ตอนที่ 3 : ดินแดนแห่งเหมันต์
ขบวนรถม้าส่งตัวเจ้าสาววิ่งไปตามถนนสู่ดินดินทางเหนือ จากทิวทัศน์ที่คุ้นเคยเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่ไม่รู้จัก จากต้นไม้สีเขียวชอุ่ม เริ่มลดน้อยเหลือเพียงกิ่งก้านว่างเปล่า อากาศที่หายใจเข้าปอดเย็นเยียบถึงข้างใน
ไครซ์นั่งเหม่อมองออกไปทางหน้าต่าง ถอนใจเซ็งๆแต่ก็บ่นอะไรออกมาไม่ได้ เพราะคนที่เลือกวิธีเดินทางแบบนี้คือตัวเอง ขบวนส่งตัวนั้นไม่จำกัดรูปแบบ ส่วนมากจะใช้วิธีบินไปด้วยร่างของมังกรที่เร็วและประหยัดเวลากว่า แต่ถ้าบ้านเมืองไม่ไกลกันมากหลายคนก็เลือกที่จะขอนั่งกินลมชมวิวสบายๆ ไม่ใช่ว่าเผ่ามังกรไฟกับมังกรน้ำแข็งอยู่ใกล้กันหรอกนะ กลับกันสองเผ่านี้ห่างกันมากที่สุดด้วยซ้ำ
เขาไม่อยากรีบส่งตัวเองไปอยู่ในที่แบบนั้น เลยพยายามหาทางถ่วงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้าใช้รถม้าละก็เขาต้องเดินทางกันแรมเดือนเลยทีเดียว ตอนที่แจ้งไปทางฝั่งมังกรน้ำแข็งทางนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กลับบอกว่าดีแล้วจะได้ค่อยๆปรับตัวให้ชินกับอากาศ
จนถึงตอนนี้เวลาที่คอยรั้งเอาไว้กำลังจะหมดลง..
ลมหายใจที่ผ่อนออกมากลายเป็นควันขาวจางๆ ไครซ์ขมวดคิ้วแล้วลองยื่นมือออกไปนอกหน้าต่าง ความเย็นที่แทบบาดผิวยิ่งตอกย้ำว่าเขากำลังจะถึงที่หมาย
ดวงตาสีฟ้ามองเหล่าข้ารับใช้ หลายคนนั่งบนหลังม้าด้วยร่างกายที่สั่นด้วยความหนาว เจ้าพวกนี้ตามมาส่งเขาทั้งๆที่บอกแล้วว่าไม่ต้องขนกันมาขนาดนี้ เป็นไงล่ะ..
“เฟลม”
จบคำมังกรอัคคีตัวเท่าฝ่ามือก็โผล่ขึ้นมาทันใจ ดวงตาสีแดงส้มจ้องมองเจ้านายตาแป๋ว มังกรน้อยตัวนี้สืบทอดกันมาตามสายเลือดราชวงศ์ เกิดมาพร้อมกันตายไปพร้อมกันเรียกได้ว่าเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิต โดยปกติแล้วเจ้าตัวเล็กจะเปลี่ยนร่างเป็นดวงจิตหลับใหลอยู่ในตัวเจ้านายและจะโผล่มาเมื่อโดนเรียกหรือมีเหตุการณ์อะไรที่ผิดปกติ
“ไปช่วยเจ้าพวกนั้นหน่อยสิ” ปล่อยเจ้าตัวเล็กออกไปทางหน้าต่าง มังกรอัคคีที่ร่างกายเป็นเปลวไฟสีส้มแดงทั้งตัวส่งเสียงร้องชอบใจ บินวนรอบขบวนส่งตัวอย่างรู้หน้าที่ แล้วไออุ่นก็โอบคลุมคณะเดินทางเอาไว้อย่างอ่อนโยน
ถึงจะเอาแต่ใจ จอมโวยวายและขี้โมโห แต่นิสัยนึกถึงผู้อื่นอยู่เสมอนี่แหละคือเสน่ห์ของรัชทายาทมังกรไฟ
