ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เงา
    สิ่งที่ซ่อนอยู่หลังประตู คือ ห้องประชุมของหอพฤกษา ตามผนังประดับตกแต่งด้วยธงสีเขียวลายต้นไม้สีทอง...สัญลักษณ์ของหอพฤกษา เสียงปรบมือต้อนรับดังขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับพวกหน้าใหม่ด้วยกัน
    “ขอต้อนรับทุกคนสู่หอคอยพฤกษา สำหรับปีอื่นๆ คงคุ้นหน้าคุ้นตากันแล้ว แต่สำหรับปีหนึ่ง น้องใหม่ ฉัน...โทมัส เกรเดล อาจารย์ประจำหอ ผู้มีนิ้วโป้งสีเขียว และเป็นที่รักของเหล่าต้นไม้ทั้งหลาย” เสียงหัวเราะดังขึ้นก่อนเงียบลง
    “ปีหนึ่งทุกคนต้องมีเงาเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับพวกพี่ๆ ที่มีอยู่แล้ว” อาจารย์โทมัสกล่าวขึ้น “เงาไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่อยู่หอเดียวกัน อาจเป็นคนละหอก็เป็นได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหอเดียวกัน...มั้ง”
    “เงา? บ้าสิ้นดี เงาอะไรของเขา เฮงซวย ซังกะบ๊วย เงาเราก็มีอยู่แล้ว ใครๆ ก็มี ยกเว้นแต่พวกภูตผีปีศาจ” เอเวอลินโวยเงียบๆ
    “เงาของผู้หญิงคือผู้ชาย เงาของผู้ชายคือผู้หญิง” อาจารย์ประจำหอพูดต่อไป “เดอะ ชาโดวส์คือเงา นักเรียนที่ไม่มีเงา ก็ไม่ใช่นักเรียนของเดอะ ชาโดวส์”
    “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ดีออก จะได้กลับ” เอเวอลินบ่นต่อ “เงา เงา เงา มาเล่นปัญญาอ่อนอะไรกันอยู่เนี่ย”
    “จะขออธิบายกันสักนิด เหตุผลที่เงาต้องเป็นเพื่อนต่างเพศ ก็ด้วยเหตุผลดีๆ สามข้อ หนึ่ง...ผู้ชายจะได้ดูแลปกป้องผู้หญิง”
    “พวกผู้ชายอ่อนหัด จะไปปกป้องผู้หญิงได้ยังไงกัน ตลกสิ้นดี” เอเวอลินค้านต่อ
    “สอง...ผู้หญิงจะให้ความช่วยเหลือผู้ชาย ผู้ชายชอบผู้หญิงคนไหน ขอให้เงาของตนเป็นแม่สื่อได้” เสียงฮาดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงบ่นของฝ่ายค้าน ที่มีเสียงเดียวในสภา
    “ผู้ชายขอให้ผู้หญิงเป็นแม่สื่อ ไอ้ผู้ชายอย่างเนี้ย เค้าเรียกว่าไม่มีความกล้าหาญ จะจีบสาวก็ต้องจีบเองสิ มาขอแม่ส่งแม่สื่ออะไรกัน”
    “ข้อสาม ข้อสุดท้าย...หาแฟนกันไม่ได้ ก็เป็นแฟนกันเองซะเลย” เสียงหัวเราะดังลั่นห้องประชุมของหอพฤกษา
    “โรงเรียนสอนการปกครอง หรือโรงเรียนสอนความรักกันแน่เนี่ย” เสียงบ่นดังขึ้นจากเจ้าเดิม “จะหาความเป็นแก่นสารบ้างไม่ได้เลย”
    “ที่ใดปราศจากความรัก ที่นั่นก็ไม่ใช่โลกมนุษย์” เสียงใสๆ ดังขึ้น จนเอเวอลินหันไปมอง เจ้าของเสียงคือ เด็กสาวผู้กล้าหาญคนนั้น คนที่ปฏิเสธการต้อนรับของหอวารี ผมสีดำขลับ กับนัยน์ตาที่เป็นเอกลักษณ์...นัยน์ตาสีตองอ่อนเปล่งประกาย “คนใดไม่มีความรัก คนนั้นก็ไม่ใช่มนุษย์”
    “เอ่อ...สวัสดี ท่านนักปราชญ์หลงถิ่น” เอเวอลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ผูกมิตรดีกว่าสร้างศัตรู “ฉัน...เอเวอลิน วู้ดเกลดสัน”
    “ยินดีที่ได้รู้จัก เมลานี่ อาร์กอส” นักปราชญ์หลงถิ่นยิ้มตอบกลับมา เปลี่ยนสีหน้าจากเคลิบเคลิ้มให้กลายเป็นสีหน้าที่เป็นมิตรได้อย่างรวดเร็ว...นักปราชญ์หน้าเป็น...อีกฉายาหนึ่งที่เอเวอลินตั้งให้
    “พรุ่งนี้เราจะเฉลยว่า ใครเป็นเงาของใคร เวลาหนึ่งวันต่อจากนี้ ขอให้ปีหนึ่งทุกคนจงเสาะแสวงหาเงาของตนให้เจอ ถ้าหาไม่เจอก่อนที่ครูจะเฉลยในตอนพรุ่งนี้ค่ำล่ะก็ เตรียมรับความหฤหรรษ์ได้เลย พบกันพรุ่งนี้ที่ห้องโถงใหญ่ อาจารย์และนักเรียนทุกคนจะไปรวมตัวกันที่นั่น” อ. โทมัสว่า
    “อย่าลืม ชายคู่กับหญิง ไม่ใช่ชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง เดอะ ชาโดวส์ไม่สนับสนุนพวกไม้ป่าเดียวกัน”
    จบคำปราศรัยได้อย่างดีเยี่ยม เสียงหัวเราะดังลั่นอย่างครื้นเครง
    “ปีหนึ่งเดินตามรุ่นพี่ไป แล้วอย่าลืม ห้องพักแยกหญิงชาย ห้องละสามคน อย่าลืม”
   
    “ห้องพักสำหรับสามคน” เอเวอลินพูดพลางสำรวจห้อง ก่อนหันไปถามความเห็นของเพื่อนร่วมห้อง
    “พวกเธอจะนอนตรงไหน เมลานี่ ฟิเลน่า”
    “อยากนอนไหนก็นอน เอางี้ดีกว่า ใครเร็วใครได้” ฟิเลน่า เด็กสาวที่ตอนคัดตัวตาสีเหลือง แต่บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสเสนอ
    “เอางั้นก็ได้ เตรียม ระวัง ไป”
    สิ้นเสียงสัญญาณ เด็กสาวทั้งสามต่างพุ่งไปบนเตียงที่พวกเธอหมายตา น่าแปลก ไม่มีใครใจตรงกันเลย การแย่งเตียงจึงยุติลงอย่างสงบ
    เมื่อจับจองที่ของตัวเองได้แล้ว ก็จัดข้าวของเข้าที่
    “เฮ่อ” เสียงถอนหายใจดังมาจากเด็กสาวนัยน์ตาสีเขียวมรกต “จัดข้าวของให้เรียบร้อย แล้วมันจะเรียบร้อยมั้ยเนี่ย ของเยอะขนาดนี้ ท่านแม่นะ ท่านแม่ บอกแล้วว่าเอามานิดเดียวก็พอ แล้วลุงทอมก็ช่างอดทนจริงๆ ขนมาทำไมเยอะแยะ ทำไมไม่แกล้งทำตกระหว่างทางบ้างนะ”
    จัดไปบ่นไป ผิดกับอีกสองคนที่กำลังจัดอย่างสนุกสนาน ฟิเลน่าจัดไปร้องเพลงไป ในขณะที่เมลานี่...
