ตอนที่ 4 : คำสัตย์
สามวัน...
ไครซ์นั่งหาวนอนหาวภายในห้องพักของตัวเอง ทุกวันเขาได้แต่นอนกลิ้งอยู่บนฟูกนุ่มนิ่มที่ปูด้วยขนสัตว์ชั้นดี อ่านหนังสือมากมายที่มังกรรับใช้ช่วยกันขนมาให้พร้อมอาหารชั้นเลิศ ตกลงเจ้าพวกมังกรน้ำแข็งรับเขามาเลี้ยงให้อ้วนก่อนเชือดกินหรือไงก็ไม่รู้
เขาพลิกกายนอนคว่ำมองหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยอักษรโบราณถี่ยิบ ถ้าไม่ใช่ว่าถูกปลูกฝังให้เรียนภาษาบ้านี่ตั้งแต่เด็กเขาไม่มีทางคิดอยากจะเรียนเด็ดขาด
หนังสือประวัติศาสตร์เล่มนี้เขาหยิบมาจากห้องสมุดหลวงในเขตหวงห้าม ตอนแรกกะหยอกเจ้าจาร์ลมาและซาฟาย เพราะตอนเขาหยิบเล่มนี้ออกมาและบอกว่าจะเอาไปอ่านสีหน้าของเจ้าสองคนนั้นชะงักไปเสี้ยววินาที แต่แล้วทั้งคู่ก็ยอมให้เขาแบกมันกลับมาที่ห้องพร้อมแนะนำหนังสือเพิ่มเติมให้เสียอย่างงั้น ในตอนแรกเขาไม่แตะมันเลย แค่เห็นก็รู้สึกได้ถึงรังสีความน่าเบื่อ หากความว่างที่แทบจะทำให้เขากลายเป็นมังกรขนงอกเปลี่ยนใจไครซ์ให้หยิบมันขึ้นมาอ่าน
เนื้อความในหนังสือเล่มนี้เป็นตำนานเล่าขานของชาวมังกรน้ำแข็ง
ในสมัยหลายแสนปีก่อนมังกรยังมีเพียงแค่6เผ่าเท่านั้น จนกระทั่งราชวงศ์มังกรน้ำได้ให้กำเนิดทายาทฝาแฝดออกมา หนึ่งในนั้นควบคุมน้ำได้ดังฝัน หากอีกหนึ่งกลับเย็นเยียบเปลี่ยนของเหลวทุกชนิดให้กลายเป็นน้ำแข็ง สองเจ้าชายน้อยถูกแยกกันเลี้ยง มังกรฝาแฝดไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับเผ่ามังกรเพราะว่าพลังจะถูกแบ่งครึ่งทำให้รัชทายาทมีพลังเพียงครึ่งเดียว หรือกรณีเลวร้ายที่ฝาแฝดได้รับพลังเต็มเปี่ยมทั้งคู่ผู้ให้กำเนิดอาจต้องจบชีวิตลง
แน่นอนว่าราชินีมังกรน้ำในตอนนั้นสิ้นชีวิตลงจากการแบ่งพลังเพื่อเลี้ยงดูสองเจ้าชาย ความโศกเศร้าทำให้เกิดความไม่พอใจ เจ้าชายน้อยรัชทายาทแห่งมังกรน้ำองค์โตถูกเลี้ยงดูให้เป็นราชันผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะที่องค์น้องถูกมองเป็นเพียงมังกรน้ำพิกลพิการ การกดขี่ รังแกรุนแรงขึ้นจนกระทั่งเจ้าชายทั้งสองอายุครบ16ปีเต็ม เลือดจากการต่อสู้ก็นองเต็มลานมังกร
เวลานั้นเผ่าพันธุ์มังกรน้ำแตกแยกเป็นสองฝ่าย เจ้าชายองค์น้องสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นราชันแห่งเหมันต์พาผู้ชื่นชอบในตนเองมุ่งสู่ทิศเหนืออันรกร้าง ความแค้นยังคงสืบทอดมารุ่นต่อรุ่นรอวันที่จะ...
