ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    New aGe

    ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องราว

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 58


    CHAPTER 2

    เรื่องราว

                    เด็กๆวิ่งอยู่ในสนามเด็กเล่น ท้องฟ้าที่แจ่มใส สายลมที่พัดเบาๆผ่านตัวของฉัน ฉันนั่งอยู่ตรงม้านั่งข้างสนาม 'ฉันฝันเหรอเนี่ย' ฉันจำได้ว่าโลกได้ล่มสลายไปแล้วและฉันตกลงมาในหลุมและพวกตัวประหลาดรูปร่างคล้ายมนุษย์นั้นกำลังพุ่งตรงมาหาฉัน 'ตื่นซิ' ฉันได้ยินเสียง เสียงใครบางคนเรียกฉัน แต่ในสนามเด็กเล่น ฉันเห็นเพียงเด็กๆเท่านั้นเด็กทุกคนกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน 'ตื่นซิ' อีกแล้วได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว ฉันมองไปรอบขณะที่กำลังนั่งอยู่บนม้านั่ง 'ตื่นซิ' เสียงดังมากขึ้นทุกทุกครั้งที่ฉันได้ยิน 'ตื่นซิ' เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิง ฉันจึงลุกเดินตามหาต้นตอของเสียง ฉันเดินออกมาจากสนามเด็กเล่น ทันใดนั้นทุกอย่างก็มืดมิด 'นี่มันอะไรกันทำไมภาพที่เป็นสนามเด็กเล่นและท้องฟ้าที่สดใสถึงกลายเป็นความมืดมิดไปได้' ในความมืดมิดนั้นเริ่มมีเสียงเกิดขึ้น เสียงร้องของคน คนที่กำลังจะตายเหมือนกำลังถูกบางอย่างกัดกิน ทำให้ทรมาน ใช่มันเป็นเสียงของคนที่ทรมานเพราะความเจ็บปวดและแล้วฉันก็เริ่มมองเห็น ภาพที่อยู่ข้างหน้าของฉัน คนหลายสิบคนกำลังถูกรุมกัดกินด้วยตัวประหลาดนับร้อย 'ช่วยด้วย!' พวกเขาพยายามยืนมือขอความช่วยเหลือและมองมาทางฉัน สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฉันไม่สามารถทำอะไรได้ ฉันได้แต่เพียงยืนนิ่งๆ เพราะช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้า ตัวประหลาดตัวหนึ่งได้หันมาทางฉัน ถึงพวกมันจะไม่มีดวงตาแต่รู้สึกได้ว่าพวกมันมองอยู่ 'วิ่งซิเร็วเข้า อลิซ!วิ่ง' สมองฉันสั่งการ ขาเริ่มขยับ ฉันวิ่งออกจากที่ตรงนั้นพร้อมกับมือที่ปิดหูตัวเองเอาไว้ 'ฉันช่วยพวกเธอไม่ได้จริงๆ...ฉันขอโทษ' น้ำตาเริ่มไหล ขาที่ยังวิ่งต่อไปแบบไร้จุดหมายมือที่ปิดหู มันยังคงวิ่งตามฉันมา ตัวประหลาดตัวนั้น 'อ่ะ!' ฉันสะดุดล้มลง ฉันกลิ้งลงกับพื้นฉันตะเกียกตะกายลุกขึ้น พอฉันกลับไปมอง มันก็กระโดดเข้ามาใส่ฉัน

    "ไม่...............!"

    ฉันตะโกนออกมาพร้อมกับดวงตาที่ตื่นขึ้นเหงื่อแตกเต็มมือไปหมดพร้อมกับเสียงหายใจที่หอบเหมือนหมดของฉัน

    "ที่นี่ที่ไหน?"

