คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เข้าหา
CHAPTER 6
เข้าหา
ฉันฝันถึงโลกที่ปราศจากสงคราม
โลกที่สงบสุข
ไร้ซึ่งทหารเพราะทุกคนนั้นไม่มีจิตใจที่โหดร้ายมีแต่คนที่จิตใจดีแต่ทุกคนนั้นกลับมีทักษะการต่อสู้เพื่อใช้ป้องกันตัวเองแต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ฝัน
ฉันลืมตาตื่นขึ้นหลังจากตายเป็นครั้งที่ 3 ฉันไม่รู้ว่าฉันรอดมาได้ยังไงทั้งที่ที่ฉันตายมันเป็นดินแดนที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยลับขอบฟ้า
ฉันจำได้ครั้งสุดท้ายว่าฉันเทเลพอร์ตมาเพราะพลังของลูลัชพวกเขาเอาชีวิตของพวกเขาแลกกับฉันและอเล็กฉันไม่รู้ว่าเขาจะรอดมาไหมแต่ฉันก็ยังมีความหวังถึงแม้จะเล็กน้อย
ส่วนอเล็กที่เทเลพอร์ตมาพร้อมกับฉันนั้น...'อเล็ก...' ฉันลุกพรวดพราดขึ้นมองไปยังที่ๆเขาน่าจะโดนเผาทั้งเป็น
"ไม่อยู่..."
มันก็น่าจะเป็นอย่างงั้นเพราะเขาไม่ได้มีพลังในการรักษาตัวเองแบบฉัน
เขาน่าจะไม่เหลือแม้แต่ขี้เถาให้เห็นเพราะแสงแดดที่รุนแรงทำให้อุณหภูมิร้อนมากถึงขั้นกับสิ่งมีชีวิตหรือแม้แต่โลหะ
ละลาย 'แสงแดดเหรอ?'
"นี่มันอะไรกัน...โลกนี้มันหยุดหมุนรอบตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอทำไมที่นี่ถึงมืดครึ้มล่ะ"
"นั่นน่ะก็เพราะนี้ไง"
เสียงดังมาจากข้างหลังของฉัน เสียงนี้คงไม่ต้องคิดว่าเป็นใครนอกจากอเล็ก
'ไอ้หมอนี่มันตายยากจัง' ฉันนึกในใจ แต่ก็มีข้อสงสัยขึ้นมาในทันที
"ทำไมนายไม่ตายล่ะ
นายไม่มีพลังเหมือนฉันนี่น่าหรือว่านายจะมีพลังอื่นซ่อนไว้อีกเหรอ"
"อืม...ถ้าใช่แล้วทำไมเหรอ..."
"จะทำไมน่ะเหรอ! ทำไมนายไม่ใช่พลังอื่นที่นายมีช่วยพวกไวโอเล็ทกับพวกลูลัชล่ะ!"
ฉันเผลอตะคอกออกไป
"เห้ๆ ใจเย็นๆน่ะฉันมีหลายอย่างต้องทำ
นั่นทำให้สมองฉันรับไม่ไหวหรอกน่ะ ถึงฉันจะมีหลายพลังแต่ฉันใช้ได้ไม่เกินที่ล่ะ 2
พลังเท่านั้นและเพราะเหตุนั้นฉันจึงไม่สามารถช่วยพวกเขาได้"
"ตกลงนายมีกี่พลังกันแน่?"
ฉันพยายามทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาถึงตอนนี้ฉันจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขาน้อยมากแต่ฉันมันใจว่าเขาต้องฉลาดมากๆและมีอีกหลายอย่างที่ไม่ยอมบอกใครและคำตอบที่ฉันได้ยินจากปากของเขาหลังจากที่ฉันถามเขาไปมันเป็นคำตอบที่ฉันคาดไม่ถึง
"นับไม่ถ้วน"
"นายว่าอะไรน่ะ นับไม่ถ้วนงั้นเหรอ"
"พลังของฉันจริงๆคือก็อปบี้พลังของคนอื่นแต่ข้อแม้คือพลังคนอื่นจะอ่อนแอลงหรือก็คือความสามารถของพลังเหล่านั้นจะลดลงครึ่งหนึ่งยังไงล่ะ
เพราะเหตุนั้นฉันจึงไม่ตายเพราะฉันก็อบพลังของเธอมายังไงล่ะ"
"และนายก็ก็อบพลังของทุกคนที่นายเคยเจอใช่ไหม?"
