คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Ic3 & Dal2k Ep. 1 Destiny : Chap 1 Lucrena Kingdom 100%!!!
Chap 1:
เวลาปัจจุบัน. . .
ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปไวราวกับโกหก หลายสิบปีหลังจากผ่านช่วงสงครามหายนะระหว่างสองอาณาจักรราวกับคลื่นที่ซัดมาแล้วก็จากไป ที่ทิ้งแต่ความเสียหายไว้ข้างหลัง ขณะนี้ ‘ลูเครน่า’ เมืองหลวงของอาณาจักรลูเครเนีย ได้ฟื้นฟูกลับสู่สภาพก่อนเกิดสงครามอีกครั้ง
เวลาช่วงเช้าตรู่ ท้องฟ้าเปิดกว้างรับแสงแดดของวันใหม่ เมฆก้อนน้อยๆ ลอยเอื่อยๆไปตามแรงลม เมืองคับคั่งไปด้วยผู้คนเต็มถนนสองข้างทาง บ้านเรือนทั้งเก่าใหม่ต่างเปิดหน้าต่างรับลมหนาวของช่วงเช้าที่แสนอบอุ่น แสงแดดบางๆส่องสว่างช่วยให้ผู้คนที่หลับใหลลืมตาตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตประจำวัน บางคนเปิดร้านขายของ บางคนก็กำลังจับจ่ายซื้อของกิน ของใช้ เสียงเชิญชวนของพ่อค้าแม่ขายดังลั่นตลาด เพื่อหวังเชิญชวนลูกค้าให้เข้าร้าน
"คร่อก ~ " เสียงกรนอย่างมีสุขของชายหนุ่มผู้หนึ่งดังลั่นห้อง ในขณะที่มีแขกเดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเอือมระอากับคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นที่สุด
"ตื่นได้แล้ว! นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว” เสียงตะคอกเบาๆของผู้มาเยือนดังขึ้น ตัดกับเสียงกรนจนผู้ที่หลับไหลรู้สึกตัว ยกหนังตาอันหนักอึ้งของตนเพียงครู่เดียวเพื่อมองว่าอาคันตุกะที่มาเยือนนั้นเป็นใครก่อนจะปิดลงไปอีกครั้ง
" โธ่ พ่อ ขอต่ออีกหน่อยนา สัก 5 นาทีเอง" เสียงบ่นอิดโรยดังขึ้นเมื่อรู้สึกรำคาญกับคนที่เข้ามาขัดจังหวะการนอนของเขา
" เฮ้ย! จะตื่นไม่ตื่นวะ เด็กบ้านี่" ทันทีที่คนเป็นพ่อพูดจบก็ได้ส่งพระบาทาไปยังคนที่เป็นลูกซึ่งกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ทำให้เด็กชายกลิ้งไปหลายตลบ จนต้องแหกตาตื่นพร้อมกับความเจ็บปวดทั่วลำตัว
"โห พ่อไม่เห็นต้องรุนแรงเลย แค่ 5 นาทีเอง" เสียงบ่นปอดแปดของคนเป็นลูกดังขึ้นพร้อมค่อยๆสำรวจดูว่ามีส่วนไหนฟกช้ำหรือไม่
"เอ้า! แล้วใครบอกว่าเมื่อคืนการบ้านเยอะจนต้องนอนดึกเองละ”
"ก็อาจารย์เขาดันให้การบ้านมาเยอะเองนี่"
"ไปๆ ไม่ต้องบ่น ไปอาบน้ำ แต่งตัวแล้วรีบลงไปกินข้าวซะ แอเรียต" ว่าแล้วผู้เป็นพ่อก็เดินออกจากห้องไปในที่สุด
"คร้าบ~” เด็กหนุ่มตอบรับ ก่อนจะเสยผมสีแดงเพลิงที่บดบังใบหน้าที่หล่อเหลาของเด็กชายไว้ ริมฝีปากบางๆและคิ้วที่โค้งรับกับดวงตาอย่างลงตัว รวมทั้งนัยน์ตาสีแดงทำให้เขาเป็นชายในฝันของหญิงสาวหลายๆคน ถ้าใครเห็นก็คงต้องมองเหลียวหลังกันจนคอเคล็ดกันตามๆกันไป แอเรียตค่อยๆลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินโซซัดโซเซไปยังห้องน้ำ เพื่อทำธุระส่วนตัว
"นี่นะหรือ คนที่จะมารับตำแหน่งสำคัญอย่างเจ้าเมืองอาณาจักรลูเครน่าต่อจากเรา" เสียงบนเบาๆของผู้ที่อยู่หน้าห้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
