ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เงาที่แท้จริง
    ตะวันคล้อยต่ำ เจ้าชายสุ่มกับเจ้าหญิงเดาก็มานั่งปรึกษากันที่สภาเดาสุ่ม ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่โรงม้า... ที่ที่สงบที่สุดในช่วงเวลาที่คนยังไม่มีเงาวิ่งพล่านกันยกใหญ่
    “นายได้อะไรมาบ้าง” เจ้าหญิงเดา เอ่ยถามเจ้าชายสุ่ม
    “ตัดทิ้งได้สิบแปดชื่อ”
    “กระจอก ฉันตัดได้ยี่สิบ” เอเวอลินคุยข่ม
    หลังจากประมวลข้อมูลเสร็จ ทั้งสองก็ได้ข้อสรุป
    “ยังเหลืออีก 6 คนรวมทั้งพวกเราที่ยังหาเงาไม่เจอ”
    “จะรู้แน่ ต้องไปรอที่ห้องโถง กว่าจะเรียกพวกเราขึ้นไปก็ยังมีเวลา” นิโคลัสว่า “คิดให้ได้ก่อนอาจารย์จะประกาศชื่อเงาของเราสองคนก็พอ”
   
    พูดจบเดาสุ่มก็เดินไปยังห้องโถงใหญ่ของเดอะ ชาโดวส์...
    “แต่ฉันว่านะ ทฤษฎีความน่าจะเป็นของฉันมันอาจแม่นก็ได้ ถึงแม้ฉันจะไม่อยากมีเงาเป็นนายก็เหอะ” เอเวอลินกล่าวระหว่างทางเดินไปที่ห้องโถง
    “อาจใช่”
    ผู้คนเริ่มทยอยเข้าห้องโถง มีพี่ๆ เข้ามาเป็นสักขีพยานกันอย่างเนืองแน่น แต่สงสัยคงมารอชมความหฤหรรษ์อย่างแน่นอน
    คณาจารย์เริ่มเดินเข้ามาประจำที่ของตน เสียงนักเรียนพูดกันเซ็งแซ่ บางคนก็ยืนกระสับกระส่าย คงจะเป็นปีหนึ่งที่ยังหาเงาของตนไม่เจอ แต่ก็มีอยู่สองคนที่นั่งนิ่งถึงแม้จะยังหาเงาไม่เจอ...เจ้าหญิงเดากับเจ้าชายสุ่มนั่นเอง...
    นิโคลัสนั่งรอเวลาอย่างอดทน ในขณะที่เอเวอลินก็นั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา พลางมองไปรอบๆ ห้อง เหมือนจะรอให้พวกนักเรียนนั่งประจำที่จะได้เริ่มกันสักที
    นักเรียนทั้งหมดนั่งที่ของตน ก่อนอาจารย์คนหนึ่งจะยืนขึ้น ชายสูงวัยผมขาวที่เหล่าอาจารย์ด้วยกันให้ความเคารพอยู่ในที
    “สวัสดีทุกคน สำหรับคนความจำไม่ค่อยดี ฉัน แกนดอล์ฟ ซีเรส อาจารย์ใหญ่ที่ไม่เล็กของเดอะ ชาโดวส์ โรงเรียนสำหรับเหล่าทายาททั้งหลาย ปีนี้ก็มีนักเรียนเข้าใหม่ และวันนี้ทุกคนคงได้เห็นกับปฏิบัติการตามล่าหาเงาของแต่ละคน บางคนก็ใช้วิธีการที่ถูก บางคนก็ผิด แต่ไม่ว่าจะถูกจะผิด ถ้ามันทำให้หาเงาที่แท้จริงได้ ก็โอเค” ชายผมขาวพูด
    “แต่ก็มีบางวิธีที่ครูไม่เคยเห็นมาก่อน ครูก็ได้เห็นแล้ว ปีนี้มีคนทำนายว่า วิธีทั้งหนึ่งร้อยแปดจะปรากฏครบถ้วนในเดอะ ชาโดวส์แห่งนี้ และมันก็ครบถ้วนจริงๆ แต่หนึ่งในร้อยแปดเท่านั้นคือวิธีที่ถูกต้อง...ถูกต้องที่สุด”
    เอเวอลินหันไปทางนิโคลัส “เฮ้ย นิกกี้ ทำไมแกนดอล์ฟพูดถึงร้อยแปดวิธีเหมือนนายเลยล่ะ”
