขู่แผ่วต่ำลอยมาจากเอ็ดเวิร์ด สายตาของแวมไพร์หนุ่มจับจ้องไปยังผืนป่าทางทิศเหนือ ทุกสายตามองไปทิศทางเดียวกัน และรอคอยขณะที่วินาทีสุดท้ายเคลื่อนผ่านไปก็ปรากฎขบวนแถวโออ่าผ่านแมกไม้
โวลตูรี่เป็นขบวนที่จัดวางมาได้อย่างเข้มงวดและเป็นระเบียบ พวกเขาเคลื่อนมาด้วยกัน แต่ไม่ใช่การเดินแถวแบบสวนสนาม ภายใต้เสื้อคลุมผืนหนาที่คุ้ยเคยบนภาพจำ มองแล้วละม้ายคล้ายกลุ่มก้อนดำมืด อาโรหยุดลงถอดหมวกฮู้ดสยายไปด้านหลัง เลื่อนสายตาพิจารณาอมตะชนที่ดูสะเปะสะปะและอยุติธรรมในความคิด หลายๆตนนั้นคืออดีตสมาชิกมือดีที่เขาไม่สามารถรั้งได้
ขณะที่บทสนทนาแสนหนักอึ้งระหว่างคาร์ไลล์กับอาโรกำลังลื่นไหล คลีเมนไทน์เพ่งสายตาไปที่ไกอัสอันแสนไกล การแบ่งฟากฝั่งโดยมีพื้นสีขาวขีดค่าตรงกลางมันทำให้เธอรู้สึกห่างเหินและยากเกินเอื้อม เขาดู......ว่างเปล่ามากกว่าที่เคย ล่องลอย เหมือนไม่ใช่ตัวเองเฉกเช่นเดียวกับมาร์คัสเฒ่าหน้าตาย
“ยุ่งยากเข้าไปทุกที……” โจอาห์พึมพำและเหลือบสายตาหาอีวาแม่ของตน คำพูดของเขาทำให้ลูกสาวกระตุกแขนเสื้อเรียก
“พ่อหมายถึงอะไรคะ?” คลีเมนไทน์ถามด้วยใจที่ร้อนรนปนไม่เข้าใจ
“ไกอัสโดนควบคุม” อีวาพูดเสริม หญิงชราเดินขนาบข้างหาหลานสาว เธอเองก็เป็นผู้ควบคุมจิตใจเช่นเดียวกับเชลซี ดังนั้นอีวาจึงสามารถดูได้ว่าใครกำลังถูกควบคุมอยู่
อีวาและคลีเมนไทน์เบนสายตาจับจ้องไปที่เอริน่า พยานทางฝั่งโวลตูรี่ที่นำเรื่องเด็กอมตะมาแจ้งกับอาโร ไกอัสแผดเสียงตวาด ก้าวเข้ามาใกล้และตบหน้าเอริน่า อันที่จริงสำหรับอมตะชนมันอาจไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่การกระทำนี้เหมือนเป็นการเหยียดหยาม ธัญญ่าและเคทขู่ฟ่อขึ้นมาพร้อมกัน พวกหล่อนไม่สามารถทนได้กับการเห็นพี่สาวถูกตบ
“นี่คือเด็กที่เจ้าเห็นใช่ไหม?” ไกอัสคาดคั้น “คนที่เจ้าบอกว่าเป็นเด็กอมตะอย่างแน่นอน”
เอริน่าเพ่งไปยังเรเนสเม่ที่อยู่บนหลังเจคอบ สำรวจตรวจตรา ใบหน้างามมีเววสับสน
ไกอัสแยกเขี้ยว “ว่าไง?”