    ฉันพูดถามกับตัวเองก่อนจะมองไปรอบๆ ที่นี่มีลักษณะเป็นห้อง 'ฉันนอนอยู่ในห้อง เตียงคนไข้นี้นา' ทำไมฉันถึงมานอนที่นี่ได้ล่ะเนี่ย แล้วทำไมเพดานที่นี่ถึงมีแสงสว่าง 'หินเรืองแสง' ที่นี่มันอะไรกันเนี่ยทำไมหินถึงเรืองแสงได้ ฉันลุกออกจากเตียง

    เอี๊ยด....... เสียงเปิดประตูดังขึ้นฉันหันไปทางประตูที่เปิดออกมีคนยืนอยู่และกำลังเดินเข้ามา

    "นั่นใครน่ะ"

    ฉันส่งเสียงออกไป เธอจึงหยุดก่อนจะเดินเข้ามาต่อพร้อมกับพูดขึ้นว่า

    "ทำไมทุกคนที่ตื่นขึ้นมาในที่ที่ไม่เคยรู้จักแล้วพอเห็นคนเดินเข้ามาต้องถามแบบนี้ทุกคนเลยด้วยน้า...."

    เธอเดินออกมาจากตรงประตูที่มีเงาบังอยู่ หญิงสาวอายุราวๆเท่ากับฉันผมยาวสีดำตัวสูงราวๆ160เซนติเมตรเห็นจะได้ ผิวขาวซีด ซีดยังไงน่ะเหรอ สีขาวซีดซีดเหมือนศพแต่ถึงอย่างงั้นมันก็เข้ากับหน้าตาของเธอ

    "ฉัน ไวโอเล็ทหญิงสาวอายุ 17 ปี ซึ่งพอๆกับเธอนั้นและ"

    เธอพูดออกมาก่อนฉันจะถามต่อว่า

    "ที่นี่ที่ไหนทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ พวกเธอเป็นใคร ทำไมที่นี่ถึงมีแสงสว่างได้ แล้วทำไม..."

    "พอๆ เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังทั้งหมดเอง"

    เธอตัดบทพูดของฉัน ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับแล้วก็พูดขึ้นว่า

    "ตามฉันมาซิ ฉันจะพาเธอไปไขความลับที่พวกเธออยากรู้ทั้งหมดเอง"

    "ห๊า?"

    ฉันได้แต่ทำหน้างง ก่อนจะก้มมองชุดของตัวเองซึ่งฉันพึ่งจะรู้สึกได้เมื่อกี้ว่าชุดกันรังสีของฉันหายไปเหลือไว้แต่ชุดที่ฉันใส่ 'แล้วอย่างงี้ฉันจะไม่โดนรังสีเหรอเนี่ย แต่ว่าเธอคนนั้นก็ไม่มีชุดป้องกันรังสีนี้น่า แปลว่าแถวนี้คงจะไม่มีรังสีงั้นซิน่ะ' ฉันจึงเดินตามเธอออกไปจากห้อง

    เราเดินมาตามอุโมงค์ทางเดินที่ผนังของอุโมงค์เป็นหิน

    "เราจะเดินไปที่ไหนกัน"

    เธอเงียบไม่ยอมตอบได้แต่เดินต่อไป

    "ถึงแล้ว"

    เธอพูดออกมาขณะที่กำลังเดินพ้นอุโมงค์ออกไปฉันเดินตามออกมาหลังเธอเล็กน้อย 'ที่นี่มัน...อะไรกันเนี่ย?'

    "ยินที่ต้อนรับสู่ ที่ๆพวกเราอยู่กัน เราเรียกที่นี้ว่าดินแดนสุดท้าย"

    "ทำไมฉันถึงไม่รู้มาก่อนว่ามีที่แบบนี้อยู่ ทั้งที่ดาวเทียมน่าจะจับและวิเคราะห์ได้นี้น่า"

    ฉันตกตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ถ้ำขนาดมหึมาขนาดๆกับสนามฟุตบอลเพดานถ้ำสูงขึ้นไปประมาณ 1 กิโลเมตรเพดานถ้ำนั้นเรืองแสง ที่นี่มีคนทั้งชายและหญิงยืนอยู่รวมกันไปหมด ต่างคนต่างพูดคุยกระซิบกัน 'อายุประมาณเท่าๆกันหมดนี้เลยซิน่ะ ทั้งหมดคงมีประมาณ 70 คน' ฉันคิดพลางมองพวกเขา