"ใช่
แต่ถ้าฉันใช่พลังพร้อมกันหมดฉันคงจะตายหลังจากนั้นไม่นานแน่ๆหรือไม่ก็ใช้พลังที่ฉันถนัดที่สุด
นั่นคือควบคุมสมองหากฉันควบคุมมากเกินไปฉันก็คงไม่รอดเหมือนกัน"
เขาครุ่นคิดและพูดขึ้นต่อ
"เรื่องที่ฉันบอกกับเธอไปนั้นทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันในอดีตนั้นนั้นคือเรื่องจริงส่วนเรื่องโลกฝั่งนั่นน่ะฉันโกหก
ส่วนเรื่องการได้พลังพิเศษมานั้น...ผู้ที่จะได้รับพลังจะมีระดับพลังขึ้นอยู่กับความฉลาดในหัว
ส่วนเรื่องอื่นๆที่ฉันเล่าไปฉันก็ขอโทษด้วย ฉันโกหกไปเยอะนะ"
ความโมโหพุ่งขึ้นมาเต็มขีดฉันกำลังจะระเบิดอารมณ์ใส่เข้าเขาก็เดินเข้ามาเอามือปิดปากฉัน
"ไม่ต้องพูด ฉันเตรียมใจที่จะชดใช้ทุกอย่างไว้หมดแล้ว"
ถึงฉันจะไม่เข้าใจที่เขาพูด แต่เพราะคำว่า 'จะชดใช้' มันก็ทำให้ความโกรธลดลดลงบ้างเล็กน้อย
"แล้วจะอธิบายได้หรือยังว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น"
ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัดสุดๆ
แต่เขากลับตอบมาว่า
"เดี๋ยวซิ
เรื่องที่จะเกิดขึ้นมันต้องบ้าด้วยเหรอ"
เขาพูดด้วยเสียงที่กวนออกมาทำให้ฉันที่โมโหอยู่โมโหขึ้นไปอีก
"อเล็ก!!!!"
ฉันตะโกนออกมา
"โอเคไม่เล่นล่ะๆ
เรื่องราวในตอนนี้และแผนของฉันในการเข้าไปยังโดมที่อยู่ในดินแดนแห่งแสงซึ่งอยู่ข้างหน้าเรา
อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร และตอนนี้เกิดเหตุการณ์ที่หายากสุดๆ นั่นคือสุริยคราสแบบเต็มดวงจะทำให้แทบนี้มืดครึมทั้งหมด"
"นายจะใช้ช่วงเวลานั่นบุกใช่ไหม"
"ใช่แล้วล่ะ เมื่อความมืดกลืนกินแสงสว่างจนหมดเราจะบุก สุริยคราสครั้งนี้กินเวลานานถึง 20
นาที ถ้าเราพลาดไปไม่ถึงโดมนั้นล่ะก็เราได้ตายกันจริงๆแน่
เพราะไม่รู้ว่าอีกนานขนาดไหนกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกนี้เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของเรา"
"มีแค่สองคนจะใช้คำว่าบุกเหรอ? สองคนบุกไปหาหนึ่งกองร้อยเนี่ยน่ะ"
ฉันแอบขำ
"ใครว่ามีแค่เราล่ะ"
"แล้วจะมีใครอีก"
"รออีกนิดน่ะใกล้มาถึงแล้วล่ะ"
"ไหน?"
เวรี่เนี่ยมตัวหนึ่งกระโจนข้าหัวของฉันไป
"อะไรเนี่ย!"
เวรี่เนี่ยมอีกหลายร้อยตัวกระโดดตามกันมาพวกมันมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของอเล็ก
"ก็ฉันคุมมันได้นี้น่า"
"นายเอาจริงเหรอ?"