ปั่บ
หนังสือเล่มโตถูกมือใหญ่ปิดลงต่อหน้าต่อตา ไครซ์สะดุ้งโหยงเพราะมัวแต่อ่านจนลืมตัวไม่ได้รู้สึกถึงอีกฝ่ายที่ตอนนี้คร่อมตัวเขาไว้
“อ่านอะไรน่าเวียนหัว”
“เจ้า..” พอเจอคนที่ไม่ได้เจอมาสามวันระยะประชิดเล่นเอาไครซ์ทำตัวไม่ถูก
ฟาทัลยันตัวขึ้น เขาสัมผัสมืออีกฝ่ายแล้วจับยกขึ้นจูบกลางฝ่ามือ
“อึก..”รัชทายาทมังกรไฟแทบไฟลุกท่วม เขาเกือบกระชากมือกลับ ใบหน้าร้อนผ่าว โธ่โว้ย ก็บอกว่าไม่ชอบแบบนี้มันน่าอาย!!
“ข้าเพิ่งรู้ว่าเผ่าพันธุ์เจ้าสืบเชื้อสายมาจากมังกรน้ำ” ขยับนั่งตั้งสติพร้อมเปลี่ยนเรื่องพูด
ดวงตาสีเทานิ่งเฉยอ่านไม่ออก ฟาทัลดีดนิ้วแล้วเจ้าหนังสือเล่มใหญ่นั้นก็หายไปทันที
“เจ้าควรไปเตรียมตัวได้แล้ว” ไพล่ตอบไปอีกเรื่อง
ไครซ์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “เตรียมตัวอะไร”
ริมฝีปากได้รูปขยับรอยยิ้มเล็กน้อย ดวงตานิ่งเฉยเมื่อสักครู่กลับพราวระยับให้คนมองใจสั่น
“งานฉลองไง”
ไครซ์ร้องอ๋อในใจ เกือบลืมไปแล้วว่ามีงานเลี้ยง เขาถอนใจเบื่อๆเพราะไม่ชอบงานพวกนี้สักเท่าไหร่แต่ทำอย่างไรได้นอกจากพยักหน้ารับแกนๆ
“แล้วปล่อยมือข้าได้หรือยัง” ดวงตาสีฟ้าสดใสจ้องมองมือที่ยังไม่ยอมปล่อย
“ข้าก็แค่อยากจับมือชายา” ฟาทัลเลิกคิ้ว “ไม่ได้หรือ?”
คนโดนฉวยโอกาสหรี่ตามองคนเจ้าเล่ห์ ก่อนเดินทางมาที่นี่เขารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมังกรน้ำแข็งมากมาย ทั้งข่าวลือเล่าอ้างว่ารัชทายาทมังกรน้ำแข็งสุขุมนุ่มลึก พูดน้อย มาดนิ่ง แต่นี่อะไร? ตั้งแต่เจอหน้าจนถึงตอนนี้เขาเจอแต่สายตาแพรวพราว ลูกล่อลูกชนเยอะแยะ แทบไม่ต่างไปจากมังกรน้ำที่ค่อนข้างเจ้าชู้มีสนมชายาเต็มไปหมด
ฟาทัลหัวเราะในลำคอกับสายตาสำรวจตรวจตราไม่ไว้วางใจ เขายอมปล่อยมืออีกฝ่ายแล้วเรียกจาร์ลมาและซาฟายให้พาชายาตนเองไปเตรียมตัวสำหรับงานวันนี้
“เจ้านายพวกเจ้านี่ร้ายชะมัด”
จาร์ลมาชะงักมือที่กำลังช่วยทำความสะอาดร่างในอ่างน้ำขนาดใหญ่ อดอมยิ้มเอ็นดูชายาต่างถิ่นขี้โวยวายไม่ได้
“นายของพวกข้าคือท่านขอรับ” ย้อนคำเรียบๆ แล้วพยักหน้าให้ซาฟายเอาผ้าเช็ดตัวผืนโตนุ่มนิ่มมารับร่างที่กำลังขึ้นจากน้ำ
ไครซ์ปล่อยให้ทั้งสองคนช่วยกันเช็ดทำความสะอาดร่าง ก่อนจะชะงักขมวดคิ้วมองร่างที่กำลังเช็ดแขนให้อยู่
“เจ้ากำลังจะบอกว่าข้า “ร้าย” ใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะขอรับ” จาร์ลมารีบแก้ตัวพลางส่งยิ้มเจื่อนให้แก่เจ้าชีวิตคนใหม่