    “ของเหลือดีกว่าขาด นักปราชญ์ท่านว่าไว้” นักปราชญ์หน้าเป็นพูดลอยๆ มือไม้ก็จัดของของตนให้เข้าที่เข้าทาง
    “เมลานี่ ขอถามอะไรสักอย่างนะ” เอเวอลินพูดขึ้นทำลายบรรยากาศวิชาการที่เมลานี่สร้างไว้
    “ว่ามา”
    “ทำไมเธอถึงไม่เลือกที่จะอยู่หอคอยวารีล่ะ”
    “ฉันไม่อยากอยู่กับโจนาธาน” เมลานี่ตอบเสียงเรียบ
    “โจนาธาน? ทำไม?”
    “นายนั่นน่ะเหรอ ฉันเบื่อโจนาธาน เห็นหน้ากันตั้งแต่เด็ก ไม่เห็นหน้าบ้างดีกว่า”
    “เธอรู้จักโจนาธานด้วยเหรอ” เอเวอลินถาม
    “ไม่รู้จักก็บ้าแล้ว นายนั่นน่ะ รัชทายาทนะ ผู้สืบต่อบัลลังก์แห่งอาณาจักรนาร์มาเซีย” เมลานี่กล่าว
    “รัชทายาท?”
    “กษัตริย์องค์ต่อไปของนาร์มาเซีย ดินแดนสงบท่ามกลางไฟสงคราม” เมลานี่บอก
    “แล้วเธอคือ....”
    “เพื่อนเล่นมันมั้ง” เมลานี่บอกอย่างขบขัน “โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก”
    “ทำไมเธอถึงเป็นเพื่อนกับเจ้าชายได้ล่ะ” ฟิเลน่าถามบ้าง
    “พ่อฉัน มหาปราชญ์เมธา...”
    “มหาปราชญ์เมธา” ฟิเลน่าขัดขึ้น “เขาคือจอมปราชญ์ หัวหน้านักปราชญ์แห่งราชสำนัก”
    “ใช่แล้ว”
    “อย่างนี้นี่เอง” เอเวอลินพอจะเข้าใจ “แล้วเหตุผลที่เธอไม่เข้าหอคอยวารี ก็แค่เพราะโจนาธานเหรอ”
    “ใช่”
    “ดีเนอะ เหตุผลง่ายดี” เอเวอลินประชด
    เมื่อจัดของเสร็จแล้ว ทั้งสามก็มานั่งหารือกันเรื่อง... เงา... ของตน
    “สิ่งที่ได้มาตอนผ่านเข้าประตูแห่งหอพฤกษาก็คือ ไอ้นี่” ฟิเลน่าว่า พลางชูสร้อยที่มีจี้มรกตสีเขียวเช่นเดียวกับนัยน์ตาของเอเวอลิน
    “มันก็มรกตสีเขียวเหมือนๆ กันทั้งนั้น แล้วจะไปรู้ได้ไงว่า ใครคนไหนคือเงา” เอเวอลินบ่น \"เงาจะมีไปทำไมนักนะ”
...............................
    แสงแดดยามรุ่งอรุณมาเยือนเดอะ ชาโดวส์ในเช้าวันใหม่ วันที่วุ่นวายที่สุดสำหรับปีหนึ่งทุกคนที่ต่างพากันวิ่งพล่านหาเงาตัวเอง
    “ยืนกลางแดด สิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือเงา ก็แค่นั้น จะวิ่งวุ่นกันทำไม” เอเวอลินว่า พลางทำให้ดู เธอมองไปบนพื้นเพื่อหวังว่า จะได้เห็นเงาของตน แต่ทว่า...
    “ให้ตายเถอะ มาอยู่นี่คืนเดียว ฉันกลายเป็นพวกผีพวกปีศาจแล้วรึ ขนาดเงายังไม่มีเลย” เอเวอลินบ่นดังลั่น จนคนที่ยืนอยู่รอบๆ หันมามอง
    “เมื่อหาเงาเจอ เธอก็จะกลับมามีเงาเหมือนเก่า” ฟิเลน่าบอก “ให้ตายเถอะ นี่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเดอะ ชาโดวส์เลยรึไง”
    “พูดตามตรงก็ใช่ ฉันไม่ปรารถนามาเรียนเดอะ ชาโดวส์หรอกนะ นี่ฉันตัดสินใจผิดจริงๆ ไม่น่าเชื่อคำพูดของคุณพ่อผู้ประเสริฐเล้ย!”
