ตอนที่ 1 : Chapter 01 | Villian Victim

เดือนกันยาของจังหวัดปิซา ณ อิตาลีแห่งนี้อากาศช่างร้อนนัก ร่างแน่งน้อยของเด็กสาวเดินปาดเหงื่อ ขาสองข้างก้าวอย่างเอื่อยเฉื่อยไปตามถนนที่ปูด้วยอิฐแดง สายตาทอดมองบ้านที่มีสีเดียวไม่ต่างกับพื้นถนน ทิวทัศน์กับลมทะเลของเมืองโวลเตอร์รายามเย็นที่ประดับประดาด้วยไฟจากเทศกาลหลากสีสันสวยงามจนเธอต้องยกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ
“ เป็นเมืองที่ไม่เลวเลย ” เธอยกยิ้มหลังจากถ่ายได้ภาพสวยๆตามต้องการ
นับเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการติดสอยห้อยตามคุณพ่อที่เป็นนักเขียนและนักประวัติศาสตร์มาที่เมืองแห่งนี้ ด้วยงานของเขามันทำให้เธอไม่ได้อยู่ที่เดิมบ่อยนัก อ้อ—ส่วนเธอมีชื่อว่าคลีเมนไทน์ ที โอเดนเนลล์ เกิดและมีบ้านอยู่ทราไก อดีตเมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย เธอรักภูมิประเทศของที่นั่นแต่คลีเมนไทน์ก็ไม่ได้เกลียดการเดินทางเท่าไหร่นัก
การไม่ได้อยู่ที่เดิมซ้ำสองอย่างน้อยมันทำให้เธอได้ความรู้และเปิดกว้างกับโลกมากขึ้น ติดนิดหน่อยตรงที่คุณพ่อมักจะห่วงเธอมากเกินไป อย่างเช่นตอนก่อนที่เธอจะขอมาเดินเล่นชมงานเทศกาลคนเดียว เขาดูกังวลแต่ก็ดันแกล้งแหย่เธอเล่นว่า ‘ ถ้ากลับดึกระวังโดนตัวอะไรลากไปกินล่ะคลีมมี่ของพ่อ ’
อืม......แกล้งเหมือนเธอเป็นเด็กไปได้ มันจะมีตัวอะไรลากคนเป็นๆไปกินบ้าง?
ไม่มีหรอก นอกเสียจากจะเป็นพวกวิกลจริตเข้าขั้นจริงๆ ไม่ก็สัตว์ดุร้าย
คลีเมนไทน์สะบัดหัว ไล่ความคิดไร้สาระออกจากสมอง รุดหน้ามองหาร้านอาหาร ระหว่างทางเธอเดินสวนกับคนคนนึง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เด็กสาวสนใจจนต้องหยุดเดินคือการแต่งตัว เขาคนนั้นใส่ผ้าคลุมหนาสีดำสนิทลากยาวเกือบถึงพื้น ใส่ทั้งที่อากาศร้อนขนาดนี้เนี่ยนะ? เธอมองจนเขาทิ้งห่างจากเธอไปเรื่อยๆและสุดท้ายก็ละความสนใจ วกตัวกลับไปตามทางของตนเองต่อ
สายลมฤดูร้อนลูกหนึ่งพัดผ่านจนผมสีน้ำตาลอ่อนปลิวสยายไปกับอากาศ คลีเมนไทน์ปัดมันออกด้วยความรำคาญและกำลังหายเข้าไปในร้านอาหาร
“ อา.....”
