ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    New aGe

    ลำดับตอนที่ #1 : อีกฝากฝั่ง

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 58


    CHAPTER 1

    อีฝั่

                    โลกดาวที่อาศัยอยู่ของสิ่งมีชีวิต มีทั้งแสงตะวันแหล่งน้ำและอากาศที่สมบรูณ์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งที่เกิดมาเพื่อทำลายโดยเฉพาะ นั้นคือมนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดเก่งกาจ พร้อมทำลายทุกสิ่งเพื่อให้ตัวเองรอด เพื่อให้มีอำนาจ มนุษย์ได้ทำการต่อสู้กัน หรือที่เรียกกันว่า ทำสงคราม เข้าห้ำหันกัน เพื่อแย่งชิงอำนาจซึ่งกันและกัน แต่......สงครามไม่เคยมีผู้ชนะ มีแต่ผู้แพ้และสูญเสีย ต่างคนต่างไม่ยอมกัน ถึงจะสูญเสียซักเท่าไหร่ ก็ตาม

                    ทุกอย่างย่อมมีการพัฒนา สงครามก็เช่นกัน เมื่อสูญเสียมากไป จึงต้องใช้ทางออกสุดท้าย 'นิวเคลียร์' อาวุธที่การทำลายล้างเป็นที่สุด 'ยิงพร้อมกัน' ต่างคนต่างใช้นิวเคลียร์ยิงใส่กัน ...... ผลที่ได้เกินคาดฝัน

                    สารกัมมันตภาพรังสี บนเปื้อนทุกแห่งหน มนุษย์เกือบสูญพันธุ์ สัตว์เกือบทุกชนิดหายไปหรือก็คือสูญพันธุ์ และที่สำคัญแรงระเบิดนั้นทำให้โลกหยุดหมุนรอบตัวเอง......ไร้ซึ่งกลางวันและกลางคืน มีเพียงแสงแดดและความมืดเท่านั้น

                    โลกที่ฉันอาศัยอยู่นั้น เป็นโลกของแสงแดด พวกเราที่นี้ก็พากันเรียกกันแต่อย่างนั้นและ แสงอาทิตย์ไม่เคยลับขอบฟ้ามา 11 ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่โลกสั่นไหวเพราะนิวเคลียร์ ทั้งโลกสั่นไหวรุ่นแรงพอๆกับ แผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ ทุกอย่างพังทลายราบเป็นหน้ากลอง ตึกรามบ้านช่อง กลายเป็นผงภายในไม่กี่สิบวินาที ในตอนนี้ที่อาศัยอยู่แห่งสุดได้ที่มีการยืนยัน คือที่นี้ ใจกลางทวีปเอเชียเป็นที่ที่มีรังสีน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีการสำรวจมา พวกเราอาศัยอยู่ในโดม โดมที่ครอบพวกเราอยู่ โดมนั้นมีขนาดกว้างประมาณสิบกิโลเมตร สูงขึ้นเฉียดชั้นบรรยากาศชั้นแรกของโลก พวกเราอาศัยนอนกันที่ใต้ดิน เมืองใต้ดินของเรานั้นลึกลงไปมีหลายชั้น ส่วนเมืองบนดินมีไว้เพื่อทำงาน ปฏิบัติภารกิจต่าง ที่นี้พวกเราเรียนจบตอนอายุสิบห้าปี ทำงานตอนอายุสิบหกปี แต่งงานตอนอายุสิบเก้าถึงยี่สิบปีโดยประมาณ ที่นี้การตั้งครรภ์ก่อนไว้อันควรนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ดีซะอีกเพราะจะได้เพิ่มประชากรมนุษย์ การคลอดลูกนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปเพราะเด็กนั้นเกิดจากหลอดแก้ว สามารถกำหนดเพศได้ เพิ่มระดับสติปัญญา เป็นการนำทารกที่ขณะยังเป็นตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์ไปเพาะเลี้ยงในหลอดแก้ว เมื่อไม่มีการอุ้มท้องที่นานถึงเก้าเดือน มนุษย์จึงสามารถมีลูกได้ตลอดเวลา ฉันอายุ 17 ปี ทำงานที่ศูนย์ค้นหา ที่นี่ค้นหาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบใดหรืออะไรก็ตามที่เป็นสิ่งมีชีวิต

    "นี่แสงที่เราเจออาทิตย์ก่อนที่อีกฝากฝั่ง ได้เรื่องถึงไหนแล้วอลิช"

    รุ่นพี่ที่ทำงานเดินผ่านประตูอัตโนมัติเข้ามาขณะที่ฉันนั่งเหม่อ ก่อนหันไปตอบคำถามอย่างรวดเร็ว

    "ฉันลองตรวจสอบดูแล้ว แต่มองไม่เห็นอะไรเลยค่ะ มันมืดมาก"

    "งั้นเหรอ...เธอก็เตรียมตัวไว้น่ะ"

    "เตรียมตัว...?"