    “เรียกใครว่า นิกกี้?” นิโคลัสถามเสียงเรียบ “หนึ่งร้อยแปดวิธี...ก็คือ หนึ่งร้อยแปดวิธี ไม่เห็นมีอะไรเลย”
    “แล้วแกนดอล์ฟจะพูดทำไมล่ะ”
    “พูดเล่นๆ พอเป็นพิธีมั้ง” นิโคลัสตอบ ก่อนหันไปสนใจฟังชายชราต่อ
    “ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีสำหรับปีหนึ่ง เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่า” แกนดอล์ฟพูดต่อ “ปีนี้เกมการแข่งขันระหว่างหอก็ยังคงมีอยู่ เกมที่จะบ่งบอกถึงความสมานฉันท์ภายในหอทั้งห้าหอ...พิชัยสงคราม...”
    ทันทีที่เขาเอ่ยปาก เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังลั่นห้องประชุม เกมการแข่งขันนี้คงจะเป็นที่ถูกใจสำหรับคนหลายคน โดยเฉพาะพวกหอคอยเดโช
    “แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น ดีแต่ใช้กำลัง” เสียงบ่นดังออกมาจากปากของเอเวอลิน “งานนี้เราขอบาย เรามันเป็นพวกใช้สมองไม่ใช้กำลัง”
    “พิชัยสงคราม เกมที่ต้องอาศัยไหวพริบ ทักษะ และสมองอันชาญฉลาดวางแผนการรบ การปกครองคน” สิ่งที่อาจารย์ใหญ่พูด ทำเอาพวกใช้สมองสะอึก “อาศัยความอดทน แข็งแกร่ง พละกำลังในการเผชิญหน้ากัน และอาศัยความสามัคคีในการทำงานร่วมกัน รวมถึงความเสียสละ เสียสละตนเองเพื่อคนหมู่มาก”
    “จงนำสิ่งที่เล่าเรียนมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เกมการแข่งขันนี้จะจัดขึ้นในอีกสิบเดือนข้างหน้า ขอให้ทุกหอโปรดวางแผนกันเป็นอย่างดี ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งอะไร ตั้งแต่ราชาลงไปถึงคนใช้ แต่ตำแหน่งทุกตำแหน่งล้วนมีเกียรติเท่ากันหมด จงเลือกคนให้เหมาะสมกับหน้าที่” แกนดอล์ฟเตือน
    “กฎระเบียบภายในโรงเรียนยังเป็นเช่นเดิม กฎข้อเดียวที่ใช้ในโรงเรียนแห่งนี้ ผิดก็คือผิด ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจ” แกนดอล์ฟกวาดตามองไปทั่วห้อง “กฎข้อเดียวเท่านั้น จำให้ขึ้นใจ”
    “ใช่ ผิดก็คือผิด รู้กันอยู่” เสียงหนึ่งเห็นด้วย จนต้องพูดออกมา “เธอเอาสร้อยฉันไป เธอผิด เธอรู้อยู่แก่ใจ”
    “แต่นายผิดก่อน นิกกี้ นายขโมยของของฉันก่อน นายก็รู้อยู่แก่ใจ” เอเวอลินแย้ง
    “เอาล่ะ ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้ว เราจะเรียกเป็นคนๆ คนที่ถูกเรียก กรุณานำเงาของตนเองออกมาด้วย” แกนดอล์ฟกล่าว “ครูจะให้เวลาทำใจ 3 วินาที...เอาล่ะ หมดเวลา แต่ตอนนี้อยากจะบอกจุดปนะสงค์ที่แท้จริงของการมีเงา สิ่งที่พวกเธอได้ยินจากอาจารย์ประจำหอ มันไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ”
