คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หมอกอาจไม่ใช่คนที่สวยสะดุดตา หากแต่พอใกล้ชิดก็สะดุดใจ
กระดาษโน้ตน้อยๆตูแปะไว้ที่ประตูไม้เก่าคร่ำคร่าบ่งบอกถึงอายุการใช้งานก่อนที่ร่างบางจะออกจากห้องอย่างกระฉับกระเฉง ในใจรู้สึกตื่นเต้น
‘พรุ่งนี้แล้วที่จะได้ใส่ชุดนักศึกษาสักที’
อากาศภายนอกปลอดโปร่งท้องฟ้าแจ่มใส เนื่องด้วยเป็นเวลาเช้าจึงค่อนข้างจะเย็นเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำจนเอมมิกาต้องกระชับแขนทั้งสองข้างเข้าหาลำตัวอย่างเคยชิน เส้นทางสู่คณะเป็นที่แรกที่สาวน้อยบ้านไกลคิดจะเดินสำรวจ เป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่ตัวตึกอยู่ห่างจากหอพักไม่ถึงห้าสิบเมตร หญิงสาวยิ้มน้อยกับตัวเองเพราะหากวันไหนตื่นสายอย่างน้อยก็ใช้เวลาเพียงสามนาทีก็มาสามารถมาถึงห้องเรียนได้
ตึกสูงสี่ชันตั้งอยู่ไม่ไกลจากเชิงดอยสุเทพ หากมองจากถนนทางเข้าแล้วจะสามารถมองเห็นน้ำตกสายน้อยๆไหลลงมาตามซอกเขา หมอกจางๆปกคลุมยอดเขาสูงเด่นไว้ได้อย่างกลมกลืนชวนมองขับให้บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก ไม่น่าแปลกใจเลยถ้าจะพบว่ามีหนุ่มสาวหลายคู่เลือกที่จะใช้บรรยากาศยามเช้ามานั่งพลอดรักกัน
ขณะที่สายตากำลังมองภาพตรงหน้าอย่างชื่นชมโดยไม่ทันสังเกตถึงผู้มาใหม่ที่ได้เอื้อมมือมาแตะที่ท่อนแขนสวยเป็นเชิงให้รับรู้
“เอ๊ะ”เสียงหวานอุทานอย่างตกใจ ในใจนึกถึงบทสวดมนต์ที่เคยท่องเสมอในช่วงที่เรียนวิชาพระพุทธศาสนา ด้วยพระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าเท่าไรดีนักความกลัวจึงเริ่มเข้ามาเยือน หากแต่เสียงทุ้มทักทายเจือความดีใจทำให้คนที่กำลังกลัวใจกล้าที่จะหันหลังไปสบตากับอีกฝ่าย
“พี่เองหมอกตกใจหรอ”
“นิดหน่อยค่ะ เห็นยังไม่เช้าดีนึกว่าเจอของดีเข้าเสียแล้ว”
“ดูสิ หน้าซีดหมดแล้ว”ภูเขาทักพลางยกมือขึ้นมาทำเป็นพัดให้
“หมอกไม่นึกว่าเป็นพี่ภูน่ะคะ เห็นเช้าๆแบบนี้คิดว่าผี”
“พี่ขอโทษ ไม่รู้ว่าว่าจะทำให้ตกใจ แต่...ผีที่ไหนจะหล่อได้ขนาดนี้”คนตัวโตยืดอกขึ้นจากเดินก่อนที่จะส่งยิ้มละมุนมาให้
“ตอนแรกพี่เห็นแต่ข้างหลังยังไม่แน่ใจเลยว่าเป็นหมอก มาทำอะไรแต่เช้าเหรอ”
“เดินเล่นค่ะ อยากดูรอบๆมอก่อนไม่อย่างนั้นบางทีพรุ่งนี้อาจจะหลงก็ได้ เขานัดปฐมนิเทศด้วยนี่ค่ะ ขืนมาช้าก็อายเขาตายเลย”เอมมิกาสารภาพก่อนจะถามอีกฝ่ายบ้าง
“พี่ภูล่ะคะ มาทำอะไรที่นี่แต่เช้าเชียว”
