คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทพิเศษ:โอกัส
EXTRA CHAPTER 1
โอกัส
'แฮกๆๆ'
เสียงหายใจของผมตอนที่รีบวิ่งไปเพื่อที่จะเข้าประชุมให้ทัน
"กัส
นายรีบไปดีกว่าน่ะเดี๋ยวหัวหน้าจะโกรธเอา"
"ฉันกำลังรีบไปอยู่นี่ไงล่ะ"
เสียงของเพื่อนร่วมงานผมที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์ค้นหาด้วยกันดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังวิ่งไปตามทางเดิน 'มีเรื่องอะไรเนี่ย? ฉันกำลังหาข้อมูลของเพื่อนที่หายไปน่ะ'
ผมชื่อ โอกัส เพื่อนๆชอบเรียกผมว่ากัส
ทำงานอยู่ที่ศูนย์ค้นหาสิ่งมีชีวิต ในโลกที่ผมอาศัยอยู่เป็นที่ที่ไร้ซึ่งความมืดเพราะดวงอาทิตย์ไม่เคยลับขอบฟ้า
อายุผมก็ 17 ปี มันเป็นเรื่องง่ายที่พวกเราที่อาศัยอยู่ที่นี่จะแต่งงานกันด้วยอายุราวๆเท่านี้
แต่ผมนั้นก็ยังไม่อยากแต่งงานอยู่ดี แต่ถึงจะมีสาวๆที่อาศัยอยู่ที่นี่ชอบมาจีบผมมากมายก็เถอะแต่ผมก็ปฏิเสธไปหมดนั่นและ
ผมนั้นแตกต่างจากคนอื่น ร่างกายผมนั้นเป็นสีขาว สีขาวที่เหมือนสำลีนะน่ะเส้นผมทั้งหมดบนหัวก็เป็นสีขาวไปหมดแถมผมยังชอบใส่ชุดสีขาวอีกแต่ทั้งที่พวกเราอาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีวันมืดแต่กลับผิวขาวกันซะส่วนใหญ่น่าตลกซะจริงๆ
มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นถ้าไม่มีโดมที่คอยคุ้มกันเรา โดมโปร่งใส่ที่สามารถปรับเวลาให้เป็นเวลากลางคืนหรือกลางวันก็ได้
ซึ่งผมก็ได้ทำการถามพวกคนระดับสูงที่ผมเคยเจอ
พวกเขาบอกว่าโดมนี้เป็นกระจกใสที่สามารถมองเห็นโลกข้างนอกนั้นได้
แต่ภาพที่เห็นในนี้ผมกลับไม่เชื่อเพราะท้องฟ้าที่อยู่ข้างบนหัวพวกเรานั้นสดใสเกินไป
ดังนั้นผมได้ทำการแฮ็กข้อมูล ลองเดินไปสัมผัสผนังของโดมดูบ้าง ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่กระจกแน่ๆหรือว่ามันอาจจะเป็นจอภาพขนาดยักที่แสดงภาพที่แสนงดงามเพื่อหลอกลวงพวกเราจากความจริงอันโหดร้ายกันแน่น่ะ
เรื่องนั้นผมยังไม่แน่ใจ
ผมวิ่งมาถึงหน้าประตูทางเข้าใหญ่ของห้องประชุม
ประตูสีขาวขนาดใหญ่แบบเลื่อนมีทหารสองนายใส่เครื่องแบบพร้อมอาวุธครบมือยืนเฝ้าอยู่
"นายคือโอกัสใช่ไหม?"
นายทหารคนหนึ่งถามผมขึ้น
"ใช่ฉันนี่และโอกัส"
เขาผยักหน้าให้กับทหารอีกนายก่อนที่เขาจะกดรหัสเพื่อเปิดประตู
ดูเหมือนว่ารหัสจะมีทั้งหมดสามชุดด้วยกัน 'ใส่รหัสชุดแรกถูกแล้วยังต้องใส่ชุดที่สองให้ถูกอีก
แถมยังมีชุดที่สามอีกเหรอ...ข้างในนี้มันมีอะไรกันแน่
ข้างในมันก็มีแค่คนเหมือนกันกับเราไม่ใช่เหรอทำไมคนพวกนั้นถึงสำคัญมากหรือว่ามีข้อมูลกันลับสุดยอดแน่น่ะ'
ประตูเลื่อนออกข้างในมืดมองไม่เห็นอะไรแม้แต่น้อย
"เชิญ..."
ทหารนายหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับทำท่าทางเชิญให้เข้าไปข้างใน
ผมเดินเข้ามาด้านในห้องจากนั้นประตูก็เลื่อนปิดอัตโนมัติ
เมื่อประตูปิดแสงสว่างจากข้างนอกก็หายไปผมยืนอยู่ทำกลางความมืด
"ยินดีตอนรับชายผู้ชาญฉลาดที่สุดของโลกใบนี้"
เสียงดังมาจากที่ไหนสักแห่งภายในห้องที่มืดมิดนี้
"นั่นใครน่ะ?"
ผมถามขึ้น จากนั้นไฟก็ติดขึ้นทันที
ผมยกแขนขึ้นมาบังดวงตาตัวเองเอาไว้ 'เล่นบ้าอะไรว่ะเนี่ย'
ผมเอาแขนที่บังดวงตาลง ภายในห้องตอนนี้ที่เปิดไฟแล้ว ด้านหน้าผมเป็นโต๊ะโค้งครึ่งวงกลมข้างหลังโต๊ะนั้นมีคนนั่งอยู่ด้วย
'อะไรกันมีแต่ผู้ชายแก่ๆทั้งนั้นเลยนี่' ผมคิดพลางมองไปที่พวกเขาทั้งสี่คนที่นั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะ
ตรงส่วนหัวที่เป็นใบหน้าของพวกเขามีเงาของอะไรบางอย่างบังอยู่ทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นหน้าของพวกเขาได้แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้ได้ว่าเป็นชายผู้สูงอายุเพราะดูที่มือของเขาที่กุมมือวางไว้บนโต๊ะ
ถึงพวกเขาจะใส่สูตรทุกคนแต่ก็มีมือที่โผล่มาทำให้สังเกตได้ง่าย
"ดูลักษณะของมือพวกคุณทั้ง 4 คนแล้ว
ท่าทางคงจะอายุเกิน 50 กันหมดซิน่ะ"
"นี่...คุณโอกัสคุณนี่หยาบคายน่ะว่าคนอื่นแก่น่ะ"
ชายที่นั่งอยู่ซ้ายมือสุดของผมพูดแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยินดีเท่าไหร่
"ผมก็พูดเรื่องจริงนี่...ผมพูดผิดตรงไหนกัน
เอาล่ะไม่ต้องพูดอ้อมค้อมนานนี่ก็กินเวลามา 1 นาทีกว่าแล้ว"
ผมพูดตัดบท
ไม่นานชายที่นั่งคนที่สองจากฝั่งซ้ายมือของผมที่หันหน้าไปหาพวกเขาก็พูดขึ้นว่า
"เอาล่ะ...เข้าเรื่องเลยล่ะกัน"
จากนั้นจอภาพที่ติดอยู่เหนือของพวกเขาก็ติดขึ้น
"นายรู้จักเธอใช่ไหม...?"
เขาถามผม
"นี่มันอะไรกัน...ทำไมพวกแกถึงมีภาพเธอได้"
ภาพที่ขึ้นที่จอนั้นคือภาพของอลิชที่เคยถ่ายกับผมเมื่อสองปีที่แล้ว
ภาพนั้นเป็นตอนที่เรากอดคอกันตอนที่ได้เป็นเพื่อนกันใหม่ๆ
"ผมรู้ว่าคุณกำลังตามหาเธอ
เธอหายไปเพราะเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถเผยแพร่ต่อผู้คนด้านนอกได้"
"เหตุการณ์อะไรทั้งหมดมันเป็นเพราะพวกแกไม่ใช่เหรอ
ที่ส่งเธอไปน่ะ!"