ขบวนหยุดลงเมื่อแสงอาทิตย์ลดต่ำ ไครซ์นั่งรอจนทหารองค์รักษ์เดินมาเปิดประตูรถม้าเชื้อเชิญเขาออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ แต่ทันทีที่ขาแตะพื้นสายลมก็พัดขึ้นอย่างรุนแรงจนกองขบวนถึงกับเซ
ไครซ์ยืนนิ่งไม่สะทกสะท้านกับลมแรงที่พัดมา เมื่อเขาเงยขึ้นไปบนท้องฟ้าดวงตาสีฟ้าก็ต้องเบิกกว้างกับขบวนมังกรอันใหญ่โต
มังกรน้ำแข็งตัวยักษ์ค่อยๆร่อนลงพื้น ถึงจะพยายามเบาแรงแค่ไหนแต่แรงลมจากปีกกว้างและน้ำหนักตัวที่มากมายก็ทำเอามังกรไฟสะท้านกันเป็นแถวๆ
“ขอต้อนรับท่านไครซ์สู่เขตดินแดนเหมันต์” ชายกลางคนเดินฝ่าออกมาจากฝูงมังกร แต่งตัวด้วยผ้าเนื้อดีหนาสีน้ำเงินเข้มบ่งบอกว่าตำแหน่งฐานะนั้นไม่ธรรมดา
“ท่านเสนาเคอร์นี่ ยินดีที่ได้พบท่าน” รัชทายาทหนุ่มยิ้มธุรกิจการจำชื่อใบหน้าและตำแหน่งคนสำคัญในวังน้ำแข็งนั่นตลอดการเดินทางที่ผ่านมาช่วยเรียกคะแนนได้ไม่น้อย ยิ่งตอนนี้เสนาเคอร์นี่ถึงกับยิ้มออกมา
“สมแล้วที่จะมาเป็นยอดมงกุฎของพวกเรา”
ไครซ์ยิ้มหด ชมอะไรก็ได้แต่ไม่เอาไอ้คำว่า พระชายา ยอดมงกุฎหรืออะไรก็ตามที่หมายความว่าภรรยาได้ไหม
“การเดินทางต่อจากนี้ต้องใช้ร่างมังกรเท่านั้น เพราะวังอยู่เหนือขึ้นไปบนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ” เสนาอารมณ์ดีผ่ายมือออกไปด้านข้าง ชี้ให้เห็นเขาสูงที่ยอดหายลิบไปในก้อนเมฆ จะว่าไปแถวนี้ก็มีแต่ภูเขาทั้งนั้น ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆเลย
นี่ใจคอจะไม่มีชาวเมืองอาศัยอยู่เลยเหรอเนี่ย
“ชาวเมืองเหมันต์จะอยู่บนยอดเขา เพราะด้านล่างนี้ทุรกันดารเกินไป” เสียงทุ้มต่ำดังเฉลยเหมือนอ่านความคิดของเขาออก เมื่อหันไปมองเจ้าของเสียง พลอยบนหลังมือของเขาก็ร้อนวาบขึ้นมาทันที
ฟาทัลรัชทายาทมังกรน้ำแข็งอยู่ในชุดที่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว แต่ยังคงสีครึ้มๆมืดทึมได้ไม่เปลี่ยน เขาก้าวเข้ามาจนหยุดยืนอยู่หน้าว่าที่ภรรยา แล้วสะบัดเอาผ้าคลุมผืนหนาโอบรอบร่างที่เล็กกว่าเอาไว้อย่างสุภาพ
“นี่...” ไครซ์จับผ้าคลุมด้วยความสงสัย
“ข้างบนอากาศหนาวจัด ท่านคงยังไม่คุ้น” ดวงตาสีเทาเป็นประกายไม่น่าไว้ใจ “ให้ข้าพาท่านไปถึงวังเถอะ”
ยังไม่ทันที่ไครซ์จะได้เอ่ยปากปฏิเสธ ร่างทั้งร่างก็โดนอุ้มขึ้นท่ามกลางขบวนส่งตัวที่กำลังยื่นอึ้งพูดไม่ออก
“เดี๋ย....หว๋า!!!!”