ร่างใต้ผ้าคลุมพลันหยุดชะงัก สูดลมหายใจลอดผ่านจมูกสันโด่งเสียงดัง หันเหศีรษะหาต้นตอของกลิ่นชวนน้ำลายสอ ไกอัส โวลตูรี ใช้หางตาตวัดปราดนึง กรอกนัยน์ตาสีโลหิตทั่วทิศทาง เฟ้นหาเจ้าของกลิ่นท่ามกลางคนจำนวนมาก สายตาของเขาดีกว่ามนุษย์หลายเท่าตัวนัก เขาเห็นแม้กระทั่งละอองฝุ่นที่กระจายบนอากาศ ไกอัสไม่เห็นร่างของอาหารตนนี้แต่กลิ่นยังคงตกค้าง เขาเงยหน้าขึ้น เอนเอียงศีรษะไปมาอย่างเคลิบเคลิ้ม ขยับริมฝีปากจินตนาการถึงรสชาติเลือด
จะมีรสแบบไหนเขาไม่อาจหยั่งถึง รู้แต่ว่ามันน่ากินมาก
“ ข้าคงต้องรอมืดกว่านี้เสียก่อน ” ไกอัสกระตุกยิ้ม มันยังไม่ถึงเวลาล่า ไม่รู้หรอกว่าเจ้าของกลิ่นคือใคร แต่เขาสลักกลิ่นนี้ในภาพจำแล้ว ต้องอดใจเข้าไว้—เมืองโวลเตอร์ราเป็นอาณาเขตพำนักของเขา มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาตัวเหยื่อเลย
เวลาเกือบประมาณสองทุ่ม หลังจากที่คลีเมนไทน์ออกจากร้านอาหาร ท้องของเธออิ่มเสียจนแทบเดินไม่ไหว เด็กสาวยังไม่อยากกลับโรงแรมจึงมาสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายอย่าง พาลาซโซ เดอิ ไพรออรีหรือหอนาฬิกาบนคฤหาสน์เก่าที่ตั้งอยู่จัตุรัสกลางเมือง น่าแปลกตรงที่เข้าช่วงเทศกาลแท้ๆแต่ดันมีผู้คนน้อยกว่าที่คิดไว้ น้อยเสียจนเกือบเป็นป่าช้า
“ ถ่ายอีกสักรูปแล้วค่อยกลับดีกว่า ” เมื่อบรรยากาศมันไม่น่าอยู่ต่อ เธอจึงตัดสินใจถ่ายรูปอีกรูปนึงก่อนจะกลับโรงแรม
เด็กสาวก้าวขาเดินผ่านตรอกแคบๆระหว่างตึกของหอนาฬิกา เพ่งสมาธิกับการจับโฟกัสกล้องที่ไม่ติดเสียที
ฉับพลันคลีเมนไทน์รับรู้ถึงแรงกระชาก กล้องบนมือเธอหลุดออก หูได้ยินเสียงของแตกกระจายกระทบกับพื้น ไม่ต้องนึกเลยว่ากล้องจะเละขนาดไหน เด็กสาวกรอกตาแต่ไม่เห็นสิ่งใด ร่างของเธอกลืนหายไปกับเงาสีดำตรงตรอก จะส่งเสียงร้องก็ร้องไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองถูกอะไรบางอย่างพาตัวไปอย่างรวดเร็วมาก มันลากเธอผ่านช่องแคบที่คาดน่าจะเป็นโพรงท่อ เธอหลับตาด้วยความกลัว หายใจเพื่อทุเลาความกังวลทั้งที่ไม่ได้ช่วยอะไร
สิ่งที่พ่อพูดเหมือนเป็นลาง เธอไม่น่าออกมาเที่ยวเทศกาลคนเดียวเลย
เธอกำลังถูกลากไปกินหรืออาจจะถูกฆ่าจริงๆใช่มั้ย?—ไม่เอานะ! เธอต้องหนี
เด็กสาวออกแรงดิ้นแต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกเลย สักพักเธอรู้สึกตัวลอย หลังกระแทกอัดกับกำแพง คลีเมนไทน์เบิกตากว้างและนั่นแหละที่ทำให้เธอได้เห็นเจ้าตัวประหลาดที่ลากเธอลงท่อ
