คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อีกฝากฝั่ง
CHAPTER 1
อีกฝากฝั่ง
โลกดาวที่อาศัยอยู่ของสิ่งมีชีวิต
มีทั้งแสงตะวันแหล่งน้ำและอากาศที่สมบรูณ์
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่เกิดมาเพื่อทำลายโดยเฉพาะ นั้นคือมนุษย์
สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดเก่งกาจ พร้อมทำลายทุกสิ่งเพื่อให้ตัวเองรอด เพื่อให้มีอำนาจ มนุษย์ได้ทำการต่อสู้กัน
หรือที่เรียกกันว่า ทำสงคราม เข้าห้ำหันกัน เพื่อแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน
แต่......สงครามไม่เคยมีผู้ชนะ มีแต่ผู้แพ้และสูญเสีย ต่างคนต่างไม่ยอมกัน
ถึงจะสูญเสียซักเท่าไหร่ ก็ตาม
ทุกอย่างย่อมมีการพัฒนา
สงครามก็เช่นกัน เมื่อสูญเสียมากไป จึงต้องใช้ทางออกสุดท้าย 'นิวเคลียร์' อาวุธที่การทำลายล้างเป็นที่สุด 'ยิงพร้อมกัน' ต่างคนต่างใช้นิวเคลียร์ยิงใส่กัน
...... ผลที่ได้เกินคาดฝัน
สารกัมมันตภาพรังสี บนเปื้อนทุกแห่งหน มนุษย์เกือบสูญพันธุ์
สัตว์เกือบทุกชนิดหายไปหรือก็คือสูญพันธุ์ และที่สำคัญแรงระเบิดนั้นทำให้โลกหยุดหมุนรอบตัวเอง......ไร้ซึ่งกลางวันและกลางคืน
มีเพียงแสงแดดและความมืดเท่านั้น
โลกที่ฉันอาศัยอยู่นั้น
เป็นโลกของแสงแดด พวกเราที่นี้ก็พากันเรียกกันแต่อย่างนั้นและ
แสงอาทิตย์ไม่เคยลับขอบฟ้ามา 11 ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่โลกสั่นไหวเพราะนิวเคลียร์
ทั้งโลกสั่นไหวรุ่นแรงพอๆกับ แผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์
ทุกอย่างพังทลายราบเป็นหน้ากลอง ตึกรามบ้านช่อง กลายเป็นผงภายในไม่กี่สิบวินาที
ในตอนนี้ที่อาศัยอยู่แห่งสุดได้ที่มีการยืนยัน คือที่นี้
ใจกลางทวีปเอเชียเป็นที่ที่มีรังสีน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีการสำรวจมา
พวกเราอาศัยอยู่ในโดม โดมที่ครอบพวกเราอยู่ โดมนั้นมีขนาดกว้างประมาณสิบกิโลเมตร
สูงขึ้นเฉียดชั้นบรรยากาศชั้นแรกของโลก พวกเราอาศัยนอนกันที่ใต้ดิน
เมืองใต้ดินของเรานั้นลึกลงไปมีหลายชั้น ส่วนเมืองบนดินมีไว้เพื่อทำงาน
ปฏิบัติภารกิจต่าง ที่นี้พวกเราเรียนจบตอนอายุสิบห้าปี ทำงานตอนอายุสิบหกปี
แต่งงานตอนอายุสิบเก้าถึงยี่สิบปีโดยประมาณ
ที่นี้การตั้งครรภ์ก่อนไว้อันควรนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ดีซะอีกเพราะจะได้เพิ่มประชากรมนุษย์ การคลอดลูกนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปเพราะเด็กนั้นเกิดจากหลอดแก้ว
สามารถกำหนดเพศได้ เพิ่มระดับสติปัญญา
เป็นการนำทารกที่ขณะยังเป็นตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์ไปเพาะเลี้ยงในหลอดแก้ว
เมื่อไม่มีการอุ้มท้องที่นานถึงเก้าเดือน มนุษย์จึงสามารถมีลูกได้ตลอดเวลา ฉันอายุ
17 ปี ทำงานที่ศูนย์ค้นหา ที่นี่ค้นหาทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบใดหรืออะไรก็ตามที่เป็นสิ่งมีชีวิต
"นี่แสงที่เราเจออาทิตย์ก่อนที่อีกฝากฝั่ง
ได้เรื่องถึงไหนแล้วอลิช"
รุ่นพี่ที่ทำงานเดินผ่านประตูอัตโนมัติเข้ามาขณะที่ฉันนั่งเหม่อ
ก่อนหันไปตอบคำถามอย่างรวดเร็ว
"ฉันลองตรวจสอบดูแล้ว
แต่มองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ มันมืดมาก"
"งั้นเหรอ...เธอก็เตรียมตัวไว้น่ะ"
"เตรียมตัว...?"