"จริงซิ"
ฉันว่าเขาคนนี้คงจะเป็นคนที่ทำอะไรทุ่มหมดตัวแน่ๆ
เพราะเขาต้องใช้สมองมากเป็นพิเศษและแน่นอนเขาจะมีอายุขัยที่สั้นลง
ฉันเดาว่าเขาคงจะควบคุมมันตั้งแต่ตอนแรกที่เราเริ่มออกจากดินแดนแห่งความมืดแล้วและเขาก็ยังควบคุมมันมาเรื่อยๆและไหนจะสื่อสารกับพวกลูลัชอีก
อายุเขาคงสั้นลงมากแน่ๆ
"นี่ถามหน่อยเป้าหมายจริงๆครั้งนี้ที่นายทำคืออะไรกันแน่"
"ฉันจะพลิกโลกนี้"
และนั้นก็เป็นคำตอบที่อเล็กตอบฉันก่อนที่อเล็กจะเริ่มวิ่งไปยังที่ที่ฉันจากมา
ดินแดนที่มีแสงสว่างแต่บันนี้มันได้เริ่มมืดมิดขึ้นอีกครั้ง ฉันวิ่งตามอเล็กไปเพราะไม่มีโอกาสได้ถามว่า
'นายจะพลิกโลกได้ยังไง' ฉันวิ่งห่างอยู่ข้างหลังเขาพวกเวรีเนี่ยมวิ่งอยู่รอบๆตัวพวกเรา
ถ้าจะถามว่าทำไมไม่ขี่เจ้าพวกเวรีเนี่ยมไปน่ะเหรอ ผิวหนังมันน่ะไม่น่าจับเลยซักนิดผิวหนังมันเหมือนหนังคางคกได้
'ให้ตายฉันก็ไม่จับ' บรรยายกาศครึ้มเหมือนฝนจะตกค่อยๆคลืบคลานไปข้างหน้าพร้อมกับเราที่วิ่งไป
ดวงอาทิตย์ค่อยๆถูกกลืนกินจนในที่สุดมันก็มืดมิด และอยู่ดีๆก็มีแสงสีขาวเกิดขึ้นจากด้านหน้าของฉันมันขยายออกเป็นวงกลมเข้ามาชนกับพวกเราแล้วก็หายไปฉันที่กำลังวิ่งอยู่จึงหยุดลงในทันที
"พวกนั้นหาเราเจอแล้วและตรงที่แสงนั้นกำเนิดขึ้นมาต้องเป็นที่ๆเซนเซอร์โผล่ออกมาเพื่อสแกนหาสิ่งที่อยู่ภายนอกโดมแน่ๆ"
อเล็กนั้นก็หยุดวิ่งพร้อมกับมองไปยังที่ๆแสงนั้นกำเนิดออกมา
ฉันมองไปฉันก็เห็นแต่ความว่างเปล่าทะเลทรายไกลสุดลูกหูลูตาและดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่น่าจะมีชีวิตอยู่ได้แต่
"อเล็กทำไมเดินทรายมันขยับได้ล่ะ"
"อลิชมานี่!"
ทรายที่เกิดเป็นเนินทรายสูงขึ้นยาวเหมือนสันเขาแต่มีขนาดเล็กค่อยๆพุ่งมาทางนี้และก็มีตัวบางอย่างโผล่ออกมาจากทราย
"อเล็กนั่นมันอะไรน่ะ!"