เพียงเสี้ยววินาที ฟาทัลคืนร่างมังกรแล้วส่งไครซ์ไปไว้ด้านหลังที่มีแผงคออ่อนนุ่มให้ความอบอุ่น รอจนคนที่ยังงงๆเข้าที่ยึดหลักได้ จากนั้นรัชทายาทมังกรน้ำแข็งก็หันไปสั่งกองขบวนสองสามคำก่อนจะส่งตัวเองสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่ในทันที
ถึงจะมีเชื้อสายมังกรลม แต่การที่ถูกพาดิ่งขึ้นฟ้าแบบไม่ทันตั้งตัวก็ทำเอาไครซ์หลับตาปี๋ สายลมเย็นบาดลึกถึงกระดูก ถ้าไม่มีผ้าคลุมผืนนี้เขาคงแข็งตายก่อนถึงวังแน่ๆ
ร่างขนาดใหญ่ของมังกรน้ำแข็งทะลุผ่านกลุ่มเมฆ เผยให้เห็นแสงอาทิตย์ยามอัศดงเต็มตา รวมทั้งเห็นยอดเขามากมายที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้าง เขาแต่ละลูกเชื่อมกันด้วยสะพานแขวนดังสะพานที่แขวนอยู่เหนือแม่น้ำทั่วไปเพียงแต่เปลี่ยนน้ำเป็นเมฆเท่านั้นเอง
“เผ่าของเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้านบนเพราะได้รับแสงแดดมากกว่า จะได้ทำการเพาะปลูกเลี้ยงชีพได้ ชาวเมืองเชื้อสายมังกรน้ำแข็งจะมีร่างกายสูงใหญ่เพื่อรับมือกับความหนาวเย็น การเคลื่อนก็จะว่องไวเพราะอยู่บนที่สูงอันตราย” ฟาทัลอธิบายช้าๆราวกับอ่านใจของคนบนหลังออก เมื่อเขาบินผ่านช่องเขาก็พบกับมังกรนอนหมอบเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของชาวเมือง
“ส่วนตรงนี้คือจุดสำหรับผู้พิทักษ์ เป็นคนในวังที่คอยทำหน้าที่ดูแลชาวบ้านไม่ให้เกิดอันตราย อย่างเช่น..”
ไม่ทันขาดคำเสียงกรีดร้องก็ดังลั่นมาจากส่วนหนึ่งของสะพานแขวน มังกรผู้พิทักษ์พุ่งพรวดตรงไปยังต้นเสียงตามหน้าที่ทันที
มังกรใหญ่พุ่งเข้าไปรับตัวชาวเมืองเคราะห์ร้ายได้ทันก่อนจะแหลกเหลวอยู่ที่หุบเขา ไครซ์แอบกลืนน้ำลายเอื้อก ปีหนึ่งจะมีคนตายเพราะอุบัติเหตุแบบนี้กี่คนกันนะ
“ไม่ต้องกังวลไป เรามีระบบป้องกันที่ดี สะพานแขวนนั่นจะถูกตรวจเช็คอย่างละเอียดทุกๆหกเดือน แต่ทุกเดือนก็จะมีการสำรวจหาความผิดปกติ ส่วนขอบหน้าผาต่างๆก็มีกำแพงล้อมอย่างปลอดภัย ที่ร่วงแบบนั้นส่วนมากจะเป็นพวกเผอเรอหล่นจากสะพานแขวน ไม่มีคนตายเพราะอุบัติเหตุแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วล่ะ”
ฟาทัลยังคงตอบ
ราวกับอ่านใจออก ไครซ์ที่กำลังฟังอย่างอึ้งๆเริ่มรู้สึกตัวแล้วรีบเบ้ปาก
“ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย”
