ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านแม่ทัพหลบไป ฮูหยินท่านจะนอน

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 66


    “รายงานสถานการณ์ล่าสุด การเจรจาสันติเป็นไปได้ด้วยดี ทำให้ตอนนี้เราสามารถยุติการเกิดสงครามโลกครั้งที่ X ได้แล้วค่ะ” เสียงรายงานข่าวจากทุกช่องนานาประเทศล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน หนังสือพิมพ์และหน้าฟีดบนโซเชียลมีเดียก็ล้วนพาดหัวข้ออันน่ายินดีกันอย่างทั่วหน้า

    ตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงคนใช้แรงงานล้วนถอนหายใจกันอย่างโล่งอก พ่อแม่ของเหล่าลูกน้อยต่างแย้มยิ้มกันอย่างมีความสุข

    สงครามโลกที่เพียงได้ยินชื่อก็รู้สึกหวาดหวั่น จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว

    “สงครามที่ใช้ความรุนแรงนั้นไม่เคยเป็นผลดีต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม ดิฉันหวังว่าโลกของเราจะสามารถดำเนินต่อไปด้วยการหันหน้าคุยกันเพื่อเจรจาทำข้อตกลงได้อย่างสันติ เพราะดิฉันเชื่อว่า การโต้แย้งและปรึกษาหารือกันใช้เวลาน้อยกว่าการฟื้นฟูโลกหลังสงคราม”

    นั่นคือคำพูดของนักเจรจาผู้ยุติสงครามโลก

    หญิงสาวที่ไม่มีแซ่ ‘ชิงชิง’

     

    “ทุกคนต้องขอขอบคุณคุณชิงชิงจริงๆ ที่หยุดการเกิดสงครามโลกเอาไว้ได้” ในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยเหล่านักการทูตและทหารระดับสูง ผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดภายในห้องฉีกยิ้มกว้างพร้อมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

    “ประวัติศาสตร์โลกจะจารึกชื่อคุณไว้อย่างแน่นอน ชิงชิง ผู้ที่นำสันติมาสู่โลก”

    “ไม่มีนักเจรจาคนไหนจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้อีกแล้ว”

    เสียงชื่นชมจนเข้าขั้นสรรเสริญเยินยอดังขึ้นไม่หยุด หญิงสาวเจ้าของผลงานที่ว่ายิ้มรับเบาๆ แม้เธอจะมีอายุเพียงยี่สิบปลายๆ แต่รูปลักษณ์ตอนนี้กลับไม่ต่างจากคนวัยสี่สิบสักนิด ใต้ตาของเธอดำคล้ำและหย่อนยาน ร่างกายดูซูบโทรมอ่อนล้า

    นั่นเป็นเพราะตลอดชีวิตของเธอไม่เคยได้พักผ่อนเลยสักครั้ง เพราะเธอไม่สามารถนอนหลับได้ แม้แต่เป็นลมสลบก็ไม่เคย หรือจะใช้ยานอนหลับทุกชนิดก็ไม่เป็นผล

    แม้ตอนนี้ชีวิตของเธอจะประสบความสำเร็จ ก้าวมาอยู่ ณ จุดสูงสุดของอาชีพนักเจรจา แต่สิ่งที่คนโด่งดังและมีผลงานอันยิ่งใหญ่อย่างเธอปรารถนาคือการนอนเท่านั้น

    ความปรารถนาที่คล้ายจะเรียบง่าย แต่สำหรับชิงชิง… มันกลับเป็นไปไม่ได้ เพราะแม้แต่ทางการแพทย์ก็ไม่สามารถหาคำอธิบายที่แน่ชัดได้จนถึงปัจจุบัน

    “ขอบคุณที่ทำงานกันอย่างหนัก หวังว่าทุกคนจะใช้เวลาพักผ่อนกันอย่างเต็มที่” สิ้นเสียงนั้น ทุกคนในห้องประชุมก็ลุกขึ้นทำความเคารพผู้มีตำแหน่งสูงสุดแล้วทยอยเดินออกจากห้องประชุมกันไป

