ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    New aGe

    ลำดับตอนที่ #5 : อีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 58


    CHAPTER 4
    อีกครั้ง

                ฉันยืนอยู่ท่ามกลางความมืด รอบตัวนั้นไร้แสงทุกอย่างมืดไปหมด แต่ฉันกลับเป็นเห็นตัวเองยืนอยู่ 'ที่นี่ที่ไหน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่... อ่ะ?'  ฉันจำเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว ฉันตายแล้วนี่น่า ถึงฉันจะรู้สึกเศร้านิดหน่อยก็เถอะแต่ว่า...ก็ไม่มีใครที่อยากตายเร็วหรอก น้ำตาฉันจึงไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ฉันคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้นฉันก็ได้ยินเสียงที่แว่วมา

    "นี่พี่ชายหัวขาวผมมีความคิดที่ดีๆแล้ว"

    เสียงเด็กผู้ชายอายุ 16 ปี ถึงฉันจะไม่เห็นผู้ที่พูด แต่สมองฉันบอกได้แน่นอนว่าเป็นเด็กผู้ชายอายุ16ปีแน่นอน

    "แต่เราต้องใช้ศพที่มีอยู่ที่นี่ เราจะต้องเผามัน"

    เสียงเดิม น้ำเสียงเดิมดังขึ้นมาอีกครั้งแต่หลังจากนั้นไม่ถึงวินาที

    "ว่ายังไงน่ะ?"

    เสียงของ... 'ฉันรู้จักเสียงนี้ดีนี้มันเสียงเป็นน้ำเสียงเวลาพูดของกัส'

    "เราจะใช้ศพพวกนั้นเป็นตัวเชื้อเพลิง เราจะเผาศพพวกนั้น เพราะที่นี่ไม่มีอะไรที่จะเป็นเชื้อเพลิงได้ และพอเราเผาศพศพก็จะติดไฟ ถึงกลิ่นจะน่าสะอิดสะเอียดก็เถอะ แสงสว่างจากเปลวเพลิงจะช่วยส่องสว่างให้เราเราสามารถอยู่ได้อีกนานเพราะศพก็มีเกลื่อนเลยนี่พี่ชาย..."

    เสียงของเด็กชายที่ได้ยินก่อนหน้านี้ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงที่ฉันได้ยินตอนนี้มันดังมาจากทุกทิศทุกทางเสียงมันก้องไปหมด เสียงพวกนั้นดังมากจนฉันต้องเอามือปิดหูและคุกเข่าร้องไห้

    "นี่มันอะไรกัน!!"

    ฉันตะโกนออกมาภายในความมืดมิด จากนั้นมีแสงสว่าง สว่างขึ้นที่ด้านหน้าของฉันแสงนั่นจ้ามาก ฉันที่นั่งคุกเข่าอยู่นั้นได้เงยหน้ามองแสงนั้น มีคนเดินออกมาจากแสงสว่างนั้น ฉันเห็นเป็นแค่เงาฉันไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใครใส่ชุดอะไรเพราะแสงที่อยู่ด้านหลังเขาคนนั้นจ้ามากมันส่องเขาตาฉันทำให้ฉันเห็นเป็นเพียงแค่เงา มันสว่างขนาดไหนน่ะเหรอลองมองดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงดูซิ เขาคนนั้นยืนมืออกมาทำท่าเหมือนจะให้ฉันจับมือ แต่ว่าเขาคนนั้นยืนอยู่ไกลฉันมาก

    "อลิช...เธอคือผู้ที่จะพลิกโลกนี้ถ้าเธอไม่ทำฉันจะทำเอง"

    เสียงนี้เป็นเสียงของผู้ชาย เสียงคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินแต่ฉันจำไม่ได้...จากนั้นเงาก็กลับหลังหันเดินเข้าไปในแสงนั้น

    "เดี๋ยวๆ"

    ฉันตะโกนออกไป

    'อ่ะ...' ความมืดมิดรอบตัวฉันหายไปแล้ว ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น ความมืดมิดเมื่อกี้มันคืออะไร ฉันมองไปด้านหน้าฉันเห็นกัสมองหน้าฉันและดูเหมือนว่าเขาจะอุ้มฉันอยู่จากนั้นเขาก็วางฉันลง ฉันที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเผลอถามออกไปว่า

    "อ้าว ไม่ใช่ฉันตายแล้วเหรอ...?"