หลังจากที่แอเรียตอาบน้ำเสร็จ ก็ได้ใส่ชุดนักเรียน พร้อมที่จะไปโรงเรียน ชุดของเขานั้นเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงดำ และรองเท้าสีดำอีกเช่นกัน ภายนอกนั้นถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อคลุมยาวสีเทาดำอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งที่ปกแขนปักตราของราชอาณาจักรไว้
ขณะนี้หนุ่มผมแดงเพลิงมีอายุ 16 ปี ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 4 ของโรงเรียนลูเครน่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนของพวกขุนนางและผู้ใหญ่ในหลายๆระดับ มีชื่อเสียงในด้านต่างๆมากมาย ทำให้มีคนแห่กันมาสมัครสอบเข้า ซึ่งผลตอบแทนที่จะได้รับภายในโรงเรียนนี้ ก็ต้องแลกมาด้วยความสามารถและความรู้ที่เกินสติปัญญาของเด็กสามัญธรรมดาทั่วไป ทำให้หลายๆคนต้องผิดหวังกันตามๆไป และแน่นอนว่าพระเอกของเรานั้นต้องไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน ถึงได้สามารถเข้าเรียนโรงเรียนแห่งนี้ได้
ก่อนที่จะออกจากห้อง ชายหนุ่มหันไปที่มุมห้องซึ่งมีกรอบรูปเล็กๆตั้งอยู่ จากสภาพของมันแล้วน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าแอเรียตเท่าไหร่นัก แต่ตรงกันข้าม มันราวกับถูกดูแลอย่างดีเพราะไม่มีฝุ่นจับแม้แต่น้อย ข้างในมีภาพของชายและหญิงวัยกลางคนกำลังยืนขนาบเด็กน้อย ร้อยยิ้มที่ร่าเริงออกมาจากสีหน้าของทุกคนในรูป แตกต่างจากผู้ที่เฝ้ามองมันอยู่อย่างสิ้นเชิง หลังจากมองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ริมฝีปากของชายหนุ่มค่อยๆเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาเบาๆ ราวกับจะกระซิบให้อากาศธาตุได้ยินแต่เพียงผู้เดียว “ผมไปก่อนนะครับ... คุณแม่”
-------------------------------------------------------
“อายยๆ อายแอ๊ว (ตายๆ สายแล้ว)” เสียงพูดขณะที่อาหารเช้าเต็มปากดังมาจากเด็กหนุ่มผมเพลิง ก่อนจะซัดไส้กรอก ไก่ทอดเข้าปากราวกับกำลังโหลดข้อมูลด้วยไฮสปีดอินเตอร์เน็ต
“ก็บอกแล้วให้รีบๆ ตื่นก็ไม่เชื่อ เป็นไงล่ะ อร่อยไหมละนั่น” ลาคัส มาซีเรียส เจ้าเมืองลูเครน่า พูดด้วยน้ำเสียงแกมหัวเราะ ใบหน้าในขณะนี้ถูกบังด้วยหนังสือพิมพ์รายวัน มีแต่สายตาเท่านั้นที่โผล่มามองการกินอย่างมูมมามของไอ้ลูกตัวแสบ
“อ๊มไออ่อนอ๊ะฮับ (ผมไปก่อนนะครับ)” ภายหลังเสร็จสิ้นการดาวน์โหลดอาหารลงกระเพาะ ชายหนุ่มก็ลาพ่อของตน (ถึงแม้ว่าจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตามที) ก่อนหยิบกระเป๋าขึ้นและวิ่งออกตัวจากห้องไปในทันที
“เฮ้ย จะไม่กินน้ำสักหน่อยเหรอ”เสียงชายมีอายุตะโกนตามหลังไป
“ไม่ละครับ…ฮึก! ต้องรีบแล้ว...ฮึก!” แม้จะพูดอย่างไร ร่างกายก็ส่งสัญญาณสะอึกแสดงความไม่เห็นด้วยกลับมา