“ฉะ....ฉันไม่มั่นใจค่ะ” เอริน่าบอก “เธอไม่เหมือนเดิม เธอเปลี่ยนไป เด็กนี่ตัวใหญ่กว่าเด็กที่ฉันเห็นวันนั้น แต่—”
เสียงอุทานด้วยความเดือดดาลปะทุออกมาจากคมเขี้ยวของไกอัส และเอริน่าก็หยุดค้างไปโดยไม่พูดต่อให้จบ อาโรโฉบไปที่ข้างไกอัสและวางมืออย่างปรามๆลงบนไหล่ของเฒ่าหิมะ อาโรต้องการรู้ถึงข้อเท็จจริงทุกอย่าง แต่เขาก็ปฏิเสธการจับมือกกับคาร์ไลล์เพื่อตรวจสอบความทรงจำ เขาเรียกร้องคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้อย่างเช่นเอ็ดเวิร์ด
ด้วยรอยยิ้มแสนสบายใจ อาโรจับมือเอ็ดเวิร์ด ดวงตาของเฒ่าหัวดำปิดลง จากนั้นเขาก็แน่นิ่งภายใต้การหลั่งไหลของข้อมูลจำนวนมหาศาล ทุกกลยุทธ์ ทุกความคิดลับๆ ทุกอย่างของเอ็ดเวิร์ดตกเป็นของอาโร
“คุณเห็นแล้วใช่ไหมครับ?” เอ็ดเวิร์ดถาม
“ใช่ ฉันเห็นแล้ว แน่นอน” อาโรยอมรับด้วยความอัศจรรย์ใจ “ฉันขอพบได้ไหม” เขาถามเกือบขั้นขอร้องด้วยความสนใจคละกระตือรือร้นที่จะวิงวอนต่อแวมไพร์ผู้อ่อนเยาว์ในการขอพบเรเนสเม่
เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าอย่างฝืนใจ ถึงกระนั้นเขาก็ลอบส่งสายตา ร้องเรียกเบลล่าเสียงแผ่ว “เบลล่า......พาเรเนสเม่มาและก็เพื่อนๆอีกสองสามตน”
เบลล่าพยักพเยิดต่อต้านเล็กน้อย มันเสี่ยงที่จะพาลูกสาวไปกลางวงขัดแย้งแต่หญิงสาวก็เชื่อใจเอ็ดเวิร์ด เบลล่าหันไปเรียกสหายที่เบื้องหลัง “เจคอบ เอ็มเม็ตต์ คลีเมนไทน์”
สามคนที่ขานเรียกก้าวเดินออกมา แต่โจอาห์เคลื่อนตัวยกแขนห้ามเอ็มเม็ตต์ “เดี๋ยวฉันไปเอง” เขาขออาสาไปแทนเอ็มเม็ตต์ซึ่งเบลล่ายินยอม การเลือกของเบลล่าถือว่าฉลาดไม่เลว โดยการเอาสายป้องกันอย่างคลีเมนไทน์ออกไป แต่เขาคงไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวตนเองไปเผชิญหน้ากับพวกมันโดดๆแน่
คลีเมนไทน์เดินข้ามลานโดยมีพ่อประกบข้างตัวเธอและเรเนสเม่ เด็กสาวได้ยินเสียงคำรามจากพวกองค์รักษ์และอาโรเมื่อพวกเขาเห็นผู้ที่เบลล่าเลือกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่พอใจที่เห็นมนุษย์หมาป่าอย่างเจคอบ อาโรยกมือปรามอีกครั้งและปรายตา เหยียดยิ้มไล่สายตาจ้องมาที่เธอและพ่อ
“เจอกันอีกแล้วโจอาห์ เบลล่าและหนูคลีเมนไทน์” อาโรยิ้มอวดดีปนเจ้าเล่ห์ราวกับมีอะไรสลักในใจ
สามคนที่เฒ่าหัวดำทักทายฝืนส่งยิ้ม แล้วอาโรก็ละความสนใจจากอมตะชนมาสนใจเด็กหญิงตัวน้อยที่เกาะขาเจคอบอยู่ เขาพลันกลั้วหัวเราะราวเสียสติเพราะได้ยินเสียงหัวใจเต้นจากเรเนสเม่ “เธองดงามมาก” ปากอ้า พล่ำชมเด็กหญิงไม่หยุด
“สวัสดีเรเนสเม่” เขาก้มตัวเล็กน้อย ส่งเสียงทัยทาย ปั้นหน้าเป็นมิตรอย่างที่ตนทำเสมอมา
เรเนสเม่ลังเลครู่หนึ่ง แต่เด็กหญิงก็ตอบกลับด้วยเสียงใสตามประสาและเลื่อนมืออบอุ่นแตะใบหน้าของอาโร “สวัสดีค่ะอาโร”
“ครึ่งมนุษย์ ครึ่งอมตะ” อาโรประกาศกร้าวโดยไม่ละสายตาอย่างหลงใหลไปจากเรเนสเม่ “เกิดจากครรภ์แม่ตอนที่ยังเป็นมนุษย์”