    "นี่...ทำไมพวกเธอถึงอยู่ในถ้ำแบบนี้ได้ล่ะ หินเรืองแสงที่อยู่ที่เพดานนั้นมันอะไร แล้วไหนจะรังสีจากนิวเคลียร์ พวกเธอมีชิวิตอยู่ได้ยังไงกันในที่แบบนี้"

    ฉันส่งเสียงถามไวโอเล็ท ทุกคนที่อยู่ในถ้ำที่กำลังยืนคุยยืนกระซิบกันต่างพากันหยุดและมองมาทางฉันก่อนที่ไวโอเล็ทจะตอบกลับมาพร้อมกับมองหน้าฉัน

    "พวกเราลงมาที่นี่ ถ้ำนี้เมื่อตอนเกิดสงคราม พวกเราทั้งหมด 100 คนลงมาที่ถ้ำแห่งนี้แต่มีเพียง 70 เท่านั้นที่รอดมาได้ พวกเรามีเวลา 10 นาทีก่อนนิวเคลียร์ลงถึงพื้นโลก ทำให้เราพยายามทุกวิถีทางเพื่อลงมาในถ้ำที่มีความลึก 3 กิโลเมตรเพื่อให้ตัวเองรอด"

    "อีกสามสิบคนไปไหน?"

    "อีกสามสิบคนน่ะเหรอ?...ตายหมดแล้วล่ะ ทางลงมาสู่ที่นี่นั้นคดเขียว ลาดชัน คับแคบแถมยังมีหินแหลมคอยเสียบร่างของคนที่พลาดลื่นไถล ร่างกระแทกหินบ้าง โดนเสียบบ้าง ฉันหรือแม้แต่ใครในตอนนั้นก็ไม่สามารถช่วยใครได้เลย"

    'ไม่สามารถช่วยใครได้... ' ภาพที่ไม่อยากนึกก็ลอยเข้ามาในหัว ภาพที่ทุกคนโดนรุมฉีกร่างแล้วฉันวิ่งหนีออกมาคนเดียว

    "ว่าแต่เธอชื่ออลิชสิน่ะ"

    "เธอรู้ชื่อฉันได้ยังไง?"

    "มันมีชื่อติดอยู่ในชุดอันนั้นของเธอน่ะซิ"

    เธอพูดพลางชี้ไปที่ที่หนึ่ง ฉันหันไปมองตามมือที่เธอชี้ไปยังชุดกันรังสีของฉัน ทำให้ฉันนึกได้ว่าจะถามอะไรต่อจากนี้ไป

    "แล้วที่นี่ไม่มีรังสีเหรอ คงไม่มีซิน่ะ ถ้ามีพวกเธอคงตายกันหมดแล้ว"

    "รังสีเหรอ? ฮ่าๆๆๆ"

    เธอพูดเพราะกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับใบหน้าที่อมยิ้มเล็กน้อย ทุกทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็เหมือนกันต่างพากันหัวเราะออกมาเล็กน้อย บางคนก็กลั้นไว้ บางคนก็ปล่อยหัวเราะออกมา 'ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่หัวเราะเลยล่ะ' ฉันเหลือบไปมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไกลออกไป เขาไม่มีที่ท่าว่าจะหัวเราะหรืออะไรเลย

    "เอาล่ะมาต่อกัน"

    ไวโอเล็ทพูดขึ้น ทำให้ฉันล่ะสายตาจากชายคนนั้นแล้วหันมาฟังไวโอเล็ทพูดต่อ

    "ฟังฉันดีๆน่ะอลิช ที่นี่น่ะมีรังสีอยู่ทุกหนทุกแห่งนั่นและ แต่รังสีของที่นี่เป็นสารรังสีชนิดใหม่ที่เกิดมาจากสารกัมมันตรังสีอีกที ฉันไม่แน่ใจว่าสารกัมมันตรังสีที่เกิดจากนิวเคลียร์ไปทำปฏิกิริยากับสารหรืออะไรเข้าถึงกลายเป็นสารรังสีแบบนี้ แต่ที่นี่พวกเราทุกคนได้รับรังสีจนมี พลังที่มนุษย์ปกติไม่มี"