    "เธอยังไม่ตายหรอก..."

    เขาตอบฉันมาและดูเหมือนว่าในดวงตาของเขาจะมีน้ำตาที่เอ่อล้นที่ดูเหมือนจะไหลออกมาอยู่แต่ก็ไม่ยอมไหลออกมา

    'ฉันจำได้ว่าฉันโดนยิงนี่' ฉันนึกถึงเรื่องตอนนั้นตอนที่กระสุนสาดใส่ร่างของฉัน

    "ทำไมฉันถึงยังไม่ตายล่ะฉันโดนยิงไปซะขนาดนั้น"

    ฉันถามเขาขึ้นในทันที เขาที่กำลังจะอ้าปากตอบแต่โดนตัดคำพูดด้วยเสียงจากไวโอเล็ทที่ยืนอยู่ข้างๆ

    "เพราะเธอเป็นอมตะไงล่ะ อ่ะๆๆๆ เธอไม่ต้องถามว่าเพราะอะไรฉันจะแสดงให้เธอดู"

    จากนั้นในมือของไวโอเล็ทก็มีไฟลุกขึ้น ไฟที่ลุกจากมือของไวโอเล็ทนั้นก็กลายเป็นของแข็ง เปลวไฟที่แข็งแล้วนั่นกลายเป็นของที่มีลักษณะคล้ายกริด จากนั้นเธอก็จับมือฉันแล้วก็เอากริดที่เกิดจากเปลวไฟ กรีดเข้ากับแขนขอฉันจนแขนฉันเป็นแผลเล็กน้อย ทันทีที่กริดกรีดเข้าไปในเนื้อฉันกริดที่เกิดจากเปลวไฟของเธอก็แตกกระจายออกเหมือนกัน กริดไฟของเธอแตกกระจายออกเป็นผงฝุ่นในพริบตาที่โดนกับแขนของฉัน จากนั้น

    "เธอทำอะไรน่ะ!"

    กัสตะคอกใส่เธอ ทำให้เธอหันไปตอบด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน

    "ก็แค่ลองของเท่านั้น"

    ฉันที่ยืนมองแขนตัวเองในขณะที่พวกเขากำลังทะเลาะกัน แผลของฉันที่โดนกริดไฟของไวโอเล็ทกรีดนั้นก็สมานตัวเอง 'นี่มันสุดยอดไปเลยนี่นา...พลังอมตะงั้นเหรอทุกๆคนคงอยากจะมีแต่ทำไมฉันรู้สึกไม่อยากได้เลยล่ะ' ฉันมองไปรอบๆ 'ยานนรกนั้นยังบินได้อยู่อีกซิน่ะ' ยานลำทียิงฉันและยานเป็นลำเดียวที่กัสผู้ที่เป็นเพื่อนฉันโดดลงมามันยังคงลอยอยู่และส่องไฟมาที่เรา แต่ภาพที่ฉันเห็นรอบๆตัวทำให้ฉันเข้าใจทุกอย่าง เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในความมืดที่หวังพึ่งพาฉัน อยากให้ฉันช่วยพาพวกเขาออกไปจากที่นี่แต่ตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นศพนอนกลาดเกลื่อนเต็มพื้นไปหมด เลือดสาดกระจายเต็มพื้น มันทำให้ความแค้นฉันพุ่งขึ้นเต็มขีดจำกัด 'ก็แค่อยากให้ช่วย แต่คงจะกลัวความเสี่ยงงั้นซิน่ะ เพราะในตัวของพวกเรามีรังสี พวกนั้นคงไม่อยากเอาพวกเราเข้าไปในโดมนั้นงั้นซิ' นั้นเป็นความคิดฉันในตอนนั้น 'กลัวพวกคนที่อยู่ในนั้นจะเป็นอันตรายหรือว่า...คนที่เป็นคนสั่งการกลัวว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย'

    "ใครเป็นคนสั่งถล่มที่นี่กัส?"

    ฉันถามเขาเพื่อต้องการรู้เรื่องเพื่อที่จะปะติดปะต่อเรื่องและเพื่อหาเหตุผลที่ดินแดนแห่งแสงสั่งถล่มที่นี่

    "ฉันไม่รู้หรอกน่ะแต่เดาว่าคงเป็นไอ้ตาแกสี่ตัวนั้นแน่"

    เขาตอบพร้อมกับหันกลับมาหาฉัน

    "ตาแก่สี่ตัว...?"

    ฉันพึมพำกลับไปจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นขึ้นต่อ

    "ฉันยังไม่มีเวลาอธิบายน่ะอลิช เธอต้องพาพวกเราไปจากที่นี่และถ้าพวกเราไม่รีบยานมันจะ..."

    เขาพูดยังไม่ทันจบ ยานที่ลอยอยู่ก็ร่วงลงสู่พื้นแสงจากยานก็ดับไปพร้อมกับยานที่ร่วงไป ตอนนี้ฉันเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้วทั้งเรื่องที่พวกไวโอเล็ทที่อาศัยอยู่ในถ้ำนั้นสูญเสียความทรงจำเรื่องที่ที่นี่โดนถล่ม

    "พี่ชายและพี่สาว...ยินดีตอนรับสู่ดินแดนแห่งความมืดมิดอีกครั้งเอาล่ะเราจะทำอย่างไรดี จะเผาคนที่ตายแล้วหรือจะไม่เผาใครแล้วยอมตายกันดีล่ะ"

    เสียงเด็กชายอายุ 16 ปีพูดขึ้นและไม่นานเสียงของกัสก็ตามมา

    "เผาเลย! เผาศพซะ!"

    พรึบ! ไฟลุกท่วมศพพวกนั้นแสงส่องสว่างมาพร้อมกับกลิ่นเนื้อไหม้ที่โชยมา พวกเวรีเนี่ยมที่วิ่งมาเพื่อจะโจมตีเราล่าถอยกลับสู่ความมืด เพราะแสงสว่างจากศพที่เราเผา 'ฉันขอโทษด้วยที่ต้องเผาศพพวกนาย ขอโทษจากใจจริง...' จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นดังมาจากในความมืด

    "แปะ แปะ แปะ"

    เสียงปรบมืดเงียบไป ตามมาด้วยเสียงพูดที่เคยได้ยิน มันเป็นเสียงเดียวกันกับเสียงที่ฉันได้ยินตอนที่ฉันหลับไปแล้วฉันรู้แล้วมันเป็นเสียงของใคร

    "พวกเธอนี่ยอมรับสันดานของมนุษย์แล้วซิน่ะ"

    เขาเดินออกมาจากความมืด ชายผู้มีผมสีน้ำตาลแดง รูปร่างสูงผอม 'อเล็ก' เขามองไปรอบๆตัวแล้วก็พูดขึ้นว่า

    "ว่ากันว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐที่สุดในหมู่สัตว์ด้วยกันแต่มนุษย์ทุกคนนั้น ไม่ว่าจะดีขนาดไหนหรือเลวมากเพียงใดก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่มีอันตรายเข้ามาอันตรายที่พอที่จะฆ่าชีวิต มนุษย์นั้นก็พร้อมจะสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอดไม่ว่าใครก็ตาม"

    "ไอ้หมอนี่ใครน่ะอลิช?"

    กัสกระซิบถามฉัน

    "อ่ะๆ นั่นแฟนเธอเหรออลิช"

    เขาถามฉันพร้อมกับส่งสายตากวนประสาทมา

    "ไม่ใช่เขาเป็นเพื่อนฉัน ฉันน่ะรู้หมดทุกอย่างแล้วทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาย"

    ฉันหยุดพูดไปขณะหนึ่งก่อนที่จะตะโกนขึ้น

    "เรื่องที่นายเป็นคนควบคุมทุกคนที่อยู่ในถ้ำนั้น!ในดินแดนสุดท้ายนั่นและพลังของนายก็คือควบคุมจิตใจใช่ไหมล่ะ!"

    "ว้าว...ฉันยอมรับว่าเธอเดาได้เก่งแต่ว่าเธอจะรู้ทั้งหมดแน่เหรอ?"