"ใช่ เราจะไปสู่อีกฝากฝั่งกัน
ทางเบื้องบนอนุมัติมาแล้ว"
"หา.....?"
"ทำไมพวกเราต้องไปด้วยค่ะ
ให้แค่ทหารไปก็ได้นิ"
"เราต้องไป
เพราะเขาต้องการให้เราติดเครื่อง อินฟราเรดเพื่อสแกนรอบที่นั้นในระยะสิบกิโลเมตร"
ในขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากพูด
"ไม่ต้องถามเธอคือคนเดียวที่เก่งที่สุดที่เรามีในตอนนี้"
เธอพูดเสร็จก่อนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ใช่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
เราใช้ดาวเทียวที่โคจรรอบโลกตรวจสอบอีกฝากฝั่ง
อีกฝากฝั่งคือดินแดนแห่งความมืดที่ไม่เคยมีแสงตะวันนานถึง11ปี
พวกเราที่นี่เคยลงความเห็นกันว่า
ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่อาศัยอยู่ได้โดยปราศจากแสงและที่สำคัญดินแดนนั้นอาจจะเต็มไปด้วยรังสี
ภาพที่ชั้นค้นพบ เป็นแสงจุดเล็กๆที่ส่องสว่าง ฉันตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นของจริงไม่ผิดพลาด
เบื้องบนบอกให้ปิดข่าวเรื่องนี้ไว้มีเพียงแค่คนที่ศูนย์ค้นหาเท่านั้นที่รู้
และเรื่องทั้งหมดนี้เองที่ทำให้ฉันมาอยู่ที่นี่ อีกฝากฝั่งของดินแดน
"ประตูเครื่องจะเปิดแล้ว
ทุกคนเตรียมพร้อม"
เสียงของหัวหน้าทหารตะโกนบอกทุกคนในยาน ยานของเรานั้นได้นำเทคโนโลยีขั้นสูง
'ความเร็วแสง' มาใช้ในการเคลื่อนที่พวกเราจึงสามารถไปได้ทุกหนแห่ง
ไม่ว่าจะในโลกหรืออวกาศ
แต่จำนวนของมนุษย์ที่อยู่ในโลกเหลือไม่มากพอที่จะเสี่ยงให้มนุษย์ขึ้นไปในอวกาศได้
พวกเรามนุษย์กลุ่มสุดท้ายจึงต้องจำใจสำรวจเพียงแค่ในโลก ในที่สุดประตูยานก็เปิดออก ไม่มีแสง ไม่มีลม
พวกเราที่อยู่ในชุดกันรังสีค่อยๆเดินออกมาจากยาน
"อลิช
ตรวจสอบปริมาณความเข้มของรังสี"
เสียงจากรุ่นพี่ที่ได้ยินจากหูฟังที่ติดอยู่ในชุดกันรังสี
ฉันรีบทำการตรวจสอบรังสีด้วยเครื่องตรวจสอบอย่างเร่งรีบ
"ปริมาณรังสีเกินกว่าที่จะมีมนุษย์อาศัยได้ค่ะ"
ฉันตอบอย่างสุภาพ ในใจชั้นคิดเพียงว่า 'แค่อายุมากกว่าสามปีทำมาเป็นสั่งนู้นนี่ ทำเองบ้างซิ' ฉันมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเอง ทุกอย่างมืดสนิท ไร้ต้นหญ้า
มีเพียงแค่เศษซากไม้ที่ยืนต้นตาย ไร้วีแววซึ่งมีชีวิต
"ทุกคนไปทำหน้าที่ของตัวเองซะ ไป!"
เสียงหัวหน้าตะโกนบอกทุกคนอีกครั้งก่อนที่แต่ล่ะทีมจะแยกกันไป จากนั้นก็มีทหารมายืนรอบตัวฉัน
"เราจะคุ้มกันคุณ ไปกันได้แล้ว"
ก่อนที่หัวหน้าทีมจะสั่ง 'ทุกคนไป
เรามีเวลาไม่มากเราไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้างเปิดโหมดอินฟราเรดเดี๋ยวนี้ ทุกคนเลย!'
ฉันทำตามอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เข้าจะพูดด้วยเสียงเยือกเย็นและเบาเหมือนจะพยายามกระซิบบอกทุกคนในกลุ่ม
'ถ้าเห็นอะไรเคลื่อนไหวยิงได้เลย'
ทีมเราแบ่งออกเป็น 5 ทีม เราจะทำการติดตั้งเครื่องอินฟราเรด
เป็นเครื่องแบบสแกนรอบทิศทาง
ข้อมูลที่ออกจากเครื่องอินฟราเรดนั้นจะเป็นข้อมูลแบบภาพโฮโลแกรม
ทำให้เราสามารถเลื่อนดูพื้นที่บริเวณที่เราสแกนได้ ไม่ว่าจะเป็น พื้นผิว อากาศ
รังสี แม้แต้สิ่งมีชีวิตที่เป็นจุลินทรีย์
ฉันอยู่ทีมที่ 5
เข้าไปด้านลึกที่สุดในดินแดนแห่งความมืดมิดนี้ แต่ยังดีที่มีกล้องอินฟราเรดที่ติดมากับชุดจึงสามารถมองเห็นได้แบบเลือนราง
ระยะของการมองที่ฉันสามารถมองเห็นได้แค่ประมาณสิบเมตรนอกนั้นมีเพียงความมืด
ฉันทำการติดตั้งเครื่องภายได้บรรยากาศที่เงียบเชียบ
ไร้เสียงคุยสื่อสารของเหล่าทหารที่คอยคุ้มกันฉัน
"เสร็จแล้วล่ะ"
"รับทราบ หน่วยที่ห้าเรียบร้อยครับ"
เขาทำการแจ้งไปยังหน่วยอื่นๆด้วยวิทยุสื่อสารความถี่สูง
พวกเราตกลงกันว่า 'ทีมไหนที่เสร็จเป็นทีมแรกเราจะไปเจอกันที่ตำแหน่งทีทีมนั้นอยู่
อย่างงงล่ะ หรือก็คือทีมที่เสร็จทีหลังจะไปรวมตัวที่ตำแหน่งที่ทีมแรกเสร็จ'
ฉันเดาว่าพวกเขากำลังมารวมกันที่ตำแหน่งฉันอยู่เพราะฉันทำการติดตั้งเสร็จเป็นคนแรก
ฉันทำการเปิดเครื่องและทำการสแกนพื้นที่โดยรอบ ในระยะสิบกิโลเมตร 'พื้นที่แถบนี้ เป็นพื้นที่ราบ มีต้นไม้ที่ตายแล้วยืนต้นเต็มไปหมด
มีหลุมซึ่งคาดว่าหน้าจะเป็นถ้ำอยู่ในระยะหนึ่งกิโลเมตร
บริมาณรังสีในแถบนี้สูงมากเกินกว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ แต่บริเวณหลุมนั้นกลับไม่มีปริมาณรังสีอยู่ หรืออาจะสแกนได้ไม่ทั่วถึง' จากนั้นฉันทำการบันทึกข้อมูลลงในแท็ปบุ๊คส่วนตัว แท็ปบุ๊คคือแผ่นจอแอลอีดี ขนาดหน้าจอนั้นแล้วแต่จะสั่งทำ คุณสมบัติของแท็ปบุ๊คมีค่าเท่ากับคอมพิวเตอร์ที่แรงๆสองเครื่องรวมกัน
"ทุกคนมากันแล้ว"
ทหารคนหนึ่งมาสะกิดบอกฉัน ฉันหันหลังกลับไป
พบว่ามีมากันแค่ 3 ทีม
"อีกทีมไปไหนล่ะ?"