เขายังยืนมองนิ่งไม่ตอบ
แสงแดดค่อยๆหมดไปจากบรรยากาศมืดครึ้มกลายเป็นมืดมิดแต่ก็ยังพอมอเห็นตอนนี้ที่นี่เหมือนคืนเดือนหงายความสว่างมันก็มีแค่นั้น
เจ้าตัวที่มันโผล่ออกมานั้นมันโผล่ออกมาแค่ส่วนหัวส่วนลำตัวหน้าจะอยู่ข้างล่างภายใต้ทะเลทรายแห่งนี้
มันชูคอเหมือนงูเห่าชูคอเตรียมจะโจมตี มันทีลักษณะตัวมันคล้ายไส้เดือนถ้าฉันเดาไม่ผิด
แต่ติดตรงที่มันมีปากขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเต็มไปด้วยฟันหลายแสนซี่เพราะขนาดตัวมันรวมถึงปากมันนั้นใหญ่มากเหมือนท่อส่งน้ำตามเขื่อน
"ก็แค่พวกกระจอก"
อเล็กพูดออกมายังไม่ทันจบเวรีเนี่ยมสองตัววิ่งเข้าไปหาเจ้าตัวประหลาดตัวนั้นพร้อมกัน
ตัวประหลาดเอียงตัวไปยังเวรีเนี่ยมที่อยู่ทางขวามันอ้าปากของมันออกอีกทำเอาคิดว่ามันคงจะกลืนเวรีเนี่ยมตัวนั้นเข้าไปทั้งตัวโดยไม่ต้องเคี้ยว
แต่อเล็กก็ไม่รอช้าเขาพุ่งทะยานออกไปหาเจ้าตัวประหลาดตัวนั้นเขากระโดดขึ้นจากพื้นทรายและหวดหมัดเข้าไปตรงใบหน้าของสัตว์ประหลาดถึงแม้เขาจะต่อยไม่ถึงตัวมันแต่ดูเหมือนจะมีพลังอะไรบ้างอย่างที่ทำให้ส่วนหัวของเจ้าตัวประหลาดตัวนั้นหายไปทั้งหมด
มันหายไปเหมือนเอาลูกแตงโมตั้งไว้แล้วเอาค้อนปอนตีเข้าไปยังลูกแตงโมนั้น
"รีบไปต่อกันเถอะ!เร็วเข้าก่อนที่มันจะฟื้นขึ้นมา"
"ว่าไงน่ะ"
ฉันถามกลับไปด้วยสีหน้าที่งุนงง
"เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังตอนหลัง
หลังจากที่เราเข้าไปในโดมนั้น ตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้วแสงไล่หลังเรามาแล้ว"
ฉันมองกลับไปเริ่มเห็นแสงสว่างๆค่อยๆสว่างมากขึ้น
"เร็วเข้าอลิซ!"
พวกเวรีเนี่ยมได้ไปทำการทำลายกระจกที่คาดว่าหน้าจะเป็นของโดมจนเป็นรู
ฉันมองไปยังรูนั้น
ฉันมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในมันเป็นแสงที่เหมือนกับแสงของดวงอาทิตย์แต่ว่า...
"ก็ตอนนี้มันไม่มีดวงอาทิตย์นี้น่า..."
"รีบเร็วเข้าอลิซอย่าพึ่งลำลึกความหลังน่า!
ไปกันเร็วดูซิมีพวกตัวบ้านั่นมาอีกแล้วและคราวนี้ดูมันจะแข็งแกร่งสุดๆด้วย"
ฉันมองไปยังที่แสงค่อยๆสว่างขึ้นฉันเห็นเหมือนตะขาบยักษ์ขนาดเท่ารถไฟฟ้ากำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยความเร็ว
ฉันออกวิ่งแบบไม่ต้องคิดอะไรฉันรีบมุดเข้าไปในรูที่พวกเวรีเนี่ยมทำไว้
ขนาดรูที่ทำไว้นั้นเล็กมาจนต้องค่อยๆคลานเข้าไป
"เร็วซิ!"