คลีเมนไทน์รู้ได้ทันที่ว่าอาโรต้องการตัวเรเนสเม่เหมือนๆกับเธอ เด็กสาวก้าวขาฉับไวอุ้มเรเนสเม่ออกห่างจากเฒ่าหัวดำ ต่อให้อีกฝ่ายพร่ำบอกรักหรือเชิดชูเรเนสเม่ขนาดไหน แต่เธอรู้ดีว่าเขากำลังโกหก เหมือนดั่งที่คนอื่นก็รู้แจ้ง ดูได้จากปฏิกิริยาของเอ็ดเวิร์ดและสหายที่อยู่เบื้องหลังที่กำลังแผดเสียงขู่ฝ่อๆ พ่อ เธอ เจคอบ เอ็ดเวิร์ดและเบลล่าล่นถอยออกมา ระยะห่างระหว่างพวกเราเหลือราวๆห้าสิบหลา สามผู้เฒ่ากำลังสุมหัวปรึกษาหารือ เด็กสาวเหม่อจ้องใบหน้าไกอัสที่ไม่คุ้นเคยในสายตาอยู่นานจวบจนที่พ่อช่วยดึงสติกลับมา
โจอาห์เดินหาคาร์ไลล์ กรอกกระซิบข้างหู “ดูมันเพลี่ยงพล้ำ ฉันว่าเตรียมป้องกันหน่อยก็ดี พวกนั้นเล่นไม่ซื่อแน่ๆ”
คาร์ไลล์พยักหน้าเล็กน้อย ลอบส่งสายตาให้เบลล่า กลับไปรวมตัวกับทุกคน บทสนทนาที่ดูเหมือนกำลังพิพาทระหวางสามผู้เฒ่าจบลงและไกอัสประกาศก้องโดยฉับพลัน
“ข้าต้องการพูดกับผู้ให้เบาะแส”
เอริน่านั้นไม่ได้สนใจบทสนทนาระหว่างอาโรกับไกอัส เพราะสีหน้าเธอยับย่นทุกข์ใจ สายตาเธอจับจ้องอยู่ที่พี่น้องที่พี่น้องเธอ ซึ่งเรียงรายรอความตาย ใบหน้าของเธอบ่งบอกชัดเจนว่าเธอรู้แจ้งแล้วต่อคำกล่าวหาอันผิดเพี้ยนของตนเอง
ไกอัสยกมือขึ้นขณะที่เอริน่าสะดุ้ง ในมือของเขาปรากฎโลหะหน้าตาประหลาดที่ประดับประดาอัญมณีอย่างงดงาม นี่เป็นสัญญาณ การตอบสนองเป็นไปอย่างรวดเร็วถึงขนาดที่ว่าพวกเราทั้งหมดตะลึงงันมองอย่างไม่เชื่อสายตาในขณะที่มันเกิดขึ้น และก่อนที่จะได้มีเวลาลงมือทำอะไร มันก็สิ้นสุดลงแล้ว
ทหารของพวกโวลตูรี่สามตนกระโจนมาด้านหน้า ในชั่วขณะเดียวกันที่เสียงแหลมบาดหูผสมกับเสียงปริแตกก้องลานโล่ง ไกอัสแทรกเข้าไปกลางความชุลมุน ร่างของเอริน่าถูกบิดเป็นส่วนๆพร้อมกับที่เขาลงมือใช้คบเพลิงแผดเผาเอริน่า ลูกไฟพวยพุ่งขึ้น ลุกพรึบโชดช่วงเผาร่างของแวมไพร์สาวให้มอดม้วย คลีเมนไทน์หลบสายตาจากภาพน่าสยดสยองเกินกว่าจะพิตมอง เธอไม่อยากเชื่อสายตาว่าปู่จะสังหารได้อย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้ แรงควบคุมของเชลซีมันน่ากลัวเหลือเกิน
วินาทีที่ร่างของเอริน่ากลายเป็นเถ้าถ่าน อุบายเพื่อตัดสันติภาพระหว่างสองฝั่งได้ถูกสะบั้นด้วยเงื้อมมือของไกอัสโดยที่อาโรไม่ต้องลงมือกระทำเอง เพียงแค่ชักใยทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง เหล่าองค์รักษ์โวลตูรี่ไม่ได้ยืนอย่างเป็นระเบียบอีกแล้วพวกเขาค้อมตัวมาข้างหน้า รอที่จะกระโจนเพื่อโจมตีกลับทันทีเมื่อมีโอกาส
ขณะที่ลานโล่งกว้างอันหนาวเหน็บกำลังร้อนระอุไปด้วยเสียงคมเขี้ยวกับข้อยัดเยียดหาความผิดจากอาโร “ทำไมไม่ออกมาหาพวกเราล่ะ อลิซ?” เอ็ดเวิร์ดก็พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“อลิซ!!?” เอสเม่กระซิบด้วยความตกใจ
อลิซ อลิซ อลิซ!