    “มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น” เอเวอลินเห็นด้วย...เห็นด้วยที่สุด
    “เมื่อใดที่อีกคนตกอยู่ในอันตราย หากคนๆ นั้นหมดหนทางช่วยตัวเองแล้ว คนที่เป็นเงาเท่านั้นที่จะช่วยได้ คนอื่นไม่มีสิทธิ์ ได้แต่ยืนมองให้กำลังใจเท่านั้น”
    “โหด จะต้องปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นรึ” เอเวอลินประท้วง... เอเวอลินเด็กสาวผู้รักความยุติธรรมเป็นชีวิตจิตใจ
   
    “เมื่อพบเงาที่แท้จริงแล้ว ขอให้นำอัญมณีที่ได้ตอนที่ผ่านเข้าประตูของหอแต่ละหอ มาประกบกัน ดาบที่ปรากฏขึ้นสองเล่ม คนละเล่ม เป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียวที่ตนจะสามารถสังหารเงาของตนได้” แกนดอล์ฟกล่าว ก่อนเสริม “หากเงาคิดร้ายกับตน แต่ถ้าเป็นไปได้ครูก็ภาวนาอย่าให้มันเกิดขึ้นเลย”
    “เลือดเย็น ไร้ความปราณี ป่าเถื่อนชัดๆ เดอะ ชาโดวส์บ้าบออะไรเนี่ย” เสียงประท้วงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    “ผู้ที่ทายถูก ขอให้เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่เตรียมไว้ให้ ส่วนคนที่ทายผิด เมื่อพบเงาที่แท้จริงของตนแล้ว ก็กรุณากลับไปนั่งที่ เอาล่ะ เริ่มกันที่ อืม...เมลานี่ อาร์กอส”
   
    “ตายแล้ว เมลานี่ ฉันลืมเธอไปสนิทเลย เธอจะหาเงาได้แล้วยังนะ” เอเวอลินเริ่มกระวนกระวาย กลัวเมลานี่จะต้องผจญกับความหฤหรรษ์ สายตาของเธอมองหาเมลานี่...นั่นไง เธอกำลังเดินขึ้นเวทีไปกับ...
    “โจนาธาน” เอเวอลินอุทานออกมาเบาๆ
    “โจนาธาน โอไลเทีย คนนี้น่ะเหรอที่เป็นเงาของเธอ เมลานี่” แกนดอล์ฟถามย้ำ
    “ค่ะ”
    “ถูกต้องเมลานี่ ถูกต้อง เก่งมาก” แกนดอล์ฟชม “เอาอัญมณีประกบกัน เก็บดาบเอาไว้ แล้วไปนั่ง”
    “เมลานี่ที่น่าสงสาร อุตส่าห์หนีเจ้าชายโจนาธานมาอยู่คนละหอได้ ก็ยังไม่พ้น ต้องไปเป็นเงา” เอเวอลินเอ่ย
    “คนต่อไป อีริค อีฟิคลีส”
    เด็กหนุ่มผู้เลือกความทะเยอทะยาน เดินไปกับเด็กสาวผู้มั่นอกมั่นใจคนนั้นของหอคอยวารี...อาธีน่า เฮราคลีส...
    “ถูกต้อง” แกนดอล์ฟหันไปยิ้ม ก่อนที่ดาบจะปรากฏขึ้น เมื่อทั้งสองประกบอัญมณีลงไป “คนต่อไป...ฟามีร่า กลอสเธสกิดด์”
    เด็กสาวคนนั้น คนที่งดงามราวกับเทพธิดา เธอเดินขึ้นไปพร้อมกับ...
    เด็กหนุ่มที่ท่าทางจะเป็นทายาทปีศาจคนนั้น...โบรีอัส ดาคริโดรล์...
