คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลางสังหรณ์
หากจะถามประชากรของโลกเวิร์ลดินอล ถึงหมู่บ้านไตรวิถี หรือที่เรียกกันว่าทรีคอสแล้ว คงได้คำตอบกลับมาคล้ายๆกันว่า เป็นหมู่บ้านลึกลับที่สรรสร้างเหล่า ผู้พยากรณ์ ผู้สยบมังกร และ นักชก ออกมารับใช้เหล่ากษัตริย์แห่งอาณาจักรต่างๆทั่วทั้งเวิร์ลดินอล แต่เมื่อถามต่อไปถึงวิธีเข้าไปที่ทรีคอสกลับไม่มีใครตอบได้เลยซักคน แม้กระทั่งพวกที่ออกจากหมู่บ้านไปก็ไม่มีใครเปิดปากบอก เนื่องจากหนทางนั้นซับซ้อน ทั้งยังเต็มไปด้วยค่ายกลที่เกิดขึ้นจากปราการธรรมชาติ มีผู้คนมากมายพยายามที่จะฝ่าค่ายกลเข้าไป ทั้งที่มีจุดประสงค์ที่ดีและไม่ดี แต่สุดท้ายแล้วพวกเขากลับต้องพ่ายแพ้แก่ปราการแห่งธรรมชาติ บ้างก็หันหลังเดินออกไป บ้างก็ทิ้งร่างกายที่เหนื่อยล้าและหิวโหยลงให้กลายเป็นอาหารของสัตว์ป่า ทรีคอสจึงยังคงความสุขสงบและความลึกลับไว้เสมอ
ในยามดึกสงัดของหมู่บ้านทรีคอส แน่นอนว่าทุกหลังคาเรือนต่างหลับไหลและอยู่ในภวังค์แห่งความเอมอิ่ม พวกเขาหลับเป็นสุขสบายผิดกับชายหนุ่มในบ้านหลังหนึ่ง หน้าประตูบ้านของเขามีแผ่นไม้สลักแขวนไว้ “วอลเลีย” คืออักษรสลักที่สวยงามที่ปรากฏบนแผ่นไม้นั่น ชายหนุ่มนอนหงายอยู่บนเตียงไม้ที่ปูด้วยที่นอนฟูก ที่อกมีหนังสือเล่มหนึ่งวางคว่ำไว้ ใบหน้าของเขาพลิกไปมาเหมือนคนกระสับกระส่ายจนทำให้ผมสั้นสีน้ำตาลเข้มยุ่งไปหมด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าจนดูเหมือนกับก้อนน้ำแข็งที่กำลังละลาย
ในฝันชายหนุ่มกำลังยืนอยู่ริมหน้าผา มองดูดวงดาวอย่างตั้งอกตั้งใจ ราวกับรอ ปรากฏการณ์บางอย่างที่มันสำคัญจนควรค่าแก่การจดจำ จนกระทั่งกลุ่มดาวที่ส่องแสงสว่างอยู่ทางน่านฟ้าทิศเหนือ กลุ่มดาวเซเวนไชน์ตกลงมาจากฟากฟ้ากระจายออกไปคนละทิศทาง มีดาวดวงหนึ่งพุ่งมาทางเขาพร้อมแสงสีเงิน อีกสองดวงส่องแสงสีชมพู และ สีเหลือง ก็ลอยมาขนาบข้างเขา ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจแต่ก็อบอุ่นที่ได้อยู่ใกล้พวกมัน ความคิดของเขาต้องหยุดลงฉับพลันเมื่อเกิดเสียงดังกึกก้องจนเขาต้องหันกลับไปมองบนท้องฟ้าอีกครั้ง
“ โอ..ไม่นะ ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วเบา ยืนตัวแข็งทื่อตาค้างกับสิ่งที่ได้เห็น
บนฟากฟ้าขณะนี้เกิดแสงสีแดงสว่างจ้าไปทั่ว หมู่เมฆแยกออกจากกันเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กำบัง มันเป็นอุกกาบาตสีดำทะมึนขนาดมหึมามิอาจรู้ได้ว่ามันมาจากที่ใด แต่ก้อนอุกกาบาตยักษ์นั่นกำลังดิ่งลงสู่เวิร์ลดินอลด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่มันมี