“อลิซ?” เสียงพึมพำอื่นๆดังขึ้นรอบตัว จดจ้องร่างเพรียวบางของอลิซที่ทุกคนคิดว่าหนีหายไปก่อนที่พวกเราจะรวบรวมพยาน
อลิซเริงระบำเข้ามาในลานกว้างพร้อมแจสเปอร์ และ.....แวมไพร์แปลกหน้าอีกสามตนที่พวกเขาพามาด้วย อลิซใช้ความพยายามอย่างมากในการควานหาตัวพยานสำคัญ เธอก้าวขาหาอาโร ผายมือแนะนำชาวอินเดียนสามตนด้านหลังให้ปรากฎสู่สายตาเฒ่าหัวดำ
“นี่คือฮุยเลน และนาฮูเอลหลานชายของเธอค่ะ”
“พูดมาฮุยเลน” อาโรสั่ง “จงให้การไปตามที่เจ้าถูกนำมาเพื่อเป็นพยานเถิด”
ฮุยเลนดูกังวลเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะร่ายประวัติยืดยาวเกี่ยวกับนาฮูเอลหลานชายของตน เล่าเรื่องราวถึงเทพบุตรรูปงานตนหนึ่งที่มาหลอกล่อไพร์น้องสาวของเธอให้ตั้งท้องปีศาจตามตำนานของเผ่าปูเช่ คราแรกเธอกะสังหารอสูรกายในท้องน้องสาว แต่น้องสาวของเธอรักเขามากและไม่ยินยอม จวบจนที่คลอดนาฮูเอลออกมา ฮุยเลนโดนหลายชายกัด และนับแต่นั้นเธอจึงกลายเป็นอมตะ แล้วเลี้ยงดูหลานชายให้เติบใหญ่จนเขาสามารถออกล่าเหยื่อเองได้
เมื่อสิ้นประโยค ริมฝีปากของอาโรยื่นออก เขามองไปที่ชายหนุ่มผิวเข้มและซักถาม “นาฮูเอล เจ้ามีอายุหนึ่งร้อยห้าสิบปีงั้นหรือ?”
“บวกหรือลบทศวรรษหนึ่งได้ครับ” นาฮูเอลตอบอย่างไพเราะ “เราไม่ได้นับกันจริงๆจังๆสักเท่าไหร่”
บทสนทนาของนาฮูเอลไหลผ่านไปจนอาโรมั่นใจว่าเรเนสเม่ไม่เป็นอันตรายใดใด “ข้าไม่เห็นภัยคุกคาม” คำพูดของเขาราวกับเสียงสวรรค์ที่ทำให้เหล่าพันธมิตรดีใจ เรื่องมันเหมือนจะจบแค่ตรงนี้
แต่ว่า......