ฉันถาม พลางมองหน้าทุกคน
"ติดต่อไม่ได้เลยครับ"
ทหารนายหนึ่งบอกกับหัวหน้าทหารที่ยืนอยู่กลางวงล้อมของพวกเรา
"เอาแล้วไง........เอาล่ะ
ทุกคนไปรอที่ยาน หัวหน้าทีมพาลูกทีมของคุณมา เหลือไว้ที่นี่แค่หนึ่งทีม
เราจะไปค้นหาอีกทีมกัน"
"รับทราบ"
สิ้นเสียง ฉันและคนอื่นๆที่ทำงานคล้ายๆกัน
กำลังถูกพาไปขึ้นยาน แต่แล้วสายตาฉันเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้า
ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงต้นไม้ 'มันขยับ' ฉันพึมพำ ก่อนที่จะมีทหารนายหนึ่งลั่นไกปืนไปที่สิ่งนั้น
จากนั้นก็มีทหารอีกหลายนายลั่นไกปืนตาม เสียงปืนนั้นดังสนั่น
"ทุกคนหยุดยิง! ไปตรวจสอบซะ!"
หัวหน้าทหารสั่งอีกครั้ง
ก่อนที่จะมีทหารนายหนึ่งเดินไปตรวจสอบจุดที่พากันกระหน่ำยิงเมื่อสักครู่ เขาสังเกตุดูก่อนที่จะส่งเสียงกลับมาผ่านไมค์โครโฟน
"พบแล้วครับ รูปร่างคล้ายมนุษย์ ตามลำตัวมีเกล็ด ผิวขาวซีด เล็บมือยาว ไร้ดวงตาครับ"
เสียงขาดหายไปช่วงสุดท้าย จากนั้นมีเสียงตามมา 'ซีด.......!' เสียงเหมือนมีของเหลวพุ่งออกจากท่อขนาดเล็กที่หัก
ฉันยืนตะลึง ขณะที่หัวของทหารคนนั้นถูกถืออยู่ด้วยมือของเจ้าตัวนั้น
ส่วนตัวของทหารคนนั้นนอนอยู่ที่พื้น ฉันยืนนิ่งสติแตก
เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน หัวที่ไร้ลำตัว เลือดที่สาดกระจาย
"จู่โจม!"
หัวหน้าทหารตะโกน สติฉันกลับมาอีกครั้ง
พร้อมกับเสียงยินปืนของเหล่าทหารที่ดังขึ้น ฉันมองดูเจ้าตัวนั้นถูกยิงกระสุนที่ยิงใส่ตัวมันกระสุนฝังลงในเนื้อแต่มันกลับยืนเฉย
บาดแผลที่ไร้เลือด 'แผลสมานตัวเอง' ใช่แผลพวกมันสมานตัวเอง ได้เร็วพอๆกับที่กระสุนฟังลงในเนื้อของมัน
"หยุดยิง!"
สิ้นเสียงคำสั่ง เสียบปืนก็ดับลง
มันยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ก่อนจะอ้าปากเหมือนว่าจะตะโกนกรีดร้องเรียกอะไรซักอย่าง
แต่กลับไม่มีเสียงอะไรที่ออกมาจากมันเลย 'เสียงฝีเท้าเหมือนเวลาเสือล่าเหยื่อแล้ววิ่งเข้าจู่โจม' มันค่อยๆเข้ามาฉันรู้สึกได้ ฉันว่าตอนนี้มันไม่ค่อยเข้ามาแล้วล่ะแล้วล่ะ
"วิ่งไปที่ยานเดี๋ยวนี้! ทุกคนเลยเร็วเข้า! เราต้องหนีเดี๋ยวนี้!"
สัญชาตญาณของฉันสั่งฉันให้ตะโกนออกไป
พร้อมกับขาที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว 'ทุกคนพากันแตกตื่นและพยายามจะวิ่งไปขึ้นยาน
'พวกมันเข้าโจมตีพวกเรา' หลายสิบตัว ไม่สิ
หลายร้อยตัวพากัน เข้ากระโดดขย้ำ ฉีกร่างกายของเหล่าผู้โชคร้ายทั้งเป็น
เลือดสาดกระจาย ถึงฉันจะมองเห็นผ่านระบบอินฟราเรดแต่สมองของฉันกลับจินตนาการเป็นสีเลือดที่แดงฉาน
การเคลื่อนไหวของพวกมันคล้ายลิง กระโดดไปมาอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน แม้เหล่าทหารจะพยายามยิงแต่กระสุนไม่สามารถหยุดมันได้แม้แต่น้อย
และดูเหมือนว่ายิ่งยิงเข้าใส่พวกมันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเร็วมากขึ้นเท่านั้น
ฉันพยายามวิ่งไปที่ยาน ทุกคนวิ่งแบบไม่คิดชีวิต
"โอ้ย!"