ผมตะคอกใส่พวกเขา
"ใจเย็นๆคุณโอกัส
นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนอีกฝากฝั่ง"
จากนั้นภพของอลิชได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นวีดีโอ
"นี่คือวีดีโอลับสุดยอดของทางเราถูกส่งมาโดยทหารนายหนึ่ง"
ผมจ้องไปที่หน้าจอนั้น
จากนั้นภาพที่หน้าจอเริ่มเคลื่อนไหว
มีนายทหารคนหนึ่งถือกล้องและถ่ายใบหน้าตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า 'ซีทีเรียกฐานตอนนี้ ตอนนี้ถูกสิ่งมีชีวิตประหลาดโจมตี-' เสียงได้ขาดหายไป จากนั้นกล้องก็หล่นลงพื้น
ถ่ายให้เห็นแต่เท้าของมนุษย์วิ่งไปวิ่งมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง
จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งวิ่งล้มลงหน้ากล้องที่หล่นอยู่ที่พื้น เขาลุกนั่งแล้วค่อยๆคลานถอยหลัง
เขาหันหน้าไปมองอะไรบางอย่าง แต่บางอย่างนั้นอยู่นอกเหนือจากการถ่ายแต่หลังจากนั้นไม่นาน
ตัวประหลาดสีขาว รูปร่างคล้ายมนุษย์ก็กระโจนเข้ามางับที่คอหอยของเขาแล้วก็กระฉากผิวหนังบริเวณคอของเขาออก
ทำให้บริเวณลำคอเป็นรูจน มองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในคอนั้นเป็นภาพที่ไม่อาจอธิบายได้
เลือดสาดกระจายไปทั่ว เลือดกระเด็นใส่เลนจนเป็นสีแดงฉานจนมองไม่เห็นอะไร
"เอาล่ะเราจะสรุปให้ฟังภายใน 1
นาทีนี้"
ชายคนที่สองจากฝั่งขวามือของผมก็พูดขึ้น
ถึงแม้ผมจะช็อกกับวีดีโอลับเมื่อสักครู่แต่ผมก็ยังมีสติพอทีจะถามพวกเขาต่อได้
"สรุปบ้าอะไร บอกมาก่อนซิมีใครรอดไหม!"
ผมตะโกนถามพวกเขา
"ก็บอกแล้วไงว่าจะสรุปให้ฟัง"
เสียงจากชายคนเดิมที่พูดก่อนหน้านี้
แถมยังพูดด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย
"เราเรียกปฏิบัติการครั้งนั้นว่า
เรสควินเป้าหมายเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิตในดินแดนแห่งความมืด
เพราะเราได้รับรายงานมาว่า มีการพบเห็นแสงไฟจากอีกฝากฝั่ง ซึ่งคนค้นพบก็คืออลิช
สาวน้อยอายุ 17 ผู้มีสมองที่เก่งกว่านายถือได้ว่าอาจจะเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลกในตอนนี้
เราจึงจำใจต้องเสี่ยงให้เธอไปทำภารกิจเพราะเครื่องสแกนอินฟราเรดที่เธอติดตั้งนั้นพิเศษกว่าคนอื่น
เครื่องนั้นสามารถสแกนโมเลกุลร่างกายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ 2 นาที เครื่องสแกนนั้นส่งสัญญาณมา
เราได้ทำการตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าเป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ทุกอย่างแต่ปริมาณรังสีในตัวพวกเขาสูงเกินกว่ามนุษย์จะรับได้
เราจึงมีข้อสงสัยว่าพวกเขาเป็นใครทำไมอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งรังสีและความมืดมิดได้
แล้วไอ้ตัวพวกนั้นคืออะไร เราจะทำการส่งทหารไป 3 กองใหญ่ กองล่ะ 30 นาย ซึ่งกองทหารนี้ถูกฝึกพิเศษสำหรับสังหารโดยเฉพาะ"
"แกว่าไงน่ะ..."