“ ซิโอนัสทรงโปรด ให้ตายสิ บ้าฉิบ ! ” เขาสบถทั้งกังวลใจ พลางภาวนาให้เหตุการณ์ทั้งหมดหยุดลง แต่มันก็ดูไม่เห็นทางที่จะเป็นไปได้เลย ชายหนุ่มเฝ้าดูจนกระทั่งอุกกาบาตทะลุบรรยากาศเข้ามาและชนโลกอย่างจัง เวิร์ลดินอลระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ จนไม่เหลือชิ้นดี
“ อ๊าก
กรี๊ด
” เสียงผู้คนกรีดร้องดังก้องมาจากทุกแห่งหน เสียงแห่งความเจ็บปวดหวาดกลัวและสิ้นหวังดังระงมไปทั่ว ชายหนุ่มได้ยินเสียงเหล่านั้นไม่นานมันก็อันตรธานหายไป มีเพียงแสงสว่างสีขาวเท่านั่นที่เขาเห็นในตอนนี้ และเมื่อชายหนุ่มขยับตัวเดินอีกครั้งเขาก็สะดุดขาตัวเองล้มลง
“ อูย.. ” เขาร้องคราง
“ กลับมาสิ
” เสียงกลุ่มคนพูดขึ้น เสียงนั้นหนักแน่นแต่แฝงไว้ซึ่งความนุ่มนวลและจริงใจ “ มาหาพวกเรา
” เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง
“ ใคร!? นั่นใครน่ะ!? ” ถึงแม้เสียงเรียกนั้นจะอ่อนโยนเพียงใดก็ไม่อาจทำให้เจ้าของชื่อนั้นไว้ใจได้อยู่ดี
“ ไคน์ ” กลุ่มคนนั้นเรียกชื่อเขา “ มาหาเรา มาช่วยเราไคน์ ” เจ้าของชื่อถึงกับงงพวกนั้นกับเขาไม่รู้จักกันทำไมถึงเรียกชื่อเขาถูก
“ ผมจะไว้ใจพวกคุณได้ไงหากพวกคุณยังไม่ไว้ใจผม ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ออกมาสิ ” ไคน์กระชากเสียงแข็งท้าทาย
เงากลุ่มคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อเงานั้นขยับ ไคน์ถึงได้ยินคำพูดอีกครั้ง มีเงาของหนึ่งคนจากกลุ่มนั้นเดินตรงมา กลุ่มคนที่เหลือต่างไม่พอใจเล็กๆ เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงบ่นตลอดระยะทางที่เงานั้นเดินมา
“ ดูให้ดี ดูให้เต็มตานะไคน์ ”
หลังจากสิ้นเสียงพูด เงานั้นก็หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าของไคน์ ชายเจ้าของเสียงนั้นสูงสง่าเส้นผมดำขลับ ดวงตาสีน้ำตาลเกือบดำฉายพลังแห่งความกล้าอย่าเต็มเปี่ยม ใบหน้าดูเคร่งขรึม และสวมใส่ชุดเครื่องราชนิกุลเพิ่มความน่าเกรงขามยิ่งขึ้น
“ ว่ายังไงล่ะไคน์ ห้ามผิดสัญญานะ ” ชายผู้นั้นกล่าวทวงทันที ไคน์มองเจ้าของร่างนั้นอย่างประหลาดใจ ชายที่ยืนต่อหน้าเขามีรูปร่างหน้าตาเหมือนเพื่อนเก่าของเขามาก เรียกได้ว่าถ้าชายผู้นี้บอกว่าคือเพื่อนเก่าของเขา ไคน์ต้องเชื่อแน่นอน เขารีบลุกขึ้นยืนและเอ่ยขึ้น
“ แจ๊ค นี่นาย
” ไคน์พยายามจะถาม แต่ยังไม่ทันจบ ชายคนนั้นก็เดินหันกลับเข้ากลุ่มไป “ เฮ้ย ! เดี๋ยวดิ นายจะไปไหนน่ะ แล้วจะให้ฉันช่วยอะไร ” เด็กหนุ่มไล่ตามไป แต่กลุ่มนั้นเร็วซะเหลือเกินถึงจะแค่เดินก็เถอะ เงากลุ่มดังกล่าวค่อยเดินห่างไปทุกที
“ เดี๋ยวสิ เฮ้! เดี๋ยว! ”
“ อ๊ะ! ตื่นแล้วเหรอ ฝันดีรึไงจ๊ะ ” เด็กสาวทักเสียงใสทันทีที่เห็นว่าไคน์ตื่น
ไคน์ตระหนักได้ฉับพลันว่ามีคนเข้ามาในบ้าน เด็กหนุ่มเบิกตากว้างทันที สิ่งที่เขาเห็นก็คือใบหน้าของเด็กสาวที่ก้มลงมาใกล้ ใกล้มากคะเนได้ว่าคงห่างจากหน้าเขาเพียงคืบเดียว ทำให้เขาร้องดังลั่นบ้าน
“ เฮ่ย! เหวอ
!
