ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    New aGe

    ลำดับตอนที่ #9 : เข้าหา

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 59


    CHAPTER 6

    เข้าหา

                    ฉันฝันถึงโลกที่ปราศจากสงคราม โลกที่สงบสุข ไร้ซึ่งทหารเพราะทุกคนนั้นไม่มีจิตใจที่โหดร้ายมีแต่คนที่จิตใจดีแต่ทุกคนนั้นกลับมีทักษะการต่อสู้เพื่อใช้ป้องกันตัวเองแต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ฝัน ฉันลืมตาตื่นขึ้นหลังจากตายเป็นครั้งที่ 3 ฉันไม่รู้ว่าฉันรอดมาได้ยังไงทั้งที่ที่ฉันตายมันเป็นดินแดนที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยลับขอบฟ้า ฉันจำได้ครั้งสุดท้ายว่าฉันเทเลพอร์ตมาเพราะพลังของลูลัชพวกเขาเอาชีวิตของพวกเขาแลกกับฉันและอเล็กฉันไม่รู้ว่าเขาจะรอดมาไหมแต่ฉันก็ยังมีความหวังถึงแม้จะเล็กน้อย ส่วนอเล็กที่เทเลพอร์ตมาพร้อมกับฉันนั้น...'อเล็ก...' ฉันลุกพรวดพราดขึ้นมองไปยังที่ๆเขาน่าจะโดนเผาทั้งเป็น

    "ไม่อยู่..."

    มันก็น่าจะเป็นอย่างงั้นเพราะเขาไม่ได้มีพลังในการรักษาตัวเองแบบฉัน เขาน่าจะไม่เหลือแม้แต่ขี้เถาให้เห็นเพราะแสงแดดที่รุนแรงทำให้อุณหภูมิร้อนมากถึงขั้นกับสิ่งมีชีวิตหรือแม้แต่โลหะ ละลาย 'แสงแดดเหรอ?'

    "นี่มันอะไรกัน...โลกนี้มันหยุดหมุนรอบตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอทำไมที่นี่ถึงมืดครึ้มล่ะ"

    "นั่นน่ะก็เพราะนี้ไง"

    เสียงดังมาจากข้างหลังของฉัน เสียงนี้คงไม่ต้องคิดว่าเป็นใครนอกจากอเล็ก 'ไอ้หมอนี่มันตายยากจัง' ฉันนึกในใจ แต่ก็มีข้อสงสัยขึ้นมาในทันที

    "ทำไมนายไม่ตายล่ะ นายไม่มีพลังเหมือนฉันนี่น่าหรือว่านายจะมีพลังอื่นซ่อนไว้อีกเหรอ"

    "อืม...ถ้าใช่แล้วทำไมเหรอ..."

    "จะทำไมน่ะเหรอ! ทำไมนายไม่ใช่พลังอื่นที่นายมีช่วยพวกไวโอเล็ทกับพวกลูลัชล่ะ!"

    ฉันเผลอตะคอกออกไป

    "เห้ๆ ใจเย็นๆน่ะฉันมีหลายอย่างต้องทำ นั่นทำให้สมองฉันรับไม่ไหวหรอกน่ะ ถึงฉันจะมีหลายพลังแต่ฉันใช้ได้ไม่เกินที่ล่ะ 2 พลังเท่านั้นและเพราะเหตุนั้นฉันจึงไม่สามารถช่วยพวกเขาได้"

    "ตกลงนายมีกี่พลังกันแน่?"

    ฉันพยายามทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาถึงตอนนี้ฉันจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขาน้อยมากแต่ฉันมันใจว่าเขาต้องฉลาดมากๆและมีอีกหลายอย่างที่ไม่ยอมบอกใครและคำตอบที่ฉันได้ยินจากปากของเขาหลังจากที่ฉันถามเขาไปมันเป็นคำตอบที่ฉันคาดไม่ถึง

    "นับไม่ถ้วน"

    "นายว่าอะไรน่ะ นับไม่ถ้วนงั้นเหรอ"

    "พลังของฉันจริงๆคือก็อปบี้พลังของคนอื่นแต่ข้อแม้คือพลังคนอื่นจะอ่อนแอลงหรือก็คือความสามารถของพลังเหล่านั้นจะลดลงครึ่งหนึ่งยังไงล่ะ เพราะเหตุนั้นฉันจึงไม่ตายเพราะฉันก็อบพลังของเธอมายังไงล่ะ"

    "และนายก็ก็อบพลังของทุกคนที่นายเคยเจอใช่ไหม?"