    “เป็นใครก็อยากเข้ามาเรียนที่เดอะ ชาโดวส์ทั้งนั้นแหละ” เมลานี่บอก “เดอะ ชาโดวส์เนี่ย เปิดกว้างสำหรับคนทุกชนชั้น แต่มันก็มีคนที่ไม่มีลักษณะตรงตามความต้องการด้วยเหมือนกัน”
    “แล้วเธอคิดยังไงกับคนที่เป็นที่ต้องการของทุกหอ” เอเวอลินถามขึ้น
    “ไม่มีทาง ไม่มีใครคนไหนหรอกที่จะเป็นที่ต้องการของทุกหอ” เมลานี่ตอบ “เพราะถ้าหอจันทราต้องการ หออนธการจะไม่ต้องการ สองหอนี้รับคนที่มีลักษณะต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหมือนความดีกับความชั่ว”
    คำตอบที่ได้ทำเอาเอเวอลินสะดุ้ง แล้วทำไมเธอถึงเป็นที่ต้องการของทุกหอล่ะ? เธอเป็นพวกแปลกประหลาด ผ่าเหล่าผ่ากอนักเหรอ
    “และสำหรับเธอนะ เอเวอลิน ทายาทราชาแห่งป่า หอพฤกษาเป็นหอเดียวที่จะเปิดต้อนรับเธอ เพราะทายาทราชาแห่งป่า ถือเป็นผู้ที่มีสายเลือดสีเขียวบริสุทธิ์” ฟิเลน่ากล่าว
    เฮือก! บริสุทธิ์? งั้นเราก็เป็นพวกเลือดผสมน่ะสิ ไม่ใช่ลูกท่านพ่อ? บ้าดิ เห็นหน้าท่านพ่อตั้งแต่จำความได้ บ้า ความคิดบ้าๆ เข้ามาในหัวได้ยังไงนะ? ผิดพลาด ยังไงๆ ประตูอีกสี่บานนั่นต้องผิดพลาด..แน่นอน
    “ไปหาเงากันต่อเถอะ อย่ามัวมายืนอย่างนี้เลย ดูแล้วฉันขนลุก” เมลานี่ว่า “คนไม่มีเงา เฮ่อ นึกว่าจะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นซะอีก”
    “เธอไปกันสองคนละกัน ฉันขี้เกียจเดินไปทั่วเพื่อตามหาเงา” เอเวอลินบอก
    “แล้วเธอไม่กลัวเหรอ ความหฤหรรษ์ที่จะต้องได้รับ หากไม่เจอเงา” ฟิเลน่าเตือนสติคนขี้เกียจ
    “คนอย่างเอเวอลินไม่เคยกลัวอะไร...” เอเวอลินยืดอก อย่างภาคภูมิ “นอกจากผี”
    “โธ่ นึกว่าแน่ แล้วเธอจะเจอเงาได้ไงล่ะ” นักปราชญ์หน้าเป็นถาม
    “มันต้องอาศัยไอ้นี่” คนกลัวผีเคาะหัวตัวเอง “ใช้ทริกนิดหน่อย คนไหนที่เหลือ ยังไม่มีเงา คนนั้นแหละ เงาของฉัน”
    “ถ้าเหลือเยอะล่ะ”
    “สุ่ม” คำตอบง่ายๆ เล่นเอาอีกสองคนอดที่จะขำไม่ได้ การสุ่มมันจะถูกต้องเท่าไหร่กัน
    “มัวแต่วิ่งวุ่นอย่างนั้น มันจะได้อะไรว่ามั้ย ไลท์นิ่ง” เสียงของเด็กสาวถามความเห็นของม้าหนุ่ม
    “วิ่งวุ่นวายไปทั่ว ฉันอยู่ที่นี่แหละ สบายที่สุด ไม่มีคนมาวุ่นวาย เพราะใครจะอยากมีเงาเป็นม้า แกว่ามั้ย” เอเวอลินกล่าว พลางลูบหัวไลท์นิ่ง
    “จะหาเงาต้องใช้สมอง ทฤษฎีความน่าจะเป็นบวกหลักตรรกศาสตร์ แกคอยดูฝีมือฉัน” คุยเสร็จก็กางกระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงไป
    “อาจารย์โทมัสบอกว่า เงาอาจเป็นคนหออื่น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหอเดียวกัน...มั้ง ทำไมต้องมีมั้งด้วยนะ สงสัยจะทำให้ไขว้เขว เห็นมั้ย ไลท์นิ่ง คนอย่างเจ้านายแก ไม่เคยถูกหลอกง่ายๆ” เจ้านายม้าหนุ่มคุย
    “หอพฤกษามีปีหนึ่งทั้งหมด 50 คน เงาหญิงคู่ชาย ชายคู่หญิง หญิงและชายต้องเท่ากัน 25-25 แต่ว่ามันอาจจะมีคนที่ไปคู่กับหออื่นด้วย อันนั้นก็ต้องเสี่ยงดู คิดซะว่า คู่กันภายในหอละกัน
    “ผู้ชาย 25 คน ฉันก็จำชื่อไม่หมด เอาที่จำได้ก่อนละกัน นิโคลัส ขีขโมย ไบรอัน ลินเนียส...” ใช้เวลาไล่สักพัก ก็ได้รายชื่อมาทั้งหมด 20 คน
    “ขาดห้า ตัดห้าทิ้ง ลางสังหรณ์ที่แม่นที่สุด คือชื่อแรกที่นึกได้...นิโคลัส....อี๋ แหยะ ไม่ๆๆ ความน่าจะเป็น 1 ใน 25 แล้วความน่าจะเป็นของม้าล่ะ” ว่าพลางเอากระดาษแผ่นนั้นไปจ่อที่ปลายหางของไลท์นิ่งที่กำลังแกว่งไปมา
    “หยุด ไลท์นิ่ง หยุดแกว่งหางสักประเดี๋ยว”
    หางของไลท์นิ่งแกว่งช้าลง ก่อนหยุดที่ชื่อชื่อหนึ่ง
    “ไม่เอาอ่ะ ได้นิโคลัสอีกแล้ว” เอเวอลินปฏิเสธความน่าจะเป็นของม้า
    “สงสัยต้องทำการสำรวจ” ว่าพลางก็ลุกขึ้น “แต่ข้างนอกนั่นก็วุ่นวาย ขี้เกียจไป” พูดจบก็ทิ้งตัวลงบนกองฟางอีกที
    “หลักความน่าจะเป็นของเด็กน้อย...” ว่าพลางชูนิ้วชี้ขึ้นมา ก่อนจิ้มไปที่ชื่อๆ หนึ่ง แล้วท่อง...
    “จ้ำจี้มะเขือเปราะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่น อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งที่ไหนผัด เอากระจกที่ไหนส่อง เยี่ยมเยี่ยม มองมอง....นกขุนทองร้องฮูก...”
    สิ้นเสียงร้อง นิ้วก็ไปหยุดที่ชื่อๆ หนึ่ง...
    “นิโคลัส”
    “ไอ้บ้านี่อีกแล้ว จะตามจองล้างจองผลาญไปถึงไหน” เอเวอลินบ่น “ถามผีถ้วยแก้วดีกว่า...แต่ไม่เอา กลัว” เป็นการตัดสินใจและเปลี่ยนใจที่เร็วที่สุดในชีวิตเธอ ก่อนจะคิดหาวิธีใหม่...