ทำเสียงไม่สนใจ ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อรู้สึกว่าร่างมังกรที่ตัวเองอาศัยนั่งอยู่สั่นระริกเหมือนจะกลั้นหัวเราะ พอจะเริ่มเอ่ยปากต่อว่าอีกฝ่ายก็ขัดขึ้นมาทันที
“ถึงแล้ว ยินดีต้อนรับสู่วังเหมันต์”
ปราสาทหลังงามบนยอดภูผาสูง ในขณะที่เผ่าไครซ์เจาะภูเขาทั้งลูกทำเป็นวัง แต่ที่นี่ใช้แต่งเติมจากรากฐานที่เป็นขุนเขา ตัววังเป็นประกายใสราวกับสร้างจากน้ำแข็ง เคลือบไปตามหน้าผากลายเป็นประติมากรรมที่ไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อมองดีๆก็จะเห็นว่าความใสและความแวววาวคือคริสตัลล้ำค่า ซึ่งเรื่องนี้ไครซ์เองก็มารู้ทีหลังว่า ไม่มีมังกรน้ำแข็งตัวไหนสนุกแน่ ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วเพดานห้องละลายไปเพราะแดดยามเช้า อีกอย่างพวกเขาก็หนาวเป็นเหมือนกัน ไม่มีใครนอนบนน้ำแข็งกันหรอก
อย่างงี้เขาก็ละลายวังไม่ได้สิ..ขืนละลายคริสตัลไม่รู้จะโดนเรียกเก็บเงินค่าซ่อมอีกเท่าไหร่
เมื่อถึงลานกว้างหน้าปราสาท ขบวนต้อนรับก็ยืนรอกันอย่างพร้อมเพรียง ฟาทัลกลับสู่ร่างมนุษย์ยืนเคียงคู่รัชทายาทจากแดนไกล
“เชิญด้านในเถิด”
แทบไม่ต้องรอให้ซ้ำประโยคเดิม ไครซ์ก็รีบพยักหน้าเดินตามไปทันทีเพราะอากาศตรงนี้มันหนาวเหลือทน!
ข้างนอกว่าสวยข้างในแทบไม่ต้องพูดถึง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเผ่าน้ำแข็งที่แสนจะตายด้านมีวังงดงามขนาดนี้ พื้นปูด้วยหินอ่อนลวดลายงดงาม เพ่งดูดีๆแล้วเหมือนจะมีทองคำปะปน เสาก็เป็นผลึกคริสตัลสลักเสลาด้วยฝีมือวิจิตร ตามหน้าต่างมีผ้าม่านกำมะหยี่สีดำลวดลายเถาดอกไม้สีขาว ทั้งสะอาดทั้งสวยตรงปลายก็มีภู่ทองห้อยอยู่ด้วย
ฟาทัลเหลือบมองร่างข้างๆด้วยรอยยิ้มที่คนถูกมองไม่ได้เห็น เขาอดเอ็นดูนิสัยชอบเอาชนะแบบนี้ไม่ได้แถมสนใจสิ่งใหม่ๆไปเสียทุกอย่าง เชื่อเลยว่าตอนนี้ไครซ์ต้องกำลังสงสัยว่าพื้นหินอ่อนนี่จะราคาเท่าไหร่ ผ้าม่านนั่นทอมือปักลายกันเองใช่ไหม เหมือนเด็กที่ได้ออกสู่โลกกว้างเป็นครั้งแรก
“ท่านพ่อรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ รีบไปเถอะ” เขาเลี่ยงที่จะตอบคำถามในใจของคนขี้สงสัย รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถามก่อนน่าสนใจกว่า ชายหนุ่มดันศอกไครซ์เบาๆสุภาพจนหาเรื่องไม่ได้ ไครซ์เลยทำได้แค่มองเหล่ด้วยหางตา