“เออแล้วก็ ‘ไคลน์’ บอกว่าจะไปรอลูกที่น้ำพุกลางเมืองนะ” เสียงตะโกนไล่หลังดังมาอีกครั้ง
“ค้าบบบบ ฮึก!!” เสียงสะอึกทิ้งท้ายการตอบรับ ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังสนั่น
แอเรียตวิ่งอย่างรีบเร่ง ทำให้สายลมที่ผ่านตัวพัดเส้นผมที่ยาวประบ่าพริ้วปลิวตามสายลม เขาวิ่งผ่านตัวเมืองไปยังสถานที่ที่มีลักษณะคล้ายห้อง แต่อยู่สูงจากพื้นขึ้นไป ป้ายข้างหน้ามีตัวอักษรตัวโตอ่านได้ว่า “Dragilian Transport (มังกรขนส่ง) – สถานี มาคเก็ตแลนด์ (
“ผู้โดยสารที่ต้องการใช้บริการกรุณาไปรอที่ริมชานชาลาด้วย ‘มังกร’ ของเราจะมาถึงใน 5 นาที ขอบคุณค่ะ”
สิ้นเสียงพูด สัตว์ในเทพนิยายสีแดงตัวใหญ่ร่อนลงมาจอดเทียบท่าที่ริมชานชราอย่างนุ่มนวล ตัวของมันมีเกล็ดสีแดงทั่วลำตัว กล้ามเนื้อของมันดูแล้วน่าเกรงขาม แต่ทว่านัยน์ตาของมันกลับคล้ายๆสัตว์เลี้ยงเชื่องๆตัวหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่สิ่งที่ดูเหมือนตู้เล็กๆ(เมื่อเทียบขนาดกับเจ้ามังกร)ที่อยู่บนหลังจะเปิดออก คนบางส่วนเดินออกมา และเช่นกันบางส่วนรวมไปถึงแอเรียตก็เดินสวนเข้าไป ให้ทันก่อนที่มันจะออกบินเพื่อไปสู่สถานที่ต่อไป
หลังจากที่ผู้โดยสารทยอยเข้าไปในตู้จนหมดแล้ว เจ้ามังกรสีแดงตัวใหญ่ ก็โผออกบินทันที มันอาจดูน่าประหลาด แต่ความเป็นจริงแล้วการใช้มังกรในการเดินทางกลางเป็นเรื่องปรกติของชาวเมืองลูเครน่า สังเกตได้จากท้องฟ้ามีมังกรหลายขนาดหลากสีสันบินว่อนไปทั่ว จนบางครั้งเกือบจะชนกันก็มี นี่ก็นับเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งนี้ ไม่ว่าใครที่เข้ามาต่างก็ต้องลองขึ้นเป็นบุญชีวิตสักครั้ง จนบางคนถึงกับบอกว่า “หากมาถึงเมืองลูเครน่าแล้วไม่ได้ขึ้น Dragilian Transport ละก็ สู้นอนอยู่บ้านตีพุงให้สบายใจดีกว่า”
---------------------------------------------------------
ผ่านไป 5 นาที . . .
ขณะนี้เท้าของแอเรียตได้ลงสัมผัสกับบริเวณศาลากลางเมืองแล้ว ซึ่งวันนี้คนก็ยังพลุกพล่านอย่างเช่นเคย ศาลากลางเมืองถือว่าเป็นจุดศูนย์รวมของชาวเมืองเลยก็ว่าได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างสามารถหาได้จากบริเวณนี้ เฉพาะร้านอาหารก็มีตั้งแต่ไม่มี อย. ยันภัตตาคารระดับห้าดาว แม่ค้าพ่อค้าต่างตั้งแผงขายสินค้าในบริเวณนี้อย่างเนืองแน่น มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และอาวุธ ส่วนจุดที่ดึงดูดคนได้เยอะที่สุดก็เห็นว่าจะหนีไม่พ้นน้ำพุใจกลางเมือง เพราะสามารถสังเกตุเห็นได้ง่าย อีกทั้งในช่วงเย็นจะมีการเปิดไฟหลากสีสัน ซึ่งก็เหมาะสำหรับหนุ่มสาว เพราะบรรยากาศนั้นโรแมนติดสุดแสนจะเกินบรรยาย
ขณะนี้เด็กหนุ่มผมเพลิงกำลังง่วนกับการเดินแหวกฝูงคน พร้อมสอดส่ายสายตาคู่สวยของตนมองหาเพื่อนตัวดีที่บอกไว้ว่าจะรออยู่บริเวณน้ำพุ แต่ไอ้ที่บริเวณน้ำพุนี่สิ มันส่วนไหนของน้ำพุกันล่ะวะ แอเรียตนึกพร้อมกับบ่นอุบอิบถึงเพื่อนของตน ทันใดนั้น...
“บู๊!!!”