    “ถูกต้อง ฟามีร่า เอาอัญมณีประกบกับของโบรีอัส แล้วไปนั่ง” แกนดอล์ฟกล่าว ก่อนจะหันไปสนใจรายชื่อในมือ
    “หนูขอปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น” เสียงของเด็กสาวหันเหความสนใจของชายสูงวัยจากรายชื่อในแผ่นกระดาษ
    “เหตุผลท่านเองก็รู้ดี ท่านแกนดอล์ฟ” ฟามีร่าเอ่ยด้วยความเคารพ “และโบรีอัสก็ไม่ปรารถนาที่จะทำเช่นนั้นเช่นกัน”
    “ใช่แล้ว ข้าก็เช่นกัน” น้ำเสียงเย็นชา วางอำนาจดังขึ้นจากปากของเด็กหนุ่ม
    “และถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็สามารถเอามันออกมาจากอัญมณีวันหลังก็ได้” ฟามีร่าบอก “แต่ตอนนี้หนูยังไม่ประสงค์เช่นนั้น จะหาว่าหนูระแวงก็ได้”
    “ตามใจพวกเธอก็แล้วกัน” แกนดอล์ฟสรุป ก่อนจะเรียกชื่อต่อไป
    “แพททริค เอมาร์สัน”
    เด็กหนุ่มคนแรกของการคัดตัวก้าวเดินไปยังเวที พร้อมๆ กับเด็กสาวที่ตาเปลี่ยนสีได้...ฟิเลน่า มาร์คาเซีย...เพื่อนของเอเวอลินนั่นเอง...
    “ถูกต้องๆ”
    “นาธาน เมเดอร์สัน”
    เด็กหนุ่มผู้เดินออกไปคนเดียว โดดเดี่ยวเอกา ก้าวขึ้นเวทีอย่างมั่นใจ ก่อนจะประกาศก้องทั่วห้องประชุม
    “ผมยังหาเงาไม่เจอครับ!!!”
    แกนดอล์ฟยิ้มอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่คนอื่นๆ หัวเราะลั่น “ไม่เป็นไร นาธาน ไม่เป็นไร เงาของเธอก็คือ เมเดอลีน แม็กนูสัน”
    เด็กสาวคนหนึ่งเดินขึ้นเวที เมื่อได้ยินแกนดอล์ฟเรียกชื่อเธอ ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนจะเอาอัญมณีประกบกัน เก็บดาบ และเดินลงเวทีไปนั่งที่ของตน
    “ต่อไป...วิเวียน เกรเซอร์เลส”
    เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่มีเลือดนักรบอยู่เต็มตัว ผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก เดินตรงไปยังเวทีพร้อมกับชายคนหนึ่ง เจ้าชายแห่งหอพฤกษา ในการตัดสินใจของเอเวอลิน...ไบรอัน พัลลัสซ่า...
   
    เสียงเรียกชื่อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับการปรากฏของดาบ การเดินไปนั่งยังที่ที่จัดไว้ให้ และเดินกลับมานั่งที่ของตน เตรียมตัวรับความหฤหรรษ์ที่จะได้รับ
    เดาสุ่มกำปากกาในมือแน่น กระดาษที่เขียนรายชื่อไว้อยู่บนตัก ขีดฆ่าชื่อออกไปชื่อแล้วชื่อเล่า จนในที่สุด ก็เหลือชื่อสุดท้ายบนกระดาษ...
    นิโคลัสกับเอเวอลินเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหันไปมองกัน ดวงตาเบิกกว้าง เดาสุ่มเจอเงาของตนแล้ว...
    “เอเวอลิน วู้ดเกลดสัน”
    เอเวอลินดีดตัวผึงออกจากเก้าอี้ ก่อนจะคว้าแขนนิโคลัส ลากเด็กหนุ่มให้เดินออกมาด้วยกัน ปากก็ขมุบขมิบไปตลอดทาง...
