คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ผิดคาด
CHAPTER
3
ผิดคาด
"ถึงแล้วล่ะ
ที่ที่จะใช้ส่งสัญญาณ"
ฉันบอกกับทุกๆคนที่มาด้วยกัน ตอนนี้ทุกคนที่วิ่งมาด้วยกันก็มากันครบแล้วแต่ทุกคนยืนนิ่งมาก 'นิ่งเกินไปไม่มีใครส่งเสียงเลยเหรอ?' ฉันคิดพลางมองไปรอบ ถึงที่นี่จะมืดแต่ดวงตาของฉันที่ปรับสภาพแล้ว
ทำให้ฉันสามารถมองเห็นลางๆถึงจะไม่ชัดมากเท่าไหร่แต่ก็พอมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร
"อลิช แล้วเธอต้องไปส่งสัญญาณตรงไหนล่ะ?"
อเล็กถามฉันมา
"ตรงนู้นน่ะ"
ฉันตอบเขาพร้อมกับชี้ไปยังเครื่องสแกนอินฟราเรดที่ฉันติดตั้งไว้ตอนมาตอนแรก
"เราจะใช้มันสแกนพวกเราเพื่อจะให้พวกเขารู้ตำแหน่งของพวกเรา
จำนวนพวกเราเยอะขนาดนี้ เครื่องนี้คงจะแจ้งว่าพบสิ่งมีชีวิตแล้วส่งสัญญาณในทันทีแน่"
ฉันหันไปตอบเขาด้วยสีหน้าที่มันใจ
เขายิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"เอาล่ะลงมือกันเลย
หมายเลขห้าสิบถึงหกสิบ คุ้มกันเธอ เร็วเข้า!"
'ให้คนที่มีพลังน้อยมาคุ้มกันฉันเนี่ยน่ะ
ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ' ฉันคิดก่อนจะไปที่เครื่อง 'เอาล่ะเปิดโหมดสแกน' ฉันทำการเปิดโหมดสแกน
"กำลังสแกน จะสแกนเสร็จใน สี่ สาม สอง
หนึ่ง เรียบร้อย"
เครื่องสแกนส่งเสียงออกมา และสิ่งที่ตามมา หลังเสียงของเครื่องสแกนเงียบลง
"อ่ะ"
ฉันเผลอส่งเสียงออกไปเพราะรู้สึกว่ามีของเหลวกระเด็นมาติดที่หน้าของฉัน
'เลือดเหรอ' ฉันเอามือไปเช็ดของเหลวที่ติดหน้ามาดู 'ใช่มันคือเลือด' ฉันรู้ว่าข้างหลังของฉันต้องมีอะไรที่สยดสยองเหมือนคราวนั้นรออยู่แน่
ถึงใจหนึ่งจะกลัวแต่ว่าการหันหลังให้สิ่งที่คิดจะโจมตีตัวเรานั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ฉันจึงหันกลับไป ใช่อย่างที่คิดไว้พวกเวรีเนี่ยมลอบโจมตีพวกเรา กองกำลังคุ้มกันฉันทั้งหมดสิบคนถูกฟันที่เหมือนกับฟันของปลาปิรันย่ากันเข้าที่คอ
'เรามีสิบคนพวกมันมีประมาณยี่สิบ'
ฉันคำนวณด้วยการมองเพียงพริบตา พวกมันจู่โจมพวกเขาแบบไม่ตั้งตัว
เลือดสดๆสีแดงฉานที่พุ่งออกมาจากคอของพวกเขา
หน้าตาที่ทุกรนทุกรายก่อนจะตายของชายและหญิงที่อายุเพียง 17 ปี
ฉันที่ตะลึ่งกับภาพอันโหดร้ายและสยดสยองฉันได้สติกลับมาเพราะเสียงของยานที่มาถึง
'มาแล้วยานมาถึงแล้ว?
พึ่งผ่านไปแค่ 5 นาทีเนี่ยน่ะ' ฉันมองไปที่ยานและฉันกลับหลังหันมองไปที่พวกเขาอีกครั้ง
พวกเวรีเนี่ยมที่กำลังโดนรุมขย้ำและฉีกกินเนื้อของพวกเขา
ภาพในหัวของฉันกลับมาอีกครั้ง
ภาพที่ฝูงเวรีเนี่ยมฉีกร่างของเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกันของฉันจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี
"ฉันขอโทษฉันช่วยพวกเธอไม่ได้!"
ฉันวิ่งทะยานออกมาจากตรงนั้น
วิ่งออกมาทั้งน้ำตา น้ำตาของฉันที่ไหลออกมาเพราะตัวเองที่ไร้พลัง 'ไหนบอกมาตัวฉันมีพลังพิเศษไง ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองไร้พลังขนาดนี้!' ฉันได้แต่คิดที่ว่าตัวเองไร้พลัง ' พวกไวโอเล็ทล่ะ?'
"อเล็ก ไวโอเล็ท!"
ฉันตะโกนเรียกชื่อพวกเขาด้วยเสียงที่สั่นเพราะร้องไห้
พยายามภาวนาให้มีเสียงตอบกลับมา แต่ก็มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบรับฉัน
"บู้ม!!!!!"
