ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Shadows

    ลำดับตอนที่ #7 : ดาบแห่งเงา

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 48




        “วิชาการใช้ดาบ ชื่อดูดี น่าเรียน” เอเวอลินพึมพำ ก่อนจะยัดขนมปังเข้าปาก ตาก็มองไปที่ตารางเรียนที่เพิ่งได้รับ “การปกครอง อืมๆ... การสงคราม? จะมีเรียนไปทำไมกัน สงครามมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ”



        “แต่มันก็เป็นทางออกของความขัดแย้ง ทางเดียวที่มนุษย์คิดออก ซึ่งมันไม่มีเหตุผลเลย” ฟิเลน่ากล่าว



        “สงครามไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล สงครามก็คือ สงคราม” เมลานี่ว่า “บทสรุปของสงครามมีเพียงอย่างเดียวคือ การสูญเสีย”



        “แต่สำหรับกษัตริย์บางพระองค์ การสูญเสียเพียงน้อยนิด ก็ย่อมดีกว่าสูญเสียเกียรติภูมิ” ไบรอันเสริมขึ้น



        “เกียรติภูมิกินเข้าไปได้ที่ไหนกัน” เอเวอลินแย้ง ก่อนหันไปสนใจตารางเรียนต่อ “ภูมิศาสตร์ เหอะๆ มันเป็นวิชาที่น่าเรียนมาก วิชาปรัชญา? เรียนไปทำไม น่าเบื่อออก”



        “มันก็ไม่น่าเบื่อเสมอไปหรอกนะ เอเวอลิน” นักปราชญ์หน้าเป็นแย้ง “มันเป็นวิชาที่ว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความเป็นจริง”



        “จ้าๆ เมลานี่” เอเวอลินร้อง “มันทำให้เรารับรู้เรื่องราวความเป็นจริงในชีวิต ทำให้เรารู้มาก ฉลาดมาก หนักหัวมาก”



        “เอ๊ะ นี่วิชาอะไรเนี่ย อาณาจักรสีเขียว” ฟิเลน่าถาม เมื่อเหลือบไปเห็นชื่อวิชา



        “วิชาสำหรับหอพฤกษาโดยเฉพาะ เรียนไปเดี๋ยวก็รู้” เมลานี่ตอบ “นี่ที่น่าเรียนสุดๆ อาวุธ นักปกครอง”



        “อาวุธ? ไอ้พวกดาบ ธนู หอก ทวน อะไรงี้เนี่ยนะ น่าสนใจๆ” เอเวอลินพูดขึ้นอย่างเบิกบาน



        “เอาไว้ไปเรียนแล้วก็รู้” เมลานี่ส่ายหน้าอย่างปลงตก





        “ไปๆ ไปเรียนกันได้แล้ว” ฟิเลน่าเร่งเพื่อนๆ ให้รีบยัดอาหารใส่ปาก “วันแรกไปช้า มันไม่ดีนะ”



        “ไปก็ไป” เพื่อนๆ ลุกตามโดยดี ก่อนจะเร่งฝีเท้าไปยังชั้นเรียนแรก...วิชาการใช้ดาบ...  





        ห้องที่ใช้เรียนวิชาการใช้ดาบ เป็นห้องโล่งกว้างขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับฝึกซ้อมการต่อสู้ นักเรียนยืนจับกลุ่มคุยตามมุมต่างๆ ของห้อง ห้องเรียนเรื่องดาบ แต่กลับไม่มีดาบสักกะเล่ม...



        ชายร่างสูง กำยำ ล่ำสัน เดินเข้ามาในชั้นเรียนที่จอกแจกจอแจไปด้วยเสียงของเหล่าเด็กปีหนึ่งของทั้งห้าหอ... การเรียนรวม ทำให้อาจารย์ไม่เปลืองน้ำลาย...ความเห็นของเอเวอลินในการเรียนรวมกันทุกหอ



        “มารวมตัวกันทางนี้ สวัสดีนักเรียนทุกคน ครูชื่อนาธิลดอร์ คอร์ราโน่ นักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรนาร์มาเซีย” อาจารย์คนนั้นกล่าวขึ้น เรียกเสียงฮือฮาให้ชั้นเรียนได้ไม่น้อย



