ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    New aGe

    ลำดับตอนที่ #3 : ผิดคาด

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 58


    CHAPTER 3

    ผิดคาด

    "ถึงแล้วล่ะ ที่ที่จะใช้ส่งสัญญาณ"

    ฉันบอกกับทุกๆคนที่มาด้วยกัน ตอนนี้ทุกคนที่วิ่งมาด้วยกันก็มากันครบแล้วแต่ทุกคนยืนนิ่งมาก 'นิ่งเกินไปไม่มีใครส่งเสียงเลยเหรอ?' ฉันคิดพลางมองไปรอบ ถึงที่นี่จะมืดแต่ดวงตาของฉันที่ปรับสภาพแล้ว ทำให้ฉันสามารถมองเห็นลางๆถึงจะไม่ชัดมากเท่าไหร่แต่ก็พอมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร

    "อลิช แล้วเธอต้องไปส่งสัญญาณตรงไหนล่ะ?"

    อเล็กถามฉันมา

    "ตรงนู้นน่ะ"

    ฉันตอบเขาพร้อมกับชี้ไปยังเครื่องสแกนอินฟราเรดที่ฉันติดตั้งไว้ตอนมาตอนแรก

    "เราจะใช้มันสแกนพวกเราเพื่อจะให้พวกเขารู้ตำแหน่งของพวกเรา จำนวนพวกเราเยอะขนาดนี้ เครื่องนี้คงจะแจ้งว่าพบสิ่งมีชีวิตแล้วส่งสัญญาณในทันทีแน่"

    ฉันหันไปตอบเขาด้วยสีหน้าที่มันใจ เขายิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า

    "เอาล่ะลงมือกันเลย หมายเลขห้าสิบถึงหกสิบ คุ้มกันเธอ เร็วเข้า!"

    'ให้คนที่มีพลังน้อยมาคุ้มกันฉันเนี่ยน่ะ ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ' ฉันคิดก่อนจะไปที่เครื่อง 'เอาล่ะเปิดโหมดสแกน' ฉันทำการเปิดโหมดสแกน

    "กำลังสแกน จะสแกนเสร็จใน สี่ สาม สอง หนึ่ง เรียบร้อย"

    เครื่องสแกนส่งเสียงออกมา และสิ่งที่ตามมา หลังเสียงของเครื่องสแกนเงียบลง

    "อ่ะ"

    ฉันเผลอส่งเสียงออกไปเพราะรู้สึกว่ามีของเหลวกระเด็นมาติดที่หน้าของฉัน 'เลือดเหรอ' ฉันเอามือไปเช็ดของเหลวที่ติดหน้ามาดู 'ใช่มันคือเลือด' ฉันรู้ว่าข้างหลังของฉันต้องมีอะไรที่สยดสยองเหมือนคราวนั้นรออยู่แน่ ถึงใจหนึ่งจะกลัวแต่ว่าการหันหลังให้สิ่งที่คิดจะโจมตีตัวเรานั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ฉันจึงหันกลับไป ใช่อย่างที่คิดไว้พวกเวรีเนี่ยมลอบโจมตีพวกเรา กองกำลังคุ้มกันฉันทั้งหมดสิบคนถูกฟันที่เหมือนกับฟันของปลาปิรันย่ากันเข้าที่คอ 'เรามีสิบคนพวกมันมีประมาณยี่สิบ' ฉันคำนวณด้วยการมองเพียงพริบตา พวกมันจู่โจมพวกเขาแบบไม่ตั้งตัว เลือดสดๆสีแดงฉานที่พุ่งออกมาจากคอของพวกเขา หน้าตาที่ทุกรนทุกรายก่อนจะตายของชายและหญิงที่อายุเพียง 17 ปี ฉันที่ตะลึ่งกับภาพอันโหดร้ายและสยดสยองฉันได้สติกลับมาเพราะเสียงของยานที่มาถึง

    'มาแล้วยานมาถึงแล้ว? พึ่งผ่านไปแค่ 5 นาทีเนี่ยน่ะ' ฉันมองไปที่ยานและฉันกลับหลังหันมองไปที่พวกเขาอีกครั้ง พวกเวรีเนี่ยมที่กำลังโดนรุมขย้ำและฉีกกินเนื้อของพวกเขา

    ภาพในหัวของฉันกลับมาอีกครั้ง ภาพที่ฝูงเวรีเนี่ยมฉีกร่างของเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกันของฉันจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี

    "ฉันขอโทษฉันช่วยพวกเธอไม่ได้!"

    ฉันวิ่งทะยานออกมาจากตรงนั้น วิ่งออกมาทั้งน้ำตา น้ำตาของฉันที่ไหลออกมาเพราะตัวเองที่ไร้พลัง 'ไหนบอกมาตัวฉันมีพลังพิเศษไง ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองไร้พลังขนาดนี้!' ฉันได้แต่คิดที่ว่าตัวเองไร้พลัง ' พวกไวโอเล็ทล่ะ?'

    "อเล็ก ไวโอเล็ท!"