ไครซ์โคลงหัว “พอกันทั้งเจ้านายลูกน้อง” เมื่อตัวแห้งดีแล้วก็เดินผ่านข้ารับใช้สองคนไปยังส่วนแต่งตัว เขาได้ยินเสียงจาร์ลมาร้องโอดโอยตามหลังซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าซาฟายคงลงโทษไปสักทีสองที
ผ้าทอละเอียดสีฟ้าอ่อนจากไหมชั้นดีดูเบาบางแต่ให้ความอบอุ่นแก่ผู้สวมใส่ ปักด้วยดิ้นทองแท้สวยงามสมศักดิ์ศรีเจ้าของ แม้แต่สายรัดเอวเองก็ทอด้วยไหมที่มีส่วนผสมของอัญมณีหายาก รัชทายาทมังกรไฟมองตัวเองในกระจก เขายอมรับว่าฝั่งมังกรน้ำแข็งทำการบ้านมาได้ดีมากๆ รู้แม้แต่เรื่องที่เขาไม่ชอบใส่เครื่องประดับหรูหรามากมาย เลยจัดการถักทอแร่พลอยสวยงามเหล่านั้นลงในผืนผ้าเกิดเป็นความงามจนต้องพยักหน้าด้วยความพอใจ เครื่องประดับบนร่างกายมีแค่สองอย่างเท่านั้นคือต่างหูและกำไลรัดข้อมือทองคำ
“เปี๊ยว”
เสียงร้องเรียกตามมาด้วยสัมผัสที่ผิวแก้ม ไครซ์คลี่ยิ้มพลางส่งมือไปเกาคางเจ้าตัวน้อยสีเพลิงบนไหล่
“ไงเฟลม สามวันมานี่หายจ้อยเลยนะ หนาวละสิ” เขาหยอกล้อเจ้าตัวเล็ก
มังกรเพลิงถูใบหน้ากับแก้มเจ้านาย แล้วตวัดสายตาสีแดงก่ำมองคนแปลกหน้าสองคนที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ
“นั่นจาร์ลมากับซาฟาย” แนะนำทั้งคู่ให้เจ้าตัวเล็กรู้จัก ขืนไม่บอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะโดนเจ้าเฟลมย่างสุกไม่รู้ตัว
“เปี๊ยว...ว” เฟลมส่งเสียงร้องยาวขึ้นแล้วกระโดดลงบนหัวจาร์ลมา ก้มลงดมฟุดฟิดสักพักแล้วก็กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของซาฟายที่คว้าไว้ด้วยสัญชาตญาณ
ข้ารับใช้ทั้งสองคนนั่งตัวแข็งทื่อ เกิดมาเพิ่งเคยเจอจิตวิญญาณอัคคีเป็นครั้งแรก พวกเขาได้ยินมานานว่าจิตวิญญาณอัคคีนั้นจะอยู่คู่กับรัชทายาทมังกรไฟ แถมตอนออกรบสามารถกลายร่างกลายเป็นก้อนเพลิงยักษ์เผาผลาญได้ทุกสรรพสิ่งหลอมละลายไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
“ไม่ต้องกลัวหรอก เฟลมไม่มีอันตราย”
มังกรหนุ่มหัวเราะเบาๆ เฉพาะตอนปกตินะที่ไม่อันตราย
ซาฟายมองเจ้าตัวบนมือ เขาลองสัมผัสลูกไฟตัวน้อยแล้วพบว่าเพลิงสีส้มนั้นอ่อนนุ่มราวกับก้อนไหมฟูๆ แต่ยังไงชาวมังกรน้ำแข็งแบบพวกเขาย่อมไม่ถูกกับก้อนไฟแน่นอน
“มานี่” ไครซ์ยื่นมือเรียกให้มังกรน้อยกระโดดเกาะแล้วไต่ขึ้นไหล่ “เดี๋ยวข้ามีงานเลี้ยง อย่าออกมาจนกว่าจะเรียกเข้าใจไหม” เขาย้ำคู่หู เฟลมส่งเสียงร้องอีกครั้งแล้วจางหายวับไปในร่างของรัชทายาทแห่งอัคคี
จาร์ลมากลืนน้ำลายเอื้อก ถึงเจ้าตัวเล็กจะน่ารักแค่ไหนแต่พอสบตาด้วยก็ขนลุกไปทั้งตัว หวังว่าในงานจะไม่มีปัญหาอะไรให้ท่านไครซ์เรียกเจ้าตัวอันตรายนั่นออกมา