“อ๋อ เมื่อวานพี่ลืมของไว้ เลยแวะเข้ามาดูเสียหน่อยเดี๋ยวพี่พาขับรถดูรอบๆไหม ขืนเดินอย่างเดียวหมอกก็หมดแรงพอดี มหา’ลัยเราไม่ใช่เล็กๆนะ เดินไม่ไหวหรอกเชื่อพี่”ชายหนุ่มวางแผนดวงหน้านวลพยักหน้าน้อยเชิงเชิงตกลงก่อนจะตามร่างสูงซึ่งเมื่อพิศให้ดีแล้วคงไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรเป็นแน่
ชายหนุ่มแนะนำสถานที่ต่างๆตั้งแต่ตัวตึกที่ใช้เรียนของแต่ละคณะ อาคารเรียนรวมจนไปถึงหอนาฬิกาที่ขณะนั้นเสียงดังบอกเวลาเกือบแปดนาฬิกาพอดีจึงได้พาหญิงสาวที่กำลังซ้อนรถอยู่ไปที่โรงอาหาร
“หมอกอยากทานอะไร เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
“หมอกจ่ายเองดีกว่าพี่ภู เมื่อวานพวกพี่ก็เลี้ยงกันจนเกือบหมดเนื้อหมดตัวแล้ว”เสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก หมอกทานแค่นี้พี่เลี้ยงไหวอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจเลยไม่อย่างนั้นพี่เสียใจนะ”คนตัวโตทำเสียงขึงจนเอมมิกาต้องยอมรับความปรารถนาดี
“อย่าหาว่าหมอกไม่เตือนนะพี่ภู หมอกทานจุนะ”ว่าแขนมือเรียวก็ถูกจูงไปยังหน้าร้านที่ดีกับข้าวกว่ายี่สิบชนิดตั้งเรียงรายอยู่ใต้ตู้กระจก เจ้าภาพเป็นผู้สั่งก่อนเพื่อให้คนข้างๆเจ้าขืนมือนุ่มๆไม่รู้สึกกระดาก
“เอาแบบเมื่อกี้จานนึงค่ะ”คนตัวเล็กสั่งกับแม่ค้า
“โอ้โห ไม่มีคิดเลยนะเลียนแบบกันนี่นา”
“มันเยอะนี่ หมอกเลือกไม่ถูกหรอก พี่ภูทานอะไรก็เอาแบบนั้นนั่นแหละ อยู่มาก่อนพี่ภูก็รู้ว่าอย่างไหนอร่อย”ริมฝีปากคู่สวยเอ่ยแก้ตัว จากนั้นทั้งคู่ก็ยกจานมานั่งยังโต๊ะอาหารก่อนที่คนตัวโตจะเดินไปซื้อเครื่องดื่มมาให้
“ลองชิมนี่ น้ำส้มอ.ม.ช.อร่อยอย่าบอกใคร”คนเคยอยู่มาก่อนหนึ่งปีอวด
“จริงด้วยแฮะ ชื่นใจเชียว”
“เห็นไหมพี่บอกแล้ว”ว่าแล้วก็ก้มลงจัดการอาหารจานโต อีกฝ่ายก็ไม่แพ้กันไม่นานอาหารสองจานก็ถูกกำจัดไปอย่างง่ายดาย
“เอาอีกจานไหม”
“พอแล้วค่ะ จานขนาดนี้ที่บ้านหมอกได้สองจานเลยรู้ไหม มันเยอะมากจริงๆ”
“แต่พี่ไม่อิ่มแฮะ รอแปบนะเดี๋ยวไปเอามาอีกจานก่อน”พูดจบภูเขาก็ลุกขึ้นตรงไปยังร้านเดิมทั้งให้เอมมิกามองอย่างตะลึง
“ไม่ต้องตกใจหรอก พี่ทานเยอะอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”ชายหนุ่มออกตัวแต่ก็พบสายตาอยากรู้อยากเห็นมองมาอย่างสงสัย
“แล้วทำไมพี่ภูไม่อ้วนล่ะ”
“ก็...ไม่รู้สึก ใช้พลังงานเยอะมั้งตอนเย็นๆพี่ต้องไปเตะบอลกับเพื่อนที่คณะด้วย”
“หมอกนะทานมากหน่อยก็พุงออกแล้ว”
“หมอกทานน้อยนะพี่ว่า แค่นี้ให้เลี้ยงทั้งชีวิตก็ไหว”คำพูดที่เอ่ยออกมาแฝงความหมายเป็นนัย ทำเอาคนฟังถึงกับรู้สึกร้อนๆที่หน้า แต่ก็ไม่พูดอะไร หลังจากที่คนเลี้ยงอิ่มเรียบร้อยแล้วก็ค่อยมาส่งอีกฝ่ายที่หอพักซึ่งอยู่ใกล้ๆ เอมิการีบบอกลาพลางเดินขึ้นหอโดยไม่เหลียวหลังกลับมาภายในใจรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มกับตัวเองขณะมองร่างบางที่ลับสายตาไป