ผมถามขึ้นอีกครั้ง
"กองกำลังสำหรับสังหาร"
ชายคนเดิมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์เช่นเดิม
"แกพูดบ้าอะไรเราต้องช่วยพวกเขาซิ
เขาเป็นมนุษย์เหมือนเราน่ะ เขาแค่อาจจะต้องการความช่วยเหลือก็ได้"
ผมพูดพยายามโน้มน้าวใจพวกชายแก่ที่นั่งอยู่ด้านบน
"คุณโอกัส ฟังผมน่ะเราเสี่ยงไม่ได้
เราจึงต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจไงล่ะ"
เขาพูดจบชายแก่ที่นั่งอยู่ซ้ายมือสุดของผมก็พูดขึ้นทันที
"ปฏิบัติการนี้จะเริ่มขึ้นในอีก 1 นาที
เราต้องการให้คุณไปด้วยคุณต้องไปเป็นคนสั่งการ"
ในหัวผมตอนนี้มีแต่เรื่องที่ผมต้องไปหาตัวอลิชเท่านั้น
"โอเค
ตกลงแล้วพวกคุณจะให้ผมสั่งการอะไรล่ะ..?"
"ภารกิจคือ..."
เขาเว้นวรรคก่อนพูดต่อ
"สังหารทุกอย่างที่คาดว่าไม่ใช่มนุษย์"
ผมได้แต่ยืนนิ่งและสำสนกับคำสั่ง 'นี่พวกแกจะให้ฉันเป็นคนสั่งการสังหารใช่ไหม?
ฉันเป็นแพะรับบาปซิน่ะแต่ถ้าเพื่อช่วยเธอล่ะก็อะไรก็เอาหมด'
"ก็ได้ ฉันจะสั่งการ"
ผมตอบตกลง
"โอเคงั้นไปขึ้นยานกันเลย"
ชายทั้งสี่คนพูดพร้อมกัน
เพราะเรื่องที่ผมเจอมาทั้งหมดเมื่อกี้ทำให้ผมได้ขึ้นมาอยู่บนยาน
ยานของเรานั้นก็มีลักษณะคล้ายยานรบทั่วไปแค่สามารถเดินทางได้เร็วเท่าแสงเท่านั้นเอง
"ทุกคนเตรียมพร้อม"
เสียงจากลำโพงในยานดังขึ้น
ผมนั่งยานมาเป็นลำที่สองจากสามลำซึ่งเราอยู่ตรงกลางระหว่างลำที่หนึ่งกับลำที่สาม
ยานสองลำแรกไม่มีทหารอยู่ ซึ่งทหารอยู่ในลำที่สามทั้งหมด 'เอาล่ะมาตามหาเธอกันอลิช'
"เราถึงแล้ว คุณโอกัสกรุณามาที่ห้องคนขับด้วยครับ"
เสียงจากลำโพงนั้นทำให้ผมไปที่ห้องของคนขับยาน
ผมนั่งลงขณะที่กำลังจะออกคำสั่ง
"ตู้ม!!!!"
เสียงดังสนั่น แรงกระแทกจากลมทำให้ยานส่าย
"เกิดบ้าอะไรขึ้น!"
ผมถามทหารที่ขับยานที่นั่งข้างๆผม
"ยานลำที่หนึ่งของเราร่วงลงไปแล้ว ขณะนี้ยานลำที่สองประจำที่
พวกสิ่งมีชีวิตด้านล่างกำลังวิ่งมาทางนี้"
เสียงของเขาดูไร้อารมณ์มาก
ไม่มีอาการตกใจหรืออะไรทั้งนั้น
"บ้าเอ้ย!
ทำไมยานที่มีขนาดใหญ่ตั้ง15เมตรถึงร่วงลงได้ง่ายดายมาก"
ผมพูดกับตัวเอง นายทหารคนนั้นไม่สนใจในเสียงของผมและกำลังบังคับยานให้ลอยสูงขึ้น
"พบเป้าหมายแล้ว
รังสีในร่างกายเกินที่มนุษย์จะรับได้จึงต้องทำการสังหาร"
เสียงของเขาไร้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ หน้าตาไร้ความรู้สึก
จากนั้นเขาก็ยิงกระสุนกราดเข้าใส่พื้นด้านล่าง ผมที่พึ่งรู้ตัวว่านายทหารที่บังคับยานได้ทำการยิงกราดกระสุนลงสู่พื้นล่างได้ชะโงกไปมองจากกระจกด้านหน้ายานด้วยความเร็ว
'ไม่จริงใช่ไหม...?'