    “เอเวอลิน วู้ดเกลดสัน...สระเอ อ.อ่าง สระเอ ว.แหวน อ.อ่าง...” เขียนชื่อตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มนับ “1...2...3...4....5...19”
    “นิโคลัส วีลวิเซอร์เลส...น.หนู สระอิ สระโอ ค.ค วา ย ล.ลิง...” เขียนชื่อคู่กรณีเสร็จก็นับ “1...2...3...4...5...6...20”
    “ฮ่า! ไม่ตรงๆ มันเกินมาหนึ่ง”เอเวอลินหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเฉลียวใจ “ท่านย่าเคยบอกว่า ไม้ทัณฑฆาตไม่นับ ชื่อตาบ้านิโคลัสมียี่สิบ มีไม้ทัณฑฆาตหนึ่ง ตัดออกเหลือสิบเก้า บ้าสิ ตรงอีกแล้ว”
    วิธีแล้ววิธีเล่า ยังไงๆ ก็ได้แต่ชื่อนิโคลัส จนในที่สุด...
    “มรกตสีเขียว จะให้มาทำไมกัน ถ้าไม่มีความหมายในการหาเงาครั้งนี้” เอเวอลินว่า รอยยิ้มปรากฏขึ้นตรงมุมปาก “ส่องๆๆ ชื่อไหนทำปฏิกิริยา ชื่อนั้นก็เป็นเงา” วิธีการที่ดูเข้าท่าเริ่มเข้ามาในหัวของเธอบ้างแล้ว...
    “วะ...ไม่มีชื่อไหนเลย เอ..หรือว่า ไอ้นี่แค่เอามาเป็นสัญลักษณ์ของคนที่อยู่หอพฤกษา” เอเวอลินคิดดังๆ ก่อนจะหาวิธีการต่อไป แต่ในที่สุด เธอก็ได้ข้อสรุปว่า...
    “ทฤษฎีความน่าจะเป็น น่าจะได้ผลสุด” เอเวอลินสรุป “น่าจะเป็นของคน ของม้า ของเด็กน้อย มันตรงที่นิโคลัสหมด แต่เราอยู่หอพฤกษา มันก็ต้องใช้ทฤษฎีน่าจะเป็นของต้นไม้สิ ถูกมั้ย? ถูก” ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ
    “ออกไปข้างนอกก็เจอคน ต้องใช้อะไรที่มาจากต้นไม้ อืมๆ...” เด็กสาวสอดส่ายสายตาไปทั่ว “นี่ไง ไม้โกลเด้นวู้ดกับใบโอ๊คสีทอง ความน่าจะเป็นของต้นไม้ อืม...” คิดพลางเอากระดาษแผ่นใหม่ออกมา เขียนรายชื่อ 20 ชื่อเรียงต่อกันเป็นวงกลม เอาไม้โกลเด้นวู้ดวางตรงกลาง ก่อนหมุน
    \"ปลายใบโอ๊คที่ติดไว้กับไม้โกลเด้นวู้ดชี้ไปทางชื่อไหน ชื่อนั้นคือเงา”
    ไม้โกลเด้นวู้ดหมุนรอบแล้วรอบเล่า ก่อนจะค่อยๆ ช้าลง ช้าลง และหยุดในที่สุด ปลายใบโอ๊คสีทองชี้ไปที่...
    “นิโคลัส! นายนี่อีกแล้ว เบื่อๆๆ เลิกๆ เลิกใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็น มันต้องใช้สัญชาตญาณของม้า” เอเวอลินว่า พลางหันไปที่อาชาสายพันธุ์ราชา
    “ไลท์นิ่ง ใช้สัญชาตญาณการเป็นม้าของแกอีกทีสิ ฉันจะอ่านชื่อ คนไหนที่แกว่าใช้พยักหน้านะ ไม่ใช่ส่ายหัว เริ่มล่ะระ ฮึ่มๆ” เอเวอลินกระแอมก่อนไล่ชื่อ
    “ลินเนียส” เจ้าม้าส่ายหัว
    “ไบรอัน” ม้าหนุ่มส่ายหน้า
    “เฟรเดอริก” ม้าเสี่ยงโชคส่ายหัว
    “นิโคลัส” ม้าผู้มีสัญชาตญาณการเป็นม้าดีเลิศผงกหัว
    “ไอ้บ้า! ตานี่อีกแล้ว เลิกๆ ไม่คิดมันแล้ว ตอนเย็นเดี๋ยวก็รู้ ออกไปสำรวจดีกว่า” ว่าพลางกระแทกเท้าปึงปังเดินออกจากโรงเลี้ยงม้า
   
    “กลวิธีมีร้อยแปด หนึ่งในร้อยแปดคือวิธีที่ถูกต้อง” เสียงๆ หนึ่งดังแว่วมา ทำให้เอเวอลินต้องชะงัก พลางหันกลับเข้ามาในโรงม้า
    “ใคร? นายเป็นใคร?” เอเวอลินร้องถาม พลางมองหาต้นตอของเสียง
    ร่างๆ หนึ่งกระโดดลงมาจากขื่อ ลงมายืนอยู่หน้าเด็กสาว
    “นิโคลัส นายนี่เอง มาตั้งนานแล้วล่ะสิ”
    “ก็นานพอที่จะได้ยินเธอใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็นทั้งของเธอ ของม้า ของเด็กน้อย” นิโคลัสตอบ
    “แล้วนายรู้วิธีค้นหาเงาเหรอ ทำไมไม่ออกไปตามหาเงาของนายล่ะ” เอเวอลินถาม
    “ฉันก็เป็นแบบเดียวกับเธอ นี่ไง” ว่าพลางโชว์กระดาษเขียนรายชื่อผู้หญิงในหอพฤกษาทั้ง 25 คน “ของเธอชื่อขาดอีกห้า ฉันจะบอกให้เอามั้ยล่ะ”
    “ว่ามา” มือเตรียมจดเต็มที่
    “จอห์น พอล...” นิโคลัสไล่ชื่ออีก 5 ชื่อ
    “แล้วนายหาวิธีที่ถูกต้องได้แล้วยังล่ะ ในร้อยแปดวิธีน่ะ”
    “ยัง...แต่วิธีที่น่าจะดีที่สุดก็คือ...สำรวจ”
    “เหอะ ทำเป็นพูดดี สุดท้ายก็วิธีเดียวกัน” เด็กสาวเยาะ
    “จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
    “เรื่องอะไรต้องไปกับนาย” นัยน์ตาสีเขียวมรกตหันไปทางอื่น
    “สองหัวดีกว่าหัวเดียว เรามันพวกสุ่มเหมือนกัน” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ
    “ไปก็ไป”
    ว่าแล้ว พวกชอบสุ่มทั้งสองก็เดินออกไป ความสนใจของคนทั้งสองเอนเอียงมาทางหอพฤกษา ผ่านชาวหอพฤกษาปีหนึ่งก็ถามพลางตัดรายชื่อทิ้งไปบ้าง โดยไม่สังเกตเห็นเงาที่ทอดลงบนพื้นเบื้องหลังตนเองเลย....