“เฮ้ย!!”แอเรียตอุทานก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น จนทำให้ใครหลายคนในบริเวณนั้นส่งสายตามายังเขาก่อนที่จะกลับไปทำภาระกิจของตนเช่นเดิม
“‘ไคลน์!!’” เขากระแทกเสียงจนทำให้คนตรงหน้าถึงกับต้องเอามืออุดหูเนื่องจากโดนคลื่นเสียงเกิน 120 เดซิเบลเข้าไป (ว่าไปนั้น…)
“โห อยู่ใกล้แค่นี้ ดันเรียกซะดัง ฉันไม่ได้เป็นโรคหูหนวกนะโว้ย” คนที่หลอกแอเรียตหรือเรียกให้ถูกคือ เจ้าของนาม ‘ไคลน์’ เด็กหนุ่มผมสีขาวตั้งชันแลดูเหมือนหนามเม่นยังไงยังงั้น พูด พร้อมส่งยิ้มกวนๆให้กับเด็กหนุ่มผมเพลิงเบื้องหน้าตนเป็นการทักทาย
“เออ เป็นได้ก็ดีสิวะ” แอเรียตพูดก่อนจะส่งยิ้มตอบกลับไปให้เพื่อนรักของตน
“ไปเหอะ ไปโรงเรียนกัน นี่ก็สายโด่งแล้ว เล่นนอนตื่นซะสายเลยนะ” พูดแล้วก็ยื่นมือไปให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่จับก่อนจะฉุดให้ลุกขึ้นมา แอเรียตปัดกางเกงของตน ก่อนจะออกเดินมุ่งหน้าไปยัง โรงเรียน
ไคลน์ ไลน์ไฟน์ ลูกเสนาธิการหลวงของอาณาจักรลูเครน่า ไฟลันโด ไลน์ไฟน์ ผู้ซึ่งมักมีงานที่ต้องออกไปทำแถวนอกเมืองเป็นประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องส่งลูกชายสุดที่รักมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกับเพื่อนสนิทซึ่งก็คือพ่อของแอเรียตนั้นเอง ทำให้ทั้งคู่เติบโตขึ้นมาราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่นิสัยของทั้งคู่แตกต่างราวกับขั้วโลกเหนือและใต้ ไคลน์นั้นเป็นเด็กที่ร่าเริงอยู่เสมอ ส่วนแอเรียตนั้นออกจะไปทางเด็กเก็บกดเล็กๆทำให้เขาไม่มีเพื่อนสนิทอื่นเลยนอกจากไคลน์ นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งจากความมุ่งหวังของพ่อที่หวังจะให้เขาขึ้นเป็นเจ้าเมืองคนต่อไป
ไคลน์เป็นเด็กผิวสีแทนพร้อมทั้งนัยน์ตาสีน้ำตาลที่เต้นระริกระรี้อยู่ตลอดเวลา ผมสีขาวของตนถูกเสยขึ้นอย่างลวกๆราวกับขึ้เกียจหาหวีมาใช้ รูปร่างของเขาไม่ต่างอะไรจากแอเรียตมากนัก ต่างกันแค่ความสูงเล็กน้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นทำให้เขาเป็นคนที่ดูดีไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นเมื่อทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ก็มักจะมีกลุ่มเด็กผู้หญิงซุบซิบตลอดทางเสมอ
---------------------------------------------------------
แหง่ง....หง่าง เสียงทุ้มๆของระฆังดังขึ้นมาแต่ไกลเป็นสัญญาณของเวลาเข้าเรียนของโรงเรียนลูเครน่า
“เฮ้ย แอเรียต เร็วโว้ย จะสายแล้ว” เจ้าหนุ่มผมเงินตะโกนผ่านฝูงชนมายังเพื่อนของตนที่ตอนนี้ไม่รู้ถูกเบียดไปอยู่ส่วนไหนของตลาดแล้ว
“เออ รู้แล้วๆ ขึ้นหลังคาเลยไหมล่ะ...” แอเรียตตะโกนกลับเมื่อได้ยินเสียงของไคลน์ หากใครได้ยินประโยคนี้เข้าก็คงสงสัยว่า ขึ้นหลังคา?? หลังคาไหนล่ะ
“ก็ได้ ไปเลยนะ” เพื่อนรักตะโกนกลับมา เมื่อได้ยินดังนั้น แอเรียตจึงแหวกฝูงชนเข้าข้างทางก่อนจะเดินเข้าไปซอกตึก เขาย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะถีบตัวไปยังกำแพงเบื้องหน้า ก่อนที่จะถีบตัวขึ้นโดยใช้ขาอีกข้างเตะกำแพงของตึกอีกด้านหนึ่ง ชั่วครู่เดียวแอเรียตก็ได้มายืนอยู่บนหลังคาอย่างง่ายดาย พร้อมทั้งเห็นเพื่อนของตนนั่งไขว้ห้างส่งยิ้มกวนๆมาให้อยู่ที่ขอบระเบียง
“ช้าจัง เต่าคลานยังเร็วกว่าเลย” ไคลน์พูดติดตลกไม่เลิก
“ลองดูไหมล่ะ” คนถูกสบประมาทตอกกลับทันที
“สักตั้งก็ได้ ถือว่าเป็นการวอร์มเครื่องก่อนเข้าเรียนหนังสือละกัน” ว่าแล้วเจ้าตัวกวนก็ลุกขึ้นยืนบนราวระเบียง ราวกับไม่กลัวว่าตนเองจะร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่าง
“โอเค ใครช้ากว่า...”