เสียงระเบิดที่เหมือนถังแก๊สระเบิด
ฉันหันไปมองตามที่มาของเสียง
'นั่นเธอนี่ นั่นไวโอเล็ท' ภาพที่ฉันเห็น ตอนนี้ร่างกายของไวโอเล็ทมีไฟลุกท่วมตัวไปหมด
ไฟนั่นคลุมตัวเธอเอาไว้ ทำให้พวกเวรีเนี่ยมไม่กล้าเข้าใกล้เธอ 'พวกมันกลัวแสง พวกเวรีเนี่ยมกลัวแสงสว่างและเปลวเพลิง'
"ไวโอเล็ท!"
ฉันตะโกนเรียกเธอ เธอหันหน้ามามองฉัน เธอทำสีหน้าเศร้าและเหมือนจะสงสัยอะไรอยู่
จากนั้นมีแสงไฟส่องมาที่ที่ฉันอยู่ 'พวกเขาเห็นพวกเราแล้วเหรอ?'
ฉันหันไปมองที่ยานที่ส่องไฟมาหาฉัน
คนอื่นๆที่เห็นก็พากันวิ่งเข้ามาหายานที่กำลังลอยตัวอยู่กลองอากาศแต่ฉันก็ยังไม่เห็นอเล็ก
"เฮ้!"
ฉันส่งเสียงเรียกพร้อมกับโบกมือส่งสัญญาณ พวกเขารักษาระดับการบินของยานให้คงที่
ทีแรกฉันนึกว่าพวกเขาจะส่งคนมารับพวกเรา แต่เขากลับ 'กราดยิงใส่พวกเรา' กระสุนมากมายถูกยิงออกมาจากยานกราดใส่ทั้งพวกเราและพวกเวรีเนียม
'นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?' ฉันได้แต่ยืนนิ่งเฉยเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ฉันหันไปมองทางไวโอเล็ท
เธอยืนนิ่งเฉยไฟที่ยังลุกท่วมตัวเธอยังคงรุนแรงไม่เปลี่ยนจากทีแรก แต่ผิวหนังและร่างกายของเธอกลับไม่มีรอยไหม้หรือรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
ยานนั่นยังยิงกระสุนไม่หยุด ดูเหมือนว่าคนที่บังคับยานจะเห็นไวโอเล็ทที่ไฟลุกท่วมร่างอยู่
และกำลังหันกระบอกปืนไปที่เธอ
"ไม่!!!!! หยุดน่ะ!!!!!"
ฉันตะโกนสุดเสียงแต่ก็ไร้ผล ยานนั่นยิงกระสุนไปที่เธอ
แต่เธอกลับยืนนิ่งเฉย เธอมองไปที่ยานเครื่องนั้น ฉันกำลังจะตะโกนเรียกเธอมาทางนี้ แต่ก็ต้องหยุดเพราะกระสุนไม่สามารถเข้าไปถึงร่างกายของเธอแม้แต่นัดเดียว 'กระสุนละลายหมดก่อนเลยเหรอ เพราะความร้อนจากไฟที่หุ้มตัวเธออยู่ซิน่ะ'
กระสุนพวกนั่นไม่สามารถไปถึงผิวหนังของเธอได้เพราะถูกไฟที่หุ้มตัวเธอเผาทิ้งหมดก่อน
จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นเล็งไปยังยานลำนั้น
จากนั้นเธอก็แบมือออกทำท่าเหมือนจะยิงพลังใส่ยานลำนั้น และจากนั้นไม่นานหลังจากที่เธอก็กำมือ
"พรึบ!"
เสียงเหมือนเวลาเปิดเตาแก๊สแล้วไฟพุ่งออกมา
ยานลำที่ยิงปืนใส่เธอก็ไฟไหม้ทั้งลำในทันที เสียงไซน์เรนจากยานดั่งสนั่น
ยิ่งเรียกพวกเวรีเนี่ยมมารวมกันมากขึ้นอีก จากนั้นยานก็ส่ายไปมาและร่วงลงสู่พื้นในที่สุด
"ตู้ม!"
ยานระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
ฉันที่ได้แต่ยืนนิ่งๆมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าจากนั้นเธอก็วิ่งมาทางฉัน
ไวโอเล็ทวิ่งมาหาฉัน
"เอาล่ะ จับมือฉันไว้น่ะเราจะไปจากที่นี่กัน"
เธอจับมือฉันจากนั่นเธอก็เริ่มวิ่งไป 'อย่ากระชากแขนฉันนักซิ ฉันเจ็บน่ะ' ฉันได้แต่คิดในใจ
เราวิ่งออกมาจากสงครามย่อมๆนั้น ไวโอเล็ทก็หยุดชะงัก พร้อมกับพูดว่า
"ทำไมพลังของฉันถึงหายไปล่ะ"
"ว่าไงน่ะ?"
จากนั้นฉันก็มองไปที่ตัวของเธอ
ตัวของเธอตอนนี้นั้นไม่มีไฟลุกท่วมอีกแล้ว 'นี่ฉันไม่ได้สังเกตุเลยซิน่ะเนี่ย'
"เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแต่ตอนนี้ ว่าแต่เธอเป็นใคร?"