“ยินดีต้อนรับเจ้าชายไครซ์” เสียงทุ้มเย็นดังขึ้นเมื่อทั้งสองคนไปหยุดยืนอยู่หน้าบันลังก์ที่ยกสูง ดวงตาสีทองสงบนิ่งเหมือนผิวน้ำไร้การเคลื่อนไหว สายตาที่คาดเดาความคิดไม่ได้...ราชามังกรน้ำแข็งเป็นคนที่น่ากลัวกว่าที่คิดเอาไว้
“ท่านคงจะเหนื่อยกับการเดินทางอันยาวนาน เราได้จัดห้องให้ท่านแล้ว”เบือนหน้ามองลูกชาย “ฟาทัล พาชายาของเจ้าไปที่ห้องสิ”
ไครซ์หน้าแดงจัด ชายา! ชายา! ทำไมต้องใช้คำนี้ฟ่ะ
“ที่นี่ก็เป็นวังของท่านเหมือนกัน ทำตัวตามสบาย อีกสามวันเราจะจัดงานฉลองครั้งใหญ่ ขอให้ท่านเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
รัชทายาทมังกรไฟกระพริบตาปริบๆ งานแต่งจบไปแล้วนี่ ยังจะฉลองอะไรอีกล่ะเนี่ย
หลังจบการทักทายที่เร็วสุดๆ ฟาทัลก็พาร่างโปร่งไปยังห้องพัก พื้นที่ลาดยาวไปถึงห้องนั้นปูด้วยพรมสีแดงเลือดหมูที่เข้าชุดกับสีม่าน ตามเสามีโคมไฟคริสตัลภายในส่องแสงระเรือนุ่มนวลซึ่งน่าจะเป็นผลึกน้ำแข็งชนิดนึง
ทหารยามหน้าห้องโค้งให้ทั้งคู่ก่อนจะเปิดประตูห้องออกกว้าง
มืด ครึ้ม หดหู่โคตรๆ เผ่านี้ใช้ชีวิตกันยังไงว่ะ
“ห้องชั่วคราวของท่าน หลังงานพิธีเราจะย้ายไปห้องอื่น” ฟาทัลอธิบายเรียบๆและดูเหมือนว่าไครซ์จะไม่ทันได้ยินคำว่า เรา
“นึกเสียว่าที่นี่คือวังของท่าน แล้วก็..” ปรบมือเบาๆ “สองคนนี้จะเป็นคนดูแลท่านยามอยู่ที่นี่ จาร์ลมาและซาฟาย”
ร่างสูงตามแบบฉบับของชาวมังกรน้ำแข็งเดินเข้ามาทำความเคารพ จาร์ลมามีเรือนผมสีน้ำตาล ใบหน้าคมคายและมีรอยยิ้มที่น่ามอง ส่วนซาฟายนั้นมีผมสีเงินรับกับดวงตาสีเขียวท่าทางเงียบเฉย ไครซ์เหลือบมองตามแล้วถอนใจ มีคนติดตามแบบนี้จงใจคุมตัวกันชัดๆ
“อีกสามวันเจอกัน” มือใหญ่ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายยังเหม่อคิดเรื่องเลวร้ายจับมือขึ้นพลิกฝ่ามือแล้วก้มลงจูบเบาๆ ลมหายใจที่ปะทะกับอุ้งมือและความนุ่มจากริมฝีปากได้รูปทำเอาไครซ์ร้อนวาบไปทั้งใบหน้า
ประตูห้องอันหนักอึ้งปิดลงปล่อยให้ร่างโปร่งยืนตะลึงงันอยู่แบบนั้น คำถามมากมายผุดขึ้นในใจ
อีกสามวันจะจัดงานฉลองอะไรกันอีก แล้วทำไมต้องอีกสามวันถึงจะได้เจอ
ทำไมต้องมีคนติดตามคอยคุมแบบนี้ ทำไมต้องอยู่ห้องชั่วคราว?