    'พลังที่มนุษย์ปกติไม่มีเหรอ....เรื่องแบบนี้มันอะไรกันเนี่ย' ฉันคิดทั้งที่ฉันยังตลึงกับเรื่องราวที่อยู่ตรงหน้า

    "พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่มีพลังกันทุกคน ซึ่งพลังของแต่ล่ะคนจะไม่เหมือนกันและเราแบ่งอันดับไว้ตั้งแต่อันดับหนึ่งถึงเจ็ดสิบ ฉันนั้นอยู่อันดับที่ห้า พลังของฉันคือมอดไหม้ เป็นพลังที่สามารถสร้างไฟได้เป็นไฟจริงๆที่สามารถฆ่า...ได้"

    "แล้วพวกเธอที่นี่กินอะไรกันล่ะทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ได้ แล้วฉันล่ะ ฉันที่โดนถอดชุดออกแบบนี้จะเป็นแบบพวกเธอไหม"

    ฉันพูดด้วยความกลัวและเสียงที่สั่น 'ฉันจะเป็นแบบพวกนั้นเหรอ...? แต่มีพลังที่มนุษย์ปกติไม่มีงั้นเหรออาจจะดีก็ได้น่ะ'

    "ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอจะเป็นแบบฉันไหมน่ะ แต่ที่นี่พวกเรากินหินที่เกิดจากรังสีรวมตัวกันแต่มีสารที่ร่างกายต้องการทุกอย่าง มันเป็นหินอย่างงั้นจริงๆ"

    'หินที่เกิดจากรังสี...บ้าน่า...จะมีได้ยังไง แถมยังมีสารที่ร่างกายต้องการแบบครบถ้วนอีก' ฉันคิดขนาดที่ไวโอเล็ทเอามือมาเตะที่ไหล่ของฉัน ขณะที่ฉันยืนนิ่งจากนั้นเธอจ้องหน้าฉันด้วยสีหน้าที่จริงจัง

    "อลิชฟังฉันน่ะ ที่นี่น่ะคือดินแดนที่การฆ่าคือสิ่งที่ถูกถ้าเธอยังไม่เป็นแบบพวกเราเธอจะเป็นแบบพวกข้างนอกนั้น ตัวประลาดพวกที่นั้นเกิดจากมนุษย์ที่รอดตายแล้วได้รับรังสีชนิดนี้แต่สมองของพวกเขาไม่สามารถรับได้จึงกลายเป็นแบบนั้น ใช่พวกเราที่นี่ก็อาจจะกลายเป็นแบบนั้น แต่พวกเราก็ได้พบหินที่สามารถยับยั้งรังสีและแปลเปลี่ยนให้เป็นพลังได้ นั่นก็คือเจ้านี้ไงล่ะ"

    เธอยิบหินก้อนหนึ่งมาจากคนที่เดินเอามาให้เธอ หินมีลักษณะเป็นสีขาวส่องแสงอ่อนๆ

    "ภายนอกอาจจะดูเหมือนหินธรรมดาที่แข็งมาก แต่จริงๆแล้วเมื่อโดนน้ำลายของเรามันจะนุ่มเหมือนเจลลี่เลยล่ะ ส่วนรสชาติของมันจะเปลี่ยนไปตามสิ่งที่คนกินคิด ถ้าเธอคิดให้หวานมันจะหวาน ถ้าคิดให้ขมมันจะขม เอาล่ะนี้ของเธอ"

    เธอยื่นหินก้อนนั้นมาให้ฉัน ฉันรับมันมาจากเธอ 'นี่ฉันต้องกินเจ้านี่เหรอเนี่ย ฉันจะเชื่อใจคนพวกนี้ได้เหรอ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย'

    "เชื่อฉันอลิช เชื่อใจในพวกเรา"