    “ขอต้อนรับทุกคนสู่หอคอยพฤกษา สำหรับปีอื่นๆ คงคุ้นหน้าคุ้นตากันแล้ว แต่สำหรับปีหนึ่ง น้องใหม่ ฉัน...โทมัส เกรเดล อาจารย์ประจำหอ ผู้มีนิ้วโป้งสีเขียว และเป็นที่รักของเหล่าต้นไม้ทั้งหลาย” เสียงหัวเราะดังขึ้นก่อนเงียบลง
    “ปีหนึ่งทุกคนต้องมีเงาเป็นของตัวเอง เช่นเดียวกับพวกพี่ๆ ที่มีอยู่แล้ว” อาจารย์โทมัสกล่าวขึ้น “เงาไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่อยู่หอเดียวกัน อาจเป็นคนละหอก็เป็นได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหอเดียวกัน...มั้ง”
    “เงา? บ้าสิ้นดี เงาอะไรของเขา เฮงซวย ซังกะบ๊วย เงาเราก็มีอยู่แล้ว ใครๆ ก็มี ยกเว้นแต่พวกภูตผีปีศาจ” เอเวอลินโวยเงียบๆ
    “เงาของผู้หญิงคือผู้ชาย เงาของผู้ชายคือผู้หญิง” อาจารย์ประจำหอพูดต่อไป “เดอะ ชาโดวส์คือเงา นักเรียนที่ไม่มีเงา ก็ไม่ใช่นักเรียนของเดอะ ชาโดวส์”
    “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ ดีออก จะได้กลับ” เอเวอลินบ่นต่อ “เงา เงา เงา มาเล่นปัญญาอ่อนอะไรกันอยู่เนี่ย”
    “จะขออธิบายกันสักนิด เหตุผลที่เงาต้องเป็นเพื่อนต่างเพศ ก็ด้วยเหตุผลดีๆ สามข้อ หนึ่ง...ผู้ชายจะได้ดูแลปกป้องผู้หญิง”
    “พวกผู้ชายอ่อนหัด จะไปปกป้องผู้หญิงได้ยังไงกัน ตลกสิ้นดี” เอเวอลินค้านต่อ
    “สอง...ผู้หญิงจะให้ความช่วยเหลือผู้ชาย ผู้ชายชอบผู้หญิงคนไหน ขอให้เงาของตนเป็นแม่สื่อได้” เสียงฮาดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงบ่นของฝ่ายค้าน ที่มีเสียงเดียวในสภา
    “ผู้ชายขอให้ผู้หญิงเป็นแม่สื่อ ไอ้ผู้ชายอย่างเนี้ย เค้าเรียกว่าไม่มีความกล้าหาญ จะจีบสาวก็ต้องจีบเองสิ มาขอแม่ส่งแม่สื่ออะไรกัน”
    “ข้อสาม ข้อสุดท้าย...หาแฟนกันไม่ได้ ก็เป็นแฟนกันเองซะเลย” เสียงหัวเราะดังลั่นห้องประชุมของหอพฤกษา
    “โรงเรียนสอนการปกครอง หรือโรงเรียนสอนความรักกันแน่เนี่ย” เสียงบ่นดังขึ้นจากเจ้าเดิม “จะหาความเป็นแก่นสารบ้างไม่ได้เลย”
    “ที่ใดปราศจากความรัก ที่นั่นก็ไม่ใช่โลกมนุษย์” เสียงใสๆ ดังขึ้น จนเอเวอลินหันไปมอง เจ้าของเสียงคือ เด็กสาวผู้กล้าหาญคนนั้น คนที่ปฏิเสธการต้อนรับของหอวารี ผมสีดำขลับ กับนัยน์ตาที่เป็นเอกลักษณ์...นัยน์ตาสีตองอ่อนเปล่งประกาย “คนใดไม่มีความรัก คนนั้นก็ไม่ใช่มนุษย์”
    “เอ่อ...สวัสดี ท่านนักปราชญ์หลงถิ่น” เอเวอลินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ผูกมิตรดีกว่าสร้างศัตรู “ฉัน...เอเวอลิน วู้ดเกลดสัน”
    “ยินดีที่ได้รู้จัก เมลานี่ อาร์กอส” นักปราชญ์หลงถิ่นยิ้มตอบกลับมา เปลี่ยนสีหน้าจากเคลิบเคลิ้มให้กลายเป็นสีหน้าที่เป็นมิตรได้อย่างรวดเร็ว...นักปราชญ์หน้าเป็น...อีกฉายาหนึ่งที่เอเวอลินตั้งให้
    “พรุ่งนี้เราจะเฉลยว่า ใครเป็นเงาของใคร เวลาหนึ่งวันต่อจากนี้ ขอให้ปีหนึ่งทุกคนจงเสาะแสวงหาเงาของตนให้เจอ ถ้าหาไม่เจอก่อนที่ครูจะเฉลยในตอนพรุ่งนี้ค่ำล่ะก็ เตรียมรับความหฤหรรษ์ได้เลย พบกันพรุ่งนี้ที่ห้องโถงใหญ่ อาจารย์และนักเรียนทุกคนจะไปรวมตัวกันที่นั่น” อ. โทมัสว่า
    “อย่าลืม ชายคู่กับหญิง ไม่ใช่ชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง เดอะ ชาโดวส์ไม่สนับสนุนพวกไม้ป่าเดียวกัน”
    จบคำปราศรัยได้อย่างดีเยี่ยม เสียงหัวเราะดังลั่นอย่างครื้นเครง
    “ปีหนึ่งเดินตามรุ่นพี่ไป แล้วอย่าลืม ห้องพักแยกหญิงชาย ห้องละสามคน อย่าลืม”
   
    “ห้องพักสำหรับสามคน” เอเวอลินพูดพลางสำรวจห้อง ก่อนหันไปถามความเห็นของเพื่อนร่วมห้อง
    “พวกเธอจะนอนตรงไหน เมลานี่ ฟิเลน่า”
    “อยากนอนไหนก็นอน เอางี้ดีกว่า ใครเร็วใครได้” ฟิเลน่า เด็กสาวที่ตอนคัดตัวตาสีเหลือง แต่บัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีฟ้าใสเสนอ
    “เอางั้นก็ได้ เตรียม ระวัง ไป”
    สิ้นเสียงสัญญาณ เด็กสาวทั้งสามต่างพุ่งไปบนเตียงที่พวกเธอหมายตา น่าแปลก ไม่มีใครใจตรงกันเลย การแย่งเตียงจึงยุติลงอย่างสงบ
    เมื่อจับจองที่ของตัวเองได้แล้ว ก็จัดข้าวของเข้าที่
    “เฮ่อ” เสียงถอนหายใจดังมาจากเด็กสาวนัยน์ตาสีเขียวมรกต “จัดข้าวของให้เรียบร้อย แล้วมันจะเรียบร้อยมั้ยเนี่ย ของเยอะขนาดนี้ ท่านแม่นะ ท่านแม่ บอกแล้วว่าเอามานิดเดียวก็พอ แล้วลุงทอมก็ช่างอดทนจริงๆ ขนมาทำไมเยอะแยะ ทำไมไม่แกล้งทำตกระหว่างทางบ้างนะ”
    จัดไปบ่นไป ผิดกับอีกสองคนที่กำลังจัดอย่างสนุกสนาน ฟิเลน่าจัดไปร้องเพลงไป ในขณะที่เมลานี่...