    "ใช่ เราจะไปสู่อีกฝากฝั่งกัน ทางเบื้องบนอนุมัติมาแล้ว"

    "หา.....?"

    "ทำไมพวกเราต้องไปด้วยค่ะ ให้แค่ทหารไปก็ได้นิ"

    "เราต้องไป เพราะเขาต้องการให้เราติดเครื่อง อินฟราเรดเพื่อสแกนรอบที่นั้นในระยะสิบกิโลเมตร"

    ในขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากพูด

    "ไม่ต้องถามเธอคือคนเดียวที่เก่งที่สุดที่เรามีในตอนนี้"

    เธอพูดเสร็จก่อนออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ใช่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เราใช้ดาวเทียวที่โคจรรอบโลกตรวจสอบอีกฝากฝั่ง อีกฝากฝั่งคือดินแดนแห่งความมืดที่ไม่เคยมีแสงตะวันนานถึง11ปี พวกเราที่นี่เคยลงความเห็นกันว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่อาศัยอยู่ได้โดยปราศจากแสงและที่สำคัญดินแดนนั้นอาจจะเต็มไปด้วยรังสี ภาพที่ชั้นค้นพบ เป็นแสงจุดเล็กๆที่ส่องสว่าง ฉันตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นของจริงไม่ผิดพลาด เบื้องบนบอกให้ปิดข่าวเรื่องนี้ไว้มีเพียงแค่คนที่ศูนย์ค้นหาเท่านั้นที่รู้ และเรื่องทั้งหมดนี้เองที่ทำให้ฉันมาอยู่ที่นี่ อีกฝากฝั่งของดินแดน

    "ประตูเครื่องจะเปิดแล้ว ทุกคนเตรียมพร้อม"

    เสียงของหัวหน้าทหารตะโกนบอกทุกคนในยาน ยานของเรานั้นได้นำเทคโนโลยีขั้นสูง 'ความเร็วแสง' มาใช้ในการเคลื่อนที่พวกเราจึงสามารถไปได้ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะในโลกหรืออวกาศ แต่จำนวนของมนุษย์ที่อยู่ในโลกเหลือไม่มากพอที่จะเสี่ยงให้มนุษย์ขึ้นไปในอวกาศได้ พวกเรามนุษย์กลุ่มสุดท้ายจึงต้องจำใจสำรวจเพียงแค่ในโลก  ในที่สุดประตูยานก็เปิดออก ไม่มีแสง ไม่มีลม พวกเราที่อยู่ในชุดกันรังสีค่อยๆเดินออกมาจากยาน

    "อลิช ตรวจสอบปริมาณความเข้มของรังสี"

    เสียงจากรุ่นพี่ที่ได้ยินจากหูฟังที่ติดอยู่ในชุดกันรังสี ฉันรีบทำการตรวจสอบรังสีด้วยเครื่องตรวจสอบอย่างเร่งรีบ

    "ปริมาณรังสีเกินกว่าที่จะมีมนุษย์อาศัยได้ค่ะ"

    ฉันตอบอย่างสุภาพ ในใจชั้นคิดเพียงว่า 'แค่อายุมากกว่าสามปีทำมาเป็นสั่งนู้นนี่ ทำเองบ้างซิ' ฉันมองดูสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเอง ทุกอย่างมืดสนิท ไร้ต้นหญ้า มีเพียงแค่เศษซากไม้ที่ยืนต้นตาย ไร้วีแววซึ่งมีชีวิต

    "ทุกคนไปทำหน้าที่ของตัวเองซะ ไป!"