มีคนวิ่งชนฉันล้ม ตัวฉันที่ล้มลง ลำตัวด้านหน้าลื่นไถลไปบนพื้นผิวที่มีแต่เศษผงดิน ไร้หินหรือของแข็งบนที่จะทำให้บาดได้ 'ตุ้บ!' มีคนเหยียบแขนฉัน
"โอ้ย....! ไอ้บ้าเอ้ยช่วยฉันที่ซิ!"
ฉันตะโกนผ่านไมค์ออกไปแต่กลับไร้คนหันมาหรือหยุดที่จะช่วยพยุงฉันขึ้น
'มนุษย์จะทอดทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองและคนที่สำคัญรอด' ฉันคิดถึงคำพูดคนคนหนึ่งที่เคยกับฉันเมื่อนานมาแล้วแต่กลับจำไม่ได้ว่าเป็นใคร จากนั้นฉันลุกขึ้นอย่างทุกลักทุกเล
และพยายามวิ่งไปที่ยานตามหลังคนอื่นแต่กลับพบว่าคนอื่นยื่นนิ่งทั้งๆที่ยานอยู่ห่างจากพวกเขาไปอีกแค่ไม่กี่สิบเมตร
'พวกมันดักรอเรา พวกมันฉลาดและมีความคิดเหมือนมนุษย์'
ฉันต้องหนีแล้วๆ ฉันคิดเพียงแค่นั้น 'ถ้ำ' วิ่งไปที่ถ้ำ สมองฉันสั่งการร่างกายเริ่มขยับ และวิ่งออกไปในที่สุด 'เธอจะทิ้งคนอื่นให้เป็นตัวล่อแล้วเธอหนีไปคนเดียวอย่างงั้นเหรอ?'
"ไม่ใช่น่ะ!"
'เธอมันก็เห็นแก่ตัวเองเหมือนคนพวกนั้นและ'
"เปล่าฉันน่ะ ฉันเปล่า!"
ความคิดฉันเริ่มสับสน ความคิดที่คิดว่าตัวเองทอดทิ้งคนอื่นเริ่มเข้าครอบงำ 'ฉันต้องช่วยงั้นเหรอ?' ฉันถามตัวเองขณะที่ตัวเองกำลังวิ่งต่อไป 'ฉันต้องไปบอกกับพวกเขาว่ามีถ้ำอยู่ ถึงแม้จะไม่แน่นอนแต่อาจจะรอดได้' ฉันที่คิดได้ว่าจะต้องไปช่วยพวกเขาจึงกำลังจะหันหลังกลับไป แต่ขณะที่ฉันกำลังหันหลังกลับ หน้าฉันก็กระแทกลงกลับพื้นดิน ตัวฉันกลิ้งลงเนินที่ลาดเอียง ชุดเริ่มขาดเริ่มขาดที่แขนและขา เสียงร่างของฉันกระแทกเข้ากับต้นไม้ ต้นไม้ที่ไม่มีใบเหมือนพวกต้นไม้ที่ตายแล้วแต่กลับ 'ทำไมมันแข็งเหมือนหินเลยล่ะ' ตัวของฉันที่กระแทกเข้ากับต้นไม้ท้องของฉันที่กระแทกเข้าที่ลำต้นส่วนโคนของต้นไม้ต้นนั้นแล้วตัวของฉันก็พาดอยู่แบบนั้น ฉันมองขึ้นไปข้างบนพบว่าที่นี่เป็นหลุมกว้าง ถึงแม้ตาของฉันจะพร่ามัวเลือนรางเพราะแรงอัดที่เกิดจากการกระแทก ความจุกที่แน่นที่หน้าอกทำให้ฉันหายใจติดขัด ฉันก็มองเห็นพวกมันสองตัวอยู่ที่ปากหลุม พวกมันกำลังกระโดดลงมา พุ่งตรงมาหาฉัน 'ฉันคงไม่รอดแล้ว ตายก่อนแต่งงานเนี่ย หน้าเสียดายจริงๆ' จากนั้นมีบางอย่างมาจับที่ไหล่ของฉัน ฉันรู้สึกได้ว่าเป็นมือของมนุษย์เป็นมือของมนุษย์แน่ๆ จากนั้นฉันพยายามหันไปมอง แต่ตาของฉันก็ปิดลงและฉันหมดสติไป
ความคิดเห็น