โอ้ ก็อต—เธออุทานในใจ เบื้องหน้าเธอคือชายหนุ่มรูปงามคนนึง เครื่องหน้าสวยชนิดที่ไม่เกรงใจผู้หญิง ใบหน้าคมคายไร้ซึ่งอารมณ์ ผิวขาวซีดราวกระดาษ เส้นผมสีบลอนด์อ่อนที่ขาวจนเกือบเทียบเท่าหิมะ นัยน์ตาสีโลหิตวูบไหวจนดูน่ากลัว ไม่ต้องใช้สมองกลั่นกรองก็รู้ได้ทันที่ว่าเขาไม่ใช่คน มือเรียวยกขึ้นประคองใบหน้าเธอ เพียงสัมผัสแรกเธอหนาวสะท้าน มือของเขาไม่มีแม้แต่ความอบอุ่น มันเย็นเหยียบยิ่งกว่าน้ำแข็งในช่องฟรีส
ไกอัสเคลื่อนหน้าเข้าใกล้เด็กสาว ผินหน้าหาซอกคอขาวอมชมพู สูดดมกลิ่นหอมรัญจวนชวนตราตรึง ผิดคาดเพียงนิดที่เจ้าของกลิ่นเป็นแค่ลูกกวางน้อยตากลมใส เขาเอียงคอ สำรวจอาหารถี่ถ้วนตั้งแต่หัวจรดเท้า ไกอัสกำลังพิจารณาว่าเขาจะเล่นสนุกหรือทรมานเหยื่อก่อนกินดีหรือไม่ การทรมานเหยื่อและนักโทษเป็นความเริงรมย์รูปแบบหนึ่งที่เขาชอบ เขาโปรดนักกับการฟังเสียงกรีดร้องสุดท้ายก่อนความตายจะมาเยือน
เขาออกแรงบีบคอแม่หนูเพียงน้อย ซึ่งเธอส่งเสียงร้องอึกอักในลำคอ คิ้วเธอขมวดเป็นปม อ้าปากพะงาบ หอบหาอากาศหายใจดิ้นทุรายดั่งปลาขาดน้ำ มันอภิรมย์ในสายตาเขาแต่นี่มันยังไม่พอ หน้าผิดหวังตรงที่เธอยังไม่กรีดร้องสักแอะ ถึงแม้จะได้ยินเสียงหัวใจเต้นถี่ระรัวบ่งบอกถึงความกลัว
อา—ลองดูว่าลูกกวางน้อยจะทนได้ขนาดไหนกัน หากเขาฝังคมเขี้ยวลงไป
“ ข้าเพิ่งกินมื้อเย็นฝูงนึงไป ” เขาคำราม แยกเขี้ยวสีขาวใส่ “ แต่สำหรับเจ้า—คงเป็นของหวานมื้อดึก ” ท้องของเขาไม่ได้คร่ำครวญร้องหิว เขาเพิ่งกินเลือดมนุษย์สดๆที่ไฮดีหามาเมื่อเย็น เลือดสดๆของเด็กน้อยวัยกระเตาะสองคนช่างหวานนัก
“ ถ้างั้นคุณคงต้องถ่ายพยาธิ ไม่ก็ไม่รู้จักพอ ” เธอสวนทันควัน แม่เจ้า! กำลังถูกกินอยู่แล้วยังจะปากดีต่อปากต่อคำกับแวมไพร์อีก เธอต้องหนีคลีเมนไทน์ หากเธอโดนกัด เธอต้องเป็นพวกเดียวกับเขาไม่ก็ตาย เหมือนที่หนังหลายๆเรื่องจารึก เย็นไว้ตัวเธอ เธอมีไม้เด็ดอยู่ในกระเป๋ากางเกงตั้งสองอย่าง รอโอกาสเขาเผลอก่อนเถอะ
ไม่น่าพอใจอย่างยิ่ง ไกอัสย่นคิ้ว ส่งเสียงฮึดฮัด เขาจ้องดวงตากลมโตสีน้ำทะเลนั้น มันหาได้มีความกลัวซ่อนเร้นไม่ จังหวะหัวใจของแม่หนูเปลี่ยนไป มันดูสงบลง เหมือนเธอกำลังครุ่นคิด ช่างเป็นเด็กสาวประหลาดที่ชวนหงุดหงิดเสียจริง
“ ปากเก่งนัก.......ดูซิว่าเจ้าจะทนได้เท่าไหร่กัน ”