ข้างล่างนั้นผมเห็นอลิชที่ถูกยิงกำลังค่อยๆล้มลง
"หยุดยิงซิเว้ย!"
ตัวผมกระโจนไปโดยอัตโนมัติ
พุ่งทยานไปแย่งคันบังคับยานจากนายทหารคนนั้น
"หยุดซิๆๆๆ!!!"
ผมยังตะคอกใส่ต่อไป แต่ทหารคนนั้นกลับทำสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ผมพยายามแย่งคันบังคับจนยานส่ายไปมา
"ถ้าอย่างงั้นก็ได้"
"ปัง!"
ผมเอาปืนพกที่เหน็บไว้ที่ขายิงที่หัวของนายทหารคนนั้นนายทหารปล่อยมือจากคันบังคับและร่างของเขาก็ไหลลงไปกองที่พื้น
ผมกดโหมดการบินอ้อโต้และกดเปิดประตูจากนั้นผมก็วิ่งไปที่ประตู
"มันสูง...แต่..."
ผมพึมพำก่อนที่จะกระโดดลงจากยาน
"ตุบ!"
ขาของผมลงถึงพื้นในท่านั่งยองๆ
ผมหันไปมองข้างหลัง 'เวรแล้ว
เสียงกระโดดเรียกพวกมันมา' พวกตัวประหลาดวิ่งตามผมมา 'อลิช' ผมวิ่งเข้าไปหาเธอโดยที่ไม่หันไปมองข้างหลังแม้แต่น้อย
ในขณะที่ผมวิ่งไปหาเธอ ผมเห็นผู้หญิงผิวสีขาวซีด ซีดมากถึงหน้าตาของเธอก็น่ารักใช้ได้แต่
'อะไรกันว่ะที่นี่?' ผมคิดเพราะผมไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนที่อยู่ดีๆก็มีไฟลุกท่วมร่างต่อหน้าต่อตาแล้วไม่เป็นไรแบบเธอ
เธอจัดการพวกตัวประหลาดข้างหลังผมโดยการเผาจนหมด ผมวิ่งตรงไปหาอลิช
เธอนอนจมกองเลือดอยู่ ผมหันไปมองผู้หญิงที่มีไฟลุกท่วมตัวเมื่อกี้แต่ตอนนี้ร่างของเธอไม่มีไฟลุกท่วมอีกต่อไป
ผมถามเธอ
"เธอทำอะไรอลิชน่ะ?"
"ฉันเปล่าน่ะฉันไม่รู้จักเธอคนนี้"
เธอตอบกลับมาผมเลยถามต่อไปว่า
"ที่นี่ที่ไหนทำไมมีตัวประหลาดแบบนั้นแล้วไหนจะเธออีกเธอเป็นอะไรกันแน่?"
"ฉันเป็นมนุษย์ที่มีพลังจากรังสีอะไรสักอย่างที่กลายมาจากกัมมันตภาพรังสีจากนิวเคลียร์ของพวกนายไงล่ะ!"
เธอพูดตะคอกใส่ผม
"โอเคฉันยังไม่มีเวลาอธิบาย เราต้องช่วยเธอก่อน
อ้อขอบคุณที่ช่วยฉันจากพวกตัวประหลาดเมื่อกี้น่ะ"
ผมมองดูอลิชที่นอนจอมกองเลือดอยู่ 'เลือดเธอออกมากเกินไป'
"เอาล่ะยัยผู้หญิงผิวศพ
ที่นี่มีที่ไหนปลอดภัยมั้งถ้าไม่รีบเธอจะ..."