    เสียงหัวหน้าตะโกนบอกทุกคนอีกครั้งก่อนที่แต่ล่ะทีมจะแยกกันไป จากนั้นก็มีทหารมายืนรอบตัวฉัน

    "เราจะคุ้มกันคุณ ไปกันได้แล้ว"

    ก่อนที่หัวหน้าทีมจะสั่ง 'ทุกคนไป เรามีเวลาไม่มากเราไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้างเปิดโหมดอินฟราเรดเดี๋ยวนี้ ทุกคนเลย!' ฉันทำตามอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เข้าจะพูดด้วยเสียงเยือกเย็นและเบาเหมือนจะพยายามกระซิบบอกทุกคนในกลุ่ม 'ถ้าเห็นอะไรเคลื่อนไหวยิงได้เลย' ทีมเราแบ่งออกเป็น 5 ทีม เราจะทำการติดตั้งเครื่องอินฟราเรด เป็นเครื่องแบบสแกนรอบทิศทาง ข้อมูลที่ออกจากเครื่องอินฟราเรดนั้นจะเป็นข้อมูลแบบภาพโฮโลแกรม ทำให้เราสามารถเลื่อนดูพื้นที่บริเวณที่เราสแกนได้ ไม่ว่าจะเป็น พื้นผิว อากาศ รังสี แม้แต้สิ่งมีชีวิตที่เป็นจุลินทรีย์

    ฉันอยู่ทีมที่ 5 เข้าไปด้านลึกที่สุดในดินแดนแห่งความมืดมิดนี้ แต่ยังดีที่มีกล้องอินฟราเรดที่ติดมากับชุดจึงสามารถมองเห็นได้แบบเลือนราง ระยะของการมองที่ฉันสามารถมองเห็นได้แค่ประมาณสิบเมตรนอกนั้นมีเพียงความมืด ฉันทำการติดตั้งเครื่องภายได้บรรยากาศที่เงียบเชียบ ไร้เสียงคุยสื่อสารของเหล่าทหารที่คอยคุ้มกันฉัน

    "เสร็จแล้วล่ะ"

    "รับทราบ หน่วยที่ห้าเรียบร้อยครับ"

    เขาทำการแจ้งไปยังหน่วยอื่นๆด้วยวิทยุสื่อสารความถี่สูง พวกเราตกลงกันว่า 'ทีมไหนที่เสร็จเป็นทีมแรกเราจะไปเจอกันที่ตำแหน่งทีทีมนั้นอยู่ อย่างงงล่ะ หรือก็คือทีมที่เสร็จทีหลังจะไปรวมตัวที่ตำแหน่งที่ทีมแรกเสร็จ' ฉันเดาว่าพวกเขากำลังมารวมกันที่ตำแหน่งฉันอยู่เพราะฉันทำการติดตั้งเสร็จเป็นคนแรก ฉันทำการเปิดเครื่องและทำการสแกนพื้นที่โดยรอบ ในระยะสิบกิโลเมตร 'พื้นที่แถบนี้ เป็นพื้นที่ราบ มีต้นไม้ที่ตายแล้วยืนต้นเต็มไปหมด มีหลุมซึ่งคาดว่าหน้าจะเป็นถ้ำอยู่ในระยะหนึ่งกิโลเมตร บริมาณรังสีในแถบนี้สูงมากเกินกว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ แต่บริเวณหลุมนั้นกลับไม่มีปริมาณรังสีอยู่ หรืออาจะสแกนได้ไม่ทั่วถึง' จากนั้นฉันทำการบันทึกข้อมูลลงในแท็ปบุ๊คส่วนตัว แท็ปบุ๊คคือแผ่นจอแอลอีดี ขนาดหน้าจอนั้นแล้วแต่จะสั่งทำ คุณสมบัติของแท็ปบุ๊คมีค่าเท่ากับคอมพิวเตอร์ที่แรงๆสองเครื่องรวมกัน

    "ทุกคนมากันแล้ว"

    ทหารคนหนึ่งมาสะกิดบอกฉัน ฉันหันหลังกลับไป พบว่ามีมากันแค่ 3 ทีม

    "อีกทีมไปไหนล่ะ?"

