ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สงครามแห่งปาฎิหาริย์ (Miracle War)

    ลำดับตอนที่ #2 : ลางสังหรณ์

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 49


     


              หากจะถามประชากรของโลกเวิร์ลดินอล ถึงหมู่บ้านไตรวิถี   หรือที่เรียกกันว่าทรีคอสแล้ว  คงได้คำตอบกลับมาคล้ายๆกันว่า  เป็นหมู่บ้านลึกลับที่สรรสร้างเหล่า ผู้พยากรณ์ ผู้สยบมังกร และ นักชก ออกมารับใช้เหล่ากษัตริย์แห่งอาณาจักรต่างๆทั่วทั้งเวิร์ลดินอล  แต่เมื่อถามต่อไปถึงวิธีเข้าไปที่ทรีคอสกลับไม่มีใครตอบได้เลยซักคน    แม้กระทั่งพวกที่ออกจากหมู่บ้านไปก็ไม่มีใครเปิดปากบอก     เนื่องจากหนทางนั้นซับซ้อน ทั้งยังเต็มไปด้วยค่ายกลที่เกิดขึ้นจากปราการธรรมชาติ  มีผู้คนมากมายพยายามที่จะฝ่าค่ายกลเข้าไป ทั้งที่มีจุดประสงค์ที่ดีและไม่ดี แต่สุดท้ายแล้วพวกเขากลับต้องพ่ายแพ้แก่ปราการแห่งธรรมชาติ  บ้างก็หันหลังเดินออกไป บ้างก็ทิ้งร่างกายที่เหนื่อยล้าและหิวโหยลงให้กลายเป็นอาหารของสัตว์ป่า  ทรีคอสจึงยังคงความสุขสงบและความลึกลับไว้เสมอ



                  ในยามดึกสงัดของหมู่บ้านทรีคอส   แน่นอนว่าทุกหลังคาเรือนต่างหลับไหลและอยู่ในภวังค์แห่งความเอมอิ่ม  พวกเขาหลับเป็นสุขสบายผิดกับชายหนุ่มในบ้านหลังหนึ่ง  หน้าประตูบ้านของเขามีแผ่นไม้สลักแขวนไว้  “วอลเลีย”  คืออักษรสลักที่สวยงามที่ปรากฏบนแผ่นไม้นั่น  ชายหนุ่มนอนหงายอยู่บนเตียงไม้ที่ปูด้วยที่นอนฟูก  ที่อกมีหนังสือเล่มหนึ่งวางคว่ำไว้  ใบหน้าของเขาพลิกไปมาเหมือนคนกระสับกระส่ายจนทำให้ผมสั้นสีน้ำตาลเข้มยุ่งไปหมด   เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าจนดูเหมือนกับก้อนน้ำแข็งที่กำลังละลาย    



                      

            ในฝันชายหนุ่มกำลังยืนอยู่ริมหน้าผา มองดูดวงดาวอย่างตั้งอกตั้งใจ  ราวกับรอ ปรากฏการณ์บางอย่างที่มันสำคัญจนควรค่าแก่การจดจำ  จนกระทั่งกลุ่มดาวที่ส่องแสงสว่างอยู่ทางน่านฟ้าทิศเหนือ  กลุ่มดาวเซเวนไชน์ตกลงมาจากฟากฟ้ากระจายออกไปคนละทิศทาง  มีดาวดวงหนึ่งพุ่งมาทางเขาพร้อมแสงสีเงิน  อีกสองดวงส่องแสงสีชมพู และ สีเหลือง ก็ลอยมาขนาบข้างเขา  ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจแต่ก็อบอุ่นที่ได้อยู่ใกล้พวกมัน  ความคิดของเขาต้องหยุดลงฉับพลันเมื่อเกิดเสียงดังกึกก้องจนเขาต้องหันกลับไปมองบนท้องฟ้าอีกครั้ง


    “ โอ..ไม่นะ ”  ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วเบา  ยืนตัวแข็งทื่อตาค้างกับสิ่งที่ได้เห็น



                   บนฟากฟ้าขณะนี้เกิดแสงสีแดงสว่างจ้าไปทั่ว  หมู่เมฆแยกออกจากกันเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กำบัง  มันเป็นอุกกาบาตสีดำทะมึนขนาดมหึมามิอาจรู้ได้ว่ามันมาจากที่ใด แต่ก้อนอุกกาบาตยักษ์นั่นกำลังดิ่งลงสู่เวิร์ลดินอลด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่มันมี