พูดจบไกอัสบรรจงฝังคมเขี้ยวลงต้นคอขาว คลีเมนไทน์จิกทึ้งผ้าคลุมของเขา กัดริมฝีปากพยายามข่มกลั้นไม่ให้เสียงหลุดลอดไรฟัน
“ แม่งเอ้ย! ” คลีเมนไทน์สะบดลั่น ขบฟันกรามดังกึก เด็กสาวรับรู้ถึงของแข็งที่เรียกว่าเขี้ยวค้างเติ่งตรงคอ เริ่มเวียนหัวและเลือดของเธอกำลังถูกสูบออกไป มันแสบ มันปวด มันทรมาน เหมือนโดนฉีกกระชากและเฉียดใกล้ความตาย
พระเจ้า.......คลีเมนไทน์ เธอต้องประคองสติไว้นะ
เด็กสาวยังพอมีสติเคลื่อนมือไปที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง มันคือที่ช็อตไฟฟ้า เธอกดปุ่มสองข้างของมันแล้วพุ่งไปที่ต้นคอของเจ้าแวมไพร์ เขาดิ้นเร่าๆ ปล่อยคอเธอ จนร่างกระแทกกับพื้นเหนอะหนะในท่อระบายน้ำ คลีเมนไทน์กุมคอตัวเองที่เลือดไหลเยิ้ม เกาะกำแพงเหนียวจากขี้ตระไคร่หยัดกายลุกขึ้นยืน
กระแสไฟฟ้าจากเครื่องทิ่มท้ายทอย หากเป็นคนปกติอาจสลบได้ แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรสำหรับการใช้กับแวมไพร์
“ เจ้า!! ”
แวมไพร์หัวขาวโซเซชี้หน้าเธอ เขาขู่คำรามฟ่อๆ กำลังจะพุ่งใส่ แต่คลีเมนไทน์หยิบสเปรย์พริกไทยฉีดใส่ลูกตาของเขา เขายกมือขึ้นกุมหน้า กรีดร้องด้วยความแสบ เธออาศัยจังหวะนั้นใส่เกียร์วิ่งเต็มเท้า วิ่งแบบไม่รู้ทิศทางและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฝ่าพื้นนองน้ำกับอุโมงค์มืดสลัวชื้นแฉะ กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยเตะจมูก เสียงก้องกังวานของฝีเท้าผสมปนเปกับเสียงร้องของเขา ทั้งหมดล้วนหลอนประสาทหู
ตาเธอเริ่มปรับสภาพในที่มืด เด็กสาวเห็นบันไดเหล็กเหนือหัว คลีเมนไทน์รีบปีนขึ้นไป พื้นรองเท้าเปียกน้ำทำให้เธอลื่นจนเกือบพลัดตกจากบันได แต่เธอก็ใช้กำลังแขนยึดมั่นไว้ หัวกระแทกกับของแข็งซึ่งเธอมั่นใจว่ามันคือฝาท่อ มันก็ดี—เพราะมันทำให้เธอตาสว่าง เธอออกแรงดันฝาท่อ สายลมร้อนกระแทกหน้า เธอหายใจหายคอสะดวกเมื่อหนีมาได้สำเร็จ คลีเมนไทน์กุมคอตนเองที่เลือดไหลย้อยไม่หยุด
สายตาพร่ามัวมองปากทางแยก ถนนตอนนี้ไร้ผู้คนโดยสิ้นเชิง เด็กสาวสำเหนียกดีว่าหากยังนั่งแช่อยู่อย่างนี้ต่อไป มีหวังอีตาแวมไพร์ตัวเมื่อครู่ต้องตามมาลากเธออีกแน่ คลีเมนไทน์ลุกยืนและออกตัววิ่งอีกครั้ง