    ฉันถาม พลางมองหน้าทุกคน

    "ติดต่อไม่ได้เลยครับ"

    ทหารนายหนึ่งบอกกับหัวหน้าทหารที่ยืนอยู่กลางวงล้อมของพวกเรา

    "เอาแล้วไง........เอาล่ะ ทุกคนไปรอที่ยาน หัวหน้าทีมพาลูกทีมของคุณมา เหลือไว้ที่นี่แค่หนึ่งทีม เราจะไปค้นหาอีกทีมกัน"

    "รับทราบ"

    สิ้นเสียง ฉันและคนอื่นๆที่ทำงานคล้ายๆกัน กำลังถูกพาไปขึ้นยาน แต่แล้วสายตาฉันเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้า ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงต้นไม้ 'มันขยับ' ฉันพึมพำ ก่อนที่จะมีทหารนายหนึ่งลั่นไกปืนไปที่สิ่งนั้น จากนั้นก็มีทหารอีกหลายนายลั่นไกปืนตาม เสียงปืนนั้นดังสนั่น

    "ทุกคนหยุดยิง! ไปตรวจสอบซะ!"

    หัวหน้าทหารสั่งอีกครั้ง ก่อนที่จะมีทหารนายหนึ่งเดินไปตรวจสอบจุดที่พากันกระหน่ำยิงเมื่อสักครู่ เขาสังเกตุดูก่อนที่จะส่งเสียงกลับมาผ่านไมค์โครโฟน

    "พบแล้วครับ รูปร่างคล้ายมนุษย์ ตามลำตัวมีเกล็ด ผิวขาวซีด เล็บมือยาว ไร้ดวงตาครับ"

    เสียงขาดหายไปช่วงสุดท้าย จากนั้นมีเสียงตามมา 'ซีด.......!' เสียงเหมือนมีของเหลวพุ่งออกจากท่อขนาดเล็กที่หัก ฉันยืนตะลึง ขณะที่หัวของทหารคนนั้นถูกถืออยู่ด้วยมือของเจ้าตัวนั้น ส่วนตัวของทหารคนนั้นนอนอยู่ที่พื้น ฉันยืนนิ่งสติแตก เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน หัวที่ไร้ลำตัว เลือดที่สาดกระจาย

    "จู่โจม!"

    หัวหน้าทหารตะโกน สติฉันกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงยินปืนของเหล่าทหารที่ดังขึ้น ฉันมองดูเจ้าตัวนั้นถูกยิงกระสุนที่ยิงใส่ตัวมันกระสุนฝังลงในเนื้อแต่มันกลับยืนเฉย บาดแผลที่ไร้เลือด 'แผลสมานตัวเอง' ใช่แผลพวกมันสมานตัวเอง ได้เร็วพอๆกับที่กระสุนฟังลงในเนื้อของมัน

    "หยุดยิง!"

    สิ้นเสียงคำสั่ง เสียบปืนก็ดับลง มันยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ก่อนจะอ้าปากเหมือนว่าจะตะโกนกรีดร้องเรียกอะไรซักอย่าง แต่กลับไม่มีเสียงอะไรที่ออกมาจากมันเลย 'เสียงฝีเท้าเหมือนเวลาเสือล่าเหยื่อแล้ววิ่งเข้าจู่โจม' มันค่อยๆเข้ามาฉันรู้สึกได้ ฉันว่าตอนนี้มันไม่ค่อยเข้ามาแล้วล่ะแล้วล่ะ

    "วิ่งไปที่ยานเดี๋ยวนี้! ทุกคนเลยเร็วเข้า! เราต้องหนีเดี๋ยวนี้!"

    สัญชาตญาณของฉันสั่งฉันให้ตะโกนออกไป พร้อมกับขาที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว 'ทุกคนพากันแตกตื่นและพยายามจะวิ่งไปขึ้นยาน 'พวกมันเข้าโจมตีพวกเรา' หลายสิบตัว ไม่สิ หลายร้อยตัวพากัน เข้ากระโดดขย้ำ ฉีกร่างกายของเหล่าผู้โชคร้ายทั้งเป็น เลือดสาดกระจาย ถึงฉันจะมองเห็นผ่านระบบอินฟราเรดแต่สมองของฉันกลับจินตนาการเป็นสีเลือดที่แดงฉาน การเคลื่อนไหวของพวกมันคล้ายลิง กระโดดไปมาอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน แม้เหล่าทหารจะพยายามยิงแต่กระสุนไม่สามารถหยุดมันได้แม้แต่น้อย และดูเหมือนว่ายิ่งยิงเข้าใส่พวกมันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเร็วมากขึ้นเท่านั้น ฉันพยายามวิ่งไปที่ยาน ทุกคนวิ่งแบบไม่คิดชีวิต

    "โอ้ย!"