    ฉันตะโกนเรียกชื่อพวกเขาด้วยเสียงที่สั่นเพราะร้องไห้ พยายามภาวนาให้มีเสียงตอบกลับมา แต่ก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบรับฉัน

    "บู้ม!!!!!"

    เสียงระเบิดที่เหมือนถังแก๊สระเบิด ฉันหันไปมองตามที่มาของเสียง

    'นั่นเธอนี่ นั่นไวโอเล็ท' ภาพที่ฉันเห็น ตอนนี้ร่างกายของไวโอเล็ทมีไฟลุกท่วมตัวไปหมด ไฟนั่นคลุมตัวเธอเอาไว้ ทำให้พวกเวรีเนี่ยมไม่กล้าเข้าใกล้เธอ 'พวกมันกลัวแสง พวกเวรีเนี่ยมกลัวแสงสว่างและเปลวเพลิง'

    "ไวโอเล็ท!"

    ฉันตะโกนเรียกเธอ เธอหันหน้ามามองฉัน เธอทำสีหน้าเศร้าและเหมือนจะสงสัยอะไรอยู่ จากนั้นมีแสงไฟส่องมาที่ที่ฉันอยู่ 'พวกเขาเห็นพวกเราแล้วเหรอ?' ฉันหันไปมองที่ยานที่ส่องไฟมาหาฉัน คนอื่นๆที่เห็นก็พากันวิ่งเข้ามาหายานที่กำลังลอยตัวอยู่กลองอากาศแต่ฉันก็ยังไม่เห็นอเล็ก

    "เฮ้!"

    ฉันส่งเสียงเรียกพร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณ พวกเขารักษาระดับการบินของยานให้คงที่ ทีแรกฉันนึกว่าพวกเขาจะส่งคนมารับพวกเรา แต่เขากลับ 'กราดยิงใส่พวกเรา' กระสุนมากมายถูกยิงออกมาจากยานกราดใส่ทั้งพวกเราและพวกเวรีเนียม 'นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?' ฉันได้แต่ยืนนิ่งเฉยเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันหันไปมองทางไวโอเล็ท เธอยืนนิ่งเฉยไฟที่ยังลุกท่วมตัวเธอยังคงรุนแรงไม่เปลี่ยนจากทีแรก แต่ผิวหนังและร่างกายของเธอกลับไม่มีรอยไหม้หรือรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย ยานนั่นยังยิงกระสุนไม่หยุด ดูเหมือนว่าคนที่บังคับยานจะเห็นไวโอเล็ทที่ไฟลุกท่วมร่างอยู่ และกำลังหันกระบอกปืนไปที่เธอ

    "ไม่!!!!! หยุดน่ะ!!!!!"

    ฉันตะโกนสุดเสียงแต่ก็ไร้ผล ยานนั่นยิงกระสุนไปที่เธอ แต่เธอกลับยืนนิ่งเฉย เธอมองไปที่ยานเครื่องนั้น ฉันกำลังจะตะโกนเรียกเธอมาทางนี้ แต่ก็ต้องหยุดเพราะกระสุนไม่สามารถเข้าไปถึงร่างกายของเธอแม้แต่นัดเดียว 'กระสุนละลายหมดก่อนเลยเหรอ เพราะความร้อนจากไฟที่หุ้มตัวเธออยู่ซิน่ะ' กระสุนพวกนั่นไม่สามารถไปถึงผิวหนังของเธอได้เพราะถูกไฟที่หุ้มตัวเธอเผาทิ้งหมดก่อน จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นเล็งไปยังยานลำนั้น จากนั้นเธอก็แบมือออกทำท่าเหมือนจะยิงพลังใส่ยานลำนั้น และจากนั้นไม่นานหลังจากที่เธอก็กำมือ

    "พรึบ!"

    เสียงเหมือนเวลาเปิดเตาแก๊สแล้วไฟพุ่งออกมา ยานลำที่ยิงปืนใส่เธอก็ไฟไหม้ทั้งลำในทันที เสียงไซน์เรนจากยานดั่งสนั่น ยิ่งเรียกพวกเวรีเนี่ยมมารวมกันมากขึ้นอีก จากนั้นยานก็ส่ายไปมาและร่วงลงสู่พื้นในที่สุด

    "ตู้ม!"

    ยานระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ฉันที่ได้แต่ยืนนิ่งๆมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าจากนั้นเธอก็วิ่งมาทางฉัน ไวโอเล็ทวิ่งมาหาฉัน

    "เอาล่ะ จับมือฉันไว้น่ะเราจะไปจากที่นี่กัน"

    เธอจับมือฉันจากนั่นเธอก็เริ่มวิ่งไป 'อย่ากระชากแขนฉันนักซิ ฉันเจ็บน่ะ' ฉันได้แต่คิดในใจ เราวิ่งออกมาจากสงครามย่อมๆนั้น ไวโอเล็ทก็หยุดชะงัก พร้อมกับพูดว่า

    "ทำไมพลังของฉันถึงหายไปล่ะ"

    "ว่าไงน่ะ?"

    จากนั้นฉันก็มองไปที่ตัวของเธอ ตัวของเธอตอนนี้นั้นไม่มีไฟลุกท่วมอีกแล้ว 'นี่ฉันไม่ได้สังเกตุเลยซิน่ะเนี่ย'

    "เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแต่ตอนนี้ ว่าแต่เธอเป็นใคร?"

