ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *-*>>Sora<<*+*

    ลำดับตอนที่ #1 : -พบเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 48


    ดูเหมือนนับจากวันที่ได้รับไดอารี่เล่มนั้นจากฟากฟ้าจะเป็นวันที่เราคิดว่าหัวใจของเราคงตายไปแล้ว จบสิ้นลงแล้วรักที่ผิดพลาด...



    ไม่! เราไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดเธอ... มันไม่ใช่ความผิดของชัย... ไม่ใช่แม้แต่ความผิดของตัวเรา



    ทุกสิ่งคงถูกกำหนดให้เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เราคงฝืนมันไม่ได้ ในเมื่อฟ้าแต่งงานไปแล้ว เราคงไม่สามารถดึงเธอกลับ... กลับมาอยู่กับคนโง่ที่ถูกทิ้งให้จมอยู่ในอดีตอย่างเรา



    เราคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะหายเจ็บ แต่สิ่งหนึ่งที่เราแน่ใจก็คือ... เราจะไม่มีวันลืมเธอ... ดวงดาว... ท้องฟ้า... และดอกทิวลิปของเรา







    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+







    เวลา 10 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วจนราวกับขาดหายไป ระหว่างนั้นเราได้แต่มุ่งมั่นทำงาน ดีไซน์สร้างผลงานภายใต้ยี่ห้อทิวลิปคิวปิคส์เพื่อระลึกถึงเธอ และเมื่อเราได้เจอเธออีกครั้ง ในฐานะภรรยาของชัย ถึงเราจะเจ็บปวดแต่เราก็ดีใจ และยอมถอนตัวออกมาโดยดี... มาอยู่ในช่วงเวลาของเรา... เวลาที่คล้ายกับเราจะรักกัน







    ทิวลิปคิวปิคส์ได้ขยายสาขามากมายจนโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก ถึงการงานจะรุ่งเรือง แต่เราก็ไม่สามารถลืมเธอได้ แค่มองท้องฟ้าที่พร่างพราวไปด้วยดวงดาว ก็ทำให้ตระหนักว่าหัวใจดวงนี้ไม่อาจลืมเธอได้







    นับจากการพบกันครั้งสุดท้าย ตอนนี้ก็เป็นเวลาครึ่งปีแล้ว คืนนี้เป็นวันสุดท้ายของปี... ปีซึ่งใกล้จะสิ้นสุดลง... ปีที่เราก็ต้องทนเหงาอยู่คนเดียว... เหมือนกับทุกครั้งอีกสินะ...







    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+







    ร่างสูงเดินออกมาจากสำนักงานใหญ่ของทิวลิปคิวปิคส์  เสียงสตาร์ทรถเฟอรารี่คันหรูดังขึ้นหลังจากนั้นไม่นานนัก ก่อนที่จะปราดออกไปนอกเมือง จากท้องถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายมาฉลองปีใหม่กัน ในเวลาเช่นนี้... น้อยคนนักที่ต้องอยู่เพียงเดียวดาย







    ถนนชานเมืองที่เงียบสงบ ข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ผลัดใบมีหิมะสะท้อนหยอกล้อกับแสงจันทร์ในยามค่ำคืน ดวงไฟข้างทางช่วยส่องสว่างให้มองเห็นข้างทางเป็นระยะ พลันสายตาไปสะดุดกับร่างๆ หนึ่ง... ร่างของอะไรบางอย่าง... ร่างสีขาวนวลที่แทบจะถูกกลืนหายไปกับกองหิมะ หากไม่เห็นเส้นเราสีดำยาวสยายก็คงไม่รู้เลยว่ามีใครสักคนล้มฟุบลงอยู่ตรงนั้น







    “เฮ้ย! ตายล่ะ!”



    หยุดรถแล้วลงไปดู เมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสก็ทราบว่า สีขาวที่เห็นคือเสื้อโค้ท แบงค์ค่อยๆจับไหล่แล้วหันร่างเล็กๆนั้นมาดู ดวงหน้าซีดขาว ริมฝีปากแห้งผาก แต่กลับยังคงความงดงาม... และเหมือนเหลือเกิน เหมือนกับคนที่เขาจากมา... ฟ้าของเขา







    “ฟ้า!”