    “ทฤษฎีความน่าจะเป็นของฉัน ของม้า ของเด็กน้อย ของต้นไม้ สัญชาตญาณการเป็นม้าของไลท์นิ่ง วิธีตัดชื่อจากท่านย่า ตรง...ตรงหมด ตรงที่นายหมดเลย นิกกี้ หกวิธีตรงกันหมด”
    เอเวอลินว่าก่อนจะก้มหน้ามองพื้น “เงา?” เธอเงยหน้าขึ้น ก่อนหันไปทางนิโคลัส “นิกกี้ นายก็มีเงาแล้วล่ะ ฉันก็มี นายก็มี ฮ่า...ฉันหาเงาของฉันเจอแล้ว นิกกี้”
    “อย่าเรียกฉันว่า นิกกี้ได้มั้ย ฉันขอร้อง มันดูเหมือนหมาอย่างไงไม่รู้”
    “น่ารักจะตาย นิกกี้น่ะ” เอเวอลินว่า ก่อนจะลากนิโคลัสขึ้นเวทีไป
    “คนนี้แหละค่ะ เงาของหนู มั่นใจ ชัวร์ ร้อยเปอร์เซ็นต์” เอเวอลินพูดเสียงดังฟังชัด
    “แล้วเธอใช้วิธีอะไรในการตามหาเงาล่ะ เอเวอลิน” แกนดอล์ฟถามอย่างสนใจ
    “จะเอาวิธีไหนล่ะคะ” เอเวอลินถาม “มีทั้งทฤษฎีความน่าจะเป็น ซึ่งแบ่งแยกออกเป็นของหนูเอง ของม้า ของเด็ก ของต้นไม้ การใช้สัญชาตญาณที่ยอดเยี่ยมของม้า หรือว่า...”
    “พอๆ ครูเชื่อแล้ว สงสัยคงเป็นเธอนี่แหละ เอเวอลิน ที่ทำให้วิธีทั้งร้อยแปดวิธีครบถ้วน” แกนดอล์ฟขัด “ว่าแต่ว่า เธอแน่ใจนะว่านิโคลัสคนนี้คือเงาของเธอ”
    “ร้อยเปอร์เซ็นต์” เด็กสาวตอบอย่างมั่นใจ
    “ถ้าครูบอกว่า ไม่ใช่ล่ะ”
    สีหน้าเอเวอลินสลดไปเล็กน้อย แต่สมองกำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอด ถึงไม่ใช่ ยังไงเธอก็จะทำให้ใช่
    แสงไฟจากคบเพลิงสาดส่องกระทบร่างของทั้งสอง เงาทอดยาวไปบนพื้นเบื้องหน้า เงา? เธอมีเงากลับมาแล้ว แสดงว่า เธอก็ต้องหาเงาเจอแล้ว
    “หนูมั่นใจ นิโคลัสคือเงาของหนู อย่าหลอกเสียให้ยากเลยค่ะ” เอเวอลินกล่าว แต่สายตายังคงจับจ้องที่เงาของตนบนพื้น
    “ถูกต้อง เอเวอลิน นิโคลัสคือเงาของเธอ” แกนดอล์ฟพูด แต่เอเวอลินไม่สนใจ เธอกำลังมองเงาของตน สลับกับเงาของนิโคลัส
    เธอกำลังยืนเกาหัว แต่เงาของเธอกลับยืนกอดอก เงาของนิโคลัสเกาหัว ในขณะที่นิโคลัส ยืนกอดอก
    “เฮ้ย นี่มันไม่ใช่เงาของหนูค่ะ อาจารย์” เอเวอลินรีบท้วง
    “หือ...ทำไม”
    “หนูกำลังหันหน้ามาพูดกับอาจารย์ แต่ทำไมเงาของหนูมันกลับยืนกอดอกเฉย ส่วนเงาของนิโคลัส ก็ไม่ได้กอดอกตามที่เขาทำ” เอเวอลินอธิบาย
    “ถูกแล้ว เอเวอลิน เงาที่ทอดออกไปยามต้องแสง ก็คือเงาของเงาของตน นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า เธอได้เจอกับเงาที่แท้จริงแล้ว” แกนดอล์ฟกล่าว “เงาเป็นสิ่งที่ผู้คนมองข้าม เพราะคิดว่า ยังไงๆ มันก็สะท้อนท่าทางที่เราเป็นอยู่ในขณะนั้น เรายืน เงาก็ต้องยืน เราเดิน เงาก็ต้องเดิน มันเป็นธรรมดาในโลกนี้”