    "ใช่ แต่ถ้าฉันใช่พลังพร้อมกันหมดฉันคงจะตายหลังจากนั้นไม่นานแน่ๆหรือไม่ก็ใช้พลังที่ฉันถนัดที่สุด นั่นคือควบคุมสมองหากฉันควบคุมมากเกินไปฉันก็คงไม่รอดเหมือนกัน"

    เขาครุ่นคิดและพูดขึ้นต่อ

    "เรื่องที่ฉันบอกกับเธอไปนั้นทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันในอดีตนั้นนั้นคือเรื่องจริงส่วนเรื่องโลกฝั่งนั่นน่ะฉันโกหก ส่วนเรื่องการได้พลังพิเศษมานั้น...ผู้ที่จะได้รับพลังจะมีระดับพลังขึ้นอยู่กับความฉลาดในหัว ส่วนเรื่องอื่นๆที่ฉันเล่าไปฉันก็ขอโทษด้วย ฉันโกหกไปเยอะนะ"

    ความโมโหพุ่งขึ้นมาเต็มขีดฉันกำลังจะระเบิดอารมณ์ใส่เข้าเขาก็เดินเข้ามาเอามือปิดปากฉัน

    "ไม่ต้องพูด ฉันเตรียมใจที่จะชดใช้ทุกอย่างไว้หมดแล้ว"

    ถึงฉันจะไม่เข้าใจที่เขาพูด แต่เพราะคำว่า 'จะชดใช้' มันก็ทำให้ความโกรธลดลดลงบ้างเล็กน้อย

    "แล้วจะอธิบายได้หรือยังว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น"

    ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัดสุดๆ แต่เขากลับตอบมาว่า

    "เดี๋ยวซิ เรื่องที่จะเกิดขึ้นมันต้องบ้าด้วยเหรอ"

    เขาพูดด้วยเสียงที่กวนออกมาทำให้ฉันที่โมโหอยู่โมโหขึ้นไปอีก

    "อเล็ก!!!!"

    ฉันตะโกนออกมา

    "โอเคไม่เล่นล่ะๆ เรื่องราวในตอนนี้และแผนของฉันในการเข้าไปยังโดมที่อยู่ในดินแดนแห่งแสงซึ่งอยู่ข้างหน้าเรา อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร และตอนนี้เกิดเหตุการณ์ที่หายากสุดๆ นั่นคือสุริยคราสแบบเต็มดวงจะทำให้แทบนี้มืดครึมทั้งหมด"

    "นายจะใช้ช่วงเวลานั่นบุกใช่ไหม"
    "ใช่แล้วล่ะ เมื่อความมืดกลืนกินแสงสว่างจนหมดเราจะบุก
    สุริยคราสครั้งนี้กินเวลานานถึง 20 นาที ถ้าเราพลาดไปไม่ถึงโดมนั้นล่ะก็เราได้ตายกันจริงๆแน่ เพราะไม่รู้ว่าอีกนานขนาดไหนกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกนี้เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของเรา"

    "มีแค่สองคนจะใช้คำว่าบุกเหรอ? สองคนบุกไปหาหนึ่งกองร้อยเนี่ยน่ะ"

    ฉันแอบขำ

    "ใครว่ามีแค่เราล่ะ"

    "แล้วจะมีใครอีก"

    "รออีกนิดน่ะใกล้มาถึงแล้วล่ะ"

    "ไหน?"

    เวรี่เนี่ยมตัวหนึ่งกระโจนข้าหัวของฉันไป

    "อะไรเนี่ย!"