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงแรม โชคดีที่ล็อบบี้ไม่มีผู้คนหรือแม้แต่พนักงานที่หน้ารีเซฟชั่น เธอสาวเท้าเข้าลิฟต์ กดปุ่มปิดประตู ไถลรูดนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ก่อนหน้าเธอส่งข้อความหาคุณพ่อแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะออกมารับเธอที่ลิฟต์ นึกแปลกใจเหมือนกันที่ยังไม่ตายและมีแรงหนีกลับถึงโรงแรมได้ ตอนนี้เธอหวังแต่ว่าตัวเองจะไม่แปลงร่างหรือกลายพันธุ์เป็นผีดูดเลือด
มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!! โลกนี้มีแวมไพร์ด้วยเหรอ? อย่างแรกเลยที่เธอต้องคิดคือเธอจะบอกพ่อยังไง เขาต้องไปแจ้งตำรวจแน่และเธอไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ อีกอย่างนึงคือเธอบาดเจ็บกลับมา คงแถสีข้างถลอกใส่พ่อไม่ได้แน่นอน
“ โอ้ว—พระเจ้า!!? ครีมมี่ลูกพ่อ ” ประตูลิฟต์เปิดออก พร้อมเสียงร้องตกใจจากชายวัยกลางคน
โจอาห์ เด็กซ์ โอเดนเนลล์ ถลาเข้าลิฟต์ ช้อนร่างน้อยๆของลูกสาวขึ้น รีบพาแก้วตาดวงใจกลับห้องเพื่อปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน
คลีเมนไทน์เบะปากร้องซี้ดเพราะความแสบของแอลกอฮอลล์ เธอกรอกตามองพ่อที่ดูมีท่าทีใจเย็นผิดธรรมชาติ คิดว่าเขาดูใจเย็นนะ ด้วยความอึดอัดใจเธอจึงถามออกไป
“ พ่อคะ......พ่อไม่คิดจะถามหนูเลยเหรอคะว่าหนูโดนอะไรมา ” พอคำถามนี้หลุดออกจากปาก พ่อดูมีสีหน้าเคร่งเครียดปนโกรธ เธอไม่เคยเห็นพ่อโมโหรุนแรงแบบนี้มาก่อน
“ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วลูก เราต้องรีบไปด่วน ” โจอาห์เลือกไม่ตอบ เขาโยนก้อนสำลีเหวี่ยงลงถังขยะและหันหลัง รีบเก็บข้าวของลงสัมภาระ “ พ่อไม่น่าปล่อยลูกไปคนเดียวเลย ทั้งที่เป็นอาณาเขตของพวกมัน ”
อาณาเขตของพวกมัน? เธอสะดุดที่คำคำนี้ “ เดี๋ยวนะ.......พ่อรู้อะไร ทำไมพ่อไม่บอกหนู!! ”
พ่อยังคงเงียบ ไม่ใส่ใจคำถามของเธอ แต่เขากลับโยนเสื้อคลุมขนสัตว์สีน้ำตาลพร้อมสั่งเสียงแข็งแทน
“ ใช้เจ้านี่คลุมตัวลูกซะ ”
“ นี่ขนอะไรพ่อ? ”
“ ขนหนังมนุษย์หมาป่า ” เขาตอบสั้นๆ “ มันเหม็นสาบสำหรับพวกมัน รีบใส่เถอะ มันช่วยกลบกลิ่นตัวลูก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอธิบายอะไรทั้งนั้น ”
“ หนังมนุษย์หมาป่า!!? ” คลีเมนไทน์อ้าปากค้าง หวีดร้อง ทำหน้าเหยเก “ แต่.....พ่อ! อย่างน้อยก็ควรห่วงหนูหน่อยนะ ว่าหนูจะแปลงเป็นแวมไพร์ ”
โจอาห์หยุดลง “ ถ้าลูกจะเป็น ลูกคงแสดงอาการดิ้นทุรนทุรายตั้งแต่โดนกัดแล้ว จริงๆถ้ามันมีผล ลูกคงตายตั้งแต่ตรงนั้น ”