        “ยิ่งใหญ่จนต้องมาสอนนักเรียนเดอะ ชาโดวส์เนี่ยนะ” เอเวอลินแย้งเบาๆ “อย่าโม้ซะให้ยาก แต่เอาเถอะ ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งใหญ่ เป็นอาจารย์ยังไงมันก็ต้องยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ก็เป็นคนให้คะแนนนี่นา”



        “ดาบคืออาวุธคู่กายของอัศวิน มันคืออาวุธแห่งเกียรติ เดอะ ชาโดวส์ โรงเรียนสอนการปกครอง นักปกครองทุกคนก็จำเป็นต้องเรียนรู้วิถีแห่งนักรบ ครูรู้ว่าบางคนในที่นี้ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นนักรบ แต่การจะมีความรู้ติดตัวไปสักหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย” นาธิลดอร์ว่า ก่อนดึงดาบเล่มหนึ่งที่เขาถือมาด้วยออกจากฝัก



        “ดาบเล่มหนึ่ง สำหรับคนๆ หนึ่งเท่านั้น ดาบจะเชื่อฟังนาย ถ้าหากนายใส่ใจมัน ดาบจะสำแดงฤทธิ์เต็มที่ หากนายไว้วางใจและเชื่อใจ หยาดเหงื่อและแรงกายของนาย ทำให้ดาบซื่อสัตย์ต่อนายของมันมากขึ้น ดังนั้น ก่อนที่จะเรียนรู้เรื่องดาบ เราก็ต้องมีดาบเป็นของตนเอง” อาจารย์นาธิลดอร์ประกาศก้อง



        “ดาบที่ดีที่สุด สำหรับตน คือดาบที่ตนเองตีขึ้นมากับมือ ดังนั้นเรื่องแรกที่เราจะเรียนก็คือ การตีดาบ”



        “เหอะๆ ตีดาบ? เราไม่ใช่ช่างตีเหล็กนะ จะให้ไปตีดาบ” เอเวอลินพึมพำ แต่เมื่อหันไปมองหน้าอาจารย์ก็ต้องกลับคำ “น่าสนใจๆ การตีดาบถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่เราควรเรียนรู้ไว้”



        “ไม่มีการลองใดๆ ทั้งสิ้น ตีแล้วตีเลย ได้ดาบอย่างไร ดาบนั้นจะใช้ติดตัวไปตลอดชีวิต จำไว้ ดาบเล่มแรกที่ตีขึ้นกับมือ คือดาบคู่บารมี” นาธิลดอร์กล่าวให้ทราบโดยทั่วกัน



        “ไม่มีการลอง เพราะไม่มีงบน่ะสิ ทำเป็นพูดดีไป ยากจนอะไรขนาดนี้” เอเวอลินบ่น อาจารย์นักรบที่ยิ่งใหญ่หันมาทางเธอ จนเธอต้องรีบแก้ “ดาบแรก ดาบเดียว ดาบคู่บารมี เข้าท่าๆ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง”



        นาธิลดอร์หันกลับไป เอเวอลินบ่นอุบ “ให้ตายสิ ทำไมถึงได้ยินเวลาเราบ่นด้วยนะ เสียงเราก็ออกจะเบา ได้ยินได้ไง?”



        “การเป็นนักรบที่ดี ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีสภาพจิตที่ดีเยี่ยม เมื่อจิตสงบ ใจนิ่ง แค่เสียงใบไม้ปลิวก็ได้ยิน” นาธิลดอร์ว่า พลางหันมามองที่เอเวอลิน



        “ค่ะ ต่อไปหนูจะทำใจให้สงบสุดๆ” เอเวอลินพึมพำเบาๆ



        “ดีมาก” นาธิลดอร์พูดขึ้นลอยๆ



        “อาจารย์ครับ” เสียงเรียกอาจารย์ดังขึ้น พร้อมๆ กับมือที่ยกขึ้นชูกลางอากาศ



        “มีอะไร แพททริค” นาธิลดอร์หันไปถาม เล่นเอาคนสงสัยอึ้ง อาจารย์รู้ชื่อเขาได้ไง?