"รู้แล้วน่า"
ฉันมุดเข้ามาจนได้
อเล็กก็มุดตามมาแล้วดูดเหมือนเขาจะใช้พลังในการปิดรูที่เราเข้ามาแล้ว
"เฮ้อ!...จะบ้าตายที่นี่มันใช่โลกแน่เหรอ"
ฉันอุทานออกมา
"ที่นี่ใช่ไหมเมืองแห่งแสง"
ภาพเมืองที่คุ้นหน้าคุ้นตา ตึกสูงตระงานเพียงหนึ่งเดียวทำให้มองเห็นได้ชัดเจนนอกนั้นจะเป็นอาคารสำนักงานทั่วๆไปและคนยังพลุกพล่านเหมือนเดิม
"คนที่นี่มีแต่คนอายุน้อยจังน่ะ"
"ก็ใช่น่ะซิพวกเรา
ยังไม่มีใครแกหรอกอย่างมากสุดอายุของคนที่นี่ก็แค่ 22 ปีเท่านั้นและ"
"งั้นเฉลี่ยที่นี่อายุประมาณ16-17ปีเป็นส่วนใหญ่ซิน่ะ"
"ใช่...เดี๋ยวน่ะ แล้วพวกเวรีเนี่ยมละ! นายคงไม่คิดจะใช้ฆ่าคนที่นี้ใช่ไหม!"
"ฉันไม่ทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรอกน่ะ"
อเล็กตอบมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"งั้นเราก็ไปหาพวกเขาที่นั้นกันเถอะ
ตึกสูงนั่นคือที่ๆควบคุมทุกอย่างภายในนี้"
"ทำไมเธอรู้ล่ะ?"
"ก็ฉันเคยอยู่ที่นี่น่ะซิ"
"เราจะแอบเข้าไป"
เขาเสนอแผนมา
"ไม่เราจะเดินเข้าไป ตรงๆนี้และ"
"ฮ่ะ"
เขาทำหน้างงพร้อมกับส่งเสียง 'ฮ่ะ' ออกมาฉันที่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของเขาเป็นครั้งทำเอาใจสั่นเหมือนกัน
"เชื่อฉันซิเพราะฉันคือคนที่ฉลาดที่สุดของที่นี่"
"เชื่อเขาเลย"
อเล็กยืนเกาหัวพร้อมกับเอามือเท้าเอวไว้ทั้งสองข้าง
"เหตุฉุกเฉิน! ขอให้ประชาชนทุกคนอพยพลงเมืองใต้ดิน ย้ำอีกครั้ง "
เสียงประกาศดังขึ้นทั่วทุกที่ทุกทิศทุกทาง
คนวิ่งพล่านประตูที่พื้นเปิดออก เหล่าวัยรุ่นวิ่งลงใต้ดิน ฉันและ
อเล็กที่ยืนอยู่นิ่งๆท่ามกลางฝูงคนที่วิ่งไปเข้าที่หลบภัย
ฉันยืนจ้องหน้าเขา หน้าตาเขานั้นหล่อมากจนทำให้ฉันแทบหันสายตาหนีไม่ได้ ผมสั้นสีดำใบหน้าอันขาวผ่องตัวสูงหุ่นนักกีฬา
เขาที่ยืนดูคนวิ่งลงหลุมหลบภัยหันหน้ากลับมามองตาฉันก่อนที่จะเอามือตบเข้าที่แก้มทั้งสองข้าง
"หมอบลงเถอะน่ะ"
ฉันที่มัวแต่ตลึงอยู่ถูกกดตัวลงติดพื้น
ลูกกระสุนถูกยิงมาจากด้านซ้ายและขวาแต่...
"นายมีพลังแบบนี้ด้วยเหรอ?"
"ฉันมีเยอะน่ะจะบอก"
เขาใช้พลังกางบาเรียป้องกัน
ครอบฉันเอาไว้กระสุนไม่สามารถทะลุมาได้และไม่สะท้อนกลับด้วย
"หยุดยิง!"
เสียงทหารนายหนึ่งสั่งหยุดยิงและกำลังจะขว้างระเบิดมา
แต่อเล็กดันบาเรียด้วยแขนทั้งสองข้างออกบาเรียขยายตัวออกเหมือนระเบิดที่ระเบิดออก
บาเรียของเขาทำลายกองทหารทั้งสองกองจนเละไม่มีชิ้นดี
"ตู้ม!"