    เวรี่เนี่ยมอีกหลายร้อยตัวกระโดดตามกันมาพวกมันมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของอเล็ก

    "ก็ฉันคุมมันได้นี้น่า"

    "นายเอาจริงเหรอ?"

    "จริงซิ"

    ฉันว่าเขาคนนี้คงจะเป็นคนที่ทำอะไรทุ่มหมดตัวแน่ๆ เพราะเขาต้องใช้สมองมากเป็นพิเศษและแน่นอนเขาจะมีอายุขัยที่สั้นลง ฉันเดาว่าเขาคงจะควบคุมมันตั้งแต่ตอนแรกที่เราเริ่มออกจากดินแดนแห่งความมืดแล้วและเขาก็ยังควบคุมมันมาเรื่อยๆและไหนจะสื่อสารกับพวกลูลัชอีก อายุเขาคงสั้นลงมากแน่ๆ

    "นี่ถามหน่อยเป้าหมายจริงๆครั้งนี้ที่นายทำคืออะไรกันแน่"

    "ฉันจะพลิกโลกนี้"

    และนั้นก็เป็นคำตอบที่อเล็กตอบฉันก่อนที่อเล็กจะเริ่มวิ่งไปยังที่ที่ฉันจากมา ดินแดนที่มีแสงสว่างแต่บันนี้มันได้เริ่มมืดมิดขึ้นอีกครั้ง ฉันวิ่งตามอเล็กไปเพราะไม่มีโอกาสได้ถามว่า 'นายจะพลิกโลกได้ยังไง' ฉันวิ่งห่างอยู่ข้างหลังเขาพวกเวรีเนี่ยมวิ่งอยู่รอบๆตัวพวกเรา ถ้าจะถามว่าทำไมไม่ขี่เจ้าพวกเวรีเนี่ยมไปน่ะเหรอ ผิวหนังมันน่ะไม่น่าจับเลยซักนิดผิวหนังมันเหมือนหนังคางคกได้ 'ให้ตายฉันก็ไม่จับ' บรรยายกาศครึ้มเหมือนฝนจะตกค่อยๆคลืบคลานไปข้างหน้าพร้อมกับเราที่วิ่งไป ดวงอาทิตย์ค่อยๆถูกกลืนกินจนในที่สุดมันก็มืดมิด และอยู่ดีๆก็มีแสงสีขาวเกิดขึ้นจากด้านหน้าของฉันมันขยายออกเป็นวงกลมเข้ามาชนกับพวกเราแล้วก็หายไปฉันที่กำลังวิ่งอยู่จึงหยุดลงในทันที

    "พวกนั้นหาเราเจอแล้วและตรงที่แสงนั้นกำเนิดขึ้นมาต้องเป็นที่ๆเซนเซอร์โผล่ออกมาเพื่อสแกนหาสิ่งที่อยู่ภายนอกโดมแน่ๆ"

    อเล็กนั้นก็หยุดวิ่งพร้อมกับมองไปยังที่ๆแสงนั้นกำเนิดออกมา ฉันมองไปฉันก็เห็นแต่ความว่างเปล่าทะเลทรายไกลสุดลูกหูลูตาและดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้แต่

    "อเล็กทำไมเดินทรายมันขยับได้ล่ะ"

    "อลิชมานี่!"

    ทรายที่เกิดเป็นเนินทรายสูงขึ้นยาวเหมือนสันเขาแต่มีขนาดเล็กค่อยๆพุ่งมาทางนี้และก็มีตัวบางอย่างโผล่ออกมาจากทราย

    "อเล็กนั่นมันอะไรน่ะ!"