    “ ซิโอนัสทรงโปรด  ให้ตายสิ บ้าฉิบ ! ”   เขาสบถทั้งกังวลใจ  พลางภาวนาให้เหตุการณ์ทั้งหมดหยุดลง  แต่มันก็ดูไม่เห็นทางที่จะเป็นไปได้เลย  ชายหนุ่มเฝ้าดูจนกระทั่งอุกกาบาตทะลุบรรยากาศเข้ามาและชนโลกอย่างจัง  เวิร์ลดินอลระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ จนไม่เหลือชิ้นดี


    “ อ๊าก…กรี๊ด… ”     เสียงผู้คนกรีดร้องดังก้องมาจากทุกแห่งหน    เสียงแห่งความเจ็บปวดหวาดกลัวและสิ้นหวังดังระงมไปทั่ว     ชายหนุ่มได้ยินเสียงเหล่านั้นไม่นานมันก็อันตรธานหายไป  มีเพียงแสงสว่างสีขาวเท่านั่นที่เขาเห็นในตอนนี้ และเมื่อชายหนุ่มขยับตัวเดินอีกครั้งเขาก็สะดุดขาตัวเองล้มลง


    “ อูย.. ”  เขาร้องคราง


    “ กลับมาสิ… ”  เสียงกลุ่มคนพูดขึ้น  เสียงนั้นหนักแน่นแต่แฝงไว้ซึ่งความนุ่มนวลและจริงใจ  “ มาหาพวกเรา… ”  เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง


    “ ใคร!? นั่นใครน่ะ!? ”  ถึงแม้เสียงเรียกนั้นจะอ่อนโยนเพียงใดก็ไม่อาจทำให้เจ้าของชื่อนั้นไว้ใจได้อยู่ดี


    “ ไคน์ ”  กลุ่มคนนั้นเรียกชื่อเขา “ มาหาเรา มาช่วยเราไคน์ ”  เจ้าของชื่อถึงกับงงพวกนั้นกับเขาไม่รู้จักกันทำไมถึงเรียกชื่อเขาถูก


    “ ผมจะไว้ใจพวกคุณได้ไงหากพวกคุณยังไม่ไว้ใจผม  ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ออกมาสิ ”  ไคน์กระชากเสียงแข็งท้าทาย




                  เงากลุ่มคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง  เมื่อเงานั้นขยับ ไคน์ถึงได้ยินคำพูดอีกครั้ง มีเงาของหนึ่งคนจากกลุ่มนั้นเดินตรงมา กลุ่มคนที่เหลือต่างไม่พอใจเล็กๆ  เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงบ่นตลอดระยะทางที่เงานั้นเดินมา


    “ ดูให้ดี ดูให้เต็มตานะไคน์ ”  




            

                  หลังจากสิ้นเสียงพูด  เงานั้นก็หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าของไคน์ ชายเจ้าของเสียงนั้นสูงสง่าเส้นผมดำขลับ ดวงตาสีน้ำตาลเกือบดำฉายพลังแห่งความกล้าอย่าเต็มเปี่ยม ใบหน้าดูเคร่งขรึม  และสวมใส่ชุดเครื่องราชนิกุลเพิ่มความน่าเกรงขามยิ่งขึ้น


    “ ว่ายังไงล่ะไคน์  ห้ามผิดสัญญานะ ”  ชายผู้นั้นกล่าวทวงทันที  ไคน์มองเจ้าของร่างนั้นอย่างประหลาดใจ  ชายที่ยืนต่อหน้าเขามีรูปร่างหน้าตาเหมือนเพื่อนเก่าของเขามาก  เรียกได้ว่าถ้าชายผู้นี้บอกว่าคือเพื่อนเก่าของเขา  ไคน์ต้องเชื่อแน่นอน  เขารีบลุกขึ้นยืนและเอ่ยขึ้น


    “ แจ๊ค  นี่นาย… ”  ไคน์พยายามจะถาม แต่ยังไม่ทันจบ  ชายคนนั้นก็เดินหันกลับเข้ากลุ่มไป  “ เฮ้ย ! เดี๋ยวดิ นายจะไปไหนน่ะ  แล้วจะให้ฉันช่วยอะไร ”  เด็กหนุ่มไล่ตามไป แต่กลุ่มนั้นเร็วซะเหลือเกินถึงจะแค่เดินก็เถอะ  เงากลุ่มดังกล่าวค่อยเดินห่างไปทุกที