‘หมอกจะคิดว่าเราขี้หลีรึเปล่าเน้อ’คำถามนี้ดังอยู่ในใจหากแต่ตอนนี้ภูเขารู้สึกมีความหวังมากขึ้นเล็กน้อย
วันแรกของการเรียนเอมมิกาและส้มเพื่อนสาวเดินออกจากหอพักเพื่อที่จะไปเรียนวิชาแรก หากแต่เมื่อมาถึงห้องเรียนก็พบว่าดวงตาดำสนิทรับกับคิ้วที่พาดหนา ริมฝีปากแดงอย่างคนสุขภาพดียิ้มกว้าง
“นั่นแน่พี่ภูมาทำอะไรแถวนี้”ส้มเอ่ยแซวก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนข้างๆเป็นเชิงล้อ
“มาบอกน้องๆนั่นแหละ วันนี้เขาจะมีเปิดสายรหัสกันตอนห้าโมงเย็นที่ห้องประชุม อย่าลืมมาให้ทันนะ”เสียงทุ้มกล่าวกับส้มพลางเหลือบสายตามองผู้หญิงอีกคน
น้องส้มเป็นผู้หญิงสาวชาวกรุงเทพที่รูปร่างสูงโปร่งจนเป็นที่น่าอิจฉาของผู้หญิงหลายๆคน ใบหน้ารูปไข่รับกับจมูกโด่งพองาม ริมฝีปากบางมักฉายรอยยิ้มสวย อีกทั้งดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็เข้ากับผมสีดำที่เหยียดตรงได้เป็นอย่างดีจนเพื่อนของเขาหลายคนหมายตาไว้ ขณะที่อีกคนเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบาง ใบหน้าเรียวมนเข้ากับดวงตาดำกลมใสชวนหลงใหลดุจตากวางพาดกันขนตาหนาเป็นแพ คิ้วโก่งได้รูป ริมฝีปากบางหากเมื่อมีรอยยิ้มคราใดโลกก็คงจะสดใสครานั้น
ครั้งแรกที่ภูเขาพบคนตัวเล็กก็บอกกับตัวเองทันที
‘หมอกอาจไม่ใช่คนที่สวยสะดุดตา หากแต่พอใกล้ชิดก็สะดุดใจ’
“ส้มกับหมอกเห็นป้ายข้างล่างตั้งแต่เดินขึ้นมาแล้วค่ะพี่ภู เขาติดไว้ตัวออกจะโต ที่มาบอกเนี้ยมีจุดมุ่งหมายอื่นหรือเปล่า”เมื่อถูกรุ่นน้องมองอย่างรู้ทันคนตัวโตก็เริ่มรู้สึกร้อนที่หน้า
“พี่ภูเรียนอะไรคะ”เสียงหวานเอ่ยถามเป็นการขัดเพื่อนสาวไปในตัว
“นึกว่าจะไม่ได้เอาปากมาเสียแล้ว ให้น้องส้มพูดคนเดียว พี่เรียนชั้นสี่เดี๋ยวจะไปแล้ว แวะมาบอกเฉยๆ”ว่าแล้วร่างสูงก็โบกมือเป็นเชิงลา ส้มหันมามองคนข้างๆด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันว่านะหมอก พี่ภูต้องมาหาใครแถวนี้แน่ๆเลย”
“มาหาส้มมั้ง เห็นพูดแต่กับส้ม”เอมมิกาสวนขึ้นทันควัน
“หาส้มก็ดีสิพี่ภูออกจะหล่อ เป็นลีดคณะด้วยนะ”
“เข้าห้องเรียนเถอะส้ม หมอกสายตาสั้นไม่หลังนั่งแถวหลัง”คนตัวเล็กตัดบทเพราะไม่อยากพาดพิงถึงชายหนุ่มเมื่อครู่ไปมากกว่านี้
เวลาห้าโมงเย็นเหล่านักศึกษาชั้นปีหนึ่งและปีที่สองมารวมตัวกันที่ห้องประชุมใหญ่ นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่ปีสามและปีสี่อีกส่วนหนึ่งมาต้อนรับหวานและเหลนรหัสด้วย เสียงเจี้ยวจ๊าวดังไปทั่วห้องบ่งบอกถึงความตื่นเต้น หนังสือที่ตกทอดกันมาตั้งแต่เก่าก่อนถูกส่งมอบส่งน้องในรหัสถัดไป