    เขายังยืนมองนิ่งไม่ตอบ แสงแดดค่อยๆหมดไปจากบรรยากาศมืดครึ้มกลายเป็นมืดมิดแต่ก็ยังพอมอเห็นตอนนี้ที่นี่เหมือนคืนเดือนหงายความสว่างมันก็มีแค่นั้น เจ้าตัวที่มันโผล่ออกมานั้นมันโผล่ออกมาแค่ส่วนหัวส่วนลำตัวหน้าจะอยู่ข้างล่างภายใต้ทะเลทรายแห่งนี้ มันชูคอเหมือนงูเห่าชูคอเตรียมจะโจมตี มันทีลักษณะตัวมันคล้ายไส้เดือนถ้าฉันเดาไม่ผิด แต่ติดตรงที่มันมีปากขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเต็มไปด้วยฟันหลายแสนซี่เพราะขนาดตัวมันรวมถึงปากมันนั้นใหญ่มากเหมือนท่อส่งน้ำตามเขื่อน

    "ก็แค่พวกกระจอก"

    อเล็กพูดออกมายังไม่ทันจบเวรีเนี่ยมสองตัววิ่งเข้าไปหาเจ้าตัวประหลาดตัวนั้นพร้อมกัน ตัวประหลาดเอียงตัวไปยังเวรีเนี่ยมที่อยู่ทางขวามันอ้าปากของมันออกอีกทำเอาคิดว่ามันคงจะกลืนเวรีเนี่ยมตัวนั้นเข้าไปทั้งตัวโดยไม่ต้องเคี้ยว แต่อเล็กก็ไม่รอช้าเขาพุ่งทะยานออกไปหาเจ้าตัวประหลาดตัวนั้นเขากระโดดขึ้นจากพื้นทรายและหวดหมัดเข้าไปตรงใบหน้าของสัตว์ประหลาดถึงแม้เขาจะต่อยไม่ถึงตัวมันแต่ดูเหมือนจะมีพลังอะไรบ้างอย่างที่ทำให้ส่วนหัวของเจ้าตัวประหลาดตัวนั้นหายไปทั้งหมด มันหายไปเหมือนเอาลูกแตงโมตั้งไว้แล้วเอาค้อนปอนตีเข้าไปยังลูกแตงโมนั้น

    "รีบไปต่อกันเถอะ!เร็วเข้าก่อนที่มันจะฟื้นขึ้นมา"

    "ว่าไงน่ะ"

    ฉันถามกลับไปด้วยสีหน้าที่งุนงง

    "เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังตอนหลัง หลังจากที่เราเข้าไปในโดมนั้น ตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้วแสงไล่หลังเรามาแล้ว"

    ฉันมองกลับไปเริ่มเห็นแสงสว่างๆค่อยๆสว่างมากขึ้น

    "เร็วเข้าอลิซ!"

    พวกเวรีเนี่ยมได้ไปทำการทำลายกระจกที่คาดว่าหน้าจะเป็นของโดมจนเป็นรู ฉันมองไปยังรูนั้น ฉันมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในมันเป็นแสงที่เหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์แต่ว่า...

    "ก็ตอนนี้มันไม่มีดวงอาทิตย์นี้น่า..."

    "รีบเร็วเข้าอลิซอย่าพึ่งลำลึกความหลังน่า! ไปกันเร็วดูซิมีพวกตัวบ้านั่นมาอีกแล้วและคราวนี้ดูมันจะแข็งแกร่งสุดๆด้วย"

    ฉันมองไปยังที่แสงค่อยๆสว่างขึ้นฉันเห็นเหมือนตะขาบยักษ์ขนาดเท่ารถไฟฟ้ากำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยความเร็ว ฉันออกวิ่งแบบไม่ต้องคิดอะไรฉันรีบมุดเข้าไปในรูที่พวกเวรีเนี่ยมทำไว้ ขนาดรูที่ทำไว้นั้นเล็กมาจนต้องค่อยๆคลานเข้าไป

    "เร็วซิ!"