    อเล็กตอบกลับฉันมาด้วยน้ำเสียงหลักของเขาไม่ใช่น้ำเสียงที่เงียบขรึมเหมือนที่เจอกันครั้งแรกแต่มันเป็นน้ำเสียงที่เหมือนดูเหมือนจริงจังและปนไปด้วยความเศร้า

    "ฉันไม่ได้เดาและทำไมฉันถึงรู้น่ะเหรอ ก็เพราะทุกอย่างที่นี่มันผิดธรรมชาติไปหมดไง ตั้งแต่ตอนที่ฉันอยู่ที่ดินแดนสุดท้ายแล้ว เวลานายพูดอะไรก็ไม่มีใครขัด ให้ทำอะไรก็ทำ! ใช่ไหมมันเดาง่ายจะตายไป แถมในโลกที่เป็นแบบนี้แล้วด้วย คนที่จะควบคุมคนหมู่มากภายใต้โลกที่ไร้กดแบบนี้แถบเป็นไปไม่ได้เลย"

    "อลิช...ถ้าเธอรู้เรื่องที่ฉันจะทำต่อจากนี้ล่ะก็เธอจะต้องขัดขวางฉันแน่แต่ว่า ฉันก็ยอมรับน่ะว่าฉันควบคุมคนพวกนั้นจริงแต่ว่าฉันไม่ได้ควบคุมจิตพวกเขา ฉันควบคุมสมองเท่านั้นและฉันมีเหตุผลที่เพียงพอที่จะทำแบบนั้นแต่เหตุผลนั้นฉันคงไม่อยากให้เธอรับรู้หรอก"

    "ไม่ต้องการให้รู้หรือต้องการที่จะปกปิดมันกัน! มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายขนาดนั้นหรือไง!?"

    กัสเข้ามาจับไหล่ฉันและบอกให้ฉันใจเย็นลง ฉันพยายามทำใจให้เย็นลงและพยายามพูดให้เขาคายความลับออกมาให้ได้

    "อเล็กซิส-"

    ฉันเพียงแค่พูดชื่อของเขาและยังไม่ทันที่จะพูดต่อไวโอเล็ทก็พูดขึ้น

    "อเล็กซิสฉันเคยรู้จักชื่อนี้แต่ฉันจำไม่ได้ ฉันเคยรู้จัก ๆ ๆ "

    ไวโอเล็ทเธอถ่องคำว่า 'ฉันเคยรู้จัก' ซ้ำไปซ้ำมา เธอเอามือกุมเข้าไปที่หัวตัวเอง...

    "งั้นฉันจะเล่าเหตุผลที่ฉันต้องควบคุมพวกเขาและเรื่องที่ฉันจะทำต่อไปนี้..."

    อเล็กพูดขึ้น พวกเรายืนนิ่งเงียบกันหมดไวโอเล็ทที่เอามือกุมหัวและท่องคำพูดซ้ำไปซ้ำมันก็หยุดในทันที

    "ฟังให้ดี...นี่คือเรื่องราวในอดีตที่ฉันพยายามปิดมันไว้...ตลอดมา"

    เขาหยุดพูด

    "อะไรล่ะเล่ามาซิ"

    ฉันถามเขา เขามองขึ้นไปบนฟ้า

    "นายมองไปข้างบนทำไม"

    ฉันมองตามเขาขึ้นไป ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้าคืนท้องฟ้าที่ไร้เมฆ ดวงดาวเต็มฟ้าระยิบระยับไปหมด 'มันสวยงามมาก จะว่าไปที่นี่ก็ไม่มีแสงนี่น่า เพราะอย่างงี้เลยสาสมารถมองเห็นแสงดาวได้ชัดมากซิน่ะและจะว่าไปแล้วตั้งแต่ฉันมาที่โลกฝั่งนี้ก็ไม่เคยมองดูดาวเลยนี้'

    "อลิช...ไวโอเล็ท...ชีวิตมันไม่เคยสวยงามเหมือนดาวบนท้องฟ้าหรอกน่ะ"

    เพราะเสียงของเขาทำให้ฉันเลิกมองไปบนฟ้าและมองมาที่เขาแทน ตอนนี้รอบตัวพวกเราเงียบสนิท ไม่มีลมพัด รอบข้างเรายังมืดมิด ถึงตาฉันจะสามารถมองเห็นในความมืดได้แต่ฉันว่ามันก็ยังมืดมิดอยู่ดี 'มันเหมือนตอนแรกที่ฉันมาที่นี่เลยน่ะ'

    "เอาล่ะเข้าเรื่องกัน...ฉันจะเล่าอดีตของโลกฝั่งนี้ล่ะน่ะ..."

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×