! ”
เด็กสาวตกใจเช่นกัน เธอผงะและมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทำหน้าโกรธเล็กๆ และขมวดคิ้ว เธอยืนตัวสั่นได้ครู่หนึ่งก่อนจะแหว๋ใส่ไคน์
“ จะบ้ารึไงไคน์ ฉันไม่ใช่ปีศาจนะยะ ” เธอพูดพลางกอดอกและสบัดหน้าใส่
“ โทษทีน่าเลด ก็ฉันตกใจอ่ะ ” เสียงแว้ดๆ ของเด็กสาวทำให้ไคน์รู้ว่าผู้มาหาเป็นใคร “ แล้วที่มายืนจ้องหน้าเนี่ย เข้ามาได้ไง ” เขาถามต่อหลังจากขอโทษเสร็จ
“ ก็
ประตู
” เลเดียลากเสียงยาว “ ไม่ได้ล็อคกลอนนี่ ”
“ ห๊า! จริงอ่ะ ” เด็กหนุ่มรีบหันไปมองที่ประตู น้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยเชื่อนัก เขาไม่ใส่ใจแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ เอ่อ
เลด ”
“ อะไรยะ!? ” เด็กสาวรับคำห้วนๆ เธอหันหน้ามา ยังคงกอดอกอยู่เช่นเดิม
“ เมื่อกี้ ถามอะไรฉันนะ ” ไคน์ถามจนจบ
เลเดียจ้องหน้าของไคน์ พลางส่ายหน้าเบาๆ ท่างทางเธอทำให้ดูคล้ายกับแม่ที่กำลังหนักใจกับลูกน้อยเจ้าปัญหาที่พร้อมนำความหนักใจมาให้ เธอลดใบหน้าลงถอนหายใจยาว
“ ฉันถามว่า ฝัน- ดี - รึ -ไง- ยะ ” เธอถามเน้นคำ นั่นทำให้ไคน์นิ่งไปได้ครู่หนึ่ง
(ฝัน! งั้นเหรอ? นั่นสินะ) เขาครุ่นคิดทบทวนสิ่งที่พึ่งเห็นในฝันมา
“ เป็นอะไรรึเปล่าน่ะไคน์ ” เลเดียถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปนาน “ วันนี้เธอดูแปลกๆนะ ”
“ อ๋อ! อืม..ก็นิดหน่อยน่ะ ” ไคน์เลี่ยงไม่ตอบและตัดบทเอาดื้อๆ “ แล้ววันนี้เธอ ไม่มีเรียนเหรอเลด ”
“ ให้ตายสิ เกือบลืมไปเลย ” เด็กสาวสบถ “ วันนี้ฉันเริ่มเรียนมนต์มังกรล่ะ ” เธอพูดโอ้อวดกับไคน์ตามวิศัยปกติ พลางกระโดดโลดเต้นจะเกินงาม
“ เอาล่ะ ฉันต้องไปเรียนแล้วนะ ”
“ เดี๋ยว! เลด ฉัน.. ” ไคน์พยายามพูดบางอย่าง
“ ขอบใจนะไคน์ ที่ช่วยเตือน ” เด็กสาวไม่สนใจฟัง แถมยังเข้าใจผิดว่าเขาต้องการคำขอบคุณอีกต่างหาก
“ ไม่ใช่ เดี๋ยว ” ไคน์พยายามจะอธิบาย
“ บ๊าย บาย เจอกันตอนบ่ายนะ ” เลเดียไม่ฟังเสียง เธอกล่าวลาเสร็จก็วิ่งจากไป
ความคิดเห็น