        “ผมสงสัยว่า ทำไมเราไม่ใช่ดาบที่ได้มากับอัญมณีในการหาเงาเมื่อคืนล่ะครับ ในเมื่อเราก็มีดาบอยู่แล้ว มันก็คือดาบเหมือนกันนี่ครับ”



        “ไม่เหมือนๆ” อาจารย์นาธิลดอร์ส่ายหน้าช้าๆ “ดาบที่ออกมาจากอัญมณี พวกเราขนานนามมันว่า...ดาบแห่งเงา...ดาบแห่งเงาจะมีอานุภาพเมื่อใช้กับเงาของตนเท่านั้น”



        สิ้นเสียงของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ เสียงฮือฮาก็ดังลั่น นาธิลดอร์ยิ้มอย่างพอใจ



        “ถูกต้องๆ ดาบแห่งเงา มันก็คือ สิ่งที่ใช้เครื่องสังหารเงาของตนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำประโยชน์อื่นไม่ได้เลย” เขามองไปรอบๆ ห้อง เห็นหน้างุนงงสงสัยของนักเรียนเต็มไปหมด



        “ดาบแห่งเงา เมื่อต้องประมือกับคนอื่น มันก็เป็นเพียงดาบที่ไม่มีตัวตน ถึงเราจะเห็นรูปลักษณ์ของมัน แต่มันก็เป็นเพียงอากาศธาตุ” นาธิลดอร์อธิบายอย่างสงสาร เมื่อมองเห็นแววตาละห้อย อยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ “ดาบแห่งเงาจะปรากฏเนื้อแท้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเงาของตน ดาบแห่งเงาก็มีเงาของมัน”



        จากหน้าสงสัยเฉยๆ ก็ยิ่งสงสัยหนักขึ้นไปอีก คิ้วเริ่มขมวดมุ่นเข้าหากัน จนอาจารย์นักรบหัวเราะลั่น



        “เอาเถอะ แล้วพวกเธอจะเข้าใจ ยามที่ต้องใช้มันจริงๆ ซึ่งครูหวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นนะ” นาธิลดอร์ตัดบท “จำไว้อย่างเดียว ดาบแห่งเงาไม่มีอานุภาพ หากไปใช้กับคนอื่นที่ไม่ใช่เงาของตน”



        “ใครจะไปเชื่อ ไม่มีวันซะหรอก นิทานหลอกเด็ก อยากให้เด็กใช้แรงงานก็บอกกันมาตรงๆ สิ ไม่เห็นต้องอ้อมค้อมเลย” เอเวอลินพึมพำเบาๆ



        “คงมีคนที่ยังไม่เชื่อ งั้นเดี๋ยวครูจะสาธิตให้ดูแล้วกัน” นาธิลดอร์พูดขึ้น ก่อนหันไปทางเอเวอลิน \"เอเวอลิน วู้ดเกลดสัน กรุณาให้เกียรติมาเป็นตัวสาธิตให้ครูหน่อยจะได้หรือไม่”



        “ไม่ได้ก็โดนดีสิ” เอเวอลินพึมพำ ก่อนก้าวเท้าออกมาจากกลุ่มนักเรียน



        “ดาบแห่งเงาของเธอ เธอเอามาด้วยรึเปล่า”



        “เอามามั้งอาจารย์” เอเวอลินย้อน ก่อนรีบแก้ เมื่อเห็นแววตาดุที่ส่งมาให้ “เอามาค่ะ ท่านอาจารย์ที่เคารพ”



        “ดี ชักมันออกมาจากฝัก” นาธิลดอร์สั่ง เอเวอลินทำตามอย่างว่าง่าย แต่ทันทีที่เอเวอลินชักดาบออกมา เธอก็รีบวิ่งตรงไปที่ประตูทันที



        “เอเวอลิน! นั่นเธอจะไปไหน” เสียงของอาจารย์ผู้น่าเกรงขามตะโกนถาม ทำให้เด็กสาวหยุด ก่อนหันมาทางอาจารย์ของเธออย่างช้าๆ