    มีคนวิ่งชนฉันล้ม ตัวฉันที่ล้มลง ลำตัวด้านหน้าลื่นไถลไปบนพื้นผิวที่มีแต่เศษผงดิน ไร้หินหรือของแข็งบนที่จะทำให้บาดได้ 'ตุ้บ!' มีคนเหยียบแขนฉัน

    "โอ้ย....! ไอ้บ้าเอ้ยช่วยฉันที่ซิ!"

    ฉันตะโกนผ่านไมค์ออกไปแต่กลับไร้คนหันมาหรือหยุดที่จะช่วยพยุงฉันขึ้น 'มนุษย์จะทอดทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองและคนที่สำคัญรอด' ฉันคิดถึงคำพูดคนคนหนึ่งที่เคยกับฉันเมื่อนานมาแล้วแต่กลับจำไม่ได้ว่าเป็นใคร จากนั้นฉันลุกขึ้นอย่างทุกลักทุกเล  และพยายามวิ่งไปที่ยานตามหลังคนอื่นแต่กลับพบว่าคนอื่นยื่นนิ่งทั้งๆที่ยานอยู่ห่างจากพวกเขาไปอีกแค่ไม่กี่สิบเมตร 'พวกมันดักรอเรา พวกมันฉลาดและมีความคิดเหมือนมนุษย์' ฉันต้องหนีแล้วๆ ฉันคิดเพียงแค่นั้น 'ถ้ำ' วิ่งไปที่ถ้ำ สมองฉันสั่งการร่างกายเริ่มขยับ และวิ่งออกไปในที่สุด 'เธอจะทิ้งคนอื่นให้เป็นตัวล่อแล้วเธอหนีไปคนเดียวอย่างงั้นเหรอ?'

    "ไม่ใช่น่ะ!"

    'เธอมันก็เห็นแก่ตัวเองเหมือนคนพวกนั้นและ'

    "เปล่าฉันน่ะ ฉันเปล่า!"

    ความคิดฉันเริ่มสับสน ความคิดที่คิดว่าตัวเองทอดทิ้งคนอื่นเริ่มเข้าครอบงำ 'ฉันต้องช่วยงั้นเหรอ?'  ฉันถามตัวเองขณะที่ตัวเองกำลังวิ่งต่อไป 'ฉันต้องไปบอกกับพวกเขาว่ามีถ้ำอยู่ ถึงแม้จะไม่แน่นอนแต่อาจจะรอดได้ฉันที่คิดได้ว่าจะต้องไปช่วยพวกเขาจึงกำลังจะหันหลังกลับไป แต่ขณะที่ฉันกำลังหันหลังกลับ หน้าฉันก็กระแทกลงกลับพื้นดิน ตัวฉันกลิ้งลงเนินที่ลาดเอียง ชุดเริ่มขาดเริ่มขาดที่แขนและขา เสียงร่างของฉันกระแทกเข้ากับต้นไม้ ต้นไม้ที่ไม่มีใบเหมือนพวกต้นไม้ที่ตายแล้วแต่กลับ 'ทำไมมันแข็งเหมือนหินเลยล่ะ' ตัวของฉันที่กระแทกเข้ากับต้นไม้ท้องของฉันที่กระแทกเข้าที่ลำต้นส่วนโคนของต้นไม้ต้นนั้นแล้วตัวของฉันก็พาดอยู่แบบนั้น ฉันมองขึ้นไปข้างบนพบว่าที่นี่เป็นหลุมกว้าง ถึงแม้ตาของฉันจะพร่ามัวเลือนรางเพราะแรงอัดที่เกิดจากการกระแทก ความจุกที่แน่นที่หน้าอกทำให้ฉันหายใจติดขัด ฉันก็มองเห็นพวกมันสองตัวอยู่ที่ปากหลุม พวกมันกำลังกระโดดลงมา พุ่งตรงมาหาฉัน 'ฉันคงไม่รอดแล้ว ตายก่อนแต่งงานเนี่ย หน้าเสียดายจริงๆ' จากนั้นมีบางอย่างมาจับที่ไหล่ของฉัน ฉันรู้สึกได้ว่าเป็นมือของมนุษย์เป็นมือของมนุษย์แน่ๆ จากนั้นฉันพยายามหันไปมอง แต่ตาของฉันก็ปิดลงและฉันหมดสติไป 

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×