    เสียงอุทานแผ่วเบาจากริมฝีปากได้รูป





    “อื้อ... หะ... หนาว...”







    เสียงแหบแห้งดังขึ้นจากร่างเล็ก







    แบงค์ค่อยๆ อุ้มร่างบอบบางไว้กับอก พามาขึ้นรถของตน







    ดูท่าอีกฝ่ายคงอยู่ท่ามกลางหิมะนานมากแล้วตัวถึงได้เย็นขนาดนี้







    แบงค์คิด ตัดสินใจนำร่างนี้กลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก วางร่างบางอย่างทะนุทนอมบนเตียงกว้าง แล้วตัดสินใจถอดเสื้อให้ร่างบาง เพราะเสื้อผ้านั้นชื้นมาก อาจจะทำให้ไม่สบายได้







    “เฮ้ย!!! ผู้ชายนี่หว่า”







    ชายหนุ่มร้องขึ้น ตกตะลึงกับร่างบางที่หน้าเหมือนฟ้า...







    แต่กลับเป็นผู้ชาย!!!







    ถึงเป็นเด็กผู้ชาย แต่ผิวพรรณและหน้าตา ก็ทำให้แบงค์ใจสั่นได้เหมือนกัน ทั้งผิวขาวเนียนอมชมพูดุดแพรไหม เนื้อนุ่มตึงแน่นของร่างเล็ก เอวบอบบางที่แทบจะหักได้ ท่อนขาเพรียวงาม เรือนเรายาวสยายสีดำสนี่ท ดึงดูดทั้งสายตาและลมหายใจ







    เขากลั้นใจ แล้วบรรจงเช็ดตัวให้ เสื้อเชิ้ตสีขาวของตนถูกนำมาเปลี่ยนแทนเสื้อเปียกชื้น เพราะเขาตัวใหญ่ หรืออีกฝ่ายตัวเล็กไปก็ไม่ทราบ เสื้อนั้นถึงได้ยาวจนเกือบถึงเข่าของเด็กหนุ่ม และคอเสื้อก็ยังคว้านลึกเก็บถึงแผ่นอกขาว แบงค์นั่งมองร่างบางอยู่นาน ดวงหน้าอ่อนเยาว์รูปไข่ดูไม่น่าจะใช่คนฝรั่งเศส ดูค่อนไปทางเอเชียมากกว่า แต่สีผิวก็คงไม่น่าจะใช่คนไทยเช่นเขา คงเป็นญี่ปุ่น ไม่ก็เกาหลีเป็นแน่ ส่วนอายุก็ไม่น่าจะเกิน 20 ปี







    แต่เหตุใด... เพราะอะไรเล่าเด็กหนุ่มผู้นี้สลบอยู่ริมถนนในคืนวันคริสต์มาสอีฟได้







    พลันร่างเล็กลืมตาขึ้น แม้หน้าตาจะเหมือนกัน แต่ยังมีสิ่งหนึ่ง... คงเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกให้เขารู้ว่าไม่ใช่ฟ้า นั่นคือดวงตาสีเขียวใส ที่ดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์... ดวงตามองเขาอย่างตื่นตระหนก







    “คุณ... คุณเป็นใคร... ทำไมเรามาอยู่ที่นี่ได้...” เสียงใสๆ ถาม







    “เอ่อ... ฉันชื่อแบงค์ เห็นเธอสลบอยู่ริมถนนเลยช่วยมา” จากสรรพนามที่ใช้ ดูท่าว่าเด็กคนนี้คงเป็นคุณหนูจากตระกูลใดตระกูลหนึ่งเป็นแน่







    ร่างบางมองสำรวจไปรอบๆห้อง แล้วมาหยุดที่เสื้อผ้าตนเอง







    “ทำไมเราใส่ชุดนี้ละ”







    “พอดีเสื้อเธอเปียก ฉันเลยเปลี่ยนให้” จะแทนตัวแบบนี้บ้างคงไม่เป็นไร ในเมื่ออีกผ่านดูเด็กกว่าตั้งมากมาย







    “นี่... คุณ เราหิวแล้ว หาอะไรมาให้กินหน่อยสิ เราอยากกินข้าวต้ม” ร่างเล็กออกคำสั่ง