คนคิดมากคิดไปคิดมาหน้าเริ่มปั้นยาก
เฮ้ย!!นี่จริงๆแล้วโดนหลอกจับมาเป็นตัวประกันใช่ไหมเนี่ย เผยหางออกมาจนได้เจ้ามังกรน้ำแข็งจอมโกหก คิดว่าข้าโง่เรอะ หนอยพอครบสามวันจะวางแผนฆ่าละสิ เชื่อได้เลยว่าเปิดหน้าต่างแล้วต้องเจอกรงเวท
คนที่คิดมากหมายมั่นเดินท่อมๆไปเปิดหน้าต่างก่อนจะปิดดังโครม
..ไม่มีกรงเวท มีแต่วิวยอดเขาที่มองลงไปด้านล่างจะเห็นทิวป่าน้ำแข็งที่สวยงาม..
และอากาศที่หนาวบรรลัย!!
งั้นถ้าออกทางประตูล่ะ ต้องมีทหารยืนขวางแน่
ไครซ์เปลี่ยนทิศเดินไปที่ประตูแล้วผลักเต็มแรง หากสิ่งที่เขาพบคือความว่างเปล่า
“อ้าว” รัชทายาทมังกรไฟถึงกับปรับตัวไม่ทัน
“จะเสด็จไปไหนหรือขอรับ”จาร์ลมาที่เดินผ่านมาพอดียิ้มให้ และนั่นเหมือนขวัญกำลังใจเล็กๆของคนทิฐิเยอะ
“ถ้าข้าอยากไปเดินเล่นคงไม่ได้สินะ” ทำท่าไม่พอใจ
จาร์ลมาทำหน้าเหว๋อ งงสนิท “ได้สิขอรับ ก็ที่นี่คือวังของท่าน”
คำตอบซื่อๆตรงๆทำเอาไครซ์อ้าปากค้าง
“ท่านฟาทัลทูลว่า หากท่านไครซ์ต้องการทำอะไร ให้ท่านทำได้ตามพระทัย”
รัชทายาทมังกรไฟหน้าแดงก่ำ เขาโดนอีกฝ่ายอ่านออกจนหมด น่าขายหน้าชะมัด
“ข้าไม่ไปแล้ว จะอยู่ในห้อง” เปลี่ยนใจหมุนตัวกลับเข้าห้องแล้วมุดขึ้นเตียงนอนที่นุ่มจนอยากจะหลับแล้วลืมทุกอย่าง
โธ่เว้ย ไครซ์ทุบเตียงโครมๆ บ้าชะมัด ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะอยู่เงียบๆในห้องไม่ออกไปไหน จนพวกมังกรน้ำแข็งต้องตกใจเลยคอยดูสิ!
“ไง” ซาฟายเดินออกมาจากอีกมุมหนึ่ง แล้วมองเพื่อนร่วมงานด้วยสายตาคาดคั้น
“ตามที่ท่านฟาทัลทูลเป๊ะ ถ้าท่านไครซ์ทำท่าจะออกมาซนให้บอกว่าเชิญตามสบายแล้วเขาจะเงียบเอง..จริงๆด้วย” จาร์ลมาพูดขำๆ ยิ่งนึกถึงใบหน้าแดงก่ำน่าเอ็นดูนั่นยิ่งหุบยิ้มไม่ได้
อยากรู้จริงว่าจะเอาชนะท่านฟาทัลได้หรือเปล่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

149 ความคิดเห็น
-
#90 RedPepper (จากตอนที่ 3)วันที่ 21 ธันวาคม 2561 / 22:36แงงง อยากให้มาต่อจังเลย น่ารักมากอ่ะ#900
-
#63 Kamuki (จากตอนที่ 3)วันที่ 13 เมษายน 2561 / 02:22ฮื้อออออ น่ารักๆๆๆๆๆ ไครซ์น่ารักมากๆ แม้แต่พี่จาล์มายังหุบยิ้มไม่ได้เลยใช่ไหมคะ TvT#630
-
#9 ALOHA (จากตอนที่ 3)วันที่ 23 เมษายน 2560 / 23:52กรี๊ดดด ทำไมน่ารักแบบนี้ ท่านฟาทัล ท่านแอบชอบ ว่าที่พระชายาอยู่แล้วใช่ไห ฮือออ น่ารักจนเรากรี๊ด ไครซ์ น่ารักจริง ๆ#90