        “อ้าว ก็ชักดาบไงอาจารย์” คำตอบของเอเวอลิน เรียกเสียงหัวเราะได้มากโข ก่อนที่เธอจะเดินกลับมายืนตรงหน้านาธิลดอร์ เมื่อเห็นเขากวักมือเรียก หน้าขรึมๆ



        “ล้อเล่นแค่นี้ เครียดไปได้อาจารย์” เอเวอลินแกล้งเย้า



        “เอาล่ะ ถือดาบในท่าเตรียมพร้อม” นาธิลดอร์สั่ง “สำหรับเธอคงรู้ดีว่าท่าเตรียมพร้อมเป็นยังไง เพราะเห็นเมื่อวันก่อน เธอยังเอาดาบเธอจ่อคอใครคนหนึ่งในเมืองอยู่เลย”



        “แม่นแล้ว อาจารย์ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ” เอเวอลินว่า พลางตั้งท่าเตรียมพร้อม มือขวากระชับแน่นที่ด้ามดาบแห่งเงา ทิ้งน้ำหนักตัวลงที่เท้าทั้งสองข้างอย่างมั่นคง



        “ต่อไป...ใช้ดาบฟันอาจารย์” นักรบผู้ยิ่งใหญ่บอกเสียงเรียบ แต่คนรอบข้างพากันผวา



        “เอาแน่นะ อาจารย์นักรบผู้ยิ่งใหญ่” เอเวอลินถามย้ำ “ถ้าท่านเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบ”



        “ไม่มีใครรับผิดชอบทั้งนั้น และครูก็จะไม่เป็นอะไรด้วย” นาธิลดอร์กล่าวอย่างมั่นใจ



        “แต่คิดๆ ดูก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าท่านเป็นอะไรไป วิชานี้ก็จะเป็นคาบว่าง” เอเวอลินกล่าว “พร้อมนะ”



        นาธิลดอร์พยักหน้า ก่อนยืนนิ่ง รอรับคมดาบแห่งเงาของเอเวอลิน เอเวอลินพุ่งตัวไปข้างหน้า มือเงื้อดาบเต็มที่ ก่อนจะซัดคมดาบเข้าหาร่างของนักรบแห่งอาณาจักรอย่างไม่ปราณี



        นาธิลดอร์เบี่ยงตัวหลบคมดาบของเอเวอลิน เอเวอลินยืนงงอย่างไม่เชื่อสายตา...



        “หลบทำไมอาจารย์ ไหนบอกว่าไม่กลัวไง” เอเวอลินถาม



        “วิถีดาบแบบนั้นมันยังใช้ไม่ได้ ไม่สมควรที่ครูต้องเอาตัวไปรับ” ผู้หลบคมดาบตอบหน้าตาเฉย



        “ไม่แน่จริงนี่นา” เอเวอลินหยาม



        “เอางั้นก็ได้ วันนี้ครูจะยอมละทิ้งฝีมือ เพื่อความเบิกบานของเธอก็แล้วกัน แล้วก็เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นว่า ที่ครูพูดน่ะมันจริง ไม่ใช่นิทานหลอกเด็ก” นาธิลดอร์ว่า ก่อนยิ้มให้เอเวอลิน



        “แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่า ยังไงๆ เธอก็ไม่สามารถทำร้ายครูได้ เตรียมใจไว้บ้างละกัน”



        “ได้เลย”



        “พร้อมแล้ว เข้ามาเลย” นักรบประกาศคำท้า ก่อนที่เอเวอลินจะพุ่งตัวเข้าหาเขาอีกครั้ง ดาบในมือกระชับ ก่อนจะปะทะเข้าที่ร่างของอาจารย์หนุ่ม แต่ทว่า...