    “ของเหลือดีกว่าขาด นักปราชญ์ท่านว่าไว้” นักปราชญ์หน้าเป็นพูดลอยๆ มือไม้ก็จัดของของตนให้เข้าที่เข้าทาง
    “เมลานี่ ขอถามอะไรสักอย่างนะ” เอเวอลินพูดขึ้นทำลายบรรยากาศวิชาการที่เมลานี่สร้างไว้
    “ว่ามา”
    “ทำไมเธอถึงไม่เลือกที่จะอยู่หอคอยวารีล่ะ”
    “ฉันไม่อยากอยู่กับโจนาธาน” เมลานี่ตอบเสียงเรียบ
    “โจนาธาน? ทำไม?”
    “นายนั่นน่ะเหรอ ฉันเบื่อโจนาธาน เห็นหน้ากันตั้งแต่เด็ก ไม่เห็นหน้าบ้างดีกว่า”
    “เธอรู้จักโจนาธานด้วยเหรอ” เอเวอลินถาม
    “ไม่รู้จักก็บ้าแล้ว นายนั่นน่ะ รัชทายาทนะ ผู้สืบต่อบัลลังก์แห่งอาณาจักรนาร์มาเซีย” เมลานี่กล่าว
    “รัชทายาท?”
    “กษัตริย์องค์ต่อไปของนาร์มาเซีย ดินแดนสงบท่ามกลางไฟสงคราม” เมลานี่บอก
    “แล้วเธอคือ....”
    “เพื่อนเล่นมันมั้ง” เมลานี่บอกอย่างขบขัน “โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก”
    “ทำไมเธอถึงเป็นเพื่อนกับเจ้าชายได้ล่ะ” ฟิเลน่าถามบ้าง
    “พ่อฉัน มหาปราชญ์เมธา...”
    “มหาปราชญ์เมธา” ฟิเลน่าขัดขึ้น “เขาคือจอมปราชญ์ หัวหน้านักปราชญ์แห่งราชสำนัก”
    “ใช่แล้ว”
    “อย่างนี้นี่เอง” เอเวอลินพอจะเข้าใจ “แล้วเหตุผลที่เธอไม่เข้าหอคอยวารี ก็แค่เพราะโจนาธานเหรอ”
    “ใช่”
    “ดีเนอะ เหตุผลง่ายดี” เอเวอลินประชด
    เมื่อจัดของเสร็จแล้ว ทั้งสามก็มานั่งหารือกันเรื่อง... เงา... ของตน
    “สิ่งที่ได้มาตอนผ่านเข้าประตูแห่งหอพฤกษาก็คือ ไอ้นี่” ฟิเลน่าว่า พลางชูสร้อยที่มีจี้มรกตสีเขียวเช่นเดียวกับนัยน์ตาของเอเวอลิน
    “มันก็มรกตสีเขียวเหมือนๆ กันทั้งนั้น แล้วจะไปรู้ได้ไงว่า ใครคนไหนคือเงา” เอเวอลินบ่น \"เงาจะมีไปทำไมนักนะ”
...............................
    แสงแดดยามรุ่งอรุณมาเยือนเดอะ ชาโดวส์ในเช้าวันใหม่ วันที่วุ่นวายที่สุดสำหรับปีหนึ่งทุกคนที่ต่างพากันวิ่งพล่านหาเงาตัวเอง
    “ยืนกลางแดด สิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือเงา ก็แค่นั้น จะวิ่งวุ่นกันทำไม” เอเวอลินว่า พลางทำให้ดู เธอมองไปบนพื้นเพื่อหวังว่า จะได้เห็นเงาของตน แต่ทว่า...
    “ให้ตายเถอะ มาอยู่นี่คืนเดียว ฉันกลายเป็นพวกผีพวกปีศาจแล้วรึ ขนาดเงายังไม่มีเลย” เอเวอลินบ่นดังลั่น จนคนที่ยืนอยู่รอบๆ หันมามอง
    “เมื่อหาเงาเจอ เธอก็จะกลับมามีเงาเหมือนเก่า” ฟิเลน่าบอก “ให้ตายเถอะ นี่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเดอะ ชาโดวส์เลยรึไง”
    “พูดตามตรงก็ใช่ ฉันไม่ปรารถนามาเรียนเดอะ ชาโดวส์หรอกนะ นี่ฉันตัดสินใจผิดจริงๆ ไม่น่าเชื่อคำพูดของคุณพ่อผู้ประเสริฐเล้ย!”