    เธอพูดด้วยความจริงจัง ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างพากันยืนขึ้นและมองมาทางฉัน 'เขาอีกแล้ว' ชายคนที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้ยังนั่งอยู่ไม่ยิ้มไม่พูด

    "งั้นก่อนกินมันฉันขอถามก่อนใครเป็นคนช่วยฉัน"

    "เขาไง"

    เธอชี้ไปยัง 'หมอนั้นน่ะเหรอ' ชายคนที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้

    "เขาคืออันดับสอง เป็นคนที่เก่งที่สุดก็ว่าได้ เอาล่ะจะไม่มีเวลาแล้วจัดการซะอลิช"

    ฉันมองที่ก้อนหิน 'เป็นไงเป็นกันว่ะ' ฉันกินหินก็นั้นเข้าไป รสชาติเป็นไปตามที่คิดจริงๆ แถมยังนุ่มเหมือนที่ไวโอเล็ทบอกด้วย

    "อ่ะ!"

    ฉันรู้สึกเจ็บที่หัวเหมือนมีอะไรแทงเข้ามา 'เมื่อกี้มันอะไรกัน' ฉันเจ็บแค่แป๊บเดียวแต่เจ็บมากและตอนนี้มันหายไปล่ะ

    "อลิชเธอไม่เป็นไรน่ะ"

    "อ่า ฉันไม่เป็นไรล่ะ แต่ฉันแค่รู้สึกเจ็บที่หัวแต่ตอนนี้หายไปแล้วล่ะ"

    "งั้นเหรอดีแล้วล่ะ เพราะเธอมีพลังแล้วล่ะ"

    "ห๊า..."

    ฉันทำหน้างง 'มีพลังแล้วงั้นเหรอฉันเนี่ยน่ะ' เสียงปรบมือดังขึ้นทุกๆคนต่างพากันวิ่งเข้ามาพูดคุยกับฉันจับมือฉันบ้างก็ถามว่า 'ดินแดนแห่งแสงเป็นไงเหรอ','มีนกบินไหมอ่ะ' ฉันก็ตอบตามความสามารถที่ฉันสามารถตอบได้ และเขาก็เดินเข้ามาชายคนที่ช่วยฉัน

    "สวัสดี ฉันอเล็กซิส เธอคืออลิชสิน่ะ"

    "อ่าใช่ค่ะ"

    "พูดกับผมไม่ต้องมีค่ะหรอก ผมชิวๆน่ะ"

    "งั้นเหรอ...งั้นฉันขอเรียกแค่อเล็กน่ะ"

    "โอเค"

    "นี่พวกเธอทั้งสองคนน่ะ เข้าเรื่องได้แล้วมั้งอเล็ก"

    ไวโอเล็ทพูดแทรกขึ้นขณะที่ฉันกำลังพูดคุยกับอเล็ก จากนั้นอเล็กก็พูดต่อว่า

    "ตอนนี้พวกเราที่นี่ทุกคน ไม่เคยเห็นแสงจากดวงอาทิตย์มาเป็นเวลานานแล้วแต่จะให้ออกไปเจอแบบเต็มๆเลยไม่ได้หรอกเพราะพวกเราถูกออกแบบให้อยู่ในความมืดแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันอยากให้เธอติดต่อกับพวกของเธอที่อยู่ฝั่งนั้น เพื่อพาเราออกไปจากที่นี้ เธอมีวิทยุที่อยู่ที่ชุดนั้นน่าจะติดต่อได้น่ะ"

    เขาพูดพลางชี้ไปยังชุดของฉัน

    "ฉันสามารถติดต่อได้ก็จริงน่ะ แต่ว่าเราต้องขึ้นไปข้างบนนั้น ตรงบริเวณที่เครื่องบินลงจอดน่ะ"

    "ทำไมล่ะ?"