“โดนทำโทษ...”
“อด ’หารเย็น!!...” ช่างเป็นการทิ้งท้ายแบบถ้ามีใครได้ยินคงต้องกุมขมับส่ายหัวตามๆกันไป แต่ทว่าหลังทั้งคู่ตะโกนขึ้น ก็ได้สปริงตัวพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทิ้งเพียงภาพติดตาเอาไว้เบื้องหลัง...
---------------------------------------------------------
“แฮ่กๆๆ” เสียงหอบหายใจดังระงม หลังจากวิ่งบวกกระโดดเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร แต่ก็ทำให้พวกเค้าเข้าโรงเรียนทันก่อนประตูใหญ่ปิดอย่างพอดิบพอดี
เด็กหนุ่มผมแดงเพลิงกำลังนั่งกอดเข่า ลิ้นห้อยอยู่ที่พื้น ขณะที่เจ้าเพื่อนตัวดีที่หาเรื่องให้วอร์มอัพก่อนเรียนก็มีสภาพไม่ต่างกันมากนัก ผมเผ้าที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยอยู่แล้วนั้น ตอนนี้ยุ่งเหยิงราวกับรังนก เสื้อและกางเกงมีรอยยับเป็นจุดๆ น่าดีใจที่อย่างน้อยก็ไม่มีใครได้เห็นทั้งสองในสภาพนี้
“แฮ่ก… เสียใจ…ด้วยเพื่อน คราวนี้…ฉัน…ชนะ…ว่ะ” แม้จะมีเสียงหอบแทรกเข้ามาเป็นระยะ แต่ก็ยังเน้นที่คำว่า ‘ชนะ’ ให้ได้ยินชัดๆอีกที
“เออๆ... เอาเหอะ...ครั้งนี้ให้ไป...แฮ่ก...ชิ...อดข้าวเย็น วัยรุ่นเซ็งเลยงี้...” แอเรียตเปรยขึ้นมาอย่างไร้อารมณ์ แต่ใบหน้ากลับแสดงถึงความเซ็งอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ย! ไอ้เด็กสองคนนั้นน่ะ นั่งทำไรอยู่ ไม่ไปขึ้นเรียนซักที” เสียงไล่ของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ยืนคุมประตูอยู่ดังขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทั้งสองนั่งแหมะอยู่ตรงนั้นนานแล้ว
“ป่ะ แอเรียต ไปเรียนกันดีกว่านี่ก็จะเข้าคาบแรกอยู่แล้ว” ไคลน์ลุกขึ้นยืนก่อนจะฉุดคนข้างตัวขตามขึ้นมา
“....” ท่าทีของแอเรียตเปลี่ยนไป แม้จะไม่เป็นที่สังเกตในสายตาคนทั่วไป แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นสายตาของเพื่อนรักที่อยู่ด้วยกันมานานได้
“เฮ้ยๆไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้ ชีวิตคนเราเกิดมาก็ต้องเรียนกันทั้งนั้น นายก็หัดมีเพื่อนกับเขาซะบ้างสิ อีกอย่างนายคงจะไม่ให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนนายตลอดชีวิตหรอกจริงไหม?” ไคลน์รู้ว่าเพื่อนของเขานั้นเกลียดการใช้ชีวิตที่ต้องคลุกคลีกับกลุ่มฝูงชน และก็รู้อีกว่าว่าแอเรียตเป็นคนไม่ค่อยพูด เรียกได้ว่าพูดนับคำได้
ไคลน์ก็เคยบอกกับแอเรียตไว้หลายครั้งแล้วว่า ‘คุยกับคนอื่นบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกน่า นายไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ตลอดไปหรอกนะ คนเราน่ะเป็นสัตว์สังคมนะเฟ้ย’ และก็ได้รับคำตอบเหมือนกันทุกครั้ง ‘อืม ไว้จะลองนะ’ ซึ่งเขาก็ไม่เห็นความคืบหน้าระหว่างเด็กชายกับคนในชั้นเรียนเลยซักนิดเดียว