    ไวโอเล็ทถามฉันกลับมา ฉันได้แต่ทำหน้างงใส่เธอก่อนจะพูดกับเธอต่อไปว่า

    "นี่เธอจำฉันไม่ได้เหรอ? เธอคือคนที่แนะนำให้ฉันรู้จักกับทุกคนในดินแดนสุดท้ายนิน่า ฉันอลิชไง"

    เธอทำท่าทางเหมือนกำลังนึก แต่ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากอีกทางที่พวกเรายืนอยู่เป็นเสียงตะโกนของเด็กชาย

    "หลบเร็วเข้า!"

    เด็กชายอายุ 16 ปีตะโกนพร้อมวิ่งผ่านพวกฉันไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเพียงแค่แว๊บเดียวก็มียานโผล่มาจากทางที่เด็กคนนั้นวิ่งไป เด็กคนนั้นล้มตัวกะทันหันกระแทกลงกับพื้นเพื่อหลบกระสุนที่ยิงมา ไวโอเล็ทก็ปล่อยมือฉัน จากนั้นเธอก็มีไฟลุกท่วมตัวอีกครั้ง ส่วนฉันนั้นก็โดนกระสุนยิงใส่ทั้งที่ขาทั้งสองข้างบริเวณต้นขา หัวไหล่ และที่บริเวณท้อง  'อ่ะความรู้สึกแน่นๆนี่มันอะไรกัน' ฉันรู้สึกว่ามีบ้างอย่างฟังอยู่ในร่างกายตัวเอง เป็นความรู้สึกที่เย็นเฉียบ ร่างกายฉันขยับไม่ได้ ฉันล้มลงที่พื้น เลือดของฉันเริ่มไหลลงสู่พื้น 'อ่า...ครั้งนี้ฉันคงไม่รอดจริงๆแล้วล่ะ...แต่ก็น่าเสียดาย แฟนยังไม่มีเลยซักคน' ฉันยิ้มออกมาในตอนที่ฉันนึกเสียดาย ฉันมองไปที่ยานนั้นอีกครั้ง ในขณะที่ตาของฉันมองเห็นภาพที่พร่ามัวและเลือนรางไปหมด ฉันเห็น...เห็น 'ยานลำนั้นสายไปมา' ดูเหมือนว่าในยานนั้นจะมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น อาจจะมีคนหนึ่งต้องการช่วยพวกเราหรืออะไรก็ไม่รู้ ยานนั้นเริ่มหยุดสายและลดระดับลง 'เริ่มเลือนรางมากขึ้นอีกแล้วซิน่ะ'  แต่ฉันก็ยังเพ่งมองไปที่ยาน ดูเหมือนว่าจะมีคนกระโดดลงมาจากยาน เขาเป็นผู้ชายผมสีขาว ผิวขาวเหมือนสำลี ใส่เสื้อเชิดสีขาว กำลังวิ่งมาทางฉัน และฝูงเวรีเนี่ยมก็ไล่ตามเขามา ดูเหมือนไวโอเล็ทจะทำการเผาพวกเวรีเนี่ยมที่ตามหลังเขามาอย่างง่ายดาย

    "นี่ พว- เธอทำอะไรอลิชน่ะ"

    "ฉันเปล่าน่ะฉันไม่รู้จักเธ-คนนี้"
    ทั้งสองคนพูดกัน ชายคนนั้นกับไวโอเล็ท
    'ประสาทการได้ยินฉันก็รวนเหมือนกันเหรอ' ฉันได้ยินเสียงพูดเขาไม่ชัดเจนเสียงมันก้องมากไปหมด บางทีเสียงที่ได้ยินนั้นก็หายไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็มองมาที่ฉัน 'มองเห็นหน้าไม่ค่อยชัดเลย' เขาคุกเข่าลงกับพื้นเพื่ออุ้มฉันขึ้น ทำให้ฉันสามารถมองเห็นหน้าเขาชัดขึ้น ถึงจะเลื่อนลางแต่ฉันจำเขาได้ เขาคือชายหนุ่มที่ฉันไว้ใจที่สุด

    "นายมาทำอะไรที่นี่?"

    เสียงที่แหบและแผ่วของฉันพูดออกไป

    "ฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลังน่ะ แต่ตอนนี้เธอห้ามหลับน่ะอลิช! อย่าหลับน่ะ!"

    เขาตะโกนใส่ฉันเพื่อที่จะไม่ให้ฉันหลับไป แต่ตอนนี้ร่างกายฉันหนักไปหมด 'ท่าทางงานนี้จะไม่ไหวซะแล้วล่ะ'

    "ขอโทษน่ะ ที่ฉันชอบทำตัวให้นายลำบากน่ะกัส แต่ตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้ว...ลาก่อนน่ะ..."

    "ไม่!!!- - -"

    นั่นคือคำสุดท้ายที่ได้ยินจากชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทของฉัน

    ก่อนที่ฉันจะหลับตาลงและพบเพียงความมืดมิด...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×