เด็กสาวนิ่งค้าง ไม่มีคำถามใดหลุดจากปากอีก โอเค—สรุป โดนกัด เสียเลือดฟรี ตกท่อเหม็น ตัวเละทั้งตัว ต้องรีบเดินทางทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ ได้ขนมนุษย์หมาป่าห่อตัว แถมพ่อยังใจเย็นผิดคาด ยังไม่ได้รู้เรื่องราวอะไร มีเรื่องซวยและมันแย่ยิ่งกว่าตอนเธอแพ้เนยถั่วเสียอีก
เออ......ยังดีที่ได้รู้ว่าเธอจะไม่เป็นแวมไพร์น่ะ
ที่ท่อระบายน้ำ ไกอัสเพิ่งหายจากอาการแสบตา ผลพลอยได้จากน้ำอะไรสักอย่างที่เขาโดนพ่นใส่ เขาทุบกำแพงด้านข้างระบายความคับข้องใจ เดินลอดผ่านทางในอุโมงค์ไปยังบันไดพื้นลาดสู่หน้าลิฟต์ เขามาถึงชั้นใต้ดินล่างสุด ทางเดินหินโค้งสีเทาขุ่น เบื้องหน้าไม่ไกลนักคือบานประตูสีทองสู่ห้องโถงกว้างอันเป็นที่พำนักของเขา
“ ไกอัส.....สภาพดูไม่ได้เลย เจ้าไปทำอะไรมา ”
เสียงยียวนเปี่ยมสุขกับผู้มารอต้อนรับที่ปลายทางยิ้มร่า มันก็ไม่ผิดจากที่คาดเท่าไหร่นัก แต่เสียงแบบนั้นต่อให้ฟังมาสามพันปีก็ยังน่ารำคาญอยู่ดี อาโรหรือแวมไพร์ตนอื่นๆคงได้กลิ่นคาวเลือดนั้นลอยฟุ้งไปทั่ว หึ—กลิ่นมันคงยั่วน้ำลายน่าดู เจ้าอาโรถึงได้โผล่หัวดำๆมาถึงนี่
“ ข้าได้กลิ่นหวานๆลอยมาถึงด้านใน เจ้าไปจับเหยื่อมาหรือ? นั่นเจ้าไม่ต้องทำนะ มันหน้าที่ของไฮดี ” อาโรลอยเคลื่อนไปมารอบตัวไกอัส เขายื่นแขนหมายจะจับมือของเพื่อน
“ อย่า ”
แต่เจ้าเฒ่าหิมะชักมือหลบ พร้อมแยกเขี้ยวใส่ อาโรกุมมือตนเอง ลีลาศ กรีดกรายลอยตัวไปมา ใบหน้าเต็มตื้นแต่แฝงไว้ด้วยความฉงนเล็กน้อย ไกอัสช่างทำตัวเหมือนเมื่อสามพันปีก่อนไม่มีผิด แบบว่า—ดูขี้โมโหและไม่ฟังเขา ถึงปกติจะไม่ค่อยฟังแต่เขารู้ข้อแตกต่างดี จะมาร์คัสหรือไกอัสต่างภักดีต่อเขาตามระยะเวลาอันยาวนานแต่ส่วนหนึ่งก็มาจากพลังของเชลซีด้วย
“ อยากรู้จังเลยว่าเหยื่อที่เจ้ากินจะเป็นแบบไหน มาร์คัสก็อยากรู้นะ เพราะมันทำให้พวกข้าอยู่ไม่สุขกันเลยล่ะ แต่ถ้าเจ้าไม่เต็มใจให้ข้ารู้ก็ไม่เป็นไร ” อาโรหวนนึกถึงกลิ่นหอมหวนที่ลอยฟุ้ง มันหอมหวานยั่วยวนชนิดที่มาร์คัส เจ้าแวมไพร์หน้าตายยังนั่งไม่ติดบัลลังก์ “ อ้อ.......แล้วเหยื่อนั่นตายรึยังล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยปล่อยให้อาหารหลุดรอด ”