“หมดเรื่องของหนูเรเนสเม่แล้วก็จริง แต่ข้ายังมีข้อกังขาต่อ” อาโรเลื่อนสายตาหาแวมไพร์ลิทัวเนียเรียงตนจนมาหยุดค้างที่คลีเมนไทน์ “เป็นการส่วนตัว”
คูมินกับอีวาแทบหลุดหัวเราะ หญิงและชายชราเคลื่อนตัวรวดเร็วเผชิญหน้ากับอาโรอย่างไม่มีความหวาดกลัว
“จะบอกว่ามีเรื่องกับพวกเราเหรออาโร?” คูมินถามเสียงกระเซ้า
“ใช่” เฒ่าหัวดำเชิดหน้าขึ้น “หลานสาวเจ้า.......ผิดสัญญากับข้า”
“สัญญาแค่ลมปาก ไม่ได้ลงรายลักษณ์อักษรนี่” เฟอร์โรลพูดเสริม “ข้ออ้างงี่เง่าแบบเด็กๆของแกไม่ได้ทำให้แกได้ตัวหลานสาวฉันไปง่ายๆหรอกนะไอ้หัวหดในกระดอง”
“เซฟๆอารมณ์วอนบาทาหน่อยเฟอร์” โฮเม่ร่วมสมทบ ร่างบอบบางเกินบุรุษเข้าคล้องคอพี่ชาย
คลีเมนไทน์เดินมาหาอาโร “หนูเองก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกัน และคิดว่าคุณรู้ทุกอย่างดีอยู่แล้ว รู้ด้วยว่าหนูไม่ได้มีใจเต็มร้อยที่จะอยู่กับคุณและสิ่งเดียวที่คุณผูกมัดต่อตัวหนูถึงขั้นกระสันอยากครอบครองนักหนา คุณก็แค่รู้สึกเสียหน้าที่โดนปู่คูมินหยามเกียรติเท่านั้น คุณถึงได้พยายามปั่นประสาทและดึงเกมตลอดเวลา ใช่ไหม?”
“เจ้ารู้ใจข้าแบบนี้ จะไม่ให้ข้าถูกใจเจ้าได้อย่างไร” อาโรหัวเราะ กวักมือเล็กน้อยเพื่อส่งสัญญาณ แล้วอาเธโนโดร่าก็ออกมายืนข้างเขา “เจ้าจะได้ทุกอย่างที่ปรารถนารวมถึงชีวิตของนาง เพียงแต่.....เจ้าต้องมาสังกัดกับข้า เจ้าจะยอมตกลงไหม?”
อาโรเสนอข้อแลกเปลี่ยนอันหอมหวานเพื่อให้เด็กสาวตกหลุมพราง
แต่อาเธโนโดร่าส่ายหน้าไม่ยินยอม “ไม่เหมือนที่เราตกลงกันไว้นี่อาโร” หญิงสาวมองรอยยิ้มของอาโรแล้วพลันเสียสติเข้าคว้าคอคลีเมนไทน์ ถ้าอาโรไม่คิดจะสังหารนังเด็กครึ่งปลานี่ เธอขอจบชีวิตมันด้วยตนเอง
แขนของแวมไพร์สาวถูกเตะแตกเป็นเสี่ยงด้วยฝีมือของโฮเม่ และพ่อเข้ามาผลักเธอกระเด็นจนกลับไปยังฝั่งที่พวกเบลล่ายืนอยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก โจอาห์เคลื่อนตัวมาหักคออาเธโนโดร่า ไกอัสโถมตัวโฉบโจอาห์หมอบราบกับพื้นและออกแรงผ่านสองมืออย่างไร้สติตามคำสั่งการควบคุมของเชลซี อีวาแผดเสียงร้องบ้าคลั่งพุ่งโจมตีใส่เชลซีที่อยู่ไกลออกไป
ยามเมื่อองค์รักษร่างยักษ์กำลังถาโถมโจมตีใส่มารดาตน เฟอร์โรลก็ไวพอที่จะสั่งให้พวกนั้นทั้งหมดหลับไหลก่อนที่จะถึงตัว คูมินเป่าล่างทหารมือดีของอาโรเป็นผุยผงและยืดร่างของมาร์คัสเตรียมเด็ดหัวพร้อมๆกับที่โฮเม่ตรึงอาโรไว้ ส่วนอีวาเธอฉกชิงคบเพลิงมาแผดเผาร่างของอาเธโนโดร่าให้มอดไหม้