ผมพูดประชดกับเธอเธอทำหน้าเหมือนจะโกรธแต่ก็ตอบกลับมาว่า
"ที่นี่ดินแดนแห่งความมืดนี้ไม่เคยมีที่ไหนปลอดภัยถ้าไร้ซึ่งแสงสว่าง"
ผมมองดูรอบตัวเอง 'บ้าเอ้ย!โหมดอ้อโต้ของเครื่องบินอยู่ได้แค่ไม่กี่นาทีเอง
ถ้าเครื่องบินตกเราสี่คนคงจบเฮ่ แน่' พวกเราอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกตัวประหลาดที่มีนับร้อยถ้าโหมดอ้อโต้หมดเวลาล่ะก็
เครื่องบินก็ตกแสงไฟก็คงดับไปตามยาน ตอนนั้นพวกมันคงเข้ามารุมฉีกเราแน่
"นี่ไม่มีใครรู้ที่ดีๆบ้างเหรอ?"
ผมพูดขณะที่ผมกำลังคุกเข่าเพื่ออุ้มอลิชขึ้นมา
"นายมาทำอะไรที่นี่..."
เสียงของอลิชแหบและแผ่วเบามาก
"ฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลังน่ะ
แต่ตอนนี้เธอห้ามหลับน่ะอลิช! อย่าหลับน่ะ!"
ผมพยายามเรียกเธอเพื่อไม่ให้เธอหลับไป 'บ้าเอ้ย! จะทำไงดี' ผมมองหาทางไปแต่...
"ขอโทษน่ะ ที่ฉันชอบทำตัวให้นายลำบากน่ะกัส
แต่ตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้ว...ลาก่อนน่ะ..."
เสียงที่แผ่วเบาของอลิชดังขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่เธอจะหลับตาลง
"ไม่!!!"
ผมตะโกนเสียงดังมากจนพวกตัวประหลาดได้ยินเสียงผมกระตุ้นพวกมันที่พร้อมจะโจมตีให้อยากที่จะรีบเข้ามาโจมตีพวกผมอีก
ผมจับชีพจรเธอ 'ยังเต้นอยู่'
"นี่พี่ชายหัวขาวผมมีความคิดที่ดีๆแล้ว"
เด็กชายอายุ 16 ปีบอกกับผม
หน้าตาของเขานั้นมีผมสีดำสนิทรูปเค้าโคร่งหน้าโดยรวมๆหล่อพอประมาณไม่หล่อมากที่สำคัญเขาผิวสีน้ำผึ้งแต่ไม่ใช่น้ำผึ้งเข้มเขามีสีที่จะขาวก็ไม่ขาวจะคล้ำก็ไม่คล้ำ
"แต่เราต้องใช้ศพที่มีอยู่ที่นี่ เราจะต้องเผามัน"
"ว่ายังไงน่ะ?"
ตัวผมที่กำลังอุ้มอลิชส่งเสียงออกมาด้วยความสงสัย
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะใช้ศพแต่...
"เราจะใช้ศพพวกนั้นเป็นตัวเชื้อเพลิง
เราจะเผาศพพวกนั้น เพราะที่นี่ไม่มีอะไรที่จะเป็นเชื้อเพลิงได้ และพอเราเผาศพก็จะติดไฟ
แสงสว่างจากเปลวเพลิงจะช่วยส่องสว่างให้เราเราสามารถอยู่ได้อีกนานเพราะศพก็มีเกลื่อนเลยนี่พี่ชาย..."
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ใช่ผมเป็นคนสั่งการแต่...ผมไม่ได้สั่งยิง 'ทำไมพวกทหารถึงดูเหมือนเป็นคนไร้จิตใจเลยล่ะ
หรือว่า...'
"นาย! ๆ"
หญิงสาวสะกิดผม เธอชี้ไปที่อลิชที่ผมอุ้มอยู่ 'เอาอีกแล้ว...นี่มันอะไรกันเนี่ย...'
ร่างของอลิชตอนนี้นั้นบาดแผลเริ่มสมานตัวเองกระสุนถูกดันออกมานอกร่างกายทุกเม็ด
ทุกชิ้น บาดแผลที่ถูกยิงก็ค่อยๆหายไป จากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น
"ว้าว..นี่มัน...เธอจะได้เป็นตำนานแน่
พลังอมตะมีอยู่จริงเหรอเนี่ย"
หญิงสาวผิวซีดพูดออกมาด้วยความตกตะลึง
ผมวางเธอลงกับพื้นจากนั้นเธอก็ลืมตาขึ้น
"อ้าว ไม่ใช่ฉันตายแล้วเหรอ..."