    “แล้วไอ้นี่ก็ไม่ธรรมดางั้นสิ” เอเวอลินพึมพำ
    “ดังนั้น มันจะมีประโยชน์อย่างไรล่ะ ถ้าถูกมองข้าม” อาจารย์ใหญ่อธิบายอย่างใจเย็น “ภาระหน้าที่ที่ตนต้องมีหน้าที่ต่อเงาของตน ก็คือ ต้องปกปักรักษาชีวิตของเงาให้ปลอดภัย ถ้าเรารู้ว่า เงาของตนกำลังทำอะไร บางทีเราก็อาจไปช่วยเขาได้ทันเวลา ยกเว้นเสียแต่ว่า เราเพิกเฉยต่อมัน”
    “เอาล่ะ ไหนๆ วิธีมันก็ครบร้อยแปดวิธีแล้ว กฎก็ต้องเป็นไปตามกฎ เมื่อใดที่วิธีครบร้อยแปด วิธีการตามหาเงาที่ถูกต้องจะเปลี่ยนไป ดังนั้นวันนี้ครูก็จะขอบอกให้ทุกคนรับทราบถึงวิธีการที่ถูกต้องในการตามหาเงา” สิ่งที่แกนดอล์ฟพูด ทำให้หลายคนยืดตัวฟังอย่างตั้งใจ
    “วิธีที่ถูกต้องคือ...มองไปบนพื้น ตลอดเวลาที่เราเดินหาเงา เมื่อใดที่เงาเริ่มปรากฏเลือนราง แสดงว่า เริ่มเข้าใกล้เงาแล้ว และถ้าปรากฏชัดเจน เมื่อเข้าใกล้คนๆ หนึ่ง คนนั้นแหละ คือเงาที่แท้จริง\" ทันทีที่แกนดอล์ฟพูดจบ เสียงพึมพำก็ดังทั่วห้องโถง
    “เอาล่ะๆ ทีนี้ พวกเธอก็เอาอัญมณีประกบกัน แล้วไปนั่งตรงนั้นได้”
    เอเวอลินและนิโคลัสทำตามอย่างว่าง่าย ทั้งสองเอามรกตสีเขียวมาประกบเข้าด้วยกัน พลันเกิดเป็นแสงสีเขียวจ้า ก่อนจะค่อยๆ เลือนหายไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทั้งสองคือ ดาบยาวสองเล่ม
    “ดาบนี้จะพิฆาตนาย หากนายกวนประสาทฉัน”
    “ถ้าฆ่าฉันตายไปแล้ว เธอจะเสียใจ” นิโคลัสตอบอย่างเยือกเย็น
    ทั้งคู่เอื้อมมือไปหยิบ ก่อนจะเดินตรงไปยังที่ที่ได้จัดไว้ให้กับคนที่หาเงาได้ถูกต้อง
   
    การประกาศรายชื่อเงา ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนครบถ้วนสมบูรณ์ มีคนที่หาเงาเจอทั้งหมด 20 คน หรือ 10 คู่ แกนดอล์ฟหันมามองทางคนกลุ่มนั้น ก่อนจะประกาศออกไป
    “เอาล่ะ สำหรับความหฤหรรษ์ที่คนที่หาเงาผิด หรือเจอจะได้รับ... ก่อนอื่นครูต้องแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง สำหรับปีหนึ่งทุกคน ยกเว้น ยี่สิบคนตรงนั้น” แกนดอล์ฟหันไปทางคนที่หาเงาได้ถูกต้อง “พวกเธอหมดสิทธิในการเป็นกรรมการของรุ่น”
    เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น รวมทั้งเสียงประท้วงจากเด็กสาวคนหนึ่ง...