“ไว้เจอกันคาบพักนะ ไปละ” ไคลน์เอ่ยขึ้นมาหลังจากเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องเรียนของตนซึ่งมีป้ายที่บ่งบอกว่าเป็นห้องของ ปีสี่ ห้องที่สอง
“เออ แล้วอย่าลืมคุยกับเพื่อนๆบ้างล่ะ” เขาเตือนทิ้งท้ายก่อนจะหายเข้าไปในห้อง โดยไม่ต้องรอคำตอบ ราวกับรู้แล้วว่าเจ้าเพื่อนรักมันจะตอบว่าอย่างไร
“อืม ไว้จะลองนะ” แอเรียตพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินต่อไปอีกห้องซึ่งมีป้าย ‘4-1’ แขวนไว้อยู่ การจัดห้องของโรงเรียนลูเครน่า ชั้นปีหนึ่งๆจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ห้องเรียน ซึ่งจะแบ่งนักเรียนตามลำดับผลการเรียนตั้งแต่เก่งสุดๆประมาณยอดอัจฉริยะลงไปเป็นเก่ง และไปจนกระทั่งพวกที่พอไปวัดไปวาได้ แต่ก็ไม่แน่ว่าเด็กห้องสี่จะห่วยไปกว่าเด็กห้องหนึ่งโดยสิ้นเชิง... และทุกๆ ภาคการเรียนจะมีการสอบเพื่อวัดผลต่างๆ ทั้งนี้ผลสอบนี้จะเป็นชี้ชัดว่านักเรียนคนใดจะขึ้นหรือจะตกไปอยู่ห้องไหน สรุปง่ายๆก็คือจะมีการจัดห้องใหม่ทุกๆภาคการเรียน
แอเรียตถือว่าเป็นเด็กที่เรียนได้ผลการเรียนดีเยี่ยมจึงไม่แปลกที่เขาจะได้อยู่ห้องคิงนี้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ก็เพราะลาคัส มาซีเรียส พ่อของเขาจบจากโรงเรียนนี้มาก่อน และก็เป็นบุคคลผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จ ได้รับโล่ ประกาศนียบัตรมากมาย ซึ่งเขาก็หวังอย่างสูงไว้ว่า ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต้องเดินตามเส้นทางที่เขาวาดไว้ให้แล้ว
...แต่กลับกันแอเรียตไม่เคยอยากจะเดินตามเส้นทางนั้นเลย แต่เขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ พ่อได้วางทางเดินไว้ให้แล้ว เขาจะสามารถปฎิเสธได้หรือ ในเมื่อในอนาคตมีภาระที่หนักอึ้งรอเขาอยู่ หน้าที่ที่ต้องเป็นเจ้าเมืองอาณาจักรลูเครน่าอันสำคัญยิ่งนี้นี่เอง
เอาล่ะจบเรื่องไว้แค่นี้จะดีกว่า... มาดูกันต่อ หลังจากแอเรียตแยกจากเพื่อนของเขา และได้เข้ามาในอีกสังคมหนึ่ง เด็กชายเดินไปยังโต๊ะเรียนของตนซึ่งอยู่มุมซ้ายล่างของห้อง ริมหน้าต่าง ดูจากที่นั่งแล้ว แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าเขานั้นไม่มีเพื่อนเลย เขาวางกระเป๋าลงข้างโต๊ะ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ดังปึ้ง ทำให้เสียงพูดคุยในห้องเบาลงชั่วขณะหนึ่ง พร้อมสายตาหลายคู่จับจ้องมายังแหล่งกำเนิดเสียง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร พลุบนัยน์ตาลงต่ำและเอามือกอดอกตัวเอง พลันเสียงรอบตัวก็ดังขึ้นเป็นปรกติอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับกันจากเรื่องสัพเพเหระ กลายเป็นเสียงซุบซิบเกี่ยวกับชายหนุ่มผมเพลิงไป...