    “ เดี๋ยวสิ เฮ้! เดี๋ยว! ”  

    “ อ๊ะ! ตื่นแล้วเหรอ ฝันดีรึไงจ๊ะ ”  เด็กสาวทักเสียงใสทันทีที่เห็นว่าไคน์ตื่น



              ไคน์ตระหนักได้ฉับพลันว่ามีคนเข้ามาในบ้าน  เด็กหนุ่มเบิกตากว้างทันที  สิ่งที่เขาเห็นก็คือใบหน้าของเด็กสาวที่ก้มลงมาใกล้  ใกล้มากคะเนได้ว่าคงห่างจากหน้าเขาเพียงคืบเดียว  ทำให้เขาร้องดังลั่นบ้าน

    “ เฮ่ย! เหวอ…!…! ”

                          เด็กสาวตกใจเช่นกัน เธอผงะและมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทำหน้าโกรธเล็กๆ   และขมวดคิ้ว เธอยืนตัวสั่นได้ครู่หนึ่งก่อนจะแหว๋ใส่ไคน์


    “ จะบ้ารึไงไคน์ ฉันไม่ใช่ปีศาจนะยะ ”  เธอพูดพลางกอดอกและสบัดหน้าใส่


    “ โทษทีน่าเลด ก็ฉันตกใจอ่ะ  ”   เสียงแว้ดๆ  ของเด็กสาวทำให้ไคน์รู้ว่าผู้มาหาเป็นใคร   “  แล้วที่มายืนจ้องหน้าเนี่ย เข้ามาได้ไง ”  เขาถามต่อหลังจากขอโทษเสร็จ


    “ ก็…ประตู… ”  เลเดียลากเสียงยาว “ ไม่ได้ล็อคกลอนนี่ ”


    “ ห๊า! จริงอ่ะ ”  เด็กหนุ่มรีบหันไปมองที่ประตู  น้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยเชื่อนัก  เขาไม่ใส่ใจแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

    “ เอ่อ…เลด ”


    “ อะไรยะ!? ”  เด็กสาวรับคำห้วนๆ เธอหันหน้ามา ยังคงกอดอกอยู่เช่นเดิม

    “ เมื่อกี้  ถามอะไรฉันนะ ”  ไคน์ถามจนจบ




     

             เลเดียจ้องหน้าของไคน์ พลางส่ายหน้าเบาๆ   ท่างทางเธอทำให้ดูคล้ายกับแม่ที่กำลังหนักใจกับลูกน้อยเจ้าปัญหาที่พร้อมนำความหนักใจมาให้  เธอลดใบหน้าลงถอนหายใจยาว


    “ ฉันถามว่า  ฝัน- ดี - รึ -ไง- ยะ  ”  เธอถามเน้นคำ  นั่นทำให้ไคน์นิ่งไปได้ครู่หนึ่ง



    (ฝัน! งั้นเหรอ? นั่นสินะ)  เขาครุ่นคิดทบทวนสิ่งที่พึ่งเห็นในฝันมา


    “ เป็นอะไรรึเปล่าน่ะไคน์ ”  เลเดียถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปนาน  “ วันนี้เธอดูแปลกๆนะ ”


    “ อ๋อ! อืม..ก็นิดหน่อยน่ะ ”  ไคน์เลี่ยงไม่ตอบและตัดบทเอาดื้อๆ  “ แล้ววันนี้เธอ ไม่มีเรียนเหรอเลด ”


    “ ให้ตายสิ  เกือบลืมไปเลย ”  เด็กสาวสบถ  “ วันนี้ฉันเริ่มเรียนมนต์มังกรล่ะ ”  เธอพูดโอ้อวดกับไคน์ตามวิศัยปกติ พลางกระโดดโลดเต้นจะเกินงาม



    “ เอาล่ะ  ฉันต้องไปเรียนแล้วนะ ”


    “ เดี๋ยว! เลด ฉัน.. ”  ไคน์พยายามพูดบางอย่าง


    “ ขอบใจนะไคน์ ที่ช่วยเตือน ”  เด็กสาวไม่สนใจฟัง แถมยังเข้าใจผิดว่าเขาต้องการคำขอบคุณอีกต่างหาก


    “ ไม่ใช่  เดี๋ยว ”  ไคน์พยายามจะอธิบาย

    บ๊าย  บาย  เจอกันตอนบ่ายนะ ”  เลเดียไม่ฟังเสียง เธอกล่าวลาเสร็จก็วิ่งจากไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×