    “หึ เด็กน้อย เธอคงจะทำตัวผิดแล้วล่ะ นี่บ้านฉัน เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่ง แล้วเธอน่ะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองก่อนรึไง” เขาเริ่มฉุน ช่วยมาแล้วยังมาสั่ง







    “เอ๊ะ... ก็คนมันหิวนี่ แล้วเราก็ชื่อโซระ ไม่ใช่เด็กน้อย เราอายุ 17 แล้วนะ โตแล้ว” เสียงใสๆ แหว







    “หืม... เธอเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ ชื่อเพราะดีนี่แปลว่าอะไรล่ะ” ขำกับความซื่อของร่างบาง







    “ก็ไม่เชิงหรอก ปะป๊าเราเป็นฝรั่งเศส หมะม้าเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ส่วนชื่อเราแปลว่า ท้องฟ้า” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่าร่าเริง ท่าทางอ่อนลงมาก







    ฟ้า... โซระ... นอกจากหน้าตาจะคล้ายกันแล้ว ชื่อยังเหมือนกันอีก...







    “นี่ๆ เราหิวนะ แบงค์หาอะไรให้กินหน่อยสิ... น้า...” โซระสะกิดร่างสูง เพราะกระเพาะมันเริ่มจะส่งเสียงร้องแล้ว







    “หึ ทีนี้ละอ้อนเชียวนะ ได้ รอแป๊บนะ” เมื่อสบกับตาใสแจ๋วที่มองอย่างออดอ้อนก็อดไม่ได้ที่จะทำให้







    “เย้ แบงค์ใจดีที่สุดเลย” ว่าแล้วหอมแก้มร่างสูงฟอดใหญ่เป็นการขอบคุณ







    “เฮ้ย ทำอะไรน่ะโซระ”







    “ก็ขอบคุณไง ที่นี่เค้าไม่ขอบคุณกันแบบนี้เหรอ” เอียงคอถาม







    “เอ่อ... ที่นี่เขาทำให้เฉพาะกับคนพิเศษน่ะ อย่าทำแบบนี้กับทุกคนล่ะ” รีบสั่งสอน กลัวนักว่าจะไปทำแบบนี้กับคนไม่รู้จักอีก







    “ก็แบงค์เป็นคนพิเศษไงเลยทำ นอกจากมาคุงกับหมะม้าแล้ว แบงค์ใจดีกับเราที่สุดเลย” ยิ้มสดใสพร้อมเล่าให้ฟัง







    “เฮ้อ... เอาเถอะ อย่าทำแบบนี้กับใครง่ายๆแล้วกัน” จนปัญญากับร่างบอบบาง โซระที่แสนไร้เดียงสา ก่อนลุกไปโทรศัพท์เรียกแม่บ้านให้ยกข้ามต้มกุ้งร้อนๆ ขึ้นมาให้ร่างเล็ก พร้อมกันยาลดไข้ เผื่อคืนนี้ร่างบางจะไข้ขึ้น







    ไม่ช้าถาดข้าวต้มร้อนๆถูกยกมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นแม่บ้านจึงเดินออกไป







    “หืม น่ากินจัง แบงค์กินด้วยกันไหม?” รีบถามทันที (ถ้าพี่แบงค์กินน่ะ ไม่พอหรอกหนู)







    “ไม่ล่ะ โซระกินเถอะ” รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากกับความน่ารักของร่างบาง







    “แบงค์ป้อนเราหน่อยสิ นะ นะ... ไม่ได้เหรอ ” เงยหน้าข้างมองน้ำใสๆ คลอที่ดวงตาสีเขียวสวย ขนตางอนมีหยดน้ำเกาะเป็นประกาย







    ชายหนุ่มทรุดลงนั่งขอบเตียง แล้วค่อยๆ ป้อนข้าวต้มร้อนๆ ให้ร่างบาง โซระยิ้มสดใสเมื่อแบงค์เอาใจ ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จัก แต่หนุ่มน้อยกลับไว้ใจร่างสูงเสียเหลือเกิน อาจเพราะแววตาที่มองเขา มันทั้งอบอุ่น อ่อนโยน แววตานี้เองที่ทำให้จิตใจของร่างบางที่จนมุม หมดหนทางชุ่มฉ่ำ ที่พึ่งสุดท้าย แหล่งพักพิงที่อบอุ่น ที่สุดท้ายของหัวใจ