“เฮ้ย นายว่าไหมว่าไอ้นี่มันกวนโมโหจริงๆ คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกันนะ” หนึ่งในเสียงซุบซิบที่ดังมาจากชายหนุ่มร่วมห้อง ที่ดูจะไม่ค่อยเหมือนซะเท่าไหร่ เพราะมันดังซะทั่วห้อง แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะร่วนเสริมมาจากเพื่อนอีก 2-3 คนที่ยืนล้อมรอบอยู่
“นั้นดิ...กว...” ไม่ทันที่จะพูดจบ ขนในตัวพลันลุกซู่ เหงื่อซึมชื้นเต็มหลัง เพราะรู้สึกถึงจิตสังหารอันเข้มข้นซึ่งถูกส่งมาจากด้านหลัง เป็นนัยว่า ‘หากพูดอีก... (คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะเป็นยังไง)…’ เป็นผลให้เสียงซุบซิบเบาลงจนหยุดไปในที่สุด
“อ๊อดดดด...” เสียงสัญญาณบ่งบอกถึงการเข้าเรียนในคาบแรกดังขึ้น ปลุกสติที่ถูกดึงออกไปกลับเข้าร่าง ก่อนที่แต่ละคนจะกลับไปประจำที่ตัวเองเพื่อพร้อมรับมือกับการเรียนที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย (ในมุมมองของแอเรียต)
---------------------------------------------------------
คาบเช้าประเดิมด้วย วิชาอักษร โอ้โห... หมัดแรก ขวาตรง แค่มึนๆ ต่อด้วยหมัดฮุคจากวิชาประวัติศาสตร์คาบสอง สุดท้ายหมัดเผด็จศึก อัปเปอร์คัทเสยคางลงไปกองกับพื้น(โต๊ะ) จากวิชาการปกครอง ทำให้แอเรียตผู้ซึ่งตอนนี้สิ่งของที่ดาวน์โหลดเข้ากระเพาะเมื่อเช้าเริ่มเกิดการดีลีต (ย่อย) ตัวเองขึ้น เป็นผลให้หนังตาของตนเริ่มหนักขึ้นๆ ก่อนที่ปิดลงสนิทในที่สุด และปล่อยให้ร่างกายจมลงสู่ห้วงนิทรา...
‘อำนาจครึ่งหนึ่งของข้า.....พละกำลังครึ่งหนึ่งของข้า.... เจ้าแห่งความมืดผู้ยิ่งใหญ่.....
ขอมอบแด่เจ้าผู้เป็นผู้ถูกเลือกสืบทอดเจตนาของข้าสืบไป....’
เสียงของใครบางคนดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทปลุกให้ประสาทรับรู้ตื่นตัวขึ้นอีกครั้งก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อมีกลิ่นสาบสางลอยมาเตะจมูก สิ่งแรกที่เห็นคือ....
ดวงจันทร์สีเลือดแดงฉานลอยอยู่กลางพื้นท้องนภาซึ่งเป็นเฉดสีเดียวกับดวงจันทร์ ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็มีแต่กองซากศพ กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ พื้นที่ทุกตารางนิ้วถูกย้อมไปด้วยสีแดง เสียงร้องโหยหวนของผู้ที่อยู่ระหว่างเขตแดนคนเป็นและคนตายดังแว่วมาเป็นระยะๆไม่ขาดสาย
ตู้ม! เสียงเหมือนระเบิดดังขึ้นสนันหวั่นไหว ดึงใบหน้าของเขาให้หันไปทางต้นเสียง
ภาพการต่อสู้ระหว่างนักรบในชุดสีเงินกับสีดำเกิดขึ้นต่อหน้าเด็กชาย เขาจำได้ว่าก่อนที่เขาจะมาอยู่ที่นี่ อาจารย์ยังอธิบายถึงหลักการปกครองแบบคริสโตฟิลอสอยู่เลย แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร นี่เป็นความฝันหรือ แต่ทำไมเขาถึงสามารถรู้สึกได้ทุกอย่าง ได้ยินทุกสิ่ง กลิ่นคาวของเลือด ความร้อนระอุจากเปลวเพลิง คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวสมองของแอเรียต แต่อย่างไรเขาก็เฝ้ามองการต่อสู้เบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ…
นักรบในอาภรณ์สีเงินกุมดาบสีน้ำเงินคู่ใจแน่นพร้อมพุ่งตัวเข้าใส่นักรบสีดำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าปะทะเพียงเสี้ยววินาที นักรบเงินพึมพำบริกรรมคาถา ฉับพลันก็มีเสาเพลิงโผล่ขึ้น ณ จุดที่ศัตรูยืนอยู่ แต่นักรบดำเพียงดีดตัวฉีกไปด้านข้างเพียงนิดเดียวก็สามารถหลบเสาเพลิง มัจจุราชได้อย่างง่ายดาย