        ดาบแห่งเงากลับฟันผ่านร่างของเขาไป ราวกับว่ามันไม่มีตัวตน หรือเขากันแน่ที่ไม่มีตัวตน? เอเวอลินดึงดาบกลับ ก่อนจะเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อสายตา



        “ทีนี้เชื่อแล้วยังล่ะ เด็กๆ” นาธิลดอร์ถาม พลางกวาดสายตามองไปทั่วห้อง



        “ไม่เชื่อๆ ยังไงก็ไม่เชื่อ ไม่มีทางเป็นไปได้ อาจารย์ต้องใช้วิชาล่องหน” เอเวอลินแย้ง พลางเต้นเร่าๆ



        “ไม่มีวิชาล่องหนในโลกนี้หรอกนะ เอเวอลิน วิชาล่องหนที่จะทำให้เราไม่มีตัวตนน่ะ มีแต่วิชาล่องหนที่ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นเราเท่านั้น” นาธิลดอร์กล่าว



        “งั้น นี่ก็เรื่องจริงอ่ะดิ” เอเวอลินเลิกพล่าม “งั้น ถ้าหนูจะขอลองกับเงาของหนูจะได้มั้ย” รังสีอำมหิตเริ่มแผ่ซ่านออกจากร่างของเด็กสาว เธอหันไปมองทางนิโคลัสช้าๆ ด้วยแววตาพิฆาต



        “ต้องถามเจ้าตัวเองว่าเขาจะยอมหรือไม่” นาธิลดอร์กล่าว ก่อนหันไปทางนิโคลัส



        เด็กหนุ่มผู้สงบ เช่นเดียวกับป่าอันแสนสงบของเขาก้าวออกมาอย่างยินดี ก่อนจะมาหยุดยืนเบื้องหน้าเอเวอลิน



        “นายตายแน่ นิโคลัส หึหึ” เอเวอลินพึมพำ



        “แค่ปลายนิ้วก็พอ” นาธิลดอร์ร้องบอก



        “ปลายนิ้วมันจะไปมันส์อะไรล่ะ ท่านอาจารย์” เด็กสาวผู้กระหายเลือดแย้ง



        “งั้นเธอก็เลือกเอาเอเวอลิน จะทำร้ายเงาของเธอ เพื่อความสุขเล็กๆ น้อยๆ หรือจะเก็บเงาของเธอไว้ เพื่อให้เขาคอยปกป้องเธอ” นาธิลดอร์ว่า



        “หนูเลือกความสุขเล็กๆ น้อยๆ” เอเวอลินตอบ ก่อนหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้นิโคลัส



        “ตามต้องการ” นิโคลัสกล่าว ก่อนชักดาบแห่งเงาของตนเองออกมา



        “เฮ้ย ทดลองๆ นายรู้จักมั้ย นิกกี้ ฉันใช้อาวุธได้คนเดียว” เอเวอลินแย้ง



        “เรื่องไร? เธอใช้ได้ ฉันก็ใช้ได้” นิโคลัสบอกเรียบๆ



        “ใช้ก็ใช้ แต่ครั้งนี้เล่นๆ เท่านั้น ไม่ได้เอาจริงถึงชีวิต นายเข้าใจไหม” เอเวอลินยื่นข้อตกลง



        “เข้าใจ แล้วอีกอย่าง ใครจะไปทำร้ายคนที่สวมสร้อยเส้นนั้นลง” นิโคลัสบอก พลางเพ่งไปที่สร้อยคอของตนที่คล้องคอเอเวอลินอยู่



        “โอ้โห นายช่างเป็นห่วงฉันเสียจริงๆ นะ ซึ้งจริงๆ”



        “เปล่า แค่ไม่อยากให้สร้อยฉันเปื้อนเลือด” นิโคลัสพูดทำลายบรรยากาศซึ้งของเอเวอลิน



        “เออๆ เอา เริ่มได้” เอเวอลินให้สัญญาณ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินดูเชิงกันไปเป็นวงกลมรอบๆ



        เด็กสาวใช้สายตามองหาช่องโหว่ของเด็กหนุ่ม ก่อนจะยิ้มร่า กระชับดาบในมือ และพุ่งตรงเข้าไปหา...



        

    ฟรึ่บ...





        เสียงสายลมเคลื่อนที่ผ่านหูเธอไป พร้อมๆ กับดาบแห่งเงาที่พุ่งเข้าใส่เด็กสาว...



        เอเวอลินเบิกตากว้าง ก่อนจะใช้ดาบในมือรับความดาบของนิโคลัส และปัดมันออกไป นัยน์ตาของนิโคลัสเปลี่ยนไป กลายเป็นดวงตาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน...