ไวโอเล็ทถามฉันกลับมา ฉันได้แต่ทำหน้างงใส่เธอก่อนจะพูดกับเธอต่อไปว่า
"นี่เธอจำฉันไม่ได้เหรอ? เธอคือคนที่แนะนำให้ฉันรู้จักกับทุกคนในดินแดนสุดท้ายนิน่า
ฉันอลิชไง"
เธอทำท่าทางเหมือนกำลังนึก แต่ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากอีกทางที่พวกเรายืนอยู่เป็นเสียงตะโกนของเด็กชาย
"หลบเร็วเข้า!"
เด็กชายอายุ 16 ปีตะโกนพร้อมวิ่งผ่านพวกฉันไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเพียงแค่แว๊บเดียวก็มียานโผล่มาจากทางที่เด็กคนนั้นวิ่งไป
เด็กคนนั้นล้มตัวกะทันหันกระแทกลงกับพื้นเพื่อหลบกระสุนที่ยิงมา
ไวโอเล็ทก็ปล่อยมือฉัน จากนั้นเธอก็มีไฟลุกท่วมตัวอีกครั้ง ส่วนฉันนั้นก็โดนกระสุนยิงใส่ทั้งที่ขาทั้งสองข้างบริเวณต้นขา
หัวไหล่ และที่บริเวณท้อง 'อ่ะความรู้สึกแน่นๆนี่มันอะไรกัน' ฉันรู้สึกว่ามีบ้างอย่างฟังอยู่ในร่างกายตัวเอง
เป็นความรู้สึกที่เย็นเฉียบ ร่างกายฉันขยับไม่ได้ ฉันล้มลงที่พื้น
เลือดของฉันเริ่มไหลลงสู่พื้น 'อ่า...ครั้งนี้ฉันคงไม่รอดจริงๆแล้วล่ะ...แต่ก็น่าเสียดาย
แฟนยังไม่มีเลยซักคน' ฉันยิ้มออกมาในตอนที่ฉันนึกเสียดาย
ฉันมองไปที่ยานนั้นอีกครั้ง ในขณะที่ตาของฉันมองเห็นภาพที่พร่ามัวและเลือนรางไปหมด
ฉันเห็น...เห็น 'ยานลำนั้นสายไปมา'
ดูเหมือนว่าในยานนั้นจะมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น
อาจจะมีคนหนึ่งต้องการช่วยพวกเราหรืออะไรก็ไม่รู้ ยานนั้นเริ่มหยุดสายและลดระดับลง
'เริ่มเลือนรางมากขึ้นอีกแล้วซิน่ะ' แต่ฉันก็ยังเพ่งมองไปที่ยาน
ดูเหมือนว่าจะมีคนกระโดดลงมาจากยาน เขาเป็นผู้ชายผมสีขาว ผิวขาวเหมือนสำลี
ใส่เสื้อเชิดสีขาว กำลังวิ่งมาทางฉัน และฝูงเวรีเนี่ยมก็ไล่ตามเขามา
ดูเหมือนไวโอเล็ทจะทำการเผาพวกเวรีเนี่ยมที่ตามหลังเขามาอย่างง่ายดาย
"นี่ พว-
เธอทำอะไรอลิชน่ะ"
"ฉันเปล่าน่ะฉันไม่รู้จักเธ-คนนี้"
ทั้งสองคนพูดกัน ชายคนนั้นกับไวโอเล็ท 'ประสาทการได้ยินฉันก็รวนเหมือนกันเหรอ' ฉันได้ยินเสียงพูดเขาไม่ชัดเจนเสียงมันก้องมากไปหมด บางทีเสียงที่ได้ยินนั้นก็หายไปชั่วขณะ
จากนั้นเขาก็มองมาที่ฉัน 'มองเห็นหน้าไม่ค่อยชัดเลย' เขาคุกเข่าลงกับพื้นเพื่ออุ้มฉันขึ้น ทำให้ฉันสามารถมองเห็นหน้าเขาชัดขึ้น
ถึงจะเลื่อนลางแต่ฉันจำเขาได้ เขาคือชายหนุ่มที่ฉันไว้ใจที่สุด
"นายมาทำอะไรที่นี่?"
เสียงที่แหบและแผ่วของฉันพูดออกไป
"ฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลังน่ะ
แต่ตอนนี้เธอห้ามหลับน่ะอลิช! อย่าหลับน่ะ!"
เขาตะโกนใส่ฉันเพื่อที่จะไม่ให้ฉันหลับไป
แต่ตอนนี้ร่างกายฉันหนักไปหมด 'ท่าทางงานนี้จะไม่ไหวซะแล้วล่ะ'
"ขอโทษน่ะ ที่ฉันชอบทำตัวให้นายลำบากน่ะกัส
แต่ตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้ว...ลาก่อนน่ะ..."
"ไม่!!!- - -"
นั่นคือคำสุดท้ายที่ได้ยินจากชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทของฉัน
ก่อนที่ฉันจะหลับตาลงและพบเพียงความมืดมิด...
ความคิดเห็น