ท้องฟ้าภายนอกถูกกลืนกินด้วยราตรีมืดมิด ปกติแล้วแสงจากพระจันทร์หรือดวงดาวจะส่องกระทบคริสตัลของพระราชวังเป็นประกายงดงาม แต่ทว่าไม่ใช่สำหรับคืนนี้
ชาวเมืองต่างประดับประดาไฟจนสว่างจ้า เสียงร้องรำทำเพลงพร้อมเสียงหัวเราะครื้นเครงของชาวบ้านดังก้องหุบเขา ของกินประจำเมืองส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้ท้องร้อง แน่นอนว่ารัชทายาทมังกรไฟย่อมอยากออกไปสนุกในหมู่บ้านด้วย
ไครซ์มองแสงวิบวับจากในเมืองตาละห้อย เขาถอนใจยอมรับชะตากรรมแล้วหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่เคียงข้าง รัชทายาทมังกรน้ำแข็งอยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มประจำตระกูลปักลวดลายด้วยแร่เงินล้ำค่าคล้ายๆเขาแต่ที่หนักกว่าคือแทบไม่มีเครื่องประดับอะไรเลยนอกจากพลอยที่หลังมือ ขนาดท่านพ่อของเขายังมีต่างหูไม่ก็รัดเกล้าเลยนะ!
“ไปกันเถอะ”
ฟาทัลส่งเสียงเรียกคนที่กำลังมองพิจารณาตัวเองอย่างไม่เกรงใจ ตอนนี้ดวงตาสีเทาไม่แพรวพราวเหมือนทุกครั้งแต่มันดูเคร่งเครียดจริงจัง ไครซ์ส่งมือไปให้สวามีในนามจับด้วยความจำยอม พลันพลอยที่หลังมือก็กระจายความอุ่นวาบออกมา
เป็นความรู้สึกเหมือนโดนโอบอุ้มอยู่ในความปลอดภัย
“รัชทายาทเสด็จ” เสียงทหารหน้าท้องพระโรงตะโกนก้อง เสียงพูดคุยในงานเงียบลงก่อนที่เหล่าเสนาบดี เชื้อพระวงศ์และผู้มีตำแหน่งสูงจะยืนเรียงแถวเว้นเฉพาะทางเดินตรงกลางให้รัชทายาทแห่งดินแดนเหมันต์จูงชายาเข้ามา
ร่างของรัชทายาทต่างแดนดูโดดเด่นจับตา เรือนผมสีแดงส้มตัดกับชุดสีฟ้าอ่อนที่สวมใส่ขับเน้นให้ใบหน้าของรัชทายาทมังกรไฟคมเข้มงดงาม ท่าทางการก้าวเดินเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจและสง่างามสมสายเลือดสีน้ำเงิน
สำหรับไครซ์งานเลี้ยงและสายตาของผู้คนเป็นสิ่งที่เขาเคยชินเสียแล้ว แต่งานเลี้ยงที่นี่กลับให้ความรู้สึกแปลกๆ ดูลึกลับเงียบสงบเหมือนพิธีอะไรมากกว่าเหมือนมีอะไรที่เขายังไม่รู้
“ทำตามข้า” ฟาทัลเอ่ยขึ้นเบาๆ
ยังไม่ทันที่จะได้ทำความเข้าใจ ไครซ์ก็ต้องทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมคนข้างกาย ดวงตาสีฟ้าสดเหลือบมองเบื้องหน้าที่เป็นแท่นยกสูง จ้าวมังกรน้ำแข็งยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมพระชายา
รัชทายาทมังกรไฟลอบเบ้ปาก พอมาดูใกล้ๆ พระมารดาของฟาทัลยังสูงกว่าเขาเป็นคืบ เผ่ายักษ์ชัดๆ
บรรยากาศในท้องพระโรงตอนนี้เย็นเฉียบจนไครซ์อยากเรียกเฟลมออกมาให้ความอบอุ่น ไม่มีเสียงพูดคุยเงียบจนเกือบไม่ได้ยินเสียงหายใจ
ให้ตาย งานเลี้ยงหรืองานเชือดกันแน่!