    เขาถามกลับมาหาฉัน

    "ตรงนั้นเราสามารถติดต่อได้ดีที่สุดเพราะบริเวณนั้นมีเครื่องขยายสัญญาณติดตั้งอยู่ ถ้าอยากไปจากที่นี้จริงๆเราต้องไป"

    ฉันตอบเขาด้วยความจริงจัง เขาก็รับทราบด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนกัน เขาหันไปมองไวโอเล็ทเหมือนจะรู้ใจกันก่อนจะหันมาหาฉัน

    "เราขึ้นไปได้...แต่งานนี้ท่าทางจะต้องมีคนตาย..."

    "มีคนตายเหรอ?"

    ฉันถามกลับไปด้วยสีหน้าตกใจ

    "ใช่ถึงพวกอันดับสูงๆของพวกเราจะไม่ตายแน่นอนแต่ว่าพวกอันดับท้ายๆอาจจะตายกัน"

    "ทำไมเราไม่ไปแต่อันดับสูงๆล่ะ ก็บอกพวกอันดับท้ายๆให้พวกเขารออยู่ที่นี่ก็ได้นิ"

    "เราไม่มีทางสู้พวกนั้นได้หรอก ถ้าไปกันแค่สิบยี่สิบสามสิบคนต่อให้มีพลังมากมายขนาดไหนแต่ทุกอย่างมีขีดจำกัดของมันเสมอ พูดให้ถูกก็คือพวกเราทุกคนที่นี้นั้น มีพลังที่เกิดจากรังสีทำปฏิกิริยากับสมองเมื่อพวกเราใช้สมองหนักกันเกินไปเธอคงรู้ซิน่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นและระดับพลังของพวกเราก็ขึ้นอยู่กับความฉลาดของสมองของแต่ล่ะคน ที่นี่พวกเราจะต้องสู้กับพวก 'เวรีเนี่ยม' ชื่อที่พวกเราใช้เรียกพวกตัวประหลาดนั้น พวกเวรีเนี่ยมนั้นล่ากันเหยื่อเป็นฝูง"

    "ฝูงล่ะเท่าไหร่ล่ะ สี่สิบห้าสิบตัวเหรอ"

    ฉันถามกลับไปหาเขาก่อนที่เขาจะส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า

    "มันไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้นในดินแดนแห่งนี้หรอก พวกมันล่ากันเป็นฝูง ฝูงใหญ่ ฝูงล่ะเป็นพันตัว"

    ฉันตะลึงกับคำพูดของเขา 'พันตัว....เนี่ยน่ะเกินไปไหม'

    "บ้าน่าอะไรมันจะเยอะขนาดนั้น...."

    ฉันพึมพำออกไปก่อนที่อเล็กจะหันหลังกลับไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วตะโกนออกไปว่า

    "เราจะออกไปข้างนอกกัน เพื่อทำการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากพวกเขา 'ดินแดนแห่งแสง' เพื่อจะให้พวกเขาพาเราออกไปจากที่นี่ มีใครจะออกไปลุยมั้ง!"

    หลังจากนั้น เสียงของทุกคนก็ตะโกนขึ้นพร้อมกัน

    "เอาด้วย!"

    "ทุกคนคงรู้ว่างานนี้เป็นยังไง ถ้าส่งสัญญาณได้เราจะรอด ถ้าไม่ได้เราจะตาย....ตายกันหมด"

    อเล็กยังคงพูดปลุกใจออกไป ฉันหันไปหาไวโอเล็ทแล้วก็พูดว่า

    "นี่...เพราะแบบนี้ซิน่ะที่เขาได้เป็นอันดับสอง"

    "อื้ม....ก็คงใช่"

    ไวโอเล็ทตอบกลับมาพร้อมกันหันมายิ้ม

    "แล้วนี่อันดับหนึ่งคือใครเหรอ?"

    "อันดับหนึ่งเหรอ....เอ่อ...."

    เธอพูดพลางทำสีหน้ากังวล

    "เป็นอะไหมไวโอเล็ท"

    "ไม่ๆฉันไม่เป็นไร อันดับหนึ่งของที่นี่น่ะ ทุกคนที่เป็นอันดับหนึ่งตายกันหมดทุกหมด"

    "ว่าไงน่ะ?"