        ‘จัดการเร็วๆ เข้า ก่อนไอ้นิกกี้มันคิดจะฆ่าเราจริงๆ’ เอเวอลินคิด พลางพินิจพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้า





        พอได้โอกาสเธอก็สวนดาบไปยังเป้าหมายทันที แต่ยังไม่ทันถึงตัวนิโคลัส ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน





    เคร้ง!!!!





        เสียงดาบจากมือนิโคลัสร่วงลงกระทบพื้น เอเวอลินชะงัก ก่อนจะส่งแววตาสงสัยไปให้นิโคลัส



        “ฉันคิดๆ ดูแล้ว ฉันยอมเสียเลือดนิดๆ หน่อยๆ ดีกว่ายอมเสียเหงื่อเป็นปี๊บ สู้กับเธอ อีกนานคงรู้ผล” นิโคลัสว่า พลางยื่นนิ้วมาให้เอเวอลิน



        “เหอะๆ แต่ฉันอยากให้นายเสียเลือดมากๆ น่ะ” เอเวอลินว่า



        นิโคลัสผงะ ก่อนคิ้วจะเริ่มขมวดเข้าหากัน...



        “ล้อเล่นน่า” เอเวอลินแก้ ก่อนจะแตะคมดาบเข้าที่นิ้วชี้ของนิโคลัส เลือดเริ่มซึมขึ้นมาที่นิ้วของเขา



        “คมไม่เบา ดาบนี่ เอ...หรือว่านายหนังบาง” เอเวอลินพึมพำ “ขอบใจนะ ที่ยอมสละเลือดนิดๆ หน่อยๆ ให้กับการทดลองของฉัน”



        “ไม่เป็นไร แต่เธอต้องติดหนี้ฉันนะ” นิโคลัสกล่าว



        “ก็ได้” เอเวอลินพูด ก่อนหันไปทางนาธิลดอร์ “อาจารย์ หนูเชื่อแล้ว”



        พูดจบก็เก็บดาบเข้าฝัก นาธิลดอร์พนักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปเรียกนิโคลัส



        “เฮ้ นิกกี้ มาๆ จะยืนโชว์เลือดอยู่รึไง” เอเวอลินว่า “มาเร็วเข้า นิกกี้”



        “ก็บอกว่าอย่าเรียกชื่อนี้ เรียกอย่างกับฉันเป็นหมาแน่ะ” นิโคลัสว่า ก่อนเดินกลับเข้าที่



        “น่ารักออก นิกกี้ นิกกี้” เอเวอลินว่า



        “เออๆ ลิลลี่” นิโคลัสเอาบ้าง



        “เรียกไปๆ เรียกให้มันตลอดนะ” ลิลลี่ของนิโคลัสท้า



        “เออ” นิกกี้ของลิลลี่รับคำ







        “เอาล่ะ ในชั่วโมงถัดไป ก็คือวันพรุ่งนี้ เวลาเดิม ขอให้ทุกคนไปพบกันที่โรงตีเหล็ก เตรียมใจให้พร้อม รอจะเป็นเจ้าของดาบให้ดี วันนี้ปล่อยก่อนเวลาห้านาที คงไม่ว่ากัน”



        สิ้นเสียงอาจารย์ นักเรียนก็พากันเก็บของ ก่อนจะเดินออกจากห้อง





        “อย่าลืมล่ะ เธอติดหนี้ฉันอยู่” นิโคลัสกระซิบบอกเอเวอลิน



        “เออ จะทวงคืนเมื่อไหร่ก็มาบอก” เอเวอลินกล่าว



        “ไม่ เธอติดหนี้ฉัน หนี้ที่ฉันจะไม่ขอทวงคืน เพราะฉันจะให้เธอติดหนี้ฉันตลอดไป”



        นิโคลัสขยิบตาให้เธอ ก่อนเดินจากไป



    .................................



        “ไม่ เธอติดหนี้ฉัน หนี้ที่ฉันจะไม่ขอทวงคืน เพราะฉันจะให้เธอติดหนี้ฉันตลอดไป”





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×