มังกรน้ำแข็งไม่ปล่อยให้ไครซ์ได้คิดเลยเถิดไปไกลกว่านั้น เสียงบทสวดดังขึ้นพร้อมเพรียงเกิดเป็นทำนองแปลกหู พร้อมๆกับบรรยากาศรอบตัวที่หนักอึ้งด้วยไอเวท ไครซ์เหลือบมองฟาทัลที่ยังคงคุกเข่าก้มหน้านิ่ง มีเพียงคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิมเหมือนเจ้าตัวเองก็อึดอัดไม่ต่างกัน
เกิดอะไรขึ้น?
เฮือก!
รัชทายาทมังกรไฟสะดุ้งโหยงเมื่อโดนสัมผัสที่หน้าผาก เขาเกือบปัดมือผู้รุกรานออกด้วยสัญชาตญาณแต่ก็ถูกมือใหญ่ที่กอบกุมอยู่กระตุกมือเอาไว้ ตอนนี้จ้าวมังกรแห่งเหมันต์แตะที่หน้าผากของพวกเข้าทั้งคู่และตรึงไว้ด้วยพลังที่มองไม่เห็น
“ในนามแห่งราชัน...” เสียงทุ้มต่ำของราชาดังก้องกำเนิดเป็นคลื่นพลังสั่นสะเทือนไปทั่ว “บัดนี้ถึงแก่เวลาที่รัชทายาทแห่งข้าจะก้าวสู่ตำแหน่ง”
ไครซ์ตาเบิกโพลง เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ฟาทัล อิลมาร์ เจ้าพร้อมที่จะรับตำแหน่งราชันมังกรเหมันต์หรือไม่”คำถามเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยน้ำหนักของภาระที่ต้องแบกเอาไว้ คำพูดของเชื้อสายราชันย์จะไม่สามารถตระบัดสัตย์ได้
มือที่กอบกุมชายาเอาไว้บีบแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่รัชทายาทมังกรน้ำแข็งจะเอ่ยตอบออกมา
“ข้าขอน้อมรับ”
พลันพลังมากมายก็พุ่งเข้าสู่ร่างทั้งสองที่คุกเข่าอยู่ ไครซ์กัดฟันแน่นเมื่อรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งร่างกายราวกับร่างกำลังแตกเป็นเสี่ยง
พรึ่บ
มังกรอัคคีที่รู้สึกถึงความผิดปกติของเจ้าชีวิตโผล่ออกมาทันที มันห่อหุ้มร่างเจ้านายด้วยเพลิงสีฟ้าที่ได้ชื่อว่าร้อนที่สุดพร้อมแยกเขี้ยวขู่
ชาวมังกรน้ำแข็งถึงกับชะงักไปอึดใจเมื่อเจอจิตวิญญาณอัคคีตรงหน้า
“เฟลม...กลับเข้าไป” ไครซ์เอ่ยไล่เสียงเข้มจัด
เจ้าตัวเล็กลังเล แต่พอสบตาดุๆของเจ้านายก็ยอมลดไฟลงมุดซุกเข้าชายเสื้อไม่ยอมหายไปไหน อย่างน้อยก็อยากให้ความอบอุ่นเอาไว้แบบนี้
ไครซ์ปรับสภาพร่างตัวเองสักพัก เมื่อกี้พลังของจ้าวมังกรน้ำแข็งพุ่งใส่พวกเขาอย่างรุนแรง สำหรับเขาที่มาจากคนละเผ่าต้องใช้เวลาปรับตัว นี่ไม่ใช่งานเลี้ยง แต่เป็นพิธีสืบทอดตำแหน่ง ถึงจะรู้ว่าจ้าวมังกรน้ำแข็งอายุมากแล้วแต่ไม่คิดว่าจะมอบบัลลังก์ให้รัชทายาทที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งกับมังกรต่างเผ่า เรื่องของการเมือง สายเลือด มันอันตรายเกินไป