    “เป็นใครก็อยากเข้ามาเรียนที่เดอะ ชาโดวส์ทั้งนั้นแหละ” เมลานี่บอก “เดอะ ชาโดวส์เนี่ย เปิดกว้างสำหรับคนทุกชนชั้น แต่มันก็มีคนที่ไม่มีลักษณะตรงตามความต้องการด้วยเหมือนกัน”
    “แล้วเธอคิดยังไงกับคนที่เป็นที่ต้องการของทุกหอ” เอเวอลินถามขึ้น
    “ไม่มีทาง ไม่มีใครคนไหนหรอกที่จะเป็นที่ต้องการของทุกหอ” เมลานี่ตอบ “เพราะถ้าหอจันทราต้องการ หออนธการจะไม่ต้องการ สองหอนี้รับคนที่มีลักษณะต่างกันอย่างสิ้นเชิง เหมือนความดีกับความชั่ว”
    คำตอบที่ได้ทำเอาเอเวอลินสะดุ้ง แล้วทำไมเธอถึงเป็นที่ต้องการของทุกหอล่ะ? เธอเป็นพวกแปลกประหลาด ผ่าเหล่าผ่ากอนักเหรอ
    “และสำหรับเธอนะ เอเวอลิน ทายาทราชาแห่งป่า หอพฤกษาเป็นหอเดียวที่จะเปิดต้อนรับเธอ เพราะทายาทราชาแห่งป่า ถือเป็นผู้ที่มีสายเลือดสีเขียวบริสุทธิ์” ฟิเลน่ากล่าว
    เฮือก! บริสุทธิ์? งั้นเราก็เป็นพวกเลือดผสมน่ะสิ ไม่ใช่ลูกท่านพ่อ? บ้าดิ เห็นหน้าท่านพ่อตั้งแต่จำความได้ บ้า ความคิดบ้าๆ เข้ามาในหัวได้ยังไงนะ? ผิดพลาด ยังไงๆ ประตูอีกสี่บานนั่นต้องผิดพลาด..แน่นอน
    “ไปหาเงากันต่อเถอะ อย่ามัวมายืนอย่างนี้เลย ดูแล้วฉันขนลุก” เมลานี่ว่า “คนไม่มีเงา เฮ่อ นึกว่าจะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นซะอีก”
    “เธอไปกันสองคนละกัน ฉันขี้เกียจเดินไปทั่วเพื่อตามหาเงา” เอเวอลินบอก
    “แล้วเธอไม่กลัวเหรอ ความหฤหรรษ์ที่จะต้องได้รับ หากไม่เจอเงา” ฟิเลน่าเตือนสติคนขี้เกียจ
    “คนอย่างเอเวอลินไม่เคยกลัวอะไร...” เอเวอลินยืดอก อย่างภาคภูมิ “นอกจากผี”
    “โธ่ นึกว่าแน่ แล้วเธอจะเจอเงาได้ไงล่ะ” นักปราชญ์หน้าเป็นถาม
    “มันต้องอาศัยไอ้นี่” คนกลัวผีเคาะหัวตัวเอง “ใช้ทริกนิดหน่อย คนไหนที่เหลือ ยังไม่มีเงา คนนั้นแหละ เงาของฉัน”
    “ถ้าเหลือเยอะล่ะ”
    “สุ่ม” คำตอบง่ายๆ เล่นเอาอีกสองคนอดที่จะขำไม่ได้ การสุ่มมันจะถูกต้องเท่าไหร่กัน
    “มัวแต่วิ่งวุ่นอย่างนั้น มันจะได้อะไรว่ามั้ย ไลท์นิ่ง” เสียงของเด็กสาวถามความเห็นของม้าหนุ่ม
    “วิ่งวุ่นวายไปทั่ว ฉันอยู่ที่นี่แหละ สบายที่สุด ไม่มีคนมาวุ่นวาย เพราะใครจะอยากมีเงาเป็นม้า แกว่ามั้ย” เอเวอลินกล่าว พลางลูบหัวไลท์นิ่ง
    “จะหาเงาต้องใช้สมอง ทฤษฎีความน่าจะเป็นบวกหลักตรรกศาสตร์ แกคอยดูฝีมือฉัน” คุยเสร็จก็กางกระดาษแผ่นหนึ่ง ก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงไป
    “อาจารย์โทมัสบอกว่า เงาอาจเป็นคนหออื่น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหอเดียวกัน...มั้ง ทำไมต้องมีมั้งด้วยนะ สงสัยจะทำให้ไขว้เขว เห็นมั้ย ไลท์นิ่ง คนอย่างเจ้านายแก ไม่เคยถูกหลอกง่ายๆ” เจ้านายม้าหนุ่มคุย
    “หอพฤกษามีปีหนึ่งทั้งหมด 50 คน เงาหญิงคู่ชาย ชายคู่หญิง หญิงและชายต้องเท่ากัน 25-25 แต่ว่ามันอาจจะมีคนที่ไปคู่กับหออื่นด้วย อันนั้นก็ต้องเสี่ยงดู คิดซะว่า คู่กันภายในหอละกัน
    “ผู้ชาย 25 คน ฉันก็จำชื่อไม่หมด เอาที่จำได้ก่อนละกัน นิโคลัส ขีขโมย ไบรอัน ลินเนียส...” ใช้เวลาไล่สักพัก ก็ได้รายชื่อมาทั้งหมด 20 คน
    “ขาดห้า ตัดห้าทิ้ง ลางสังหรณ์ที่แม่นที่สุด คือชื่อแรกที่นึกได้...นิโคลัส....อี๋ แหยะ ไม่ๆๆ ความน่าจะเป็น 1 ใน 25 แล้วความน่าจะเป็นของม้าล่ะ” ว่าพลางเอากระดาษแผ่นนั้นไปจ่อที่ปลายหางของไลท์นิ่งที่กำลังแกว่งไปมา
    “หยุด ไลท์นิ่ง หยุดแกว่งหางสักประเดี๋ยว”
    หางของไลท์นิ่งแกว่งช้าลง ก่อนหยุดที่ชื่อชื่อหนึ่ง
    “ไม่เอาอ่ะ ได้นิโคลัสอีกแล้ว” เอเวอลินปฏิเสธความน่าจะเป็นของม้า
    “สงสัยต้องทำการสำรวจ” ว่าพลางก็ลุกขึ้น “แต่ข้างนอกนั่นก็วุ่นวาย ขี้เกียจไป” พูดจบก็ทิ้งตัวลงบนกองฟางอีกที
    “หลักความน่าจะเป็นของเด็กน้อย...” ว่าพลางชูนิ้วชี้ขึ้นมา ก่อนจิ้มไปที่ชื่อๆ หนึ่ง แล้วท่อง...
    “จ้ำจี้มะเขือเปราะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่น อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งที่ไหนผัด เอากระจกที่ไหนส่อง เยี่ยมเยี่ยม มองมอง....นกขุนทองร้องฮูก...”
    สิ้นเสียงร้อง นิ้วก็ไปหยุดที่ชื่อๆ หนึ่ง...
    “นิโคลัส”
    “ไอ้บ้านี่อีกแล้ว จะตามจองล้างจองผลาญไปถึงไหน” เอเวอลินบ่น “ถามผีถ้วยแก้วดีกว่า...แต่ไม่เอา กลัว” เป็นการตัดสินใจและเปลี่ยนใจที่เร็วที่สุดในชีวิตเธอ ก่อนจะคิดหาวิธีใหม่...