วินาทีที่ร่างของอาเธโนโดร่ากลายเป็นขี้เถ้านั้นหมายถึงพลังของหล่อนได้จางหายไปเฉกเช่นเดียวกัน มวลภาพมหาศาลไหลผ่านเข้าสู่สมองของไกอัส รสชาติ การสัมผัสแสนอบอุ่นและดวงตาสีน้ำทะเล ความทรงจำที่ย้อนราวกับการกลอภาพ ย้อนไปไกล ไกลเสียจนถึงจุดเริ่มต้นเมื่อสามพันปีก่อน
ก่อนที่เขาจะกลายเป็นอมตะ
ตัวเขาที่ยังละอ่อนต่อโลกอยู่ภายใต้การดูแลของวิหารที่บูชาเทพีอโฟรไดท์ ล่องลอยเรื่อยเปื่อยและมักจะตั้งคำถามกับตนเองเสมอว่าตัวเขาต้องการอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาได้พบกับนักบวชหญิงปริศนา “สวัสดีพ่อหนุ่ม” เธอกล่าวทักทายเขาด้วยเสียงอันไพเราะเช่นเดียวกับใบหน้างามเกินคน หยิงสาวนั้นมีผมสีน้ำตาลอ่อนประดับคู่กับดวงตาสีน้ำทะเล คอเรียวระหงษ์นั้นเข้าได้ดีกับสร้อยสีเงินเส้นเล็ก
“ครับ” เขาตอบรับและเธอก็หัวเราะให้กับท่าทางเก้ๆกังๆไม่ประสีประสา
“เจ้าสนใจดูดวงรึเปล่า?” เธอถาม แม้จะดูแปลกประหลาดในความคิดแต่เพราะเขาอยากพูดคุยกับเธอจึงพยักหน้าตกลงไป ถึงปากเธอจะบอกว่าดูดวงแต่เธอทำให้เขาได้เห็นนิมิตทั้งหมด นับเป็นความวิเศษแรกที่เขาพบในชีวิต มันเป็นภาพของเด็กสาวที่มีดวงตาและรูปลักษณ์คล้ายกับหญิงสาวตรงหน้า
เด็กสาวในนิมิตส่งยิ้มกว้างให้เขาพร้อมเพรียงกับที่มีผืนคลื่นซัดเข้าหน้าและเสียงของคำว่า โพรฟอนโด้ โคโม เอล มาร์ ลึกล้ำดุจดั่งทะเลก้องกรอกหู มีคำถามว่าเด็กสาวคนนั้นคือใครผุดขึ้น แม้จะไม่เคยเจอหรือไม่รู้จักแต่เขากลับรู้สึกผูกพันและอยากถวิลหาเธอ
“นางเป็นใคร?” เมื่อภาพนิมิตจบลง เขาเอ่ยถามกับหญิงสาวทันที
“สิ่งล้ำค่าเดียวที่ผูกกับเจ้ามาตั้งแต่ต้น นางคือคำตอบที่เติมเติมอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเป็นทุกอย่าง เป็นทุกลมหายใจ เป็นกันและกัน” หญิงสาวปริศนาตอบ
“นางอยู่ที่ใด”
“ไกล.....ไกลออกไปมากๆ” นักบวชหญิงคลี่ยิ้ม “เจ้าต้องค้นหานาง”
“แล้วข้าจะหานางได้อย่างไร”
เธอเงียบเพียงครู่ แล้วก้มพรมจูบหน้าผากไกอัสแผ่วเบาและกระซิบ “ถ้าเจ้าพบข้าอีกครั้งอาจได้คำตอบที่ตามหา แต่เจ้าจงไปที่อีกฟากฝั่งทะเลสิ” การกระทำของเธอทำเขาชะงักค้าง แต่กว่าที่ไกอัสจะได้ทันรู้สึกตัว นักบวชหญิงคนนั้นก็หายไปจากสายตา
ราวกับว่าทุกอย่างเป็นความฝัน แต่ความอุ่นตรงหน้าผากที่ตกค้างนั้นช่วยตอกย้ำว่ามันคือเรื่องจริง เขาทวนคำพูดสุดท้ายของเธอและมุ่งหน้าออกสู่ทะเลจนมาเจอวิหารเฮร่าที่อาเธโนโดร่าอยู่และถูกลบความทรงจำตรงนั้นไป ทว่า—แม้จะว่างเปล่า แต่ดูเหมือนเขาจะขับเคลื่อนตามคำว่าโพรฟอนโด้ โคโม เอล มาร์ อย่างไม่รู้ตัวมานับสหัสวรรษ คอยตามหานักบวชหญิงคนนั้น สังเกตได้จากวีรกรรมที่เขาไล่เผาโบสถ์ช่วงยุคกลาง