ไกอัสค้อนใส่เจ้าเฒ่าหัวดำหน้าสลอน รู้มาก รู้ดี แสนรู้เสียจนน่าหงุดหงิด เขารีบลอยตัวหนีแบบไม่ทิ้งฝุ่นออกห่างอาโร ภาพก่อนหน้าย้อนกลับมาให้ยั่วโทสะ เขาจะให้อาโรแตะตัวไม่ได้เด็ดขาด มันจะน่าอัปยศอดสูเพียงใดหากเจ้านั่นรู้ว่าเขาปล่อยเหยื่อหนีไปได้ แล้วไม่พอยังโดนทำร้ายอีก
ลูกกวางตัวเล็กตัวจ้อยแสนฤทธิ์มากกว่าที่เห็น “ หึ! เหยื่อตัวร้าย ” เขาหัวเราะในลำคอ เชิดจมูกสันโด่งขึ้น เขากำลังขันในตนเองยามเมื่อระลึกถึงช่วงเวลาที่เขาดูดเลือดเธอ ดวงตากลมโตสีน้ำทะเลนั้นช่างล้ำลึกราวมหาสมุทร พวงแก้มพองๆขึ้นสีชมพูระเรื่อ แววนัยน์ตาดื้อรั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือรสชาติที่ผ่านปลายลิ้น มันหอมหวานและเข้มข้น มันอร่อยเสียยิ่งกว่าเด็กน้อยสองคนที่เป็นอาหารมื้อเย็น
อร่อยกว่าอาหารนับไม่ถ้วนตลอดเวลาหลายพันปี ไกอัสกลืนน้ำลาย รสชาตินั้นตราตรึง แต่น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆที่ตามธรรมชาติของมนุษย์ หลังโดนเผ่าพันธุ์เขากัดส่วนใหญ่จะต้องตาย ตายก็ดีจะได้ไม่ต้องลำบากให้เขามาตามเก็บกวาดทีหลัง
แต่ถ้าไม่—ในกรณีที่ยังไม่ตายและกลายเป็นผู้เกิดใหม่ล่ะก็
“ ก็เตรียมพบข้าอีกครั้งได้เลยลูกกวางน้อย ”
︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱︱
TALK
เป็นยังไงบ้างคะ? ภาษาโอเครึเปล่า ไรท์ค่อนข้างกังวลค่ะเพราะไม่รู้ว่าโอมั้ย พยายามอ่านเยอะๆเพื่อปรับการใช้ภาษาให้ดีค่ะและขอบคุณที่เข้ามาอ่านะคะรีดเดอร์ทุกท่าน
พ่อน้องหนู โจอาห์ เด็กซ์ โอเดนเนลล์
คิดว่าใช้อิมเมจป๋าเบ็นน่าจะดีสุดค่ะ
ปล.พ่อลูกบ้านนี้ค่อนข้างใจเย็น 55555 ขออภัยด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สวัสดีครับ
ก่อนอื่นขอชมเรื่องภาพปกนิยาย และหน้านิยายที่ตกแต่งได้ดูอารท์ และสวยดีทีเดียวตามไสตล์ตะวันตก เข้ากับเนื้อเรื่อง มีบทเพลงให้ฟังด้วย ^^
สำนวนจัดว่าดี ใช้ได้เลยครับ ลื่นไหลดี อ่านเพลิน และสนุกด้วย คำผิดมีน้อยมาก
ที่เจอก็ หน้าผิดหวัง ควรแก้เป็น น่าผิดหวัง แค่นั้น
ชอบชื่อพระเอกนางเอกมากๆ ดูเท่ ดูแนว ไม่ช้ำ อ่านแล้วอยากอ่านต่อ การใช้คำ ภาษา ก็โอเคดี เป็นธรรมชาติ
สรุปเป็นอีกเรื่องนึงที่น่าสนใจและสนุก จนอยากอ่านต่อ เยี่ยมครับ
เพิ่งมา แต่สนุกมากเลยค่ะ มาตอนแรกติดหนึบเลย
พึ่งมาอ่านคร้าน//แต่ใจนี่สิอยากเทไปหาคุณพ่อเบนจัง
สนุกมากเลยค่ะ
ภาษาอ่านเข้าใจง่าย ลื่นไหลมากค่ะ
ภาษาดี อ่านแล้วลื่นไหล เข้าใจมุมมองของตัวละคร เนื้อเรื่องแหวกแนวด้วยค่ะ