อลิชที่ลืมตาถามผมขึ้น
"เธอยังไม่ตายหรอก..."
ผมตอบเธอทั้งที่น้ำตาของผมกำลังจะไหลออกมา
"ทำไมฉันถึงยังไม่ตายล่ะฉันโดนยิงไปซะขนาดนั้น"
ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบเธอ
หญิงสาวผิวซีดก็ตอบขึ้นทันที
"เพราะเธอเป็นอมตะไงล่ะ อ่ะๆๆๆ
เธอไม่ต้องถามว่าเพราะอะไรฉันจะแสดงให้เธอดู"
จากนั้นในมือของหญิงสาวก็มีไฟลุกขึ้นจากนั้นไฟนั้นก็กลายเป็นของแข็งเปลวไฟที่แข็งแล้วนั่นมีลักษณะคล้ายกริด
'เปลวเพลิงที่ปลิวไสยไวกลับกลายเป็นของแข็งเนี่ยน่ะ' ผมคิดพลางรู้สึกสับสนกับสิ่งที่มีอยู่ในโลกฝั่งนี้
จากนั้นเธอก็จับมือของอลิชแล้วก็เอาเปลวไฟที่แข็งที่เป็นลักษณะคล้ายกริดนั้นกรีดเข้ากับแขนของอลิชจนเลือดไหลออก
แต่ว่าเปลวไฟที่แข็งของเธอก็แตกกระจายออกเหมือนกัน เปลวไฟที่มีลักษณะคล้ายกริดของเธอแตกกระจายออกเป็นผงฝุ่นในพริบตาที่โดนกับแขนของอลิช
"เธอทำอะไรน่ะ!"
ผมตะโกนใส่เธอไม่นานเธอก็ตอบมา
"ก็แค่ลองของเท่านั้น"
เด็กชายอายุ 16
ปีก็ได้แค่นั่งดูพวกเราเฉยๆส่วนผมก็ได้แต่นั่งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่
ส่วนอลิชก็ยืนขึ้นและมองไปรอบๆตัวก่อนที่อลิชจะพูดขึ้นว่า
"ใครเป็นคนสั่งถล่มที่นี่กัส?"
"ฉันไม่รู้หรอกน่ะแต่เดาว่าคงเป็นไอ้ตาแกสี่ตัวนั้นแน่"
"ตาแก่สี่ตัว...?"
"ฉันยังไม่มีเวลาอธิบายน่ะอลิชเธอต้องพาพวกเราไปจากที่นี่และ..."
ผมพูดยังไม่ทันจบยานก็ค่อยๆร่วงลงสู่พื้นแสงไฟก็ดับลงในทันที
เสียงฝีเท้าของพวกตัวประหลาดนับร้อยกำลังวิ่งเข้ามา เสียงของเด็กชายอายุ 16
ดังขึ้นภายในความมืด
"พี่ชายและพี่สาว...ยินดีตอนรับสู่ดินแดนแห่งความมืดมิดอีกครั้งเอาล่ะเราจะทำอย่างไรดี
จะเผาคนที่ตายแล้วหรือจะไม่เผาใครแล้วยอมตายกันดีล่ะ"
'เสียงของหมอนี่เหมือนโรคจิตชะมัด' ผมคิดในใจ ในที่สุดก็ต้องตัดสินใจแล้วในฐานะผู้ชายที่อายุมากที่สุดที่นี่
แม้จะรู้ว่าทุกคนยืนอยู่ข้างๆแต่ก็มองไม่เห็นแม้แต่ใบหน้าของใครซักคนรู้สึกเดียวดายชะมัด
'แต่ฉันจะปกป้องเธอเองอลิช เพราะฉันชอบเธอมาตลอดไงล่ะ'
"เผาเลย!
เผาศพซะ!"
ความคิดเห็น