ตามหาเรื่อยๆ เรื่อย เรื่อยมานับพันปี......กระทั่งเขาได้พบแม่ลูกกวางที่โวลเตอร์ราด้วยกลิ่นอายอันเชื้อเชิญคนึงหายากจะอดใจไหวเพียงแค่เดินสวนกันสั้นๆ การที่เขาลากคลีเมนไทน์ลงท่อและดูดเลือดเธอคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง เด็กสาวดวงตากลมโตราวลูกกวางที่เป็นเหยื่อขัดกับนิสัยใจกล้า บ้าบิ่นนั้นช่วยกระตุ้นความทรงจำที่ถูกฝังลึก
ทุกครั้งที่มีเธออยู่ในสายตา ทุกครั้งที่สัมผัส ทุกอารมณ์ของเธอ ถักทอทุกอย่างขึ้นในใจเขา เขารู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นของเขา
เป็นสิ่งที่ตามหามาแสนนาน
คลีเมนไทน์.....เธอคือคู่นิรันดร์อันแท้จริง อีกครึ่งชีวิตที่มาเติมเต็มความว่างเปล่าของเขา
ยามที่ความทรงจำตีวนย้อนมั่วซั่วจากอดีตหวนคืนสู่ปัจจุบัน ใบหน้าเลื่อนลอยราวดำดิ่งสู่ฝันของไกอัสเริ่มตื่นเต็มตา
“ไม่!!!!!”
เสียงหวีดแหลมเจียนทรมาณของแม่ลูกกวางทำให้เขาหลุดออกจากการระลึกทุกสิ่งโดยสมบูรณ์ และเริ่มใคร่ครวญถึงการกระทำของตนเอง ณ ตอนนี้ ไกอัสเบิกตากว้าง นิ่งค้างจนถึงขั้นบื้อใบ้ เขาก้มมองสองมือของตนเองที่กำลังถือศีรษะเสี้ยวหนึ่งของโจอาห์ ไกอัสสลับมองรอบตัว ค่อยๆสบตาคลีเมนไทน์ เธอถูกพวกคัลเลนกดไว้ไม่ให้มากระชากคอเขา แม่ลูกกวางนั้นแผดเสียงทั้งน้ำตา สาปส่งถึงขั้นคลั่ง
นี่เขาทำอะไรลงไป
ไม่นะ—เขาฆ่าโจอาห์ไปเสียแล้ว ด้วยมือคู่นี้.........
︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱
TALK
รีดคิดไปหนายกานนนนนน ไรต์ไม่ใจร้ายถึงขนาดทำน้องแท้งหรอกน่า(หัวเราะ) แต่ก็ไม่ใจดี หึ หึ ให้รีดๆมโนเอาว่าคู่น้องกับปู่จะลงเอยยังไงใกล้คลายปมปริศนาเล็กน้อยนะว่านักบวชหญิงที่โผล่มาตลอดคือใคร จะเฉลยในตอนจบนะคะ บายค่ะรีด รักษาสุขภาพในช่วงนี้ด้วยนะคะ
ปล.ไรต์นอนเวลานี้ประจำค่ะช่วงนี้ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ไรต์นอนเต็มอิ่มดี ฝันดีค่ะทุกคน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถ้าเป็นเรื่องจริงนี่ ไกอัสก็เป็น'ฆาตกร'ฆ่าพ่อเลยนะ ถ้าเกิดไรท์ยังแต่งให้ลงเอยกันมันก็จะดูไม่สมเหตุสมผลอ่า ฆาตกรฆ่าพ่อเลยนะ แต่ใจนึกก็รักมากอ่า คลีมมี่ตายทั้งเป็นเลยเด่อ
แต่ถ้าเป็นแค่นิมิตของอลิซรับประกันแฮปปี้เอ็นดิ้งของทั้งคู่ได้เลย
ถ้าพ่อน้องคลีมมี่ตายจริงๆ ไรต์โหดร้ายมากเลยนะ
ปวดตับเลยไรท์แงงง ขอร้องแค่ภาพนิมิตได้ไหม;;--;;