    “กรรมการรุ่น? ทำไมต้องมีตำแหน่งนี้ คิดยังไงของเขากันนะ”
    แน่นอน เสียงประท้วงนี้มีเพียวหนึ่งเดียวเท่านั้น มาจากผู้ที่รักความยุติธรรมมากที่สุด ประท้วงได้ทุกโอกาส...เอเวอลิน
    “กรรมการรุ่น คือ กลุ่มบุคคลที่สามารถหาเงาของตนได้ถูกต้อง คนพวกนี้มีหน้าที่ประสานงาน ทำความเข้าใจ ชี้แนะกับทุกคนในรุ่น เพื่อให้ทราบถึงข่าวสาร ข้อมูล และกิจกรรมต่างๆ ให้ทุกคนเกิดความเข้าใจตรงกัน” แกนดอล์ฟอธิบาย “ซึ่งคนที่ได้เป็นก็คือ ยี่สิบคนนี้ ภาระหน้าที่นี้อาจหนักหนาสักหน่อย แต่มันก็ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ที่ได้มีโอกาสช่วยให้กิจกรรมต่างๆ บรรลุเป้าหมาย”
    “ความภาคภูมิใจ? กินเข้าไปได้ที่ไหน โอ๊ย! ขออยู่เฉยๆ บ้างไม่ได้เหรอไง ทำไมต้องมาแบกรับภาระอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้” เสียงประท้วงดังออกมาเป็นระยะ
    “และนี่ก็คือ ความหฤหรรษ์ที่พวกเธอได้รับ การอดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกรรมการรุ่น” แกนดอล์ฟสรุป
    “ความหฤหรรษ์ที่ได้รับ? การอยู่อย่างสบายใจเฉิบ ในขณะที่พวกเราต้องมาทำงานงกๆ เนี่ยนะ ไม่ยุติธรรม” เอเวอลินประท้วง แต่เห็นทีจะไม่มีใครคิดแบบเธอ เสียงปรบมือดังลั่นห้องโถง “เหอะๆ รู้งี้ไม่หาเงาเสียให้โง่หรอก หาไม่เจอ ได้อยู่สบายๆ แต่คนที่อุตส่าห์ใช้มันสมอง กลับต้องมาลำบาก”
    “เอาล่ะ วันนี้ก็ได้พบหน้าค่าตาของเงากันแล้ว พรุ่งนี้คือวันเริ่มเรียนวันแรก ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียน หวังว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นในปีการศึกษานี้” แกนดอล์ฟกล่าวทิ้งท้าย แต่เอเวอลินกลับไม่สนใจ
    “เงาส่วนใหญ่เป็นคนในหอเดียวกัน...มั้ง คำว่า มั้ง เนี่ย ทำไมมันช่างมีความหมายขนาดนี้ หอพฤกษา มีคนที่เป็นเงาด้วยกันกี่คน...สองคน...ใคร? เรากับนิโคลัส พวกเรามันช่างเป็นส่วนใหญ่จริงๆ อยากจะบ้าตาย” เอเวอลินบ่น “มั้ง มั้ง มั้ง ต่อไปต้องจำเอาไว้ คำว่า มั้ง คือคำที่ทำให้คำพูดที่พูดออกมาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้าพูดว่า ใช่มั้ง ก็แสดงว่า ไม่ใช่ ต้องจำไว้ดีๆ เฮ่อ”
    เสียงพร่ำบ่นดังอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คนอื่นกำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับมื้อค่ำที่แสนวิเศษ...
    “เอเวอลิน เอเวอลิน จะเลิกบ่นแล้วลงมือกินได้ยัง” ฟิเลน่าขัด
    “หา...อะไรนะ กิน? ของกิน? โธ่ แล้วไม่บอกแต่แรก” พูดจบเธอก็ลงมือจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเมามัน
    เอเวอลิน...เด็กสาวผู้ถือคติ... การกินยิ่งใหญ่ที่สุด...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น