เสียงระเบิดดังขึ้นหลังจากที่อเล็กระเบิดพลังบาเรียออกไปแล้ว
"นั่นคงจะเป็นระเบิดที่จะโยนเมื่อกี้นี่ล่ะมั้ง"
ฉันพูดพลางมองไปยังกองไฟที่มีแต่ฝุ่นควัน
"อลิชฉันว่าเราคงไม่ต้องไปหาพวกเขาแล้วล่ะ
เขามาหาพวกเราแล้ว"
ฉันหันไปมองตามที่อเล็กพูด ใช่โอกัสมาพร้อมกับทหารประมาณ 20 นายใส่ชุดสีขาวดูแล้วน่าจะเป็นเกราะอะไรซักอย่างและมี...
"ไลท์ทำไมเธอถึงไปอยู่นั้นล่ะ!"
ฉันตะโกนออกไป ไลท์และเด็กชายนิรนามยืนอยู่ข้างๆเขาพร้อมกับโดนทหารล็อกตัวไว้
"เธอต้องมาหาฉันอลิชแล้วทุกอย่างจะได้จบ"
กัสพูดขึ้น เขายังคงใส่ชุดสีขาวทั้งเสื้อและกางเกงเหมือนเดิม
ฉันมองหน้าอเล็กแต่อเล็กไม่มองหน้าฉันกลับ แต่เขามองไปยังกัสด้วยสีหน้าโกรธสุดๆ
"ไม่มางั้นซิน่ะ
งั้นเรามาจบเรื่องนี้กันแบบนองเลือดกันดีกว่าในเมื่อ...เธอไม่ชอบสันติ"
ทหารที่ล็อกตัวไลท์ไว้และเด็กชายนิรนามเอาปืนปกสั้นออกมาจ่อที่หัวทำท่าจะยิง
"ลั่นไก!"
กัสสั่งทันทีหลังจากที่เอาปืนจ่อหัว
"ไม่น่ะ!!!!"
ฉันตะโกนออกไป อเล็กยื่นมือออกไปข้างหน้าเพียงเสี้ยววินาทีพวกเขาทั้งสองคนถูกเทเลพอร์ตมายืนอยู่ข้างๆฉัน
เสียงปืนดังขึ้น
"ปัง!"
ทหารสองนายยิงปืนใส่อากาศและสิ่งที่อเล็กเทเลพอร์ตกลับไปให้คือระเบิดมือของทหารพวกนั้น
ระเบิดลอยไปอยู่ตรงหน้าของพวกเขา
"คืนของ!"
อเล็กตะโกน
"บู้ม!"
หลังจากอเล็กพูด ระเบิดก็ระเบิดออก
แรงๆระเบิดแรงมากจนทำให้กระจกแถวนั้นแตกกระจายถึงฉันจะยื่นห่างจากรัศมีระเบิดอยู่พอสมควรแต่ก็รู้สึกได้ว่าระเบิดมันรุนแรงมากกว่าระเบิดปกติ
"มานี่ทุกคน"
เขาจับมือฉันฉันจับมือไลท์ส่วนไลท์จับมือเด็กชายนิรนามคนนั้นเราถูกเทเลพอร์ตมาอีกครั้ง
ฉันถูกอเล็กเทเลพอร์ตมายังที่ๆหนึ่งซึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ข้างหน้า
"ลูลัช ไวโอเล็ท ดาร์ค!"
ฉันวิ่งเข้าไปหาพวกเขาแบบไม่รอช้า
"ดีใจมากเลยที่เจอ"
อเล็กพูดตัดบทในทันทีหลังจากฉันพูดคำว่าดีใจ
"เอาล่ะเมื่อคนมาครบแล้วอย่ารอช้าบุกไปกันเลย!"
ฉันที่ยังไม่ทันได้ถามอะไรถูกเขากุมมือและคนๆก็กุมมือต่อๆกัน
"เฮ้! เดี๋ยวซิ ฉันยังไม่ได้ถามเล-"
ฉันจะตะโกนออกมาแต่นั้นมันก็สายเกินไป
ฉันถูกเทเลพอร์ตไปก่อนซะแล้ว
ความคิดเห็น