    ทั้งๆที่เหมือนฟ้า แต่ก็ไม่เหมือน ร่างบอบบางที่มีแววตาหดหู่ สิ้นหวัง ภายใต้รอยยิ้มที่สดใส และความร่าเริงจอมปลอม มันสะกิดใจเขา ให้อยากปกป้อง ทะนุถนอมร่างเล็กจากสิ่งเลวร้ายต่างๆ ไม่อยากให้ทุกข์ใจ ไม่อยากให้มีน้ำตา...







    “เราไม่กินยานะแบงค์ เราไม่ชอบ มันขม ไม่กินนะ นะ นะ” พูดพร้อมเขย่าแขน







    “ไม่ได้โซระ ต้องกินนะ เดี๋ยวไม่สบาย” ทำเสียงเข้ม อดใจอ่อนไม่ได้







    “แบงค์จะให้เรากิน แบงค์ก็ป้อนเราสิ” สะบัดหน้างอน เราไม่กินนี่ แบงค์ไม่กล้าป้อนหรอก







    “เฮ้อ... งั้นก็ได้”







    ไม่รู้อะไรมาดลใจ ร่างสูงหยิบยาใส่ปาก แล้วจับคางมนหันมาหา ก้มลงประกบริมผีปากสีชมพูระเรื่อ ค่อยๆใช้ลิ้นส่งยาเข้าไปในปากเล็กๆ บังคับให้กลืน แล้วค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดายในความหวาน







    ...หึ หึ ดื้อจริงนะเด็กน้อย ไม่ยอมกินจริงๆ หรือคิดจะยั่วฉัน...







    “ทะ..ทำอะไรน่ะ คนบ้า!!!” โซระหน้าแดง เอามือปิดปากบางที่เคยสีชมพู กลายเป็นสีแดงเพราะจูบเมื่อครู่







    ...ตาบ้า ไม่นึกว่าจะกล้าทำ  แง แง จูบแรกของช้านนนนน แต่ก็ไม่รังเกียจหรอกนะ... คิดแล้วก็หน้าแดงอีก







    “หึ หึ อย่านึกนะว่าไม่กล้า  เอาละโซระจัง นอนได้แล้ว” กดร่างบางนอนลง แล้วห่มผ้าให้







    “นี่ เราจะนอนแล้ว นายทำไมไม่ออกไปล่ะ” ถามไปหน้าแดงไป เมื่อร่างสูงถอดเสื้อแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าเช็ดตัว







    “ก็นี่ห้องฉัน ฉันก็นอนนี่สิ” ยิ้มกวนๆ เมื่อเห็นร่างบางหน้าแดงอีก  ...น่ารัก น่าแกล้ง... (อ้าวลุง ไหงเมื่อกี้ว่าน่าปกป้อง - -!!)







    แบงค์ยิ้มกับตัวเองแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ไม่ถึง 10 นาทีร่างสูงที่มีเพียงผ้าชิดตัวผื่นเดียวพันกาย ก็ก้าวออกมา อกกว้างมีหยุดน้ำเกาะพราว ทำให้ร่างบนเตียงหน้าแดงสลับซีดเผือด







    ...อ๊า... ตาบ้า ไม่อายมั่งเหรอไง คิดว่าหุ่นดีนักเหรอ แต่ก็ดีจริงๆล่ะ... (ง่ะนู๋ แล้วจะด่าเค้าทามม้ายยยย)







    “สะ... ใส่เสื้อผ้าสิ เป็นพวกชอบโชว์หรือไง ยืนอยู่ได้”







    “จ้าๆ คุณหนูโซระ” ทำหน้าทะเล้นก่อนหยิบกางเกงสีดำมาใส่ แล้วเดินมาที่เตียง







    “ใส่เสื้อด้วยสิ” เสียงใสแหว โดยไม่มองหน้า







    “ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบ นอนเถอะ ง่วงแล้ว” ล้มตัวลงนอนแล้วปิดไฟ