    "ใช่อลิชเธอฟังไม่ผิดหรอกตายกันหมด พวกเราจึงเว้นไว้ เพื่อรอคนที่มีพลังอมตะมาเป็นอันดับหนึ่ง"

    ฉันได้แต่ตะลึงกับเรื่องราวของดินแดนแห่งนี้ เรื่องราวที่ทุกเรื่องมักตรงกันข้ามกับดินแดนแห่งแสงเสมอ มันไม่มีประโยชน์ที่จะถามคำถามต่อไป

    "อลิช ทุกคนพร้อมแล้วล่ะ"

    อเล็กหันมาพูดกับฉันพร้อมกับส่งแท็ปบุ๊คมาให้ฉัน

    "ขอบใจอเล็ก เราจะไปกันตอนนี้เลยเหรอ"

    "ใช่แล้ว เราจะไปกันตอนนี้เลย พวกเขาใช่เวลานานเท่าไหร่กว่าจะมาถึงนี้"

    "คงไม่นานหรอก พวกเขามาด้วยยานความเร็วแสงคาดว่า ถ้าส่งสัญญานแล้วพวกเขารับรู้ เขาจะมาถึงนี้ในเวลาไม่เกินหนึ่งนาที"

    ฉันตอบเขาไปแต่ดูเหมือนอเล็กจะพูดต่อแต่หยุดไปก่อน จากนั้นเขาก็พูดขึ้นต่อ

    "พวกเขาจะมาแน่น่ะ..."

    "ฉันไม่รู้"

    จากนั้นอเล็กก็บอกทุกคนให้ขึ้นไปด้านบน ส่วนไวโอเล็ทก็ตามกลุ่มคนเหล่านั้นไป 'แล้วฉันล่ะเฮ้ย นี่ฉันต้องวิ่งไปเหรอ'

    "นี่แล้วฉันล้า........!"

    ฉันตะโกนออกไปหาไวโอเล็ท จากนั้นเธอก็หันมายิ้มให้แล้วก็วิ่งต่อไป 'อ้าว...ยัยนี่กวนประสาทฉันนิหว้า'

    ขณะที่ฉันกำลังจะวิ่งตามไปนั้น

    "สวัสดี คุณอลิช ผมหมายเลขสามเพื่อนของอเล็กจะพาคุณออกไป"

    จากนั้นเขาก็จับมือฉัน

    "ฮะ ฮะ เฮ้ ทำอะไรน่ะ"

    "พาคุณออกไปไงล่ะ"

    เขายิ้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนหวานแต่เยือกเย็นด้วยหน้าตาที่หล่อทำให้ดูเยือกเย็นเข้าไปอีก เพียงพริบตาเดียวฉันก็ออกมาอยู่ด้านนอกถ้ำ 'ดินแดนแห่งความมืดของจริงซิน่ะ' เขาหายไปแล้วเมื่อกี้ยังยืนอยู่เลยนี่น่า

    "อลิช"

    เสียงเรียกชื่อฉันมาจากด้านหลังฉันหันกลับไป

    "อเล็ก...เมื่อกี้มีคนพาฉันออกมาแต่เขาหายไปแล้วล่ะ"

    "อ๋อเพื่อนฉันเองล่ะมีพลังในการเทเลพอร์ตหรือสามารถเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้น่ะ"

    "งั้นซิน่ะ พอแต่ว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้"

    "ทุกคนมาครบกันแล้วซิน่ะ"

    ไวโอเล็ทที่ตามหลังมาถามขึ้น

    "ฉันว่าน่าจะครบแล้วล่ะ"

    ฉันทำการกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังจากนั้นอเล็กก็ตะโกนขึ้น

    "เอาล่ะเริ่มงานได้ พวกเราเดินหน้า ลุย!"

    จากนั้นทุกคนก็วิ่งไปพร้อมกับฉันที่วิ่งนำไปยังที่ที่ฉันลงมายังดินแดนแห่งนี้ครั้งแรก 'เอาล่ะจะได้กลับกันซักที กลับสู่ดินแดนแห่งแสง'

     

     

     

                     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×