ส้มที่เป็นที่หมายปองของรุ่นพี่หลายคนในคณะทำเอาหนุ่มๆถึงกันเซ้งไปตามๆกันเพราะพี่รหัสของส้มดันเป็นพี่ก้อย หญิงห้าวประจำปีสองนั่นเองส่วนหมอกนั้นได้เป็นน้องรหัสพี่ก้องรุ่นพี่หนุ่มหล่อที่เป็นเดือนคณะในปีที่แล้ว
“น้องรหัสฉัน ใครจะจีบต้องผ่านด่านฉันก่อนนะเว้ย”เสียงห้าวหากเจือไปด้วยเสน่ห์ของเดือนปีสองทำเอาน้องรหัสถึงกับอดหัวเราะไม่ได้
“ของฉันก็เหมือนกัน ใครจะจีบน้องส้มคนสวยต้องมีของมาเซ่น”
“แกอยากกินอะไรไอ้ก้อย ว่ามาเลย”เสียงรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเรียกเอาเสียงฮาไปทั่วห้องประชุม ขณะที่ส้มเองก็หัวเราะไปกับพี่ๆ
“แกอยากกินอะไรไอ้ก้อง เดี๋ยวฉันเลี้ยง”ภูเขาแอบกระซิบเพื่อนสนิท
“พูดแล้วอย่าคืนคำนะไอ้ภู”
ค่ำวันนั้นหลังจากการเปิดสายรหัสที่ครื้นเครงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สองหนุ่มจึงพาน้องของตัวเองไปเลี้ยงยังร้านอาหารใกล้ๆพร้อมๆกัน
“โหพี่ภู ไม่ค่อยลำเอียงเลยนะ ผมเป็นน้องรหัสพี่นะทำไมตักให้แต่หมอกล่ะ”เสียงทอมน้องรหัสของภูเขาโวยวาย
“แกเป็นผู้ชาย ฉันตักให้ก็หาว่าชอบไม้ป่าเดียวกันหรอก”
“อย่าออกนอกหน้าไอ้ภู น้องฉันเดี๋ยวฉันบริการเอง”ว่าแล้วก้องภพก็บรรจงตักอาหารตรงหน้าให้หญิงสาวคนเดียวในโต๊ะ ทำเอาเพื่อนสนิทถึงกับมองอย่างอาฆาตแต่ก็กระทำได้แต่เพียงสายตาเท่านั้น
“ไม่เป็นไรคะพี่ๆ ไม่ต้องบริการหมอกก็ได้ รับรองหมอกทานไม่ยั้ง พี่ๆกระเป๋าฉีกแน่”ร่างบางออกตัว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการกับกับข้าวในจานอย่างเอร็ดอร่อย
“กินเยอะๆนะ เดี๋ยวตั้งแต่พรุ่งนี้ก็ต้องกินดึกแล้วล่ะหมอก ห้องเชียร์เปิดกว่าจะได้กินข้าวก็โน่น สามทุ่ม”พี่รหัสหนุ่มอธิบาย
“โห...พี่ก้อง งั้นปีหนึ่งก็ท้องร้องกันแย่สิครับ”
“ไม่ต้องห่วงน่าทอม เขามีข้าวแจกฟรี”ภูเขาหันไปตอบแทนเพื่อน ทำเอาน้องรหัสตาโต
“จริงเหรอพี่ภู พี่ก้อง”
“เออ ผู้หญิงอ่ะกินฟรี แต่พวกแกอ่ะ เก็บตังค์คนล่ะห้าร้อยเลี้ยงสาวๆตลอดห้องเชียร์”
“ไม่ยุติธรรมเลย”ทอมโอดครวญ
“งั้นแกก็ไปเกิดเป็นผู้หญิงไป เพราะพวกผู้ฉิงก็ต้องต้องจ่าย”
“ไม่ล่ะ ผมยอมจ่ายห้าร้อยแล้วมีสาวๆมารุมล้อมดีกว่า”รุ่นน้องหนุ่มอวด ทำเอาชายหนุ่มอีกสองคนทีเหลือรู้สึกหมั่นไส้อดไม่ได้ที่จะเขกหัวคนละที ในโต๊ะอาหารเย็นวันนั้นจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
******เรื่องสั้นคราวนี้กะจะให้จบในหกตอน ม่ะรู้ว่าจะได้หกตอนจิงอ่ะป่าวว น้า กะลังรีไรท์ที่เขียนไว้ไปเรื่อยๆอ่ะ***
ความคิดเห็น