    เพราะคืนนี้จันทร์เต็มดวง หรือ หัวใจที่สว่างก็ไม่รู้ ทำให้นายแบงค์ของเรามองเห็นอะไรชัดไปหมด ทั้งแผ่นหลังบอบบางของร่างเล็ก และเราสีดำสนี่ทที่กระจายอยู่เต็มหมอน







    “นี่ เรากอดแบงค์ได้ปะ” สะกิดร่างสูง กลางคืนมันชั่งเหน็บหนาวและน่ากลัวสำหรับร่างบาง เพราะเหตุการณ์ที่เลวร้ายคืนนั้น ทำให้โซระกลัวกลางคืนเป็นที่สุด







    “เรานี่นะ ขี้อ้อนจริงๆ นะโซระ อ้อนแบบนี้พ่อแม่รักตายเลย” บ่นหน่อยๆ แต่ก็ดึงร่างบอบบางเข้ามาซบอก







    “ฮึก ฮือ” เสียงสะอื้น พร้อมหยุดน้ำอุ่นๆหยดลงบนอกปล่าวเปลือย







    “ร้องไห้ทำไมโซระ เจ็บตรงไหนเหรอ” ผลักร่างที่ซุกอกออก เชยคางมนขึ้นสบตา







    ไม่มีเสียงตอบ ร่างบอบบางที่สั่นสะท้อนเพียงแค่ส่ายหน้าจนเรือนเรากระจาย กัดริมฝีปากกลั้นเสียงสะอื้น จนห้อเลือด นิ้วแกร่งของแบงค์ค่อยๆ แตะที่ริมปากบาง ไล้ริมปากอิ่มที่แดงช้ำจากการขบกัด น้ำตายังไม่เหือดแห้ง ยิ่งอ่อนโยนยิ่งไหลริน หน้าคมคายค่อยๆ ก้มลงมา ปากได้รูปค่อยๆ ก้มลง แล้วประทับอย่างอ่อนโยน เหมือนปลอบขวัญให้โซระ ทุกสัมผัสของแบงค์ที่เคยให้เขาล้วนอ่อนโยน ไม่จาบจ้วงหรือรุนแรง ความอบอุ่นแผ่ซ่าน ปลุกปลอบร่างเล็กให้ทิ้งความกังวลไป  







    แบงค์ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก ใช้นิ้วปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานอย่างอ่อนโยน... ร่างนี้ไม่ควรมีน้ำตา ไม่อยากเห็นเลย... แล้วดึงร่างบอบบางเข้ามาซุกอกกว้าง โซระค่อยๆยกมือโอบเอวหนา อบอุ่น เชื้อเพลิงสุดท้าย ในหิมะที่หนาวเย็น เปลวไฟแห่งชีวิต หากมอดดับลง ร่างบางคงหลับไปตลอดกาล







    ...เราทำแบบนี้กับเด็กคนนี้ได้ยังไง เรายังไม่ลืมฟ้าไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ก็เด็กผู้ชาย ไอ้แบงค์ แกไม่ใช่เกย์นะ แต่เห็นน้ำตาแล้วมันก็ลืมตัวทุกที ร่างเล็กนี้มีอิทธิพลกับเขาเพราะหน้าเหมือนฟ้าที่เรารักเหรอ ถ้าไม่ใช่ แล้วมันอะไรล่ะ???...



    เขาครุ่นคิด แต่ฝ่ามือแกร่งยังลูบไล้ร่างเล็ก... แผ่วเบา... นุ่มนวล จนแรงสะอื้นจากร่างเล็กเริ่มลดลง ในที่สุดก็หายไป ร่างสูงก้มลงมองโซระ ซึ่งบัดนี้หลับไปแล้ว คงเพราะฤทธิ์ยา และร้องไห้มากไป...







    ...เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยถามประวัติละกัน วันนี้เหนื่อยมามาก พักผ่อนก่อนดีกว่า...







    แม้จะหลับไปแล้ว แต่อ้อมแขนยังโอบกอดให้ความอบอุ่นกับร่างที่นอนหายใจอย่างสม่ำเสมออยู่กับอก คืนนี้หัวใจสองดวงที่เคยเหน็บหนาวอบอุ่นขึ้น  และพักพิงอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน







    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+TBC-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×