    ชิงชิงใช้สายตาอ่อนล้ามองตามพวกเขาอย่างนึกอิจฉาเล็กน้อยก่อนจะก้าวขาเตรียมพร้อมเดินตามออกไป ทันใดนั้นภาพเบื้องหน้าของเธอกลับหมุนเคว้ง โลกทั้งใบในสายตาเธอพร่าเบลอ เสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินคือเสียงของทุกคนที่เรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงตกใจ

    รวมไปถึงเสียงของคุณหมอประจำตัวเธอดังขึ้นมาในความทรงจำ

    ‘แม้คุณจะไม่สามารถนอนหลับได้ แต่ก็จะยังสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ แต่ร่างกายที่ไม่เคยได้พักผ่อนคงจะทนได้ไม่นานนัก ฉันหวังว่าคุณจะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าได้ในตอนที่เวลาของคุณยังเหลืออยู่’

    เธอคือเด็กกำพร้าที่ไต่เต้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก

    เธอคือนักเจรจาที่ประสบความสำเร็จ

    เธอคือคนยุติสงครามโลก

    เธอคือคนที่จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์และเป็นที่จดจำ

    นั่นถือว่าเธอใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าหรือเปล่านะ

    ตอนนี้เธอรู้เพียงแค่ในที่สุดเธอก็จะได้หลับไปสักที… แม้จะไม่มีวันได้ลืมตาขึ้นมาอีกก็ตาม

     

    เสียงผู้คนฮือฮากันเซ็งแซ่ ปะปนกับเสียงพูดคุยของเด็กสาววัยแรกรุ่นจนไปถึงสาวใหญ่ย่างห้าสิบปี ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็เริ่มกลายเป็นเสียงดังอื้ออึงไปทั่ว จนแม้กระทั่งคนที่อยู่ชั้นบนสุดของภัตราคารยังสามารถจับใจความประโยคพูดคุยด้านล่างได้อย่างชัดเจน

    หญิงสาวในอาภรณ์ลายเรียบสีเหลืองอ่อนสะดุ้งเฮือกราวกับพึ่งตื่นขึ้นจากห้วงฝันอันเลวร้าย แววตาเต็มไปด้วยความสับสน เสียงหอบหายใจถี่ค่อยๆ เบาลงเมื่อสมองเริ่มประมวลผล ศีรษะค่อยๆ หันซ้ายขวาเพื่อมองสิ่งรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ

    “คุณหนูเจ้าคะๆ ขบวนใกล้เข้ามาแล้วเจ้าค่ะ” สิ่งตื่นเต้นสดใสของหญิงสาวแปลกหน้าดังใกล้เข้ามา ก่อนจะเอื้อมฝ่ามือหยาบกร้านมาคว้ามือเล็กของคนที่ยังไม่ได้สติดีนักให้ลุกเดินตามไป

    ลมเย็นพัดผ่านระเบียงตีกระทบใบหน้าตกตะลึง ก่อนเบื้องล่างจะปรากฏขบวนขนาดกลางเคลื่อนเข้ามา ด้านหน้าสุดมีชายหนุ่มในชุดเกราะสีเงินราวแม่ทัพในซีรีส์ย้อนยุคบนหลังม้าสีขาว ตามด้วยชายรูปร่างบึกบึนอีกจำนวนหนึ่ง

    หญิงสาวเบื้องล่างพากันแย้มยิ้มแล้วเบียดเสียดกันเพื่อขยับออกไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง บ้างก็โบกสะบัดผ้าเช็ดหน้าเพื่อหวังให้คนบนหลังอาชาได้สังเกตเห็น ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่แม้แต่จะชายตามอง

    ขบวนค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปพร้อมกับสติของหญิงสาวบนระเบียงภัตราคาร ภาพสุดท้ายที่ชัดเจนที่สุดคือใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มผู้นำขบวน ที่แม้จะเห็นเพียงครั้งเดียว… ก็ตราตรึงใจยิ่งนัก

    นี่คือความรู้สึกของการได้หมดสติสินะ

    ‘โคตรจะรู้สึกดีเลย!’

     

     

    -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×