    “เอเวอลิน วู้ดเกลดสัน...สระเอ อ.อ่าง สระเอ ว.แหวน อ.อ่าง...” เขียนชื่อตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มนับ “1...2...3...4....5...19”
    “นิโคลัส วีลวิเซอร์เลส...น.หนู สระอิ สระโอ ค.ค วา ย ล.ลิง...” เขียนชื่อคู่กรณีเสร็จก็นับ “1...2...3...4...5...6...20”
    “ฮ่า! ไม่ตรงๆ มันเกินมาหนึ่ง”เอเวอลินหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเฉลียวใจ “ท่านย่าเคยบอกว่า ไม้ทัณฑฆาตไม่นับ ชื่อตาบ้านิโคลัสมียี่สิบ มีไม้ทัณฑฆาตหนึ่ง ตัดออกเหลือสิบเก้า บ้าสิ ตรงอีกแล้ว”
    วิธีแล้ววิธีเล่า ยังไงๆ ก็ได้แต่ชื่อนิโคลัส จนในที่สุด...
    “มรกตสีเขียว จะให้มาทำไมกัน ถ้าไม่มีความหมายในการหาเงาครั้งนี้” เอเวอลินว่า รอยยิ้มปรากฏขึ้นตรงมุมปาก “ส่องๆๆ ชื่อไหนทำปฏิกิริยา ชื่อนั้นก็เป็นเงา” วิธีการที่ดูเข้าท่าเริ่มเข้ามาในหัวของเธอบ้างแล้ว...
    “วะ...ไม่มีชื่อไหนเลย เอ..หรือว่า ไอ้นี่แค่เอามาเป็นสัญลักษณ์ของคนที่อยู่หอพฤกษา” เอเวอลินคิดดังๆ ก่อนจะหาวิธีการต่อไป แต่ในที่สุด เธอก็ได้ข้อสรุปว่า...
    “ทฤษฎีความน่าจะเป็น น่าจะได้ผลสุด” เอเวอลินสรุป “น่าจะเป็นของคน ของม้า ของเด็กน้อย มันตรงที่นิโคลัสหมด แต่เราอยู่หอพฤกษา มันก็ต้องใช้ทฤษฎีน่าจะเป็นของต้นไม้สิ ถูกมั้ย? ถูก” ถามเองตอบเองเสร็จสรรพ
    “ออกไปข้างนอกก็เจอคน ต้องใช้อะไรที่มาจากต้นไม้ อืมๆ...” เด็กสาวสอดส่ายสายตาไปทั่ว “นี่ไง ไม้โกลเด้นวู้ดกับใบโอ๊คสีทอง ความน่าจะเป็นของต้นไม้ อืม...” คิดพลางเอากระดาษแผ่นใหม่ออกมา เขียนรายชื่อ 20 ชื่อเรียงต่อกันเป็นวงกลม เอาไม้โกลเด้นวู้ดวางตรงกลาง ก่อนหมุน
    \"ปลายใบโอ๊คที่ติดไว้กับไม้โกลเด้นวู้ดชี้ไปทางชื่อไหน ชื่อนั้นคือเงา”
    ไม้โกลเด้นวู้ดหมุนรอบแล้วรอบเล่า ก่อนจะค่อยๆ ช้าลง ช้าลง และหยุดในที่สุด ปลายใบโอ๊คสีทองชี้ไปที่...
    “นิโคลัส! นายนี่อีกแล้ว เบื่อๆๆ เลิกๆ เลิกใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็น มันต้องใช้สัญชาตญาณของม้า” เอเวอลินว่า พลางหันไปที่อาชาสายพันธุ์ราชา
    “ไลท์นิ่ง ใช้สัญชาตญาณการเป็นม้าของแกอีกทีสิ ฉันจะอ่านชื่อ คนไหนที่แกว่าใช้พยักหน้านะ ไม่ใช่ส่ายหัว เริ่มล่ะระ ฮึ่มๆ” เอเวอลินกระแอมก่อนไล่ชื่อ
    “ลินเนียส” เจ้าม้าส่ายหัว
    “ไบรอัน” ม้าหนุ่มส่ายหน้า
    “เฟรเดอริก” ม้าเสี่ยงโชคส่ายหัว
    “นิโคลัส” ม้าผู้มีสัญชาตญาณการเป็นม้าดีเลิศผงกหัว
    “ไอ้บ้า! ตานี่อีกแล้ว เลิกๆ ไม่คิดมันแล้ว ตอนเย็นเดี๋ยวก็รู้ ออกไปสำรวจดีกว่า” ว่าพลางกระแทกเท้าปึงปังเดินออกจากโรงเลี้ยงม้า
   
    “กลวิธีมีร้อยแปด หนึ่งในร้อยแปดคือวิธีที่ถูกต้อง” เสียงๆ หนึ่งดังแว่วมา ทำให้เอเวอลินต้องชะงัก พลางหันกลับเข้ามาในโรงม้า
    “ใคร? นายเป็นใคร?” เอเวอลินร้องถาม พลางมองหาต้นตอของเสียง
    ร่างๆ หนึ่งกระโดดลงมาจากขื่อ ลงมายืนอยู่หน้าเด็กสาว
    “นิโคลัส นายนี่เอง มาตั้งนานแล้วล่ะสิ”
    “ก็นานพอที่จะได้ยินเธอใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็นทั้งของเธอ ของม้า ของเด็กน้อย” นิโคลัสตอบ
    “แล้วนายรู้วิธีค้นหาเงาเหรอ ทำไมไม่ออกไปตามหาเงาของนายล่ะ” เอเวอลินถาม
    “ฉันก็เป็นแบบเดียวกับเธอ นี่ไง” ว่าพลางโชว์กระดาษเขียนรายชื่อผู้หญิงในหอพฤกษาทั้ง 25 คน “ของเธอชื่อขาดอีกห้า ฉันจะบอกให้เอามั้ยล่ะ”
    “ว่ามา” มือเตรียมจดเต็มที่
    “จอห์น พอล...” นิโคลัสไล่ชื่ออีก 5 ชื่อ
    “แล้วนายหาวิธีที่ถูกต้องได้แล้วยังล่ะ ในร้อยแปดวิธีน่ะ”
    “ยัง...แต่วิธีที่น่าจะดีที่สุดก็คือ...สำรวจ”
    “เหอะ ทำเป็นพูดดี สุดท้ายก็วิธีเดียวกัน” เด็กสาวเยาะ
    “จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
    “เรื่องอะไรต้องไปกับนาย” นัยน์ตาสีเขียวมรกตหันไปทางอื่น
    “สองหัวดีกว่าหัวเดียว เรามันพวกสุ่มเหมือนกัน” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ
    “ไปก็ไป”
    ว่าแล้ว พวกชอบสุ่มทั้งสองก็เดินออกไป ความสนใจของคนทั้งสองเอนเอียงมาทางหอพฤกษา ผ่านชาวหอพฤกษาปีหนึ่งก็ถามพลางตัดรายชื่อทิ้งไปบ้าง โดยไม่สังเกตเห็นเงาที่ทอดลงบนพื้นเบื้องหลังตนเองเลย....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น