รอยยิ้มปรากฏ ณ มุมปากเพียบวูบหนึ่ง เมื่อเขาคาดคะเนการหลบในครั้งนี้ไว้แล้ว เขาจึงพุ่งเข้าใส่ทางด้านข้างซึ่งเป็นจุดบอดของคู่ต่อสู้ตน เขาง้างดาบของตนและฟาดลงเบื้องหน้าหมายจะบั่นตัวคู่ต่อสู้ให้เป็นสอง
วินาทีก่อนดาบจะปะทะและตัดร่างของตนเป็นสองส่วน นักรบดำพึมพำบางอย่าง... ราวปฏิหารย์มีดาบโผล่มาจากอากาศธาตุขวางกั้นกันไม่ให้ดาบของนักรบเงินพิชิตศึกได้
เคร้ง! เสียงโลหะปะทะโลหะดังก้องกังวาลไปทั่วบริเวณ ทั้งคู่รีบดีดตัวออกห่างจากกัน ก่อนทั้งสองจะพุ่งตรงเข้าหากัน เริ่มศึกใหม่อีกครั้งโดยไม่แม้แต่จะหยุดพักหายใจโดยอาศัยเพียงประสาทสัมผัสและเพลงดาบของตนเป็นสิ่งชี้ชัดชัยชนะ ทั้งคู่ผลัดกันรุกและรับอย่างรวดเร็วอย่างที่สายตาคนธรรมดาคงเห็นเป็นเพียงเส้นแสงสีดำและสีเงินปะทะกัน ทุกครั้งที่มีการปะทะจะก่อเกิดแสงแวบวาบสว่างจ้า เสียงโลหะกระทบกันเป็นจังหวะราวกับท่วงทำนองที่ถูกตบแต่งมาอย่างสวยงาม หากไม่ใช่ในเวลาเช่นนี้ คงเป็นเสียงเพลงที่น่าฟังยิ่งนัก เวลาผ่านไปถึงแม้จะไม่มีใครสามารถบอกได้ว่านานเพียงใด 1 นาที 5 นาที หรืออาจจะเพียง 30วินาที แต่นั้นก็ทำให้แอเรียตไม่สามารถขยับไปไหนได้... ไม่แม้แต่จะหายใจ
วูบ...ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมามืดสนิทอีกครั้ง…
“นี่ๆ ตื่นได้แล้ว” เสียงกระซิบกระซาบของเด็กหญิงคนหนึ่งปลุกแอเรียตให้ตื่นขึ้น จากภวังค์ ก่อนเสียงอ๊อดอันเป็นสัญญาณหมดคาบจะดังขึ้น
“เอาล่ะ ที่ครูอธิบายไปก็คือรูปแบบการปกครองทั้งหมดเท่าที่เคยใช้มา เอาเป็นว่ากลับไปทบทวนมาให้ดีอาทิตย์หน้าครูมีข้อสอบง้ายแสนง่ายของครูมาแจกคะแนนพวกนักเรียนทุกคนนะจ๊ะ” สิ้นเสียงใสๆกวนๆของอาจารย์สอนวิชาการปกครอง เจนาร์ด อาร์ตฟอร์ด นักเรียกทุกคนถึงกับเหงื่อตก บางคนถึงแทบจะเป็นลม เพราะอาจารย์เจนาร์ดนั้นออกข้อสอบ (ที่แม้ว่าตัวเขาเองบอกว่าง่ายแสนง่ายทุกครั้ง) ได้จัดว่าโหดเป็นอันดับต้นๆของครูในสายชั้น ถึงแม้ว่าเวลาสอนจะเป็นคนใจดี และเป็นกันเองกับนักเรียนเป็นที่สุด
“อ๋อเกือบลืมไป สำหรับคนที่หลับในคาบของครูน่ะ ระวังตัวไว้ให้ดีนะ หึหึ” เสียงพูดที่มาพร้อมกับสายตาอันคมกริบส่งไปยังแอเรียตทำให้เจ้าตัวถึงกับผวาลุกขึ้นนั่งหลังตรงในทันที
“อ่ะนี่ ของเธอ ขอโทษนะเห็นเธอหลับเลยหยิบมาจดให้โดยไม่ได้ขอก่อน” แอเรียตหันไปมองที่ต้นเสียง ก็พบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยื่นสมุดจดที่เขียนหน้าปกไว้ว่า “วิชาปกครอง อ.เจนาร์ด – แอเรียต มาซีเรียส”
“ขอบคุณนะ เธอ เอ่อ….”
“อ๋อ ฉันชื่อ นาซีส อาคัสต้า ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เด็กหญิงแนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มให้แอเรียต และนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักกับคำว่ารอยยิ้มอีกครั้งหลังจากที่เขาไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกอบอุ่นนี้มานานหลังจาก ‘เหตุการณ์’ นั้นเกิดขึ้น...
---------------------------------------------------------
PS.
ขอโทษทุกๆท่านที่ห่างหายไปนาน สอบเสร็จโล่งหัว วิ้ว!!!
สัญญาว่าจะ(พยายาม)มาลงให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
PS.2 หากท่านอ่านถึงตรงนี้แล้วไม่คอมเม้น คืนนี้ข้าพเจ้าจะไปเข้าฝัน
และตามหลอกหลอนท่านจนถึงที่สุด!!!
นะโมนะโมพุทโทสังโค อะรัมมะตัยยะรักขิโนสาธุพังเต
(/- -) (-/-) (- -/)
ความคิดเห็น