    "รู้แล้วน่า"

    ฉันมุดเข้ามาจนได้ อเล็กก็มุดตามมาแล้วดูดเหมือนเขาจะใช้พลังในการปิดรูที่เราเข้ามาแล้ว

    "เฮ้อ!...จะบ้าตายที่นี่มันใช่โลกแน่เหรอ"
    ฉันอุทานออกมา

    "ที่นี่ใช่ไหมเมืองแห่งแสง"

    ภาพเมืองที่คุ้นหน้าคุ้นตา ตึกสูงตระงานเพียงหนึ่งเดียวทำให้มองเห็นได้ชัดเจนนอกนั้นจะเป็นอาคารสำนักงานทั่วๆไปและคนยังพลุกพล่านเหมือนเดิม

    "คนที่นี่มีแต่คนอายุน้อยจังน่ะ"

    "ก็ใช่น่ะซิพวกเรา ยังไม่มีใครแกหรอกอย่างมากสุดอายุของคนที่นี่ก็แค่ 22 ปีเท่านั้นและ"

    "งั้นเฉลี่ยที่นี่อายุประมาณ16-17ปีเป็นส่วนใหญ่ซิน่ะ"

    "ใช่...เดี๋ยวน่ะ แล้วพวกเวรีเนี่ยมละ! นายคงไม่คิดจะใช้ฆ่าคนที่นี้ใช่ไหม!"

    "ฉันไม่ทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรอกน่ะ"

    อเล็กตอบมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    "งั้นเราก็ไปหาพวกเขาที่นั้นกันเถอะ ตึกสูงนั่นคือที่ๆควบคุมทุกอย่างภายในนี้"

    "ทำไมเธอรู้ล่ะ?"

    "ก็ฉันเคยอยู่ที่นี่น่ะซิ"

    "เราจะแอบเข้าไป"

    เขาเสนอแผนมา

    "ไม่เราจะเดินเข้าไป ตรงๆนี้และ"

    "ฮ่ะ"

    เขาทำหน้างงพร้อมกับส่งเสียง 'ฮ่ะ' ออกมาฉันที่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาเป็นครั้งทำเอาใจสั่นเหมือนกัน

    "เชื่อฉันซิเพราะฉันคือคนที่ฉลาดที่สุดของที่นี่"

    "เชื่อเขาเลย"

    อเล็กยืนเกาหัวพร้อมกับเอามือเท้าเอวไว้ทั้งสองข้าง

    "เหตุฉุกเฉิน! ขอให้ประชาชนทุกคนอพยพลงเมืองใต้ดิน ย้ำอีกครั้ง "

    เสียงประกาศดังขึ้นทั่วทุกที่ทุกทิศทุกทาง คนวิ่งพล่านประตูที่พื้นเปิดออก เหล่าวัยรุ่นวิ่งลงใต้ดิน ฉันและ

    อเล็กที่ยืนอยู่นิ่งๆท่ามกลางฝูงคนที่วิ่งไปเข้าที่หลบภัย ฉันยืนจ้องหน้าเขา หน้าตาเขานั้นหล่อมากจนทำให้ฉันแทบหันสายตาหนีไม่ได้ ผมสั้นสีดำใบหน้าอันขาวผ่องตัวสูงหุ่นนักกีฬา  เขาที่ยืนดูคนวิ่งลงหลุมหลบภัยหันหน้ากลับมามองตาฉันก่อนที่จะเอามือตบเข้าที่แก้มทั้งสองข้าง

    "หมอบลงเถอะน่ะ"

    ฉันที่มัวแต่ตลึงอยู่ถูกกดตัวลงติดพื้น ลูกกระสุนถูกยิงมาจากด้านซ้ายและขวาแต่...

    "นายมีพลังแบบนี้ด้วยเหรอ?"

    "ฉันมีเยอะน่ะจะบอก"

    เขาใช้พลังกางบาเรียป้องกัน ครอบฉันเอาไว้กระสุนไม่สามารถทะลุมาได้และไม่สะท้อนกลับด้วย

    "หยุดยิง!"

    เสียงทหารนายหนึ่งสั่งหยุดยิงและกำลังจะขว้างระเบิดมา แต่อเล็กดันบาเรียด้วยแขนทั้งสองข้างออกบาเรียขยายตัวออกเหมือนระเบิดที่ระเบิดออก บาเรียของเขาทำลายกองทหารทั้งสองกองจนเละไม่มีชิ้นดี

    "ตู้ม!"