สำหรับมังกรสายเลือดคือสิ่งสูงสุด ยามจ้าวมังกรมีทายาท ทารกจะได้รับตำแหน่งรัชทายาทโดยทันที ต่อให้ทารกที่เกิดมาเป็นเผ่าอื่นก็ตาม แต่การแย่งบัลลังก์ข้ามเผ่าไม่มีใครอยากให้เกิด ดังนั้นยามที่แต่งงานข้ามเผ่าจึงมักจะพยายามมีลูกกันก่อนรับตำแหน่ง หากทารกที่เกิดเป็นเผ่าอื่นจะรอให้โตขึ้นเล็กน้อยแล้วส่งกลับเผ่าที่ถูกต้อง แม้แต่มังกรไฟของไครซ์เองก็เช่นกัน
ท่านพ่อแต่งงานกับท่านแม่ที่มาจากเผ่ามังกรลม เขาเองถือกำเนิดตอนที่ท่านพ่อยังเป็นรัชทายาท เมื่อรู้ว่าทารกที่เกิดมาเป็นมังกรไฟท่านพ่อกับได้รับตำแหน่งจ้าวมังกรอัคคีทันที
รัชทายาทมังกรไฟเม้มปาก เขาสะดุ้งเมื่อเห็นจ้าวมังกรและพระชายาคุกเข่าลง ในขณะที่ตัวเองโดนดึงต้นแขนให้ลุกขึ้น เขาหันไปมองฟาทัลที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ดวงตาสีเทากลับกลายเป็นสีทองแห่งจ้าวมังกรเหมันต์
ฟาทัลก้าวขึ้นสู่บัลลังก์พลางจูงพระชายาที่ยังงุนงงไปยืนเคียงข้างกัน ไครซ์ขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกแปลกๆที่หลังมือ อีกครั้งที่ร่างสูงใหญ่จับมือชายายกขึ้นสัมผัสริมฝีปากลงบนพลอยสีสวย
จิตวิญญาณแห่งอัคคีตัวน้อยรีบโผล่มาปกป้องเจ้านาย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอดวงตาสีทองจ้องมองกลับมา เฟลมขดตัวสั่นนิดๆ ก่อนจะค่อยๆไต่จากแขนเจ้านายตัวเองไปยังแขนของฟาทัล
มังกรอัคคีไถร่างกับใบหน้าคมคายราวกับออดอ้อน
เฟลม!! ไอ้มังกรทรยศ ไอ้มังกรแปรพักตร์! ไครซ์ร้องลั่นในใจ
“ข้าฟาทัล จ้าวมังกรน้ำแข็งขอให้คำสัตย์สาบานต่อ Dragon tear” ฟาทัลเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าจิตวิญญาณอัคคีสงบลงแล้ว พลอยของทั้งคู่ส่องแสงพร้อมๆกันราวกับร้องรับถึงพลังในร่างกาย “จะมั่นคงและให้เกียรติกับพระชายาตราบสิ้นลมหายใจ” พลันสายใยสีเงินและทองขมวดม้วนเป็นอักษรโบราณ บิดเกลียวถักทอเป็นรัดเกล้ารูปร่างสวยงามผนึกลงบนหน้าผากของเจ้าชายไครซ์อย่างไม่ให้ตั้งตัว
ทุกคนในห้องโถงคุกเข่าลงพร้อมเสียงตะโกนดังต้อนรับราชันองค์ใหม่ในรอบหลายร้อยปี
“จ้าวมังกรและพระชายาทรงพระเจริญ!!”
ไครซ์ร้อนรนในใจคำพูดสาบานดังโซ่ตรวนที่ผูกพวกเขาสองคนไว้ด้วยกัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คนที่ไม่ชอบอ่านแฟนตาซีแบบเราชอบมากก
เป็นเรื่องแรกที่อ่านแล้วอยากติดตามต่อมากก ไรท์กลับมาต่อนะคะ