    เสียงระเบิดดังขึ้นหลังจากที่อเล็กระเบิดพลังบาเรียออกไปแล้ว

    "นั่นคงจะเป็นระเบิดที่จะโยนเมื่อกี้นี่ล่ะมั้ง"

    ฉันพูดพลางมองไปยังกองไฟที่มีแต่ฝุ่นควัน

    "อลิชฉันว่าเราคงไม่ต้องไปหาพวกเขาแล้วล่ะ เขามาหาพวกเราแล้ว"
    ฉันหันไปมองตามที่อเล็กพูด ใช่โอกัสมาพร้อมกับทหารประมาณ 20 นายใส่ชุดสีขาวดูแล้วน่าจะเป็นเกราะอะไรซักอย่างและมี...

    "ไลท์ทำไมเธอถึงไปอยู่นั้นล่ะ!"

    ฉันตะโกนออกไป ไลท์และเด็กชายนิรนามยืนอยู่ข้างๆเขาพร้อมกับโดนทหารล็อกตัวไว้

    "เธอต้องมาหาฉันอลิชแล้วทุกอย่างจะได้จบ"

    กัสพูดขึ้น เขายังคงใส่ชุดสีขาวทั้งเสื้อและกางเกงเหมือนเดิม ฉันมองหน้าอเล็กแต่อเล็กไม่มองหน้าฉันกลับ แต่เขามองไปยังกัสด้วยสีหน้าโกรธสุดๆ

    "ไม่มางั้นซิน่ะ งั้นเรามาจบเรื่องนี้กันแบบนองเลือดกันดีกว่าในเมื่อ...เธอไม่ชอบสันติ"
    ทหารที่ล็อกตัวไลท์ไว้และเด็กชายนิรนามเอาปืนปกสั้นออกมาจ่อที่หัวทำท่าจะยิง

    "ลั่นไก!"

    กัสสั่งทันทีหลังจากที่เอาปืนจ่อหัว

    "ไม่น่ะ!!!!"

    ฉันตะโกนออกไป อเล็กยื่นมือออกไปข้างหน้าเพียงเสี้ยววินาทีพวกเขาทั้งสองคนถูกเทเลพอร์ตมายืนอยู่ข้างๆฉัน เสียงปืนดังขึ้น

    "ปัง!"

    ทหารสองนายยิงปืนใส่อากาศและสิ่งที่อเล็กเทเลพอร์ตกลับไปให้คือระเบิดมือของทหารพวกนั้น ระเบิดลอยไปอยู่ตรงหน้าของพวกเขา

    "คืนของ!"

    อเล็กตะโกน

    "บู้ม!"

    หลังจากอเล็กพูด ระเบิดก็ระเบิดออก แรงๆระเบิดแรงมากจนทำให้กระจกแถวนั้นแตกกระจายถึงฉันจะยื่นห่างจากรัศมีระเบิดอยู่พอสมควรแต่ก็รู้สึกได้ว่าระเบิดมันรุนแรงมากกว่าระเบิดปกติ

    "มานี่ทุกคน"

    เขาจับมือฉันฉันจับมือไลท์ส่วนไลท์จับมือเด็กชายนิรนามคนนั้นเราถูกเทเลพอร์ตมาอีกครั้ง ฉันถูกอเล็กเทเลพอร์ตมายังที่ๆหนึ่งซึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างหน้า

    "ลูลัช ไวโอเล็ท ดาร์ค!"

    ฉันวิ่งเข้าไปหาพวกเขาแบบไม่รอช้า

    "ดีใจมากเลยที่เจอ"

    อเล็กพูดตัดบทในทันทีหลังจากฉันพูดคำว่าดีใจ

    "เอาล่ะเมื่อคนมาครบแล้วอย่ารอช้าบุกไปกันเลย!"

    ฉันที่ยังไม่ทันได้ถามอะไรถูกเขากุมมือและคนๆก็กุมมือต่อๆกัน

    "เฮ้! เดี๋ยวซิ ฉันยังไม่ได้ถามเล-"

    ฉันจะตะโกนออกมาแต่นั้นมันก็สายเกินไป ฉันถูกเทเลพอร์ตไปก่อนซะแล้ว 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×